งาน BRIT Awards 2022 ถูกวิจารณ์หนักจากทั้งคนในแวดวงดนตรีและคอเพลงอีกครั้ง หลังประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัล Best Pop/R&B แต่กลับมีศิลปินแนว R&B เข้าชิงเพียงคนเดียว

ที่จริงแล้ว BRIT Awards ได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบตั้งแต่ที่มีการประกาศรางวัลใหม่ทั้งหมด 4 สาขาออกมา นั่นคือ Alternative/Rock, Hip-Hop/Grime/Rap, Dance และสาขา Pop/R&B ซึ่งการที่พวกเขารวมเอาเพลงแนว Pop และ R&B ที่มีความแตกต่างกันเข้าไว้ด้วยกันก็สร้างความงงงวยให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีและแฟนเพลงเป็นอย่างมาก จนเกิดเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลมีเดียในชั่วข้ามคืน

Mahalia นักร้องและนักแต่งเพลงแนว R&B วัย 23 ปี ได้ทวีตข้อความว่า “การรวม Pop และ R&B ไว้ในสาขาเดียวกันเป็นอะไรที่บ้ามากสำหรับฉัน และยังเป็นข้อพิสูจน์ว่า ผู้ที่มีอำนาจจัดการเรื่องพวกนี้ไม่ได้เข้าใจในดนตรีเลย ฉันรักงาน BRITs ตั้งแต่เด็กนะ แต่ในฐานะนักร้องและนักแต่งเพลง R&B สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฉันรู้สึกถึงการไร้ความก้าวหน้าในแง่ของดนตรีแนว R&B ของอังกฤษโดยสิ้นเชิง”

หลังจากนั้นประเด็นดังกล่าวก็ร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม เมื่อ BRIT Awards เผยรายชื่อผู้เข้าชิงสาขา Best Pop/R&B ซึ่งประกอบไปด้วย Adele, Ed Sheeran, Dua Lipa, Griff และ Joy Crookes จุดประกายให้ทั้งคอเพลงและศิลปินอีกมากมายออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้ง รวมไปถึงศิลปินสาว Sinéad Harnett ที่อัดคลิปวิดีโอและกล่าวว่า ถึงแม้เธอจะรักศิลปินทุกคนในลิสต์ แต่มันก็สร้างความสับสนแก่เธออยู่ดี 

“พวกเขาเป็นศิลปินที่สุดยอด แต่ฉันมี 2 คำถาม คำถามแรกคือ ทำไมถึงรวม Pop กับ R&B เข้าด้วยกัน คำถามที่ 2 ก็คือ ถ้าจะทำแบบนั้น อย่างน้อยก็ช่วยใส่ชื่อนักร้อง R&B เข้าไปด้วยเถอะ ขอร้อง” ไม่ใช่เพียงแค่ศิลปินและแฟนเพลงเท่านั้นที่ออกมาต่อว่างาน BRIT Awards แม้แต่หนึ่งในคณะกรรมการผู้มีสิทธิ์โหวตในงานนี้ก็ยังออกมาแสดงความสงสัยต่อการตัดสินใจของงานประกาศรางวัลดังกล่าว

อ้างอิง:

• https://www.nme.com/news/music/brits-criticised-for-not-including-any-rb-artists-in-best-pop-rb-act-category-3123105 

The post งาน BRIT Awards 2022 ถูกวิจารณ์อย่างหนัก หลังไม่มีศิลปินแนว R&B เข้าชิงสาขา Best Pop/R&B ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ appeared first on THE STANDARD.

