เป็นอีกครั้งที่ Swensen’s ตัดสินใจเปิด Region Flagship Store ซึ่งสาขานี้ถือเป็นสาขาที่ 6 โดยเปิดในคอมมูนิตี้มอลล์ที่ชื่อว่า ‘หาดใหญ่วิลเลจ’

ถึงในสงขลาจะมี Swensen’s อยู่ถึง 6 สาขา และยังมี Region Flagship Store อยู่ที่ภูเก็ต ยะลา และนครศรีธรรมราช แต่ Swensen’s ก็มองว่านี่จะเป็นอีกสาขาที่จะดึงดูดลูกค้าให้อยากเดินเข้าร้าน

“การเปิดเป็น Region Flagship Store ไม่ได้กระทบกับยอดขายสาขาที่เปิดอยู่แล้ว ในทางกลับกันยอดขายเพิ่มขึ้น 10% เสียด้วยซ้ำ” อนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด กล่าว “ยอดขายที่เติบโตเป็นผลมาจาก Awareness ที่ลูกค้ารับรู้ได้จากการเปิด Region Flagship Store”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

• Swensen’s เดินทางลงใต้เปิด Region Flagship Store สาขาที่ 5 ที่ ‘นครศรีธรรมราช’ หยิบ ‘บ้านขุนรัฐวุฒิวิจารณ์’ อายุ 108 ปี มาเป็นกิมมิกออกแบบ 
• Swensen’s เปิด Region Flagship Store สาขา 4 ที่ ‘พิษณุโลก’ ใหญ่ที่สุดและใช้งบลงทุนมากที่สุด
• Swensen’s เดินเกม Region Flagship Store บุกเปิดสาขา 2 ‘กาดน่าน’ ที่มาพร้อมกับโลโก้สีขาว

สำหรับ Region Flagship Store สาขาที่ 6 นี้ใช้งบลงทุนกว่า 20 ล้านบาท มีพื้นที่ 325 ตารางเมตร และจำนวนที่นั่งกว่า 123 ที่นั่ง ในแง่ของดีไซน์ได้แรงบันดาลใจจากบ้านทรงจีน ที่มีความโค้งมน และยังมีป้ายชื่อแบรนด์ที่เป็นภาษาไทยด้วย

อนุพนธ์ย้ำว่า จังหวัดที่จะเปิด Region Flagship Store ได้นั้นต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทางวัฒนธรรม รวมไปถึงขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่พอสมควร ยกตัวอย่างหาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่คึกคักกว่าตัวเมืองเสียอีก เพราะนอกจากคนในพื้นที่แล้ว ยังมีชาวมาเลเซียที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยด้วย

“ปกติแล้ว Region Flagship Store จะมียอดขายมากกว่าสาขาทั่วไปประมาณ 20% แต่ก็แลกมากับการลงทุนที่สูงขึ้น ทำให้การคืนทุนจะช้ากว่าปกติ”

ตามแผน Region Flagship Store ในปีนี้จะมีการเปิดเพิ่มอีก 1 แห่งในไตรมาส 3 แต่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยว่าจะไปเปิดที่จังหวัดไหน

อย่างไรก็ตาม อนุพนธ์เผยว่า ในปี 2565 ยอดขายของ Swensen’s กลับคืนมา 95% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด โดยมีการออกเมนูใหม่เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาที่ร้าน รวมไปถึงการทำโฆษณาอีกครั้ง

“การให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจะมีการดึงดูดให้ลูกค้าเดินเข้ามาที่ร้าน ซึ่งปัจจุบันเราพบว่าลูกค้าที่มีบัตรสมาชิกมีความถี่ในการเข้าร้าน 5 ครั้งต่อปี ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น มียอดขายเฉลี่ยต่อบิลที่ 300 บาท โดยปัจจุบันเรามีสมาชิกอยู่ราว 1 ล้านคน”

ปัจจุบัน Swensen’s มีร้านอยู่ทั้งสิ้น 330 สาขาทั่วประเทศ โดยในปีนี้คาดว่าจะเปิดเพิ่มราว 10 สาขา พร้อมตั้งเป้าให้ยอดขายรวมกลับมาสูงกว่าช่วงเกิดโควิด

The post Swensen’s สาขาหาดใหญ่วิลเลจ Region Flagship Store แห่งที่ 6 ที่มาพร้อมกับดีไซน์แรงบันดาลใจจากบ้านทรงจีน appeared first on THE STANDARD.

