Prince Harry – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 02 Sep 2023 09:22:23 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เทปเสียงไดอานาเผย พระเจ้าชาร์ลส์ผิดหวังที่ไม่ได้ ‘ลูกสาว’ ในวันที่เจ้าชายแฮร์รีประสูติ https://thestandard.co/charles-disappointed-at-boy-harry-born-diana-recordings/ Sat, 02 Sep 2023 09:22:23 +0000 https://thestandard.co/?p=836822

เทปบันทึกเสียงของไดอานา อดีตเจ้าหญิงแห่งเวลส์ ที่เพิ่งม […]

The post เทปเสียงไดอานาเผย พระเจ้าชาร์ลส์ผิดหวังที่ไม่ได้ ‘ลูกสาว’ ในวันที่เจ้าชายแฮร์รีประสูติ appeared first on THE STANDARD.

]]>

เทปบันทึกเสียงของไดอานา อดีตเจ้าหญิงแห่งเวลส์ ที่เพิ่งมีการเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ ชี้ว่า พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้พระราชธิดาอย่างที่ประสงค์ ในวันที่ไดอานามีพระประสูติกาลเจ้าชายแฮร์รี

 

สำนักข่าว CNN รายงานว่า เจ้าหญิงผู้ล่วงลับทรงเคยบันทึกเทปเสียงเอาไว้มากมายในช่วงยุค 90 และแอบส่งมอบให้กับ แอนดรูว์ มอร์ตัน ผู้เขียนชีวประวัติของพระองค์ อย่างลับๆ ก่อนที่พระองค์จะจากไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะกำลังพยายามหนีการติดตามของช่างภาพปาปารัซซีในปี 1997 

 

โดยในช่วงที่ผ่านมา มอร์ตันได้เปิดเผยเทปเสียงบางช่วงบางตอนแก่สื่อเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะมีการเปิดตัวสารคดีชีวิตของไดอานาในชื่อ Diana: The Rest of Her Story ในปี 2024

 

รายการ Good Morning America ของสถานีโทรทัศน์ ABC ได้รับสิทธิพิเศษในการฟังเทปเสียงดังกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า พระเจ้าชาร์ลส์ทรงตรัสกับ เรน เคาน์เตสแห่งสเปนเซอร์ แม่เลี้ยงของไดอานาว่า พระองค์รู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้ ‘ลูกสาว’

 

“ในพิธีศีลจุ่มของแฮร์รี ชาร์ลส์บอกกับแม่ว่า ‘คุณก็รู้ว่าเราผิดหวังมาก เราคิดว่าจะเป็นเด็กผู้หญิง’” ถ้อยคำในเทปเสียงของไดอานาระบุ “ส่วนแม่ของฉันก็ตอบกลับไปว่า ‘พระองค์ควรตระหนักว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนแล้วที่มีพระโอรสทรงปกติแข็งแรงดี’” 

 

ไดอานาเล่าต่อไปว่า หลังจากนั้นแม่เลี้ยงของพระองค์และพระสวามีก็แทบไม่ได้พูดจากันอีกเลย

 

มอร์ตันกล่าวในรายการ Good Morning America ว่า การที่เขาได้รับฟังเสียงของไดอานาโดยตรงจากเทปบันทึกเสียงความยาวรวม 7 ชั่วโมง รวมถึงมุมมองที่เธอมีต่อสถาบันกษัตริย์อังกฤษนั้น ‘เป็นเรื่องที่เจ็บปวด’

 

“เธอไม่เคยคิดแม้แต่วินาทีเดียวว่าคามิลลาจะกลายเป็นราชินี ดังนั้นเราจึงมีมุมมองที่แตกต่างกันมากเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่กำลังเปิดเผย” มอร์ตันกล่าว 

 

แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เขาจะปล่อยเสียงเพิ่มเติมมากกว่านี้หรือไม่นั้น มอร์ตันกล่าวว่า “คนทั่วโลกสนใจเรื่องนี้ แต่เรายังต้องดูกันต่อไป”

 

แฟ้มภาพ: Tim Graham Photo Library via Getty Images

อ้างอิง:

 

The post เทปเสียงไดอานาเผย พระเจ้าชาร์ลส์ผิดหวังที่ไม่ได้ ‘ลูกสาว’ ในวันที่เจ้าชายแฮร์รีประสูติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจ้าชายแฮร์รีเผยว่า เขาชอบซื้อเสื้อผ้าลดราคาที่ห้าง TK Maxx เมื่อครั้งอาศัยอยู่ที่อังกฤษ https://thestandard.co/prince-harry-tk-maxx/ Tue, 24 Jan 2023 00:20:53 +0000 https://thestandard.co/?p=741018

นอกจากเรื่องดราม่าในรั้วพระราชวังกับเหล่าสมาชิกราชวงศ์อ […]

The post เจ้าชายแฮร์รีเผยว่า เขาชอบซื้อเสื้อผ้าลดราคาที่ห้าง TK Maxx เมื่อครั้งอาศัยอยู่ที่อังกฤษ appeared first on THE STANDARD.

]]>

นอกจากเรื่องดราม่าในรั้วพระราชวังกับเหล่าสมาชิกราชวงศ์อังกฤษแล้ว เจ้าชายแฮร์รียังเผยถึงเรื่องราวชีวิตทั่วไปของตัวเองเมื่อครั้งที่ยังอาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษผ่าน Spare หนังสือชีวประวัติที่บอกเล่าโดยตัวเขาเองอีกด้วย และหนึ่งในประเด็นเหล่านั้นก็คือการที่เขามักจะแอบไปซื้อเสื้อผ้าที่สวมใส่ทั่วไปในวันที่ห้าง TK Maxx กำลังลดราคากระหน่ำ

 

TK Maxx ที่เจ้าชายแฮร์รีเผยว่าเขามักจะไปช้อปปิ้งนั้น เป็นห้างสรรพสินค้าที่มีแบรนด์สินค้าให้เลือกมากมาย ตั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงของตกแต่งบ้าน โดยจะขายไอเท็มในราคาถูกคล้าย Outlet โดยดยุกแห่งซัสเซ็กซ์เล่าผ่านหนังสือ Spare ว่าปกติแล้วเขาจะได้เบี้ยเลี้ยงสำหรับการซื้อเสื้อผ้าจากพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในทุกๆ ปี แต่เงินเหล่านั้นมีไว้สำหรับการซื้อเสื้อผ้าชุดออกงานเท่านั้น

 

“สำหรับชุดลำลองที่ผมใส่เป็นประจำทุกวัน ผมจะไปซื้อที่ห้าง TK Maxx ผมชอบช่วงลดกระหน่ำปีละครั้งของพวกเขาเป็นพิเศษ เมื่อพวกเขาโละไอเท็มจากแบรนด์​ GAP หรือ J.Crew ที่หลุดซีซันไปแล้ว หรือมีตำหนิเล็กๆ น้อยๆ”

 

เจ้าชายแฮร์รีเผยอีกว่า เขาต้องวางแผนในการไปซื้อของที่ TK Maxx แต่ละครั้งเพื่อให้ไม่เป็นที่จดจำได้ โดยเขามักจะไปช้อปปิ้งอย่างรวดเร็วก่อนห้างปิดเพียง 15 นาที

 

“ถ้าผมเจออะไรที่ถูกใจผมจะกอดมันไว้กับตัวหรือไม่ก็หนีบเอาไว้ที่ขาขณะที่ยืนส่องกระจก ผมไม่เคยลังเลในเรื่องของสีหรือสไตล์ และไม่เคยเข้าไปใกล้กับห้องลองเสื้อเลย ถ้ามันดูดีและใส่สบาย ผมก็จะซื้อ แต่ถ้าไม่มั่นใจ ผมจะถามบอดี้การ์ด Billy the Rock เพราะเขาจะมีความสุขมากเมื่อได้เป็นสไตลิสต์ให้กับผม”

 

ภาพ: Max Mumby / Indigo / Getty Images

 

อ้างอิง:

The post เจ้าชายแฮร์รีเผยว่า เขาชอบซื้อเสื้อผ้าลดราคาที่ห้าง TK Maxx เมื่อครั้งอาศัยอยู่ที่อังกฤษ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ‘ชีวิตตัวสำรอง เคยเสพยา ถูกพี่ทำร้าย’ เปิดเนื้อหาหนังสือ ‘Spare’ เจ้าชายแฮร์รี แฉปมฉาวราชวงศ์อังกฤษ ใครได้-ใครเสีย? | GLOBAL FOCUS | THE STANDARD https://thestandard.co/spare-book-prince-harry/ Fri, 13 Jan 2023 04:59:09 +0000 https://thestandard.co/?p=736705 หนังสือ ‘Spare’ เจ้าชายแฮร์รี

เจ้าชายแฮร์รีเปิดตัวหนังสือบันทึกความทรงจำสุดอื้อฉาว ‘S […]

The post ชมคลิป: ‘ชีวิตตัวสำรอง เคยเสพยา ถูกพี่ทำร้าย’ เปิดเนื้อหาหนังสือ ‘Spare’ เจ้าชายแฮร์รี แฉปมฉาวราชวงศ์อังกฤษ ใครได้-ใครเสีย? | GLOBAL FOCUS | THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.

]]>
หนังสือ ‘Spare’ เจ้าชายแฮร์รี

เจ้าชายแฮร์รีเปิดตัวหนังสือบันทึกความทรงจำสุดอื้อฉาว ‘Spare’ บอกเล่าอัตชีวประวัติ ‘รัชทายาทตัวสำรอง’ แฉเรื่องลับและบทสนทนาส่วนพระองค์ในครอบครัวราชวงศ์ ปัญหาความขัดแย้งที่บานปลายถึงขั้นใช้ความรุนแรง

 

รายละเอียดสำคัญของเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้จะน่าตกใจแค่ไหน ผลกระทบสะท้อนให้เห็นอะไร ใครได้-ใครเสีย และจะซ้ำเติมวิกฤตราชวงศ์อังกฤษในยุคสมัยใหม่หรือไม่?

