เมนูฟาสต์ฟู้ดมักมีบทบาทในช่วงเวลาที่เร่งรีบ ซึ่งเมนูเหล่านี้ในแต่ละยุคสมัยก็แตกต่างกันไป อย่างเมนูของ McDonald’s ช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 ก่อนจะมี McNuggets ก็ได้มีเมนูหัวหอมทอด (Onion Nuggets) มาก่อน หรืออย่าง Pizza Hut ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 ได้มีเมนู Bigfoot Pizza พิซซ่าขนาดยักษ์ 2 ตารางฟุต ที่ขายในราคา 10 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 363 บาท) เมื่อเวลาผ่านไป เมนูเหล่านี้ก็ได้มีวิวัฒนาการปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

ล่าสุด Burger King เริ่มมีความสนใจในการปรับเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่เช่นกัน เพราะเมื่อพูดถึงอาหารฟาสต์ฟู้ด ภาพจำของใครหลายคนต้องนึกถึงเมนูที่นำเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ มาปรุงใหม่ไม่ว่าจะทอดหรือย่าง โดยใช้เวลาไม่นานก็พร้อมเสิร์ฟให้กับลูกค้า

แต่ภายในปี 2030 นี้ Burger King มีความตั้งใจว่าจะลดเมนูเนื้อสัตว์เหลือเพียง 50% และเพิ่มเมนู ‘มังสวิรัติ’ เข้าไปแทน ในระยะเวลา 8 ปีนี้ สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปคือเมนูที่เป็นเนื้อวัวและเนื้อไก่ จะเปลี่ยนเป็นทางเลือกจากพืช พร้อมมุ่งเน้นไปที่อาหารมังสวิรัติ, Whoppers และนักเก็ตมากขึ้น

แล้วภาพจำ Burger King กับเมนูเบอร์เกอร์เนื้อจะหายไปไหม? นักลงทุนรายอื่นจะยังคงลงทุนหรือไม่?

หากมองในภาพกว้าง เทรนด์การเลือกรับประทานอาหารของมนุษย์เริ่มมีความสนใจที่จะรักษาสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการออกกำลังกายหรือแม้แต่การเลือกรับประทานอาหารเอง ทุกคนต่างอยากมีสุขภาพที่ดีขึ้นภายใต้โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และมลพิษตลอดเวลา

ซึ่งตามรายงานของ Bloomberg ระบุว่า ตลาดอาหารที่ผลิตมาจากพืชไม่ใช่ตลาดใหม่อย่างแน่นอน ภายในปี 2030 หรือปีเดียวกันกับที่ Burger King จะเจาะตลาดใหม่ ตลาดพืชคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 162 พันล้านดอลลาร์ และแน่นอนว่าเป็นการลงทุนที่สร้างกำไรมหาศาลกับร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด

นอกจากนี้ Business Insider ยังตั้งข้อสังเกตต่อตลาดอาหารฟาสต์ฟู้ดอีกหลายแห่งว่า พวกเขาเริ่มมีการปรับตัวเพื่อที่จะเข้าสู่ตลาดมังสวิรัติกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น McDonald’s, Chipotle หรือแม้แต่ KFC เอง

อ้างอิง:

• https://www.mashed.com/948860/major-menu-changes-that-may-completely-change-burger-king-by-2030/ 

The post Burger King เตรียมเจาะตลาด ‘มังสวิรัติ’ ลดเมนูเนื้อสัตว์ 50% ในปี 2030 appeared first on THE STANDARD.

หลังจากหลายปีในการทดสอบสร้างผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์ที่เลียนแบบรสชาติและเนื้อสัมผัสของไก่ วันนี้ KFC เชนไก่ทองยักษ์ใหญ่ของโลก และ Beyond Meat พร้อมแล้วที่จะวางขาย ‘เมนูไก่จากพืช’ ไปยังร้านทั่วสหรัฐอเมริกา

นักเก็ตไก่ทอดจากพืชชนิดใหม่ที่เรียกว่า Beyond Fried Chicken ซึ่งแม้ไม่มีส่วนผสมของไก่ แต่มีรสชาติเหมือนเดิม จะถูกเพิ่มในเมนูทั่วอมริกาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 10 มกราคม เป็นต้นไป

“ได้เวลาแล้ว” เควิน ฮอชแมน (Kevin Hochman) ประธาน KFC ของสหรัฐอเมริกากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ CNN Business เขาเสริมว่าลูกค้าต้องการ ‘กินโปรตีนจากสัตว์ให้น้อยลง แต่ไม่ต้องการละทิ้งคอมฟอร์ตฟู้ด’

ร้าน KFC จะได้รับ Beyond Fried Chicken ที่ปรุงสำเร็จแล้วและทอดมาแล้ว โดยพนักงานในร้านจะต้องนำไปทอดใหม่ก่อนเสิร์ฟ อย่างไรก็ตาม รายการเมนูใหม่นี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติหรือผู้รับประทานมังสวิรัติอย่างเคร่งครัด เนื่องจากเป็นเมนูที่ทำขึ้นในพื้นที่เดียวกันกับการทำเมนูไก่

