Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 20 Aug 2025 08:07:25 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 จากเสียงปืนสู่บาดแผลใจ วิกฤตสุขภาพจิตประชาชน-เจ้าหน้าที่ ชายแดนไทย-กัมพูชา https://thestandard.co/border-mental-health-ptsd/ Tue, 19 Aug 2025 11:38:07 +0000 https://thestandard.co/?p=1109037 border-mental-health-ptsd

หัวข้อในเนื้อหานี้ PTSD หรือ Post-Traumatic Stress Diso […]

The post จากเสียงปืนสู่บาดแผลใจ วิกฤตสุขภาพจิตประชาชน-เจ้าหน้าที่ ชายแดนไทย-กัมพูชา appeared first on THE STANDARD.

]]>
border-mental-health-ptsd

 

จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ พลทหารนายหนึ่งเดินทางออกจากหน่วยที่ตั้งพร้อมอาวุธปืน หลังจากนั้นได้ก่อเหตุจนมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์

 

หลังเหตุการณ์ดังกล่าว หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ทหารผู้ก่อเหตุมีภาวะความเครียดจากสถานการณ์ชายแดน ?

 

ขณะเดียวกันประชาชนที่เริ่มกลับไปใช้ชีวิตตามปกติแล้ว กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า การคัดกรองสุขภาพจิตผู้ได้รับผลกระทบ มีจำนวนผู้อยู่ในภาวะเครียดสูงคงที่ที่ 4,537 ราย และเสี่ยงจบชีวิตตัวเองกว่า 499 ราย 

 

THE STANDARD ชวนทำความเข้าใจภาวะ PTSD หรือ Post-Traumatic Stress Disorder ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดจากผลกระทบของเหตุการณ์รุนแรง

 

PTSD หรือ Post-Traumatic Stress Disorder

 

สภาวะป่วยทางจิตใจเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์กระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดความเครียด เช่น ภัยพิบัติ อุทกภัย แผ่นดินไหว การก่อการจลาจล ฆาตกรรม สงคราม การปล้นฆ่า และข่มขืน เป็นต้น ล้วนส่งผลต่อผู้ที่เผชิญเหตุการณ์นั้นและผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก

 

ผู้ที่เสี่ยงเป็นภาวะ PTSD ในช่วงแรกมีความเครียดฉับพลันประมาณ 1 เดือน เรียกว่าระยะทำใจ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการทางประสาทขึ้นมาได้ ระยะที่สอง มีความเครียดระยะเวลานานกว่า 1 เดือน 


ผู้ป่วยจะเห็นภาพเหตุการณ์ซ้ำๆ จนเกิดภาพหลอน ฝันร้าย และความวิตกกังวลรุนแรง อาจมีอาการตื่นกลัว ใจสั่น มือสั่น เหงื่อออกมาก รวมถึงมองโลกในแง่ลบ รู้สึกไม่มีความสุข หม่นหมอง ไม่สนใจสิ่งที่เคยชอบ ทำให้รู้สึกแปลกแยก และอาจรุนแรงถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย นอกจากนี้ยังมีการหวาดกลัว พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญเหตุการณ์หรือสิ่งเร้าที่ทำให้นึกถึงเหตุการณ์นั้นๆ

 

ชายแดนเงียบสงบ แต่ไม่สงบในใจพลทหาร

 

ท่ามกลางภารกิจและการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัย พลทหารต้องเผชิญความเครียดสะสมจากการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเข้มงวด และความกดดันจากสถานการณ์ความไม่ปลอดภัย ซึ่งยิ่งทวีความรุนแรงเมื่อภารกิจยาวนานต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตของทหารอย่างชัดเจน 

 

งานวิจัยศึกษาความเครียดของทหารหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 11 ในพื้นที่อำเภอแว้งและอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ปี 2562 พบว่าการปฏิบัติภารกิจทำให้ทหารพรานเกิดความเครียดในระดับหนึ่งและส่งผลต่อสุขภาพจิตและประสิทธิภาพในการทำงาน 

 

ขณะเดียวกัน งานวิจัยของอิศรา รักษ์กุล ปี 2554 เรื่อง ภาวะสุขภาพจิตและทัศนคติของกำลังพลกองทัพบกที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่าพลทหารมีความรู้สึกเครียดถึง 61.5% มีภาวะเสี่ยงเกิดโรคซึมเศร้า 34.55% มีพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 19.67% และกำลังพลที่ต้องการความช่วยเหลือเรื่องความเครียด 45.93%

 

นอกจากนี้ เอกสาร Specific Populations and Trauma Types: Military and ex-military personnel ระบุว่า ความเสี่ยงต่อการเกิด PTSD ในทหารและอดีตทหารไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประสบการณ์การรบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฝึกที่ต้องเผชิญสภาวะกดดัน การล่วงละเมิดทางเพศ และการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยเรื้อรังที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพจิต รวมถึงการห่างไกลครอบครัวก็อาจก่อให้เกิดความโดดเดี่ยวและความวิตกกังวล 

 

ทั้งนี้ การกลับสู่สังคมพลเรือนยังถือเป็นอุปสรรคสำคัญ เพราะทหารจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับความรู้สึกสูญเสียตัวตน ปัญหาการหางาน และการปรับตัวจากวิถีชีวิตที่มีระเบียบแบบแผนสูง ทำให้เกิดสภาวะเสี่ยงด้านสุขภาพจิตเพิ่มมากขึ้น

 

ผลวิจัยเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ความเครียดจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยไม่เพียงส่งผลต่อร่างกาย แต่ยังกระทบต่อสุขภาพจิตของทหารอย่างมีนัยสำคัญ 

 

อย่างไรก็ตาม เอกสารจิตเวชศาสตร์ทหาร ระบุว่า การป้องกันปัญหาสุขภาพจิตจากการรบขึ้นอยู่กับความยึดเหนี่ยวในหมู่ทหารที่ปฏิบัติภารกิจร่วมกัน โดยต้องมีผู้นำที่ดี การฝึกใช้ชีวิต และเผชิญความเครียดร่วมกัน เพื่อสร้างความผูกพันและการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน 

 

ทั้งนี้ ความสามารถในการรวมกลุ่มและบรรยากาศภายในหน่วย มีผลอย่างยิ่งในการทนทานต่อบาดแผลจากการรบ ขณะที่ความล้มเหลวในการปรับตัวเข้ากับกลุ่มอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตได้

 

การนอนเป็นหัวใจต่อความเสี่ยง PTSD ของทหาร

 

ในการศึกษาของ Veterans Health Administration ปี 2013 กับอดีตทหารเกณฑ์รบกว่า 1,600 คน พบว่ามากกว่า 49% นอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อคืน 23% นอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมง และ 72% รายงานว่าคุณภาพการนอนแย่ ผลการศึกษาชี้ชัดว่า ทหารที่นอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อคืน มีความเสี่ยงเป็น โรค PTSD และภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรงเพิ่มขึ้น 3 เท่า ส่วนกลุ่มที่มีคุณภาพการนอนแย่ พบความเสี่ยงต่อ PTSD สูงขึ้น 5 เท่า ภาวะซึมเศร้าเพิ่มขึ้น 9 เท่า และมีความคิดฆ่าตัวตายสูงขึ้น 6 เท่า

 

บทความ Combat exposure, post-traumatic stress symptoms, and health-related behaviors: the role of sleep continuity and duration ย้ำว่า การนอนหลับคือกุญแจสำคัญในการจัดการ PTSD ในทหารผ่านศึก 

