Roman Abramovich – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sun, 03 Mar 2024 05:38:17 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 แฟนบอลเชลซีร้องเพลงชื่อ ‘มูรินโญ-เสี่ยหมี’ ก่อนทีมทำได้เพียงเสมอเบรนท์ฟอร์ด 2-2 https://thestandard.co/mourinho-roman-abramovich-chelsea/ Sun, 03 Mar 2024 05:38:17 +0000 https://thestandard.co/?p=906592 Mourinho Roman Abramovich

เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เริ่มมีการพูดถึงกันขึ้นมา สำหรับค […]

The post แฟนบอลเชลซีร้องเพลงชื่อ ‘มูรินโญ-เสี่ยหมี’ ก่อนทีมทำได้เพียงเสมอเบรนท์ฟอร์ด 2-2 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Mourinho Roman Abramovich

เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เริ่มมีการพูดถึงกันขึ้นมา สำหรับความสัมพันธ์ระหว่าง เมาริซิโอ โปเชตติโน และแฟนบอลเชลซี ที่ล่าสุดแฟนบอลได้ตะโกนขับไล่โปเชตติโนให้ออกจากการเป็นผู้จัดการทีมเชลซี ในขณะที่ทัพสิงห์บลูกำลังตามหลังเบรนท์ฟอร์ด 1-2

 

ขณะเดียวกันแฟนบอลของเชลซียังได้ตะโกนร้องเพลงชื่อ โชเซ มูรินโญ (อดีตผู้จัดการของทีมวัย 61 ปีที่ปัจจุบันอยู่ในภาวะว่างงาน) เพื่อส่งสัญญาณเป็นนัยว่า แฟนบอลต้องการให้มูรินโญกลับมาคุมอีกครั้ง ท่ามกลางผลงานในมือของโปเชตติโนที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ 

 

นอกจากนั้นยังมีช่วงที่แฟนบอลได้เยาะเย้ย ทอดด์ โบห์ลี เจ้าของทีมคนปัจจุบัน ด้วยการตะโกนชื่อยกย่อง โรมัน อับราโมวิช หรือ ‘เสี่ยหมี’ อดีตเจ้าของทีมที่เคยพาทีมประสบความสำเร็จตลอดเวลาร่วม 20 ปีที่ผ่านมา

 

โดยหลังจบเกม เมาริซิโอ โปเชตติโน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสของแฟนบอลที่ตะโกนขับไล่เขาให้ลงจากตำแหน่งว่า “พูดตามตรง เป็นเรื่องปกติที่เรากำลังตามหลังในเกม 1-2 และแฟนบอลก็แสดงความหงุดหงิด แน่นอนว่าผมต้องรับผิดชอบ เพราะผมคือหัวหน้าโค้ช

 

“ผมไม่กังวล (ต่อความสัมพันธ์กับแฟนบอล) เราต้องสร้างความสัมพันธ์ด้วยการชนะเกม แต่ในขณะนี้เราทำผลงานได้ไม่ตรงกับความคาดหวัง

 

“ผมคิดว่าความสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ดี เราต้องเข้าใจว่าแฟนบอลมีอารมณ์ร่วม ผมต่อสู้อย่างสุดความสามารถ เพื่อพยายามจัดหาเครื่องมือให้ทีมในการทำงาน ปรับปรุง ทำประตู และคว้าชัยชนะ วันนี้เป็นวันเกิดที่ผมอายุครบ 52 ปี ผมรู้จักวงการนี้ดี แต่ผมจะไม่มีวันยอมแพ้ ผมพร้อมสู้ต่อไป และเกมหน้าเราจะลุยกันต่อ” โปเชตติโนกล่าว

 

แต่อย่างไรก็ดี ก่อนจบเกมนี้เชลซีมาได้ประตูตีเสมอจากลูกโหม่งของ อักเซล ดิซาซี ทำให้จบเกมด้วยการเสมอกัน 2-2 แบ่งไปทีมละแต้ม โดยเชลซีปัจจุบันพวกเขาจมอยู่อันดับ 11 ของตารางคะแนน หลังผ่านไป 26 นัด เก็บได้ 36 คะแนน ห่างจาก Top 4 ไกลถึง 19 คะแนน

 

The post แฟนบอลเชลซีร้องเพลงชื่อ ‘มูรินโญ-เสี่ยหมี’ ก่อนทีมทำได้เพียงเสมอเบรนท์ฟอร์ด 2-2 appeared first on THE STANDARD.

]]>
4 ผู้จัดการทีม นักเตะ 31 คน ทุ่มเงิน 600 ล้านปอนด์ สรุปแล้วเชลซีพลาดตรงไหน? https://thestandard.co/chelsea-investment-mistake-spot/ Thu, 20 Apr 2023 15:48:29 +0000 https://thestandard.co/?p=779231 เชลซี

โดยปกติแล้ว ติอาโก ซิลวา ปราการหลังอาวุโสของทีมเชลซี ซึ […]

The post 4 ผู้จัดการทีม นักเตะ 31 คน ทุ่มเงิน 600 ล้านปอนด์ สรุปแล้วเชลซีพลาดตรงไหน? appeared first on THE STANDARD.

]]>
เชลซี

โดยปกติแล้ว ติอาโก ซิลวา ปราการหลังอาวุโสของทีมเชลซี ซึ่งเป็นหนึ่งในสุภาพบุรุษลูกหนังที่ไม่ค่อยพูดพาดพิงอะไรถึงใครมากนัก แต่ภายหลังจากที่ทีมตกรอบยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่เป็นความหวังสุดท้ายในฤดูกาลนี้ หลังโดนเรอัล มาดริด บุกมาสอยคาบ้านอีก 2-0 กองหลังชาวบราซิลตัดสินใจออกมาพูดและเป็นการพูดที่น่าสนใจ

 

“ผมคิดว่ามันมีการก้าวผิดพลาดตั้งแต่ก้าวแรกแล้ว” ติอาโกกล่าว “เราไม่สามารถจะโทษผู้จัดการทีมทุกคนได้ ถ้าเราไม่ได้ร่วมกันแสดงความรับผิดชอบ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของสโมสร และมีเรื่องที่ไม่สามารถตัดสินใจได้มากมาย”

 

ติอาโก ซิลวา เล่าต่อถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า มีการเปลี่ยนแปลงมากมายภายในสโมสร มีเจ้าของใหม่ มีนักเตะใหม่เข้ามามากมาย และดูเหมือนจะมากเกินไป

 

“เราต้องขยายขนาดห้องแต่งตัว เพราะมันไม่พอกับจำนวนนักเตะที่เรามี มองในแง่ดี นักเตะเหล่านี้ล้วนเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม แต่ในอีกแง่ หมายถึงการที่จะมีนักเตะบางคนที่ไม่มีความสุขกับสถานการณ์ในเวลานี้ มันจะมีคนที่ผิดหวัง เพราะมีคนอื่นที่ได้ลงสนาม เพราะผู้จัดการทีมสามารถเลือกนักเตะได้แค่ 11 คน จากที่มี 30 กว่าคน”

 

สิ่งที่กองหลังประสบการณ์สูงต้องการจะชี้ให้เห็น ซึ่งก็เป็นสิ่งเดียวกับที่ทั้งวงการเห็นคือ เชลซีจำเป็นต้องหยุดแก้ปัญหาด้วยการสร้างปัญหาใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ได้แล้ว

 

“เราจำเป็นต้องทำงานอย่างมีกลยุทธ์ ไม่เช่นนั้นในฤดูกาลหน้าเราก็อาจก่อความผิดพลาดแบบเดิมได้อีก”

 

เชลซี

 

ในถ้อยคำของ ติอาโก ซิลวา ถึงจะไม่มีการเอ่ยถึงชื่อใครเลย แต่ก็เลี่ยงได้ยากว่าคนที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้เชลซีต้องตกอยู่ในสภาพนี้คือ ท็อดด์ โบห์ลี และ เบห์ดัด เอ็กห์บาลี สองเจ้าของร่วมของทีม

 

ย้อนกลับไปในวันที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของเชลซี เมื่อปีกลาย จากการที่รัฐบาลอังกฤษเข้าแทรกแซงกิจการของสโมสร ด้วยการสั่งให้มีการขายทีมที่เป็นสมบัติของ โรมัน อบราโมวิช ทอดตลาด เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อการทำสงครามรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซีย ได้มีกลุ่มทุนจำนวนมากให้ความสนใจซื้อทีมระดับท็อปของวงการฟุตบอลต่อ

 

ปรากฏว่า เป็นกลุ่มทุนที่นำมาโดยโบห์ลี เจ้าของทีมเบสบอลแอลเอ ดอดเจอร์ส ที่เข้าป้ายคว้าสโมสรดังของลอนดอนมาครอบครองได้สำเร็จ

 

