Oasis – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 09 Dec 2024 10:36:31 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 “เราแก่เกินไปแล้ว” Noel Gallagher คิดว่าวง Oasis คงจะไม่ทำตัวหลุดโลกเหมือนสมัยก่อน https://thestandard.co/noel-gallagher-oasis-behavior/ Mon, 09 Dec 2024 10:36:31 +0000 https://thestandard.co/?p=1017731 Noel Gallagher

Noel Gallagher ตอบคำถามของผู้ร่วมงานนิทรรศการ Zoë Law: […]

The post “เราแก่เกินไปแล้ว” Noel Gallagher คิดว่าวง Oasis คงจะไม่ทำตัวหลุดโลกเหมือนสมัยก่อน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Noel Gallagher

Noel Gallagher ตอบคำถามของผู้ร่วมงานนิทรรศการ Zoë Law: Legends’ ณ กรุงลอนดอน ที่ว่าพวกเขาจะกลับมาทำตัวหลุดโลกเหมือนกับที่ผ่านมาหรือเปล่า ซึ่งเขาตอบว่า แม้วง Oasis จะกลับมารวมวงกันแล้ว แต่เขาคิดว่าวงคงจะไม่ทำตัวหลุดโลกเหมือนกับที่ทำในช่วงยุค 90 เพราะตอนนี้พวกเขาแต่ละคนก็อายุมากแล้ว

 

เขากล่าวว่า “ไม่หรอก เราคงจะไม่ทำตัวห้าวหลุดโลกเหมือนกับที่ผ่านมา เพราะตอนนี้พวกเราจะอายุ 50 ปีกันแล้ว เราแก่เกินไปแล้ว แก่เกินกว่าที่จะต้องมาสนใจเรื่องไร้สาระอะไรทั้งนั้น ดังนั้นจะไม่มีเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งหรือต่อสู้ใดๆ เพื่อถือเป็นเกียรติให้กับวงเรา”

 

Oasis มีกำหนดการทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกในปีหน้ากับคอนเสิร์ต Oasis Live’ 25 โดยพวกเขาจะเริ่มต้นแสดงโชว์ที่สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ตามด้วยอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย สำหรับเอเชียนั้นมีแค่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น โดยแต่ละที่ก็จะมีวงเปิดคอนเสิร์ตที่แตกต่างกันไป เช่น วง Cage The Elephant, Richard Ashcroft จาก The Verve และวง Cast

 

ทั้งนี้ สำหรับอัลบั้มใหม่พวกเขายังไม่คอนเฟิร์มว่าจะมีการทำเพลงใหม่หรือไม่ แต่พวกเขายืนยันว่าในปีหน้านี้พวกเขาจะยังคงไม่ไปเล่นเทศกาลดนตรีใดๆ ด้วยเช่นกัน

 

ภาพ: Simon Ritter / Redferns

อ้างอิง:

The post “เราแก่เกินไปแล้ว” Noel Gallagher คิดว่าวง Oasis คงจะไม่ทำตัวหลุดโลกเหมือนสมัยก่อน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Oasis เดชเลือดข้นคนผยองสองพี่น้อง Gallagher ตอนที่ 2: (What’s the story) Sibling Rivalry? https://thestandard.co/oasis-the-gallagher-brothers-2/ Fri, 06 Dec 2024 12:17:23 +0000 https://thestandard.co/?p=1016787

(What’s the story) Sibling Rivalry? ภาคต่อของ 5 เรื่องม […]

The post Oasis เดชเลือดข้นคนผยองสองพี่น้อง Gallagher ตอนที่ 2: (What’s the story) Sibling Rivalry? appeared first on THE STANDARD.

]]>

(Whats the story) Sibling Rivalry? ภาคต่อของ 5 เรื่องมันๆ ที่สองพี่น้องตีกันจนเกิดประวัติศาสตร์

 

เอาละ นี่คือภาคต่อจากบทความที่แล้วที่เล่าเหตุการณ์สงครามภายในตระกูล Gallagher แห่งคณะ Oasis คราวก่อนได้เล่าไปแล้ว 1 เรื่องเป็นน้ำจิ้ม เพื่อความต่อเนื่องในอรรถรสดุจภูษาไร้รอยต่อ เรามาเปิดพงศาวดารหน้าต่อไปกันเลยดีกว่า

 

2. ศึกทำอัลบั้มที่ 2 เลือดนองและกระบองไม้คริกเก็ต (1995)

 

ในช่วงที่ Oasis กำลังทะยานสู่ขาขึ้น ทางวงกำลังม่วนจอยกับการสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการลงมือทำอัลบั้มที่ 2 ต่อทันทีในปี 1995 Noel เล่าว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขารู้สึกว่าตัวเองเขียนเพลงอะไรออกมาก็ฟังดี ถูกที่ถูกเวลาไปหมด สมาชิกวงทั้งหมด และ Owen Morris โปรดิวเซอร์คู่บุญ จึงตัดสินใจยกพวกกันไปบันทึกเสียงกันที่ Rockfield Studio ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตาในแคว้นเวลส์ สถานที่ที่หลากหลายศิลปินเคยใช้ในการสร้างบทเพลงในตำนานมาแล้ว โดยเฉพาะเพลง Bohemian Rhapsody โดยวง Queen (หากใครได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Bohemian Rhapsody มาแล้วก็จะได้เห็นบรรยากาศของสตูดิโอแห่งนี้ เพราะถ่ายทำจากสถานที่จริง)

 

การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นจากการที่ Noel ตระเตรียมวัตถุดิบมาอย่างดี พร้อมปรุงสดๆ ในทุกวัน ส่วน Liam นั้นชอบออกไปดื่มในผับข้างนอกเสมอในเวลาที่เขาว่างจากการบันทึกเสียง ซึ่งสำหรับนักร้องนำที่ทำหน้าที่ร้องอย่างเดียวแบบ Liam นั้นก็มีเวลาว่างมากเสียด้วยสิ มันก็น่าโล่งอกไปหนึ่งเปลาะ เพราะทำให้โอกาสที่จะปะทะกันระหว่างสองพี่น้องนั้นมีน้อยลง เพราะ Noel มีหน้าที่ขลุกอยู่ในสตูดิโอตลอดเวลา

 

จนกระทั่งวันหนึ่ง Liam ตัวแสบพากลุ่มเพื่อนใหม่ ใครก็ไม่รู้ที่เมาด้วยกันในผับกลับมาที่สตูดิโอด้วยหลายสิบคน ทำให้บรรยากาศการทำงานอันศักดิ์สิทธิ์ของ Noel พังทลายลงไปจากการที่มีคนแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยน ยั้วเยี้ย และยุ่มย่ามกับอุปกรณ์ดนตรีในสตูดิโอ ซึ่งแน่นอนว่า Noel หัวเสียมากกับเหตุการณ์นี้ จนเกิดสงครามปะทะกันครั้งใหญ่ที่ทำให้ Rockfield Studio ในตำนานกลายเป็นซากเละตุ้มเป๊ะ เครื่องไม้เครื่องมือในห้องอัดพังระเนระนาด และ Noel ไล่พวกขี้เมาแปลกหน้าออกไปทั้งหมด จากปากคำของ Owen บอกว่า “สภาพห้องเหลือแต่อุปกรณ์ไฟฟ้ากะพริบติดๆ ดับๆ กับสายไฟระโยงระยาง และมีเสียงเปรี๊ยะๆ จากไฟรั่วเป็นระยะๆ เจ้าสองพี่น้องคู่นี้มันใส่กันอย่างหนักราวกับจะฆ่ากันจริงๆ”

