Prime Video – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sun, 19 Oct 2025 09:37:11 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 NBA on Prime: จุดเริ่มต้น 11 ปีที่กำลังนิยามใหม่ การดูเกมสดจากทั่วโลก https://thestandard.co/nba-on-prime-global-sports-streaming/ Sun, 19 Oct 2025 09:37:11 +0000 https://thestandard.co/?p=1132529 NBA on Prime

ภายใน Amazon MGM Studio ในคัลเวอร์ ซิตี้ ลอสแองเจลิส สต […]

The post NBA on Prime: จุดเริ่มต้น 11 ปีที่กำลังนิยามใหม่ การดูเกมสดจากทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
NBA on Prime

ภายใน Amazon MGM Studio ในคัลเวอร์ ซิตี้ ลอสแองเจลิส สตูดิโอที่เป็นบ้านแห่งใหม่ของ NBA หลัง Prime ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมาด้วยสัญญา 11 ปี ซึ่งจะเริ่มต้นถ่ายทอดสดฤดูกาลแรกปีนี้ เต็มไปด้วย ตำนานนักบาส และ สื่อมวลชนจากทั่วโลก รวมถึง THE STANDARD SPORT ที่ได้รับเกียรติเดินทางไปร่วมงานครั้งนี้ด้วยที่สหรัฐอเมริกา

 

โดยปีนี้ Prime Video จะถ่ายทอดสด NBA ในประเทศไทยกว่า 60 แมตช์ พร้อมด้วยเกมรอบ เพลย์อิน ทัวร์นาเมนต์ รวมไปถึงรอบเพลย์ออฟ ทั้งเกมชิงแชมป์สาย และ ซีรีส์ชิงชนะเลิศ โดยแฟนกีฬาชาวไทยไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าสมาชิกเพิ่ม หากคุณเป็นสมาชิกของ Amazon Prime อยู่แล้ว (149 บาทต่อเดือน)

 

ซึ่งงานเปิดตัวครั้งนี้ของ NBA on Prime เป็นการประกาศว่าพวกเขาจะนำเสนอลีกบาสเกตบอลที่ดีที่สุดในโลก ในดีลที่ผ่านผู้บริหารของ Prime ใช้ว่า First Global Sport Deal ของ Amazon จะมีรูปร่างหน้าตา และ นวัตกรรมอะไรเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับการรับชมให้กับผู้คนจากทั่วโลก

 

จากประสบการณ์ที่เราได้ไปร่วมกับทาง NBA on Prime ที่ลอสแองเจลิส ตลอด 3 วันที่ผ่านมานี่คือสิ่งที่เรามองเห็นว่าการถ่ายทอดสดในปีนี้ NBA จะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้าง

 

จากสนาม Crypto.com Arena ของเลเกอร์ส สู่การเชื่อมต่อของ Prime

 

วันแรกที่เราไปถึงเราได้โอกาสเข้าไปชมการแข่งขันแมตช์ปรีซีซั่น ระหว่าง แอลเอ เลเกอร์ส และ โกลเดนสเตท วอร์ริเออร์ส ซึ่งแน่นอนว่า รูปเกมอาจไม่ใช่ไฮไลต์สำคัญอะไร แต่เราได้เห็นรูปแบบของ Sport Entertainment แบบเต็มสูบครั้งแรกของกีฬาอเมริกันเกม

 

ทั้ง Kiss Cam, โชว์พักครึ่ง ดีเจในสนาม และ การดึงแฟนกีฬาเข้ามามีส่วนร่วมบนพื้นคอร์ด คือองค์ประกอบสำคัญทั้งหมดของกีฬาอเมริกันที่ทำให้เราเข้าใจว่า มาตรฐานสูงสุดของ Sport Entertainment ที่ควรจะเป็นคืออะไร

 

วันต่อมาเราได้เข้าไปดูเบื้องหลังการทำงานทั้งหมดของสนามกีฬาแห่งนี้ด้วยประสบการณ์ Stadium Tour Crypto.com Arena ที่เป็นสนามเหย้าของทั้งบาสเกตบอล NBA ทีมเลเกอร์ส และ LA Kings ทีมฮอกกี้น้ำแข็ง NHL

 

สนามแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยจุดประสงค์เพื่อการถ่ายทอดสด โดยมีสายไฟสัญญาณวิ่งทั่วสนามเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อสัญญาณจากกล้องไปสู่สายตาของคนจากทั่วโลก

 

นอกจากนี้ยังมีการต่อเติม Jumbo Tron จอขนาดยักษ์ตรงกลางของสนามไว้สำหรับการเล่นกับคนดูในสนาม และ การโชว์ Data ของเกมแบบ Real Time อีกด้วย

 

ทั้งหมดนี้เป็นการนับหนึ่งของสัญญาณที่จะถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลก แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปในปีนี้คือ วิธีการที่ Prime จะนำเข้ามาใช้ยกระดับประสบการณ์การรับชม

 

Amazon MGM Studio ฐานใหม่ของ NBA on Prime

 

หลังจากสัญญาณถูกส่งมาจากสนามกีฬาทั่วประเทศ รวมถึง Crypto.com Arena ในปีนี้ หากคุณรับชมผ่าน Prime คุณจะได้เห็นสตูดิโอใหม่ที่ Prime สร้างขึ้นเพื่อฤดูกาลแรกของพวกเขากับ NBA โดยเฉพาะ

 

เริ่มต้นทาง Prime ได้พาเราเข้าไปยัง Studio 15 ที่ใช้สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่อง โดยนวัตกรรมที่พวกเขาโชว์คือการแปลงจอ LED 3,000 จอที่อยู่ล้อมรอบกล้องถ่าย ด้วย Unreal Engine ฉายภาพบรรยากาศที่ทำให้เราไปอยู่ได้ทั่วทุกมุมโลก และ พร้อมถ่ายทำฉากที่เราต้องการได้ทันที

 

ซึ่งต่อมาเมื่อเราก้าวเข้าไปสู่สตูดิโอใหม่ของ NBA ในปีนี้ หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือ สนามฮาล์ฟคอร์ตมาตรฐานและห่วงแบบ LED ทั้งหมด สนามฮาล์ฟคอร์ตและห่วงบาสเกตบอลแบบ LED ของสตูดิโอแห่งนี้ นับว่าเป็นพื้นสตูดิโอความละเอียดสูงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และจะกลายเป็นหัวใจสำคัญทั้งในเชิงเทคนิคและวัฒนธรรมของรายการ NBA on Prime โดยจะถูกใช้สำหรับการสาธิตและกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งรายการ

 

โดย ยูโดนิส ฮาสเล็ม (Udonis Haslem) นักวิเคราะห์ของ NBA on Prime ได้ทำการสาธิตการวิเคราะห์เกม ผ่านเทคโนโลยีใหม่นี้ ด้วยการแสดงให้เห็นว่า แต่ละจุดเปลี่ยนของเกมเกิดขึ้นตรงไหนบนพื้นสนามจอ LED ถ้านึกภาพไม่ออก อาจลองนึกถึงเวลาที่ฟุตบอลใช้จอสัมผัสขนาดใหญ่ลากเส้นตามมุมที่นักเตะส่งบอลกัน แต่นี่เป็นจอ LED ที่ใหญ่เท่ากับสนามบาสเกตบอล ครึ่งคอร์ต ที่นักวิเคราะห์สามารถลงไปทำให้ดู และมีกราฟิกขึ้นตามจุดเปลี่ยนสำคัญทันทีที่ใช้วิเคราะห์เกม

 

ซึ่งในวัน NBA on Prime Launch พวกเขายังได้เปิดตัว ทีมงานจาก NBA on Prime นำโดยนักบาสเกตบอลชื่อดังอย่าง เบลก กริฟฟิน (Blake Griffin), เดิร์ก โนวิตซ์กี (Dirk Nowitzki), สตีฟ แนช (Steve Nash), จอห์น วอลล์ (John Wall), รูดี้ เกย์ (Rudy Gay), แคนเดซ ปาร์คเกอร์ (Candace Parker), ดเวย์น เวด (Dwyane Wade), สวิน แคช (Swin Cash) และ เบรนต์ แบร์รี (Brent Barry) อีกด้วย

 

แล้วหน้าจอของ NBA on Prime จะมีอะไรที่ใหม่บ้าง

 

จากที่ THE STANDARD SPORT ได้มีโอกาสไปร่วมงานกับทาง AWS หรือ Amazon Web Service ผู้ให้บริการระบบ Cloud พาร์ทเนอร์คนสำคัญของ F1 เราได้เข้าใจวิธีการทำงานที่พวกเขาสามารถเก็บข้อมูล ส่งไปประมวลผลด้วย Machine Learning และ ส่งกลับมาเป็นข้อมูลพร้อมใช้งานที่สนามกีฬา ให้ทันก่อนที่นักแข่งจะเข้าโค้งต่อไป ทำให้เราได้เข้าใจว่า การกำจัด Latency หรือความหน่วงของการเดินทางของข้อมูล ทำให้เกิดความเป็นไปได้ใหม่ในการถ่ายทอดสดกีฬาระดับโลก ในมิติต่างๆ (สำหรับ F1 ตัวอย่างที่ชัดสุดคือข้อมูลบนหน้าจอถ่ายทอดสดที่บอกว่า ถ้านักแข่งตัดสินใจเข้าพิตตอนนี้ เขาจะออกมาที่ลำดับที่เท่าไหร่)

 