การตัดสินใจแรกที่โบห์ลีทำคือ การ ‘ล้างบาง’ คนสนิทของอบราโมวิชออกจากสโมสรเกือบทั้งหมด รวมถึง บรูซ บัค ประธานสโมสร, มารินา กรานอฟสกายา ผู้อำนวยการสโมสรคนเก่งที่ได้รับการยกย่องจากในวงการว่าเป็นหนึ่งใน Director ที่เก่งที่สุดของวงการฟุตบอลอังกฤษ ไปจนถึง ปีเตอร์ เช็ก อดีตผู้รักษาประตูที่เป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารคนสำคัญที่มีส่วนประสานภายในสโมสร

 

การที่เจ้าของชาวอเมริกันทำแบบนี้ เข้าใจได้ว่าเพื่อต้องการ ‘รีเซ็ต’ สโมสรใหม่ให้เป็นไปในแนวทางของตัวเอง โดยจะส่งคนของตัวเองเข้าไปดูแลทุกจุด

 

ปัญหาคือ การหาผู้อำนวยการสโมสรที่มีความเก่งกาจในวงการฟุตบอลไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น แม้จะมีตัวเลือกดีๆ อย่าง ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ อดีตผู้อำนวยการสโมสรคนดังของลิเวอร์พูลที่เป็นอิสระ แต่การจีบมาร่วมงานนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก 

 

เชลซีจึงกลายเป็นสโมสรที่เหมือนผูกผ้าปิดตาแล้วเดินคลำทางไปในความมืด

 

เชลซี

 

สไตล์การทำงานแบบอเมริกันของโบห์ลียังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วตั้งแต่ยังไม่ครบ 2 เดือนแรกของฤดูกาลใหม่ เมื่อมีคำสั่งฟ้าผ่าปลด โธมัส ทูเคิล ผู้จัดการทีมที่เป็นที่รักของแฟนบอล พ้นจากตำแหน่ง จากผลงานที่ย่ำแย่ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล และมีกระแสข่าวว่า เกิดความขัดแย้งภายในทีม เพราะกุนซือชาวเยอรมันเริ่มมีอาการฟาดงวงฟาดงา

 

ตามรายงานข่าวในช่วงนั้นระบุว่า โบห์ลีไม่ชอบนิสัยแบบนี้ของทูเคิล จึงตัดสินใจปลดจากตำแหน่ง และใช้เวลาไม่นานในการกระชากตัว เกรแฮม พอตเตอร์ ผู้จัดการทีมดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการฟุตบอลอังกฤษ มาจากไบรท์ตัน

 

ในขณะที่ โรมัน อบราโมวิช ให้สัญญากับโค้ชระดับท็อปของวงการอย่างทูเคิลแค่ 18 เดือน แต่โบห์ลีต้องการบอกกับทุกคนว่า เขามี ‘แผนระยะยาว’ กับสโมสร ต้องการจะสร้างทีมให้เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนผ่านการเสนอสัญญาระยะเวลาถึง 5 ปีให้กับพอตเตอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครในวงการเขาทำกัน

 

โบห์ลียังพยายามพิสูจน์ความ ‘ใจป้ำ’ ให้เห็นด้วยว่า ไม่ใช่เจ้าของสโมสรจอมตืด แต่เป็นป๋าจากอเมริกาจอมทุ่ม ที่สนับสนุนงบประมาณในการทำทีมแบบไม่อั้น 

 

นอกจากการเสริมทีมในช่วงฤดูร้อนถึง 13 คน โดยในจำนวนนี้เป็นนักเตะชุดใหญ่ถึง 6 คน ซึ่งรวมถึงนักเตะที่ค่าตัวไม่น้อยอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง (47.5 ล้านปอนด์จากแมนฯ ซิตี้), มาร์ค กูกูเรยา (56 ล้านปอนด์จากไบรท์ตัน) และ เวสลีย์ โฟฟานา (69.5 ล้านปอนด์จากเลสเตอร์) แล้ว

 

ในช่วงตลาดรอบการซื้อ-ขายฤดูหนาวก็ยังมีการเสริมทีมแบบไม่อั้นอีก 10 คน ซึ่งเป็นนักเตะชุดใหญ่ 8 คน ไม่นับตัวที่เซ็นสัญญาซื้อล่วงหน้าอย่าง คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู ที่จะย้ายมาร่วมทีมอย่างเป็นทางการในช่วงปิดฤดูกาลนี้

 

เบ็ดเสร็จมีการประเมินว่า โบห์ลีใช้เงินไปมากกว่า 600 ล้านปอนด์สำหรับการเสริมทัพให้เชลซี ซึ่งในระหว่างนั้นก็อยู่ในสภาวะลุ่มๆ ดอนๆ เพราะพอตเตอร์ไม่สามารถทำทีมได้ดีอย่างที่คาดหวัง และเริ่มมีการต่อต้านจากแฟนบอล 

 

เชลซี

 

นักเตะระดับ A-List อย่าง ชูเอา เฟลิกซ์, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ และ มิไคโล มูดริก สร้างสีสันได้อย่างมาก เช่นเดียวกับ เบอนัวต์ บาเดียชิล กองหลังอนาคตไกล

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาคือ ผู้จัดการทีมชาวอังกฤษต้องพยายาม ‘บาลานซ์’ การใช้งานนักเตะที่โบห์ลีหามาให้ จนกลายเป็นปัญหา เพราะไม่สามารถจัดทีมที่สมดุลได้ และไม่รู้ว่า Best XI ของเชลซีจริงๆ แล้วคือใครกันแน่

 

นั่นนำไปสู่การตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้งของเจ้าของชาวอเมริกันที่ไม่อาจทานกระแสต่อต้านไหว หลังพยายามดื้อแพ่งในการสนับสนุนพอตเตอร์มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง สุดท้ายก็ต้องมีการสั่งปลดจากตำแหน่ง และให้ บรูโน ซัลตอร์ สตาฟฟ์ของทีม คุมทีมเป็นการชั่วคราว เป็นผู้จัดการคนที่ 3 ในฤดูกาลนี้

 

อย่างไรก็ดี การแก้ปัญหาในสเต็ปต่อไปของโบห์ลีก็ดูเหมือนจะกลายเป็นปัญหาอีก เมื่อลังเลที่จะเลือกคนที่จะมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนต่อไป เนื่องจากมีแคนดิเดตที่น่าสนใจทั้ง หลุยส์ เอ็นริเก และ ยูเลียน นาเกิลส์มันน์

 

ในขณะที่พยายามติดต่อเอ็นริเก และอดีตโค้ชทีมชาติสเปนพร้อมจะรับตำแหน่งในทันที โบห์ลีกลับดึงเรื่องไว้ เพื่อหวังจะใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดในการทำตัวเป็น ‘หมวกคัดสรร’ เลือกผู้จัดการทีมคนที่ใช่ที่สุดสำหรับทีม โดยเชื่อว่าเขาต้องการนาเกิลส์มันน์ ที่เพิ่งโดนบาเยิร์นปลดจากตำแหน่งแบบสุดช็อกเหมือนกัน ซึ่งมองแง่หนึ่งเหมือนจะเป็นเรื่องดี 

 

เชลซี

 

แต่การตัดสินใจให้ แฟรงก์ แลมพาร์ด อดีตผู้จัดการทีม เข้ามารับตำแหน่งคุมต่อจนจบฤดูกาล กลายเป็น ‘หายนะ’ เพราะทีมแพ้รวด 4 นัดเข้าไปแล้ว ทีมอยู่อันดับที่ 11 ในพรีเมียร์ลีก ตกรอบทุกรายการ และอาจไม่ได้ไปสโมสรยุโรปในฤดูกาลหน้า (และคนที่เป็นแคนดิเดตอย่างเอ็นริเกก็ดูจะไม่พอใจกับการกระทำของโบห์ลีที่ทำแบบนี้)

 

และตัวเจ้าของสโมสรอย่างโบห์ลีและเอ็กห์บาลีก็ดูจะทำพลาดซ้ำอีกครั้ง เมื่อเข้าไปในห้องแต่งตัวหลังจบเกมที่พ่ายไบรท์ตันเมื่อสุดสัปดาห์ และตำหนินักเตะในทีม ซึ่งเป็นสิ่งที่ ‘เจ้าของสโมสร’ ไม่ควรทำอย่างที่สุด

 

อาร์แซน เวนเกอร์ ตำนานผู้จัดการทีมอาร์เซนอล ถึงกับบอกว่า ห้องแต่งตัวนั้นคือ ‘พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์’ โดยที่หากเป็นเขาจะไม่มีวันให้เจ้าของสโมสรหรือผู้บริหารเข้าไปภายในได้เป็นอันขาด และความจริงก็ถึงขั้นมีการระบุในสัญญาเลยว่า ห้ามไม่ให้เจ้าของสโมสรเข้ามาพูดอะไรในห้องแต่งตัว

 

เพราะนั่นเป็นงานของผู้จัดการทีม คนที่มีสิทธิ์เด็ดขาดในการบริหารควบคุมทีม

 

โดยที่มีการเปิดเผยออกมาอีกว่า ก่อนหน้านี้โบห์ลีก็เคยทำแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในการพามูดริกที่เพิ่งย้ายมาจากชัคตาร์ โดเนตสก์ เข้าไปแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมทีมก่อนลงสนาม ซึ่งสร้างความรู้สึกกระอักกระอ่วนและไม่พอใจในหมู่นักเตะ เพราะช่วงเวลาก่อนลงสนาม ในห้องแต่งตัวของทีมคือช่วงเวลาศักดิ์สิทธิ์ที่สงวนไว้สำหรับคนในทีมเท่านั้น

 

ทั้งหมดคือเรื่องราวยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นของเชลซีในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งอ่านแล้วจะรู้สึกได้ว่าเต็มไปด้วยความผิดพลาด และคนที่มีส่วนต้องรับผิดชอบอย่างยิ่งคือตัวของโบห์ลี ในฐานะผู้นำที่ยังไม่เข้าใจการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลในโลกที่มีขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากอเมริกันเกม

 

แล้วสิ่งที่เขาควรทำต่อจากนี้ เพื่อแก้ไขทุกอย่างให้เชลซีกลับมาเป็นสโมสรที่ดีอีกครั้งให้ได้?