 

 

ในคืนนั้นเอง Noel คว้าไม้คริกเก็ตอาญาสิทธิ์ไล่ฟาด Liam เข้าที่กบาลไปหลายป้าบ ราวกับท้าวสหัสเดชะสองพันกรควงกระบองจัดทัพไปสมทบศึกกรุงลงกา และในจังหวะอลหม่านนั้น Noel ไม่รอช้าที่จะกระโดดขึ้นรถและคว้า Alan White มือกลองคนใหม่ซิงๆ ของวงขึ้นรถมาด้วย พร้อมกับบึ่งรถหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

 

ทันใดนั้น Liam โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ วิ่งตามหลังและขว้างถังขยะไปกระแทกกระโปรงหลังรถดัง “แคร้งส์” (ส์ คือเสียงฝาถังที่ไหลไปเฉี่ยวกระจกรถ) แต่ก็ไม่สามารถหยุดแรงกระทืบคันเร่งของ Noel ที่มุ่งหน้าไปสงบสติอารมณ์ที่กรุงลอนดอน ส่วนคนที่งงสุดเห็นจะเป็น Alan ที่เพิ่งเห็นความรุนแรงขนาดนี้ต่อหน้าต่อตาเป็นครั้งแรก และเอ่ยปากถาม Noel ระหว่างทางว่า “นี่คือมันจบแล้วใช่ไหม วงเราแตกแล้วใช่ไหมเนี่ย นี่ผมเพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกวงได้ยังไม่ถึงเดือนเลยนะ” Noel ยักไหล่แล้วตอบง่ายๆ ว่า “ไม่หรอก พวกเราก็เป็นกันแบบนี้แหละ” คำตอบนี้ทำให้ Alan ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก นี่มันวงบ้าอะไรวะเนี่ย นี่คือเรื่องปกติของวงดนตรีเหรอ

 

 

และแล้วหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ Noel ก็กลับไปที่สตูดิโอเพื่อทำอัลบั้มต่อจนเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นอัลบั้ม (What’s The Story) Morning Glory? ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จที่สุดตลอดกาลของ Oasis และมีเพลงที่กลายเป็นเพลงชาติสากลแห่งยุค 90 อย่าง Wonderwall ทำให้สองพี่น้องได้รับสิทธิ์ในการปากสุนัขต่อได้อย่างเต็มภาคภูมิแทบจะตลอดชีพ

 

ส่วนไม้คริกเก็ตในตำนานอันนั้น Noel ตั้งใจจะทิ้งมันไป แต่ก็ถูกนักเขียนสายดนตรีอย่าง Paolo Hewitt ผู้เขียนหนังสืออัตชีวประวัติของวง Oasis ขอเก็บไว้เป็นที่ระทึก…เอ๊ย ระลึก! หลังจากนั้นไม้คริกเก็ตอาญาสิทธิ์นี้ก็ได้ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในปี 2011 บนเว็บไซต์ประมูลชื่อดังอย่าง eBay ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งมีการออกใบประกาศนียบัตรยืนยันความเป็นของแท้โดย Paulo เป็นผู้เซ็นชื่อรับรองเองเสียด้วย แต่ไม่มีข้อมูลว่าการประมูลครั้งนี้จบด้วยราคาสุดท้ายที่มูลค่าเท่าไร

 

แล้วใครชนะ? ก็ชนะทั้งคู่แหละ เพราะถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง ไม่แน่ว่าสงครามครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในวันนั้นอาจมีส่วนเสี้ยวที่ส่งผลให้อัลบั้ม (What’s The Story) Morning Glory? มีความเข้มข้น กลมกล่อม พร้อมขับกล่อมมหาชนได้อย่างลงตัวก็เป็นได้ นี่แหละความงดงามระหว่างการเดินทางในแบบฉบับของพี่น้อง Gallagher (เหรอ?)

 

 

3. MTV Unplugged – ฟักทองของ Liam (1996)

 

ในยุค 90 เป็นช่วงเวลาที่ MTV เป็นสื่อดนตรีหลักยักษ์ใหญ่ของโลก รายการสำคัญที่เป็นสุดยอดปรารถนาของเหล่าศิลปินที่พร้อมจะพาตัวขึ้นไปแสดงให้ได้ก็คือ MTV Unplugged เพราะเป็นเสมือนเครื่องบ่งชี้ความยิ่งใหญ่ของศิลปินได้อย่างกลายๆ และมีบางศิลปินที่มีเพลงในเวอร์ชัน MTV Unplugged ที่โด่งดังถล่มทลายขึ้นมา เช่น Mariah Carey ที่เคยนำเพลง I’ll Be There ของวง Jackson 5 มาคัฟเวอร์ในโชว์นี้ และประสบความสำเร็จจนกลายเป็นอีกเพลงประจำ Songlist ตลอดกาลของ Mariah และเพลงเศร้าสุดซึ้งอย่าง Tears in heaven ของ Eric Clapton ในเวอร์ชัน MTV Unplugged ก็เคยโด่งดังบวกคุณภาพคับแก้วจนกวาดรางวัลมาแล้วหลากสาขาจากหลายสถาบัน กระทั่งวงกรันจ์ในตำนานอย่าง Nirvana ก็เคยสร้างปรากฏการณ์ประวัติศาสตร์กับโชว์ที่สมบูรณ์แบบในรายการนี้มาแล้ว ก่อนที่ Kurt Cobain นักร้องนำจะตัดสินใจลาโลกไปไม่นานหลังจากเสร็จสิ้นโชว์นั้นได้เพียง 6 เดือน เทปบันทึกการแสดงสดครั้งนั้นยังคงเป็นที่ตราตรึงมาจนถึงทุกวันนี้

 

และในปี 1996 โอกาสนี้ก็มาถึงมือของคณะ Oasis จนได้ จากกระแสความร้อนแรงของ 2 อัลบั้มที่ออกตามกันมาแบบมือขึ้นเอามากๆ ทว่าปัญหาเริ่มส่อเค้าตั้งแต่ช่วงที่วงกำลังซักซ้อมเตรียมการแสดงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่ Liam เจ้าเก่าเจ้าเดิมกลับงอแง มาซ้อมเพียงแค่ 3 ครั้งแบบส่งเดช จนกระทั่งวันแสดงจริง Liam โผล่หน้ามาถึงงานเพียงแค่ 1 ชั่วโมงก่อนโชว์และบอกว่า “วันนี้ข้าเจ็บคอว่ะ ขอไม่ขึ้นแสดงแล้วกันนะ…” เอาจริงดิ? ง่ายๆ แบบนั้นเลยหรือ?