 

นักวิจัย ระบุว่า การนอนสั้นและคุณภาพการนอนต่ำมีความสัมพันธ์โดยตรงกับอาการ PTSD รวมถึงพฤติกรรมก้าวร้าว การดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้ชีวิตเสี่ยงต่อสุขภาพ แม้ว่าการนอนหลับในสนามรบจะทำได้ยาก แต่เมื่อปลดประจำการ การฟื้นฟูคุณภาพการนอนถือเป็นกุญแจสำคัญในการลดความรุนแรงของ PTSD และป้องกันพฤติกรรมที่บั่นทอนสุขภาพ

 

บาดแผลใจประชาชนชายแดนไทย-กัมพูชา

 

นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนส่งผลให้ประชาชนจำนวนหนึ่งเผชิญแรงกดดันทั้งกายและใจ โดยเฉพาะผู้ที่ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องพบกับความหวาดกลัว ความตระหนก การพลัดพรากจากครอบครัว อยู่ห่างบ้าน หรือการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และยังมีความหวาดระแวงในสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้น ซึ่งล้วนเป็นเหตุการณ์กระทบจิตใจอย่างรุนแรง 

 

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความเครียด ได้แก่ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ การพลัดพราก การสูญเสีย รายได้ที่ลดลง ภาระค่าใช้จ่ายสะสม รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการฟื้นฟูจิตใจ เช่น ที่อยู่อาศัยชั่วคราว พื้นที่แออัด ขาดความเป็นส่วนตัว และการรับข่าวสารที่กระทบจิตใจหรือข่าวลือที่ไม่เป็นจริง ซึ่งล้วนเพิ่มความวิตกกังวล

 

นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเสริมว่า ประชาชนสามารถสังเกตสัญญาณความเครียดได้จากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรม เช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหารหรือกินมากผิดปกติ หงุดหงิดง่าย ใจสั่น ร้องไห้บ่อย หรือถอนตัวจากสังคม ไม่อยากพูดคุยกับใคร

 

วิธีดูแลตนเองเบื้องต้น

 

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความตึงเครียด การดูแลสุขภาพจิตใจถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยแนวทางเบื้องต้นที่ช่วยให้รับมือกับความเครียดได้ มีดังนี้

 

ดูแลร่างกายและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อฟื้นฟูสมดุลทั้งร่างกายและจิตใจ

 

เลือกรับข่าวสาร รับจากแหล่งที่เชื่อถือได้ พร้อมทั้งกำหนดเวลาเสพข่าว เพื่อลดความตึงเครียดจากข่าวสารที่กระทบจิตใจ

 

ผ่อนคลายจิตใจ ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ เปิดใจพูดคุยกับคนที่ไว้วางใจ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต

 

สร้างกิจวัตรประจำวันที่มีความหมาย วางแผนทำสิ่งเล็กๆ ที่สามารถสำเร็จได้ในแต่ละวัน เพื่อสร้างกำลังใจและความรู้สึกเชิงบวก

 

การดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงช่วยลดระดับความเครียด แต่ยังเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางใจ ทำให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

 

ช่องทางการปรึกษาสุขภาพจิต

 

ความเครียดและปัญหาสุขภาพจิตอาจใกล้ตัวกว่าที่คิด การมีพื้นที่สำหรับขอความช่วยเหลือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ปัจจุบันมีหลายช่องทางที่พร้อมให้คำปรึกษาและรับฟังโดยไม่ตัดสิน ได้แก่

 

  • เว็บไซต์ วัดใจ.com สำหรับประเมินสุขภาพจิตด้วยตนเอง
  • สายด่วน 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
  • Sati แอปพลิเคชัน พื้นที่ปลอดภัยสำหรับการพูดคุย มีผู้รับฟังโดยไม่ตัดสิน
  • Samaritans of Thailand บริการรับฟังอย่างไม่ตัดสิน

 

อย่างไรก็ตาม แม้เหตุการณ์ชายแดนจะสงบลง แต่ในใจทหารและประชาชนยังเต็มไปด้วยบาดแผลที่ยากจะลบเลือน การเยียวยาสุขภาพจิตจึงไม่ควรถูกมองข้าม ภาครัฐต้องก้าวเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง เพราะความมั่นคงไม่ได้วัดเพียงเสียงปืนที่เงียบลง แต่หมายถึงความสงบที่เกิดขึ้นทั้งภายนอกและภายในจิตใจของผู้คน

 

อ้างอิง:

The post จากเสียงปืนสู่บาดแผลใจ วิกฤตสุขภาพจิตประชาชน-เจ้าหน้าที่ ชายแดนไทย-กัมพูชา appeared first on THE STANDARD.

]]>
Lindsay Lohan ต้องการปกป้องลูกชายจากสื่อ เพื่อไม่ให้เจอการคุกคามแบบที่เธอเคยเจอ https://thestandard.co/lindsay-lohan-protects-son-from-media/ Tue, 05 Aug 2025 02:30:13 +0000 https://thestandard.co/?p=1103597 Lindsay Lohan

Lindsay Lohan เปิดใจถึงประสบการณ์เลวร้ายและน่ากลัวที่เธ […]

The post Lindsay Lohan ต้องการปกป้องลูกชายจากสื่อ เพื่อไม่ให้เจอการคุกคามแบบที่เธอเคยเจอ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Lindsay Lohan

Lindsay Lohan เปิดใจถึงประสบการณ์เลวร้ายและน่ากลัวที่เธอได้รับจากการถูกล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจากสื่อและปาปารัซซี เมื่อครั้งที่เป็นนักแสดงวัยรุ่น ซึ่งปัจจุบันสิ่งเหล่านี้ส่งผลถึงวิธีการเลี้ยงดู Luai ลูกชายวัย 2 ขวบของเธอด้วย

 

ระหว่างการสัมภาษณ์กับ The Sunday Times เพื่อโปรโมตภาพยนตร์ Freakier Friday ทาง Lindsay Lohan เล่าถึงเบื้องหลังการเติบโตจากนักแสดงเด็กสู่การเป็นวัยรุ่นในวงการฮอลลีวูด ท่ามกลางสายตาแฟนๆ และสื่อที่เต้าข่าวบนหน้าแท็บลอยด์แทบทุกวัน รวมไปถึงเหล่าปาปารัซซีที่ติดตามถ่ายภาพเธออย่างไร้ขอบเขต

 

เธอเผยว่า “ฉันไม่อยากให้ครอบครัวต้องมาได้รับประสบการณ์การถูกปาปารัซซีไล่ล่าแบบที่ฉันเคยโดนเลย มีหลายครั้งในชีวิตที่ฉันเจอกับช่วงเวลาที่น่ากลัว และอีกหลายเหตุการณ์ที่ฉันถูกรุกล้ำถึงขีดสุด ฉันมีภาวะ PTSD (ภาวะเครียดจากเหตุการณ์รุนแรง) แบบสุดโต่งจากสิ่งเหล่านี้ มันน่ากลัวมากๆ และฉันอธิษฐานขอให้สิ่งเหล่านี้ไม่มีวันกลับมาอีก เพราะมันไม่ปลอดภัยและไม่ยุติธรรม”

 