เชนอาหารฟาสต์ฟู้ดต้องวิ่งตามเทรนด์เนื้อสัตว์จากพืชเพื่อดึงดูดทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่า และสร้างความตื่นเต้นให้กับแบรนด์ต่างๆ นอกจากนี้ยังดึงดูดผู้ที่ถูกเรียกว่า Flexitarian หรือกินมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น โดยต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพหรือสิ่งแวดล้อม

การวางขาย Beyond Fried Chicken ไปทั่วแดนลุงแซมถือเป็นหนึ่งในวิธีที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับ Beyond Meat ซึ่งกำลังหาหนทางให้ราคาหุ้นกลับมาเป็นปกติ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา หุ้นสูญเสียมูลค่าไปครึ่งหนึ่ง ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทลดลงเหลือ 3.9 พันล้านดอลลาร์

ในทางกลับกัน หุ้นของ Yum! Brands บริษัทแม่ของ Pizza Hut, Taco Bell และ KFC เพิ่มขึ้น 30% ในปีที่แล้ว ทำให้มูลค่าตลาดอยู่ที่ 4.03 หมื่นล้านดอลลาร์ ความต้องการไก่ทอดของ KFC ที่เพิ่มขึ้นช่วยทำให้ยอดขายสาขาเดิมในสหรัฐฯ ของเครือร้านเพิ่มขึ้น 13% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

อ้างอิง:

• https://edition.cnn.com/2022/01/04/business/kfc-beyond-fried-chicken-launch/index.html
• https://www.cnbc.com/2022/01/04/kfc-to-launch-meatless-fried-chicken-made-with-beyond-meat-nationwide.html

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post KFC พร้อมวางขาย ‘นักเก็ตไก่ทอดจากพืช’ ที่ไม่มีส่วนผสมของไก่ แต่มีรสชาติเหมือนเดิม ทุกสาขาทั่วอเมริกา appeared first on THE STANDARD.

KFC แบรนด์ไก่ทอดระดับโลกที่ได้รับการยอมรับที่ดีเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน กำลังจะเพิ่มเทรนด์โปรตีนทางเลือกให้กลายเป็นกระแส ด้วยการเพิ่มเมนูทางเลือกเพื่อตอบโจทย์ความหลากหลายของคนยุคใหม่ และไม่ว่าจะเปิดตัวเมนูอะไร ที่ประเทศไหน กระแสตอบรับก็ดีมากๆ อย่างตอนเปิดตัวเมนู ‘Beyond Fried Chicken’ ที่สาขาแอตแลนตา ก็ขายเกลี้ยงภายใน 5 ชั่วโมง ทำให้สาขาที่แคนาดา สิงคโปร์ และจีน หันมาทำเมนูเนื้อไก่จากพืชด้วยเช่นกัน และเป็นไปตามคาด ทั้งแฟนพันธุ์แท้ KFC และกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์การกินแบบ Flexitarian ที่ได้ลองต่างก็พูดไปในทิศทางเดียวกันว่า ทั้งรสชาติและรสสัมผัสเหมือนไก่จริงๆ

เหตุผลที่แบรนด์ไก่ทอดระดับโลกในหลายประเทศลงมาจับตลาด Plant-Based ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตอนนี้ตลาด Plant-Based Food กำลังเติบโตอย่างมาก ตัวเลขจาก UBS Evidence Lab ชี้ให้เห็นว่า การเติบโตเพิ่มขึ้น 4.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2018 และจะแตะ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2030 การเติบโตดังกล่าวเชื่อมโยงไปถึงเทรนด์คนยุคใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น Plant-Based Food จึงเป็นหนึ่งในเทรนด์อาหารอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยม

โดยเฉพาะกลุ่มของ Plant-Based Protein ซึ่งเป็นโปรตีนจากพืช 100% มีรสชาติที่ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ เหมาะจะเป็นอาหารอีกหนึ่งทางเลือก เพราะให้โปรตีนสูงเทียบเท่าเนื้อสัตว์แถมยังได้คุณค่าจากไฟเบอร์อีกด้วย ประกอบกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านอาหาร สามารถนำโปรตีนทางเลือกที่ว่านี้มาทำเป็นเมนูได้หลากหลาย กลายเป็นว่ารูปแบบอาหารสุขภาพก็ไม่จำกัดกรอบแค่ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช ที่ฟังดูน่าเบื่อ แต่เป็นความหลากหลายของอาหารที่ใครเห็นก็อยากลอง เปลี่ยนแนวคิดการกินอาหารเพื่อสุขภาพให้กินง่ายและสนุกยิ่งขึ้น นี่อาจเป็นเหตุผลที่เมนู Plant-Based ของ KFC ในหลายประเทศได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักชิมที่ชอบลองอะไรใหม่ๆ และตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่ม Flexitarian หรือกลุ่มมังสวิรัติแบบยืดหยุ่นด้วยเช่นกัน