THE STANDARD POP เก็บภาพบรรยากาศคอนเสิร์ตเดี่ยว Live Set ครั้งแรกในประเทศไทยของ Flume ดีเจ Future-Techno และ Electronic Producer ชื่อดังจากออสเตรเลีย เจ้าของเพลง Never Be Like You และ Say It ใน White Noise Present FLUME Live in Bangkok ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อคืนวันพุธที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา 

บอกเลยว่านี่คือคอนเสิร์ตที่จะพาทุกคนไปร่วมเปิดประสบการณ์ความมันกับดนตรี Future Bass และนับว่าเป็นอีกหนึ่งโชว์ที่โดดเด่นเรื่องการใช้ Lighting และการนำมุมกล้องมาใช้ในการประกอบโชว์ได้อย่างน่าทึ่ง แถมยังขนโปรดักชันมาแบบจัดเต็ม ให้สมกับการรอคอยของแฟนคลับชาวไทย

เปิดโชว์ด้วยศิลปินคนแรก PYRA เจ้าหญิงเพลงอิเล็กทรอนิกส์ อาร์แอนด์บี เจ้าของรางวัล Apple Music Best New Artist 2016 ตามมาด้วยคนที่สอง ‘KH’ Khan Thaitanium อีกทั้ง Flume ขึ้นโชว์พร้อมอวดเพลงฮิต Never be Like You ต้อนรับการมาไทย พร้อมกับ 2 ศิลปินคุณภาพอย่าง Vera Blue และ Reo Cragun 

ย้อนไปในวัยเด็ก Flume เริ่มต้นผลิตดนตรีจากของแถมในกล่องอาหารเช้าตอนอายุเพียง 13 ปี ใครเลยจะรู้ว่านาทีนั้นคือจุดเริ่มต้นการเดินทางสายดนตรี 

ต่อมาในปี 2010 Flume ได้เริ่มทำเพลงสไตล์ House Music กระทั่งได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง Future Classic ในอีก 1 ปีต่อมา จากการส่งเพลงเข้าแข่งขัน ซึ่งต่อมาเพลงที่ส่งไปประกวดทั้ง 3 เพลง ก็ถูกปล่อยออกมาจําหน่ายอย่างเป็นทางการ และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปล่อยเพลงฮิตอย่าง Never Be Like You, Sleepless และ Say It จนติดอันดับที่ 87 ของดีเจยอดนิยม Top 100 DJs ในปี 2017 

ล่าสุดปี 2019 Flume กลับมาอีกครั้งพร้อมผลงานอัลบั้ม Hi This Is Flume (Mixtape) ที่ยังคงสไตล์ Future Bass และเพิ่มกลิ่นอายดนตรีฮิปฮอปผสมความเท่เข้าไปในสไตล์ Flume ยิ่งทำให้อัลบัมนี้โดดเด่นน่าจับตามากยิ่งขึ้น 

สำหรับใครที่อยากทำความรู้จักกับดีเจสไตล์จัดมากกว่านี้ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของ Flume ได้ทั้ง Facebook Fanpage: Flumemusic หรือ Instagram @Flume และเว็บไซต์ flumemusic.com

อ้างอิง:

• flumemusic.com
• facebook.com/WhiteNoiseTunes
• radradio.becteroradio.com

The post FLUME Live in Bangkok เปิดประสบการณ์ความมันกับคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในไทย appeared first on THE STANDARD.

แดเนียล ซีซาร์ คือหนึ่งในศิลปินนักร้องนักแต่งเพลงแนวอาร์แอนด์บีขวัญใจวัยรุ่น เจ้าของรางวัล Grammy สาขา Best R&B Performance ปีล่าสุด ผู้มาพร้อมกับเสียงร้องสุดไพเราะและนุ่มละมุนที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน 

เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (25 ก.ค.) เขาได้เปิดคอนเสิร์ตในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี และก็ต้องบอกว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ได้กระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม สังเกตได้จากจำนวนของเหล่าแฟนเพลงหรือคนที่เดินทางมาร่วมชมกันอย่างล้นหลาม

คอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทัวร์โปรโมตอัลบั้มชุดล่าสุดอย่าง Case Study 01 อัลบั้มเต็มชุด 2 ที่เพิ่งปล่อยออกมาอย่างเซอร์ไพรส์เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากปล่อยให้แฟนเพลงต้องรอคอยกันถึง 2 ปี นับตั้งแต่ Freudian (2017) เดบิวต์อัลบั้มซึ่งถือเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีชและประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยกรุงเทพมหานครคือจุดหมายปลายทางที่ 4 สำหรับการทัวร์โซนเอเชีย 

ก่อนหน้านี้ แดเนียล ซีซาร์ ได้เดินทางไปโชว์ในหลายประเทศ อาทิ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ ซึ่งก็ได้กระแสตอบรับดีในทุกๆ เมือง สำหรับโชว์ครั้งแรกในกรุงเทพฯ แดเนียลขนเอาเพลงจากอัลบั้มล่าสุดมาเล่นอย่างต่อเนื่อง ไล่มาตั้งแต่ Cyanide, Love Again, Restore The Feeling และ Open Up ก่อนที่จะแทรกด้วย Violet ซิงเกิลจากอีพีอัลบั้มชุด Praise Break (2015) ซึ่งเป็นเพลงแรกในชีวิตที่เขาปล่อยออกมาในฐานะศิลปินและทำให้โลกได้รู้จักกับชายที่ชื่อ แดเนียล ซีซาร์ ก่อนจะเติมความฟินด้วย Complexities, Hold Me Down, Are You Ok? และ Frontal Lobe Muzik เพลงที่ทำร่วมกับ ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ นักร้องฮิปฮอปอาร์แอนด์บีชื่อดัง

ในช่วงแรกของคอนเสิร์ตต้องบอกตามตรงว่าเหล่าแฟนเพลงยังค่อนข้างเงียบและมีส่วนร่วมกับโชว์น้อย อาจจะเป็นเพราะแดเนียล ซีซาร์เลือกและเน้นเล่นเพลงจากอัลบั้มชุดล่าสุดเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหลายๆ คนยังไม่สามารถร้องตามกันได้ หากใครที่เป็นแฟนเพลงยุคแรกเริ่มและคาดหวังจะได้ฟังเพลงจากอัลบั้มเก่าๆ เยอะกว่านี้ก็อาจจะผิดหวังเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ยังดูเอ็นจอย และเพลิดเพลินไปกับเสียงร้องอันทรงเสน่ห์ของเขาได้ตลอดเวลา

สำหรับไฮไลต์สำคัญขอยกให้เป็นช่วงที่ แดเนียล ซีซาร์ หยิบเอาเพลงจากอัลบั้มชุด Freudian มาเล่น ไม่ว่าจะเป็น Blessed, Get You เพลงดังที่เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร และ Best Part บทเพลงขวัญใจมหาชนที่มีเนื้อหาสุดโรแมนติก ทั้งยังเป็นเพลงที่โด่งดังที่สุดของแดเนียล ซีซาร์ จุดนี้ทุกคนในฮอลล์พร้อมใจกันร้องตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง โดยเฉพาะท่อนฮุกอันเป็นท่อนจำฝังใจของใครหลายคนอย่าง ‘If life is a movie then you’re the best part’ ซึ่งนับว่าเป็นโมเมนต์ที่สวยงามและน่าจดจำจริงๆ

ช่วง Encore กับอีกหนึ่งเพลงสร้างชื่ออย่าง Japanese Denim ก็ถือเป็นอีกช่วงเวลาที่หลายคนต่างเฝ้ารอ เพราะทันทีที่เสียงดนตรีของเพลงนี้ถูกบรรเลงขึ้นมา ผู้คนในฮอลล์ก็พากันกรีดร้องราวกับเสียสติ พร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเก็บภาพความทรงจำกันอย่างเนืองแน่น ก่อนที่ แดเนียล ซีซาร์ จะกล่าวขอบคุณแฟนเพลงชาวไทย และปิดโชว์ไปด้วยความประทับใจกับ Superposition บทเพลงเมโลดี้สวยงามที่ได้ศิลปินตัวพ่อของวงการอย่าง จอห์น เมเยอร์ เข้ามาช่วยเติมเต็มในส่วนของไลน์กีตาร์ 

