Responsible Investment – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 20 Nov 2021 12:11:14 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เจาะลึกสไตล์ลงทุน ESG ในรูปแบบการลงทุน Responsible Investment https://thestandard.co/esg-responsible-investment/ Sat, 20 Nov 2021 12:11:14 +0000 https://thestandard.co/?p=562201 Responsible Investment

ซีรีส์…แนวโน้มการลงทุน Responsible Investment (7) ในตอน […]

The post เจาะลึกสไตล์ลงทุน ESG ในรูปแบบการลงทุน Responsible Investment appeared first on THE STANDARD.

]]>
Responsible Investment

ซีรีส์…แนวโน้มการลงทุน Responsible Investment (7)

ในตอนนี้จะอธิบายถึงประเด็นต่างๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Responsible Investment  ซึ่งสรุปมาจาก ESG Investing for Business โดย Brendan Bradley (2021)


1. การเปรียบเทียบการลงทุนแบบ SRI, Ethical และ Impact Investing

เวลาเราพูดถึงการดำเนินธุรกิจแบบคำนึงถึง ESG (Environmental, Social, Governance) หมายถึงตัวบริษัทที่ทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ โดยดูจาก 3 ประเด็นข้างต้น ในมุมมองนี้ ESG จึงไม่ใช่ Investment Style แต่หมายถึงบริษัทที่มุ่งมั่นทำธุรกิจโดยมุ่งให้เกิดผลกระทบทางบวกใน 3 ประเด็นเหล่านั้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจลงได้ ในมุมมองของนักลงทุนปัจจุบันและอนาคตอีกไม่ไกล กระแสการหาหุ้นที่ทำได้ดีในเรื่อง ESG จะเป็นที่ต้องการมากขึ้นอย่างยิ่ง ซึ่งมีการออกแบบแนวการลงทุนในชื่อต่างๆ ดังนี้

  • Sustainable and Responsible Investing (SRI) ซึ่งเป็นแนวการลงทุนโดยพยายามค้นหาบริษัทที่ก่อให้เกิดปัญหา (Negative Screening) ออกจาก Portfolio เช่น หุ้นด้านยาสูบ หรือหุ้นธุรกิจได้ก่อผลกระทบทางลบ และเป็นอันตรายต่อส่วนรวม เช่น หุ้นของบริษัทที่ธุรกิจทำให้เกิดมลพิษ หรือละเมิดเรื่องสิทธิมนุษยชน

  • Ethical Investing มีบางอย่างที่คล้ายกับกรณี SRI เช่น การตัดออก พวก หุ้นกลุ่มที่สร้างผลกระทบทางลบด้าน ESG สิ่งที่แตกต่างคือการระบุประเด็นด้าน ESG (Issued-Based) ที่ชัดเจน เช่น ยาสูบ แรงงานเด็ก เป็นต้น

  • Impact Investing สนใจการลงทุนที่ให้ทั้งอัตราผลตอบแทนที่ดี และธุรกิจที่สามารถสร้างผลกระทบทางบวกต่อสังคมไปพร้อมกัน การลงทุนแนวนี้ต้องการหลักฐานที่ชัดเจน เช่น รายงานที่เปิดเผยให้เห็นถึงการกระทำ และผลลัพธ์ในเรื่องดังกล่าว และเริ่มมีการกำหนด Area ของการรายงานที่มีความลึกขึ้น เช่น ด้าน Renewable Energy, Sustainable Agriculture, Water Management และ Clean Technology เป็นต้น


ในการวัดผลกระทบด้าน ESG เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากสำหรับนักลงทุน มีการพัฒนามาตรฐานการวัดขึ้นมา เช่น The Impact Reporting and Investment Standards หรือ IRIS เป็นต้น ซึ่งให้ความรู้และเครื่องมือนี้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ผ่านการบริหารโดย Global Impact Investing Network (GIIN) (https://iris.thegiin.org/about/)

การวิเคราะห์ข้อมูล ESG ของบริษัทเป็นส่วนที่นิยมทำเพิ่มเติมเข้าไปในส่วนของการวิเคราะห์หลักทรัพย์โดยใช้ปัจจัยพื้นฐาน ถือว่าเป็นพัฒนาการด้านการวิเคราะห์หลักทรัพย์เพื่อการลงทุน เช่น กรณีของ BlackRock บริษัท Asset Management ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประกาศว่าการวิเคราะห์เรื่อง Sustainability ผ่าน ESG Performance ของบริษัทเป้าหมาย เป็นมาตรฐานใหม่ในการลงทุนที่ต้องยึดถือของ BlackRock บริษัทที่มี ESG Risk ที่สูงเมื่อทำการวิเคราะห์แล้ว จะถูกหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปลงทุน แต่ขณะที่บริษัทที่บริหาร ESG Risk ได้ดี จะถูกกำหนดให้เป็น ‘Good Companies’ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุน


2. ประเด็นความลึกด้าน ESG ที่นักลงทุนเพิ่มความสนใจ

 

หลังยุคโควิด ประเด็นการลงทุนที่จะกลับมาก็คือ ธุรกิจได้ช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างไร และธุรกิจจะมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมอย่างไร



2.1 ธุรกิจกับเป้าหมายการลดภาวะโลกร้อน

 