 

อย่างไรก็ตาม The show must go on Noel เลยตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการขึ้นมารับตำแหน่งร้องนำเองตลอดการแสดงนั้น โดยที่ Liam ตัวแสบก็ไม่ได้ไปไหนไกล นั่งดูโชว์แบบชิลๆ จากระเบียงฮอลล์ พร้อมทั้งดื่มไปสูบบุหรี่ไปแบบสบายอารมณ์เสียด้วยสิ และยังส่งเสียงโห่ล้อเลียน Noel อยู่เป็นระยะๆ โดยที่แทบจะไม่มีแววของอาการเจ็บคออย่างที่กล่าวอ้างไว้เลย จนกระทั่งจบการแสดง ทาง MTV ขอให้ทางวงเล่นซ้ำบางเพลง เพื่อความสมบูรณ์แบบของการบันทึกเสียง คราวนี้ Liam ดันบ้ายอ อยากขึ้นเวทีมาร้องบ้างหลังจากได้รับเสียงเชียร์จากแฟนเพลงที่อยู่ในฮอลล์ แต่คราวนี้พี่ Noel กลับบอกให้บัก Liam ไสหัวไปซะ (F**k off) Liam เลยงอนกลับบ้านไป สรุปว่าการแสดงทั้งหมดในคืนนั้นเป็นวง Oasis ที่ไม่มี Liam

 

 

MTV Unplugged ครั้งนี้เลยกลายเป็นของหาดูยาก ต่างกับครั้งอื่นๆ ที่มีการลงทุนทำเทปบันทึกการแสดงสดออกขายเป็นกิจจะลักษณะอยู่เสมอทั้งในรูปแบบวิดีโอ เทป หรือซีดี ด้วยมาตรฐานโปรดักชันและการแสดงที่มีความเป็นมืออาชีพของศิลปินทั้งหมดที่เคยสร้างไว้เป็นที่ประจักษ์ ต่างกับโชว์นี้ของ Oasis ที่ได้แค่ความสะใจส่วนตัวของ Liam แต่สร้างความผิดหวังให้กับแฟนเพลงเป็นอย่างมาก

 

ศึกนี้ใครชนะ? ก็ต้องเป็น Liam สิครับ เพราะเขาไม่ได้แคร์หรือสำนึกอะไรกับผลกระทบที่เกิดขึ้นเลยสักนิด แต่กลับเป็นเครื่องมือในการบีบนวดบริหารอัตตาให้คลุ้งกลิ่นอโรมาแบบ Rock ‘n’ Roll Star ให้สดชื่นขึ้นเล่นๆ แค่นั้นเอง

 

แต่ศึกนี้นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ Liam แสดงพฤติกรรมทำนองเดียวกันนี้ต่อมาอีกเรื่อยๆ โดยเริ่มจากการไม่ไปร่วมทัวร์อเมริกากับวงเสียดื้อๆ และเป็นแบบนี้ไปอีกหลายครั้ง จนเกิดความตึงเครียดสะสมขึ้นระหว่างสองพี่น้อง แต่คนที่ซวยที่สุดเห็นจะเป็นแฟนเพลงที่อุตส่าห์ซื้อตั๋วมารอดูการแสดงแต่ละครั้ง ต้องมานั่งคอยลุ้นว่าจะได้ดู Oasis แบบครบวงหรือไม่ หรือที่เลวร้ายที่สุดคือบางโชว์ต้องถูกยกเลิกไปเลยก็มี

 

 

4. One Night in Paris – จบแล้ว รักนี้ที่ทนมา (2009)

 

ระหว่างเส้นทางของ Oasis ตลอดมาเต็มไปด้วยความขัดแย้งแบบขี้หมูราขี้หมาแห้ง แต่ทุกครั้งก็มากพอที่จะทำให้ทั้ง Noel และ Liam บันดาลโทสะใส่กันไม่ต่างจากเด็กน้อย แทบทุกเหตุการณ์มักเป็นเรื่องส่วนตัวแทบทั้งสิ้น Liam ยังเคยหยอกแรงๆ ถึงลูกสาวของ Noel ว่า ตกลงแล้วเด็กคนนี้เป็นลูกของ Noel จริงๆ หรือเปล่า ซึ่งก็ทำ Noel โกรธมากถึงขั้นออกจากวงไปพักหนึ่ง และสภาพวงก็วนอยู่ในสถานะท็อกซิกเช่นนี้ตลอดมากับแต่ละเรื่องแต่ละสิ่งที่หยิบยกมาเห่าไฟใส่กัน

 

อย่างไรก็ตาม วงก็ยังคงลากถูลู่ถูกังต่อเนื่องกันมาได้สิริรวม 5 อัลบั้ม มีการสับเปลี่ยนสมาชิกวงอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งสาเหตุก็เป็นที่คาดเดากันต่างๆ นานา พุ่งประเด็นไปที่ความเครียดที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษขนาดนี้ จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งในเดือนสิงหาคม 2009 ก่อนเริ่มการแสดงที่เทศกาลดนตรี Rock en Seine ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส Noel กับ Liam ทะเลาะกันอย่างรุนแรง โดยเริ่มจากเรื่องเล็กๆ ที่ Noel ไม่พอใจที่พักหลังๆ Liam ชอบพูดโปรโมตแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองในระหว่างแสดง แต่สถานการณ์ก็ยกระดับความซีเรียสขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อภูเขาไฟ 2 ลูกที่เดือดปุดๆ สะสมกันมายาวนานถึง 18 ปีระเบิดใส่กันในค่ำคืนนั้นเอง

 

 

Liam คว้ากีตาร์ขึ้นมาเหวี่ยงราวกับขวานรามสูร แทบจะฟาดหน้าของ Noel aka นางเมขลาจำเป็นไปอย่างเฉียดฉิว จบลงด้วยการพังกีตาร์ตัวโปรดของรักของหวงที่สุดของ Noel จนกลายเป็นเศษไม้ ทำให้ Noel เหลือทน ตัดสินใจยุติบทบาทของตนเองในฐานะสมาชิกวง Oasis ทันที ทุกงานคอนเสิร์ตนับจากวันนั้นถูกยกเลิกไปทั้งหมด ทั้งที่เหลืออีกเพียงไม่กี่โชว์ก็จะถึงเวลาพักผ่อนยาวๆ ของวงแล้ว ซึ่ง ณ ขณะนั้นผู้คนรอบข้างต่างก็เคยคาดหวังไว้ว่ามันจะเป็นจังหวะที่ได้คลายสถานการณ์ตึงเครียดภายในวงแล้วทุกอย่างจะกลับมาดีขึ้น ทว่าก็ไปไม่ถึงวันนั้นอย่างน่าเศร้า

 

เหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น ทั้งสื่อมวลชนและแฟนเพลงคาดคะเนว่าคงจะเป็นเพียงสิ่งชั่วครั้งชั่วคราวแบบที่เคยเป็นมาตลอดระหว่างสองพี่น้องผยองเดช แต่ที่ไหนได้ ‘คราวนี้คือของจริง’ Oasis ไม่ได้กลับมาเล่นดนตรีด้วยกันอีกเลย โดยที่ทั้ง Noel และ Liam แยกทางออกไปเดินเดี่ยวไม่เกี่ยวกันตามทางของตนเอง โดยที่ยังคอยจิกกัดกันผ่านสื่อและโซเชียลมีเดียอย่างไม่แผ่วมายาวนานถึง 15 ปี จนเป็นที่สังเวชของเด็กๆ รุ่นใหม่ที่สงสัยว่าสองลุงนี่จะทะเลาะอะไรกันนักหนา มุกจิกกัดก็ไม่ขำคมเข้ากับยุคสมัยเอาเสียเลย