โดยรวมแล้วคอนเสิร์ต Daniel Caesar Live in Bangkok ครั้งนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งโชว์ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดีและประทับใจคนดู ถึงแม้จะรู้สึกว่าระยะเวลาของโชว์ครั้งนี้สั้นและค่อนข้างจบไวไปนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าแก่การเสียเงินซื้อบัตรเพื่อเข้ามาฟังแดเนียล ซีซาร์ ร้องเพลงแบบสดๆ

ในอนาคตเราเชื่อว่าหากแดเนียล ซีซาร์ ยังคงเดินหน้าผลิตผลงานเพลงคุณภาพแบบนี้ออกมาอีกเรื่อยๆ และหากแฟนเพลงยังคงให้การสนับสนุนเขาอย่างดีต่อไป โชว์ครั้งนี้จะไม่ใช่คอนเสิร์ตที่แดเนียล ซีซาร์ เล่นในประเทศไทยเพียงครั้งเดียวอย่างแน่นอน

* หมายเหตุ: ภาพประกอบมาจากงานเทศกาลดนตรี Festival D’été Quebec เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2019

ขอขอบคุณ: D Corp

ภาพเปิด: Scott Legato/Getty Images

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post Daniel Caesar อาร์แอนด์บีสตาร์คนใหม่ กับคอนเสิร์ตครั้งแรกในประเทศไทย appeared first on THE STANDARD.

หากให้พูดถึงศิลปินแนวโซลอาร์แอนด์บีที่กำลังมาแรงที่สุดคนหนึ่งของวงการเพลงในยุคปัจจุบัน ชื่อของ แดเนียล ซีซาร์ นักร้องนักแต่งเพลงผิวสีชาวแคนาดาขวัญใจวัยรุ่นจะต้องเป็นรายชื่อแรกๆ ที่ผุดขึ้นมาในวงสนทนาอย่างแน่นอน เพราะเขาคือศิลปินหนุ่มมากความสามารถผู้มาพร้อมกับเสียงร้องสุดไพเราะและนุ่มละมุนที่ใครหลายคนต่างบอกว่าเสียงของเขานั้นเปรียบดั่งเสียงที่มาจากสรวงสวรรค์

สำหรับคนที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแดเนียลคือใคร เขาคือศิลปินเจ้าของเพลง Best Part เพลงรักเนื้อหาสุดโรแมนติกที่มีท่อนจำฝังใจคนทั้งโลกอย่าง “If life is a movie, Oh you’re the best part” ซึ่งถือเป็นเพลงที่กำลังโด่งดังอย่างมากในปัจจุบัน ถึงขนาดว่าหากเราลองไปเสิร์ชดูในยูทูบว่า Best part daniel caesar cover ก็จะปรากฏคลิปวิดีโอที่มีคนคัฟเวอร์เพลงนี้เป็นร้อยเป็นพันคลิปแบบนับไม่ถ้วน 

นอกจาก Best Part แล้วก็ยังมีผลงานหรือบทเพลงอื่นอีกมากมายที่สุดยอดศิลปินหนุ่มคนนี้ได้รังสรรค์ออกมาเพื่อขับกล่อมให้เหล่าแฟนเพลงและคนฟังทั่วโลกรู้สึกเพลิดเพลินเหมือนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสุขสันต์ในทุกๆ ขณะที่ฟังเพลงของเขา 

เพราะฉะนั้นเราจึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแดเนียลให้มากขึ้นกว่าเดิมถึงจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเป็นศิลปิน และเบื้องลึกเบื้องหลังของความสำเร็จทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับอาร์แอนด์บีสตาร์คนใหม่ผู้นี้