The post ชมคลิป: ‘ชีวิตตัวสำรอง เคยเสพยา ถูกพี่ทำร้าย’ เปิดเนื้อหาหนังสือ ‘Spare’ เจ้าชายแฮร์รี แฉปมฉาวราชวงศ์อังกฤษ ใครได้-ใครเสีย? | GLOBAL FOCUS | THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.

]]>
ส่องดราม่าหนังสือ ‘ตัวสำรอง’ ของเจ้าชายแฮร์รี แฉเรื่องลับสะเทือนราชวงศ์อังกฤษ ใครได้-ใครเสีย? https://thestandard.co/prince-harry-spare/ Tue, 10 Jan 2023 11:06:41 +0000 https://thestandard.co/?p=735321 Prince Harry

หนังสือบันทึกความทรงจำความยาว 416 หน้า ในชื่อ ‘Spare’ ห […]

The post ส่องดราม่าหนังสือ ‘ตัวสำรอง’ ของเจ้าชายแฮร์รี แฉเรื่องลับสะเทือนราชวงศ์อังกฤษ ใครได้-ใครเสีย? appeared first on THE STANDARD.

]]>
Prince Harry

หนังสือบันทึกความทรงจำความยาว 416 หน้า ในชื่อ ‘Spare’ หรือ ‘ตัวสำรอง’ ที่สะท้อนเรื่องราวชีวิตและบทบาทของเจ้าชายแฮร์รีแห่งราชวงศ์อังกฤษ ในฐานะ ‘รัชทายาทสำรอง’ วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในสหราชอาณาจักรและหลายประเทศทั่วโลกแล้วในวันนี้ (10 มกราคม) โดยมีผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจสั่งซื้อ แม้ว่าเนื้อหาอัน ‘อื้อฉาว’ ในหนังสือจะรั่วไหลออกมาก่อน และถูก The Guardian และสื่อหลายสำนักตีข่าวกันอย่างครึกโครมตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่เจ้าชายแฮร์รียังเดินสายโปรโมตหนังสือผ่านหลายรายการโทรทัศน์ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

 

หลายเรื่องราวที่เจ้าชายแฮร์รีเปิดเผยในหนังสือเล่มนี้ เป็นเรื่องลับที่น่าตกตะลึงและทำให้พระองค์ถูกมองว่า กำลังสุมไฟเผา ‘ภาพลักษณ์’ อันสวยงามของครอบครัวราชวงศ์อังกฤษ ที่ครั้งหนึ่งพระองค์เคยเป็นสมาชิกชั้นสูง ก่อนจะตัดสินพระทัยสละฐานันดรศักดิ์ ไปพร้อมกับ เมแกน มาร์เคิล พระชายา เพื่อแสวงหาชีวิตที่สงบสุขนอกอังกฤษ

 

แต่การตีแผ่เนื้อหาชีวิตอีกด้านของพระองค์ที่มีทั้งเรื่องราวดำมืดอย่างการใช้ยาเสพติด การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก การสังหารศัตรูในฐานะทหาร และข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงต่อพระเชษฐา คือเจ้าชายวิลเลียม ดูจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่พระองค์วาดหวังไว้ 

 

ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พระองค์นำเรื่องราวชีวิตในรั้ววังบางส่วนมาตีแผ่ต่อสาธารณะ หลังจากที่เคยทำไปแล้วในซีรีส์สารคดี Netflix และการให้สัมภาษณ์กับสื่อใหญ่หลายสำนัก

 

และนี่คือประเด็นสำคัญทั้งหมดจากหนังสือ ‘Spare’ ตลอดจนผลกระทบและแง่มุมต่างๆ ที่จะตามมาทั้งต่อเจ้าชายแฮร์รีและราชวงศ์อังกฤษ

เจ้าชายแฮร์รีกล่าวหาว่าเจ้าชายวิลเลียมทำร้ายร่างกาย

 

หนึ่งในคำกล่าวอ้างที่รุนแรงที่สุด คือข้อกล่าวหาของเจ้าชายแฮร์รีที่ระบุว่า เจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐา ผลักเขาให้ล้มลงบนพื้นระหว่างการโต้เถียงเรื่องเมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์

 

การวิวาทและทำร้ายร่างกายตามที่กล่าวหา เกิดขึ้นภายในพระตำหนักน็อตติงแฮมในพระราชวังเคนซิงตัน โดยเจ้าชายแฮร์รีเขียนในหนังสือว่า เจ้าชายวิลเลียมทรงเรียกเมแกนว่า ‘ยาก’, ‘หยาบคาย’ และ ‘ไม่สนใจใคร’

 

หลังจากนั้นทั้งสองพระองค์ต่างโต้เถียงและสาดคำสบประมาทใส่กัน ในขณะที่เจ้าชายแฮร์รีระบุว่า ช่วงหนึ่งเจ้าชายวิลเลียมทรงอ้างว่ากำลังพยายามช่วยพระองค์ ทำให้เจ้าชายแฮร์รีย้อนถามกลับไปว่า “พี่จริงจังใช่ไหม? ช่วยผม? ขอโทษนะ นั่นคือสิ่งที่พี่เรียกเหรอ? ช่วยผม?”

 

เนื้อความในหนังสือระบุว่า การโต้เถียงที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าชายวิลเลียมเดือดดาล ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีพยายามบรรเทาความตึงเครียดด้วยการยื่นแก้วน้ำให้พระเชษฐา และตรัสว่า “วิลลี่ ผมพูดกับพี่ไม่ได้ ถ้าหากพี่เป็นแบบนี้”

 

“เขาวางแก้วน้ำลง เรียกชื่อผมอีกครั้ง แล้วเดินมาหาผม ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วมาก” เจ้าชายแฮร์รีระบุ “เขาจับคอเสื้อผม กระชากสร้อยผมจนขาด และผลักผมล้มลงกับพื้น ผมล้มลงบนชามอาหารของสุนัข ซึ่งแตกอยู่ใต้หลังผม เศษชิ้นส่วนบาดตัวผม ผมนอนนิ่งงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนและบอกให้เขาออกไป”

 

ขณะที่เจ้าชายวิลเลียมพยายามบอกให้เจ้าชายแฮร์รีตอบโต้ โดยอ้างว่าพวกเขาเคยทะเลาะกันตอนเด็กๆ แต่เจ้าชายแฮร์รีปฏิเสธ ก่อนที่เจ้าชายวิลเลียมจะเสด็จออกจากพระตำหนักไป แล้วกลับมาด้วยท่าทีเสียใจและแสดงความขอโทษ 

 

ซึ่งเจ้าชายแฮร์รียังระบุว่า พระเชษฐาได้ตรัสต่อพระองค์ว่า “นายไม่จำเป็นต้องบอกเมก (เมแกน) เกี่ยวกับเรื่องนี้” ก่อนที่พระองค์จะถามกลับไปว่า “หมายถึงที่พี่ทำร้ายผมเหรอ?” แต่เจ้าชายวิลเลียมทรงตอบกลับว่า “พี่ไม่ได้ทำร้ายนาย” 

คำขอร้องของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3

 

ในช่วงต้นของหนังสือ เจ้าชายแฮร์รีระบุถึงช่วงที่เสด็จกลับสหราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก ภายหลังสละการเป็นสมาชิกชั้นสูงของราชวงศ์ในช่วงเดือนเมษายนปี 2021 เพื่อร่วมพิธีพระศพของเจ้าชายฟิลิป พระสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2

 

โดยนั่นเป็นครั้งแรกที่เจ้าชายแฮร์รี ได้กลับมาพบกับพระบิดา ซึ่งในตอนนี้คือสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พร้อมกับเจ้าชายวิลเลียม หลังจากที่พระองค์และเมแกนได้ให้สัมภาษณ์อันอื้อฉาวกับพิธีกรชื่อดังอย่าง โอปราห์ วินฟรีย์

 

“ดังนั้น แม้ว่าผมจะบินกลับบ้านไปโดยเฉพาะ เพื่อร่วมงานศพของพระอัยกา แต่ในระหว่างที่อยู่ที่นั่น ผมได้ขอประชุมลับกับวิลลี พระเชษฐา และพระบิดา เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ในหลายสิ่ง และเพื่อหาทางออก” เจ้าชายแฮร์รีระบุในหนังสือ

 

“ผมพยายามอธิบายด้านของผม ผมไม่ได้ดีที่สุด สำหรับคนที่เริ่มพูดก่อน ผมยังคงประหม่า พยายามต่อสู้เพื่อควบคุมอารมณ์ ในขณะเดียวกันก็พยายามพูดให้กระชับและแม่นยำ”

 

อย่างไรก็ตาม เจ้าชายแฮร์รีระบุต่อว่า พระองค์ทรงพบว่าพระเชษฐาและพระบิดา ‘เตรียมพร้อมสำหรับการทะเลาะ’ ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงบรรยากาศตึงเครียดกับพระเชษฐาที่ยังอยู่ในระดับสูง และคำพูดของพระบิดาที่ตรัสขอร้องต่อพระโอรสทั้งสองว่า “อย่าทำให้ปีสุดท้ายของพ่อต้องพบกับความทุกข์ยาก”

 

ขณะที่เนื้อความที่ปรากฏนั้นยังเผยว่า เจ้าชายแฮร์รีและเจ้าชายวิลเลียมทรงเรียกกันและกันว่า ‘วิลลี’ และ ‘แฮร์โรลด์’

เจ้าชายแฮร์รี-วิลเลียม ขอร้องพระบิดาไม่ให้อภิเษกสมรสกับคามิลลา

 