การประกาศของรัฐบาลประเทศต่างๆ ว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จนไปสู่ Net Zero Emissions ภายใน ค.ศ. 2050 นั้นแปลว่าการร้องขอและกดดันให้ภาคธุรกิจที่ผลิตสินค้าและบริการต้องมีส่วนช่วยลดปัญหาโลกร้อน โดยกำหนดเป้าหมายและดำเนินการด้วย ในฝั่งของนักลงทุนก็เช่นกัน ทั้งมี Awareness ที่มากขึ้น รวมทั้งมีพลังจากเงินทุนที่ตนเองมีอยู่ ก็จะเป็นอีกแรงสำคัญที่กดดันภาคธุรกิจด้วย บริษัทจัดการลงทุนขนาดใหญ่อย่าง BlackRock ถึงกับประกาศว่า “Climate risk is investment risk.” ซึ่งต้องพิจารณาและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เวลาจะลงทุนในบริษัทใดๆ ก็ตาม Fund Managers บางกองทุนตามหา Clean Energies Policies and Investment ของบริษัทเป้าหมาย เพื่อต้องการเห็นว่าธุรกิจมีแผนปรับเปลี่ยนหันมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ซึ่งจะดีต่อโลก


2.2 ธุรกิจกับการแก้ปัญหาสังคม

 

ปกติประเทศต่างๆ และโลกของเราเต็มไปด้วยปัญหาสังคมในมิติต่างๆ โลกภายใต้และหลังยุคโควิดถูกคาดว่าจะได้รับผลกระทบทางลบ ซึ่งซ้ำเติมให้ปัญหาสังคมบนโลกนี้ย่ำแย่ไปกว่าเดิมอีก นักลงทุนสไตล์ Responsible Investment หลายแห่งพากันขึ้นลิสต์ แนวทางความเร่งด่วนที่จะต้องพิจารณาการลงทุน คือสนใจว่าบริษัทเป้าหมายมีการดำเนินการอะไรที่ดูแลเรื่องคน ซึ่งรวมถึงพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า ชุมชน และสังคมอย่างไร โดยเฉพาะประเด็นสิทธิมนุษยชน ความสัมพันธ์กับชุมชน ความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงาน มาตรฐานการดูแลลูกค้า และการมีส่วนร่วมช่วยเหลือผู้ยากไร้ในชุมชนและสังคม ซึ่งอาจมีการละเมิดลดมาตรฐานลงได้จากผลกระทบของโควิด


2.3 ธุรกิจกับบรรษัทภิบาล

 

แม้ผลกระทบจากโควิดอาจทำให้ผลประกอบการของธุรกิจมีระดับลดลงไปบ้าง แต่บริษัทก็ไม่ควรย่อหย่อนในการกำกับดูแล และยังต้องยึดมั่นการบูรณาการ ESG เข้าไปในกระบวนการทำธุรกิจต่อไป นักลงทุนก็จะยังคงประเมินในประเด็นต่างๆ ของด้านบรรษัทภิบาล (Corporate Governance: CG) ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง CG Structure บทบาทของกรรมการ การกำหนดค่าตอบแทนของคณะกรรมการและฝ่ายจัดการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ การมีระบบงานที่เข้มแข็ง การบริหารความเสี่ยง และการตรวจสอบภายใน เป็นต้น

The post เจาะลึกสไตล์ลงทุน ESG ในรูปแบบการลงทุน Responsible Investment appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘Impact Investing’ กับการลงทุนแบบ Responsible Investment https://thestandard.co/impact-investing-and-responsible-investment/ Fri, 20 Aug 2021 05:27:27 +0000 https://thestandard.co/?p=527162 Impact Investing

บทความตอนนี้จะให้ข้อมูลจากการสืบค้นคำว่า ‘Impact Invest […]

The post ‘Impact Investing’ กับการลงทุนแบบ Responsible Investment appeared first on THE STANDARD.

]]>
Impact Investing

บทความตอนนี้จะให้ข้อมูลจากการสืบค้นคำว่า ‘Impact Investing’ หรือการลงทุนที่จะสร้างให้เกิดผลกระทบทางบวกต่อส่วนรวม ซึ่งเป็นอีกความหมายของ ‘Responsible Investment’ หรือการลงทุนแบบมีความรับผิดชอบ


ความหมายและความเป็นมา

จากข้อมูลใน Wikipedia สรุปไว้ว่า Impact Investing คือการลงทุนในบริษัท หรือกองทุนรวมที่มุ่งเน้นให้เกิดผลกระทบที่ดีและวัดได้ที่มีต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม โดยยังก่อให้เกิดผลตอบแทนทางการเงินจากการลงทุนได้ด้วย นักลงทุนสไตล์นี้ถูกเรียกว่า ‘Impact Investors’ จะคอยค้นหาบริษัทหรือองค์กรที่สามารถดำเนินธุรกิจที่สร้างผลลัพธ์ชัดเจนว่าทำให้สังคมและสิ่งแวดล้อมดีขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้น หรือดำเนินธุรกิจที่แก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยตรง เช่น ธุรกิจในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน หรือธุรกิจเกษตรแบบยั่งยืน เป็นต้น รูปแบบผลิตภัณฑ์การลงทุนอาจเป็น หุ้นสามัญ หุ้นกู้ กองทุนรวม ซึ่งเมื่อรวมกลุ่มกันอาจถูกเรียกว่า ESG Products ที่ปัจจุบันกลายมาเป็น Asset Class ที่มีความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ข้อมูลจาก Impact Investing โดย Thomas Walker, Stefanie D.Kibsey และ  Stephanie Lee ใน Sustainable Investing: Revolutions in Theory and Practice (2017) ให้ความรู้ว่า คำศัพท์ ‘Impact Investing’ เริ่มต้นขึ้นราวๆ ปี 2007 โดย Rockefeller Foundation ถัดจากนั้นก็เกิดกระแสการลงทุนในแนวทางนี้มากขึ้น จนมีพลังของนักลงทุนสไตล์นี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้กดดันให้บริษัทต่างๆเห็นว่ามีนักลงทุนอีกไม่น้อยที่ต้องการเห็นบริษัทต่างๆ พัฒนาแบบจำลองธุรกิจให้มีลักษณะ Sustainable Business Model ในตลาดทุนเองก็มีพัฒนาการจนเกิดผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ในชื่อ Social Impact Bonds, Green Stocks ในกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น Sustainable Agriculture, Renewable Energy และ Healthcare เป็นต้น