แดเนียล ซีซาร์ หรือชื่อจริง แอชตัน ซิมมอนส์ เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน 1995 เขาเป็นลูกคนที่ 2 จากทั้งหมด 4 คนของครอบครัวเคร่งศาสนา ซึ่งนำโดย นอร์วิล ซิมมอนส์ คุณพ่ออดีตนักร้องแนวกอสเปลผู้เคยออกอัลบั้มตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมอยู่ที่ประเทศจาเมกา แดเนียลและพี่น้องอีก 3 คนเติบโตขึ้นมาในออสฮาวา เมืองชายฝั่งเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา 

ชีวิตช่วงแรกของเขา หากว่ากันตามตรงแล้วมันก็ไม่ได้ราบรื่นเท่าไรนัก ยิ่งเป็นลูกในครอบครัวที่เคร่งศาสนา กิจวัตรประจำวันของเขาก็หนีไม่พ้นการตื่นเช้าไปโรงเรียน นอกเวลาเรียนหรือช่วงเวลาว่างก็ต้องไปโบสถ์เพื่อร่วมร้องเพลงสรรเสริญนมัสการพระเจ้ากับคณะประสานเสียงอยู่เป็นประจำ อีกทั้งแดเนียลยังต้องต่อสู้กับพ่อแม่อยู่ตลอดเวลา เพราะเขารู้สึกว่าชีวิตแบบนี้มันไม่ใช่ชีวิตในแบบที่ตัวเขาต้องการ

หลังจากใช้เวลาส่วนหนึ่งในชีวิตไปกับการร้องเพลงอยู่ในโบสถ์ ต่อมาไม่นานเขาก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียนเมื่ออายุประมาณ 17 ปี ด้วยสาเหตุที่ว่าแดเนียลดันเอากัญชาไปขายให้กับเพื่อนร่วมชั้น ก่อนที่อีก 1 ปีต่อมาเขาจะเก็บข้าวของออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปตามหาความฝันของตัวเองในเมืองโทรอนโต ซึ่งความฝันที่ว่านั้นก็คือการเป็นศิลปิน

อาจจะเป็นอะไรที่ฟังดูเชยไปหน่อย แต่นั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับแดเนียล ศิลปิน นักร้อง นักแต่งเพลงแนวโซลอาร์แอนด์บีคุณภาพคับแก้วที่ทุกคนต่างก็หลงรักและชื่นชมในผลงาน

แน่นอนว่าการเริ่มต้นเส้นทางศิลปินของแดเนียลไม่ใช่เรื่องง่าย ทันทีที่มาถึงโทรอนโต เขากลายเป็นโฮมเลสอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง เพราะไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ต้องไปขออาศัยหลับนอนบนโซฟาตามห้องพักของเพื่อนๆ หรือแม้แต่สวนสาธารณะในเมืองเขาก็เคยไปนอนค้างมาแล้ว แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นก็คือครอบครัวของแดเนียลไม่ได้รู้สึกยินดีหรือพร้อมจะสนับสนุนการเป็นศิลปินให้เขาเท่าไรนัก

“ผมเริ่มทำดนตรี แต่พ่อแม่กลับบอกผมว่านั่นมันไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าต้องการให้ผมทำ” เขากล่าว

แต่ถึงอย่างนั้นแดเนียลก็ยังคงเดินหน้าและมุ่งมั่นตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองรักและฝันมาตลอด

https://www.youtube.com/watch?v=C-EHa2Mwt44&feature=youtu.be

ปี 2014 เขาปล่อยอีพีอัลบั้ม Praise Break ที่เขาทำเอง ซึ่งถือเป็นผลงานเปิดตัวการเป็นศิลปินในชื่อ แดเนียล ซีซาร์ และแน่นอนว่ามันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากมาย แต่ก็นับว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญสำหรับเส้นทางสายดนตรีของเขา เพราะตัวอัลบั้มก็ได้รับคำชื่นชมไปไม่น้อย แถมยังขึ้นไปติดอยู่บนชาร์ต 20 Best R&B Albums ของนิตยสาร Rolling Stone 