ด้วยสาเหตุนี้ Lindsay Lohan กับสามี Bader Shammas จึงปรึกษากันถึงวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกชายจากสื่ออย่างจริงจัง โดยเธอเผยด้วยว่า ปัจจุบันปัญหาเรื่องปาปารัซซีไม่รุนแรงเท่าเมื่อก่อน ด้วยโซเชียลมีเดียที่ทำให้เหล่าคนดังมีแพลตฟอร์มในการเผยมุมมองเรื่องต่างๆ และยังสามารถแสดงความเป็นตัวตนของพวกเขาในแบบที่ต้องการด้วยตัวเอง ต่างจากเมื่อก่อนที่สื่อเป็นผู้นำเสนอข่าวฝ่ายเดียวเท่านั้น

 

“เราไม่เคยมีอะไรแบบนั้น แต่สิ่งที่ฉันเรียนรู้ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาก็คือ วิธีในการแยกแยะชีวิตส่วนตัวกับชีวิตในสายตาสื่อสาธารณะ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับฉัน เพราะไม่เคยมีใครมาสอนเรื่องอะไรพวกนี้กับเราเลย”

 

ภาพ: James Devaney / GC Images

อ้างอิง: 

The post Lindsay Lohan ต้องการปกป้องลูกชายจากสื่อ เพื่อไม่ให้เจอการคุกคามแบบที่เธอเคยเจอ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Ariana Grande เผชิญกับภาวะ PTSD และความโศกเศร้า ช่วงอัลบั้ม sweetener และ thank u, next https://thestandard.co/grande-ptsd-depression-anxiety/ Mon, 17 Feb 2025 01:18:32 +0000 https://thestandard.co/?p=1042651 grande-ptsd-depression-anxiety

อัลบั้ม sweetener และ thank u, next ของ Ariana Grande เ […]

The post Ariana Grande เผชิญกับภาวะ PTSD และความโศกเศร้า ช่วงอัลบั้ม sweetener และ thank u, next appeared first on THE STANDARD.

]]>
grande-ptsd-depression-anxiety

อัลบั้ม sweetener และ thank u, next ของ Ariana Grande เป็นผลงานที่ได้รับความรักมากมายจากแฟนเพลงทั่วโลก แต่เบื้องหลังกระบวนการทำงานสำหรับอัลบั้มเหล่านี้ Ariana Grande ต้องเผชิญกับทั้งความโศกเศร้าและ PTSD หรือภาวะความเครียดที่เกิดขึ้นหลังจากพบเจอกับเหตุการณ์ที่รุนแรง

 

sweetener เปิดตัวในปี 2018 และเป็นผลงานแรกที่เธอปล่อยออกมา หลังเหตุการณ์ก่อการร้ายวางระเบิดที่ทัวร์คอนเสิร์ต Dangerous Woman Tour ของเธอในแมนเชสเตอร์เมื่อปี 2017 ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 22 ราย และบาดเจ็บอีกหลายร้อยราย หลังจากที่เปิดตัวอัลบั้มได้เพียงไม่ถึง 1 เดือน Mac Miller อดีตคนรักของเธอก็เสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาดในวัยเพียง 26 ปี ไม่กี่เดือนถัดมา Ariana Grande จึงเริ่มทำอัลบั้ม thank u, next โดยใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะเปิดตัวครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ซึ่งเธอเผยว่ามันเป็นสิ่งที่เธอรู้สึกว่าตัวเองต้องทำในห้วงขณะนั้น

 

Ariana Grande เผยถึงการทำงานในช่วงเวลาที่ยากแก่การทำใจผ่าน Awards Chatter รายการพอดแคสต์ของ The Hollywood Reporter ว่า

 

“ฉันเข้ารับการบำบัดมาเยอะมาก และต้องรับมือกับภาวะ PTSD และความโศกเศร้าทุกรูปแบบ รวมไปถึงโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล แน่นอนว่าฉันรักษามันอย่างจริงจังมากๆ และการมีดนตรีมาเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาเยียวยาก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยชีวิตฉันไว้ได้ 

 

“มันเป็นช่วงเวลาที่มืดมน และเสียงเพลงก็ทำให้ฉันผ่อนคลาย อีกทั้งยังทำให้ประสบการณ์ที่หนักหนาเหล่านั้นเบาบางลง แต่ฉันก็ระบายทุกอย่างออกมาผ่านเพลงเหล่านั้นอย่างเร่งด่วน อัลบั้มนั้นถูกทำออกมาอย่างเร่งรีบ และนั่นคือความหมายของการเอาชีวิตรอด”

 

ภาพ: Lexie Moreland / WWD via Getty Images

 

อ้างอิง: 

The post Ariana Grande เผชิญกับภาวะ PTSD และความโศกเศร้า ช่วงอัลบั้ม sweetener และ thank u, next appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศาลแขวงภูเก็ตยกฟ้องคดีฝรั่งถูกกล่าวหาเตะหมอปาย ระบุ คลิปหลักฐานขัดแย้งคำให้การ พยานไม่ยืนยันข้อเท็จจริง ผลตรวจบาดแผลมีข้อพิรุธ https://thestandard.co/case-dismissed-of-foreigner-accused-of-kicking-doctor-pai/ Wed, 04 Sep 2024 04:18:46 +0000 https://thestandard.co/?p=979282

วานนี้ (3 กันยายน) ที่ศาลแขวงภูเก็ต ศาลนัดพิพากษาคดีพนั […]

The post ศาลแขวงภูเก็ตยกฟ้องคดีฝรั่งถูกกล่าวหาเตะหมอปาย ระบุ คลิปหลักฐานขัดแย้งคำให้การ พยานไม่ยืนยันข้อเท็จจริง ผลตรวจบาดแผลมีข้อพิรุธ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วานนี้ (3 กันยายน) ที่ศาลแขวงภูเก็ต ศาลนัดพิพากษาคดีพนักงานอัยการคดีศาลแขวง และ พญ.ธารดาว จันทร์ดำ หรือ หมอปาย เป็นโจทก์และโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง เดวิด ชาวสวิตเซอร์แลนด์ เจ้าของปางช้างภูเก็ต ในคดีทำร้ายร่างกาย กรณีเตะเข้าที่หลังหมอปายและตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายขณะนั่งที่บันไดหน้าวิลล่า ติดชายหาดยามู ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567

 

คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน โดยสำนวนแรกพนักงานอัยการคดีศาลแขวงเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยว่าจำเลยใช้กำลังทำร้ายร่างกาย พญ.ธารดาว ผู้เสียหาย โดยการเตะบริเวณหลังหนึ่งครั้ง เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลฟกช้ำบริเวณหลังส่วนบน โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391

 

สำนวนที่สอง พญ.ธารดาว เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นเหตุให้ พญ.ธารดาว มีอาการทางจิตประสาท โศกเศร้าเสียใจ ซึ่งเป็นอาการทางจิตเวชโดยแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรค PTSD (โรคเครียดภายหลังเผชิญเหตุการณ์สะเทือนขวัญ) ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295

 

ศาลให้เรียกพนักงานอัยการคดีศาลแขวงว่าโจทก์ที่ 1 และเรียก พญ.ธารดาว ว่าโจทก์ที่ 2 คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่

 

เห็นว่าเมื่อพิจารณาคำเบิกความและคำให้การชั้นสอบสวนของโจทก์ที่ 2 ประกอบกับคลิปวิดีโอตามวัตถุพยาน ปรากฏว่ามีความแตกต่างและไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ เนื่องจากตามคลิปวิดีโอปรากฏภาพโจทก์ที่ 2 หันหน้ามาทางข้างขวาและเหลียวหลังมองไปทิศทางที่จำเลยกำลังเดินตรงมาที่โจทก์ที่ 2 จึงเชื่อว่าหากจำเลยเตะโจทก์ที่ 2 จริง