การเติบโตของผู้บริโภคกลุ่ม Flexitarian เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เมนู Plant-Based ของ KFC ขายดี ตัวเลขจากสถาบันวิจัยตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคระดับโลก Mintel พบว่า การกินแบบ Flexitarian กำลังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรป ที่ตั้งแต่ปี 2014-2018 รายได้เนื้อสัตว์จากพืชเติบโต 451% ซึ่งในประเทศไทยเอง กลุ่ม Flexitarian ก็เติบโตไปพร้อมๆ กับการเติบโตของตลาด Plant-Based จะด้วยความยืดหยุ่นกว่าในการกินจึงทำให้คนรุ่นใหม่ที่รักการกินและมองหาทางเลือกใหม่ๆ ผันตัวเองมาเป็น Flexitarian มากขึ้น

ในที่สุดก็ถึงคิวของ KFC ประเทศไทยขานรับเทรนด์ Plant-Based และเพิ่มความอร่อยหลากหลายให้กับผู้บริโภคกันบ้าง ล่าสุด KFC ยกขบวนความอร่อยใหม่ เนื้อไก่จากพืช ท้าให้ลองทั้งแบบอิ่มเดียวและแบบคอมโบ ได้แก่

คอมโบ แพลนต์เบสต์ ป๊อป ราคา 79 บาท  

ชิค แอนด์ แชร์ ราคา 119 บาท

• แพลนต์เบสต์ ป๊อป 7 ชิ้น ราคา 49 บาท 
• ข้าวแพลนต์เบสต์ แซ่บ โบว์ล ราคา 75 บาท
• สลัดโบว์ล ราคา 75 บาท *จำหน่ายเฉพาะที่สาขาดีโป บาย วนชัย เท่านั้น
• ชิค แอนด์ แชร์ แพลนต์เบสต์ ป๊อป 1 บักเก็ต ราคา 119 บาท 
• คอมโบ แพลนต์เบสต์ ป๊อป (แพลนต์เบสต์ ป๊อป 7 ชิ้น + เฟรนช์ฟรายส์ (ปกติ) 1 ที่ + เป๊ปซี่ 1 ที่) ราคา 79 บาท 
• คอมโบ ข้าวแพลนต์เบสต์ แซ่บ โบว์ล (ข้าวแพลนต์เบสต์ แซ่บ โบว์ล 1 ที่ + เฟรนช์ฟรายส์ (ปกติ) 1 ที่ + เป๊ปซี่ 1 ที่ ราคา 119 บาท
• เดอะบอกซ์ แพลนต์เบสต์ (ข้าวแพลนต์เบสต์ แซ่บ โบว์ล 1 ที่ + มันบด (ปกติ) 1 ที่ + เฟรนช์ฟรายส์ (ปกติ) 1 ที่ + เป๊ปซี่ 1 ที่ ราคา 179 บาท 
• คอมโบ สลัด (สลัดโบว์ล 1 ที่ + แพลนต์เบสต์ ป๊อป 7 ชิ้น) ราคา 119 บาท *จำหน่ายเฉพาะที่สาขาดีโป บาย วนชัย เท่านั้น

เดอะบอกซ์ แพลนต์เบสต์ ราคา 179 บาท 

KFC สาขาดีโป บาย วนชัย จังหวัดฉะเชิงเทรา 

KFC สาขาแสงโสมวิภาวดี

โดยเมนูเนื้อไก่จากพืชที่เห็นนี้จะเสิร์ฟแค่ 2 สาขาสุดพิเศษเท่านั้น คือ สาขาดีโป บาย วนชัย จังหวัดฉะเชิงเทรา และสาขาแสงโสมวิภาวดี เหตุผลที่ KFC เลือกสองสาขานี้ ก็เพื่อให้เข้ากับคอนเซปต์และแนวคิดของเมนูรักษ์โลก เพราะทั้งสองสาขาเป็นสาขาต้นแบบในคอนเซปต์ Green Store ร่วมมือรักษ์โลก สร้างร้าน KFC โดยใช้วัสดุ Zero Waste ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งร้าน ล้วนมาจากวัสดุ Reduce, Reuse, Recycle หรือที่สาขาแสงโสม ตัวอาคารเป็นตึกที่ใช้โซลาร์เซลล์ และออกแบบให้สามารถกรองควันจากการทำอาหารได้อย่างดี ความ Go Green ของทั้งสองสาขายังรวมไปถึงการให้บริการ ก็จะรณรงค์ให้ลดการใช้พลาสติกเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Eco Lifestyle นอกเหนือจากนี้ยังสามารถสั่งได้ง่ายๆ ที่ KFC ทุกช่องทาง ทั้งเดลิเวอรี, บริการรับที่ร้าน ผ่านแอปพลิเคชัน KFC Thailand, เว็บไซต์ www.kfc.co.th และโทร 1150

นักชิมสาย Flexitarian หรือใครที่ชอบลองของใหม่! ต้องรีบกดสั่งมาลองกันแล้ว ขอบอกเลยว่าอร่อยเนียน แม้แต่เซียนก็แยกไม่ออก เปิดให้สั่งเมนู Plant-Based ตั้งแต่วันนี้-29 กันยายน 2564 นี้เท่านั้น 

The post KFC ท้า! แฟนพันธุ์แท้และนักชิมสาย Flexitarian ลองความอร่อยใหม่ ‘เนื้อไก่จากพืช’ ไม่ลองชิมก็คงไม่เชื่อว่านี่พืชไม่ใช่ไก่ [Advertorial] appeared first on THE STANDARD.