อีกหนึ่งประเด็นคือการที่เจ้าชายแฮร์รีและเจ้าชายวิลเลียมบอกกับพระบิดาว่า อย่าอภิเษกสมรสกับคามิลลา ซึ่งปัจจุบันคือสมเด็จพระราชินีคามิลลา เนื่องจากกลัวว่าจะเป็น ‘แม่เลี้ยงที่เลวร้าย’

 

“ผมจำได้ว่าก่อนดื่มชา ผมสงสัยว่าเธอจะใจร้ายกับผมไหม ถ้าเธอเป็นเหมือนแม่เลี้ยงใจร้ายในหนังสือนิทาน แต่เธอไม่ได้เป็น เช่นเดียวกับวิลลี ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆ” เจ้าชายแฮร์รีเขียนในหนังสือ และระบุว่าทั้งพระองค์และพระเชษฐาเรียกคามิลลาว่า ‘ผู้หญิงอีกคน’

 

“แม้ผมกับวิลลีจะขอร้องไม่ให้พระบิดาอภิเษกสมรส พระบิดายังทรงเดินหน้าต่อไป เราจับมือพระองค์และอวยพรให้พระองค์โชคดี ไม่มีความรู้สึกหนักใจใดๆ เราตระหนักได้ว่า ในที่สุด พระองค์กำลังจะได้อยู่กับผู้หญิงที่พระองค์รัก ผู้หญิงที่พระองค์รักมาตลอด โชคชะตาอาจกำหนดไว้ให้พระองค์ตั้งแต่แรก ไม่ว่าความขมขื่นหรือความเศร้าโศกอะไรก็ตามที่เรารู้สึก กับการปิดฉากวงจรในเรื่องราวของพระมารดา (เจ้าหญิงไดอานา) เราเข้าใจว่ามันอยู่นอกประเด็น”

สังหาร 25 ศพในอัฟกานิสถาน แค่ ‘หมากรุก’

 

เจ้าชายแฮร์รีอ้างว่าทรงสังหารประชาชนในอัฟกานิสถาน 25 คน ขณะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนักบินเฮลิคอปเตอร์อาปาเชแห่งกองทัพอังกฤษ โดยทรงตรัสว่า “ท่ามกลางการสู้รบที่ร้อนระอุ พระองค์มองเป้าหมายเป็น ‘หมากรุก’ มากกว่าผู้คน”

 

เจ้าชายแฮร์รีได้เสด็จไปประจำการในอัฟกานิสถาน 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2007-2008 และอีกครั้งระหว่างปี 2012-2013 

 

ขณะที่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเฮลิคอปเตอร์และคอมพิวเตอร์ ทำให้เจ้าชายแฮร์รีตรัสได้อย่างมั่นใจว่า ‘จะสังหารศัตรูกี่คน’ ได้อย่างแม่นยำ และชี้ว่า ‘จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไม่ละอายต่อจำนวนศัตรูที่สังหารไป’

 

“ดังนั้น หมายเลขของผม 25 ไม่ใช่ตัวเลขที่ทำให้ผมพึงพอใจแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวเลขที่ทำให้ผมรู้สึกละอายใจ”

 

เจ้าชายแฮร์รียังระบุว่า พระองค์ไม่คิดว่าศัตรูทั้ง 25 คนที่สังหารไปนั้นเป็นคน “คุณไม่สามารถฆ่าคนได้ หากคุณคิดว่าพวกเขาเป็นคน คุณไม่สามารถทำร้ายคนอื่นได้ หากคุณคิดว่าพวกเขาเป็นคน พวกเขาคือตัวหมากรุกที่ถูกดึงออกจากกระดาน คนเลวทั้งหลายถูกสังหารไปก่อนที่พวกเขาจะฆ่าคนดี ผมได้รับการฝึกฝนอย่างดีให้มองพวกเขา ‘เป็นอย่างอื่น’ ในระดับหนึ่ง ผมตระหนักดีว่า การเรียนรู้เรื่องการแยกแยะในเรื่องนี้เป็นปัญหา แต่ผมก็เห็นว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของการทหารที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”

 

คำพูดดังกล่าวยังจุดชนวนการวิพากษ์วิจารณ์จากหน่วยงานความมั่นคงและกองทัพของอังกฤษ รวมถึงเสียงประณามด้วยความโกรธแค้นจากกลุ่มตาลีบัน

การใช้ยาเสพติดและการสูญเสียพรหมจรรย์ช่วงวัยรุ่น

 

เจ้าชายแฮร์รีซึ่งตอนนี้อาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียกับเมแกนและลูกทั้งสองคน ยอมรับในหนังสือว่า เคยเสพโคเคนตั้งแต่อายุ 17 ปี ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของฤดูร้อนในปี 2002 

 

“แน่นอน ผมเคยเสพโคเคนในช่วงเวลานี้ ที่บ้านในชนบทของใครสักคน ในช่วงสุดสัปดาห์ มีคนเสนอให้ และผมก็เสพอีก 2-3 ครั้งหลังจากนั้น” เจ้าชายแฮร์รีระบุ แต่ชี้ว่า “มันไม่สนุกเลย แต่มันทำให้ผมรู้สึกแตกต่าง

 

“นั่นคือเป้าหมายหลัก รู้สึกแตกต่าง ผมเป็นเด็กชายวัย 17 ที่ไม่มีความสุขอย่างสุดซึ้ง เต็มใจที่จะลองทำทุกอย่างที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพที่เป็นอยู่”

 

ก่อนหน้านี้ เจ้าชายแฮร์รีเคยยอมรับว่าเสพยาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ในปี 2002 เมื่อพระองค์ยังเป็นเด็กนักเรียนอายุ 16 ปี พระองค์ถูกกล่าวหาว่าดื่มสุราและเสพกัญชาทั้งที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ขณะที่คำสารภาพของพระองค์ทำให้พระบิดาส่งพระองค์ไปยังศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดเป็นเวลาหนึ่งวัน

 

นอกจากนี้ เจ้าชายแฮร์รียังเปิดเผยเรื่องราวลับส่วนพระองค์ เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก โดยระบุว่า พระองค์สูญเสียพรหมจรรย์ให้กับหญิงสาวที่อายุมากกว่าคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่รักม้ามาก และปฏิบัติต่อพระองค์ไม่ต่างจากม้าหนุ่ม

 

“ท่ามกลางหลายสิ่งหลายอย่างที่ผิดพลาด มันเกิดขึ้นในทุ่งหญ้าหลังผับที่มีผู้คนพลุกพล่าน แน่นอนว่ามีบางคนเห็นเรา” เจ้าชายแฮร์รีระบุ 

ความขุ่นเคืองระหว่าง ดัชเชสเมแกน-เจ้าหญิงแคเธอรีน

 

ในส่วนหนึ่งของหนังสือบันทึกความทรงจำ เปิดเผยว่า เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ ทำให้เจ้าหญิงแคเธอรีน พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม ไม่พอพระทัย เนื่องจากระบุว่า พระองค์ต้องมีภาวะ ‘สมองเด็ก’ (Baby Brain) อันเป็นภาวะของสมาธิหรือความจำบกพร่องที่อาจเกิดกับผู้หญิงในระหว่างตั้งครรภ์หรือหลังคลอดบุตร ซึ่งเมแกนระบุว่าเกิดขึ้นจากฮอร์โมน ภายหลังเจ้าหญิงเคททรงมีพระประสูติกาล

 

เจ้าชายแฮร์รีระบุในหนังสือ โดยอธิบายการพบปะระหว่างพระองค์กับเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคท ณ พระตำหนักของพวกเขาในปี 2018 ซึ่งมีความพยายามเพื่อจะฟื้นฟูบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักของทั้งสองฝ่าย

 

ขณะที่เจ้าชายแฮร์รีอ้างว่า เจ้าหญิงเคททรงเรียกร้องคำขอโทษจากเมแกนที่ทำให้พระองค์ไม่พอพระทัย โดยบอกต่อเมแกนว่า “เราไม่ได้สนิทกันมากพอที่คุณจะพูดถึงฮอร์โมนของฉัน!”

 

นอกจากนี้ เจ้าชายแฮร์รีระบุว่า พระเชษฐาทรงตรัสเรียกเมแกนว่า ‘หยาบคาย’ และชี้นิ้วของพระองค์ไปที่เธอ โดยบอกว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำในอังกฤษ” ก่อนที่เมแกนจะตอบกลับไปว่า “กรุณาเอานิ้วออกไปจากหน้าฉันด้วย”

 

“เมกบอกว่าเธอไม่มีทางมีเจตนาทำอะไรเพื่อทำร้ายเคท และถ้าเธอได้เคยทำ เธอขอให้เคทช่วยบอกให้เธอรู้ เพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก” เจ้าชายแฮร์รีระบุ และชี้ว่า ‘พวกเขาทั้งหมดกอดกัน’ หลังจากนั้น

เจ้าชายวิลเลียม-เจ้าหญิงเคท เบื้องหลังปมเครื่องแบบนาซี

 

เนื้อหาในหนังสือยังกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เป็นข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการสวมชุดนาซีของเจ้าชายแฮร์รีเพื่อไปงานปาร์ตี้ในปี 2005 โดยเจ้าชายแฮร์รีอ้างว่า การตัดสินใจสวมชุดดังกล่าวได้รับอิทธิพลมาจากเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคทที่สนับสนุนให้เขาทำเช่นนั้น 

 

เจ้าชายแฮร์รีเปิดเผยรายละเอียดของเรื่องราวว่า ในตอนนั้น พระองค์กำลังชั่งใจว่าจะสวมเครื่องแต่งกายแบบใดเพื่อไปงานเลี้ยง และได้เรียกเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคทมาถามความคิดเห็น ซึ่งพวกเขาบอกให้สวมเครื่องแบบนาซีทับชุดนักบิน