 

โจทก์ที่ 2 และ ศุภกาญจน์ สุขเกื้อ ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยกัน ย่อมน่าจะเห็นเหตุการณ์และยืนยันได้หนักแน่นว่าจำเลยเตะทำร้ายร่างกายโจทก์ที่ 2 โดยมีลักษณะและรายละเอียดการเตะอย่างไรกันแน่ เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากหลอดไฟในสวน จากดวงจันทร์เต็มดวง เพียงพอที่พยานโจทก์จะมองเห็นและจดจำเหตุการณ์ได้

 

แต่โจทก์ที่ 2 กลับไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงถึงการถูกทำร้ายร่างกายนั้นได้ อันเป็นข้อพิรุธให้น่าสงสัย นอกจากนี้ตามคลิปวิดีโอวัตถุพยานก็ไม่ปรากฏภาพเหตุการณ์ที่แสดงถึงจำเลยใช้เท้าเตะโจทก์ที่ 2 จนมีลักษณะคะมำไปด้านหน้าดังที่โจทก์ที่ 2 ให้การต่อพนักงานสอบสวน แต่กลับปรากฏภาพโจทก์ที่ 2 สามารถลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากที่เกิดเหตุได้อย่างปกติ อันขัดแย้งกับคำให้การของโจทก์ที่ 2

 

ทั้งไม่สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบรูปร่างของจำเลยที่เป็นคนสูงใหญ่กว่าโจทก์ที่ 2 มาก ประกอบกับโจทก์ที่ 2 กับจำเลยไม่เคยรู้จักกันหรือมีเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน พฤติการณ์แห่งคดีไม่ปรากฏว่าโจทก์ที่ 2 และจำเลยมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันก่อน และปกติบุคคลทั่วไปเมื่อถูกทำร้ายร่างกายโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันย่อมต้องสอบถามมูลเหตุที่ทำร้ายตน

 

แต่ทางนำสืบของโจทก์กลับไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวในชั้นพิจารณา นอกจากนี้พยานโจทก์ พนักงานสอบสวนยังเบิกความอีกว่า ตำแหน่งที่โจทก์ที่ 2 นั่งบนบันไดขั้นที่สองนับจากด้านล่าง หากจำเลยยืนอยู่บันไดขั้นบนสุดจะไม่สามารถเตะถึงโจทก์ที่ 2 ได้ และหากจำเลยเดินลงมาอีก 1-2 ขั้นบันไดย่อมประชิดตัวโจทก์ที่ 2 ซึ่งโจทก์ที่ 2 และศุภกาญจน์ต้องเห็นเหตุการณ์เป็นอย่างดี อีกทั้งพยานแวดล้อมกรณีของโจทก์ทั้งสองไม่มีพยานปากใดให้การยืนยันว่าจำเลยรับต่อพยานว่าได้เตะโจทก์ที่ 2

 

ทั้งหลังเกิดเหตุมีการไกล่เกลี่ยในที่เกิดเหตุ จำเลยก็ปฏิเสธต่อตำรวจของสถานีตำรวจภูธรถลางว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายโจทก์ที่ 2

 

สำหรับรายละเอียดบาดแผลของโจทก์ที่ 2 โจทก์ทั้งสองมีพยาน แพทย์ออกผลการตรวจชันสูตรบาดแผลเบิกความว่าพยานไม่ได้ตรวจร่างกายโจทก์ที่ 2 เพียงแต่ดูลักษณะบาดแผลจากภาพถ่ายและข้อมูลที่พยาบาลบันทึกไว้เท่านั้น โดยโจทก์ที่ 1 ไม่ได้นำพยาบาลซึ่งเป็นผู้ถ่ายรูปบาดแผลของโจทก์ที่ 2 มาเบิกความยืนยันและมิได้ส่งภาพถ่ายบาดแผลและประวัติการรักษาทางเวชระเบียนซึ่งโจทก์ที่ 2 เข้าทำการรักษาก่อนออกผลการตรวจทางนิติเวช โดยภาพถ่ายบาดแผลจำเลยเป็นฝ่ายอ้างเป็นพยาน ดังนั้นผลการตรวจชันสูตรบาดแผลจึงยังมีข้อพิรุธให้สงสัย

 

เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด พยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสองที่นำสืบมาจึงยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ส่วนที่โจทก์ที่ 2 อ้างว่าการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ที่ 2 รับอันตรายแก่จิตใจโดยป่วยเป็นโรค PTSD เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่ามีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยกระทำความผิดหรือไม่ดังวินิจฉัยข้างต้น ข้อเท็จจริงว่าโจทก์ที่ 2 ได้รับอันตรายแก่จิตใจหรือไม่

 

จึงย่อมไม่ใช่ผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลย นอกจากนี้ที่โจทย์ที่ 2 อ้างว่าป่วยเป็นโรค PTSD จำเลยนำสืบหักล้างและมีพยานปากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งศาลออกหมายเรียกมาให้ความเห็นเป็นหนังสือและมาเบิกความประกอบ มีความเห็นตรงกันว่าการวินิจฉัยว่าเป็นโรค PTSD บุคคลนั้นต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่อันตรายถึงแก่ชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บรุนแรง หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเหตุการณ์ที่โจทก์ที่ 2 ได้รับมาตามที่กล่าวอ้างนั้นไม่เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว

 

พิพากษายกฟ้อง

The post ศาลแขวงภูเก็ตยกฟ้องคดีฝรั่งถูกกล่าวหาเตะหมอปาย ระบุ คลิปหลักฐานขัดแย้งคำให้การ พยานไม่ยืนยันข้อเท็จจริง ผลตรวจบาดแผลมีข้อพิรุธ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Jennifer Lopez เผยว่าเธอและ Ben Affleck ยังคงมีภาวะ PTSD จากความสนใจของสื่อในช่วงแรกที่คบหากันเมื่อปี 2003 https://thestandard.co/jennifer-lopez-say-she-and-ben-affleck-ptsd/ Tue, 02 Jan 2024 02:33:22 +0000 https://thestandard.co/?p=883457 Jennifer Lopez

Jennifer Lopez และ Ben Affleck พบรักกันครั้งแรกตั้งแต่ป […]

The post Jennifer Lopez เผยว่าเธอและ Ben Affleck ยังคงมีภาวะ PTSD จากความสนใจของสื่อในช่วงแรกที่คบหากันเมื่อปี 2003 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Jennifer Lopez

Jennifer Lopez และ Ben Affleck พบรักกันครั้งแรกตั้งแต่ปี 2003 ก่อนที่จะหมั้นหมายและเลิกรากันภายในเวลาไม่นาน ซึ่งขณะนั้นทั้งสองต่างก็เป็นศิลปินและนักแสดงวัยหนุ่มสาวที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก เรื่องราวความรักของพวกเขาจึงตกเป็นเป้าที่สื่อและผู้คนให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม และความสนใจที่มากเกินไปนั้นก็ทำให้คู่รัก ‘Bennifer’ เกิดภาวะ Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) หรือโรคที่เกิดจากการได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง จนถึงทุกวันนี้

 