 

ใครชนะ ใครแพ้ล่ะ ทีนี้ชัดเจนว่าแพ้กันทั้งคู่ แม้ว่าผลงานเดี่ยวของทั้งคู่หลังจากวงล่มสลายลงไปเรียกได้ว่าอยู่ในระดับ “อืม…ก็ดีนะ” แต่ก็เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่มีผลงานเดี่ยวชิ้นใดของทั้งสองคนจะสามารถโค่นล้มความยิ่งใหญ่สมัยตอนรวมวงอยู่ด้วยกันได้เลย และในโชว์เดี่ยวของทั้ง Noel และ Liam ต่างก็ต้องอาศัยบุญเก่า เอาบทเพลงของ Oasis มาเป็นตัวชูโรงใน Songlist เสมอมา

 

 

5. Aftermath – สงครามเย็นในพิธีปิดงานโอลิมปิก ณ กรุงลอนดอน (2012)

 

ในปี 2012 งานแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแวะเวียนมาบรรจบที่ประเทศอังกฤษรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ซึ่งแน่นอนว่านี่คือโอกาสที่จะได้แสดงออกถึงความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมป๊อปแบบอังกฤษแท้ๆ ที่มีมนตร์เสน่ห์ยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก ตั้งแต่พิธีเปิดที่มีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 มาร่วมสนุกกับกิจกรรมกระโดดร่มลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ พร้อมกับพยัคฆ์ร้าย 007 เจมส์ บอนด์ ซึ่งรับบทโดย Daniel Craig เพื่อมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน จนทำเอาเป็นที่ฮือฮาในความสุดของผู้จัดไปทั่วโลก เพราะฉะนั้นพิธีปิดจะสนุกน้อยกว่านี้ไปได้อย่างไร

 

แน่นอนว่าเพลง Wonderwall ได้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมป๊อปที่ Made in UK อันขาดไม่ได้เลยว่าจะต้องมีอยู่ในช่วงใดช่วงหนึ่งของการแสดงในพิธีปิดอันชื่นมื่นครั้งนั้น ซึ่งมีชื่อธีมว่า ‘A Symphony of British Music’ ว่าแต่วง Oasis แตกไปแล้วน่ะสิ งานใหญ่ขนาดนี้ขนาดวงเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง Spice Girls ที่จบกันไปแบบไม่สวยงามนักยังกลับมารวมตัวกันโชว์สปิริตอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่องานนี้โดยเฉพาะเลย

 

โอเคๆ ในวันที่อัตตายังอยู่เหนือทุกสิ่งอย่าง ทีมผู้จัดก็ต้องได้อย่างเสียอย่าง เลือกสักทางว่าใคร ซึ่งสรุปว่า Noel เป็นผู้ได้รับสิทธิ์นั้น ทว่าต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของผู้กำกับโชว์ โดยตั้งใจจะให้ Noel เล่นเพลง Wonderwall ในแบบอะคูสติก และทั้งการร้องและเล่นนั้นต้องเป็นลิปซิงก์ ใช่แล้ว ทุกอย่างต้องถูกบันทึกเสียงไว้ล่วงหน้า แล้ว Noel ก็มีหน้าที่แค่ขึ้นไปดีดกีตาร์แบบไม่มีเสียงและลิปซิงก์ให้ปากขยับตรงกับเสียงที่อัดไว้ ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ Noel ตัดสินใจไม่รับงานนี้พร้อมกับบอกว่า “จะให้มาลิปซิงก์ในสเตเดียมใหญ่ยักษ์ต่อหน้าผู้ชม 80,000 คนเหรอ ข้าเล่นสดร้องสดได้!”

 

Noel ยังถามทางทีมผู้จัดต่ออีกว่า แล้วมีศิลปินไหนอีกที่จะมาร่วมการแสดงครั้งนี้บ้าง (Noel คงเริ่มลังเลว่าถ้าไลน์อัพน่าสนใจขึ้นมาอาจเปลี่ยนใจก็ได้มั้ง) แต่คำตอบที่ได้คือ “เราบอกไม่ได้ มันเป็นความลับสุดยอด และคุณต้องเซ็นสัญญาเพื่อเก็บเป็นความลับด้วยนะ เพราะทีมงานต้องการเซอร์ไพรส์คนทั้งโลก” มันก็ฟังดูสมเหตุสมผลอยู่สำหรับฝั่งผู้จัด แต่สำหรับ Noel กลับคิดว่า “นี่คือโครงการลับสร้างระเบิดนิวเคลียร์หรืออย่างไร” การตัดสินใจที่ได้จึงกระจ่างแก่ใจ สรุปคำตอบสุดท้ายว่า “งั้นขออยู่บ้านนั่งดูถ่ายทอดสดในทีวีแล้วกัน”

 

สุดท้ายหวยก็ต้องมาออกที่ฝั่ง Liam เจ้าเก่าเจ้าเดิม พร้อมกับวง Beady Eye ที่เขาฟอร์มขึ้นมาใหม่ในช่วงนั้นกับสมาชิกที่เหลืออยู่จากสมัย Oasis

 

 

แต่เรื่องราวก็ไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้น เนื่องจากว่าด้วยลิขสิทธิ์เพลงโดยหลักสากลคือเป็นสมบัติของผู้ประพันธ์และต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ประพันธ์เท่านั้นถึงจะนำไปใช้ได้ ซึ่งสิทธิ์ขาดในเพลง Wonderwall ก็เป็นของ Noel นั่นเอง เรื่องสนุก แสบๆ เล็กๆ จึงเกิดขึ้น เมื่อเพลงนี้ต้องเรียบเรียงและบันทึกเสียงใหม่ทั้งหมด เพื่อนำมาใช้ในการแสดงในงานพิธีครั้งนี้ ทุกโน้ตต้องได้รับการอนุมัติจาก Noel ก่อนเท่านั้นถึงจะนำไปใช้งานได้

 

งานนี้ถึงแม้จะไม่ได้มีการปะทะกันโดยตรงระหว่าง Noel กับ Liam เพราะพวกเขาไม่คุยกัน แต่ Noel ก็เล่นเอาทั้งทีมหัวหมุนแบบนิ่มๆ โดยการเล่นตัว เตะถ่วงการอนุมัติให้ Liam และคณะต้องประสาทกินเล่นๆ เพราะเวอร์ชันนี้มีการใช้วงออร์เคสตราขนาดใหญ่มาร่วมบรรเลงด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยในการเตรียมการ แต่แล้วในที่สุด Noel ก็อนุมัติจนได้ในเวลาอันฉิวเฉียด คือ 2 วันก่อนการแสดงจริง เป็นการปาระเบิดอุจจาระใต้น้ำไปให้ Liam และทีมงานต้องว้าวุ่นไม่น้อย แต่ก็ผ่านพ้นไปได้แบบกลางๆ ไม่เท่เก๋ไก๋เท่าโชว์ของวง Queen Feat.Jessie J, George Michael หรือ Spice Girls ที่มาร่วมแสดงในพิธีปิดอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้