 

สหราชอาณาจักร (UK) ถือว่าเป็นผู้นำในเรื่อง Impact Investing โดยได้มีการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินในเรื่องนี้ เช่น การออก Impact Bonds เป็นประเทศแรกๆ รวมทั้งการออกมาตรการลดภาษี 30% ถ้ามีการลงทุนในด้าน Social Investments บนความเชื่อที่ว่าปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมในประเทศกำลังพัฒนาน่าจะมีมากกว่าในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า 75% ของการลงทุนใน Impact Investment มาจากกลุ่มประเทศในอเมริกาเหนือ ยุโรป และโอเชียเนีย หากเงินทุนที่ไหลไปเป็นการลงทุนสำหรับแก้ไขปัญหาสังคมสิ่งแวดล้อมในประเทศกำลังพัฒนา สิ่งนี้จะมีความหมายมาก เป็นสัญญาณที่ดีต่อโลกของเรา

 

ในมิติของนักลงทุนสถาบันที่เป็นต้นแบบ มีการกล่าวขวัญถึง Impax Asset Management Group ของสหราชอาณาจักร และ Triodos Investment Management ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งต่อมามีบริษัทจัดการลงทุน และกองทุนรวมในแนวนี้เกิดขึ้นตามมาอย่างต่อเนื่อง ในด้านของธุรกิจก็มีการพัฒนาการเกิดธุรกิจที่มีความเข้มข้นในการทำเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคมที่แตกต่างจากรูปแบบเดิม เช่น การเกิดบริษัทที่บอกว่าตนเองเป็น Benefit Corporation, Low-profit Limited Liability Company (L3C), Community Interest Company และ Social Enterprise เป็นต้น

 

องค์ประกอบสำคัญของ Impact Investing

ข้อมูลจาก thegiin.org สรุปองค์ประกอบสำคัญของ Impact Investing ไว้ดังนี้


1. ความตั้งใจ (Intentionality) การลงทุนในแนว Impact Investing นักลงทุนที่นำเงินมาลงทุนจะมีความตั้งใจว่าอยากเห็นเงินที่ไหลไปยังกิจการที่ทำธุรกิจแล้วก่อให้เกิดผลกระทบทางบวกต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม

 

2. ความคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน (Investment With Return Expectations) นักลงทุนสไตล์นี้ก็ยังคงคาดหวังอัตราผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน

 

3. ช่วงของอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังตามประเภทของสินทรัพย์ (Range of Return Expectations and Asset Class) กลุ่มสินทรัพย์ลงทุนแบบ Impact Investing มีหลายประเภท เช่น ตารสารหนี้ ตราสารทุน การลงทุนแบบ Venture Capital หรือ Private Equity เป็นต้น ซึ่งในแต่ละประเภทจะมีลักษณะของความเสี่ยงและผลตอบแทนต่างๆ กัน

 

4. การวัดผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม (Impact Measurement) ประเด็นสำคัญของการลงทุนสไตล์นี้ก็คือ ต้องทราบวิธีวัดและการรายงานเกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมว่าดีขึ้นอย่างไร ข้อมูลดังกล่าวนอกจากใช้ประเมินความสำเร็จของการใช้เงินทุนของผู้ระดมทุนแล้วยังสะท้อนถึงความโปร่งใส และความรับผิดชอบซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ลงทุนเกิดความมั่นใจด้วย ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้จึงควรทราบกระบวนการที่ประกอบไปด้วย การกำหนดวัตถุประสงค์ด้านสังคมหรือสิ่งแวดล้อมในโครงการลงทุน การกำหนดเป้าหมาย ผลลัพธ์การดำเนินงานและตัวชี้วัดการติดตามและบริหารจัดการ และการรายงาน

 

ตัวอย่างโครงการลงทุนแบบ Impact Investing

ข้อมูลจาก thegiin.org ได้ยกตัวอย่างการจับคู่ระหว่างนักลงทุนสถาบัน (Investor) และผู้ระดมทุน (Investee) หรือธุรกิจไว้หลายตัวอย่าง ในที่นี้จะยกมาเป็นบางตัวอย่าง ดังนี้

 

1. Root Capital (Investor) และ The Savannah Fruits (Investee)

เป็นตัวอย่างโครงการลงทุนแบบ Impact Investing ในธุรกิจด้านการเกษตรในแอฟริกา โดยให้เงินกู้ ขนาดการระดมทุน 230,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.9 ล้านบาท) Root Capital เป็นนักลงทุนที่มีลักษณะเป็นกองทุนที่ไม่ได้มุ่งแสวงหากำไรสูงสุด (Nonprofit) และมุ่งลงทุนเพื่อพัฒนาสังคม (Social Investment Fund) โดยเฉพาะในชนบท เพื่อสนับสนุนธุรกิจเกษตรขนาดกลางและขนาดย่อมในเขต Latin America และ Sub-Saharan Africa