หลังจากที่แยกทางกันไปนานถึง 18 ปี และต่างก็ใช้ชีวิตตามเส้นทางของตัวเอง จวบจนกระทั่งมีครอบครัวและมีลูก Jennifer Lopez และ Ben Affleck ได้กลับมาพบรักกันอีกครั้งในปี 2021 และหมั้นหมายกันในปีต่อมา และล่าสุด Jennifer Lopez ในวัย 54 ปี ก็ให้สัมภาษณ์ถึงการที่เธอต้องเปิดเผยเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวเองและคนรักอีกครั้ง 

 

เธอเผยผ่าน Variety ว่า “เราทั้งสองมีภาวะ PTSD แต่ตอนนี้เราแก่ขึ้นแล้ว และเรามีความคิดมากกว่าเดิม เรารู้ว่าเรื่องไหนที่เป็นสิ่งสำคัญจริงๆ ในชีวิต และมันไม่ได้เกี่ยวกับว่าคนอื่นคิดเห็นอย่างไร แต่มันเป็นเรื่องของการซื่อสัตย์กับสิ่งที่ตัวเองเป็น”

 

Jennifer Lopez เคยพูดถึงความแตกต่างระหว่างการคบหากับ Ben Affleck ในอดีตกับปัจจุบันเอาไว้เมื่อปี 2022 ด้วยว่า “ตอนนี้เราอายุมากขึ้น เราฉลาดมากขึ้น และเรามีประสบการณ์มากขึ้นด้วย เราอยู่ในจุดที่แตกต่างในชีวิต เราต่างก็มีลูกกันแล้ว และเราให้ความสำคัญกับเรื่องนั้นเป็นอย่างมาก”

 

ขณะนี้ Jennifer Lopez กำลังเตรียมตัวปล่อยอัลบั้มและภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่ใช้ชื่อเดียวกันคือ This Is Me… Now ที่นับเป็นภาคต่อของอัลบั้ม This Is Me… Then จากปี 2002 ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ และยังนับเป็นครั้งแรกที่เธอปล่อยอัลบั้มสตูดิโอในรอบ 10 ปี หลังเปิดตัวผลงานชุด A.K.A. ไปตั้งแต่ปี 2014 

 

ภาพ: Gilbert Flores / Variety via Getty Images

อ้างอิง:

The post Jennifer Lopez เผยว่าเธอและ Ben Affleck ยังคงมีภาวะ PTSD จากความสนใจของสื่อในช่วงแรกที่คบหากันเมื่อปี 2003 appeared first on THE STANDARD.

]]>
รู้จักและเข้าใจภาวะ PTSD บาดแผลทางใจเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรงจนไม่อาจรับไหว https://thestandard.co/ptsd-understanding/ Wed, 15 Feb 2023 11:06:00 +0000 https://thestandard.co/?p=751036 PTSD

หลายคนคงได้เห็นภาพหรือคลิปวิดีโอจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง […]

The post รู้จักและเข้าใจภาวะ PTSD บาดแผลทางใจเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรงจนไม่อาจรับไหว appeared first on THE STANDARD.

]]>
PTSD

หลายคนคงได้เห็นภาพหรือคลิปวิดีโอจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงที่เกิดขึ้นในตุรกีและซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตึกที่เคยสูงตระหง่านถูกถล่มราบ เมืองที่เคยคลาคล่ำไปด้วยผู้คนและเสียงหัวเราะ กลับกลายเป็นเสียงกระหึ่มดังของเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่พยายามยกแผ่นปูนจากซากอาคารเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต ผสมกับเสียงร้องไห้ระงมของบรรดาผู้รอดชีวิตที่หวังจะได้เจอร่างที่ยังมีเลือดเนื้อของคนที่ตนเองรักอีกครั้ง 

 

แม้เราที่อยู่ประเทศไทยจะรู้สึกหดหู่กับภาพเหตุการณ์ที่เห็นผ่านสื่อ และหลั่งน้ำตาในบางครั้งที่เห็นเพื่อนร่วมโลกเป็นทุกข์ แต่นั่นก็เทียบไม่ได้เลยกับประชาชนชาวตุรกีและซีเรีย ผู้ที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปต่อหน้าต่อตาภายในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียว ความเจ็บปวดและการสูญเสียจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ทำให้ตอนนี้หลายคนเผชิญกับภาวะที่เรียกว่า PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) หรือการป่วยทางใจหลังเผชิญกับเหตุการณ์ที่รุนแรงอย่างไม่คาดฝัน โดยแพทย์สนามของตุรกีกล่าวว่า จากเดิมที่ผู้ป่วยมักมาหาหมอเพื่อรักษาบาดแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุ แต่มาวันนี้พวกเขาต้องการการเยียวยาบาดแผลที่อยู่ลึกภายในจิตใจ รวมถึงเด็กชายวัย 9 ขวบที่ยังผวาร้องเรียกพ่อทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงดัง เพราะคิดว่าอาฟเตอร์ช็อกจากแผ่นดินไหวยังเกิดขึ้นอยู่

 

THE STANDARD ขอพาทุกคนไปรู้จักและทำความเข้าใจกับภาวะ PTSD อีกหนึ่งโรคทางใจว่ามีอาการเป็นอย่างไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีทางเยียวยารักษาอย่างไรบ้าง เพราะอาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับเราทุกคน เมื่อจุดเปลี่ยนในชีวิตย่างกรายเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว

 

PTSD

 

ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร

อ้างอิง:

The post รู้จักและเข้าใจภาวะ PTSD บาดแผลทางใจเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรงจนไม่อาจรับไหว appeared first on THE STANDARD.

]]>
Taylor Swift นำกีตาร์ไปประมูลเพื่อหาเงินช่วยเหลือทหารและบุคลากรด่านหน้าที่เจอผลกระทบจากสงคราม https://thestandard.co/taylor-swift-guitar-auction-2022/ Thu, 08 Dec 2022 03:28:34 +0000 https://thestandard.co/?p=721226

กีตาร์อะคูสติกพร้อมลายเซ็นของ Taylor Swift (เทย์เลอร์ ส […]

The post Taylor Swift นำกีตาร์ไปประมูลเพื่อหาเงินช่วยเหลือทหารและบุคลากรด่านหน้าที่เจอผลกระทบจากสงคราม appeared first on THE STANDARD.

]]>

กีตาร์อะคูสติกพร้อมลายเซ็นของ Taylor Swift (เทย์เลอร์ สวิฟต์) กำลังได้รับการประมูลในขณะนี้ และจะสิ้นสุดในวันที่ 12 ธันวาคม ซึ่งกีตาร์ของเธอเป็นส่วนหนึ่งในการประมูล 12 Drummers Drumming ประจำปีครั้งที่ 2 ขององค์กร Raven Drum Foundation เพื่อเรี่ยไรเงินช่วยเหลือทหารผ่านศึก รวมไปถึงเหล่าบุคลากรด่านหน้าผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามจนต้องประสบภาวะ PTSD หรือโรคจิตเภทที่เกิดจากเหตุการณ์รุนแรง และผู้ที่กำลังมีความคิดฆ่าตัวตาย 

 

Taylor Swift เป็นผู้ที่มอบกีตาร์อะคูสติกพร้อมลายเซ็นให้กับองค์กรด้วยตัวเอง ซึ่งนอกจากกีตาร์แล้ว ยังมีภาพจากเซ็ตอัลบั้มชุดใหม่ของเธออย่าง Midnights แถมมาให้อีกด้วย โดยขณะนี้กำลังมีผู้เข้าประมูลทั้งหมด 7 คน และราคาก็ไต่ขึ้นไปถึง 4,500 ดอลลาร์ หรือราว 1.5 แสนบาทแล้ว