Plant-based Food หรือ ‘ผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช’ กำลังเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่ธุรกิจยักษ์ใหญ่กระโดดเข้ามาอย่างคึกคัก อันเป็นผลจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น 

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทยระบุว่า มูลค่าตลาด Plant-based Food ในไทยสามารถเติบโตได้เฉลี่ยถึงปีละ 10% หรือแตะระดับ 4.5 หมื่นล้านบาทในปี 2567 ขณะเดียวกันมีการประเมินว่าผลิตภัณฑ์ Plant-based Food ทำให้จำนวนคนไม่บริโภคเนื้อสัตว์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นได้อีกมาก จากในปี 2560 ซึ่งอยู่ที่เพียง 7 ล้านคน หรือคิดเป็นแค่ 12% ของประชากร

ด้วยความน่าสนใจนี้เองทำให้ล่าสุด บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และ บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ได้ตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (บริษัทย่อยที่ PTT ถือหุ้น 100%) และ บริษัท โนฟ ฟู้ดส์ จำกัด (บริษัทย่อยที่ NRF ถือหุ้น 100%) ในสัดส่วนการถือหุ้นที่เท่ากันบริษัทละ 50% เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืชแบบครบวงจร

คาดว่าจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่แล้วเสร็จในไตรมาส 3/64 ด้วยทุนจดทะเบียนประมาณ 300 ล้านบาท 

ขณะเดียวกันได้มีการเปิดเผยแผนธุรกิจเบื้องต้นว่า จัดตั้งโรงงานผลิตที่ใช้เทคโนโลยีนำเข้าชั้นสูงในไทย ด้วยกำลังการผลิต 3,000 ตันต่อปี รวมไปถึงการพัฒนาร้านค้าต้นแบบ คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/65

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

The post ปตท. จับมือ NRF ลุยธุรกิจ Plant-based ครบวงจร เตรียมตั้งโรงงานกำลังผลิต 3,000 ตันต่อปี appeared first on THE STANDARD.

ดูเหมือนว่าเทรนด์ Plant-based Meat หรือเนื้อจากพืช ยังคงเป็นเทรนด์ที่มาแรง และร้านอาหารหลายแห่งเลือกที่จะเสิร์ฟเมนูนี้เพื่อเพิ่มความแตกต่างและความแข็งแกร่งในตลาดให้กับตัวเอง ล่าสุด Unilever ได้แท็กมือ Burger King ขยายการเสิร์ฟ Whopper ด้วย ‘เนื้อจากพืช’ ไปสู่ลาตินอเมริกา แคริบเบียน และจีน

ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการขยายจากปีก่อน ซึ่ง Unilever ได้รับหน้าที่ในการจัดหาเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืชให้กับ Rebel Whopper ของ Burger King ในสถานที่ต่างๆ ในยุโรปมากกว่า 2,400 แห่ง รวมถึงเยอรมนี สเปน โปแลนด์ และอิตาลี

เบอร์เกอร์ Whopper ที่ทำด้วยเนื้อสัตว์จากพืชจะปรากฏบนเมนูในร้าน Burger King 325 สาขาในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น และหางโจวในแดนมังกร โดยมีแผนจะขยายการเปิดตัวทั่วประเทศในไตรมาสที่ 2 ของปี 2021

ส่วนในลาตินอเมริกาและแคริบเบียนอื่นๆ จะมีวางขายในเม็กซิโก คอสตาริกา โคลอมเบีย บาฮามาส สาธารณรัฐโดมินิกัน นิการากัว ฯลฯ โดย Whopper จากพืชคาดว่าจะมีราคาขายใกล้เคียงกับเมนูที่ทำจากเนื้อวัว แม้ว่าราคาอาจแตกต่างกันระหว่างแฟรนไชส์ก็ตาม

การเคลื่อนไหวดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Unilever ในการเสริมสร้างฐานที่มั่นในตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วสำหรับอาหารจากพืชซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่โควิด-19 ระบาด นักวิเคราะห์ของ Barclays คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ทางเลือกจะกลายเป็นตลาดมูลค่า 1.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.2 ล้านล้านบาทในทศวรรษหน้า

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

• https://www.reuters.com/article/us-unilever-burgerking/unilever-expands-deal-with-burger-king-to-launch-meat-free-whopper-in-latin-america-china-idUSKBN28X00B
• https://www.foodbusinessafrica.com/burger-king-launches-unilevers-plant-based-whoppers-in-europe/

The post Unilever แท็กมือ Burger King ขยายการเสิร์ฟ Whopper ด้วย ‘เนื้อจากพืช’ ไปสู่ลาตินอเมริกาและจีน appeared first on THE STANDARD.