สำหรับ NBA on Prime พวกเขาจะนำเอาระบบนี้เข้ามาใช้ยกระดับการรับชม NBA ซึ่งแน่นอนว่าที่ผ่านมา อเมริกันเกม เป็นกีฬาที่เต็มไปด้วยสถิติและข้อมูลอยู่แล้ว แต่สำหรับ NBA on Prime ถ้าคุณเคยมีโอกาสได้ชมซีรีส์ จะมีฟังก์ชั่นที่สามารถกดลงมาดูโปรไฟล์นักแสดงได้ระหว่างการรับชม แต่สำหรับ NBA พวกเขาสามารถจะสามารถดูสถิติแบบเรียลไทม์ได้ซึ่งพวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่า Live overlays

 

ต่อมาคือการตอบโจทย์สำหรับเวลาการรับชมที่คนจากทั่วโลกจะดูเวลาที่ต่างกัน ตามไทม์โซน ทาง Prime ปีนี้จึงมีสิ่งที่เรียกว่า Rapid Recap / Key Moments ฟีเจอร์ที่เมื่อคุณกดเข้ามาแล้วสามารถข้ามไปรับชมช็อตสำคัญได้เลย สำหรับคนที่เข้ามาหลังจากเกมเริ่มไปแล้ว

 

อีกระบบที่ตอบโจทย์พฤติกรรมคนดูคือ Multiview ที่เลือกวางได้ 2-4 เกมพร้อมกัน โดยสามารถตั้งเป็นเกมหลัก และ เลือกต้นทางเสียงของเกมได้ทันที เหมาะสำหรับคนที่อยากชมเกมพร้อมกันหลายคอร์ด

 

การถ่ายทอดสดปีแรกนี้ ทาง Prime จะมีพากย์ทั้งหมด 12 ภาษา ซึ่งรวมภาษาไทยด้วย และ จะถ่ายทอดสดเข้าถึงคนกว่า 200 เขตตลาดทั่วโลก

 

นับหนึ่ง NBA on Prime sandbox ของนวัตกรรม และสนามแข่งใหม่ของสื่อกีฬา

 

สิ่งที่ทางผู้บริหารของ NBA on Prime ยืนยันคือนี่เป็นเพียงปีแรก และเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการนำเอานวัตกรรม และ ฟีเจอร์ต่างๆของ Prime เข้ามาเพิ่มประสบการณ์การรับชม ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ขึ้นตามความต้องการของแฟนกีฬาจากทั่วโลก

 

ตามปรัชญาที่ Amazon ว่าพวกเขาพร้อมที่คิดใหญ่ และ เริ่มต้นแผนการทำงานจาก ความต้องการของลูกค้า ซึ่งน่าสนใจว่าพวกเขาจะเพิ่มเติมอะไรเข้ามาเพื่อให้ผู้คนสามารถเข้าถึงประสบการณ์ของ NBA ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้จากอีกมุมหนึ่งของโลก

 

หมายเหตุถึงผู้อ่านไทย:

 

  • ฟีเจอร์/การรองรับอุปกรณ์/แพ็กเกจอาจแตกต่างตามประเทศ โปรดตรวจสอบหน้า Prime Video ในประเทศของคุณ
  • ตัวเลขการเติบโตในเม็กซิโกและบราซิลเป็นข้อมูลจากเวทีบรรยาย ซึ่งสะท้อนทิศทางการใช้งานจริงในภูมิภาคละตินอเมริกา
  • รายละเอียดสิทธิ์ถ่ายทอดย่อย (จำนวนเกม/ประเภทเกมในแต่ละตลาด) มีความเฉพาะตัวและอาจอัปเดตตามฤดูกาล

 

สำหรับแฟนๆ บาสเกตบอล NBA สามารถรับชม การถ่ายทอดสด บาสเกตบอล NBA ผ่านทาง NBA on Prime เพียงเดือนละ 149 บาท รับชมเกม NBA ได้ 60 คู่ต่อ ฤดูกาล และชมเกมในช่วงเพลย์ออฟ ได้แบบปีเว้นปีด้วย

 

ส่วน รายการ NBA on Prime จะเปิดตัวในวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2568 (ตามเวลาประเทศไทย) ประเดิมด้วยสองเกมต่อเนื่อง ด้วย บอสตัน เซลติกส์ พบ นิวยอร์ก นิกส์ (เวลา 6.30 น.) ตามด้วย มินนิโซตา ทิมเบอร์วูล์ฟส์ พบ ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส (เวลา 9.00 น.)

 

การถ่ายทอดสดจะเริ่มตั้งแต่เวลา 6.00 น. โดยเปิดด้วยรายการก่อนเริ่มเกม (pregame show) จากคัลเวอร์ซิตี้ มีทีมผู้ดำเนินรายการในสตูดิโอรายงานในช่วงพักครึ่ง และการแข่งขันทุกค่ำคืนจะปิดท้ายด้วยรายการ NBA Nightcap ซึ่งเป็นรายการหลังเกมความยาวหนึ่งชั่วโมงที่มีทั้งการสัมภาษณ์ผู้เล่นและวิเคราะห์เกมแบบเจาะลึก ทั้งนี้ ระหว่างการแข่งขันแบบดับเบิลเฮดเดอร์ Prime Video จะมีรายการพิเศษ The Crossover เพื่อเชื่อมต่อการถ่ายทอดสดต่อจากสตูดิโอ NBA on Prime

The post NBA on Prime: จุดเริ่มต้น 11 ปีที่กำลังนิยามใหม่ การดูเกมสดจากทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
NBA on Prime เริ่มยิงสด 24 ตุลาคม คู่ เซลติกส์-นิกส์ เปิดหัว https://thestandard.co/nba-on-prime-video-schedule/ Fri, 15 Aug 2025 07:42:29 +0000 https://thestandard.co/?p=1107708 nba-on-prime-video-schedule

Prime Video ประกาศตารางการแข่งขันเต็มรูปแบบฤดูกาลแรกของ […]

The post NBA on Prime เริ่มยิงสด 24 ตุลาคม คู่ เซลติกส์-นิกส์ เปิดหัว appeared first on THE STANDARD.

]]>
nba-on-prime-video-schedule

Prime Video ประกาศตารางการแข่งขันเต็มรูปแบบฤดูกาลแรกของ NBA on Prime Video หลังจากที่ NBA ได้เผยโปรแกรมการแข่งขันฤดูกาลปกติ 2025-2026 อย่างเป็นทางการ 

 

โดย NBA on Prime Video จะเปิดฤดูกาลด้วยการแข่งขันคู่แรกในวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม เวลา 6.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งทาง นิวยอร์ก นิกส์ จะเปิดบ้านต้อนรับ ทีมบอสตัน เซลติกส์ ต่อด้วยการเจอกันระหว่าง ทีมมินนิโซตา ทิมเบอร์วูล์ฟส์ กับ ทีมลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส เวลา 9.00 น. พร้อมการถ่ายทอดสดรายการก่อนเกม NBA on Prime Video เริ่มตั้งแต่เวลา 6.00 น.

 

โดย NBA on Prime Video จะถ่ายทอดสดเกมฤดูกาลปกติมากถึง 60 แมตช์ รวมถึง Emirates NBA Cup รอบน็อคเอาต์ (รอบก่อนรองชนะเลิศ รอบรองชนะเลิศ และรอบแชมเปียนชิป) 

 

และพิเศษในปีนี้ ยังมีเกม NBA Global Reach ทั้งแมตช์ที่เบอร์ลิน และ ลอนดอน ในวันที่ 15 และ 18 มกราคม ตามลำดับ ซึ่งจะถ่ายทอดสดทาง NBA on Prime Video ทั้งคู่

 

ขณะที่ โพสต์ซีซันส์ ก็จะมีการถ่ายทอดการแข่งขัน ทั้ง เพลย์อิน ทัวร์นาเมนต์ทั้ง 6 เกม ส่วนรอบเพลย์ออฟ จะมีการสตรีม ประมาณหนึ่งในสามของรอบแรกและรอบสอง และยังมีเกมรอบชิงแชมป์สาย และ รอบ ไฟนอลส์ ด้วย

 

สำหรับผู้ชมในประเทศไทยสามารถชม NBA on Prime Video และ NBA League Pass ได้บนอุปกรณ์ที่รองรับหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านแอป Prime Video บนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต กล่องรับสัญญาณ เกมคอนโซล และสมาร์ททีวี สำหรับรายชื่ออุปกรณ์ที่รองรับทั้งหมด สามารถดูได้ที่ amazon.com/howtostream

 


 

ตารางถ่ายทอดสด NBA on Prime Video

 


 

ตารางถ่ายทอดสด NBA on Prime Video

 


 

ตารางถ่ายทอดสด NBA on Prime Video

 

ภาพประกอบ: ธิดามาศ เขียวเหลือ

The post NBA on Prime เริ่มยิงสด 24 ตุลาคม คู่ เซลติกส์-นิกส์ เปิดหัว appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ละครไทยกำลังจะตาย’ แล้วทำไมสืบสันดานขึ้นอันดับหนึ่งทั่วโลก? https://thestandard.co/thai-dramas-are-dying/ Fri, 02 Aug 2024 10:10:15 +0000 https://thestandard.co/?p=966591 ละครไทยกำลังจะตาย

ข่าวดีใหม่ล่าสุดสำหรับวงการบันเทิงไทยคงหนีไม่พ้นการก้าว […]

The post ‘ละครไทยกำลังจะตาย’ แล้วทำไมสืบสันดานขึ้นอันดับหนึ่งทั่วโลก? appeared first on THE STANDARD.