สำหรับ The Savannah Fruits Company เป็นธุรกิจการเกษตรอยู่ในประเทศกานา ทวีปแอฟริกา ซึ่งมีลักษณะธุรกิจดังนี้

Savannah เป็นธุรกิจรับซื้อ Organic-Certified Shea Nuts จากชาวบ้านผู้หญิงยากจนในกานาประมาณ 1,500 คน ซึ่งเดิมปลูกและรวบรวม Shea Nuts ซึ่งหาตลาดได้ไม่สม่ำเสมอและถูกกดราคา Savannah ได้พัฒนา Business Model โดยการพัฒนากลุ่มแม่บ้านอีก 2,000 คน ให้นำผลผลิต Shea Nuts มาแปรรูปเบื้องต้นโดยคั้นให้เป็น Butter แล้วขายให้ Savannah ซึ่งให้ราคาดีกว่า แล้ว Savannah ส่ง Bulter นี้ขายไปยังโรงงานผลิตเครื่องสำอางในยุโรป ซึ่งมีความต้องการ Butter จาก Shea Nuts สูงมาก แบบจำลองธุรกิจนี้จึงถือว่าเป็นประโยน์มากต่อกลุ่มแม่บ้านยากจนในประเทศกานา และ Savannah เองก็ได้กำไรจากโครงการนี้ไม่มากนัก แต่ก็ยังสามารถชำระหนี้เงินกู้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยได้

 

2. Esmee Fairbairn (Investor) และ Bridges Social Entrepreneurs Fund (Investee)

เป็นตัวอย่างของโครงการลงทุนด้านสังคม โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินในลักษณะหุ้นสามัญ ขนาดการลงทุน 750,000 ปอนด์ บนพื้นที่ยุโรปตะวันตก เป็นโครงการที่ Esmee Fairbairn Foundation( Esmee) เป็นผู้ให้เงินทุน Esmee เป็นมูลนิธิที่ทำงานโดยมุ่งช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพชีวิตในสหราชอาณาจักร (UK) ส่วน Bridges Social Entrepreneurs Fund (Bridges) เป็นกองทุนที่มุ่งสนับสนุนเงินทุนให้แก่ธุรกิจรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Social Enterprise ซึ่งมักต้องการการเติบโต แต่ขาดแคลนเงินทุน

ตัวอย่างนี้เกิดในปี 2009 เมื่อ Bridges มีเป้าหมายอยากช่วยสนับสนุนเงินทุนให้ Social Enterprise ที่อยู่ในขั้น Growth Stage ใน UK โดยกำหนดว่ายังต้องการอัตราผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลกับการลงทุน Bridges ต้องการระดมทุนขนาด 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า Flexible Investment Structure เช่น Quasi-equity หรือ Debt ก็ได้  เพื่อใช้ในการนี้และเสนอขอเงินทุนต่อ Esmee

Esmee นำเสนอรูปแบบการลงทุน 750,000 ปอนด์ เป็นหุ้นสามัญของ Bridges ในลักษณะที่เรียกว่า Equity: Partnership Share in a Limited Partnership โดยมีระยะเวลา 10 ปีขึ้นไป (ซึ่ง Bridges สามารถซื้อคืนได้) และเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วไปที่สนใจเข้าซื้อหุ้นสามัญของ Bridges ในลักษณะนี้ได้เพื่อระดมทุนในส่วนที่เหลือ ซึ่งจะทำให้ Bridges สามารถนำเงินทุนนี้ไปสนับสนุน Social Enterprises แบบที่ต้องการได้ ทั้งนี้ มีเงื่อนไขว่า  Bridges จะต้องสรุปรายงานผลการดำเนินงาน และการวิเคราะห์ผลกระทบทางสังคมต่อนักลงทุนที่ถือหุ้นให้ทราบเป็นระยะด้วย

The post ‘Impact Investing’ กับการลงทุนแบบ Responsible Investment appeared first on THE STANDARD.

]]>
แนวโน้มการลงทุนแบบ Responsible Investment (2) https://thestandard.co/responsible-investment-2/ Sat, 14 Aug 2021 10:45:28 +0000 https://thestandard.co/?p=525120 Responsible Investment

การลงทุนในแนวการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม […]

The post แนวโน้มการลงทุนแบบ Responsible Investment (2) appeared first on THE STANDARD.

]]>
Responsible Investment

การลงทุนในแนวการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม นับวันยิ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนและผู้คนในวงการต่างๆ เพราะมีส่วนที่จะช่วยโลกที่มีปัญหาต่างๆ รุมเร้าในทุกวันนี้ได้ ชื่อที่เรียกแนวทางการลงทุนแบบนี้อาจมีต่างๆ กัน เช่น Ethical Investing, Impact Investing, Responsible Investing, Social Responsible Investing, หรือ Green Investing เป็นต้น บทความในตอนนี้จะขยายความเรื่องการลงทุนแบบที่เน้นผลลัพธ์ ทั้งการสร้างผลตอบแทนและแสดงความรับผิดชอบต่อส่วนรวมเพิ่มเติมดังนี้

 