 

 

อีกที แล้วใครชนะ? – ศึกเล็กๆ ครั้งนี้ชัดเจนว่าคนที่นั่งดูการแสดงในโทรทัศน์อยู่ที่บ้านอย่างสบายใจเฉิบอย่าง Noel เป็นผู้ชนะไป ถึงแม้ผลตอบแทนจะได้แค่เพียงความสะใจและรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่มุมปาก แต่ก็เอาวะ เอาคืนแบบเก็บเล็กผสมน้อยก็ยังดี

 

และตลอดเวลา 15 ปีหลังจากวง Oasis จบลงก็ยังมีการแขวะกันไปมาผ่านสื่อออนไลน์อยู่เสมอ เรียกว่าจิกกันถี่กว่าจำนวนเพลงดีๆ ของทั้งสองพี่น้องในฐานะศิลปินเดี่ยวมารวมกันเสียอีก โดยเฉพาะ Liam ที่ชอบเล่น X เอามากๆ จนทุกคนทั้งนอกและในวงการกลายเป็นรู้สึกเฉยๆ ไปเสียแล้ว เขามูฟออนไปฟังอะไรใหม่ๆ กันหมดแล้ว เหลือเพียงคำตักเตือนแบบถอนหงอกจากเด็กๆ รุ่นใหม่ ให้สองลุงเติบโตกันได้แล้ว อย่างเช่นที่ Matty Healy แห่งวง The 1975 เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ถามจริงๆ ว่ามีใครเขาอยากไปเทศกาลดนตรีเพื่อดู Noel Gallagher’s High Flying Birds บ้าง และก็คงไม่มีใครอยากดูโชว์เดี่ยวของ Liam พอกัน ทุกคนเขาอยากดูวง Oasis แค่กลับมารวมตัวกัน ลุงๆ ก็สามารถกลับมาเป็นศิลปิน Headline ในเทศกาล Glastonbury ได้แล้ว” ก็ถูกต้องของ Matty นะ ซึ่งแน่นอน Liam ก็ไม่ปล่อยให้เด็กด่าฟรีๆ อยู่แล้ว มีการออกมาพ่นสุนัขใส่ Matty เหมือนกัน แต่จำไม่ได้แล้วว่าด่าว่าอะไรและขี้เกียจหาข้อมูลมาเขียนด้วย เพราะคำด่าสไตล์ Liam ก็ไม่พ้นแนว Body Shaming หรือวิจารณ์ผลงานคนอื่นแบบไร้ซึ่งสาระและวุฒิภาวะ ไม่ไปไหนสักที และคงไม่ไปไหนกว่านี้ได้อีกแล้ว

 

 

อย่างไรก็ตาม การประกาศกลับมารวมตัวกันเพื่อแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ภายใต้ชื่อวง Oasis เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีสมการรอคอยของชาวโลกอย่างมาก และปรากฏการณ์นี้ก็ส่งแรงกระแทกมากพอที่ทำให้ตั๋วคอนเสิร์ต Sold Out อย่างรวดเร็ว และทางวงก็สามารถประกาศกร้าวได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า Oasis จะไม่เข้าร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีใดๆ ทั้งสิ้น วงจะเล่นแต่เฉพาะงานคอนเสิร์ตใหญ่แบบเต็มรูปแบบของวงเท่านั้น เพราะฉะนั้นโอกาสนี้ก็ตั้งใจเล่นให้มันดีๆ แล้วกันนะเจ้าสองลุงพี่น้อง อย่าตีกันกลางเวทีหรือเดินลงจากเวทีไปกลางโชว์ให้เด็กๆ เขาเอือมระอาล่ะพ่อ Rock ‘n’ Roll Star

 

อ่านบทความภาคแรก: Oasis ไขความกระจ่างของเดชเลือดข้นคนผยอง สองพี่น้อง Gallagher ได้ที่: https://thestandard.co/oasis-the-gallagher-brothers/

 

อ้างอิง:

The post Oasis เดชเลือดข้นคนผยองสองพี่น้อง Gallagher ตอนที่ 2: (What’s the story) Sibling Rivalry? appeared first on THE STANDARD.

]]>
Liam Gallagher คิดว่า Oasis จะกลับมาดีเท่าเดิม และเจ๋งกว่าวงส่วนใหญ่ในยุคนี้ https://thestandard.co/liam-gallagher-oasis-comeback/ Tue, 26 Nov 2024 02:24:57 +0000 https://thestandard.co/?p=1012695

หลังจากที่ Oasis ประกาศกลับมารวมวงและจะมีทัวร์คอนเสิร์ต […]

The post Liam Gallagher คิดว่า Oasis จะกลับมาดีเท่าเดิม และเจ๋งกว่าวงส่วนใหญ่ในยุคนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

หลังจากที่ Oasis ประกาศกลับมารวมวงและจะมีทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกในปีหน้า Liam Gallagher ก็โพสต์ถึง Oasis ผ่านโซเชียลมีเดียของเขาบ่อยครั้งขึ้น รวมทั้งโพสต์ที่เขาพูดถึงสถานการณ์ที่มีคนมาถามว่า วง Oasis จะดีเหมือนเมื่อก่อนหรือไม่ ซึ่งเขาก็โต้ตอบกลับไปว่า พวกเขายังคงเป็นวงที่สุดยอดมาโดยตลอด แม้ในช่วงเวลาหนึ่งพวกเขาจะเคยมีปัญหากันก็ตาม

 

เขาโพสต์ผ่าน X ว่า “เมื่อวานมีคนถามคำถามไร้สาระว่า Oasis จะสุดยอดเหมือนเมื่อก่อนไหม เพราะเวลาวงดนตรีกลับมารวมวงกันอีกรอบ พวกเขาจะไม่ดีเท่าเมื่อก่อน ผมเลยตอบไปว่า ฟังนะเจ้าทึ่ม ถึงแม้ในวันที่วงเรามีวันแย่ๆ แต่เราก็ทำงานได้เจ๋งกว่าวงส่วนใหญ่เยอะ”

 

Oasis มีกำหนดการจะออกเวิลด์ทัวร์กับคอนเสิร์ต Oasis Live ‘25 โดยพวกเขาจะจัดคอนเสิร์ตที่สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์ อเมริกาเหนือ, ออสเตรเลีย, อเมริกาใต้ ส่วนฝั่งเอเชียก็ประกาศแล้วว่า ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะเป็นประเทศในลิสต์ทัวร์ของพวกเขา ซึ่งก็ต้องมารอติดตามกันว่าพวกเขาจะมีผลงานเพลงใหม่สำหรับแสดงในทัวร์นี้ หรือจะมีโอกาสแวะมาเยือนประเทศไทยหรือไม่ในอนาคต

 

ภาพ: Steve Granitz  / WireImage 

 