]]>
ละครไทยกำลังจะตาย

ข่าวดีใหม่ล่าสุดสำหรับวงการบันเทิงไทยคงหนีไม่พ้นการก้าวขึ้นอันดับหนึ่งบนชาร์ต Netflix Global Top 10 หมวดซีรีส์ภาษาต่างประเทศของซีรีส์กลิ่นอายละครไทยเรื่อง สืบสันดาน ในขณะที่ก่อนหน้านั้นเพิ่งเกิดกระแสละครไทยกำลังจะตายเพราะหลายช่องทีวีลดจำนวนการผลิตลง ปรากฏการณ์สวนทางกันของสองประเด็นนี้ทำให้เกิดคำถามมากมายว่าละครไทยใกล้สูญพันธุ์แล้วจริงหรือ? แต่ทำไมซีรีส์และละครไทยหลายๆ เรื่องกลับประสบความสำเร็จในระดับภูมิภาคแม้กระทั่งระดับโลก? หรือเรากำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านเพื่อหาสูตรลับฉบับคอนเทนต์ไทยๆ กันแน่?

 

สืบสันดาน (Netflix)

 

คนดูละครและซีรีส์ไทยน้อยลงจริงหรือ?

 

ช่วงครึ่งปีแรกมีข่าวร้ายวงการละครไทยออกมาเป็นระลอก ทั้งข่าวช่อง 3 คืนคิวผู้จัด ชะลอการถ่ายทำละครในช่วงครึ่งหลังปี 2567 ทั้งหมด แถมละครเรื่อง นางนาคพระโขนง ที่โปรโมตไปแล้วก็มีอันต้องเลื่อนออกอากาศ ทางฝั่งช่อง 8 ก็มีข่าวเลิกผลิตละครเพราะรายการประเภทอื่นในช่องมีเรตติ้งดีกว่า ขณะที่ช่อง 7 และช่อง one31 ก็ออกอากาศละครรีรันสลับกับละครใหม่

 

คงต้องยอมรับว่าในระยะหลังละครทีวีไทยเรตติ้งน้อยลง อย่างละครหลังข่าวในช่วงครึ่งปีแรกมีเพียงละคร สงครามสมรส ทำเรตติ้งสูงสุดที่ 7.7 ส่วน ลมเล่นไฟ ที่ครองอันดับหนึ่งละครหลังข่าวเรตติ้งดีที่สุดของช่อง 3 ก็อยู่ที่ 4.4 ฝั่งช่อง 7 ละครฟอร์มใหญ่อย่าง รอยรักรอยบาป เรตติ้งสูงสุดอยู่ที่เลข 3 ซึ่งธุรกิจโทรทัศน์รายได้หลักมาจากการโฆษณา ตัวเลขเท่านี้ก็คงไม่ดึงดูดใจสปอนเซอร์สักเท่าไร ยิ่งผนวกกับมีสื่อใหม่ๆ เข้ามาแชร์ตลาดด้วยก็ยิ่งไปกันใหญ่ ที่สำคัญ ต้นทุนการผลิตละครสูงกว่ารายการทีวีประเภทอื่นๆ เมื่อลงทุนสูงแต่รายได้ต่ำ ก็ทำให้หลายช่องขอถอยมาดูสถานการณ์ดีกว่า

 

คนดูทีวีน้อยลงจริงไหม? น่าจะจริง แต่คนดูละครหรือคอนเทนต์ไทยน้อยลงไหม ก็คงไม่ใช่ เพราะหากรวมตัวเลขคนดูออนไลน์และสตรีมมิงต่างๆ จะพบว่าคนดูอาจจะลดลงจริง แต่ไม่ใช่ไม่ดูเลย อย่างยอด 10 อันดับคอนเทนต์ที่คนดูสูงสุดในไทยของทั้ง Netflix และ Viu ก็มีละครและซีรีส์ไทยอยู่ 5-7 เรื่อง ก็ถือว่าไม่น้อยเลย

 

สงครามสมรส (ช่อง one31) 

 

รอยรักรอยบาป (ช่อง 7HD) 

 

หรือเพราะคนยุคใหม่เสพคอนเทนต์แบบไม่สนใจสัญชาติ?

 

ความบันเทิงก็เหมือนสินค้า เราอยู่ในยุคที่มีสินค้าในตลาดมากมาย ในขณะที่มีเวลา 24 ชั่วโมงเท่าเดิม ก็ย่อมเลือกสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดแบบไม่สนใจว่ามาจากประเทศไหนและดูผ่านสื่ออะไร หลายคนอาจคิดว่าซีรีส์เกาหลีคือความบันเทิงกระแสหลัก แต่เรื่องไหนบทไม่รอดเราก็ไม่ดู ในขณะเดียวกันก็มีคอนเทนต์จากประเทศใหม่มาสร้างปรากฏการณ์ในเมืองไทย เช่น Erkenci Kus ซีรีส์จากตุรกี, Gangubai Kathiawadi และ Maharaj หนังจากอินเดีย, Color of Evil: Red ซีรีส์จากโปแลนด์ และซีรีส์จีนมากมายมหาศาลที่กำลังตีตื้นซีรีส์เกาหลีขึ้นมาติดๆ นั่นหมายความว่าคอนเทนต์ไทยไม่ได้แข่งขันกันเองแต่แข่งขันกับนานาชาติ ดังนั้นเรื่องคุณภาพ ทั้งบท โปรดักชัน และพลังดารา ต้องมาก่อน ส่วนละครใกล้จะสูญพันธุ์คือละครสูตรสำเร็จที่ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ ต่างหาก อย่างไรก็ตาม ละครโทรทัศน์ก็ต้องเจอกับปัญหาคลาสสิกจากข้อจำกัดต่างๆ ของทาง กสทช. ที่ว่าสื่อโทรทัศน์เข้าถึงคนทุกกลุ่มเนื้อหาก็ไม่ควรแรงเกินไป

 

สงครามสมรส (ช่อง one31) 

 

ลมเล่นไฟ (ช่อง 3HD)

 

ละครและซีรีส์ไทยไม่มีอะไรใหม่จริงหรือ?

 

ทิพย์ธิดา ศรัทธาทิพย์ หรือ ปราณประมูล มือเขียนบทละครโทรทัศน์ชื่อดังให้สัมภาษณ์ผ่านสกู๊ปข่าวของไทยพีบีเอสไว้น่าสนใจว่า “ทีวีไทยสู้ประเทศอื่นๆ ไม่ได้ เพราะเราเป็นประเทศด้อยพัฒนา อันนี้พูดจริงๆ นะ อะไรที่วิจารณ์สังคมเยอะก็ทำไม่ได้ เราแตะการเมืองไม่ได้ แตะตำรวจไม่ได้ แตะทหารไม่ได้ ฯลฯ แล้วมันเหลืออะไรให้ทำ ก็ต้องเหลือเรื่องผัวเมียกับแย่งมรดก คนทำทีวีก็พยายามแข่งอยู่แต่ว่าทีวีมันมีกรอบเยอะมาก”

 

เป็นเรื่องจริงที่คนทำทีวีพยายามแข่งขันแบบสุดความสามารถ อย่างที่เราได้เห็นผลงานคุณภาพอย่างละครของไทยพีบีเอสเช่น จากเจ้าพระยาสู่อิรวดี หรือ บุษบาลุยไฟ ที่เน้นความละเมียดละไม หรือการนำเสนอประเด็นใหม่ๆ อย่างซีรีส์จากช่อง GMM25 เช่น คาธ, Home School และ ด้วยรักและหักหลัง

 

บุษบาลุยไฟ (Thai PBS)

 

บางกอกคณิกา (ช่อง one31) 

 

ด้วยรักและหักหลัง คือตัวอย่างของการผสมแบบละครไทยคือความอิจฉา ริษยา แย่งผู้ชาย มาใส่ความดาร์กและประเด็นสมัยใหม่เข้าไปจนได้อรรถรส ใหม่ เผ็ด แซ่บ แต่ไม่เชย และประสบความสำเร็จในวงกว้างมากกว่าผลงานเรื่องอื่นๆ (ที่ไม่ใช่ซีรีส์วาย) ของช่อง นั่นอาจจะพอบอกได้ว่าแม้คนดูต้องการประเด็นใหม่ๆ แต่ก็ยังติดใจกับกลิ่นอายเก่าๆ ของละครไทยอยู่ดี

 

หรืออย่าง สงครามสมรส ที่ว่าด้วยประเด็นคลาสสิกคือเรื่องผัวเมีย แต่เพราะบทประพันธ์ทำการบ้านมาอย่างดี ผนวกกับการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิง ละครเรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน อีกตัวอย่างคือผลงานของผู้จัด แอน ทองประสม กับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นการเปลี่ยนชื่อเรื่องและปรับบทให้ทันสมัยทั้งที่เป็นบทประพันธ์เก่าอย่าง แค้น เปลี่ยนจาก พรหมจารีสีดำ หรือ เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ เปลี่ยนจาก สามีเงินผ่อน ก็ทำให้ Mood & Tone ของละครเปลี่ยนได้เหมือนกัน

 

สืบสันดาน (Netflix)

 

ส่วน สืบสันดาน ก็คือการประยุกต์เอาละครไทยด้วยประเด็นแย่งสมบัติแล้วมาใส่ความพรีเมียมเข้าไป ก็ยังคงรสชาติแบบไทยๆ จนไปโดนใจคนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งถ้าจากรายชื่อประเทศที่ซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นอันดับ 1 ส่วนใหญ่อยู่ในฝั่งอเมริกาใต้และยุโรปตะวันออกที่ชอบความบันเทิงแนวนี้อยู่แล้ว เมื่อรวมกับประเด็นสากลเรื่องความเหลื่อมล้ำก็ยิ่งทำให้ไปได้ไกล ซึ่งหากเทียบกับ สาธุ ที่ภาษีดีกว่าเรื่องบท แต่มีบริบทความเป็นไทยมากกว่า ก็เชื่อมโยงกับคนดูในต่างประเทศได้น้อยกว่า