หลังจากที่สื่ออย่าง Reuters ออกมาเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยรายงานข่าวกรณีที่ บริษัท Huawei Technologies Co., Ltd. ผู้พัฒนาเทคโนโลยีโทรคมนาคมและสมาร์ทโฟนจากจีน กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาขายธุรกิจสมาร์ทโฟนของตัวเอง โดยเฉพาะแบรนด์สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงอย่าง P และ Mate Series 

ล่าสุด Huawei ได้ออกมาตอบโต้ข่าวลือดังกล่าวทันควันผ่านช่องทางแพลตฟอร์มการสื่อสารของพวกเขาในประเทศจีนอย่าง Weibo โดยระบุว่า พวกเขาไม่มีแผนจะขายธุรกิจสมาร์ทโฟนแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม Huawei ยืนยันที่จะยังมุ่งมั่นสร้างสรรค์แบรนด์สมาร์ทโฟนเซกเมนต์ไฮเอนด์ เพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดโลก และส่งต่อบริการและผลิตภัณฑ์ที่ดีเยี่ยมให้กับผู้บริโภค

สำหรับรายงานก่อนหน้านี้ของ Reuters ระบุว่า แหล่งข่าววงในจำนวนสองรายได้เปิดเผยกับพวกเขาถึงกรณีที่ Huawei กำลังอยู่ในระหว่างการพูดคุยกับองค์กรที่สนับสนุนโดยหน่วยงานรัฐบาลเซี่ยงไฮ้และบริษัทด้านการลงทุนต่างๆ มาเป็นเวลานานร่วมหลายเดือนแล้วตั้งแต่ช่วงกันยายน เพื่อพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการจำหน่ายธุรกิจพัฒนาสมาร์ทโฟนแฟลกชิปของบริษัท

เชื่อกันว่าหนึ่งในแรงจูงใจประการต้นๆ ที่ทำให้สื่อมองว่าข่าวลือการขายธุรกิจสมาร์ทโฟนของ Huawei มี ‘น้ำหนัก’ เป็นพิเศษ เป็นผลมาจากการที่พวกเขาถูกลงดาบห้ามบริษัทในประเทศสหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจด้วยมาตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งส่งผลลามต่อเนื่อง ทำให้สมาร์ทโฟนของพวกเขาที่ผลิตออกมาในช่วงระยะหลังไม่สามารถเข้าถึงบริการของ Google ได้โดยตรง (ใช้งาน Android แบบ Open Source ไม่สามารถเข้าถึงการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบน PlayStore ได้ตามปกติ)

จนทำให้ธุรกิจสมาร์ทโฟนที่เคยตั้งเป้าหมาย และได้รับการคาดการณ์ว่าจะขึ้นมาครองเจ้าตลาดสมาร์ทโฟนโลกในอันดับหนึ่งได้ไม่ยากมีอันต้องพังทลายลงทันที ขณะที่ข้อมูลจาก IDC พบว่า ในช่วงไตรมาส 3/63 ที่ผ่านมา Huawei มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในลำดับที่ 2 ที่ 14.6% เป็นรอง Samsung เจ้าตลาดในอันดับที่หนึ่งซึ่งมีส่วนแบ่ง 22.7%

รายงานจาก Reuters ยังระบุอีกด้วยว่า Huawei ยังคงมีความหวังอยู่ลึกๆ ว่าคณะทำงานของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่อย่าง โจ ไบเดน จะมีท่าทีและวิธีการปฏิบัติต่อพวกเขาที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งก็อาจทำให้ภาพรวมการทำธุรกิจตลาดในสมาร์ทโฟนของพวกเขาคลี่คลายได้ในระดับหนึ่ง

ก่อนหน้านี้หากย้อนไปในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว Huawei ก็เพิ่งตัดสินใจขายธุรกิจสมาร์ทโฟนของแบรนด์ลูกในเครืออย่าง Honor ไปให้กับบริษัท Shenzhen Zhixin New Information Technology เพื่อลดแรงเสียดทานในการดำเนินธุรกิจที่พวกเขาต้องเผชิญจากสหรัฐฯ มาแล้วเช่นกัน

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง:

• https://www.myfixguide.com/huawei-no-plans-sell-phone-business/
• https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_10932747
• https://www.reuters.com/article/uk-huawei-smartphone-sale-exclusive-idUKKBN29U0PA?taid=600e8512c8ffe70001f659c5&utm_campaign=trueAnthem:+Trending+Content&utm_medium=trueAnthem&utm_source=twitter 

The post Huawei โต้ข่าวลือพิจารณาขายแบรนด์สมาร์ทโฟนแฟลกชิป P และ Mate ไม่เป็นความจริง appeared first on THE STANDARD.