จำนวนประชากรจะเพิ่มขึ้นไปถึง 10 ล้านล้านคนในไม่ช้า โลกอาจต้องเจอกับปัญหาขาดแคลนทรัพยากรโปรตีน และการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม เมื่อเทียบกับปี 2010 ปัจจุบันโลกมีความต้องการเนื้อสัตว์สูงขึ้นถึง 1.8 เท่า การทำปศุสัตว์เพื่อสนองความต้องการเหล่านั้นต้องใช้น้ำและอาหารสัตว์เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีการเพิ่มปริมาณของก๊าซเรือนกระจก เนื้อสัตว์ทางเลือกจึงกลายมาเป็นทางออกของปัญหาเหล่านี้

เนื้อสัตว์ทางเลือกเป็นเนื้อสัตว์ที่ทำจากโปรตีนถั่วเหลืองที่ถูกปรับแต่ง และปรุงให้มีรสสัมผัสเหมือนเนื้อสัตว์ที่สุด นอกจากจะลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากการทำปศุสัตว์ได้ เนื้อสัตว์ทางเลือกยังมีปริมาณโปรตีนที่สูงกว่าเนื้อไก่ เนื้อหมู และเนื้อวัวอีกด้วย

MUJI ก้าวไปอีกขั้นด้วยการพัฒนาเนื้อสัตว์จากถั่วเหลือง ที่สามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้ และไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอนการเตรียมเพิ่มเติม คุณสามารถแกะซองออกมากินได้เลยในทันที หรือจะนำมาทำอาหารก็ทำได้เลย โดยไม่ต้องนำไปแช่น้ำหรือปรุงรสก่อน นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทางเลือกที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่มีวิถีชีวิตเร่งรีบได้ดี

เนื้อสัตว์ทางเลือกของ MUJI มีทั้งหมด 4 แบบ ทั้งแบบมีตบอล แฮมเบิร์กสเต๊ก ที่สามารถแกะซองแล้วราดซอสที่ชื่นชอบ กินได้ในทันที หรือจะเป็นแบบสับ และแบบสไลซ์ที่สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู เริ่มวางขายที่ประเทศญี่ปุ่นในราคาซองละ 290 เยน (ประมาณ 90 บาท)

ภาพ: MUJI

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

The post อีกก้าวหนึ่งของเนื้อสัตว์ทางเลือก MUJI เปิดตัวเนื้อสัตว์จากพืชที่สามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้ และแกะกินได้ทันที appeared first on THE STANDARD.

Financial Times รายงานว่า Unilever ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ของโลก ตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายประจำปีของผลิตภัณฑ์เนื้อที่ทำจากพืช (Plant-Based Meat) และนมจากพีช เป็น 1 พันล้านยูโร หรือราว 3.6 หมื่นล้านบาท ภายใน 5-7 ปี ตัวเลขดังกล่าวนับว่าก้าวกระโดดอย่างมากเมื่อเทียบกับยอดขาย 200 ล้านยูโร หรือ 7.2 พันล้านบาทที่ Unilever ตั้งไว้ภายในปีนี้

Hanneke Faber ประธานฝ่ายอาหารของ Unilever ซึ่งสร้างยอดขายได้ 1.93 หมื่นล้านยูโร หรือ 6.9 แสนล้านบาท ในปี 2019 ระบุว่า Unilever จะให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ เช่น ไอศกรีมที่ปราศจากนมและมายองเนส ตลอดจนอาหารทดแทนเนื้อสัตว์จากถั่วเหลืองและสาหร่าย

“ฉันคิดว่าเราอยู่ในช่วงเริ่มต้นสำหรับผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งการเติบโตของตลาดยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับตลาดเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมโดยรวม” Faber กล่าว พร้อมกับเสริมว่า ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนใหญ่มีสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ Plant-Based ราว 5% แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตไปถึง 50% 

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมประเมินว่า เมื่อยักษ์ใหญ่ข้ามชาติลงมาเล่นในตลาดด้วยกำลังการผลิตและการจัดจำหน่าย อาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์จากพืชมีราคาถูกลง

ปัจจุบันผู้ผลิตอาหารจากพืชได้ต่อสู้เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดในซูเปอร์มาร์เก็ต และผ่านการผูกสัมพันธ์กับร้านอาหารและเครือข่ายฟาสต์ฟู้ด โดย Burger King เป็นพันธมิตรกับ Impossible Foods ในสหรัฐอเมริกา ขณะที่ Beyond Meat กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับ McDonald’s ในสหรัฐฯ สำหรับแพลตฟอร์ม McPlant ส่วน Nestlé ได้ป้อนวัตถุดิบสำหรับเบอร์เกอร์จากพืชให้แก่ McDonald’s ในเยอรมนี