 

เรียนรู้และปรับตัว

 

หลายปีที่ผ่านมาหลายช่องทีวีพยายามปรับตัว อย่างเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ช่อง one31 มีโปรเจกต์ oneD ORIGINAL ทำซีรีส์ดึงประเด็นสังคมมาใส่แล้วฉายในเวอร์ชันโทรทัศน์ และ Uncut ผ่านแอปพลิเคชัน ก็ช่วยลดข้อจำกัดหยุมหยิมลงไปได้ ส่วนช่อง 7 เริ่มขยับตัวขายละคร รอยรักรอยบาป ให้ Netflix ถึงมาช้าแต่ก็มานะ

 

พรชีวัน (ช่อง 3HD)

 

ด้านช่อง 3 ก็เริ่มมองหาแหล่งรายได้อื่นๆ โดยอาศัยจุดแข็งคือพลังดาราของช่องจัดงานอีเวนต์ต่างๆ อย่างเร็วๆ นี้ก็จะได้เห็น DHEVAPROM FAN CON AFTER PARTY จากความสำเร็จของละครชุดดวงใจเทวพรหม และทำ Merchandise มาขายแฟนๆ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการขายคอนเทนต์ให้กับบริการสตรีมมิงทั้งแบบขายพร้อมออกอากาศ หรือทำคอนเทนต์ออริจินัลให้แพลตฟอร์มไปเลย เช่น ร้อยเล่มเกมส์ออฟฟิศ ที่สตรีมผ่าน Prime Video ก่อนออกอากาศในช่อง ซึ่งช่องเล็กๆ อย่าง GMM25 และ MONO29 เริ่มทำมาก่อนแล้ว หากประเมินจากความเคลื่อนไหวของหลายๆ ช่อง ในอนาคตอันใกล้ คอนเทนต์ละครไทยไม่จำเป็นต้องจำกัดแค่อยู่ในทีวี แต่จะแลนดิ้งครั้งแรกผ่านสื่อไหนก็ได้ และเนื้อหาอาจทันสมัยและโดนใจกว่าปัจจุบัน กลายเป็นทางรอดไม่ให้สูญพันธุ์ไปได้

 

อ้างอิง:

The post ‘ละครไทยกำลังจะตาย’ แล้วทำไมสืบสันดานขึ้นอันดับหนึ่งทั่วโลก? appeared first on THE STANDARD.

]]>
Amazon Prime เปิดตัวสารคดีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 1999 https://thestandard.co/manchester-united-1999-documentary/ Wed, 17 Apr 2024 04:52:11 +0000 https://thestandard.co/?p=923536

Amazon Prime เตรียมพาทุกคนโดยเฉพาะสาวกปีศาจแดง ย้อนเวลา […]

The post Amazon Prime เปิดตัวสารคดีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 1999 appeared first on THE STANDARD.

]]>

Amazon Prime เตรียมพาทุกคนโดยเฉพาะสาวกปีศาจแดง ย้อนเวลากลับไปในปี 1999 ด้วยสารคดีเรื่องใหม่ของพวกเขา ที่เล่าเรื่องราวการคว้าทริปเปิลแชมป์ครั้งประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

สารคดีชุดดังกล่าวจะใช้ชื่อว่า ‘99’ ซึ่งจะเป็นเรื่องราวต่อจากช่วงสุดท้ายของฤดูกาลนั้น โดยมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวทีมในปีนั้นที่สุดสะเทือนอารมณ์ ก่อนที่พวกเขาจะไปจบยังจุดสูงสุดในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกปี 1999

 

ตำนานของสโมสรอย่าง เดวิด เบ็คแฮม, ดไวต์ ยอร์ก และ พอล สโคลส์ จะปรากฏตัวในสารคดีชุดนี้และแบ่งปันเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแบบส่วนตัว รวมไปถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของฤดูกาลอันเป็นที่จดจำมากที่สุดครั้งหนึ่งในโลกฟุตบอล

 

โดยในสารคดีชุดนี้จะมีฟุตเทจที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในสื่อไหน รวมไปถึงยังมีข้อมูลเชิงลึกที่ยังไม่ถูกเผยแพร่เกี่ยวกับบุคคลสำคัญ ฤดูกาล และการแข่งขันต่างๆ

 

สารคดีชุด ‘99’ จะออกอากาศทาง Amazon Prime ในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้

 

 

 

อ้างอิง:

The post Amazon Prime เปิดตัวสารคดีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 1999 appeared first on THE STANDARD.

]]>
HOPE ON THE STREET สารคดีสตรีทแดนซ์ของ J-Hope BTS เตรียมลงสตรีมมิง Prime Video https://thestandard.co/hope-on-the-street-j-hope-bts/ Mon, 19 Feb 2024 07:05:06 +0000 https://thestandard.co/?p=901745

Prime Video เตรียมส่งสารคดีเกี่ยวกับเส้นทางนักเต้นของเม […]

The post HOPE ON THE STREET สารคดีสตรีทแดนซ์ของ J-Hope BTS เตรียมลงสตรีมมิง Prime Video appeared first on THE STANDARD.

]]>

Prime Video เตรียมส่งสารคดีเกี่ยวกับเส้นทางนักเต้นของเมนแดนซ์จากวง K-Pop ระดับโลก J-Hope จากวง BTS ในชื่อ HOPE ON THE STREET พร้อมเริ่มต้นสตรีมมิงพร้อมกัน 28 มีนาคมนี้

 

 

HOPE ON THE STREET เป็นสารคดีความยาว 6 ตอนที่บอกเล่าเรื่องราวความหลงใหลในการเต้นของ J-Hope ด้วยการพาผู้ชมไปติดตามการเดินทางหวนคืนสู่จุดเริ่มต้นจากการเป็นนักเต้นสตรีทแดนซ์ของเขา ซึ่งในสารคดีชิ้นนี้ J-Hope พร้อมด้วย Boogaloo Kin อดีตครูสอนเต้นผู้เชี่ยวชาญการเต้นแนว Popping ของเขา ได้ร่วมกันออกเดินทางไปยังท้องถนนของเมืองต่างๆ ตั้งแต่โอซาก้า, โซล, ปารีส, นิวยอร์ก และควังจู เพื่อพบปะกับเหล่านักเต้นสตรีทแดนซ์ที่จะสร้างแรงบันดาลใจตลอดเส้นทาง 

 

โดยในสารคดีจะเล่าเรื่องราวของการเดินทางตามความฝัน ซึ่งจะเชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเขา อีกทั้งในสารคดีจะยังประกอบไปด้วยบทเพลงต่างๆ จากอัลบั้มพิเศษ HOPE ON THE STREET VOL.1 ของเขาอีกด้วย

 

ARMY และแฟนๆ ทุกคนสามารถรอติดตามรับชม HOPE ON THE STREET เอพิโสดแรกได้ในวันที่ 28 มีนาคมนี้ ทาง Prime Video

The post HOPE ON THE STREET สารคดีสตรีทแดนซ์ของ J-Hope BTS เตรียมลงสตรีมมิง Prime Video appeared first on THE STANDARD.

]]>
Marry My Husband ซีรีส์ล้างแค้นที่พาเราย้อนทบทวนความสัมพันธ์ของตัวเอง https://thestandard.co/marry-my-husband/ Tue, 16 Jan 2024 08:51:31 +0000 https://thestandard.co/?p=888352 Marry My Husband

Marry My Husband เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์เปิด พ.ศ. ใหม่ได้ […]

The post Marry My Husband ซีรีส์ล้างแค้นที่พาเราย้อนทบทวนความสัมพันธ์ของตัวเอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Marry My Husband

Marry My Husband เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์เปิด พ.ศ. ใหม่ได้อย่างสวยงาม ทั้งที่ออกอากาศตอนแรกในวันขึ้นปีใหม่ที่ผู้คนยังโฟกัสอยู่ที่การเฉลิมฉลอง แต่ก็คว้าเรตติ้งไปได้ถึง 5.2% และทำลายสถิติของตัวเองในสัปดาห์ที่ 2 ด้วยเรตติ้ง 6.4% ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณอานิสงส์ความสำเร็จของเวอร์ชัน WEBTOON และพลังดาราของ พัคมินยอง แต่เหนือสิ่งอื่นใดนี่คือเรื่องราวการตีแผ่ความสัมพันธ์ท็อกซิก ทั้งในรูปแบบคนรักและความเป็นเพื่อน 

 

Marry My Husband

 

Marry My Husband บอกเล่าเรื่องราวของ คังจีวอน (พัคมินยอง) หญิงสาวอาภัพที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ในชีวิตของเธอมีเพียงสามีคือ พัคมินฮวาน (อีอีคยอง) และ จองซูมิน (ซงฮายุน) เพื่อนสนิทผู้เป็นเหมือนครึ่งชีวิตของเธอ จีวอนสงสัยมาตลอดว่าสามีนอกใจ แต่ไม่รู้ว่ากับใคร และในวันที่จีวอนต้องนอนรอวันตาย เธอก็พบว่าสามีแอบเก็บเงินประกันชีวิตของเธอไว้ จึงเดินทางไปตามหาความจริง และได้เจอชู้รักของเขาคือเพื่อนสนิทของเธอ จีวอนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนทั้งคู่ ก่อนจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในปี 2013 หรือ 10 ปีก่อนหน้านั้น เหมือนชีวิตได้รับโอกาสที่ 2 เพื่อทบทวนสิ่งที่เคยพลาดไป และตามเช็กบิลคนที่เคยกระทำผิดต่อเธอ