 

ประเด็นดังกล่าว กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก หลังหนังสือพิมพ์ The Sun แท็บลอยด์ชื่อดังของสหราชอาณาจักร ตีพิมพ์ภาพหน้าหนึ่ง เป็นภาพของเจ้าชายแฮร์รีขณะสวมปลอกแขนเครื่องหมายสวัสดิกะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์นาซีบนเสื้อแจ็กเก็ตทหารเยอรมนีในงานเลี้ยงแฟนซี โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น 2 สัปดาห์ก่อนวันครบรอบ 60 ปี การปลดปล่อยค่ายกักกันเอาชวิทซ์

 

ในเวลานั้น เจ้าชายแฮร์รีรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และออกมาขอโทษผ่านทางสำนักงานสื่อของพระตำหนักแคลเรนซ์ (Clarence House Press Office) โดยระบุว่า “พระองค์เสียใจมากหากเป็นต้นเหตุให้เกิดการล่วงละเมิดหรือความอึดอัดใจต่อใครก็ตาม”

 

ขณะที่คำกล่าวอ้างใหม่ของแฮร์รีที่ระบุว่า พระเชษฐาและพระเชษฐนีของพระองค์มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ตรงกันข้ามกับคำขอโทษต่อสาธารณะก่อนหน้านี้ ซึ่งพระองค์ยอมรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่เพียงผู้เดียว

 

พระบิดายินดี ได้ ‘รัชทายาทสำรอง’

 

ความไม่พอใจของเจ้าชายแฮร์รีในการเป็น ‘ตัวสำรอง’ เป็นแก่นเรื่องในหนังสือของพระองค์ผ่านเนื้อหาในหลายบท เกี่ยวกับช่วงชีวิตวัยเด็ก การเรียน อาชีพในฐานะราชวงศ์และในกองทัพอังกฤษ ความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับพระบิดา พระมารดา และพระเชษฐา และชีวิตรักของพระองค์กับเมแกน 

 

ข้อความหนึ่งที่เจ้าชายแฮร์รีระบุถึงปมการเป็นตัวสำรอง คือการที่พระบิดาตรัสต่อเจ้าหญิงไดอานาในวันที่มีพระประสูติกาลเจ้าชายแฮร์รี โดยตรัสว่า “วิเศษมาก ตอนนี้คุณได้ให้ทายาทและตัวสำรองแก่ผมแล้ว งานของผมลุล่วงแล้ว”

 

ขณะที่สำนักพระราชวังอังกฤษทั้งเคนซิงตันและบักกิงแฮม ไม่มีการให้ความเห็นใดๆ ต่อเรื่องนี้

จำลองการเดินทางของพระมารดาผู้ล่วงลับ

 

เจ้าชายแฮร์รียังได้เล่าถึงเรื่องราวการจำลองการเดินทางของพระมารดา เจ้าหญิงไดอานา ที่สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ระหว่างเดินทางผ่านอุโมงค์ในกรุงปารีสเมื่อปี 1997 ซึ่งขณะนั้นเจ้าชายแฮร์รีมีพระชนมายุเพียง 12 พรรษา

 

โดยพระองค์ระบุว่า ทรงได้รับเชิญไปยังปารีสเพื่อเข้าร่วมงานแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลก รอบรองชนะเลิศ ในปี 2007 ซึ่งในคืนแรกที่ไปถึง พระองค์ได้ถามคนขับรถว่ารู้จักอุโมงค์ Pont de l’Alma ที่รถของเจ้าหญิงไดอานาประสบอุบัติเหตุหรือไม่ ก่อนจะขอให้คนขับรถขับด้วยความเร็ว 65 ไมล์ต่อชั่วโมง (104.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งเป็นความเร็วของรถพระมารดา ตามที่ตำรวจระบุในขณะเกิดอุบัติเหตุ 

 

ซึ่งพระองค์ขอให้คนขับรถจำลองการขับผ่านอุโมงค์ดังกล่าวถึง 2 ครั้ง และเปิดเผยว่า พระองค์คิดว่า “การขับรถเข้าไปในอุโมงค์จะทำให้ความเจ็บปวดสิ้นสุดลงหรือหยุดลงชั่วขณะ” แต่ตรงกันข้าม “มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด”

คำอำลาแด่ควีนเอลิซาเบธที่ 2

 

สำหรับเรื่องราวการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เจ้าชายแฮร์รีเปิดเผยว่า เขาทราบข่าวอาการประชวรของพระอัยยิกาจากพระบิดาที่โทรหาเขาเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว

 

ในบันทึกความทรงจำ เจ้าชายแฮร์รีเล่าว่า พระองค์ได้ส่งข้อความไปหาพระเชษฐาเพื่อถามว่า เขากับเจ้าหญิงเคทจะเสด็จไปยังปราสาทบัลมอรัล ที่ประทับสุดท้ายของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 หรือไม่ และเสด็จไปเมื่อไร แต่เจ้าชายวิลเลียมไม่ได้ตอบกลับ

 

เจ้าชายแฮร์รีเล่าว่า หลังจากนั้นพระองค์ได้รับโทรศัพท์จากพระบิดาอีกครั้ง โดยบอกว่าพระองค์จะได้รับการต้อนรับในการเสด็จไปยังปราสาทบัลมอรัล แต่เมแกนนั้นจะไม่ได้รับการต้อนรับ

 

ขณะที่เจ้าชายแฮร์รียังเขียนว่าพระองค์ใช้เวลาส่วนใหญ่ในเที่ยวบินไปสกอตแลนด์จ้องมองไปที่ก้อนเมฆ โดยรำลึกถึงครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับพระอัยยิกา

 

“สี่วันก่อนหน้า คุยโทรศัพท์กันนาน เราได้คุยกันในหลายหัวข้อ แน่นอนเรื่องสุขภาพของพระองค์ ตลอดจนความวุ่นวายที่บ้านเลขที่ 10 (ทำเนียบนายกฯ อังกฤษ)” 

 

และเมื่อเครื่องบินเริ่มร่อนลง เจ้าชายแฮร์รีบอกว่า พระองค์ได้รับข้อความจากเมแกนที่ขอให้โทรหาเธอ จากนั้นจึงตรวจสอบกับเว็บไซต์ของ BBC

 

“พระอัยยิกาจากไปแล้ว พระบิดาขึ้นเป็นกษัตริย์” พระองค์เขียน 

 

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น เจ้าชายแฮร์รีได้เข้าถวายอาลัยพระบรมศพของพระอัยยิกาภายในปราสาทบัลมอรัล โดยพระองค์เปิดเผยว่าได้เข้าไปทรงกระซิบบอกต่อพระอัยยิกา โดยหวังว่าพระอัยยิกาจะทรงมีความสุขที่ได้อยู่กับเจ้าชายฟิลิป พระสวามี

ไม่มีวันให้อภัย

 

แม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าสำนักพิมพ์ Penguin Random House ผู้ตีพิมพ์หนังสือ Spare ได้จ่ายค่าจ้างล่วงหน้าแก่เจ้าชายแฮร์รีเป็นเงิน 20 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เว็บไซต์ข่าวบันเทิง ET Canada รายงานว่า สัญญาเขียนหนังสืออัตชีวประวัติของเจ้าชายแฮร์รีนั้นจะมีถึง 4 ฉบับ ในค่าจ้างรวมสูงถึงราว 35-40 ล้านดอลลาร์

 

โดยเจ้าชายแฮร์รีนั้นเริ่มเขียนหนังสือตั้งแต่ช่วงที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ยังทรงมีพระชนม์ชีพ ซึ่งเป็นไปได้ว่าเนื้อหาในฉบับอื่นๆ อาจรวมถึงเรื่องราวในช่วงพระราชพิธีศพด้วย

 

ภายหลังจากมีการเผยแพร่เนื้อหาอื้อฉาวต่างๆ ในหนังสือบันทึกความทรงจำฉบับนี้ ทางสำนักพระราชวังอังกฤษหรือสมาชิกราชวงศ์ยังไม่มีการแสดงท่าทีหรือการออกแถลงการณ์ตอบโต้ใดๆ อย่างเป็นทางการ

 

อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ว่า เจ้าชายแฮร์รีนำเรื่องราวส่วนพระองค์ในครอบครัวมาเปิดเผยให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้นั้น แน่นอนว่าจะสร้างความไม่พอใจและความกังวลแก่ราชวงศ์อังกฤษ โดยเฉพาะสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูง 

 

เว็บไซต์ Vanity Fair รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเจ้าชายวิลเลียม ระบุว่าพระองค์ทรงโกรธและจะไม่ยกโทษให้เจ้าชายแฮร์รี ที่นำบทสนทนาส่วนพระองค์และเรื่องราวเหตุวิวาทที่เกิดขึ้นระหว่างกันไปเผยแพร่และก่อความเสียหายแก่ราชวงศ์อังกฤษ 

 

ซึ่งเรื่องนี้ยังก่อให้เกิดปัญหา ‘ความไว้วางใจระหว่างพี่น้อง’ เนื่องจากเจ้าชายวิลเลียมทรงกังวลว่าการติดต่อสื่อสารใดๆ กับเจ้าชายแฮร์รีจะถูกนำมาเปิดเผยสู่สาธารณะ

แฉครอบครัว อาจเป็น ‘ผลร้าย’ มากกว่า ‘ผลดี’

 

ผู้เชี่ยวชาญด้านการประชาสัมพันธ์ชี้ว่า การออกมาบอกเล่าถึงเรื่องราวด้านลบและปัญหาชีวิตในครอบครัวราชวงศ์ของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน ผ่านสื่อทั้งสารคดี หนังสือและการให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ต่างๆ ทำให้ประชาชนจำนวนมากเริ่มเฉยชาและไม่สนใจ เนื่องจากผู้คนทั่วไปต่างก็มีปัญหาครอบครัวของตนเองที่ต้องจัดการ ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีความเห็นอกเห็นใจต่อมหาเศรษฐีที่พร่ำบ่นว่าชีวิตของพวกเขานั้นลำบากแค่ไหน