 

สำหรับไอเท็มอื่นๆ ที่กำลังได้รับการประมูลขณะนี้ ก็มีทั้งไม้กลองของมือกลองในตำนานอย่าง Alvin Taylor ซึ่งเขาเคยใช้ไม้ดังกล่าวอัดเสียงให้กับอัลบั้ม 33 & 1/3 ของ George Harrison หนึ่งในสมาชิกวง The Beatles ผู้ล่วงลับ รวมไปถึงตุ๊กตา Hysteria Funko Pop! รุ่นลิมิเตดเอดิชันพร้อมลายเซ็นของวงฮาร์ดร็อก Def Leppard 

 

Raven Drum Foundation ก่อตั้งโดยหนึ่งในสมาชิกวง Def Leppard อย่าง Rick Allen และภรรยาของเขา โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริม, มอบการศึกษา และผลักดันเหล่าทหารผ่านศึกกับบุคลากรด่านหน้าผู้รอดชีวิตที่เต็มไปด้วยบาดแผลทางจิตใจ และจะโฟกัสไปที่การป้องกันการฆ่าตัวตาย รวมไปถึงการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่พวกเขา

 

ภาพ: Terry Wyatt/Getty Images 

อ้างอิง:

The post Taylor Swift นำกีตาร์ไปประมูลเพื่อหาเงินช่วยเหลือทหารและบุคลากรด่านหน้าที่เจอผลกระทบจากสงคราม appeared first on THE STANDARD.

]]>
Lady Gaga ผ่านภาวะโรคเครียดจากเหตุการณ์ร้ายแรง (Post-Traumatic Stress Disorder) ด้วยการหาหมอและฝึกสมาธิ https://thestandard.co/pop-tip-23102022/ Sun, 23 Oct 2022 01:00:59 +0000 https://thestandard.co/?p=698800

ตั้งแต่ที่ Lady Gaga (เลดี้ กาก้า) เปิดใจถึงเหตุการณ์ใน […]

The post Lady Gaga ผ่านภาวะโรคเครียดจากเหตุการณ์ร้ายแรง (Post-Traumatic Stress Disorder) ด้วยการหาหมอและฝึกสมาธิ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ตั้งแต่ที่ Lady Gaga (เลดี้ กาก้า) เปิดใจถึงเหตุการณ์ในชีวิตที่กระทบกับความรู้สึกทางใจของเธอเมื่อหลายปีก่อน ส่งผลให้เธอเคยประสบภาวะโรคเครียดจากเหตุการณ์ร้ายแรง (Post-Traumatic Stress Disorder) ซึ่งระหว่างนั้นเธอบอกว่าสิ่งที่ทำให้เธอประคับประคองตัวเองมาได้จนถึงทุกวันนี้ คือครอบครัวและคุณหมอที่อยู่เคียงข้างและรักษาเธอให้กล้าที่จะเข้มแข็ง แม้ว่าในแต่ละวันจะต้องผ่านความยากลำบากมากแค่ไหนก็ตาม แต่เหนือสิ่งอื่นใด นอกจากการเข้ารับการบำบัดรักษาจากคุณหมอที่ดูแลอย่างดี สิ่งหนึ่งที่ Lady Gaga เปิดเผยว่าช่วยเธอได้มากสุดๆ ก็คือการฝึกสมาธิ ซึ่งวิธีนี้ถ้าทำตั้งแต่ตอนเช้าหลังตื่นนอนได้ จะช่วยให้จิตใจสงบและพร้อมเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างดีทีเดียว

 

 

Pop Tip: Lady Gaga ที่เคยเผชิญกับภาวะโรคเครียดจากเหตุการณ์ร้ายแรง (Post-Traumatic Stress Disorder) บอกว่า นอกจากความรักที่เธอได้รับจากครอบครัว การรักษาที่ดีจากคุณหมอ อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เธอผ่านพ้นมาได้คือการฝึกสมาธิ หากใครมีเรื่องเครียดลองเริ่มต้นฝึกสมาธิในที่เงียบๆ สัก 20-30 นาที จะช่วยลดเครียดได้

 

ภาพ: ladygaga / Instagram

The post Lady Gaga ผ่านภาวะโรคเครียดจากเหตุการณ์ร้ายแรง (Post-Traumatic Stress Disorder) ด้วยการหาหมอและฝึกสมาธิ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Shia LaBeouf บำบัดอาการป่วยทางจิต PTSD ด้วยการเขียนบท Honey Boy ที่เขาแสดงเป็นพ่อของตัวเอง https://thestandard.co/shia-labeouf-honey-boy/ Wed, 06 Nov 2019 06:10:26 +0000 https://thestandard.co/?p=301346 Honey Boy

ไชอา ลาบัฟ นักแสดงหนุ่มวัย 33 ปี ผู้เขียนบทภาพยนตร์ Hon […]

The post Shia LaBeouf บำบัดอาการป่วยทางจิต PTSD ด้วยการเขียนบท Honey Boy ที่เขาแสดงเป็นพ่อของตัวเอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Honey Boy

ไชอา ลาบัฟ นักแสดงหนุ่มวัย 33 ปี ผู้เขียนบทภาพยนตร์ Honey Boy เพิ่งได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม Hollywood Breakthrough Screenwriter Award จากงานประกาศรางวัล Hollywood Film Awards ครั้งที่ 23 ที่ลอสแอนเจลิส เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (3 พฤศจิกายน) โดยเขาได้ขึ้นกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมเขาในเดือนกรกฎาคม ปี 2017 เนื่องจากอาการมึนเมาในที่สาธารณะ ทั้งยังหยาบคาย ก้าวร้าว ปฏิเสธและพยายามหลบหนีการจับกุม จากเหตุการณ์นี้เขาต้องจ่ายค่าปรับ 2,680 ดอลลาร์สหรัฐ และส่งผลต่อเนื่องให้เขาเข้ารักษาในสถานบำบัด และที่นี่เองที่ลาบัฟได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (PTSD)

 

“ผมอยากจะขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมผมในรัฐจอร์เจียวันนั้น มันเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตผมไปเลย” 

 

ระหว่างที่บำบัด ลาบัฟได้เขียนบทภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตของเขาในชื่อ Honey Boy ซึ่งเป็นเรื่องราวของ โอทิส นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งที่กำลังไปได้ดีในวงการ แต่กลับทำตัวไร้การควบคุมและคอยแต่จะสร้างปัญหาตลอดเวลา จิตแพทย์วินิจฉัยว่าพฤติกรรมของเขาเป็นผลพวงมาจากชีวิตวัยเด็กที่บกพร่อง และส่วนหนึ่งของความบกพร่องที่ว่านั้นมาจากพ่อที่คอยบังคับขู่เข็ญตลอดมา โอทิสพยายามปฏิเสธว่าคำกล่าวของหมอไม่ใช่ความจริง พร้อมกับค่อยๆ ย้อนกลับไปทบทวนชีวิตที่ผ่านมาของตนเอง และทำความเข้าใจผู้เป็นพ่อใหม่อีกครั้ง

 

แน่นอนว่าสำหรับลาบัฟแล้ว บทภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากจะเป็นคำสารภาพและคำขอโทษแล้ว มันยังเป็นรูปแบบหนึ่งของการบำบัดที่หยั่งรากลึกลงไปในอาการป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรงที่เขาได้เผชิญในวัยเด็ก

 

Honey Boy

ไชอา ลาบัฟ กับโนอาห์ จูป นักแสดงที่รับบทเป็นโอทิสในวัยเด็ก

 