 

Marry My Husband Marry My Husband

 

ความน่าสนใจของ Marry My Husband คือการเดินเรื่องกระชับฉับไว ใช้เวลาช่วงแรกในการปูพื้นฐานชีวิตของคังจีวอนในบทบาทของผู้ถูกกระทำทั้งจากสามีและแม่สามี มิหนำซ้ำเพื่อนสนิทที่เคยคิดว่าดี มีคำพูดหวานๆ กรอกหูอยู่ทุกวัน ยังมีจุดประสงค์ร้ายๆ ทำลายเธอ หลายๆ ฉากในเรื่องแสดงสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่และทางเลือกในชีวิต ทั้งบทสนทนาบนรถแท็กซี่และเส้นทางใหม่ๆ ที่พาเธอไปค้นหาความจริง รวมทั้งฉากการลอดอุโมงค์เพื่อไปพบแสงสว่างและกลีบดอกไม้เบื้องหน้า 

 

จนกระทั่งมาถึงการย้อนเวลา ก็เหมือนได้พาผู้ชมย้อนไปดูจุดเล็กจุดน้อยที่ตัวละครเคยมองข้ามไป ทั้งจากการครอบงำของเพื่อนสนิท และการไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง และที่ขาดไม่ได้คือเรื่องราวความรักสุดโรแมนติกของทายาทมหาเศรษฐีในมาดหนุ่มเนิร์ดที่แอบชอบเธอมานาน 

 

Marry My Husband

 

อ่านมาถึงตรงนี้ก็ดูเหมือนไม่มีอะไรใหม่ และเดินตามรอยซีรีส์เมโลดราม่า (วัดจากปริมาณฉากล้มแผละในอ้อมกอดพระเอกในสองอีพีแรก) แต่สิ่งที่แตกต่างไปคือการใช้ฉากหลังเป็นชีวิตการทำงานของคนรุ่นใหม่ รูปแบบความสัมพันธ์ท็อกซิกที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่ได้มีความอิจฉาริษยาแบบถลึงตาใส่กัน โดยเฉพาะความเป็นเพื่อนระหว่างจีวอนและซูมินในรูปแบบ Gaslighting หรือการควบคุมทางจิตใจให้อีกฝ่ายเคลือบแคลงสงสัยและไม่มั่นใจในตัวเอง 

 

ถ้ามองความสัมพันธ์ของทั้งคู่จากมุมคนภายนอกก็อาจจะเป็นเหมือนเด็กสาวบางคู่ที่มีเพื่อนสนิทแค่คนเดียว และทำอะไรต่อมิอะไรด้วยกัน แต่เนื้อในซูมินใช้ประโยชน์จากความจิตใจดีของจีวอน ค่อยๆ ด้อยค่าทำให้เพื่อนรู้สึกขาดความมั่นใจ และตัดขาดจากคนรอบข้าง อยู่ภายใต้กรอบความสัมพันธ์แบบ ‘ครึ่งชีวิตของกันและกัน’ พร้อมทั้งยอมรับสิ่งที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม แถมยังต้องรู้สึกผิดหากคิดสงสัยหรือตีจากไปสนิทกับคนอื่น เพราะนั่นหมายถึงการทรยศต่อความรักที่เพื่อนคนเดียวในชีวิตมอบให้ มารู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นทาสรับใช้ของเพื่อนสนิทแบบไม่รู้ตัว 

 

Marry My Husband

 

หากวิเคราะห์จากตัวซูมินเองจากหลายๆ ฉาก ก็เหมือนจะไม่ได้มีจุดเริ่มต้นจากความเกลียดชัง แต่เป็นความเคยชินที่ต้องเหนือกว่าใครสักคน ซึ่งคนนั้นก็คือจีวอน และค่อยๆ พัฒนาความเลวร้ายจากอาการ ‘หวงเพื่อน’ เช่น การกีดกันไม่ให้เพื่อนมีแฟน ลามไปถึงใส่ร้ายจนเพื่อนไม่มีทางไปสนิทกับคนอื่นได้ จนกลายเป็นแย่งทุกอย่างและทำลายเพื่อนไปในที่สุด

 

ในขณะที่ความสัมพันธ์รูปแบบคนรักระหว่างจีวอนและมินฮวานก็อาการน่าเป็นห่วงตั้งแต่ต้น เอาเข้าจริงๆ เรื่องนี้จะจบง่ายมากหากจีวอนย้อนเวลากลับมาแล้วบอกเลิกคบกับแฟนและเพื่อนสนิท แต่ทุกอย่างซับซ้อนกว่านั้น เมื่อได้ย้อนกลับไปดูความสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ทุกครั้งที่บอกเลิกจีวอนมักจะถูกกระทำรุนแรง หรือแม้กระทั่งเมื่อสงสัยว่าตัวเองตั้งท้อง จีวอนก็ถึงกับเครียดเพราะรู้ว่าผู้ชายคนนี้คงไม่ใช่สามีที่ดีในอนาคต แต่เพราะเธอเมื่อ 10 ปีก่อนเป็นคนหัวอ่อนและใจดีเกินไป จนต้องยอมรับชะตากรรมอันเลวร้ายในอนาคต 

 

Marry My Husband

 

“อย่าทำตัวให้ถูกจริตคนอื่นจนติดเป็นนิสัยเลยครับ”

 

“ฉันได้เรียนรู้ว่าไม่จำเป็นต้องน่ารักกับคนที่ไม่น่ารักกับฉัน แต่ควรดีกับคนที่ดีให้มากขึ้นสองหรือสามเท่า” 

 

บทสนทนาระหว่างจีวอนและ ยูจีฮยอก (นาอินอู) สะท้อนความคิดว่าเธอเริ่มตระหนักว่า ถึงจะน่ารักกับคนทุกคนที่ลืมน่ารักกับตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย และไม่ใช่กับจีวอนเพียงคนเดียว แต่หมายถึงการใช้ชีวิตของผู้ชมที่ต้องย้อนกลับมาดูตัวเองว่า เราพยายามที่จะเป็นที่รักของคนอื่นมากไปหรือเปล่า 

 

นอกจากการได้ทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเอง เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของ Marry My Husband คือวิธีการล้างแค้น เมื่อจีวอนได้รู้ว่าโชคชะตาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่หาคนมารับชะตากรรมนั้นแทนได้ กลายเป็นกลวิธีที่จะทำให้เพื่อนสนิทอย่างซูมินมารับชะตากรรมที่เธอเคยได้รับโดยไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรง แต่ได้ความสะใจไม่ต่างกัน

 

Marry My Husband

 

ท่ามกลางซีรีส์เกาหลีย้อนเวลาจำนวนมากจนเหมือนมีไทม์แมชชีนเป็นของตัวเอง ก็เรียกได้ว่า Marry My Husband ใช้สูตรสำเร็จมาผสมกับเนื้อหาใกล้ตัวมาเชื่อมโยงคนดูเข้ากับตัวละครได้อย่างโดดเด่น ยิ่งเมื่อผนวกกับการเฉลยปมสำคัญตั้งแต่ยังไม่ถึงกลางเรื่อง ก็เชื่อแน่ว่าต่อจากนี้จะมีเรื่องเซอร์ไพรส์รออยู่อีกมากมาย ซึ่งถ้าใครยังไม่ได้ดูก็ขอให้รีบตามมา เพราะน่าจะมีความสะใจรออยู่ข้างหน้าแน่นอน

 

รับชมตอนใหม่ของ Marry My Husband (สามีคนนี้แจกฟรีให้เธอ) ได้ทุกวันจันทร์และอังคาร เวลา 21.00 น. ที่ Prime Video 

The post Marry My Husband ซีรีส์ล้างแค้นที่พาเราย้อนทบทวนความสัมพันธ์ของตัวเอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Death’s Game เรียนรู้คุณค่าชีวิตผ่านความตาย https://thestandard.co/deaths-game/ Tue, 09 Jan 2024 10:12:25 +0000 https://thestandard.co/?p=885808 Death’s Game

“ฉันช่วยเสริมอัตราการได้งานให้มหาวิทยาลัยไม่ได้เลยแฮะ ป […]

The post Death’s Game เรียนรู้คุณค่าชีวิตผ่านความตาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
Death’s Game

“ฉันช่วยเสริมอัตราการได้งานให้มหาวิทยาลัยไม่ได้เลยแฮะ ประเทศเรามีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดหรือเปล่านะ ก็นะ…ถ้าเป็นเรื่องนี้ช่วยเสริมให้ได้อยู่” 

 

ประโยคที่ ชเวอีแจ ตัวละครหลักของ Death’s Game ว่าไว้ก่อนปลิดชีวิตตัวเอง สะท้อนปัญหาการฆ่าตัวตายที่แก้ไม่ตกของสังคมเกาหลีใต้ จนทำให้มีซีรีส์หลายเรื่องหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เช่นใน Daily Dose of Sunshine ที่ได้ดูกันเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ใน Death’s Game แตกต่างออกไปด้วยอารมณ์แอ็กชันดราม่าแฝงความหมายของการมีชีวิตอยู่ที่เรียนรู้ผ่านความตาย 

 