 

คีแรน เอลส์บี ผู้อำนวยการ Media Global PR ในสหราชอาณาจักร มองว่าทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนในการรักษาชื่อเสียงอันมัวหมองของพวกเขา คือการเก็บเรื่องราวปัญหาในครอบครัวไว้เป็นความลับ และควรหลีกหนีจากข้อกล่าวหาเชิงลบ คำสบประมาท และการโจมตีครอบครัวของพวกเขาเอง

 

พริสซิลา มาร์ติเนซ ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง The Brand Agency มองว่า แม้การเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนอาจจะเป็น ‘กลยุทธ์’ แต่ในอีกทางหนึ่งก็อาจส่งผลลบย้อนกลับได้เช่นกัน โดยทำให้ชีวิตคู่ของทั้งสองนั้น ‘เหน็ดเหนื่อย’ และนำไปสู่วงล้อของหนูถีบจักร ‘ที่ไม่มีวันจบสิ้น’

 

สิ่งที่น่ากังวลจากการเอาเรื่องราวด้านลบของตนเองและครอบครัวออกมาตีแผ่สู่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง ยังทำลายภาพลักษณ์ส่วนตัวของพวกเขาและอาจกระทบต่อรายได้ในอนาคต และเมื่อหมดเรื่องราวที่จะแฉแล้ว ยังมีอะไรให้เป็นข่าวอีก

 

นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตเรื่องเวลา โดยหนังสือของเจ้าชายแฮร์รีได้รับการตีพิมพ์หลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เพียงไม่นาน ซึ่งไม่ว่าประชาชนจะคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ พระราชพิธีศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ก็ทำให้สมาชิกราชวงศ์มีโอกาสแสดงคุณสมบัติต่างๆ เช่น ความรอบคอบ ความอดทน การยึดมั่นในหน้าที่และประเพณี

 

แต่สิ่งที่เจ้าชายแฮร์รีทำนั้นกลับตรงกันข้าม ด้วยการเปิดเผยทั้งบทสนทนาส่วนตัวในครอบครัว เรื่องราวความปวดร้าว ความรู้สึกเป็นตัวสำรองและไม่มีความสุขกับพฤติกรรมของพระบิดาและพระเชษฐา

 

ภาพ: Photo by James Manning/PA Images via Getty Images

อ้างอิง:

https://www.bbc.com/news/uk-64213852

 

The post ส่องดราม่าหนังสือ ‘ตัวสำรอง’ ของเจ้าชายแฮร์รี แฉเรื่องลับสะเทือนราชวงศ์อังกฤษ ใครได้-ใครเสีย? appeared first on THE STANDARD.

]]>
สรุปประเด็นร้อนจาก Spare หนังสือจากปลายปากกาเจ้าชายแฮร์รี ตีแผ่ชีวิตในราชวงศ์อังกฤษ https://thestandard.co/prince-harry-spare-book/ Tue, 10 Jan 2023 10:24:40 +0000 https://thestandard.co/?p=735302 เจ้าชายแฮร์รี

วันนี้ (10 มกราคม) เป็นวันแรกที่หนังสือบันทึกความทรงจำใ […]

The post สรุปประเด็นร้อนจาก Spare หนังสือจากปลายปากกาเจ้าชายแฮร์รี ตีแผ่ชีวิตในราชวงศ์อังกฤษ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจ้าชายแฮร์รี

วันนี้ (10 มกราคม) เป็นวันแรกที่หนังสือบันทึกความทรงจำในชื่อ Spare ของเจ้าชายแฮร์รีแห่งราชวงศ์อังกฤษ วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันแรก ซึ่งประชาชนและแฟนคลับจำนวนไม่น้อยรอต่อคิวซื้อกันตั้งแต่ร้านเปิด ด้วยความหวังว่าจะได้รับรู้เรื่องราว (อันอื้อฉาว) จากปากของสมาชิกราชวงศ์ด้วยตัวเอง

 

ชื่อของหนังสือเล่มนี้คือ Spare หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ‘ตัวสำรอง’ นั้น เป็นการสะท้อนถึงบทบาทของเจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซ็กซ์ ในฐานะ ‘รัชทายาทองค์สำรอง’ ของราชวงศ์อังกฤษ โดยหลังจากพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ก็กลายมาเป็นรัชทายาทสายรองลำดับที่ 5 ขณะที่พระเชษฐาอย่างเจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งคอร์นวอลล์และเคมบริดจ์ ขยับขึ้นดำรงพระอิสริยยศรัชทายาทลำดับที่ 1 หรือมกุฎราชกุมารแห่งราชบัลลังก์อังกฤษ เพราะตามศักดิ์และสิทธิ์แล้ว พระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์โตในพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และเจ้าหญิงไดอานานั่นเอง

 

หนังสือเล่มนี้ได้ตีแผ่เรื่องราวชีวิตผ่านความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รีตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จนถึงวันที่พระองค์ตัดสินใจประกาศสละฐานันดรศักดิ์เจ้าฟ้าชั้นสูง ซึ่งเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมไปทั่วโลกอยู่พักหนึ่ง รวมถึงกรณีสุดอื้อฉาวที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนตลอดความยาว 410 หน้า 

 

THE STANDARD ขอสรุปไฮไลต์เด่นๆ จากหนังสือเล่มนี้มาให้เกาะติดแบบรวดเร็วกันว่า มีประเด็นไหนที่ร้อนแรงสะเทือนราชวงศ์อังกฤษบ้าง

 

เจ้าชายแฮร์รี

 

ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต

อ้างอิง:

The post สรุปประเด็นร้อนจาก Spare หนังสือจากปลายปากกาเจ้าชายแฮร์รี ตีแผ่ชีวิตในราชวงศ์อังกฤษ appeared first on THE STANDARD.

]]>
หนังสือเจ้าชายแฮร์รีวางแผงวันแรก ประชาชนต่อคิวรอซื้อ รับอยากรู้ข่าวฉาวจากปากราชวงศ์เอง https://thestandard.co/prince-harry-book-bestseller/ Tue, 10 Jan 2023 06:18:15 +0000 https://thestandard.co/?p=735024 หนังสือเจ้าชายแฮร์รี

สำนักข่าว BBC รายงานว่า ร้านหนังสือหลายแห่งทั่วเกาะอังก […]

The post หนังสือเจ้าชายแฮร์รีวางแผงวันแรก ประชาชนต่อคิวรอซื้อ รับอยากรู้ข่าวฉาวจากปากราชวงศ์เอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
หนังสือเจ้าชายแฮร์รี

สำนักข่าว BBC รายงานว่า ร้านหนังสือหลายแห่งทั่วเกาะอังกฤษได้เปิดร้านในเวลาเที่ยงคืนของวันนี้ (10 มกราคม) เพื่อวางแผงจำหน่ายหนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รีแห่งราชวงศ์อังกฤษเป็นวันแรก 

 

บรรยากาศในลอนดอนเป็นไปอย่างคึกคัก แฟนๆ ของเจ้าชายแฮร์รีหลายคนได้มาต่อคิวกันเพื่อรอจับจองเป็นเจ้าของหนังสือ ‘Spare’ ความยาว 410 หน้า ซึ่งตีแผ่บันทึกเรื่องราวความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รีที่มีต่อราชวงศ์อังกฤษตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จนถึงวันที่พระองค์สละฐานันดรศักดิ์เจ้าฟ้าชั้นสูง รวมถึงกรณีสุดอื้อฉาวที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน โดยแฟนๆ บอกว่า พวกเขาอยากจะรู้เรื่องราวของราชวงศ์จากปากของสมาชิกระดับสูงเอง

 

Waterstones ร้านหนังสือชื่อดังของอังกฤษที่มีสาขาหลายร้อยแห่งทั่วประเทศ ระบุว่า บันทึกของเจ้าชายแฮร์รีขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในหนังสือมียอดพรีออร์เดอร์สูงสุดในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว ขณะที่ยอดขายทางออนไลน์ก็พุ่งทะยานไม่แพ้กัน โดยหนังสือเล่มนี้ขึ้นแท่น Best Seller ในแพลตฟอร์ม Amazon ด้วย หลังจากที่หลายวันมานี้มีข่าวเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือรั่วไหลออกมาจากสื่อของอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ประเด็นที่ว่าเจ้าชายแฮร์รีเสียความบริสุทธิ์ได้อย่างไร รวมถึงประเด็นที่ว่าเจ้าชายวิลเลียมเคยถึงขั้นลงไม้ลงมือกับเจ้าชายแฮร์รีต่อหน้าพระชายาอย่างเมแกน

 

ใจความในหนังสือเล่มนี้ได้เปิดเผยถึงหลายประเด็นร้อน ตั้งแต่กรณีเจ้าชายแฮร์รีทรงอ้อนวอนทูลขอไม่ให้พระบิดา หรือพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระราชินีคามิลลา หรือ คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ ในขณะนั้น รวมถึงเรื่องราวที่พระองค์สังหารกองกำลังติดอาวุธของตาลีบันไป 25 รายขณะปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถาน รวมถึงเคยใช้ยาเสพติดเพื่อระงับอาการแพนิกของตัวเอง พร้อมทั้งระบุด้วยว่า เมแกนและแคเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยราบรื่นนัก

 