สำหรับ Unilever นั้นเปิดกว้างสำหรับการเข้าซื้อกิจการ แต่มุ่งเน้นไปที่การเติบโตแบบออร์แกนิกเป็นหลัก โดยให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์, ไอศกรีมและมายองเนสที่ปราศจากนม แทนที่จะเป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนนม เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดย Danone ซึ่งเป็นคู่แข่งรายใหญ่

มีการประเมินว่า อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืชทั่วโลกจะมีมูลค่า 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6.3 แสนล้านบาทในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 13% ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ทดแทนนมจะสูงถึง 1.69 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 5.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้วตามรายงานของ Euromonitor

การบริโภคทางเลือกดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 จากข้อมูลของ Nielsen ระบุว่า ยอดขายผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น 61.5% ในสหราชอาณาจักร เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 140% ในสหรัฐฯ

กระนั้นหุ้นของ Beyond Meat ได้ลดลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากรายงานยอดขายในไตรมาสสามที่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้มาก เนื้องจากผู้บริโภคลดการซื้อ หลังตุนสินค้าในช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโควิด-19 ในขณะที่ร้านอาหารและเครือข่ายฟาสต์ฟู้ดยังคงประสบปัญหาอยู่

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง: 

• https://www.ft.com/content/0a1e5e3d-a34d-44bb-a350-75f3e8700673

The post เอาจริง Unilever วาดฝันยอดขาย 3.6 หมื่นล้าน จากผลิตภัณฑ์ Plant-Based ภายในปี 2027 appeared first on THE STANDARD.

‘Plant-based’ หรือเนื้อสังเคราะห์ที่ทำจากพืช เป็นอีกหนึ่งในเทรนด์วัตถุดิบยอดนิยมของอุตสาหกรรมอาหารในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเราก็เริ่มได้เห็นแบรนด์หรือเชนร้านอาหาร ร้านกาแฟระดับโลกหลายเจ้าที่ทำตลาดในประเทศไทยเริ่มเปิดตลาดด้วยการหยอดเมนูอาหารใหม่ๆ ที่มีส่วนผสมหลักเป็น Plant-based แล้ว เพื่อเพิ่มสีสันในตลาดและมอบทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่รักสุขภาพ รณรงค์งดทานเนื้อสัตว์ (ไม่สนับสนุนการปศุสัตว์)

ล่าสุด McDonald’s (MCD) แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาประกาศแล้วว่าพวกเขาเตรียมจะทดสอบเมนูเบอร์เกอร์เนื้อจากพืชหรือ ‘McPlant’ เป็นวัตถุดิบหลักในช่วงปี 2021 ที่จะถึงนี้เฉพาะในบางตลาดทั่วโลก โดยตั้งเป้าว่าในอนาคตจะเปิดตัวเมนูเนื้อจากพืชอื่นๆ ตามมาอีกด้วย เช่น ไก่ทอด หรือแซนด์วิช

เอียน บอร์เดน ประธานบริหาร McDonald’s International ได้ออกมาเปิดเผยด้วยตัวเองในระหว่างการประชุมกับเหล่านักลงทุนว่า “เราได้รังสรรค์เบอร์เกอร์รสเลิศ ซึ่งจะเป็นเมนูแรกในแพลตฟอร์มที่ทำจากพืชหรือ McPlant ของเรา

“โดย McPlant ถือเป็นแพลตฟอร์มเนื้อจากพืชที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเอ็กซ์คลูซีฟโดย McDonald’s และเพื่อ McDonald’s และในอนาคต McPlant ก็จะเปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์เมนูอาหารใหม่ๆ ที่ใช้เนื้อจากพืชเป็นวัตถุดิบ เช่น เบอร์เกอร์ใหม่ๆ, เมนูไก่ทอด และแซนด์วิชที่ทานในมื้อเช้า”

เว็บไซต์ McDonald’s ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ถึงแม้ปัจจุบันจะมีเบอร์เกอร์ที่ใช้เนื้อจาก Plant-based เป็นจำนวนมากในท้องตลาด แต่ McPlant จะยังคงรักษารสชาติเบอร์เกอร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของ McDonald’s ได้เช่นเดิม ให้ความรู้สึกถึงรสสัมผัสที่ชุ่มฉ่ำของเนื้อ (Juicy) ยามที่เราได้กัดเนื้อของมันเข้าปาก

ทั้งนี้ McDonald’s และโฆษกของบริษัทยังไม่ได้เปิดเผยแต่อย่างใดว่าพวกเขาจะใช้เนื้อจากพืชจากซัพพลายเออร์เจ้าใดมาเป็นวัตถุดิบหลัก โดยก่อนหน้านี้ย้อนกลับไปในช่วงเดือนกันยายน 2019 McDonald’s ก็เคยทดสอบเมนูเบอร์เกอร์ P.L.T. (Plant Lettuce Tomato) ที่ใช้เนื้อจากพืชเฉพาะบางสาขาของพวกเขาในรัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดามาแล้ว ซึ่งในตอนนั้นพวกเขาเลือกใช้วัตถุดิบหลักจากบริษัทผู้พัฒนา Plant-based ชื่อดังอย่าง ‘Beyond Meat’ (BYND) ก่อนจะยุติการทดสอบดังกล่าวในช่วงเมษายนที่ผ่านมา