 

เชลซี

 

The Times มีการสรุป To-Do List ของเชลซีเอาไว้ ดังนี้

 

1. เฟ้นหาผู้จัดการทีมคนใหม่ 

เป็นหน้าที่ของ ลอว์เรนซ์ สจวร์ต และ พอล วินสแตนลีย์ ผู้อำนวยการสโมสรร่วม ที่จะคัดเลือกคนที่ใช่ (มากกว่าคนที่ชอบ) โดยตัวเต็งตอนนี้คือนาเกิลส์มันน์

 

2. ลดขนาดทีม 

การออกมาพูดของ ติอาโก ซิลวา คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่า ปัญหาใหญ่ของทีมและผู้จัดการทีมคือ การมีนักเตะในทีมเยอะเกินไป โดยเวลานี้เชลซีมีผู้เล่นชุดใหญ่ในทีมถึง 31 คน นั่นหมายถึงคงจะต้องมีการ ‘โละ’ นักเตะออกจากทีมจำนวนมาก

 

ฮาคิม ซิเยค ซึ่งพลาดการย้ายไปเปแอสเช เพราะ ‘ความขัดข้องทางเทคนิค’ เมื่อเดือนมกราคม จะเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเตะที่ย้ายออกไป ร่วมกับ ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง แต่ยังมีกลุ่มนักเตะที่อนาคตไม่แน่ไม่นอนอีกหลายคน เช่น เอดูอาร์ด เมนดี, เซซาร์ อัซปิลิกวยตา, มาเตโอ โควาซิช, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, คริสเตียน พูลิซิช และคนที่แฟนๆ ไม่อยากให้ไปอย่าง เมสัน เมาท์ ที่ลิเวอร์พูลพยายามตามจีบอยู่

 

3. บริหารการเงิน

การทุ่มเงิน 500 ล้านปอนด์ และค่าเหนื่อยอีกมหาศาล ย่อมมีผลกระทบตามมาในเรื่องของกฎการเงิน Financial Fair Play 

 

ทั้งนี้ แม้เชลซีจะยังไม่อยู่ในสถานะ ‘เสี่ยง’ จะโดนเล่นงาน และต้องให้เครดิตกับการใช้ลูกเล่นทางบัญชี ด้วยการให้สัญญาระยะยาวกับนักฟุตบอล ทำให้ตัวเลขรายจ่ายของสโมสรไม่หนักหนามากไปนัก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยไปแบบนี้

 

เชลซีต้องพยายามบาลานซ์ส่วนนี้ ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือ การขายนักเตะออกไป โดยเฉพาะนักเตะอังกฤษที่อยู่ในข่าย Homegrown (HG) อย่างเมาท์, คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และ เทรโวห์ ชาโลบาห์ ที่จะมีโอกาสทำราคาได้สูง

 

4. หากองหน้าอาชีพสักทีเถอะ

ถึงจะเสริมทัพมากมายขนาดไหน ปัญหาของเชลซีที่เห็นกันตั้งแต่ต้นฤดูกาลคือ การที่ไม่มีศูนย์หน้าอาชีพจริงๆ สักที นักเตะที่มีอย่าง โรเมลู ลูกากู ก็ถูกปล่อยออกไปให้อินเตอร์ มิลาน ยืมตัว ส่วนโอบาเมยองนั้นหมดสภาพไปนานแล้ว (และย้ายมาไม่นาน คนที่ดึงมาอย่างทูเคิลก็โดนปลดอีก!) 

 

การเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับเอ็นกุนกูจากไลป์ซิกเป็นเรื่องที่ดี แต่บางทีอาจจะยังไม่เพียงพอ เชลซีน่าจะต้องการมากกว่านี้ เพราะเห็นแล้วว่าไม่สามารถฝากความหวังกับนักเตะอย่าง ไค ฮาเวิร์ตซ์ หรือสเตอร์ลิงได้ (และไม่ควรเซ็นเฟลิกซ์ถาวรด้วย) 

 

เรียกได้ว่าหลังจากนี้มีสิ่งที่เชลซีต้องบริหารจัดการอีกมาก มีการตัดสินใจสำคัญรออยู่อีกเยอะ โดยเฉพาะกับตัวของโบห์ลีและเอ็กห์บาลีที่โดนรับน้องเต็มๆ ในปีแรกกับพรีเมียร์ลีก โลกอีกใบที่ต่างและมีความซับซ้อนจากอเมริกันเกมที่คุ้นเคย

 

และบางทีสิ่งแรกที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือ ‘สติ’ 

 

อ้างอิง:

The post 4 ผู้จัดการทีม นักเตะ 31 คน ทุ่มเงิน 600 ล้านปอนด์ สรุปแล้วเชลซีพลาดตรงไหน? appeared first on THE STANDARD.

]]>
จับตาโค้งสุดท้ายซื้อขายเชลซี อบราโมวิชเปิดทางกลุ่มโบห์ลีครอบครองสโมสร https://thestandard.co/chelsea-trading-after-roman-abramovich-opens-todd-boehly-group/ Fri, 06 May 2022 08:43:55 +0000 https://thestandard.co/?p=625445 จับตาโค้งสุดท้ายซื้อขายเชลซี อบราโมวิชเปิดทางกลุ่มโบห์ลีครอบครองสโมสร

กลุ่มทุนของ ทอดด์ โบห์ลี ใกล้สมหวังกับการได้เป็นเจ้าของ […]

The post จับตาโค้งสุดท้ายซื้อขายเชลซี อบราโมวิชเปิดทางกลุ่มโบห์ลีครอบครองสโมสร appeared first on THE STANDARD.

]]>
จับตาโค้งสุดท้ายซื้อขายเชลซี อบราโมวิชเปิดทางกลุ่มโบห์ลีครอบครองสโมสร

กลุ่มทุนของ ทอดด์ โบห์ลี ใกล้สมหวังกับการได้เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเชลซี หลังจากที่กระบวนการเจรจาซื้อขายได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย เพียงแต่กว่าจะมาถึงจุดนี้กระบวนการเจรจาใช้ระยะเวลามากกว่าที่คาดเอาไว้มากและมีอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟันไม่น้อย

 

ตามรายงานจาก The Times ในวันนี้กระบวนการเปลี่ยนผ่านเจ้าของทีมเชลซีจาก โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ผู้ถูกบีบบังคับให้ขายสินทรัพย์ที่หวงแหนอันเป็นผลกระทบจากสงครามรัสเซียบุกยูเครนเมื่อ 2 เดือนก่อนนั้นใกล้ที่จะได้บทสรุป

 

เชลซี ร่วมด้วย Raine Group วาณิชธนกิจสัญชาติสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับมอบหมายจากอบราโมวิชให้เฟ้นหาผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุดที่จะมาเป็นเจ้าของสโมสรรายต่อไป จะขออนุมัติจากรัฐบาลอังกฤษเพื่อให้กลุ่มทุนที่นำมาโดย ทอดด์ โบห์ลี เจ้าของร่วมทีมเบสบอลแอลเอ ดอดเจอร์ส ได้สิทธิ์ในการซื้อสโมสรอย่างเป็นทางการ

 

ก่อนหน้านี้กระบวนการเจรจาประสบความยุ่งยาก ไม่ว่าจะเป็นจากกรณีที่เชลซีได้เปิดโอกาสให้กลุ่มทุนที่สนใจและได้รับการคัดเลือกในชั้นต้นได้เพิ่มข้อเสนอในมูลค่าอีกครั้ง และเกิดกรณีที่เป็นกระแสข่าว เมื่อ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ เจ้าของธุรกิจพลังงาน Ineos ได้พยายามยื่นข้อเสนออีกรายในมูลค่าถึง 4.25 พันล้านปอนด์ แต่ข้อเสนอดังกล่าวกลับถูกปฏิเสธไปเนื่องจากข้อเสนอนั้นมาช้ากว่าเส้นตายที่กำหนดไว้เมื่อ 18 มีนาคมหลายสัปดาห์