ชเวอีแจ (ซออินกุก) คือนักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เขาถูกเรียกสัมภาษณ์งานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อมีชายคนหนึ่งฆ่าตัวตายต่อหน้าเขา จนทำให้ชเวอีแจไม่ได้รับเลือกเข้าทำงาน ผ่านไป 7 ปี ชีวิตของชเวอีแจวนเวียนอยู่กับความล้มเหลว หมดตัว และต้องเลิกกับคนที่รัก ทำให้เขาตัดสินใจฆ่าตัวตาย 

 

แต่ทันใดนั้นเขากลับฟื้นขึ้นมาในร่างของคนอื่น พร้อมการปรากฏตัวของหญิงสาวที่เรียกตัวเองว่า ‘ความตาย’ (พัคโซดัม) ที่ต้องการลงโทษให้ชเวอีแจต้องเกิดใหม่ใน 12 ชีวิตที่ตกอยู่ในอันตราย หากสามารถเอาชีวิตรอดได้ก็จะได้ใช้ชีวิตในร่างนั้นต่อไป แต่เมื่อล้มเหลวเขาจะต้องตกนรก ซึ่งทำให้เขาค่อยๆ เรียนรู้ความหมายของการมีชีวิตอยู่ พร้อมๆ กับค้นหาว่าอะไรคือบาปที่ทำให้ตกอยู่ในชะตากรรมนี้

 

 

ความน่าสนใจของเรื่องนี้คือชีวิตหลากหลายที่ชเวอีแจต้องไปอาศัยอยู่ในร่างเหล่านั้น ตั้งแต่ทายาทมหาเศรษฐี เด็กวัยรุ่นที่ถูกรังแก นักฆ่า นักโทษ หรือแม้กระทั่งเด็กทารก โดยเขาไม่มีทางรู้ว่า ‘ความตาย’ จะส่งเขาไปที่ใด ซึ่งทุกๆ ร่างที่ไปอาศัยอยู่ก็ค่อยๆ ทำให้เขาย้อนกลับไปมองชีวิตของตัวเองก่อนตายที่คิดว่าเหมือนอยู่ในนรก ก็มีคนที่ชีวิตย่ำแย่ไม่ต่างจากเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังให้บทเรียนเกี่ยวกับชีวิตและโลกรอบตัวที่เขาอาจจะลืมคิดไปก่อนที่จะคิดสั้น ทั้งความยากลำบากของคนใกล้ชิดไปจนถึงมุมมองต่อใครบางคนที่แตกต่างออกไปเมื่อเขาได้ไปอยู่ในชีวิตใหม่ 

 

พล็อตเรื่องการสลับร่างเกิดใหม่อาจจะดูไม่ใหม่มาก แต่ Death’s Game ก็ใส่กิมมิกให้ชเวอีแจสามารถย้อนความทรงจำก่อนหน้า มีทักษะและบุคลิกภาพบางอย่างของร่างที่ไปอาศัยอยู่ ทำให้ตัวละครเข้าถึงบทเรียนของแต่ละชีวิตดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมชีวิตเก่า ทำให้ตัวละครสองคาแรกเตอร์เชื่อมโยงถึงกัน นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ได้ใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงหน้าตา กลายเป็นสิ่งยั่วยุให้ทำในสิ่งที่เหลื่อมล้ำศีลธรรมได้ง่ายๆ ทำให้คาแรกเตอร์ของชเวอีแจไม่ใช่แค่ตัวละครที่น่าสงสารที่มีทั้งด้านขาวและดำเหมือนมนุษย์ทั่วไป 

 

ตัวละครแต่ละตัวที่ชเวอีแจไปใช้ชีวิตอยู่เป็นเหมือนตัวแทนองค์ประกอบของชีวิตมนุษย์ ทั้งชื่อเสียง เงินทอง ความรัก ที่เราอาจคิดว่านั่นคือทั้งหมดของชีวิต เมื่อมีสิ่งผิดพลาดอาจจะคิดว่าโลกจบสิ้นแล้ว แต่จริงๆ แล้วเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต และยังมีโอกาสเริ่มต้นใหม่หากเรายังมีลมหายใจอยู่ และสิ่งที่ซีรีส์เหมือนจะเน้นย้ำคือคนเราไม่สามารถเอาชนะความตายได้ แต่เอาชนะอุปสรรคได้ และบ่อยครั้งที่เรามักมองว่าชีวิตคนอื่นดีกว่าตัวเอง แต่ท้ายที่สุดแล้วการใช้ชีวิตในรูปแบบของตัวเองคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว 

 

ด้วยตัวบทที่จะต้องย้ายร่างไปเรื่อยๆ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้อุดมไปด้วยนักแสดงชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น คิมแจอุค, อีโดฮยอน, ชเวซีวอน, อีแจอุค ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าพลังดาราดึงดูดให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าสนใจ แต่ที่มากไปกว่านั้นคือการแสดงแบบไร้รอยต่อ ทำให้คนดูเชื่อได้ว่าแต่ละคนกำลังมีสองคาแรกเตอร์อยู่ในคนเดียวกัน และที่ต้องชื่นชมเป็นพิเศษคือการเลือกซออินกุกมารับบทชเวอีแจ ด้วยบุคลิก สีหน้า และแววตาที่ถ่ายทอดพัฒนาการของตัวละครได้ตั้งแต่ชายหนุ่มผู้น่าสงสาร จนกระทั่งสั่งสมความแค้นเข้าขั้นฆาตกรโรคจิต

 

ในขณะที่พาร์ตแรกคือการปูเรื่องราวของตัวละครหลักที่แม้จะเต็มไปด้วยปรัชญาชีวิตผ่านบทสนทนาระหว่างชเวอีแจและ ‘ความตาย’ แต่ซีรีส์ก็เล่าออกมาได้อย่างน่าตื่นเต้นผ่านฉากแอ็กชันและเทคนิคการตัดต่อที่ดีเยี่ยม พอเข้าสู่พาร์ตหลังเรื่องราวพลิกกลับเป็นซีรีส์ล้างแค้น เต็มไปด้วยฉากสยองขวัญชนิดให้คนดูนั่งไม่ติด อย่างไรก็ตาม ต้องชื่นชมงานภาพและการกำกับศิลป์ที่คุมโทนทั้งการจัดวางและการใช้สีให้มีความพอเหมาะพอดีทั้งฉากที่ดูน่ากลัว และการเข้าสู่ภาพย้อนอดีตก็มีเอฟเฟกต์ชวนคิดถึง

 

แต่สิ่งที่เหมือนจะบกพร่องไปของ Death’s Game ในพาร์ตหลังคือการปูทางความสัมพันธ์ของตัวละครบางตัว จนทำให้จุดจบของตัวละครไม่ค่อยเซอร์ไพรส์ โดยเฉพาะเมื่อเป็นซีรีส์เกาหลีจึงหนีไม่พ้นความเชื่อแบบคนเอเชีย ซึ่งบาปสุดท้ายที่ว่าก็น่าจะเดาได้ไม่ยาก 

 

 

โดยภาพรวม Death’s Game นับเป็นซีรีส์ที่คมคาย มาพร้อมคำสอนมากมาย แต่คนดูกลับไม่รู้สึกว่ากำลังถูกใครสั่งสอนอยู่ ด้วยการเล่าเรื่องสั้น กระชับ และเว้นที่ว่างให้ได้นั่งคิดทบทวนผ่านชีวิตของตัวละคร ที่สำคัญเป็นการสั่งสอนแบบใช้ยาแรงถึงเลือดถึงเนื้อที่แม้จะไม่ใช่คอหนังแนวปรัชญาก็สามารถเอ็นจอยได้ ในขณะเดียวกันก็ให้มุมมองเกี่ยวกับความตายว่ามันไม่ใช่แค่จุดจบ แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของความทุกข์ทรมานที่ไม่ได้เกิดกับเรา แต่อาจจะเกิดกับใครบางคน 

 

อย่างที่ตัวละครชเวอีแจว่าไว้ หลังจากผ่านความตายมาหลายรูปแบบ “ความทรมานที่สุดไม่ใช่ความตาย แต่เป็นการเห็นคนที่รักจากไปต่างหาก”

 

รับชม Death’s Game ได้ที่ Prime Video 

The post Death’s Game เรียนรู้คุณค่าชีวิตผ่านความตาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ร่วมออกเดินทางผนึกประตูอีกครั้งใน Suzume no Tojimari ผลงานล่าสุดของ ชินไค มาโกโตะ 20 ธ.ค. นี้ ทาง Prime Video https://thestandard.co/suzume-no-tojimari-on-prime-video/ Sat, 02 Dec 2023 04:08:35 +0000 https://thestandard.co/?p=872600 Suzume no Tojimari

Suzume no Tojimari ภาพยนตร์อนิเมะเรื่องล่าสุดของผู้กำกั […]

The post ร่วมออกเดินทางผนึกประตูอีกครั้งใน Suzume no Tojimari ผลงานล่าสุดของ ชินไค มาโกโตะ 20 ธ.ค. นี้ ทาง Prime Video appeared first on THE STANDARD.