อ้างอิง:

https://www.nme.com/news/music/liam-gallagher-insists-oasis-will-be-as-good-as-they-once-were-and-they-will-still-wipe-the-floor-with-majority-of-bands-out-there-3811490

The post Liam Gallagher คิดว่า Oasis จะกลับมาดีเท่าเดิม และเจ๋งกว่าวงส่วนใหญ่ในยุคนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Oasis ประกาศทัวร์คอนเสิร์ตที่ ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ปลายเดือนตุลาคม 2025 https://thestandard.co/oasis-japan-south-korea-oct-2025/ Fri, 22 Nov 2024 07:03:24 +0000 https://thestandard.co/?p=1011567 Oasis ประกาศ ทัวร์คอนเสิร์ต ญี่ปุ่น เกาหลีใต้

ถึงคราวของแฟนเพลงร็อกในเอเชียแล้ว เพราะวันนี้ (22 พฤศจิ […]

The post Oasis ประกาศทัวร์คอนเสิร์ตที่ ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ปลายเดือนตุลาคม 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Oasis ประกาศ ทัวร์คอนเสิร์ต ญี่ปุ่น เกาหลีใต้

ถึงคราวของแฟนเพลงร็อกในเอเชียแล้ว เพราะวันนี้ (22 พฤศจิกายน) วง Oasis ประกาศคอนเสิร์ต Oasis Live ’25 ในทวีปเอเชีย 2 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ โดยคอนเสิร์ตจะมีในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2025

 

คอนเสิร์ต Oasis Live ’25 จะเกิดขึ้นในประเทศเกาหลีใต้วันที่ 21 ตุลาคม 2025 ณ Goyang Stadium ซึ่งพวกเขาจะเริ่มขายบัตรรอบปกติในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ ส่วนคอนเสิร์ตในประเทศญี่ปุ่นจะมี 2 รอบ ในวันที่ 25-26 ตุลาคม ณ Tokyo Dome โดยจะขายบัตรรอบปกติในวันที่ 7 ธันวาคมนี้

 

สำหรับประเทศอื่นๆ ในเอเชียอาจจะต้องรอกันไปก่อน เพราะวงยังไม่มีการอัปเดตเพิ่มเติม แต่ในขณะนี้คอนเสิร์ตที่อังกฤษ, สหราชอาณาจักร, อเมริกาเหนือ, อเมริกาใต้ และออสเตรเลีย ก็บัตรหมดทุกรอบแล้ว และวง Oasis ก็ยังยืนยันว่า พวกเขาจะไม่ไปร่วมแสดงคอนเสิร์ตในเทศกาลดนตรีใดๆ นอกจากทัวร์คอนเสิร์ตรียูเนียนนี้เท่านั้น

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ภาพ: Oasis

อ้างอิง:

The post Oasis ประกาศทัวร์คอนเสิร์ตที่ ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ปลายเดือนตุลาคม 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
นิทรรศการ Oasis Origin + Reconstruction เตรียมเปิดแสดงที่กรุงโตเกียว 31 ต.ค. นี้ https://thestandard.co/oasis-origin-reconstruction-tokyo/ Sun, 27 Oct 2024 02:23:51 +0000 https://thestandard.co/?p=1000533

เมื่อ 2 พี่น้องแห่งวง Oasis ประกาศกลับมารวมตัวกัน และพร […]

The post นิทรรศการ Oasis Origin + Reconstruction เตรียมเปิดแสดงที่กรุงโตเกียว 31 ต.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อ 2 พี่น้องแห่งวง Oasis ประกาศกลับมารวมตัวกัน และพร้อมจะออกเวิลด์ทัวร์ในปีหน้าหลังจากที่แยกย้ายกันไปถึง 15 ปี แฟนๆ ทั่วโลกต่างตื่นเต้นดีใจกันเป็นอย่างมาก รวมไปถึงญี่ปุ่นซึ่งกำลังจะมีการจัดนิทรรศการภาพถ่ายของวง Oasis ที่กรุงโตเกียวในนาม Oasis Origin + Reconstruction

 

นิทรรศการนี้มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะได้นำภาพ Oasis ที่ถ่ายโดยช่างภาพชาวอังกฤษที่ร่วมงานกับวงมาเนิ่นนานอย่าง Jill Furmanovsky มาจัดแสดงในรูปแบบใหม่ ร่วมกับ Kosuke Kawamura ศิลปินและกราฟิกดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นชื่อดัง โดยที่ผ่านมา Jill Furmanovsky เป็นผู้บันทึกภาพศิลปินระดับขึ้นหิ้งมาแล้วมากมาย เช่น Pink Floyd, The Who และ Paul McCartney และเมื่อช่วงต้นปีนี้เธอเพิ่งจะได้รับรางวัล Abbey Road Music Photography Awards โดยมี Noel Gallagher สมาชิกวง Oasis เป็นผู้เชิญรางวัลและกล่าวให้เกียรติยกย่องเธอด้วยตัวเอง พร้อมกับนิยาม Jill Furmanovsky ว่าเป็น “หนึ่งในเพื่อนสนิทที่สุดของผม”

 

Jill Furmanovsky เริ่มถ่ายภาพให้กับวง Oasis ตั้งแต่ช่วงที่วงเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง โดยเธอมีโอกาสเดินทางไปทัวร์และติดตามบันทึกภาพวง Oasis นานหลายปี จนถึงปี 2009 ที่วงประกาศสลายตัว ซึ่งอาร์ตเวิร์กที่จัดแสดงในนิทรรศการ Oasis Origin + Reconstruction จะเป็นงานคอลลาจภาพ Oasis ที่ดีไซน์และตีความใหม่โดย Kosuke Kawamura จากทั้งโฆษณา โปสเตอร์ ไปจนถึงภาพจากสื่อต่างๆ รวมถึงภาพจาก Jill Furmanovsky

 

Oasis Origin + Reconstruction จะจัดขึ้น ณ New Gallery แห่งกรุงโตเกียว ในวันที่ 31 ตุลาคม – 11 พฤศจิกายนนี้

 

ภาพ: Jill Furmanovsky / New Gallery

อ้างอิง:

The post นิทรรศการ Oasis Origin + Reconstruction เตรียมเปิดแสดงที่กรุงโตเกียว 31 ต.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Oasis ไขความกระจ่างของเดชเลือดข้นคนผยอง สองพี่น้อง Gallagher https://thestandard.co/oasis-the-gallagher-brothers/ Fri, 25 Oct 2024 09:31:31 +0000 https://thestandard.co/?p=1000095

ตอนที่ 1: การทะเลาะกันที่เป็นส่วนสำคัญในการเดินทาง การก […]

The post Oasis ไขความกระจ่างของเดชเลือดข้นคนผยอง สองพี่น้อง Gallagher appeared first on THE STANDARD.