เพลงของแดเนียลคือเพลงแนวโซลอาร์แอนด์บี ซึ่งเนื้อหาหลักๆ ในเพลงที่เขาแต่งจะว่าด้วยเรื่องของความรัก เซ็กซ์ ศาสนา และประสบการณ์ต่างๆ ที่เขาพบเจอมาตลอดชีวิต โดยนอกจากเสียงร้องอันไพเราะที่ไม่ว่าใครได้ฟังก็ต้องหลงใหลแล้ว สิ่งที่ทำให้เพลงของแดเนียลแตกต่างจากเพลงอาร์แอนด์บีทั่วไปคือการที่เขานำเอาสไตล์เพลงกอสเปล ซึ่งเน้นการใช้เสียงและการร้องประสานเสียงมาประยุกต์เข้ากับการทำเพลงอาร์แอนด์บีของตัวเองได้อย่างลงตัว ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นผลพวงหรือสิ่งที่เขาได้รับอิทธิพลมาจากการที่เคยเข้าร่วมกับคณะร้องประสานเสียงที่โบสถ์เมื่อสมัยเด็กๆ รวมทั้งพ่อของเขา นอร์วิล ซิมมอนส์ ที่เป็นอดีตนักร้องแนวกอสเปลด้วย

นอกจากนั้นการทำเพลงของแดเนียลยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปินคนอื่นอีกมากมายที่เขายึดเป็นต้นแบบในการทำงาน เช่น แฟรงก์ โอเชียน, คานเย เวสต์, บียอนเซ่ หรือแม้แต่ จิม มอร์ริสัน ฟรอนต์แมนผู้ล่วงลับของ The Doors วงร็อกสัญชาติอเมริกันระดับตำนาน 

หลังจากออกอีพีอัลบั้มแรกในชีวิตไปเพียง 1 ปี แดเนียลก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น 

ปี 2015 เขากลับมาพร้อมกับอีพีอัลบั้มชุดที่สองอย่าง Pilgrim’s Paradise อัลบั้มที่บรรจุเพลงคุณภาพอย่าง Death & Taxes, Streetcar, Show No Regret และ Little Rowboat เอาไว้ ซึ่งคราวนี้เป็นการทำงานภายใต้สังกัด Golden Child Recordings และกระแสตอบรับจากคนฟังก็ดีกว่าอีพีอัลบั้มชุดแรกเป็นเท่าตัว

ทั้งนี้นอกจากสองอีพีอัลบั้มที่ออกมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน แดเนียลยังปล่อยซิงเกิลที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงสร้างชื่อให้กับเขา แต่ไม่ถูกนำไปใส่ไว้ในอัลบั้มอย่าง Japanese Denim ที่ปัจจุบันมียอดสตรีมใน Spotify มากกว่า 100 ล้านครั้งเข้าไปแล้ว

แดเนียลใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีหลังจากปล่อยอีพีอัลบั้มชุดที่ 2 ในการแปรเปลี่ยนสถานภาพของตัวเองจากศิลปินโนเนมไม่ค่อยมีใครรู้จักสู่การเป็นอาร์แอนด์บีสตาร์คนใหม่ของวงการที่มีความป๊อป จนทุกวันนี้มีแฟนคลับที่คอยติดตามและหนุนหลังเขาอยู่มากมาย 

นี่ถือเป็นช่วงเวลาที่สปอตไลต์ในวงการดนตรีเริ่มสาดส่องเข้าหาแดเนียลอย่างแท้จริง ณ เวลานั้นเขาไม่รู้ตัวหรอกว่าอีกไม่นานตัวเองกำลังจะกลายเป็นหนึ่งในศิลปินอาร์แอนด์บีที่มาแรงและได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งยุคสมัยปัจจุบัน