1. UN Principles for Responsible Investment (PRI)

องค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศ เป็นเวทีสำคัญให้ประเทศต่างๆ ร่วมกันเสนอวิธีการขับเคลื่อนโลกไปสู่จุดที่ดีกว่าร่วมกัน ทั้งในมิติการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ได้เห็นความสำคัญในเรื่องการลงทุนในตลาดทุนของนักลงทุน (Investor) ว่าควรจะสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุน แต่ต้องดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และยึดมั่นในหลักบรรษัทภิบาล (ESG) และได้ออกหลักการที่เรียกว่า UN Principle for Responsible Investment (PRI) มาในปี 2006 เพื่อเสนอต่อสถาบันการเงินต่างๆ ในตลาดการเงิน เพื่อให้ร่วมเปิดเผยข้อมูลการลงทุนแบบมีความรับผิดชอบนี้ในลักษณะ Voluntary Disclosure ซึ่งมีผู้ลงนาม (Signatories) มากขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลจาก Investopedia ประมาณไว้ว่า จนถึงปัจจุบันมูลค่าสินทรัพย์ลงทุนที่มีผู้ร่วมลงนามใช้ตามแนวทาง PRI มีสูงถึง 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ การลงทุนตามแนวทาง PRI นับวันก็จะมีบทบาทและอิทธิพลต่อโลกการลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ และสามารถช่วยขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาของโลกได้รวดเร็วขึ้นด้วย

 

ปรัชญา PRI จะมุ่งเน้นหาปัจจัย (Factors) ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลที่บริษัทที่ประกอบธุรกิจอาจเป็นสาเหตุหรือทำให้เกิดผลกระทบทางลบ ในกระบวนการทำธุรกิจและพิจารณาว่าบริษัทได้กระทำการใดบ้างที่ช่วยลดผลกระทบทางลบ และส่งเสริมให้เกิดผลกระทบทางบวกต่อส่วนรวม บริษัทที่ทำได้ดีจะถูกพิจารณาว่าได้ทำธุรกิจอย่างประณีต ทำให้เกิดความยั่งยืน เนื่องจากเป็นบริษัทที่ใส่ใจและบริหารความเสี่ยงที่เรียกว่า ESG Risk ส่งผลให้ความผันผวนในการประกอบการลดลงเกิดเสถียรภาพของการเติบโตในมูลค่าบริษัท นักลงทุนก็จะเกิดความเชื่อมั่นที่จะลงทุนในบริษัทดังกล่าวมากกว่าบริษัทที่ไม่ใส่ใจในเรื่องนี้

UN PRI ประกอบไปด้วยหลักการพื้นฐาน 6 ข้อ ซึ่งผู้ร่วมลงนามต้องยึดมั่นและนำไปปฏิบัติ ได้แก่

 

  • Principle 1: ผู้ลงทุนจะต้องนำประเด็นเรื่อง ESG เข้าไปในกระบวนการวิเคราะห์และการตัดสินใจลงทุน
  • Principle 2: ผู้ลงทุนจะต้องดูแลพอร์ตโฟลิโอการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ (เป็น Active Owner) โดยนำเรื่อง ESG เข้าไปกำหนดไว้ในนโยบายการลงทุนและนำไปปฏิบัติเวลาลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
  • Principle 3: ผู้ลงทุนจะต้องค้นหาข้อมูลด้าน ESG ที่มีการเปิดเผยอย่างเพียงพอเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
  • Principle 4: ผู้ลงทุนจะต้องช่วยสนับสนุนหรือส่งเสริมให้การลงทุนแบบมีความรับผิดชอบ มีความแพร่หลายแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องต่างๆ ในอุตสาหกรรมการลงทุน
  • Principle 5: ผู้ลงทุนจะร่วมมือกันเพื่อปฏิบัติตามหลักการ PRI ให้เกิดขึ้นอย่างเข้มแข็ง
  • Principle 6: ผู้ลงทุนจะเผยแพร่รายงานการลงทุนแบบมีความรับผิดชอบโดยแสดงถึงกิจกรรมและความก้าวหน้าต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ

 

ที่ผ่านมาสถาบันการเงินที่เป็นนักลงทุนสถาบันต่างก็ยอมรับหลักการ PRI นี้ และยึดหลักการ 6 ข้อนี้ในการบริหารพอร์ตการลงทุน ตัวอย่างที่ได้ปฏิบัติอย่างเข้มแข็ง เช่น Norwegian Government Pension Fund, The Government Pension Fund of Thailand, The Canada Pension Plan Investment Board และ The California Public Employee Retirement System (CalPERS) เป็นต้น

อีกตัวอย่างหนึ่งของนักลงทุนสถาบันที่นำหลักการ PRI ไปใช้ เช่น กรณีของบริษัท Standard Life ซึ่งถูกซื้อกิจการจาก Manulife เมื่อปี 2015 และได้เข้าร่วมลงนาม PRI Signatory และเริ่มใช้ ESG Factors ในการประเมิน ESG Risk เพื่อดูโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ (Automobile Supply Chain) โดยเฉพาะเมื่อ European Union (EU) ออกกฎเกณฑ์ใหม่ที่จะให้รถยนต์ลดการปล่อยมลพิษ (New Anti-Pollution Legislation) เพื่อนำ ESG ประเด็นนี้เข้าทำการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ก็พบว่าหุ้นบางตัวมีแนวโน้มที่ดี เช่น บริษัท LG Chem ซึ่งเป็นผู้ผลิต Lithium-ion Battery ให้กับรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะรถยนต์ไฟฟ้าจะมาทดแทนรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งจะช่วยลดปัญหามลพิษได้ การนำ ESG Factor ดังกล่าวมาพิจารณา ทำให้การประเมินมูลค่า LG Chem เปลี่ยนไปจากเดิม มูลค่าหุ้นดังกล่าวถูกปรับมูลค่าเพิ่มขึ้น (Upward Adjustment)