 

ทางด้านมหาเศรษฐีชาวอังกฤษได้พยายามเดินเกมต่อด้วยการขอพบและพูดคุยกับกลุ่มแฟนคลับของเชลซี และมีแผนที่จะพยายามเข้าทางรัฐบาลอังกฤษเพื่อให้ช่วยผลักดันใหัคนอังกฤษได้เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลอันเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ

 

อย่างไรก็ดี เชลซีและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Raine Group พอใจกับข้อเสนอของกลุ่มโบห์ลีมากกว่าทุกกลุ่ม ซึ่งรวมถึงกลุ่มที่นำมาโดย เซอร์ มาร์ติน บรอฟตัน อดีตประธาน British Airways และอดีตประธานสโมสรลิเวอร์พูลในช่วงเวลาสั้นๆ กับ ลอร์ด เซบาสเตียน โค ด้วย และได้ให้สิทธิ์ต่อกลุ่มทุนจากอเมริกาที่มีแบ็กอัพอย่าง Clearlake Capital จากลอสแอนเจลิสเป็นเวลา 5 วัน ในการยื่นข้อเสนอใหม่หากมีผู้ที่ยื่นข้อเสนอมากกว่า ซึ่งสิทธิ์ดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันนี้

 

โดยในช่วง 5 วันที่ผ่านมา ยังมีกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่เกี่ยวกับหนี้สินจำนวน 1.6 พันล้านปอนด์ ที่เชลซีติดค้างต่ออบราโมวิช ซึ่งจำเป็นจะต้องให้บริษัทแม่ของเชลซีอย่าง Fordstam ชำระเงินคืนทั้งหมดให้แก่ Camberley International Investments ซึ่งยังไม่สามารถระบุยืนยันได้ว่าเป็นของอบราโมวิช

 

ปัญหานี้ทำให้การเจรจาส่อเค้าจะประสบปัญหา โดย Raine Group ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้เนื่องจากการอายัดทรัพย์ของอบราโมวิชโดยรัฐบาลอังกฤษทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับเงินที่กู้ยืมมา ขณะที่รัฐบาลอังกฤษก็มีความกังวลว่าเงินที่ต้องจ่ายคืนนั้นอาจจะกลับเข้ากระเป๋าของอบราโมวิชหรือคนใกล้ชิดที่จะได้รับประโยชน์ไปด้วย

 

แต่จากสถานการณ์ที่รัฐบาลอังกฤษสั่งอายัดทรัพย์ทำให้ไม่สามารถที่จะลบหนี้ตรงนี้ได้ ซึ่งทำให้หนทางเดียวที่จะทำให้การเจรจาเดินหน้าต่อได้คือการที่หนี้ที่เชลซีติดค้างอยู่ 1.6 พันล้านปอนด์ ถูก ‘แช่แข็ง’ เอาไว้แบบนั้น

 

อย่างไรก็ดี มหาเศรษฐีวัย 55 ปี ได้ออกมายืนยันเจตนาเดิมที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะไม่ขอรับเงินจากการขายสโมสรฟุตบอลที่รักและครอบครองมาตั้งแต่ปี 2003 แม้แต่เพนนีเดียว เพื่อเป็นการเปิดทางให้เชลซีได้เปลี่ยนเจ้าของอย่างสมบูรณ์

 

สิ่งเดียวที่อบราโมวิชเรียกร้องคือการขอให้เจ้าของใหม่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามจะต้องสนับสนุนระบบทีมเยาวชน ทีมฟุตบอลหญิง และมูลนิธิองค์กรการกุศลของสโมสรที่จะทำประโยชน์ให้แก่ชุมชนและสังคมต่อไป

 

การออกมายืนยันครั้งนี้ของอบราโมวิชจึงไม่ต่างอะไรจากการยืนยันว่าเขาพร้อมที่จะ ‘ปล่อยมือ’ จาก ‘Roman Empire’ แล้ว

 

ส่วนหลังจากนี้เป็นหน้าที่ของเชลซีและ Raine Group ที่จะต้องนำข้อเสนอของกลุ่มโบห์ลีให้แก่รัฐบาลอังกฤษ รวมถึงพรีเมียร์ลีกที่จะต้องพิจารณา และเจ้าของและผู้บริหารสโมสรชุดใหม่จะต้องเข้ารับการตรวจสอบ Fit and Proper Test ก่อนที่จะได้ครอบครองสโมสรใหม่อย่างเป็นทางการ

 

เส้นตายสุดท้ายจริงๆ ของการเจรจาคือ 31 พฤษภาคม ที่รัฐบาลอังกฤษได้ออกใบอนุญาตพิเศษเอาไว้ให้ โดยที่ทุกฝ่ายในสโมสรหวังอยากเห็นเรื่องนี้จบลงด้วยดีอย่างรวดเร็วที่สุด

 

เพราะทุกวันที่ผ่านไปคือความเสียหายของเชลซีโดยที่บางอย่างไม่อาจประเมินมูลค่าได้

 

อ้างอิง:

The post จับตาโค้งสุดท้ายซื้อขายเชลซี อบราโมวิชเปิดทางกลุ่มโบห์ลีครอบครองสโมสร appeared first on THE STANDARD.

]]>
โรมัน อบราโมวิช อาจถูกลอบวางยาพิษระหว่างการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน https://thestandard.co/russia-ukraine-crisis-29032022/ Tue, 29 Mar 2022 01:18:46 +0000 https://thestandard.co/?p=611534 Roman Abramovich

ในขณะที่การเจรจาสันติภาพที่ตัวแทนระหว่างประเทศคู่กรณีสง […]

The post โรมัน อบราโมวิช อาจถูกลอบวางยาพิษระหว่างการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Roman Abramovich

ในขณะที่การเจรจาสันติภาพที่ตัวแทนระหว่างประเทศคู่กรณีสงครามอย่างรัสเซียและยูเครนเตรียมจะพบกันอีกครั้งในวันนี้ (29 มีนาคม) กลับเกิดข่าวที่สร้างความตกใจให้แก่ทั้งโลกเมื่อมีรายงานว่า โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซียเจ้าของทีมฟุตบอลเชลซีอาจถูกลอบวางยาพิษในระหว่างการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือการเจรจาสันติภาพเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

 

รายงานข่าวที่น่าตกใจดังกล่าวได้รับการเปิดเผยในช่วงกลางดึกของคืนวันจันทร์ (28 มีนาคม) ที่ผ่านมาโดยสำนักข่าวแรกที่รายงานเรื่องนี้คือ The Wall Street Journal ที่อ้างรายงานข่าวของทีมนักข่าวสืบสวน Bellingcat ว่าอบราโมวิชรวมถึงตัวแทนในการเจรจาจากฝ่ายยูเครน 2 รายมีอาการป่วยที่ผิดปกติเกิดขึ้น โดยมีอาการผิวหนังลอกและมีอาการบาดเจ็บที่ดวงตา

 

Bellingcat ได้สรุปว่าทั้งหมดน่าจะถูกลอบวางยาพิษในระหว่าง ‘การเจรจาสันติภาพอย่างไม่เป็นทางการ’ ที่มีขึ้นบริเวณชายแดนประเทศเบลารุสเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อช่วยหาทางออกให้แก่สงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยพิษนั้นอาจจะเกิดจากอาวุธเคมี โดยผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมีเชื่อว่าเป็นความตั้งใจที่จะใช้อาวุธเคมีโดยเฉพาะ

 

เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนทำ และไม่มีใครที่ออกมาแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด

 

แต่จากการที่อบราโมวิชและผู้ร่วมเจรจานั้นมีอาการแค่เล็กน้อยนั้นจึงเชื่อได้ว่าความตั้งใจของผู้ก่อการนั้นเป็นเพียงแค่การ ‘เตือน’ โดยไม่ได้หมายจะเอาชีวิต ซึ่งอบราโมวิชและตัวแทนจากยูเครนซึ่งรวมถึง รัสเตม อูเมรอฟ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิตแต่อย่างใด และทั้งหมดมีอาการดีขึ้นแล้ว ซึ่งมหาเศรษฐีวัย 55 ปีเองถูกพบเห็นที่สนามบินเทลอาวีฟ เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา

 

“Bellingcat ขอยืนยันว่ามีสมาชิก 3 คนที่เข้าร่วมการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซียเมื่อคืนวันที่ 3-4 มีนาคมที่ผ่านมา มีอาการป่วยจากพิษที่เกิดขึ้นโดยการใช้อาวุธเคมี” ทีมข่าวสืบสวนยืนยันผ่านการทวีต

 

“หนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายคือ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย” 

 

ก่อนหน้านี้ในปี 2018 รัฐบาลอังกฤษเคยกล่าวหารัสเซียว่าได้ทำการลอบวางยาพิษสายลับสองหน้า เซอร์เก สกรีปอล และบุตรสาวด้วยยาพิษโนวิช็อกที่เมืองซาลิสบิวรี ซึ่งเป็นผลงานของ GRU หน่วยปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย

 

อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ยังความคลุมเครืออยู่ค่อนข้างมากว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่ โดยทางการสหรัฐอเมริกาได้แจ้งกับสำนักข่าว Reuters ว่าไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่านี่เป็นการลอบวางยาพิษแต่อย่างใด ขณะที่เจ้าหน้าที่รายหนึ่งที่ขอสงวนนามเปิดเผยต่อ BBC ว่าอาการที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นการแพ้และเกิดจากปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมไม่ได้เป็นการลอบวางยาพิษแต่อย่างใด

 

ขณะที่ทางการยูเครนโดย อิกอร์ ชอฟควา  เจ้าหน้าที่ประจำสำนักประธานาธิบดีเปิดเผยว่า แม้จะไม่ได้ทำการพูดคุยกับอบราโมวิชโดยตรง แต่ตัวแทนเจรจาฝ่ายยูเครนนั้น ‘ปกติดี’ และหนึ่งในนั้นระบุว่าเรื่องนี้เป็น ‘ข่าวปลอม’ เป็นเรื่องที่กุขึ้น

 

ด้านอูเมรอฟเองได้โพสต์บน Facebook ส่วนตัวว่าเขายังสบายดีเช่นกัน และเรียกร้องให้ทุกคนอย่าได้หลงเชื่อไปกับข่าวสารที่ไม่ได้รับการยืนยัน

 

ทางด้านสำนักข่าว BBC ยังได้ทำการตรวจสอบกับแหล่งข่าวใกล้ชิดกับเจ้าของทีมเชลซี และได้รับการแจ้งว่าขณะนี้อบราโมวิชมีอาการดีขึ้นตามลำดับและจะพยายามทำการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครนต่อไป 

 

เมื่อวันอาทิตย์ (27 มีนาคม) ที่ผ่านมาทางด้าน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้กล่าวถึงมหาเศรษฐีซึ่งเป็นหนึ่งในคนใกล้ชิดของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ว่าได้พยายามเสนอความช่วยเหลือในการที่จะหยุดปฏิบัติการรุกรานของกองทัพรัสเซีย 

 

แต่ในประเด็นนี้รัฐบาลเครมลินยืนยันว่าอบราโมวิชไม่ได้อยู่ในกระบวนการเจรจาสันติภาพอีกต่อไปแล้ว โดยมีบทบาทเพียงแค่ช่วงต้นเท่านั้น

 

สำนักข่าว The Guardian ได้ตรวจสอบเรื่องนี้กับแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์และได้รับทราบข้อมูลว่าหลังการเจรจาที่เกิดขึ้นอบราโมวิชเริ่มมีอาการป่วยในช่วงต้นเดือนมีนาคมก่อนจะเดินทางไปรับการรักษาที่ประเทศตุรกี

 

ในระหว่างการเดินทางไปเคียฟครั้งแรก โรมัน (อบราโมวิช) ได้สูญเสียการมองเห็นของเขาเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง พวกเขาได้รับการรักษาที่ตุรกีร่วมกันกับรัสเตม (อูเมรอฟ)”

 

ดังนั้นเรื่องนี้จึงยังไม่มีหลักฐานที่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าอบราโมวิชและตัวแทนจากยูเครนได้ถูกวางยาพิษจริงตามที่มีการกล่าวอ้างโดย Bellingcat หรือไม่ แต่สิ่งที่ชัดเจนขึ้นคือมหาเศรษฐีผู้นี้นั้นมีบทบาทในการเป็นตัวประสานระหว่างเซเลนสกีและปูตินอยู่เบื้องหลังในช่วงที่ผ่านมา และบทบาทของเขาอาจสำคัญกว่าที่คิด


อ้างอิง:

The post โรมัน อบราโมวิช อาจถูกลอบวางยาพิษระหว่างการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน appeared first on THE STANDARD.

]]>
“เราจะต้องอยู่ต่อไปอีก 117 ปี” ความรู้สึกจากแฟนฟุตบอลเชลซีกับอนาคตของสโมสร หลังยุคอบราโมวิช https://thestandard.co/chelsea-fans-face-up-to-life-after-roman-abramovich/ Mon, 14 Mar 2022 06:12:24 +0000 https://thestandard.co/?p=605568 เชลซี

‘โรมัน อบราโมวิช’ เสียงกู่ร้องจากบนอัฒจันทร์ในสนามสแตมฟ […]

The post “เราจะต้องอยู่ต่อไปอีก 117 ปี” ความรู้สึกจากแฟนฟุตบอลเชลซีกับอนาคตของสโมสร หลังยุคอบราโมวิช appeared first on THE STANDARD.

]]>
เชลซี

‘โรมัน อบราโมวิช’ เสียงกู่ร้องจากบนอัฒจันทร์ในสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ดังขึ้นในช่วงนาทีที่ 65 ซึ่งเป็นอีกครั้งที่แฟนฟุตบอลเชลซีแสดงความจงรักภักดีต่อเจ้าของสโมสรชาวรัสเซียของพวกเขาที่กำลังจะกลายเป็นอดีตในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

 

ขณะที่แฟนนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งกำลังระเริงกับเจ้าของสโมสรใหม่ที่เป็นทุนจากซาอุดีอาระเบีย ร้องเพลงโต้ตอบอย่างเจ็บแสบว่า ‘ไม่มีเสียงตอบรับจากแฟนบอลทีมที่ถังแตก’

 

ช่วงระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ยากจะเชื่อสำหรับพวกเขา เมื่อรัฐบาลอังกฤษตัดสินใจอายัดทรัพย์ของอบราโมวิช ด้วยข้อหามีส่วนสนับสนุนรัฐบาลเครมลินในการก่อสงครามกับประเทศยูเครน ทำให้เชลซีซึ่งเป็นหนึ่งในทรัพย์สินของเขาต้องได้รับผลกระทบรุนแรงตามไปด้วย

 

จากทีมที่เพียบพร้อมทุกสิ่งและมีเจ้าของสโมสรที่ร่ำรวยที่สุดในโลกที่สามารถต่อกรกับทุนจากกลุ่มทุนตะวันออกกลาง วันนี้อบราโมวิชเป็นเจ้าของเชลซีแค่เพียงในนาม เขาถูกพรีเมียร์ลีกระบุว่าขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้อำนวยการสโมสร ซึ่งแปลง่ายๆ คือ นับจากนี้จะไม่มีสิทธิ์มีเสียงในการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับสโมสรอีกต่อไป

 

นั่นหมายถึงเชลซีจะไม่สามารถกลับสู่อ้อมอกของอบราโมวิชได้อีกต่อไป และการตัดสินใจเกี่ยวกับการขายสโมสรที่เขาลงทุนด้วยเงินมากกว่า 1.5 พันล้านปอนด์ตลอด 19 ปีที่ผ่านมาจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขาอีกต่อไป เพื่อเร่งกระบวนการในการขายสโมสรให้เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว โดยที่ผลประโยชน์จากการขายสโมสรก็จะไม่ตกอยู่กับมหาเศรษฐีชาวรัสเซียด้วย ส่วนจะไปอยู่ตรงไหนยังเป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันอีกที

 

การตัดสินใจดังกล่าวส่งผลต่อทุกภาคส่วนของสโมสร ไม่ว่าจะเป็นนักฟุตบอล ผู้จัดการทีม สตาฟฟ์โค้ช และเจ้าหน้าที่ของสโมสร

 

อีกส่วนที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ คือ แฟนฟุตบอล ที่เวลานี้ทำอะไรไม่ได้แม้แต่จะสนับสนุนสโมสรด้วยการอุดหนุนสินค้า เพราะคำสั่งของรัฐบาลห้ามไม่ให้ร้านค้าของสโมสรเปิดจำหน่ายสินค้าให้แก่แฟนๆ

 

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าใครจะทำอะไรกับสโมสรของพวกเขาแค่ไหนอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน คือ แฟนๆ ส่วนใหญ่พร้อมที่จะเผชิญกับอนาคตที่จะไม่มีอบราโมวิชอีกต่อไป

 

แอน เอมีส์ แฟนฟุตบอลผู้ถือตั๋วปีของสโมสรมาอย่างยาวนาน เป็นหนึ่งในคนที่ทำใจยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงได้

 

“ฉันเข้าใจที่แฟนบอลบางคนอาจจะรู้จักแค่อบราโมวิช แต่แฟนส่วนใหญ่นั้นอยู่ที่นี่มาก่อน เราผ่านอะไรมามากมายก่อนที่เขา (อบราโมวิช) จะมาหาพวกเรา และพวกเราก็จะคงอยู่ต่อไปต่อให้เขาไปแล้วก็ตาม”

 

อะไรมากมายในความหมายของเอมีส์ คือ ยุคที่เชลซีประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ก่อนที่ เคน เบตส์ นักธุรกิจผู้มีชื่อเสียง จะเข้ามากอบกู้สโมสรด้วยการควักเงินแค่ 1 ปอนด์

 