Freudian เดบิวต์สตูดิโออัลบั้มแรกของเขาที่ออกมาเมื่อปี 2017 กลายเป็นผลงานมาสเตอร์พีซที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในชีวิตของแดเนียล ตัวอัลบั้มได้กระแสตอบรับดีเป็นอย่างมาก รวมไปถึงคำวิจารณ์ในแง่บวก ทั้งยังสามารถขึ้นไปติดอยู่ในอันดับ 25 บนชาร์ต Billboard 200 ได้ และนี่ยังเป็นผลงานที่เขาโปรดิวซ์ร่วมกับ จอร์แดน อีแวนส์ และแมทธิว เบอร์เน็ตต์ สองโปรดิวเซอร์คู่บุญบนถนนสายดนตรีของแดเนียลที่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ตอนเริ่มทำอีพีอัลบั้มชุด Praise Break และ Pilgrim’s Paradise เขาทั้งสองคนคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินชื่อดังมากมาย เช่น เอ็มมิเนม, เดรก, เจย์ ซี, ไชล์ดิช แกมบิโน ฯลฯ

Freudian คืออัลบั้มที่ถูกเหล่าคนฟังและนักวิจารณ์คาดการณ์เอาไว้ว่าจะกลายเป็นอัลบั้มเพลงโซลอาร์แอนด์บีสุดคลาสสิกในอนาคต เพราะในอัลบั้มเต็มไปด้วยบทเพลงสุดไพเราะที่สามารถเปิดฟังซ้ำไปซ้ำมาได้อย่างไม่มีเบื่อ ไล่มาตั้งแต่ Get You ซิงเกิลเปิดตัว, Hold Me Down, Neu Roses, Loose, We Find Love, Blessed และแน่นอน Best Part เพลงที่ได้ศิลปินสาวอาร์แอนด์บียุคใหม่อย่าง H.E.R. มาร่วมร้อง

หากจะบอกว่า Best Part เป็นเพลงที่ทำให้แดเนียลโด่งดังและประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คงไม่ผิดนัก เพราะนอกจากจะเป็นเพลงที่กำลังฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ตอนนี้ มันยังทำให้เขาคว้ารางวัลแกรมมี่อวอร์ดสาขา Best R&B Performance ประจำปี 2019 มาครอบครองได้สำเร็จ และล่าสุดก็เป็นเพลงที่มียอดสตรีมใน Spotify สูงถึง 300 ล้านครั้งอีกด้วย! และมากไปกว่านั้นเขายังกลายเป็นศิลปินคนแรกในประวัติศาสตร์ที่นำเพลงของตัวเองขึ้นอันดับหนึ่งบนชาร์ต Billboard Adult R&B Songs ได้ถึง 2 เพลง (Get You และ Best Part)

น่าสนใจเหลือเกินว่าเส้นทางข้างหน้าของนักร้องผิวสีชาวแคนาดาคนนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้หลายคนน่าจะจดจำชื่อของแดเนียลได้เป็นอย่างดีในฐานะศิลปินอาร์แอนด์บีมากฝีมือผู้กำลังเฉิดฉายและน่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของวงการเพลงปัจจุบัน 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

ภาพเปิด: Frazer Harrison / Getty Images for Coachella

อ้างอิง:

• en.wikipedia.org/wiki/Daniel_Caesar#Awards_and_nominations
• www.vice.com/en_ca/article/rm8y86/daniel-caesar-interview
• www.thestar.com/entertainment/2016/05/02/torontos-caesar-has-eye-on-the-throne.html
• pitchfork.com/reviews/albums/daniel-caesar-freudian
• www.billboard.com/articles/columns/chart-beat/8480579/daniel-caesar-her-best-part-no-1-adult-rb-songs-chart

The post “ผมเริ่มทำดนตรี แต่พ่อแม่บอกว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าต้องการ” เส้นทางชีวิต Daniel Caesar ศิลปินอาร์แอนด์บีแห่งยุคจากแคนาดา appeared first on THE STANDARD.