2. Ethical Investing

การลงทุนแบบที่มีความรับผิดชอบสูง หากมีเกณฑ์เคร่งครัดมาก บางคนก็เรียกว่า Ethical Investing ซึ่ง Ethical อาจหมายถึงศีลธรรม จรรยาที่ดี ซึ่งหลักเหล่านี้อาจจะมาจากข้อปฏิบัติในศาสนา หรือแนวปฏิบัติทางสังคมที่นักลงทุนในกลุ่มนั้นยึดถือปฏิบัติ เช่น กองทุน Islamic Fund อาจจะกำหนดหลักเกณฑ์ว่าจะไม่ไปลงทุนในธุรกิจที่ขัดกับหลักศาสนา เป็นต้น หรืออาจเป็นกองทุนที่มีการระบุชัดเจนว่าจะไม่ลงทุนในธุรกิจสีเทา (Sin Stocks) เช่น ธุรกิจคาสิโน ธุรกิจเหล้าเบียร์ ธุรกิจยาสูบ หรือธุรกิจอาวุธสงคราม เป็นต้น

ในการวิเคราะห์ข้อมูลของธุรกิจตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือกหุ้น การปรับเอาหุ้นเข้าออกจากพอร์ตจึงต้องมีความละเอียดรอบคอบ เพราะหากขัดต่อ Personal Belief ของนักลงทุน ก็จะเกิดการถอนตัวออกจากกองทุน หรือกรณีที่รุนแรงอาจนำไปสู่การฟ้องร้องได้หากขัดต่อเงื่อนไขที่นักลงทุนกำหนดไว้

ประวัติศาสตร์ของการลงทุนแบบ Ethical Investing ย้อนหลังไปได้ถึงศตวรรษที่18 เมื่อกลุ่มนักลงทุนที่เคร่งศาสนา (Quaker) ในสหรัฐฯ ประกาศกฎเข้มงวดในการใช้เงินทุน โดยห้ามไปลงในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้าทาส หรือตัวอย่างกรณีของ จอห์น เวสลีย์ (John Wesley) นักบวชชาวอังกฤษผู้ก่อตั้งนิกาย Methodism ก็ได้ประกาศว่าไม่สนับสนุนการลงทุนที่ส่งผลกระทบลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น โรงงานเคมี เป็นต้น

ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา Ethical Investing เริ่มขยับจากการอิงเกณฑ์ทางศาสนามาเพื่อแก้ปัญหาสังคมมากขึ้น เช่น ในสหรัฐอเมริกาช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 เริ่มมีการลงทุนแบบ Ethical Investing ในบริษัทที่ส่งเสริมเรื่องความเท่าเทียม หรือความเป็นธรรมต่อแรงงาน และตั้งแต่ทศวรรษ1990 เป็นต้นมา Ethical Investing เริ่มหันมาสนใจประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม เพราะเริ่มตระหนักถึงพิษภัยจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เริ่มมีการเรียกร้องให้บริษัทในกลุ่มหุ้นพลังงานดำเนินการลดผลกระทบทางลบจากการใช้พลังงานฟอสซิล และหาวิธีการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น จนถึงปัจจุบัน Ethical Investing จึงหันมาครอบคลุมรวมประเด็น ESG ทั้งหมด


3. Green Investing

Green Investing เป็น Socially Responsible Investing (SRI) ประเภทหนึ่ง ซึ่งความหมายของ Green Investing คือรูปแบบการลงทุนในบริษัทหรือโครงการที่มุ่งมั่นในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (Conservation of Natural Resources) หรือสำรวจ ผลิตพลังงานสะอาด หรือพลังงานทดแทน (Production and Discovery of Alternative Energy Sources) หรือการดำเนินการเพื่อให้เกิดอากาศที่ดีและแหล่งน้ำที่เพียงพอ (Implementation of Clean Air and Water Projects) หรือโครงการใดๆ ที่ทำให้เกิดกระบวนการธุรกิจที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม (Environmentally Conscious Business Practices) เป็นต้น บริษัทที่เข้าข่ายเป็น Green Investing อาจมีธุรกิจเดิมอย่างอื่นที่ไม่ใช่ Green Business อย่างสมบูรณ์ก็ได้ แต่อาจมีโครงการใหม่ที่สอดคล้อง (Green-Based Initiatives) ก็ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าลงทุนได้

คำว่า Green นี้ นักลงทุนอาจจะต้องตีความ แต่โดยทั่วไปจะหมายถึงธุรกิจหรือโครงการที่ทำให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่ดีทั้งทางตรงและทางอ้อม ผลิตภัณฑ์ที่นักลงทุนในแนว Green Investing จะเข้าลงทุนอาจเป็น หุ้น กองทุนรวม ETFs หรือตราสารหนี้ก็ได้ ตัวอย่างกองทุนรวมที่มีชื่อเสียงว่าเน้นลงทุนในแนว Green Investing เช่น TIAA-CREF Social Choice Equity Fund (TICRX); Portfolio 21 Global Equity Fund Class R (PORTX) หรือ Green Century Balanced Fund (GCBLX) เป็นต้น

ระดับความ Green เป็นเรื่องที่นักลงทุนรายย่อยต้องตีความและอ่านจากนโยบายการลงทุนของสถาบันที่จะนำเงินของเราไปลงทุนให้ดีก่อน เช่น กองทุนรวมบางแห่งอาจระบุชัดเจนว่าจะลงในบริษัทที่ทำ Renewable Energy เท่านั้น อย่างนี้ถ้าตรงกับ ‘จริต’ ของเรา ก็ลงทุนไปเลย แต่บางกองทุนรวมอาจระบุแค่ว่า จะลงในบริษัทที่ทำธุรกิจแบบมี Good Business Practices โดยกระบวนการทำธุรกิจต้องดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ถ้า ‘Green’ แบบหลังนี้ตรงกับ ‘จริต’ ของเรา ก็ตัดสินใจลงทุนได้ นักลงทุนรายย่อยจึงควรรู้ ‘จริต’ ด้าน ESG ของตนเองว่ามีความกว้างและลึกเพียงใด

The post แนวโน้มการลงทุนแบบ Responsible Investment (2) appeared first on THE STANDARD.