1 ปอนด์ของเบตส์ไม่ได้หมายถึง 1 ปอนด์จริงๆ แต่เป็นการเข้ามาช่วยนำสโมสรผ่านพ้นช่วงเวลามืดมนอนธการที่ถูกเหล่านักอสังหาริมทรัพย์พยายามรุมทึ้งสโมสร เพราะหมายปองที่ดินทำเลทองของสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์

 

เชลซี

 

เรียกได้ว่าสถานการณ์ในตอนนั้นอาจจะหนักกว่าสถานการณ์ในปัจจุบันด้วยซ้ำไป เพราะถ้าเชลซีสูญเสีย ‘เดอะ บริดจ์’ ไปในวันนั้น พวกเขาก็ไม่รู้จะตกอยู่ในสภาพไหนเลย


จากปี 1982 เบตส์ค่อยๆ ประคองเชลซีจนเริ่มกลับมาแข็งแรง และเป็นหนึ่งในสโมสรหัวก้าวหน้าที่คว้าเอาซูเปอร์สตาร์จากต่างชาติเข้ามาในยุคหลัง ‘กฎบอสแมน’ ในปี 1995 โดยเฉพาะจากกัลโช เซเรีย อา ที่เป็นลีกฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกเวลานั้น ทำให้แฟนๆ ได้ตื่นเต้นกับนักเตะอย่าง จานฟรังโก โซลา, รุด กุลลิต, จานลูกา วิอัลลี, แดน เปเตรสคู

 

ก่อนจะส่งต่อให้กับอบราโมวิชในราคา 140 ล้านปอนด์ในปี 2003 เข้าสู่ยุคทองในอีก 19 ปีต่อมา

 

ยังมีอีกหนึ่งแฟนที่ส่งเสียงของพวกเขาออกมา คือ แดน ซิลเวอร์ ซึ่งเป็นสมาชิกของ Chelsea Supporters’ Trust

 

“อบราโมวิชไปแล้ว เราจำเป็นต้องกลับมาสนใจในการนำสโมสรแห่งนี้ให้ก้าวไปสู่วันข้างหน้า เราต้องหาเจ้าของสโมสรที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะหาได้ เพื่อที่จะไม่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้อีกครั้งในอนาคต

 

“เชลซีอยู่มานานกว่า 117 ปี และเราต้องทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะอยู่ต่อไปในอีก 117 ปีข้างหน้า

 

“สโมสรแห่งนี้คือส่วนสำคัญของชีวิตผม ถ้าวันหนึ่งเราจะกลับไปมีแฟนบอลแค่ 6,000 คนในเกมวันเสาร์ก็ปล่อยให้มันเป็นไป ตราบใดที่เราจะยังมีสโมสรของพวกเราอยู่”

 

ขณะที่ทางด้าน แพท เนวิน อดีตปีกในตำนานของเชลซี แสดงความกังวลต่ออนาคตของสโมสรว่า “ผมรู้สึกว่าเชลซีจะอยู่รอดต่อไปได้ แต่คงจะไม่ได้อยู่ดีเหมือนช่วง 19 ปีที่ผ่านมา เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไป ต่อให้ไม่ได้แชมป์มากเท่าเก่า เชลซีก็น่าจะมีความสุขขึ้น

 

“นัดชิงลีกคัพ (เมื่อเดือนที่แล้ว) อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นเชลซีเข้าชิงถ้วยใบใหญ่”

 

อย่างไรก็ดี ทุกคนจะได้เห็นอนาคตของเชลซีชัดเจนจริงๆ อีกครั้งเมื่อได้เจ้าของสโมสรใหม่เป็นที่เรียบร้อย และบางทีอนาคตนั้นอาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดก็เป็นได้

 

แต่ก็เข้าใจหากโมงยามนี้ ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจะทำให้หัวใจอ่อนไหวเป็นพิเศษ          

 

อ้างอิง:

The post “เราจะต้องอยู่ต่อไปอีก 117 ปี” ความรู้สึกจากแฟนฟุตบอลเชลซีกับอนาคตของสโมสร หลังยุคอบราโมวิช appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ส่องอนาคตเชลซี หลังรัฐบาลอังกฤษแบนเจ้าของสโมสร https://thestandard.co/chelsea-future-after-freeze-roman-property/ Fri, 11 Mar 2022 13:35:48 +0000 https://thestandard.co/?p=604860

10 มีนาคม คือวันครบรอบ 117 ปี การก่อตั้งสโมสรเชลซีแห่งเ […]

The post ชมคลิป: ส่องอนาคตเชลซี หลังรัฐบาลอังกฤษแบนเจ้าของสโมสร appeared first on THE STANDARD.

]]>

10 มีนาคม คือวันครบรอบ 117 ปี การก่อตั้งสโมสรเชลซีแห่งเกาะอังกฤษ แต่หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษสั่งอายัดทรัพย์ของ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสรชาวรัสเซีย ส่งผลให้สโมสรแห่งนี้ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของสโมสรมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีม 

 

วันนี้ THE STANDARD จะขอพาทุกท่านไปดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และมองอนาคตของสโมสรที่สร้างความสำเร็จตลอด 19 ปีที่ผ่านมาในยุคของ Roman Empire ที่วันนี้เดินทางมาใกล้จุดจบของอาณาจักรโรมันแล้ว

The post ชมคลิป: ส่องอนาคตเชลซี หลังรัฐบาลอังกฤษแบนเจ้าของสโมสร appeared first on THE STANDARD.

]]>
แฟนเชลซียังให้กำลังใจอบราโมวิช-สปอนเซอร์เริ่มขอถอนตัว แต่ทีมยังแกร่งบุกสอยนอริช 3-1 https://thestandard.co/chelsea-fans-roman-abramovich-encourage/ Fri, 11 Mar 2022 02:22:07 +0000 https://thestandard.co/?p=604418 Chelsea

แฟนบอลเชลซียังคงให้กำลังใจแก่ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโ […]

The post แฟนเชลซียังให้กำลังใจอบราโมวิช-สปอนเซอร์เริ่มขอถอนตัว แต่ทีมยังแกร่งบุกสอยนอริช 3-1 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Chelsea

แฟนบอลเชลซียังคงให้กำลังใจแก่ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสรชาวรัสเซีย ขณะที่ขุนพลนักเตะในสนามโชว์สปิริตบุกไปเอาชนะนอริช ซิตี้ได้ 3-1 ถึงแคร์โรว โรด ขณะที่สปอนเซอร์ของสโมสรเริ่มขอระงับการสนับสนุน

 

ภายหลังจากเกิดข่าวสะเทือนวงการลูกหนังเมืองผู้ดีเมื่อรัฐบาลอังกฤษมีคำสั่งลงดาบต่อ 7 มหาเศรษฐีชาวรัสเซียผู้ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลใกล้ชิดของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และเกื้อหนุนต่อระบอบของรัฐบาลเครมลิน โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อของอบราโมวิช เจ้าของทีมเชลซีด้วย

 

ผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าวทำให้สโมสรต้องถูกอายัดไปด้วยเนื่องจากเป็นทรัพย์สินของมหาเศรษฐีวัย 55 ปี และส่งผลกระทบร้ายแรง โดยเฉพาะด้านการทำธุรกรรมต่างๆ ที่ไม่สามารถกระทำได้ในเวลานี้ตั้งแต่การขายสโมสร ไปจนถึงการขายสินค้าในร้านค้าของสโมสร แต่จะได้รับอนุญาตให้ลงแข่งขันได้ เนื่องจากรัฐบาลอังกฤษเห็นว่าสโมสรฟุตบอลคือสมบัติทางวัฒนธรรมของประเทศ

 

จากการที่ได้รับอนุญาตให้ลงแข่งขันได้ทำให้เชลซี สามารถเดินทางไปแข่งขันกับนอริช ซิตี้ได้เมื่อคืนวันพฤหัสบดี (10 มีนาคม) ที่ผ่านมา ในข้อจำกัดของการเดินทางที่จะมีงบประมาณสำหรับใช้เดินทางได้แค่ 20,000 ปอนด์สำหรับเกมเยือน และหากเป็นเกมในบ้านจะมีค่าดำเนินการสำหรับการจ่ายสตาฟฟ์ที่เกมละ 500,000 ปอนด์ แต่ถึงจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนอกสนาม ผลงานในสนามยังคงทำได้อย่างยอดเยี่ยม

 

โดยเชลซีซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 เวลานี้และต้องลุ้นในการรักษาพื้นที่ท็อปโฟร์สามารถเอาชนะนอริช ซิตี้ได้ 3-1 โดยได้ประตูจาก เทรเวอร์ ชาโลบาห์, เมสัน เมาท์ และ ไค​ ฮาเวิร์ตซ์ มี 56 คะแนน ตามหลังลิเวอร์พูล 7 คะแนน และตามหลังจ่าฝูงแมนเชสเตอร์ ซิตี้อยู่ 13 คะแนน แม้จะลงแข่งน้อยกว่า 1 นัดก็ตาม

 