ในชีวิตจริงลาบัฟไม่ได้มีชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาเป็นลูกชายคนเดียวของ เจฟฟรีย์ ทหารผ่านศึกสงครามเวียดนาม และ เชย์นา นักออกแบบเสื้อผ้าและจิวเวลรี ครอบครัวของเขาค่อนข้างยากจน อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ตรงข้าม Echo Park ลอสแอนเจลิส ลาบัฟเคยอธิบายพ่อแม่ของเขาว่าเป็นฮิปปี้ “เขาค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่น แต่พวกเขาก็รักผม และผมก็รักพวกเขา” ครั้งหนึ่งพ่อของลาบัฟเคยถือปืนเล็งมาที่เขา เนื่องจากเกิดอาการหลอนจากสงครามเวียดนาม นอกจากนี้เขายังเคยถูกทารุณทางจิตใจและคำพูด พร้อมๆ กับการเห็นพ่อติดเฮโรอีนและแอลกอฮอล์

 

แต่ถึงอย่างนั้น ปัญหาชีวิตที่รุมเร้ากลับเป็นประตูที่เปิดไปสู่โลกอีกใบ เมื่อลาบัฟอายุได้ 10 ปี เขาไปเล่นเซิร์ฟกับพ่อที่มาลิบู ตอนนั้นเขาได้เจอกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันสวมเสื้อผ้าและอุปกรณ์เล่นเซิร์ฟราคาแพงอย่างที่เขาไม่กล้าฝันถึง “ผมถามเขาว่าทำงานอะไร แล้วเขาก็ตอบว่าเป็นนักแสดง” เด็กคนนั้นยังแนะนำให้ลาบัฟลองติดต่อโมเดลลิ่งดู และเมื่อเขาลองติดต่อด้วยการเปิดหารายชื่อบริษัทโมเดลลิ่งจากสมุดหน้าเหลือง โชคก็เป็นของเขา เมื่อได้เซ็นสัญญาและได้งานแสดงอย่างรวดเร็วกับซีรีส์อย่าง Caroline in the City (1998), Suddenly Susan (1999), The X-Files (1999), ER (2000), Freaks and Geeks (2000) และรับบท หลุยส์ สตีเวนส์ ในซีรีส์ Even Stevens (2000-2003) ทางช่องดิสนีย์จนทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จัก ก่อนจะเริ่มรับงานแสดงภาพยนตร์ จนกระทั่งปี 2007 ที่ชื่อของเขาเริ่มโด่งดังไปพร้อมๆ กับ Disturbia, Surf’s Up และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Transformers ภาพยนตร์ที่เปลี่ยนชีวิตเขาให้กลายเป็นดาวรุ่งของฮอลลีวูดในทันที

 

 

Honey BoyEven Stevens (2000-2003) และ Transformers (2007)

 

วีรกรรมติสท์แตกหลุดโลกของลาบัฟเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของเขาอยู่ในแดนลบ จนกระทั่งเขาเข้ารับการบำบัดในปี 2017 หลังจากนั้นได้ให้สัมภาษณ์กับ Esquire US ไว้ว่ามันคล้ายกระบวนการเปิดปากแผล ปล่อยให้เลือดไหลออกมาจนกว่าจะหยุด “คุณต้องพูดเกี่ยวกับมันไปเรื่อยๆ ขุดคุ้ยมันขึ้นมา นึกถึงมัน นึกถึงกลิ่นหรือทางไหนก็ได้ที่คุณจะกลับไปสู่จุดนั้น และส่วนใหญ่มันเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพ่อ เขาเป็นเหมือนน้ำมันให้กับชีวิตผม” 

 

จะบอกว่าพ่อเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญของชีวิตเขาก็คงไม่ผิด แม้จะมีความหลังวัยเด็กที่หนักหนา แต่หลังรับงานแสดงเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว พ่อของเขาก็คอยอยู่ในกองถ่ายกับเขาตลอดเวลา คอยยืนอยู่ใกล้ๆ กล้องเพื่อที่ลาบัฟจะได้มีสมาธิไปกับการทำงาน ถึงปัจจุบันเขายังยืนยันว่าการที่เขามาเป็นนักแสดง เหตุผลทั้งหมดก็คือพ่อคนเดียวกันนี้

 

การรับบทเป็นพ่อของตัวเองในภาพยนตร์ Honey Boy สำหรับลาบัฟไม่ต่างจากการบำบัดด้วยการสวมบทบาทเป็นอีกฝ่ายที่เรามีปมปัญหาด้วย มันทำให้เขาเข้าใจตรรกะ วิธีคิด และสิ่งที่พ่อของเขาต้องเผชิญในช่วงเวลานั้น ซึ่งอย่างน้อยๆ ก็ช่วยคลี่คลายให้เข้าใจได้ว่าสิ่งที่พ่อกระทำกับเขาแบบนั้นเป็นเพราะอะไร

 

ลาบัฟยังได้ให้สัมภาษณ์กับ MTV News ว่าการเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ช่วยชีวิตรวมถึงอาชีพการงานของเขาเอาไว้ “ผมกำลังหลงทางอย่างที่สุด ทั้งชีวิตผมเองและงานแสดง เหมือนเป็นจุดที่ต่ำที่สุดของผมแล้ว… ผมได้พบทางรอดชีวิตและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 5 ปีหลังมานี้ไม่ได้มาจากการทำงานกับสตูดิโอ แต่เป็นกลุ่มคนดีๆ ที่อยู่รอบตัวผม และผมก็ได้ใกล้ชิดกับครอบครัวอย่างที่ผมไม่เคยเป็นมาก่อน”

 

 

Honey Boy

ไชอา ลาบัฟ รับบทเป็นพ่อตัวเองในภาพยนตร์ Honey Boy

 

ผู้กำกับ อัลมา ฮาเรล ให้สัมภาษณ์กับ The Hollywood Reporter ว่าลาบัฟเขียนบทเสร็จระหว่างที่เขากำลังบำบัดและส่งอีเมลมาให้ ทันทีที่ได้อ่านเธอก็รู้เลยว่ามันจะกลายเป็นภาพยนตร์ และเริ่มคิดจะให้เขาแสดงเป็นพ่อของตัวเอง “ฉันว่ามันไม่ใช่แค่ภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง การให้เขารับบทเป็นพ่อเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความกล้าหาญมาก เสียสละ ทั้งยังเป็นเรื่องที่อันตรายสำหรับสภาพจิตใจของเขาด้วยเช่นกัน ตัวฉันเองที่เคยมีพ่อที่ติดแอลกอฮอล์ และรู้ว่ามีคนมากมายตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน เราจึงร่วมมือกันสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวนี้”

 

Honey Boy ตั้งชื่อตามที่พ่อเรียกลาบัฟในช่วงวัยเด็ก และระหว่างถ่ายทำ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อเล่นว่า Jeffrey ตามชื่อพ่อของเขา

 

ตัวอย่างภาพยนตร์ 

 

 

ภาพ: David Livingston / Stringer, Getty Images

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

The post Shia LaBeouf บำบัดอาการป่วยทางจิต PTSD ด้วยการเขียนบท Honey Boy ที่เขาแสดงเป็นพ่อของตัวเอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
พูดดี! Lady Gaga เปิดใจเรื่องการโดนล่วงละเมิดและปัญหาทางใจ PTSD ในงาน Elle’s Women in Hollywood https://thestandard.co/lady-gaga-elles-women-in-hollywood/ https://thestandard.co/lady-gaga-elles-women-in-hollywood/#respond Wed, 17 Oct 2018 08:29:09 +0000 https://thestandard.co/?p=133348

เลดี้ กาก้า ได้รับเชิญไปเป็นหนึ่งในตัวแทนของ Elle’s Wom […]

The post พูดดี! Lady Gaga เปิดใจเรื่องการโดนล่วงละเมิดและปัญหาทางใจ PTSD ในงาน Elle’s Women in Hollywood appeared first on THE STANDARD.