]]>
Suzume no Tojimari

Suzume no Tojimari ภาพยนตร์อนิเมะเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ ชินไค มาโกโตะ จะกลับมาพาผู้ชมออกเดินทางผนึกประตูทั่วญี่ปุ่นร่วมกับเด็กสาว แมว และเก้าอี้สามขาอีกครั้งในวันที่ 20 ธันวาคม ทาง Prime Video

 

Suzume no Tojimari

 

Suzume no Tojimari ว่าด้วยเรื่องราวของ ซุซุเมะ (นาโนกะ ฮาระ) เด็กนักเรียนสาวที่ใช้ชีวิตตามปกติในเมืองคิวชู กระทั่งวันหนึ่งระหว่างทางไปโรงเรียนเธอได้พบกับ โซตะ (โฮคุโตะ มัตสึมูระ) ชายหนุ่มปริศนาที่กำลังตามหาประตูทั่วญี่ปุ่น ซุซุเมะที่เห็นดังนั้นจึงแอบตามไปจนได้พบกับประตูบานหนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางเศษซากปรักหักพังกลางหุบเขาและด้วยความสงสัยทำให้เธอเผลอเปิดประตูบานนั้นออกจนเป็นเหตุให้หายนะต่างๆ ตามมา ซุซุเมะกับโชตะจึงต้องร่วมมือกันออกเดินทางเพื่อหยุดยั้งสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น พร้อมกับเรียนรู้ที่จะเติบโตอย่างเข้มแข็งผ่านอดีตของตัวเอง

 

Suzume no Tojimari

 

นอกจากชื่อของ ชินไค มาโกโตะ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นการกลับมาร่วมงานกับทีมงานมากประสบการณ์อย่าง มาซาโยะชิ ทานากะ ที่เคยรับหน้าที่ในการออกแบบตัวละครจาก Your Name (2016), เคนอิจิ ทัตสึยะ แอนิเมเตอร์ไดเรกเตอร์ จาก The Garden of Words (2013) และ ทาคุมิ ทันจิ อาร์ตไดเรกเตอร์จาก Children Who Chase Lost Voices (2011)

 

อีกทั้งตอนออกฉาย Suzume no Tojimari ยังกวาดรายได้ทั่วโลกรวมกันมากถึง 323.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 11,353.65 ล้านบาท และทำสถิติมียอดจำหน่ายตั๋วมากกว่า Your Name (2016) ซึ่งเป็นผลงานขึ้นหิ้งที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ มาโกโตะ ชินไค ถึง 38.7% 

 

รับชมตัวอย่างได้ที่:

 

The post ร่วมออกเดินทางผนึกประตูอีกครั้งใน Suzume no Tojimari ผลงานล่าสุดของ ชินไค มาโกโตะ 20 ธ.ค. นี้ ทาง Prime Video appeared first on THE STANDARD.

]]>
Prime Video เปิดตัวแคมเปญ ‘แกะกล่องไทยบันเทิง’ เตรียมเสิร์ฟ 13 คอนเทนต์ไทยให้ได้ชมแบบจุใจตลอด 13 สัปดาห์ https://thestandard.co/prime-video-thai-content/ Wed, 04 Oct 2023 03:28:57 +0000 https://thestandard.co/?p=850318 แกะกล่องไทยบันเทิง

เสร็จสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อยกับงานเปิดตัวแคมเปญ ‘แกะกล่อ […]

The post Prime Video เปิดตัวแคมเปญ ‘แกะกล่องไทยบันเทิง’ เตรียมเสิร์ฟ 13 คอนเทนต์ไทยให้ได้ชมแบบจุใจตลอด 13 สัปดาห์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
แกะกล่องไทยบันเทิง

เสร็จสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อยกับงานเปิดตัวแคมเปญ ‘แกะกล่องไทยบันเทิง’ จาก Prime Video ที่เตรียมเสิร์ฟ 13 คอนเทนต์ไทยหลากรสชาติ ทั้งภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ และคอนเสิร์ต ให้ผู้ชมได้ปักหมุดรอ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม The Crystal Box ชั้น 19 เกษรทาวเวอร์

 

โดย 13 คอนเทนต์จากแคมเปญ ‘แกะกล่องไทยบันเทิง’ จะมีกำหนดการสตรีมให้ทุกคนได้รับชมกันอย่างต่อเนื่องตลอด 13 สัปดาห์ ทุกวันพฤหัสบดี เริ่มวันที่ 5 ตุลาคม จนถึงวันที่ 28 ธันวาคมนี้ 

 

 

เริ่มต้นสัปดาห์แรกกันที่ Kitty the Killer (อีหนูอันตราย) ภาพยนตร์แอ็กชันจากผู้กำกับ ลี ทองคำ และนำแสดงโดย พลอย-พลอยไพลิน ตั้งประภาพร, เต๋า-สมชาย เข็มกลัด และ เด่นคุณ งามเนตร บอกเล่าเรื่องราวของ ชาลี (เด่นคุณ งามเนตร) หนุ่มออฟฟิศที่บังเอิญเข้าไปพัวพันกับโลกนักฆ่า โดยภาพยนตร์วางกำหนดการสตรีมในวันที่ 5 ตุลาคมนี้

 

ต่อเนื่องกันที่ LIT & GLITTER PP KRIT THE FIRST FAN MEETING แฟนมีตติ้งครั้งแรกของ พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ที่อัดแน่นด้วยโชว์สุดพิเศษจากศิลปินมากความสามารถ เพื่อขอบคุณแฟนๆ ที่มอบความรักและเป็นเหมือนแสงไฟระยิบระยับอยู่รอบตัวพีพีเสมอมา โดยแฟนๆ สามารถย้อนชมความประทับใจได้ในวันที่ 12 ตุลาคมนี้

 

Ghost Rookie ผีมือใหม่ ซีรีส์แนวคอเมดี้ เล่าถึงหนุ่ม วิน (เกรท-สพล อัศวมั่นคง) ที่เพิ่งเสียชีวิตและต้องกลายมาเป็นผีมือใหม่ ได้มาพบเจอกับ ฟ้าไกล (พีค-ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ) ผีสาวที่กำลังจะสูญเสียหิ้งบูชาไปด้วยเหตุผลบางอย่าง วินจึงต้องช่วยเธอรักษาแท่นบูชาของเธอเอาไว้ให้ได้ ซีรีส์มีกำหนดสตรีมวันที่ 19 ตุลาคมนี้ 

 

GRAMMY X RS : 2K Celebration คอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์รอบที่ 2 ของ Grammy RS Concerts กับการรวมตัวกันของศิลปินค่าย Grammy และ RS ที่โด่งดังในยุคทศวรรษ 2000 พร้อมพาทุกคนย้อนกลับไปยุคทองของวงการเพลง Pop ด้วยกัน โดยสามารถรับชมได้วันที่ 26 ตุลาคมนี้

 

 

Coin Digger เกม สูญ เหรียญ ซีรีส์เกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีเรื่องแรกของไทย ที่เล่าเรื่องราวการห้ำหั่นในสมรภูมิแห่งสกุลเงินดิจิทัล นำแสดงโดย แบงค์-ธิติ มหาโยธารักษ์, กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง และ ญดา-นริลญา กุลมงคลเพชร โดยซีรีส์วางกำหนดสตรีมในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้

 

The X-Treme Riders ปล้นทะลุไมล์ ว่าด้วยเรื่องราวของ ฝัน (วาววา-ณิชชา โชคประจักษ์ชัด) และ กล้า (เก้า-จิรายุ ละอองมณี) สองพี่น้องนักสู้ที่เข้าไปพัวพันกับกลุ่มมาเฟียข้ามชาติ ทั้งคู่จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อทำภารกิจที่ได้รับให้สำเร็จ โดยมีชีวิตของคนในครอบครัวเป็นเดิมพัน รับชมได้วันที่ 9 พฤศจิกายนนี้

 

The Office Games ร้อยเล่มเกมส์ออฟฟิศ เรื่องราวของเหล่ามนุษย์ออฟฟิศที่พยายามต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในแต่ละวัน โดยใช้สารพัดเล่ห์เหลี่ยมเพื่อพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จ นำแสดงโดย มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง และ นน-ชานน สันตินธรกุล รับชมได้วันที่ 16 พฤศจิกายนนี้  

 

Congrats My Ex! ลุ้นรักป่วน ก๊วนแฟนเก่า เรื่องราวอลเวงของ ริสา (เบลล่า-ราณี แคมเปน) เจ้าของบริษัทรับจัดงานแต่งงาน และก๊วนเพื่อนซี้อย่าง แจน (ใบเฟิร์น-พัสกร พลบูรณ์) และ อ็อฟฟี่ (ปิงปอง-ธงชัย ทองกันทม) ที่ต้องมาจัดงานแต่งงานสุดอลังการให้คู่บ่าวสาวชาวอินเดียที่ขนญาติขบวนใหญ่มาจัดพิธีที่เมืองไทย หากแต่งานแต่งครั้งนี้มีแววจะปั่นป่วนเพราะเหล่าแฟนเก่าได้โคจรมาเจอกัน รับชมได้วันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ 

 

3 Idiot Heroes ฮีโร่ต้มแซ่บ ว่าด้วยเรื่องราวของ เงิน (แจ๊ส ชวนชื่น) ผู้ดูแลรักษาผลิตผลการเกษตรของชุมชนบ้านระบือ ที่ดันพลั้งมือสังหารเจ้าพ่อเสือที่เข้ามาบุกรุก จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในชุมชนบ้านระบือแห่งนี้ รับชมได้วันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ 

 

Curse Code แช่งชักหักกระดูก เรื่องราวของ เอก (พีช-พชร จิราธิวัฒน์) หนุ่มที่ทำงานขายของเก่าเพื่อดูแลสมาชิกในบ้าน และยังต้องเผชิญกับปัญหาทางด้านการเงิน วันหนึ่งเอกไปพบกับลูกค้าชื่อ กฤตยา ที่เล่าเรื่องแปลกประหลาดเกี่ยวกับคำสาปของตระกูลให้เอกฟัง และขอให้เอกช่วยเพราะเอกเป็นลูกหลานของตระกูลพราหมณ์ที่เคยทำพิธีสะกดคำสาปนี้ในอดีต พร้อมจะให้ค่าตอบแทนอย่างงาม เอกจึงตอบปากรับคำ จนนำมาสู่เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับคนรอบตัวของเอก รับชมได้วันที่ 7 ธันวาคมนี้