]]>
การลงทุนแบบ Responsible Investment กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (1) https://thestandard.co/responsible-investment/ Fri, 11 Jun 2021 07:30:03 +0000 https://thestandard.co/?p=499050 Responsible Investment

กระแสการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Environmental) สัง […]

The post การลงทุนแบบ Responsible Investment กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (1) appeared first on THE STANDARD.

]]>
Responsible Investment

กระแสการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) เป็นสิ่งที่ฮิตอย่างมากในยุคนี้ ที่ฮิตนี้ ผมคิดว่าไม่ใช่แฟชั่นอะไร แต่เป็นความห่วงใยของผู้คนทั้งหลายที่มองเห็นว่า ยิ่งมนุษย์มีกิจกรรมเพื่อดำเนินชีวิตบนโลกไป ไม่ว่าจะผ่านกิจกรรมครัวเรือน กิจกรรมธุรกิจ อะไรต่างๆ ก็ยิ่งทำให้เกิดปัญหาบนโลก ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อมและสังคมมีปัญหาและเสื่อมโทรมมากขึ้น เช่น ปัญหาขยะ น้ำเสีย อากาศเสีย เป็นต้น และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศโดยรวมของโลก เช่น การเกิดปัญหาโลกร้อนตามมาและเชื่อมโยงไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก เช่น ทำให้เกิดภัยแล้ง อุทกภัย ปัญหาฝุ่นละออง เป็นต้น จนอาจเกิดอันตรายต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์บนโลกในระยะยาวได้ 

 

ในด้านสังคมนั้นปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ความยากจน การละเมิดสิทธิมนุษย์ชน เป็นต้น ยังเป็นสิ่งที่เห็นอยู่ทั่วไป ทั้งในสังคมของประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศด้อยพัฒนาเป็นต้น นักลงทุนถือว่าเป็นผู้มีกำลังเงินทุนที่สามารถใช้พลังอำนาจนี้ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงได้โดยมุ่งแสวงหาและสนับสนุนธุรกิจที่บริหารธุรกิจได้อย่างเข้มแข็ง มีผลประกอบการที่ดี แต่มีความประณีตในการดำเนินธุรกิจที่ดูแลผู้เกี่ยวข้องทั้งใกล้และไกลครอบคลุมทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคม 

 

การลงทุนในลักษณะนี้เรียกว่า การลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Investments หรือ RI) ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนที่สนใจการลงทุนแบบ RI เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บทความตอนนี้จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนแบบ RI เพื่อเป็นความรู้ให้แก่นักลงทุนไทยที่กำลังสนใจในการลงทุนแนวนี้

 

1. แนวโน้มการลงทุนแบบ RI ในปี 2021

จากข้อมูลในบทความเรื่อง ‘2021 ESG Trends to Watch/December 2020’ ใน msci.com ของ MSCI (Morgan Stanley Capital International) ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำดัชนีหุ้นชั้นนำของโลกได้สรุปไว้ว่าในปี 2021 เรื่องที่เป็นแนวโน้มใหญ่ของการลงทุนแบบ RI หรือ ESG ประกอบไปด้วย 5 เรื่อง ได้แก่

 

  • ความสนใจเกี่ยวกับภูมิอากาศ (Climate)

โดยอธิบายว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว (2015) ประเทศต่างๆ ในโลกไปตกลงกันที่ปารีสว่าจะช่วยกันลดปัญหาโลกร้อน โดยจะร่วมมือกัน ลดอุณหภูมิของโลกลงมา 2 องศาเซลเซียส แต่ในความเป็นจริงเรื่องนี้เป็นไปได้ช้ามาก ในปี 2021 บรรดานักลงทุน (สถาบัน) หวังว่าจะกดดันเรื่องนี้เพิ่มเพื่อทำให้บริษัทต่างๆเกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญใน Business Model ที่จะทำให้กระบวนการทำธุรกิจ เกิดการช่วยปล่อยก๊าชเรือนกระจกเพิ่มขึ้น

 

  • กระแสการลงทุนแบบ ESG หรือ RI (ESG Bubbles)

นักลงทุนในยุคปัจจุบันมีกลุ่มที่สนใจอยากให้โลกนี้ดีขึ้นในจำนวนมากขึ้นและมีการขยายตัวอย่างมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่ยุคที่จะต้องมาออกแรงโน้มน้าวว่าการลงทุนแบบนี้ดีอย่างไรแล้ว แต่จะเป็นยุคที่หาข้อเท็จจริงว่าดีอย่างไรรวมทั้งการหาเครื่องมือเพื่อสรุปให้นักลงทุนให้เห็นว่าใครทำดีบ้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการคัดกรองหาหุ้น ESG ที่ดี ตรงตามความต้องการ

 

  • ความสนใจเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity)