โดย คริส เคมป์ซินสกี ซีอีโอ McDonald’s ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า แบรนด์ของพวกเขามีความสัมพันธ์อันดีกับ Beyond Meat จากการรุกทดสอบเมนูเบอร์เกอร์เนื้อจากพืชในตลาดแคนาดาร่วมกัน แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าพวกเขาจะใช้ซัพพลายเออร์เจ้าใดมาร่วมรังสรรค์เมนูเบอร์เกอร์เนื้อจากพืช McPlant “เรายังไม่ได้ตัดสินใจว่าเราจะใช้ซัพพลายเออร์เจ้าไหนมาช่วยเปิดตัวเมนูเบอร์เกอร์เนื้อจากพืชทั่วโลก ผมเลยไม่อยากออกความเห็นใดๆ ในตอนนี้”

ด้าน Beyond Meat ได้ออกมาเปิดเผยด้วยตัวเองในช่วงวันเดียวกันว่า พวกเขาจะเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ที่ป้อนวัตถุดิบหลักส่งให้กับไลน์อาหาร McPlant ของ McDonald’s ด้วย ส่งผลให้หุ้นของ Beyond Meat ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงเที่ยงของวันสอดรับข่าวดีดังกล่าวที่ 4% (เปิดตลาดที่ -6% เนื่องจากความผันผวนจากการประกาศข่าววัคซีนโควิด-19 โดย Pfizer) ก่อนจะปิดตลาดด้วยราคา 150.50 ดอลลาร์สหรัฐ (-4.05%)                      

โดยนักวิเคราะห์มองว่า สาเหตุที่ McDonald’s เลือกที่จะยังไม่ประกาศรายชื่อของพาร์ตเนอร์และซัพพลายเออร์ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของไลน์อัพเมนูอาหาร McPlant นั้น เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการให้นักลงทุนถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปที่หน่วยงานหรือบริษัทอื่นๆ ในช่วงที่พวกเขาจัดวัน Investor Day ของตัวเองเพื่อประกาศข่าวดีต่างๆ ของบริษัทออกมา

ปัจจุบันยักษ์ใหญ่ในธุรกิจร้านอาหารอื่นๆ ต่างกระโดดเข้ามาเสิร์ฟเมนูที่ทำจากพืชกันถ้วนหน้า ทั้งคู่ปรับรายสำคัญอย่าง Burger King ที่เริ่มวางจำหน่าย Impossible Whopper ไปตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว (ร่วมกับ Impossible Foods) รวมไปถึง Starbucks, Carl’s Jr., Del Taco, และ Dunkin’ 

แต่การเดินเกมของ McDonald’s ในครั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าพวกเขากำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดโดยผู้เล่นในสงครามฟาสต์ฟู้ดด้วยกัน ตลอดจนผู้ผลิตโปรตีนจากพืช เนื่องจาก McDonald’s ถือเป็นยักษ์ใหญ่ในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารที่ยังไม่มีร้านหรือสาขาใดที่ขายเบอร์เกอร์เนื้อจากพืชเป็นเมนูแบบถาวร

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน McDonald’s คงพึ่งพาผลิตภัณฑ์เรือธงของตน เช่น บิ๊กแมค, แมคนักเก็ต และเฟรนช์ฟรายส์ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 70% ของยอดขายในตลาดหลัก

McDonald’s ยังตั้งเป้าหมายที่จะให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์จากไก่ ซึ่งมีการเติบโตเร็วกว่าตลาดผลิตภัณฑ์เนื้อวัว หลังจากความสำเร็จของนักเก็ตรสเผ็ดในสหรัฐอเมริกาซึ่งช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างชัดเจนนั้น McDonald’s มีแผนที่จะเปิดตัวแซนด์วิชไก่กรอบในตลาดอเมริกาในช่วงปี 2021 หลังจากเห็นความสำเร็จของ Chick-fil-A

ขณะเดียวกันเพื่อกระตุ้นยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากช่องทางออนไลน์ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด McDonald’s ยังเตรียมจะทดสอบแพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่และโปรแกรม Loyalty ใหม่ ตลอดจนสร้างโมเดลร้านแบบไดร์ฟทรูขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะมีช่องรับสินค้าสำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อล่วงหน้าทางออนไลน์โดยเฉพาะ 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

• https://www.cnbc.com/2020/11/09/mcdonalds-mcplant-news-spooked-beyond-meat-investors-analyst-says.html
• https://www.cnbc.com/2020/11/09/mcdonalds-to-test-mcplant-which-includes-its-own-meat-free-burger-next-year-beyond-meat-shares-fall.html 
• https://www.engadget.com/mcdonalds-plant-based-burger-meatless-mcplant-171734231.html 
• https://www.usatoday.com/story/money/food/2020/11/09/mcplant-mcdonalds-plant-based-burger-crispy-chicken-sandwich/6187977002/ 
• https://corporate.mcdonalds.com/corpmcd/en-us/our-stories/article/ourstories.menu-items.html 
• https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-11-09/mcdonald-s-develop-its-own-plant-based-meat-in-blow-to-beyond?sref=CVqPBMVg 
• https://edition.cnn.com/2020/11/09/business/mcdonalds-chicken-sandwich-delivery/index.html 
• https://www.reuters.com/article/us-mcdonalds-food-idUSKBN27P2G4 

The post ฟาสต์ฟู้ดไร้เนื้อสัตว์! McDonald’s เตรียมทดสอบเมนูเบอร์เกอร์เนื้อจากพืช ‘McPlant’ ทั่วโลกปีหน้า appeared first on THE STANDARD.