แต่ประเด็นสำคัญของหนังสือเล่มนี้คือความรู้สึกโศกเศร้าต่อการสูญเสียเจ้าหญิงไดอานา ผู้เป็นพระมารดาไปอย่างไม่วันกลับ ซึ่งพระองค์ยอมรับว่าสภาวะจิตใจของพระองค์ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์อันเลวร้าย โดยเจ้าชายแฮร์รีกล่าวว่า ‘สื่อมวลชน’ มีส่วนต้องรับผิดชอบที่ไล่ติดตามชีวิตของพระมารดาไม่จบสิ้น และเป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะเดินหน้าเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์สื่อไปตลอดพระชนม์ชีพ

 

ประเด็นที่ร้อนแรงอีกประเด็นหนึ่งคือ เจ้าชายแฮร์รีกล่าวในหนังสือด้วยว่า พระองค์ทรงทราบข่าวว่าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคตครั้งแรกจากเว็บไซต์ของสำนักข่าว BBC ไม่ใช่จากทางราชวงศ์

 

ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ (9 มกราคม) YouGov ได้เปิดเผยผลการสำรวจล่าสุด ซึ่งระบุว่าความนิยมของเจ้าชายแฮร์รีลดน้อยลงในอังกฤษ โดยประชาชน 64% มีมุมมองเชิงลบต่อพระองค์ ขณะที่ 26% มีมุมมองเป็นบวก ลดลงจากระดับ 33% ในผลการสำรวจเมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วง และเป็นระดับต่ำสุดในช่วงเวลากว่า 10 ปีที่มีการทำผลสำรวจมา ซึ่งหากย้อนไปดูผลการสำรวจเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนั้นความนิยมของเจ้าชายแฮร์รีเคยพุ่งสูงถึง 80%

 

ภาพ: Leon Neal/Getty Images

อ้างอิง:

The post หนังสือเจ้าชายแฮร์รีวางแผงวันแรก ประชาชนต่อคิวรอซื้อ รับอยากรู้ข่าวฉาวจากปากราชวงศ์เอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจ้าชายแฮร์รีกล่าวว่า เขาและเจ้าชายวิลเลียมเคยขอให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ไม่อภิเษกสมรสใหม่กับ คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ https://thestandard.co/prince-harry-william-camilla/ Mon, 09 Jan 2023 08:44:53 +0000 https://thestandard.co/?p=734539

มีเรื่องราวดราม่าเบื้องหลังราชวงศ์อังกฤษมากมายเหลือเกิน […]

The post เจ้าชายแฮร์รีกล่าวว่า เขาและเจ้าชายวิลเลียมเคยขอให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ไม่อภิเษกสมรสใหม่กับ คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

มีเรื่องราวดราม่าเบื้องหลังราชวงศ์อังกฤษมากมายเหลือเกิน ที่เจ้าชายแฮร์รีนำมาเปิดเผยอย่างหมดเปลือกในหนังสือชีวประวัติของตัวเอง Spare และหนึ่งในประเด็นเหล่านั้นก็มีเรื่องของการอภิเษกสมรสใหม่เมื่อปี 2005 ของพระราชบิดา พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กับ คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ พระราชินีองค์ปัจจุบันแห่งประเทศอังกฤษ

 

เจ้าชายแฮร์รีเผยผ่าน Spare ว่า ในเวลานั้นทั้งเขาและเจ้าชายวิลเลียมต่างก็ขอร้องให้พระราชบิดาไม่อภิเษกสมรสใหม่ โดยเฉพาะเมื่อทุกคนต่างก็รู้ดีว่าคามิลลาเป็นอดีตชู้รักของพระราชบิดาตลอดชีวิตการแต่งงานของพระองค์และเจ้าหญิงไดอานาผู้ล่วงลับ แต่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ก็เดินหน้าทำตามพระราชประสงค์ของพระองค์ โดยขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีเผยว่า สมเด็จพระราชินีนาถ ‘ให้การยินยอมอย่างไม่เต็มใจ’

 

“ถึงแม้ว่าวิลลีกับผมจะอ้อนวอนไม่ให้เขาอภิเษกสมรสใหม่ แต่เขาก็ทำตามแผนที่วางไว้อยู่ดี เราจึงจับมือเขาและอวยพรให้เขาโชคดีโดยไร้ความรู้สึกติดใจใดๆ เรายอมรับแล้วว่าเขาจะได้อยู่กับผู้หญิงที่เขารักมาตลอด ผู้หญิงที่โชคชะตาลิขิตให้เขาเอาไว้ตั้งแต่แรก”

 

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ พบกันครั้งแรกตั้งแต่ช่วงยุค 1970 และคงความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาโดยตลอดจวบจนกระทั่งพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงไดอานา และมีทายาทด้วยกัน 2 พระองค์ โดยเจ้าหญิงไดอานาเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ชีวิตคู่ของเธอไปไม่รอดจนถึงขั้นต้องหย่าร้างกันในปี 1996 และในเวลา 1 ปีต่อมา เจ้าหญิงไดอานาก็เสียชีวิตกะทันหันด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งเจ้าชายแฮร์รียังเผยด้วยว่า พระราชบิดาไม่ได้กอดเขาในขณะที่บอกข่าวร้าย ทั้งที่ตอนนั้นเขามีอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น

 

ภาพ: Hugo Burnand / Pool / Getty Images

อ้างอิง:

The post เจ้าชายแฮร์รีกล่าวว่า เขาและเจ้าชายวิลเลียมเคยขอให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ไม่อภิเษกสมรสใหม่กับ คามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจ้าชายแฮร์รีเคยนั่งรถผ่านอุโมงค์ที่เจ้าหญิงไดอานาเสียชีวิต ด้วยความเร็วเท่ากับรถยนต์ของแม่ในวาระสุดท้าย https://thestandard.co/prince-harry-drove-same-tunnel-princess-diana-died/ Sun, 08 Jan 2023 03:40:57 +0000 https://thestandard.co/?p=734096 เจ้าชายแฮร์รี

อีกหนึ่งประเด็นจากหนังสือชีวประวัติของเจ้าชายแฮร์รีที่ใ […]

The post เจ้าชายแฮร์รีเคยนั่งรถผ่านอุโมงค์ที่เจ้าหญิงไดอานาเสียชีวิต ด้วยความเร็วเท่ากับรถยนต์ของแม่ในวาระสุดท้าย appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจ้าชายแฮร์รี

อีกหนึ่งประเด็นจากหนังสือชีวประวัติของเจ้าชายแฮร์รีที่ใช้ชื่อว่า SPARE ที่กำลังถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในขณะนี้แม้ว่าหนังสือจะยังไม่ได้วางขาย ก็คือการที่เจ้าชายแฮร์รีเผยว่าเขาเคยนั่งรถผ่านอุโมงค์ที่เจ้าหญิงไดอานาเสียชีวิต ด้วยความเร็วที่เท่ากับรถยนต์ของแม่ในวาระสุดท้าย

 

เจ้าชายแฮร์รีเล่าผ่านหนังสือ SPARE ว่าในปี 2007 เขาได้ไปร่วมงาน Rugby World Cup รอบรองชนะเลิศที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีที่ขณะนั้นกำลังอยู่ในวัย 23 ปี ยังคงรู้สึกเจ็บปวดต่อการสูญเสียแม่และยังไม่พบหนทางที่จะยุติความรู้สึกนั้นได้ เมื่อทางองค์กร World Cup ให้คนขับรถมาบริการเจ้าชายแฮร์รีระหว่างที่เขาอยู่ในกรุงปารีส ในคืนแรกเขาจึงถามคนขับรถว่าอุโมงค์ที่แม่ของเขาเสียชีวิตนั้นอยู่ที่ไหน

 

เมื่อคนขับรถอ้ำอึ้ง เจ้าชายแฮร์รีจึงบอกเขาว่า “มันชื่อว่าอุโมงค์ปองต์เดอลัลมา ผมอยากให้เราขับผ่านตรงนั้นด้วยความเร็ว 65 ไมล์ต่อชั่วโมงเป๊ะๆ” 

 

เจ้าชายแฮร์รีขยายความว่านั่นคือความเร็วเท่ากับรถแม่ ตามการบันทึกของตำรวจตอนเกิดอุบัติเหตุ ไม่ใช่ 120 ไมล์ต่อชั่วโมงดังที่นักข่าวรายงาน

 

หลังจากนั้นคนขับรถจึงพาเขามุ่งหน้าสู่อุโมงค์ที่เจ้าหญิงไดอานาเกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนเสียชีวิตตั้งแต่ปี 1997 โดยขับผ่านกรุงปารีสที่จอแจไปจนถึงโรงแรม Ritz ที่ซึ่งแม่ของเขารับประทานอาหารเป็นมื้อสุดท้ายร่วมกับ Dodi Fayed แฟนของเธอ 

 

“เมื่อรถของเราเข้าไปในอุโมงค์แล้ว ผมเอนตัวไปข้างหน้า และมองไฟข้างทางที่ดูคล้ายกับสีส้มแบบสีน้ำ มองดูเสาคอนกรีตที่สั่นไหว ผมนั่งนับมันทีละต้น นับเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง และในไม่กี่วินาทีเราก็ออกมาจากอุโมงค์อีกฝั่ง”

 

เจ้าชายแฮร์รีเคยจินตนาการว่าอุโมงค์ที่พรากชีวิตแม่ของเขาไปนั้นจะต้องอันตรายและเต็มไปด้วยทางคดเคี้ยว แต่เขากลับพบว่าแท้จริงแล้วอุโมงค์ดังกล่าวเป็นทางตรงสั้นๆ ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการขับรถผ่าน เมื่อเจ้าชายแฮร์รีขอให้คนขับรถพาเขาผ่านอุโมงค์ซ้ำอีกรอบ เขาจึงได้แต่คิดกับตัวเองว่า ‘เธอตายแล้ว พระเจ้า เธอจากไปแล้วจริงๆ’

 

ภาพ: Tim Graham Photo Library via Getty Images

อ้างอิง:

The post เจ้าชายแฮร์รีเคยนั่งรถผ่านอุโมงค์ที่เจ้าหญิงไดอานาเสียชีวิต ด้วยความเร็วเท่ากับรถยนต์ของแม่ในวาระสุดท้าย appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจ้าชายแฮร์รีกล่าวหาว่าเคยถูกเจ้าชายวิลเลียมทำร้ายร่างกาย เหตุเพราะขัดแย้งกันเรื่อง เมแกน มาร์เคิล https://thestandard.co/prince-harry-accuse-prince-william/ Fri, 06 Jan 2023 06:31:52 +0000 https://thestandard.co/?p=733490 เจ้าชายแฮร์รี

เจ้าชายแฮร์รีทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้ราชวงศ์อังกฤษอีกครั้ง […]

The post เจ้าชายแฮร์รีกล่าวหาว่าเคยถูกเจ้าชายวิลเลียมทำร้ายร่างกาย เหตุเพราะขัดแย้งกันเรื่อง เมแกน มาร์เคิล appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจ้าชายแฮร์รี

เจ้าชายแฮร์รีทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้ราชวงศ์อังกฤษอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาเตรียมปล่อยหนังสือชีวประวัติของตัวเองในสัปดาห์หน้าในชื่อ Spare ที่เต็มไปด้วยประเด็นดราม่าหลังรั้วพระราชวัง รวมไปถึงการทะเลาะเบาะแว้งกับ เจ้าชายวิลเลียม จนถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน โดยมี เมแกน มาร์เคิล เป็นสาเหตุหลักของการทะเลาะ

 

The Guardian รายงานข่าวโดยอ้างอิงว่าทางทีมงานได้รับหนังสือฉบับก๊อบปี้มาแล้วว่า ในหนังสือนั้นมีช่วงตอนหนึ่งที่พูดถึงจุดแตกหักระหว่างสองพี่น้อง นั่นคือตอนที่เจ้าชายแฮร์รีแต่งงานกับ เมแกน มาร์เคิล ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีบอกเล่าในหนังสือว่าพวกเขาเผชิญหน้ากันที่บ้านของเขาในลอนดอนเมื่อปี 2019 และเจ้าชายวิลเลียมก็บอกกับเขาว่า เมแกน มาร์เคิล นั้น ‘เยอะ’ ‘หยาบคาย’ และ ‘ขัดหูขัดตา’ 

 

เจ้าชายแฮร์รีตอบโต้พี่ชายว่าเขาพูดจาเหมือนสิ่งที่นักข่าวนำเสนอมุมมองที่มีต่อ เมแกน มาร์เคิล แบบคำต่อคำ และเขาก็คาดหวังในตัวพี่มากกว่านี้ เขาพยายามเดินหนีไปที่ห้องครัวแต่พี่ชายก็ตามมา การทะเลาะจึงบานปลายไปเรื่อยๆ จนเจ้าชายวิลเลียมคว้าคอเสื้อเจ้าชายแฮร์รี ก่อนที่จะกระชากสร้อยคอของเขาและอัดเขาลงที่พื้นจนเขาล้มทับชามข้าวสุนัขแตกกระจาย และเขาก็ไล่เจ้าชายวิลเลียมออกจากบ้านในที่สุด ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีเผยด้วยว่า เจ้าชายวิลเลียมไม่มีเหตุผล และยังมาพบกับเขาด้วยอารมณ์ที่ร้อนระอุก่อนที่จะได้เริ่มพูดคุยกันเสียอีก

 

หลังจากนั้นเจ้าชายแฮร์รีก็ต่อว่าเจ้าวิลเลียมว่าเขาประพฤติตัวราวกับรัชทายาทผู้ที่ไม่สามารถทำความเข้าใจเรื่องง่ายๆ กับน้องชายได้ ซึ่งเจ้าชายวิลเลียมก็พยายามบอกว่าที่จริงแล้วเขาพยายามจะช่วย แต่เจ้าชายแฮร์รีก็ตอบพี่ชายว่า “ถามจริง ช่วยผมเนี่ยนะ พี่เรียกสิ่งนี้ว่าช่วยเหรอ?”

 

แน่นอนว่าเจ้าชายแฮร์รีได้เผยถึงปฏิกิริยาของ เมแกน มาร์เคิล ด้วยเช่นกัน เมื่อเธอรับรู้ว่าสามีถูกเจ้าวิลเลียมทำร้ายร่างกายจากการเห็นรอยช้ำที่หลังของเขา เขาเผยว่าเธอ ‘ไม่แปลกใจ และไม่ได้โกรธขนาดนั้น’ เธอเพียงแต่รู้สึกโศกเศร้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

 

ภาพ: Max Mumby/Indigo/Getty Images 

อ้างอิง:  

The post เจ้าชายแฮร์รีกล่าวหาว่าเคยถูกเจ้าชายวิลเลียมทำร้ายร่างกาย เหตุเพราะขัดแย้งกันเรื่อง เมแกน มาร์เคิล appeared first on THE STANDARD.

]]>
ซีรีส์สารคดี Harry & Meghan กับเครื่องหมายคำถาม และความท้าทายที่สะเทือนราชวงศ์อังกฤษ https://thestandard.co/harry-and-meghan-and-royal-family/ Sat, 10 Dec 2022 09:40:21 +0000 https://thestandard.co/?p=722273

ยังไม่ทันข้ามปีที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงรับราชสมบัติเป […]

The post ซีรีส์สารคดี Harry & Meghan กับเครื่องหมายคำถาม และความท้าทายที่สะเทือนราชวงศ์อังกฤษ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ยังไม่ทันข้ามปีที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงรับราชสมบัติเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ สถาบันกษัตริย์อังกฤษกำลังจะต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่อีกครั้ง จากการนำเสนอเรื่องราวของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ ผ่านสารคดีเรื่องใหม่ใน Netflix ที่มีชื่อว่า Harry & Meghan

 

ย่างก้าวของครอบครัวซัสเซ็กซ์

ช่วงปลายรัชสมัยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถือเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่สถาบันกษัตริย์อังกฤษต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายและความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกรณีอื้อฉาวทางเพศของเจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก พระราชโอรส และการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระราชสวามีที่ทรงอยู่เคียงข้างกันมาเป็นเวลากว่า 70 ปี รวมถึงปัญหาของครอบครัวซัสเซ็กซ์

 

นับแต่การเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนในปี 2018 ทุกย่างก้าวของครอบครัวซัสเซ็กซ์ก็ตกเป็นประเด็นข่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสถาบันกษัตริย์อังกฤษตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวซัสเซ็กซ์กับครอบครัวเคมบริดจ์ของเจ้าชายวิลเลียมและเคท การดำรงตนและสถานะในราชวงศ์ของพวกเขา ตลอดจนการกระทบกระทั่งกับสื่อมวลชนที่คอยทำข่าว จนกระทั่งเจ้าชายแฮร์รีต้องหาทางออกด้วยการลดบทบาทของตนในฐานะพระราชวงศ์ระดับสูงเมื่อต้นปี 2020 

 

แม้ว่าครอบครัวซัสเซ็กซ์ตัดสินใจที่จะลดบทบาทของตน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีภาระหน้าที่ในฐานะพระราชวงศ์ และไม่ต้องตกอยู่ภายใต้การจับจ้องหรือตรวจสอบจากสื่อมวลชนหรือประชาชน อันเป็นชีวิตอิสระที่พวกเขาปรารถนา แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวซัสเซ็กซ์ก็ยังคงนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับราชสำนักอังกฤษอยู่เรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นคำให้สัมภาษณ์ หรือซีรีส์เรื่องล่าสุดดังที่กล่าวข้างต้น 

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าแทบทุกครั้งที่เรื่องราวของครอบครัวซัสเซ็กซ์ปรากฏเป็นข่าว ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อสถาบันกษัตริย์อังกฤษ และนำมาซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ทั้งฝ่ายที่เห็นใจครอบครัวซัสเซ็กซ์ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการใช้ชีวิตท่ามกลางการจับจ้องและการต้องอยู่ในความสนใจ ทำให้ไม่มีความเป็นส่วนตัว รวมถึงกฎเกณฑ์ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ แต่อีกด้านก็มองว่า การตัดสินใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันกษัตริย์ ชีวิตของพวกเขาย่อมจะต้องถูกคาดหวังและมีหน้าที่ที่แตกต่างไปจากคนธรรมดา เพราะการมีอภิสิทธิ์หรือความสะดวกสบายย่อมนำมาซึ่งหน้าที่ที่ต้องทำ 

 

หากจะกล่าวให้ชัดเจนขึ้น คือประเด็นเกี่ยวกับเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนนั้น อาจจะขึ้นอยู่กับมุมมองหรือความคิดของแต่ละคน ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งอาจมองว่าพวกเขานั้นเป็นเหยื่อของระบบระเบียบภายในราชสำนัก แต่อีกด้านหนึ่งพวกเขาก็ถูกมองว่ากำลังใช้สถานะและบทบาทของตนในอดีตเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ตนเอง

 

สิ้นควีน สิ้นเสาหลัก?