นักลงทุนจะให้ความสำคัญและสนใจกับเรื่องวิกฤตด้านความหลากหลายทางชีวภาพมากขึ้น ซึ่งสืบเนื่องมาจากเรื่องโควิด-19 ซึ่งอาจมีต้นตอมาจากสัตว์ป่า เช่น ค้างคาว ที่คนเข้าไปล่า การกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายความหลากหลายทางชีวภาพภายในธรรมชาติ และก่อให้เกิดไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีอันตรายต่อมนุษย์ ซึ่งผลกระทบนี้เราก็ยังประสบอยู่ เรื่องดังกล่าวก่อให้เกิดความร้ายแรงต่อสังคมและเศรษฐกิจเกินกว่าจะประเมินมูลค่าความเสียหายได้

 

  • การเปิดเผยข้อมูล ESG (Disclosure)

ปัจจุบันเป็นยุคของความท้วมท้นของข้อมูลการลงทุน รวมทั้งข้อมูล ESG ด้วย ซึ่งมีมากมาย ผ่านการรายงานในรูปแบบต่างๆ บนช่องทางที่หลากหลาย ในยุคต่อไปจากนี้จะมีความพยายาม ค้นหาวิธีหรือเครื่องมือแบบ AI (Artificial Intelligence) ที่จะจัดการและสรุปข้อมูล ซึ่งถ้าใครทำได้ก็จะเป็นที่ต้องการของนักลงทุนมากขึ้น

 

  • ความสนใจในเรื่องการแก้ไขความเหลื่อมล้ำในสังคม (Social Inequality)

แต่เดิมโลกก็พบกับปัญหาความยากจน สัดส่วนคนจนมีมากกว่าคนรวย การเอารัดเอาเปรียบกันในสังคมอยู่แล้ว เหตุการณ์โควิด-19 ยิ่งซ้ำเติมทำให้ปัญหาเหล่านี้มีมากขึ้น เพราะบุคคลได้รับความอ่อนแอทางเศรษฐกิจเพิ่ม คาดการณ์ว่าความสนใจเรื่องสิทธิมนุษย์ชนจะมีมากขึ้นเพื่อหวังว่าผู้ประกอบธุรกิจจะคำนึงถึงเรื่องนี้ ในประเด็นต่างๆ เช่น การดูแลแรงงาน สิทธิเด็ก สิทธิสตรี ผู้ด้อยโอกาส ระหว่างกระบวนการทำธุรกิจ เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม เรื่องต่างๆ เหล่านี้จะอยู่ในความสนใจของนักลงทุนเพิ่มขึ้น

 

2. การผลักดันเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Reality Bites)

ข้อตกลงปารีสว่าด้วยเรื่องโลกร้อนในปี 2015 นั้น บรรดานักลงทุนสถาบันที่เป็น Global Investors ก็ได้มีส่วนร่วมผลักดันด้วย โดยใช้พลังอำนาจจากเงินทุนที่มีอยู่ในมือกดดันให้บริษัทต่างๆ (ผู้ออกหลักทรัพย์) ให้ความร่วมมือ แต่เมื่อผ่านไป  5 ปี แม้จะทำได้ระดับหนึ่งผ่านการสร้างพอร์ตการลงทุนในลักษณะ ‘Cooler Portfolio’ แต่ก็ยังห่างจากเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคธุรกิจ ซึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้า บรรดานักลงทุนสถาบันคงต้องดำเนินการให้เข้มข้นขึ้นโดยผลักดันให้กระบวนการทำธุรกิจบน Business Model ของแต่ละบริษัทต้องมีแผนและกิจกรรมที่จะลดก๊าซเรือนกระจกให้มากกว่าเดิม และบริษัทที่ทำใด้จึงจะเป็นเป้าหมายการลงทุน

 

MSCI มีกลุ่มเป้าหมาย (Universe) ของการลงทุนอยู่ด้วยถึง 8,900+ บริษัทอยู่ใน MSCI ACWI Investable Market Index (IMI) ที่สามารถนำมาคัดกรองผ่าน MSCI’s Warming Potential Metricเพื่อดูว่าใครที่ทำได้ดีในเรื่องการลดโลกร้อน

 

โดยบริษัทที่ถูกคัดเลือกเข้าสู่ Portfolio ได้ จะต้องสามารถดำเนินกิจกรรมธุรกิจที่ช่วยลดโลกร้อนได้โดยต้องสามารถลดอุณหภูมิโลกลงได้ 2 องศาเซลเซียส หรือ 1.5 องศาเซนเซียส ทั้งนี้จะมีการเพิ่มน้ำหนักใน Portfolio สำหรับบริษัทที่ทำได้จากเป้าหมายต่างๆ ดังกล่าวจากฝั่งนักลงทุน จะเป็นตัวผลักให้ฝั่งบริษัทหรือธุรกิจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการทำธุรกิจของตนเอง และดำเนินกิจกรรมที่จะลดโลกร้อน 

 

รวมทั้งมีการคำนวณวัดผลและเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจนให้แก่นักลงทุน และเพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบในต่างประเทศ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญของเดนมาร์กและสหราชอาณาจักร เริ่มค้นหาสินทรัพย์ลงทุนที่มีลักษณะเป็น Green Investments เช่น Green Bond ที่นำเงินไปลงทุนใน Green Infrastructure หรือการลงทุนในลักษณะ Zero and Negative – Carbon Investments 

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ประเภทนี้ยังมีอยู่ไม่มากนัก อาจเป็นเพราะยังมีขั้นตอนและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอยู่มาก ซึ่งจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม รวมทั้งให้ความรู้แก่ผู้เกี่ยวข้องต่อไป 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post การลงทุนแบบ Responsible Investment กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (1) appeared first on THE STANDARD.

]]>