 

GRAMMY RS CONCERTS HIT 100 คอนเสิร์ตส่งท้ายปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ กับการรวมตัวกันของศิลปินค่าย Grammy และ RS ที่จะมาขับร้อง 100 เพลงยอดฮิตให้แฟนเพลงได้รับชมกันแบบจัดเต็ม เตรียมมาทบทวนความทรงจำไปพร้อมกับศิลปินในดวงใจกันอีกครั้งในวันที่ 14 ธันวาคมนี้

 

 

My Undercover Chef มือปราบกระทะรั่ว เรื่องราวของ มาวิน (เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) มือปราบหัวร้อนที่ถูกสั่งพักงานเพราะความบุ่มบ่ามจนทำให้เอเจนต์ค้ายาหลุดรอดไปได้ แต่มาวินยังมุ่งมั่นตามล่าเอเจนต์คู่ปรับ จนมาพบว่าแหล่งผลิตยาเสพติดซ่อนอยู่ในชุมชนสันติสุข เขาจึงต้องร่วมมือกับ ขิง (เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ) ยูทูเบอร์สาว และหลานของ ป้าเภา เจ้าของร้านอาหารเภาโภชนา ในการจับตัวพ่อค้ายา ไปพร้อมกับการช่วยกันเปลี่ยนย่านอาชญากรรมให้กลายเป็นย่าน Street Food เพื่อให้ชุมชนน่าอยู่อีกครั้ง รับชมได้วันที่ 21 ธันวาคม 

 

The Adventure of Rung เรื่องราวของ จอย (ชาช่า-มัจฉา โมซิมันน์) เลขาสาวของบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่กำลังมีปัญหาเรื่องการเงิน เธอใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้ออกผจญภัยในโลกกว้างเช่นเดียวกับนิยายและซีรีส์แนวผจญภัยที่เคยดู กระทั่งวันหนึ่งเธอได้เดินทางไปทำงานที่กรุงเซี่ยงไฮ้ และพบกับ ริคกี้ (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) ชายหนุ่มชาวไทยที่ร้านขายของโบราณ (เก๊) แห่งหนึ่งที่ติดหนี้คนมากมายจนถูกหมายหัว จอยกับริคกี้แย่งกันซื้อรูปปั้นรูปทรงประหลาดคู่หนึ่งในร้าน แต่ริคกี้บังเอิญทำรูปปั้นแตก และพบว่าข้างในรูปปั้นมีลายแทงโบราณส่วนหนึ่งอยู่ และแล้วการผจญภัยตามล่าหาขุมทรัพย์ที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไรของทั้งสองคนก็เริ่มขึ้น รับชมได้วันที่ 28 ธันวาคม 

 

สมาชิก Prime Video ประเทศไทย สามารถรับชมเนื้อหาทั้ง 13 รายการได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยอุปกรณ์ต่างๆ มากมายที่รองรับ ในราคาเดือนละ 149 บาท โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.primevideo.com

The post Prime Video เปิดตัวแคมเปญ ‘แกะกล่องไทยบันเทิง’ เตรียมเสิร์ฟ 13 คอนเทนต์ไทยให้ได้ชมแบบจุใจตลอด 13 สัปดาห์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
The Kidnapping Day ซีรีส์ใหม่ พัคซองฮุน พลิกจากร้ายใน The Glory กลายเป็นตำรวจคนดี! https://thestandard.co/the-kidnapping-day-series/ Tue, 12 Sep 2023 09:59:54 +0000 https://thestandard.co/?p=840785 The Kidnapping Day

จะออนแอร์อีพีแรกในวันที่ 13 กันยายนนี้แล้ว กับซีรีส์ Th […]

The post The Kidnapping Day ซีรีส์ใหม่ พัคซองฮุน พลิกจากร้ายใน The Glory กลายเป็นตำรวจคนดี! appeared first on THE STANDARD.

]]>
The Kidnapping Day

จะออนแอร์อีพีแรกในวันที่ 13 กันยายนนี้แล้ว กับซีรีส์ The Kidnapping Day หรือชื่อภาษาไทยว่า วันลักพาตัว ผลงานใหม่ล่าสุดของพัคซองฮุน ที่เพิ่งร้ายสุดๆ จากซีรีส์ The Glory มาในเรื่องนี้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี รับบทตำรวจสายสืบในการตามล่าโจรลักพาตัว 

 

ไม่ได้มีดีแค่ พัคซองฮุน เพราะซีรีส์ The Kidnapping Day (วันลักพาตัว) ยังการันตีด้วยเหตุผลมากมายให้เราปักหมุดเตรียมสตรีม นั่นก็เพราะ

 

  • นำแสดงโดย ยุนคเยซัง จากซีรีส์ Kiss Sixth Sense ที่ต้องมารับบทโจรเรียกค่าไถ่หัวใจอบอุ่น แค่ดูตัวอย่างซีรีส์ก็ซื้อใจไปแล้ว ว่านี่ลักพาตัวเด็กหรือพี่เลี้ยงเด็กกันแน่
  • พัคซองฮุน จะเรียกแฟนเข้าด้อมได้อีกเยอะ จากบท พัคซังยุน ตำรวจสายสืบในซีรีส์ The Kidnapping Day ที่ตามไล่ล่าคิมมยองจุนในคดีลักพาตัว
  • ร่วมด้วยนักแสดงฝีมือดีอย่าง คิมชินรก จาก HellBound และ ยูนา นักแสดงรุ่นใหม่ที่ฉายแววมากๆ 
  • ผลงานกำกับของ พัคยูยอง ที่เคยมีผลงานก่อนหน้าอย่างเรื่อง A Model Family, Love Alarm ซีซัน 2 และ Kingdom ซีซัน 1 นับเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่เลือกงานแล้วทำออกมาได้น่าสนใจตลอด
  • เขียนบทโดย คิมเจยอง เจ้าของผลงานภาพยนตร์เรื่อง Cheese in the Trap, Miss Wife และ Insane
  • พล็อตซีรีส์ชวนลุ้น ชวนขำไปกับโจรเรียกค่าไถ่เงอะงะกับเด็กหญิงคนหนึ่ง พวกเขาต้องมาร่วมมือกันในสถานการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งซีรีส์ The Kidnapping Day เองก็สร้างมาจากหนังสือนิยายขายดีชื่อเดียวกัน

 

 

The Kidnapping Day เล่าเรื่องราวของ คิมมยองจุน (รับบทโดย ยุนคเยซัง) พ่อของเด็กสาววัย 6 ขวบ เขาต้องหาเงินมาให้ลูกสาวที่กำลังป่วยให้ได้เข้ารับการผ่าตัด ในตอนนั้นเอง ซอฮเยอึน (รับบทโดย คิมชินรก) ภรรยาเก่าของเขาก็มาเสนอหนทางหาเงินเร่งด่วนให้ นั่นก็คือการลักพาตัวเด็กสาวบ้านรวยวัย 11 ขวบที่ชื่อว่า ชเวโรฮี (รับบทโดย ยูนา) แต่เรื่องราวกลับเป็นคนละเรื่อง เมื่อคิมมยองจุนขับรถไปปฏิบัติการ แล้วดันชนเข้ากับชเวโรฮีโดยไม่คาดคิด เขาหลบหนีความผิดด้วยการพาเธอกลับมาบ้าน และพบว่าชเวโรฮีสูญเสียความทรงจำ ฟื้นขึ้นมาก็เชื่อว่าคิมมยองจุนเป็นพ่อ และอยู่บ้านด้วยกันนับจากนั้น 

 

เหมือนจะดีแล้ว เพราะชเวโรฮีเป็นเด็กฉลาด จนคล้ายๆ เป็นซีรีส์ฮาวทูการเลี้ยงเด็กมากกว่าลักพาตัวเสียอีก แต่ถึงอย่างนั้น คิมมยองจุนก็ต้องการส่งตัวเธอกลับไปยังครอบครัว ตอนที่เขาไปบ้านของชเวโรฮีเพื่อบอกข่าว ก็พบว่าพ่อแม่ของเธอเหลือแค่ร่างไร้วิญญาณ ซ้ำร้ายชเวโรฮีก็ดันมารู้ความจริงอีกว่าคิมมยองจุนไม่ใช่พ่อ แต่เป็นผู้ร้ายลักพาตัว เรื่องราววุ่นๆ จึงเริ่มบานปลายใหญ่โตที่ตรงนี้ 

 

The Kidnapping Day มาในสไตล์ดูสนุก ลุ้นเพลิน มีทั้งการหักมุมผสมผสานมุกตลกให้ได้หัวเราะ ในเวลาเดียวกันก็มีเส้นเรื่องในการตามหาความจริงเบื้องหลังเหตุลึกลับและการฆาตกรรมที่เกิดขึ้น ออกอากาศอีพีแรกวันพุธที่ 13 กันยายน 2023 มีจำนวนทั้งหมด 12 ตอน หลังจากนั้นออกอากาศทุกคืนวันพุธและพฤหัสบดี ทางสถานี ENA ซับไตเติลภาษาไทยรับชมได้ทาง Prime Video

 

 

ตัวอย่างซีรีส์ The Kidnapping Day (วันลักพาตัว)

 

 

ภาพ: ENA, Prime Video

The post The Kidnapping Day ซีรีส์ใหม่ พัคซองฮุน พลิกจากร้ายใน The Glory กลายเป็นตำรวจคนดี! appeared first on THE STANDARD.

]]>