ในระหว่างเกมแฟนเชลซียังคงร้องเพลงให้แก่อบราโมวิช เพื่อเป็นการให้กำลังใจแก่เจ้าของสโมสรที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในช่วงระยะเวลา 19 ปีนับตั้งแต่เข้ามาเทกโอเวอร์เมื่อปี 2003 ขณะที่ทูเคิลกล่าวชื่นชมลูกทีมว่า “เราสามารถไว้ใจกันได้และสิ่งนี้จะไม่มีวันเปลี่ยน ตราบใดที่เรายังมีชุดแข่งมากพอและมีรถไปส่งถึงสนาม เราก็จะไปที่นั่นและจะลงแข่งขันอย่างสุดความสามารถ”

 

สำหรับประเด็นเรื่องการขายสโมสรนั้น คำสั่งจากทางรัฐบาลอังกฤษทำให้การเจรจาต้องหยุดชะงักก่อน โดย RAIN Group ธนาคารจากนิวยอร์กซึ่งได้รับมอบหมายจากอบราโมวิชให้เป็นผู้เจรจาขายสโมสรได้แจ้งต่อผู้ที่ยื่นขอระงับการเจรจาก่อน และขอให้รอความคืบหน้าที่คาดว่าจะมีในอีก 24-48 ชั่วโมงข้างหน้า ในระหว่างที่สโมสรจะเร่งทำการเจรจากับรัฐบาลอังกฤษเพื่อขอผ่อนผันในหลายประเด็น โดยได้เตือนว่าหากรัฐบาลไม่โอนอ่อนผ่อนตามให้บ้าง สโมสรจะประสบปัญหาอย่างสาหัสจนอาจถึงขั้นไม่สามารถดำเนินกิจการได้

 

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากคำสั่งของรัฐบาลอังกฤษอีกประการคือการที่สปอนเซอร์รายใหญ่ของสโมสรอย่าง Three บริษัทโทรคมนาคมในสหราชอาณาจักรขอระงับการสนับสนุนที่มีมูลค่าปีละ 40 ล้านปอนด์ และขอให้มีการปลดตราสัญลักษณ์ของบริษัทจากชุดแข่งและทั่วทุกจุดในสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ โดยแจ้งว่าเพื่อเป็นการสนับสนุนแก่ชาวยูเครนที่ถูกกองทัพรัสเซียรุกราน ขณะที่ hyundai ผู้สนับสนุนใหญ่อีกรายเปิดเผยว่ากำลังประเมินสถานการณ์ ซึ่งคาดว่าจะมีสปอนเซอร์อีกหลายรายที่ประเมินสถานการณ์ด้วยเช่นกัน

 

อ้างอิง:

The post แฟนเชลซียังให้กำลังใจอบราโมวิช-สปอนเซอร์เริ่มขอถอนตัว แต่ทีมยังแกร่งบุกสอยนอริช 3-1 appeared first on THE STANDARD.

]]>
พรีเมียร์ลีกอังกฤษยัน เกมระหว่างนอริช ซิตี้กับเชลซีลงเตะได้ ตามที่เชลซีได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการแข่งขันต่อ หลังอบราโมวิชโดนอายัดทรัพย์ https://thestandard.co/chelsea-owner-roman-abramovich-sanctioned/ Thu, 10 Mar 2022 14:20:45 +0000 https://thestandard.co/?p=604315 พรีเมียร์ลีกอังกฤษ

หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษประกาศอายัดทรัพย์สิน โรมัน อบราโม […]

The post พรีเมียร์ลีกอังกฤษยัน เกมระหว่างนอริช ซิตี้กับเชลซีลงเตะได้ ตามที่เชลซีได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการแข่งขันต่อ หลังอบราโมวิชโดนอายัดทรัพย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
พรีเมียร์ลีกอังกฤษ

หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษประกาศอายัดทรัพย์สิน โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสรเชลซีชาวรัสเซีย เนื่องจากความเชื่อมโยงที่เขามีต่อสงครามในยูเครน ส่งผลให้เกิดการตั้งคำถามต่างๆ ตามมาเกี่ยวกับการดำเนินการของสโมสรหลังจากคำสั่งของรัฐบาลอังกฤษ 

 

ซึ่งล่าสุดทางพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เกมระหว่างนอริช ซิตี้ กับเชลซี จะลงแข่งขันตามโปรแกรม หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษออกใบอนุญาตพิเศษให้กับเชลซีในการดำเนินการกิจกรรมทางฟุตบอลต่อไปจนจบฤดูกาล 

 

รวมถึงทางพรีเมียร์ลีกจะทำงานร่วมกับสโมสรและรัฐบาลอังกฤษ เพื่อการันตีว่าฤดูกาลนี้จะเดินหน้าต่อไปตามแผน และตรงกับความต้องการของรัฐบาลอังกฤษ 

 

ด้านสโมสรเชลซีได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า พวกเขาต้องการเดินหน้าทำงานต่อให้ได้ใกล้เคียงกับสถานการณ์ปกติให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

 

โดยแถลงการณ์ของเชลซีระบุว่า 

 

“จากการที่อบราโมวิชเป็นเจ้าของสโมสร 100% โดยปกติแล้วการอายัดทรัพย์สินทั้งหมดจะส่งผลกระทบต่อสโมสรในรูปแบบเดียวกัน แต่เนื่องจากรัฐบาลอังกฤษได้ออกใบอนุญาตพิเศษให้เชลซีเดินหน้ากับกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เราจะเดินไปกับการแข่งขันทั้งฟุตบอลชายและหญิง ตามโปรแกรมแข่งขันในวันนี้กับนอริชและเวสต์แฮม 

 

“เราจะสื่อสารกับรัฐบาลอังกฤษเพื่อหาความชัดเจนถึงขอบเขตุของใบอนุญาตนี้

 

“รวมถึงจะขอใบอนุญาตให้สโมสรสามารถดำเนินการณืได้ตามปกติให้ได้มากที่สุด เราจะขอคำแนะนำจากรัฐบาลอังกฤษถึงผลกระทบจากมาตรการนี้ต่อมูลนิธิของเชลซีและความสำคัญต่อชุมชน สโมสรจะแถลงเพิ่มเติมเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม” 

 

สำหรับเชลซีมีโปรแกรมลงสนามในศึกพรีเมียร์ลีก บุกไปเยือนนอริช ซิตี้ ในเวลา 02.30 น. ของวันที่ 11 มีนาคมนี้ตามเวลาประเทศไทย 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

อ้างอิง: 

The post พรีเมียร์ลีกอังกฤษยัน เกมระหว่างนอริช ซิตี้กับเชลซีลงเตะได้ ตามที่เชลซีได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการแข่งขันต่อ หลังอบราโมวิชโดนอายัดทรัพย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รวมผลกระทบที่เกิดขึ้นกับ ‘เชลซี’ หลังรัฐบาลอังกฤษคว่ำบาตร โรมัน อบราโมวิช https://thestandard.co/the-impact-on-chelsea-after-the-british-government-boycotted-roman-abramovich/ Thu, 10 Mar 2022 12:46:24 +0000 https://thestandard.co/?p=604301 Chelsea

หลังรัฐบาลอังกฤษมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของ โรมัน อบราโมว […]

The post รวมผลกระทบที่เกิดขึ้นกับ ‘เชลซี’ หลังรัฐบาลอังกฤษคว่ำบาตร โรมัน อบราโมวิช appeared first on THE STANDARD.

]]>
Chelsea

หลังรัฐบาลอังกฤษมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสรเชลซี ทีมดังพรีเมียร์ลีกจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างจากคำสั่งครั้งนี้

 

Chelsea

 

ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต

The post รวมผลกระทบที่เกิดขึ้นกับ ‘เชลซี’ หลังรัฐบาลอังกฤษคว่ำบาตร โรมัน อบราโมวิช appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐบาลอังกฤษอายัดทรัพย์สินอบราโมวิชทำไม และส่งผลต่อเชลซีอย่างไรบ้าง? https://thestandard.co/why-english-government-freeze-roman-abramovich-property/ Thu, 10 Mar 2022 11:26:50 +0000 https://thestandard.co/?p=604242 รัฐบาลอังกฤษอายัดทรัพย์สินอบราโมวิชทำไม และส่งผลต่อเชลซีอย่างไรบ้าง?

คำสั่งสายฟ้าฟาดจากรัฐบาลอังกฤษในการตอบโต้แก่เหล่ามหาเศร […]

The post รัฐบาลอังกฤษอายัดทรัพย์สินอบราโมวิชทำไม และส่งผลต่อเชลซีอย่างไรบ้าง? appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐบาลอังกฤษอายัดทรัพย์สินอบราโมวิชทำไม และส่งผลต่อเชลซีอย่างไรบ้าง?