]]>

ตอนที่ 1: การทะเลาะกันที่เป็นส่วนสำคัญในการเดินทาง การกำหนดทิศทาง และชะตากรรมของวง

 

สิ่งเดียวที่สามารถทำลายล้างความแข็งแกร่งของตระกูลทาร์แกเรียนลงได้ นั่นก็คือ ‘ความแตกแยกจากภายในตัวของมันเอง’ นี่คือคำโปรยเนื้อหาสำคัญในฉากเปิดมหากาพย์ซีรีส์ House of the Dragon (ใช่แล้ว คุณไม่ได้อ่านบทความผิดเรื่องแต่อย่างใด)

 

ตระกูล Gallagher แห่ง(อราช)วง Oasis ก็เช่นกัน ถึงแม้ว่ากรณีของสองพี่น้อง Noel และ Liam จะเรียกว่าแข็งกร้าวมากกว่าแข็งแกร่ง บริบทชีวิตที่เติบโตจากครอบครัวชนชั้นกรรมาชีพอันห่างไกลจากความเป็นราชนิกุลนัก พวกเขาไม่ได้มีมังกรพ่นไฟ แต่พร้อมจะพ่นสุนัขออกจากปากได้ทุกเมื่อ และเป็นสุนัขบ้าล่าเนื้อพันธุ์แทร่เสียด้วยสิ สังเกตจากถ้อยคำที่สองพี่น้องสรรหามาแต่ละคำช่างเจ็บแสบสไตล์คน IQ สูงลิ่ว แต่ EQ ต่ำเรี่ย ทว่าปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดก็เป็นเพราะทั้งคู่เลือกที่จะพ่นสุนัขใส่กันเองมากกว่าที่จะพ่นออกไปหาอริราชศัตรูนอกบ้านนี่แหละ จนนำมาสู่การจบสิ้นของวง Oasis ในปี 2009 ในที่สุด

 

ภาพ: Oasis / Facebook

 

ว่าแต่การตบตีกันของ Noel และ Liam นั้นสำคัญไฉน เหตุใดจึงเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและแฟนเพลงทั่วโลกมาตั้งแต่ยุครุ่งเรืองของวง จนมาถึงยุคหลังจากที่วงล่มสลายไปแล้วก็ยังจิกกัดกันผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียมาโดยตลอด โดยเฉพาะ Liam ที่มักเป็นฝ่ายยั่วแหย่ Noel ผ่านทาง X เป็นกิจวัตร

 

ทั้งหมดนี้เป็นประเด็นน่าขบคิดให้มาถกและถลกกัน ณ ที่นี้นั่นเอง เพราะการทะเลาะกันของสองพี่น้อง Gallagher มีนัยสำคัญต่ออัตลักษณ์ความเป็นวงและการขับเคลื่อนทิศทางของวงตลอดมา จนกระทั่งมาถึงการล่มสลายของวง และส่งผลให้การประกาศการกลับมาเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ร่วมกันอีกครั้งอย่างเป็นทางการในนาม Oasis ใน 15 ปีให้หลัง เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ยิ่งเป็นประเด็นเซอร์ไพรส์ที่เป็นที่จับตามองของแฟนเพลงทั่วโลกยิ่งขึ้นไปอีก แย่งพื้นที่สื่อจากทุกเหตุการณ์ในโลกไปเสียอย่างนั้น ชนิดที่ว่าการดีเบตที่เผ็ดร้อนระหว่าง Donald Trump กับ Kamala Harris ยังไม่ร้อนแรงเท่าการขุดคุ้ยเหตุการณ์แสบหมาล่าคลุกพริกกะเหรี่ยงในอดีตระหว่าง Noel กับ Liam

 

The world keep spinning round, I don’t know why, why, why, why? เมื่อเกิดผล ย่อมต้องมีเหตุ

 

ภายใต้ความแข็งกร้าวและออกไปทางหยาบกระด้างของพี่น้อง Gallagher มีความเปราะบางของอดีตอันขื่นขมซ่อนอยู่ การย้อนรอยไปส่องดูสภาพครอบครัวที่เติบโตมามักจะได้คำตอบบางอย่างที่สะท้อนถึงตัวตน ณ ปัจจุบันของปัจเจกบุคคลทุกคนเสมอ กรณีของพี่น้องผยองเดชคู่นี้ก็เช่นกัน ความรุนแรงภายในครอบครัวเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วสำหรับบ้าน Gallagher ตั้งแต่ลูกๆ ลืมตาดูโลกขึ้นมา ทั้ง Paul (พี่ชายคนโต), Noel และ Liam ต้องเป็นประจักษ์พยานตลอดมาในหลายครั้งหลายคราที่ Peggie ผู้เป็นแม่ต้องรับบทกระสอบทรายให้กับ Tommy ผู้เป็นพ่อ จนเลือดตกยางออกเป็นประจำ และอีกหลายครั้งที่ความซวยพลัดตกมายังลูกๆ โดยเฉพาะ Noel ลูกคนกลางที่โดนหนักสุด เคยถึงขั้นถูกพ่อซ้อมหนักจนปางตายมาแล้ว

 

จริงอยู่ที่การกระทบกระทั่งมีปากเสียงกันภายในครอบครัวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทุกครอบครัว แต่สำหรับครอบครัว Gallagher นั้นระดับความรุนแรงไปไกลกว่าครอบครัวทั่วไปมากมายหลายร้อยขุม จนสร้างภาพจำและจิตสำนึกที่ว่าการฟาดฟันถึงขั้นเสียเลือดเนื้อ ข้าวของพังระเนระนาด เป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ถึงแม้ว่าท้ายที่สุด Peggie จะรวบรวมความกล้าพาลูกๆ ทั้ง 3 หนีออกมาตั้งตัวใหม่ด้วยลำแข้งตัวเองในบทบาทแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่วิชาศิลปะการต่อสู้แบบจอมยุทธ์พังโรงน้ำชาก็ฝังลึกในสามัญสำนึกบิดๆ เบี้ยวๆ ของพี่น้อง Gallagher อย่างเกินแก้ไข ด้วยประการฉะนี้เองประวัติศาสตร์ความมันระดับโลกจึงเริ่มต้นขึ้น

 

 

เมื่อคนแมวๆ กับคนสุนัขๆ ต้องมาดวลกัน

 

จากปากคำของ Noel เอง เขาเล่าว่าตัวเองมีนิสัยเหมือนแมว คือ รักสันโดษและความอิสระ ไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามถ้าไม่อยู่ในภาวะที่เต็มใจ ถ้าอยากเข้าสังคมเมื่อไรเดี๋ยวออกไปหาเอง ส่วน Liam นิสัยเหมือนสุนัขที่ชอบเรียกร้องความสนใจตลอดเวลา อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องหาใครมาเล่นด้วย และเป็นสุนัขที่ไฮเปอร์กวนส้นทีนเสียด้วยสิ เมื่อมาเจอคนแมวๆ อย่าง Noel เขาจึงชอบใช้วิธียั่วแหย่ให้ Noel ทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมาต่อกรด้วย ก็เข้าทาง Liam วนเป็นวงจรท็อกซิกแบบนี้มานานนม เพราะสองพี่น้องต้องแชร์ห้องนอนกันตั้งแต่เด็ก

 