เมนูยอดฮิตตลอดกาลของ IKEA คงไม่พ้น ‘สวีดิชมีตบอล’ ลูกชิ้นเนื้อสไตล์สวีดิชราดครีมซอส เสิร์ฟพร้อมมันบดและลินกอนเบอร์รีสำหรับกินเคียงกัน ไม่ว่าจะไปเยี่ยมเยือน IKEA กี่ครั้งก็ต้องสั่งเสมอ เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่หลายคนตกหลุมรัก และล่าสุด IKEA กำลังทดลองทำ ‘แพลนต์บอล’ หรือมีตบอลที่ใช้เนื้อสัตว์ Plant-Based​ ที่จะไม่ได้แค่มีหน้าตาเหมือนมีตบอลทุกประการ แต่มีกลิ่นและรสชาติเหมือนกันด้วย

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ IKEA หันมาทำเมนูมังสวิรัติ​ ก่อนหน้านี้ IKEA ก็เคยทำมีตบอลมังสวิรัติ​ที่ทำจากผักเช่นกัน แต่เมนูใหม่ล่าสุดในครอบครัวมีตบอลอย่างแพลนต์บอลจะมีความแตกต่างออกไป เพราะจะเลียนแบบกลิ่นและรสของมีตบอลมาให้ได้มากที่สุด แม้จะมียักษ์ใหญ่ของวงการเนื้อสัตว์ Plant-Based​ อย่าง Beyond Meat หรือ Impossible Foods แต่ IKEA ยืนยันที่จะทำเนื้อสัตว์ Plant-Based ขึ้นมาด้วยตัวเอง แพลนต์บอลเหล่านี้ทำขึ้นจากโปรตีนถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต มันฝรั่ง หอมใหญ่​ และแอปเปิ้ล เสิร์ฟคู่กับมันบด ลินกอนเบอร์รี ผัก และครีมซอส นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้วยังสามารถลดปริมาณ​ก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตได้ถึง 4%

แพลนต์บอลจะเริ่มเสิร์ฟที่ IKEA ในสหรัฐอเมริกา​ช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ ส่วน IKEA ในประเทศไทย อาจจะต้องรอกันสักหน่อย

ภาพ: Shutterstock

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

The post IKEA เตรียมออก ‘แพลนต์บอล’ สวีดิชมีตบอลที่ทำจากพืช แต่รสชาติคงเดิม! appeared first on THE STANDARD.

‘หมูกรอบ’ ชื่อเมนูอาหารที่พูดถึงทีไรเป็นต้องน้ำลายไหล หนังหมูกรอบๆ สีเหลืองทอง ชั้นไขมัน และเนื้อหมูแน่นๆ ใครบ้างที่เห็นแล้วจะอดใจไหว แต่ความสุขของการกินหมูกรอบนั้นต้องแลกมาด้วยความกังวลใจในเรื่องสุขภาพและขนาดรอบเอว ความฝันของคนรักหมูกรอบหลายคนเลยหนีไม่พ้นการกินหมูกรอบโดยไม่อ้วน และความฝันนั้นกำลังจะเป็นจริงได้ในเร็วๆ นี้!

‘หมูกรอบจำแลง’ ชื่อผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของ ‘Meat Avatar’ เป็นหมูกรอบ Plant-Based ที่ทำจากพืชล้วนๆ แต่ยังไม่เสียรสชาติจริงของหมูกรอบไป เรียกได้ว่ารูปลักษณ์ รสชาติ กลิ่น สี เนื้อสัมผัส ใกล้เคียงกับของจริงจนแยกแทบไม่ออก ไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดนี้ทำมาจากพืช นอกจากจะลดแคลอรีลง และเพิ่มคุณประโยชน์มากขึ้น กระบวนการการผลิตยังใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย

ถ้าใครสนใจอาจจะต้องอดใจรอเล็กน้อย เพราะทาง Meat Avatar จะเริ่มทําการผลิตในไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 และจะเริ่มจําหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ต และตลาดสดทั่วไปในไม่ช้า แฟนๆ หมูกรอบเตรียมตัววิ่งไปจับจองได้เลย!

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

The post ‘หมูกรอบจำแลง’ หมูกรอบ Plant-Based จากโลกอนาคต สานฝันคนอยากกินหมูกรอบแต่กลัวอ้วน appeared first on THE STANDARD.