เป็นอีกครั้งที่ Swensen’s ยักษ์ใหญ่ในตลาดร้านไอศกรีมของไทย เลือกที่จะหยิบกลยุทธ์ Region Flagship Store ขึ้นมาใช้ หลังจากสร้างเสียงทอล์กออฟเดอะทาวน์เมื่อเปิดสาขาแรก ‘ภูเก็ตทาวน์’ ไปเมื่อปลายปี 2561 ด้วยร้านสีขาวที่ถูกออกแบบโดยมีพื้นฐานมาจากบ้านเรือนแบบชิโน-โปรตุกีสอันขึ้นชื่อของภูเก็ต 

สำหรับสาขา 2 นี้ Swensen’s เลือกที่จะเปิดในอีกซีกหนึ่งของไทย โดยไปเปิดที่ ‘น่าน’ จังหวัดเล็กๆ ในภาคเหนือตอนบน โดยทำเลที่ตั้งนั้นอยู่ในกาดน่าน ซึ่งเป็นตลาดที่อยู่ใจกลางเมืองน่าน 

อนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด อธิบายให้ THE STANDARD ฟังว่าการจะเลือกเปิด Region Flagship Store ที่ใดที่หนึ่ง จังหวัดนั้นจะต้องมีวัฒนธรรมท้องถิ่นที่โดดเด่น โดยเฉพาะตึกรามบ้านช่อง ซึ่งสาเหตุที่เลือกน่าน แม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่เป็นชุมชนที่เข้มแข็งและมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นมาก 

“ความท้าทายในการทำ Region Flagship Store คือต้องเข้าใจความเป็นท้องถิ่นให้มากที่สุดจึงจะทำร้านแล้วออกมาได้เหมือนกับวัฒนธรรมต้นแบบ ซึ่งอย่างร้านที่กาดน่านก็ได้เชิญศิลปินท้องถิ่นมาร่วมออกแบบและตกแต่งด้วย”

การออกแบบของ Swensen’s กาดน่าน ใช้เอกลักษณ์ 5 อย่างของน่านเข้ามาใส่ มีพื้นที่ 350 ตารางเมตร มีที่นั่งประมาณ 130 ที่นั่ง ใช้งบลงทุน 10 ล้านบาท สูงกว่าสาขาปกติที่ใช้ราว 5 ล้านบาท เพราะโครงสร้างภายนอกของที่นี่ต้องสร้างใหม่ทั้งหมด 

นอกเหนือจากรูปแบบร้าน สิ่งที่แตกต่างจากสาขาอื่นๆ คือการใช้โลโก้ ‘สีขาว’ จากปกติที่จะใช้สีแดง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศภายนอก โดยที่นี่ใช้โลโก้เป็นสีขาวสาขาที่ 2 ต่อจากสาขาที่เอ็มควอเทียร์

กาดน่านเริ่มซอฟต์ลอนช์ (Soft Launch) ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดี มีลูกค้าเฉลี่ยวันละ 1,000 คน มากกว่าเดิมที่ตั้งไว้ 500 คนต่อวัน สำหรับกลุ่มเป้าหมายตั้งไว้ 70% เป็นคนท้องถิ่น และ 30% เป็นนักท่องเที่ยวคนไทยที่มาเที่ยว

จริงๆ แล้ว Swensen’s เคยบุกไปเปิดที่น่านครั้งหนึ่งในไฮเปอร์มาร์เก็ต แต่ที่สุดแล้วก็ต้องยกทัพกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน เพราะพบว่าคนน่านไม่ค่อยเดินไฮเปอร์มาร์เก็ตสักเท่าไร แต่ชอบเดินที่ร้านค้าท้องถิ่นมากกว่า ดังนั้นที่น่าน Swensen’s จึงมีแค่ 1 สาขา และคิดว่าคงไม่ได้ขยายไปมากกว่านี้แล้ว

ทั้งนี้ กลยุทธ์ Region Flagship Store ถูกวางแผนจะเปิดปีละ 1 สาขา สำหรับสาขาต่อไปได้เล็งๆ ไว้บ้างแล้ว แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ว่าจะไปเปิดที่ไหนและเมื่อไร

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

The post Swensen’s เดินเกม Region Flagship Store บุกเปิดสาขา 2 ‘กาดน่าน’ ที่มาพร้อมกับโลโก้สีขาว appeared first on THE STANDARD.