หลายคนคาดหวังว่า การที่ราชสำนักและเจ้าชายแฮร์รีสามารถหาทางออกร่วมกันโดยการให้เจ้าชายแฮร์รีลดบทบาทและสถานะของตน เพื่อเป็นทางออกสำหรับปัญหาความขัดแย้งทั้งหลาย และหลายคนโล่งใจและเชื่อมั่นในการตัดสินใจดังกล่าวของราชสำนักว่า วิธีนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วในการยุติปัญหาของครอบครัวซัสเซ็กซ์ที่จะส่งผลกระทบต่อสถาบันกษัตริย์อังกฤษ

 

อย่างไรก็ตาม เพียงปีเดียวหลังจากนั้น ปัญหาความขัดแย้งรอบใหม่ก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง จากคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนในรายการพิเศษของ โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรชื่อดัง ซึ่งมีการเอ่ยถึงความยากลำบากที่พวกเขาต้องเผชิญ รวมถึงความเห็นที่ไม่ตรงกันกับราชสำนัก โดยประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งคือการที่เมแกนระบุว่า เธอมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย และมีพระราชวงศ์พระองค์หนึ่งกระทำการซึ่งเป็นการเหยียดสีผิวต่อเธอ

 

แม้ว่าครอบครัวซัสเซ็กซ์จะไม่ได้เจาะจงว่าใครเป็นผู้กระทำ แต่เรื่องดังกล่าวย่อมเป็นการโจมตีสถาบันกษัตริย์อังกฤษโดยตรง และการให้สัมภาษณ์ครั้งนั้นยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับราชสำนักอังกฤษห่างเหินกันมากยิ่งขึ้น และทำให้สถาบันกษัตริย์อังกฤษถูกตั้งคำถามถึงบทบาทและการวางตัว รวมถึงความจำเป็นในการมีอยู่ด้วย

 

จากการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว สำนักพระราชวังอังกฤษได้ออกแถลงการณ์สั้นๆ ต่อกรณีดังกล่าวว่า ราชสำนักรู้สึกเสียใจต่อกรณีที่เกิดขึ้น และความยากลำบากที่พวกเขาต้องเผชิญในหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงครอบครัวซัสเซ็กซ์ยังคงเป็นที่รักของพวกเราทุกคน โดยการออกแถลงการณ์ในเรื่องส่วนตัวของสมาชิกพระราชวงศ์ถือเป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับสถาบันกษัตริย์อังกฤษ ซึ่งทำให้เรื่องดังกล่าวค่อยๆ เงียบลงไป 

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตัดสินใจของราชสำนักอังกฤษต่อกรณีครอบครัวซัสเซ็กซ์นี้ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ย่อมต้องทรงมีบทบาทสำคัญ ทั้งในฐานะที่ทรงเป็นประมุขแห่งราชวงศ์ และยังทรงเคยผ่านปัญหาเรื่องความสัมพันธ์หรือชีวิตคู่ของพระราชโอรสและพระราชธิดา ซึ่งนำไปสู่การหย่าร้างและการแยกทางกันถึงสามคู่ในปี 1992 ไม่ว่าจะเป็นกรณีเจ้าชายชาร์ลส์ ดยุกแห่งเวลส์ กับเจ้าหญิงไดอานา กรณีเจ้าหญิงแอนน์กับมาร์ก ฟิลลิปส์ และกรณีเจ้าชายแอนดรูว์กับซาราห์ เฟอร์กูสัน ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์อังกฤษ แต่สุดท้ายแล้วสมเด็จพระราชินีนาถก็ทรงแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวให้ผ่านพ้นมาได้

 

จะเห็นได้ว่าแม้จะปรากฏความขัดแย้งหรือปัญหาภายในราชวงศ์อันเกี่ยวข้องกับครอบครัวซัสเซ็กซ์ สมเด็จพระราชินีนาถก็ทรงแก้ไขปัญหานั้นๆ ให้ลุล่วงไปได้ โดยให้มีผลกระทบต่อสถาบันกษัตริย์อังกฤษน้อยที่สุด เพื่อความอยู่รอดของสถาบันกษัตริย์ 

 

อย่างไรก็ตาม กรณีครอบครัวซัสเซ็กซ์ก็ยังคงเป็นประเด็นข่าวสำคัญที่มักปรากฏอยู่เสมอ แม้กระทั่งเมื่อคราวที่สมเด็จพระราชินีนาถสวรรคตในวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา ทุกความเคลื่อนไหวของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนต่างถูกจับตามอง และเกิดคำถามขึ้นในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในการเข้าเฝ้าฯ ครั้งสุดท้ายที่ปราสาทบัลมอรัล การร่วมพระราชพิธีพระบรมศพ พระราชพิธีสถาปนาพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตลอดจนพระราชพิธีฝังพระบรมศพว่า ทั้งสองจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ เข้าร่วมแล้วจะปฏิบัติตนอย่างไร หรือความสัมพันธ์กับพระราชวงศ์อื่นๆ จะเป็นอย่างไร

 

คำถามสำคัญที่ท้าทายสถาบันกษัตริย์อังกฤษและครอบครัวซัสเซ็กซ์ คือเมื่อสิ้นแผ่นดินสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แล้ว จะเกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นมาอีกหรือไม่ และการแก้ไขปัญหาของราชสำนักอังกฤษโดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะเป็นไปในทิศทางใด 

 

การเปิดเผยเรื่องราว หรือความขัดแย้งครั้งใหม่?

เพียงสามเดือนภายหลังการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถ ปัญหาของครอบครัวซัสเซ็กซ์ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนได้นำเสนอเรื่องราวชีวิตส่วนตัวผ่านสารคดีทาง Netflix ซึ่งทั้งคู่ระบุว่าพวกเขากำลังจะเปิดเผยความจริงทั้งหมดที่ไม่มีใครรู้มาก่อน โดยในตอนต้น พวกเขาได้กล่าวถึงบทบาทของสื่อมวลชนที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขา และเมแกนได้กล่าวพาดพิงว่า เธอไม่ได้รับการปกป้องอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นการพาดพิงถึงราชวงศ์อังกฤษ 

 

ทันทีที่สารคดีดังกล่าวได้เผยแพร่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่หลากหลาย บ้างก็ว่าเป็นความพยายามของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนในการเรียกความสงสารและสร้างความสนใจ ในขณะที่อีกฝ่ายก็เห็นใจและมองว่า เส้นทางที่พวกเขาต้องเลือกเดินนั้นเป็นเพราะความกดดันและสิ่งที่ต้องเผชิญจากการเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ 

 

โดยสิ่งที่หลายคนมุ่งจับตามอง คือราชวงศ์อังกฤษจะมีปฏิกิริยาใดต่อสารคดีเรื่องนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อพระราชวงศ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมีประเด็นแรกที่เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นแล้ว คือสารคดีได้ขึ้นข้อความว่า สมาชิกในราชวงศ์ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อเนื้อหาในสารคดีนี้ แต่ทางสำนักพระราชวังได้ปฏิเสธว่าไม่เคยมีการสอบถามความเห็นในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด 

 

ดังนั้นแม้ว่าเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนจะระบุถึงความมุ่งหมายในการถ่ายทอดเรื่องราวในครั้งนี้ว่าเป็นการเปิดเผยความจริง แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการเปิดเผยความจริงในครั้งนี้ย่อมมีผลเสมือนเป็นการก่อปัญหาและความขัดแย้งครั้งใหม่ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

 

โดยที่สารคดีเรื่องนี้เพิ่งจะออนแอร์เพียง 3 ตอนแรกเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา และมีกำหนดจะสตรีมอีก 3 ตอนสุดท้ายในวันที่ 15 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งเชื่อว่ายังคงมีเนื้อหาอีกหลายส่วนที่จะกระทบและพัวพันถึงสมาชิกพระราชวงศ์ รวมถึงสถาบันกษัตริย์อังกฤษโดยรวม จึงต้องติดตามต่อไปว่า พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในฐานะประมุของค์ใหม่แห่งราชวงศ์วินด์เซอร์จะทรงตัดสินใจอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้

 

นอกจากสารคดีเรื่องนี้แล้ว ยังมีความขัดแย้งหรือความบาดหมางระหว่างครอบครัวซัสเซ็กซ์กับราชสำนักอังกฤษที่รอเวลาเกิดขึ้นอยู่ คือการที่เจ้าชายแฮร์รีตัดสินใจบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของพระองค์ โดยเฉพาะเหตุผลที่ทรงตัดสินใจลดบทบาทและย้ายมาประทับที่สหรัฐอเมริกา ผ่านหนังสือที่มีชื่อว่า ‘Spare’ ซึ่งมีกำหนดออกวางตลาดในเดือนมกราคม 2023 โดยเลื่อนมาจากกำหนดเดิมเนื่องจากการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 

 

จากที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ชื่อของหนังสือเล่มดังกล่าวมาจากคำว่า ‘Heir and Spare’ หรือทายาทและตัวสำรอง ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของเจ้าชายแฮร์รีในฐานะตัวสำรองหรือบทบาทลำดับสองรองจากเจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐาผู้เป็นรัชทายาทของราชบัลลังก์ในปัจจุบัน จึงเชื่อได้ว่าประเด็นต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้ย่อมจะนำมาซึ่งความขัดแย้งรอบใหม่กับราชวงศ์อังกฤษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างครอบครัวซัสเซ็กซ์กับสถาบันกษัตริย์อังกฤษนี้ แม้จะดูว่าเป็นปัญหาส่วนตัวที่อาจเกิดขึ้นได้ภายในครอบครัวใหญ่และไม่ควรติดตามหรือยุ่งเกี่ยว แต่เหตุที่ชวนให้คิดและติดตาม รวมถึงต้องตั้งคำถาม เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงบทบาทและสถานะของสถาบันกษัตริย์ในโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งกระแสความคิด ความคาดหวัง และมุมมองจากประชาชนถือเป็นสิ่งสำคัญที่สถาบันกษัตริย์จะต้องคำนึงถึง จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าติดตามต่อไปว่า เรื่องราวจะดำเนินต่อไปเช่นไรและมีบทสรุปอย่างไร 

 

ภาพ: Samir Hussein / WireImage

 

อ้างอิง:

The post ซีรีส์สารคดี Harry & Meghan กับเครื่องหมายคำถาม และความท้าทายที่สะเทือนราชวงศ์อังกฤษ appeared first on THE STANDARD.

]]>