คำสั่งสายฟ้าฟาดจากรัฐบาลอังกฤษในการตอบโต้แก่เหล่ามหาเศรษฐีผู้ให้การสนับสนุนรัฐบาลเครมลิน ไม่ต่างอะไรจากคำสั่งทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลแม่และเด็กในเมืองมาริอูโปล ที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บถึง 17 ราย และสร้างความเสียหายร้ายแรงให้แก่พื้นที่ที่ควรได้รับการละเว้นจากภัยสงคราม

 

ทางด้าน บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศว่า “จะไม่มีสรวงสวรรค์ที่ปลอดภัยสำหรับใครก็ตามที่ให้การสนับสนุนปูตินในการก่อการรุกรานยูเครน การดำเนินการในวันนี้คือก้าวล่าสุดของรัฐบาลสหราชอาณาจักรในการสนับสนุนแก่ประชาชนชาวยูเครน เราจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อคนที่ทำให้เกิดการสังหารประชาชน การทำลายโรงพยาบาล และล่วงละเมิดอำนาจอธิปไตยพันธมิตรของเรา”

 

หนึ่งในกลุ่ม ‘Oligarch’ หรือมหาเศรษฐีรัสเซีย ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ด้วยคือ โรมัน อบราโมวิช ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย โดยนอกจากที่จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศได้แล้ว ยังมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินทุกรายการที่อยู่ในสหราชอาณาจักรด้วย

 

โดยหนึ่งในทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของอบราโมวิชคือสโมสรฟุตบอลเชลซี ที่เขามาขอซื้อกิจการตั้งแต่ปี 2003 และสามารถพาทีมก้าวขึ้นมาเป็นสโมสรฟุตบอลระดับแนวหน้าของโลกได้ คว้าแชมป์ได้ทุกรายการ รวมถึงแชมป์ยุโรปและแชมป์สโมสรโลก

 

คำสั่งอายัดทรัพย์สินดังกล่าวจะส่งผลอย่างไรต่ออบราโมวิชและเชลซีอย่างไรบ้าง?

 

เหตุผลในการสั่งอายัดทรัพย์ของอบราโมวิช

 

สำหรับเหตุผลในการสั่งอายัดทรัพย์สินของอบราโมวิชในครั้งนี้นั้น จากการเปิดเผยของรัฐบาลอังกฤษ มาจากการที่อบราโมวิชเป็นเจ้าของบริษัท Evraz 

 

โดยบริษัทนี้เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเหมืองแร่เหล็กและผลิตเหล็ก ซึ่งพบว่ามีความเชื่อมโยงในการส่งเหล็กป้อนให้แก่กองทัพรัสเซียที่ใช้ในการผลิตอาวุธที่นำมาประหัตประหารชาวยูเครนในเวลานี้

 

ผลกระทบต่ออบราโมวิช

 

อย่างแรกที่สำคัญที่สุดคือ โรมัน อบราโมวิช ไม่สามารถดำเนินการขายสโมสรฟุตบอลเชลซีได้จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง


โดยย้อนหลังกลับไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้มีความเคลื่อนไหวที่สำคัญออกมาจากอบราโมวิชถึง 2 ครั้งด้วยกัน โดยครั้งแรกคือการประกาศว่าจะมอบอำนาจในการบริหารสโมสรให้แก่ทางด้านมูลนิธิเชลซี (Chelsea Foundation)

 

เพียงแต่เรื่องนี้ไม่ราบรื่นอย่างที่คิด จนนำไปสู่การประกาศครั้งต่อมาจากอบราโมวิชว่าจะขายสโมสรเชลซี โดยเน้นย้ำว่า ‘เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย’ รวมถึงสโมสรและแฟนฟุตบอลอันเป็นที่รักอย่างยิ่งด้วย

 

ในการประกาศขายสโมสรครั้งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจคือ อบราโมวิชยืนยันว่าจะไม่มีการให้เชลซีชำระหนี้สินจำนวน 1.5 พันล้านปอนด์ที่ติดค้างกับบริษัท Fordstam บริษัทของเขาเองที่ใช้ในการลงทุนบริหารสโมสร (ซื้อ-จ่ายค่าเหนื่อยให้แก่นักฟุตบอล) เพื่อให้การขายสโมสรเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วที่สุด

 

เรื่องนี้เกิดจากการที่อบราโมวิชรับทราบสัญญาณเตือนจากรัฐบาลอังกฤษว่าอาจจะมีการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของเขา (และเหล่า Oligarch คนอื่นๆ) ที่อยู่ในสหราชอาณาจักร ซึ่งหากมีการอายัดทรัพย์จะกลายเป็นปัญหายุ่งยากขึ้นมาทันที ทำให้ต้องรีบดำเนินการขายทุกอย่างออกไปให้เร็วที่สุด

 

นอกจากสโมสรฟุตบอลเชลซีแล้ว อบราโมวิชยังมีอสังหาริมทรัพย์หลายรายการในอังกฤษ รวมถึงแมนชันสุดหรูในย่านเคนซิงตันพาเลซที่มีมูลค่ามหาศาลถึง 150 ล้านปอนด์ และเพนต์เฮาส์ย่านเชลซี วอเตอร์ฟรอนต์ที่มีมูลค่า 22 ล้านปอนด์ด้วยที่พยายามผ่องถ่ายออกไปให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ดีเวลานี้ไม่ทันการแล้วเมื่อทุกอย่างถูกอายัดทั้งหมด

 

ผลกระทบต่อสโมสรเชลซี

 

สำหรับผลกระทบต่อสโมสรเชลซีนั้นรุนแรงไม่แพ้กัน โดยนอกจากตลอด 19 ปีที่ผ่านมา ทีมดังจากลอนดอนดำเนินกิจการได้ด้วยอำนาจทางการเงินของอบราโมวิช การที่สโมสรกลายเป็นสินทรัพย์ถูกอายัด ทำให้การดำเนินการจะยิ่งประสบปัญหามากขึ้นไปด้วย

 

โดยตามรายงานจากสื่อต่างประเทศ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเชลซีมีดังต่อไปนี้

 

  • สโมสรไม่สามารถดำเนินการซื้อขายเปลี่ยนแปลงเจ้าของได้
  • สโมสรจะไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆ กับนักฟุตบอลได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการต่อสัญญาฉบับใหม่ (เซซาร์ อัซปิลิกวยตา, อันเดรียส คริสเตนเซน และ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ คือตัวอย่างนักฟุตบอลที่กำลังจะหมดสัญญาในสิ้นสุดฤดูกาลนี้) รวมถึงการซื้อนักฟุตบอลใหม่เข้าสู่ทีม
  • สโมสรจะไม่สามารถหารายได้ในระหว่างนี้ ซึ่งรวมถึงการจำหน่ายตั๋วเข้าชมการแข่งขัน และการจำหน่ายสินค้าที่ระลึกทุกชนิด (Merchandise) อย่างไรก็ดี สำหรับตั๋วที่มีการจำหน่ายไปก่อนหน้านี้รวมถึงตั๋วปีจะไม่ได้รับผลกระทบไปด้วยจนจบฤดูกาลนี้
  • สโมสรจะได้รับอนุญาตในการจ่ายค่าเดินทางสำหรับการแข่งขัน แต่จะถูกจำกัดงบประมาณให้ไม่เกิน 20,000 ปอนด์ต่อเกมต่อสโมสร

 

อย่างไรก็ดี เพื่อไม่ให้เชลซี ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีความเกี่ยวพันกับแฟนฟุตบอลจำนวนมากได้รับผลกระทบที่ไม่เกี่ยวข้อง ทางด้านรัฐบาลอังกฤษเตรียมจะออกใบอนุญาตพิเศษให้แก่สโมสร

 

โดยใบอนุญาตนั้นนั้นจะระบุเอาไว้ชัดเจนว่า “สำหรับกิจการที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลเท่านั้น” ซึ่งหมายถึงการที่เชลซีจะยังสามารถลงแข่งขันได้ตามปกติ รวมถึงในเกมพรีเมียร์ลีกคืนนี้ที่จะไปเยือนนอริช ซิตี้ด้วย มีการจ่ายเงินค่าตอบแทนให้แก่สตาฟฟ์และนักฟุตบอลได้ตามปกติ ส่วนการถ่ายทอดสดนั้นยังสามารถทำได้ตามปกติเช่นกัน

 

สำหรับอนาคตเชลซีจะสามารถเปลี่ยนเจ้าของได้ไหม? ทางด้านสำนักข่าว BBC รายงานว่า “เชื่อว่ารัฐบาลอังกฤษจะอนุญาตให้มีการขายสโมสรได้” แต่จะไม่อยู่บนเงื่อนไขของอบราโมวิชอีก

 

ทั้งนี้ จากสิ่งที่เกิดขึ้นมีการประเมินว่าเชลซีจะประสบปัญหาหนักหนาสาหัสอย่างแน่นอนในทุกด้าน ซึ่งจะต้องจับตาดูท่าทีของรัฐบาลอังกฤษและอบราโมวิช รวมถึงเหล่า Oligarch ทุกรายอีกครั้งว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกหลังจากนี้

 

อ้างอิง:

The post รัฐบาลอังกฤษอายัดทรัพย์สินอบราโมวิชทำไม และส่งผลต่อเชลซีอย่างไรบ้าง? appeared first on THE STANDARD.

]]>