]]>

เลดี้ กาก้า ได้รับเชิญไปเป็นหนึ่งในตัวแทนของ Elle’s Women in Hollywood และในงานเธอได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่เล่าเบื้องหลังการเข้ามาอยู่ในวงการของเธอ รวมถึงการถูกล่วงละเมิดทางเพศและปัญหาสภาพจิตใจหลังเหตุการณ์ดังกล่าว

 

ในงานรับรางวัล Elle’s Women in Hollywood กาก้าสวมชุดสูทโอเวอร์ไซส์ของแบรนด์ Marc Jacobs ซึ่งเธอได้กล่าวว่า “ฉันลองชุดเดรสไปหลายชุดสำหรับการมางานในวันนี้ ทั้งคอร์เซ็ตรัดแน่น รองเท้าส้นสูง เพชร ขนนก ผ้าปัก และผ้าไหมที่สวยที่สุดในโลก แต่จริงๆ แล้วฉันรู้สึกอึดอัดมากจนต้องถามตัวเองว่าการเป็นผู้หญิงในวงการฮอลลีวูดหมายถึงอะไรกันแน่…

 

“พวกเราไม่ใช่วัตถุให้ความบันเทิง ไม่ใช่แค่ภาพที่สร้างรอยยิ้มหรือความเศร้ากับผู้คน เราไม่ใช่คนบนเวทีประกวดความงามที่ต้องมาแข่งกันให้คนดูพอใจ แต่พวกเรา ‘ผู้หญิงในวงการฮอลลีวูด’ คือเสียงที่มีสิทธิในการแสดงความเห็น พวกเรามีความคิด ความเชื่อ และคุณค่า พวกเรามีพลังที่จะกล้าออกมาพูดให้ทุกคนได้ยิน และกล้าสู้กลับเมื่อเราถูกปิดปาก …หลังจากฉันลองไป 10 กว่าชุด ฉันหันไปเห็นสูทตัวนี้ที่มุมห้อง ฉันรู้สึกเป็นตัวเองในชุดนี้ มีความกล้า มั่นใจในตัวเอง และพร้อมที่จะออกมากล่าวสปีชในค่ำคืนนี้”

 

กาก้ายังเปิดใจว่าเธอเองก็เคยเป็นเหยื่อในการล่วงละเมิดทางเพศเช่นกัน “ในฐานะของผู้ที่อยู่รอดจากการล่วงละเมิดทางเพศโดยบุคคลที่อยู่ในอุตสาหกรรมบันเทิง ในฐานะของผู้หญิงที่ยังคงไม่กล้าพอจะออกมาบอกชื่อของเขา ในฐานะของผู้หญิงที่ต้องอยู่กับความเจ็บปวดที่มาอย่างยาวนาน ในฐานะของผู้หญิงที่เคยอยู่ในสภาะวะที่ต้องยินยอมทำตามในสิ่งที่ผู้ชายบอกให้ทำตั้งแต่อายุน้อย ฉันตัดสินใจว่าวันนี้จะเป็นวันที่ฉันจะขออำนาจคืน วันที่ฉันจะสวมกางเกง…

 

 

“หลังจากที่ฉันโดนล่วงละเมิดทางเพศในวัย 19 ปี มันได้เปลี่ยนฉันไปทุกอย่าง ส่วนหนึ่งในตัวฉันถูกปิดเอาไว้หลายปี ฉันไม่บอกใคร ฉันหลีกเลี่ยงตัวเอง และรู้สึกอับอายมาตลอด แม้กระทั่งตอนนี้ที่ฉันยืนอยู่หน้าพวกคุณทุกคน ฉันอับอายกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น และมันยังมีบางวันที่ฉันคิดว่าตัวเองก็อาจมีส่วนผิด หลังจากที่ฉันเล่าเรื่องนี้ให้กับผู้ชายที่มีอำนาจหลายๆ คนในวงการ ไม่มีใครช่วยเหลือฉันสักคน ไม่มีใครยื่นมือมาให้คำแนะนำหรือชี้ทางออกที่ยุติธรรมให้ ไม่แม้กระทั่งแนะนำช่องทางการรักษาทางจิตที่ฉันควรได้รับในตอนนั้น ผู้ชายเหล่านั้นหลบซ่อนเพราะพวกเขากลัวที่จะสูญเสียอำนาจ และเมื่อพวกเขาเลือกที่จะหลบซ่อน ฉันจึงเลือกที่จะหลบซ่อนเช่นกัน”

 

หลังจากเหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ กาก้ายังต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิต หรือ Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) โรคความเครียดหลังจากเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ และโรค Fibromyalgia ที่ทำให้เธอมีอาการปวดเรื้อรังตามร่างกาย ซึ่งกาก้าบอกว่าหลายคนคงไม่คิดว่าโรคนี้มีอยู่จริง แต่มันคือโรคที่มีแก่นมาจากความเครียดที่ก่อให้เกิดความอาการเจ็บปวดของร่างกาย

 

“โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคการกินผิดปกติ เหตุการณ์สะเทือนใจ เหล่านี้เป็นตัวอย่างบางส่วนที่ก่อให้เกิดเป็นพายุแห่งความเจ็บปวด ดังนั้นสิ่งที่ฉันอยากจะบอกกับทุกคนในที่นี้ ผู้หญิงและผู้ชายที่มีพลังอำนาจ ขอให้มาร่วมใจกันพาโลกของเราไปสู่ความเมตตา ฉันโชคดีที่ทุกวันนี้มีหนทางและวิธีในการช่วยเหลือ แต่ยังมีอีกหลายคนที่ไม่มีหนทางและไม่สามารถจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงการช่วยเหลือเหล่านั้นได้…

 

“ฉันอยากให้ปัญหาทางสุขภาพจิตเป็นเรื่องสำคัญของคนทั้งโลก เราไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์เลวร้ายและเหตุการณ์ท้าทายที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ แต่เราช่วยกันได้ ทุกคนในห้องนี้ช่วยเหลือกันและกันได้ และเราก็ต้องกล้าพอที่จะลุกขึ้นมาขอความช่วยเหลือในยามที่เราต้องการ”

 

กาก้ายังทิ้งท้ายไว้ว่าเธออยากให้ในทุกโรงเรียนในสหรัฐอเมริกามีนักบำบัดหรืออาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านปัญหาสุขภาพจิตประจำอยู่ในทุกที่ และเธอยังร้องขอให้ทุกคนลุกขึ้นมาช่วยกัน ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และเพศใดๆ เพื่อสันติภาพ ซึ่งถือเป็นการใช้แพลตฟอร์มและสิทธิในการแสดงความเห็นที่เธอมีอยู่ได้อย่างชาญฉลาด ทั้งยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือได้จริงๆ

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

The post พูดดี! Lady Gaga เปิดใจเรื่องการโดนล่วงละเมิดและปัญหาทางใจ PTSD ในงาน Elle’s Women in Hollywood appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/lady-gaga-elles-women-in-hollywood/feed/ 0