ในช่วงวัยรุ่น Liam เคยเมามายปวดฉี่กลางดึก แต่ด้วยความมืดมนปนมักง่ายที่หาสวิตช์ไฟไม่เจอและขี้เกียจออกไปเข้าห้องน้ำ จึงปล่อยฉี่รดเครื่องเสียงสเตอริโอของรักของหวงของ Noel แบบพรมน้ำมนต์แบบทั่วๆ เสียเลย ไหนๆ ก็ถูกเปรียบเทียบว่านิสัยเหมือนสุนัขแล้ว ซึ่งทำให้ Noel โกรธมากจนไม่รู้จะชำระแค้นอย่างไร จริงๆ แล้วถ้าครอบครัว Gallagher มีโอกาสไปเที่ยวทะเลบางแสน ให้ Liam ก่อปราสาททรายขึ้นมาสักหลัง Noel อาจมีโอกาสใช้นิสัยแมวๆ แก้แค้นโดยการฉี่รดปราสาททรายเลยก็ได้ เหมือนที่แมวชอบขับถ่ายลงในกระบะทรายแล้วไถกลบจนราบเรียบ

 

จากปากคำของ Christine Mary Biller อดีตผู้จัดการวง Oasis ให้ความเห็นว่า “Noel เป็นคนที่มีปุ่มกดชนวนระเบิดอยู่เต็มไปหมด และ Liam ก็เป็นคนที่มีนิ้วมือซนๆ เยอะแยะที่พร้อมจะกดปุ่มเหล่านั้นตลอดเวลา” นั่นแหละคือที่มาของพฤติกรรมสุด Rock ‘n’ Roll ของคณะ Oasis

 

 

ดราม่าของจริงไม่อิงบท การมาก่อนกาลของการเล่นจริงเจ็บจริงก่อนยุคโซเชียลมีเดีย

 

ต้องยอมรับว่าเรื่องดราม่าตบตีกันของพี่น้อง Gallagher ในยุค 90 นั้นเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนพอๆ กับงานเพลงของพวกเขาเลยก็ว่าได้ ในยุคที่โทรทัศน์มีให้ดูไม่กี่ช่อง อินเทอร์เน็ตยังไม่เป็นสาธารณูปโภคในครัวเรือน สิ่งที่มันกว่าซีรีส์หรือซิตคอมก็คือเรื่องดราม่าคนดังที่มาก่อนกาล ซึ่งเรื่องตบตีระหว่าง Noel กับ Liam ช่างจริงยิ่งกว่า และเกิดขึ้นรวดเร็วกว่าการระดมสมองของทีมเขียนบทละครชั้นครู จึงไม่แปลกที่เมื่อมาถึงยุคนี้ที่มีการสื่อสารรวดเร็วคมชัดเพียบพร้อม ละครหลังข่าวจึงโดนดิสรัปต์ ถูกขโมยเรตติ้งโดยรายการประเภทเกาะติดสถานการณ์ดราม่าคนดัง ซึ่งมีความบู๊ระดับเล่นจริงใส่สด เร้าใจคนดูกว่าเป็นไหนๆ

 

ลองนึกดูเล่นๆ สิ ถ้าสมมติว่า Oasis เกิดช้า ขยับไทม์ไลน์ลงมาเป็นศิลปิน Gen Z ในช่วงนี้ เรื่องวุ่นๆ คงจะบ้าบอหนักข้อกว่ายิ่งกว่า เช่นว่าแทนที่จะตั้งตนเป็นศัตรูกับวง Blur สองพี่น้องอาจเบนเป้าหมายไปแว้งกัด Billie Eilish กับ Finneas O’Connell คู่พี่น้องที่สมานฉันท์ สร้างสรรค์ผลงานเพลงด้วยกันอย่างกุ๊กกิ๊กเป็นปี่เป็นขลุ่ยแทนก็ได้

 

เรื่องราววีรกรรมของพี่น้อง Gallagher มีออกมาให้เห็นแทบจะรายสัปดาห์ เป็นอาหารอันโอชะของสื่อมวลชนในยุคนั้น และยังขยี้เป็นมุกขำขัน เมื่อเกิดเหตุการณ์ทะเลาะกันระหว่างการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร NME ในช่วงที่วงกำลังเริ่มดัง และเทปบันทึกเสียงวันนั้นก็ถูกเอาไปทำเป็น Bootleg CD วางขายเป็นกิจจะลักษณะ โดยใช้ชื่อซิงเกิลว่า Wibbling Rivalry โดยศิลปิน Oas*s ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้มีเนื้อหาสลักสำคัญอะไรเมื่อเทียบกับสังเวียนแมตช์อื่นๆ ของพี่น้องคู่นี้ นอกจากฉากแอ็กชันลีลาการขว้างปาโทรทัศน์ที่เกือบจะกระเด็นออกนอกหน้าต่างไปเฉียดฉิว

 

ว่าแต่ใครจะบ้าซื้อ CD มาฟังพี่น้องทะเลาะกันยาว 14 นาที? ไม่รู้สิ แต่ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น พร้อมหลักฐานตามนี้…อวดปนอายนะนี่

 

(What’s the story) Sibling Rivalry? – 5 เรื่องมันๆ ที่พี่น้องตีกันจนเกิดประวัติศาสตร์

 

เอาละ เรามาสำรวจพงศาวดารกันดูว่ามีศึกสายเลือดครั้งใดบ้างที่เข้มข้นดุจละครจากช่องหลายสี และเป็นหมุดหมายสำคัญให้เป็นตำนานเล่าขานสืบไป ไหนๆ พวกเราก็ชอบเรื่องดราม่าตบตีกันมากกว่าเรื่องปรองดองจืดๆ เป็นของแน่นอนอยู่แล้ว

 

1. ศึกทัวร์สหรัฐอเมริกาพาเพลินจนเกินเหตุ (1994)

 

เป็นเรื่องที่รู้กันดีในหมู่วงดนตรีและต้นสังกัดในอังกฤษว่าการนำพาผลงานไปแสวงหาความสำเร็จในสหรัฐฯ นั้นเป็นเรื่องลำบากยากเข็ญไม่เบา แม้กระทั่งวงคู่ปรับหมายเลขหนึ่งของสองพี่น้องอย่างวง Blur ก็เคยแป้ก คอตกกลับบ้านมาแล้ว หลังจากความพยายามบุกตลาดสหรัฐฯ ในวันที่กระแสเพลงกรันจ์ยังเชี่ยวกราก

 

Oasis เองในช่วงเวลานั้นก็เหมือนจะมีคลื่นใต้น้ำเรื่องการเมืองภายในวง Noel และ Liam คอยเขม่นกันเป็นระยะๆ เรื่องการแย่งชิงความเป็นผู้นำในวง และการทัวร์สหรัฐฯ อันแสนกดดันในปี 1994 ก็เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในชั้นบรรยากาศมาคุเป็นอย่างดี

 

จนกระทั่งมาถึงลอสแอนเจลิส วงและทีมงานก็พบกับยามหัศจรรย์ที่ใครสักคนเอามาให้ เพราะหวังบรรเทาความตึงเครียด (เด็กๆ ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะจ๊ะ) ทุกคนเข้าใจว่ามันคือ ‘โคเคน’ จึงพร้อมใจกันซี้ดซ้าดกันอย่างหนัก เพื่อหวังจะนำพาความสนุกสนานดั่งดอกไม้บาน Feeling Supersonic คลายเครียด แต่ปรากฏจริงๆ แล้วมันคือ Crystal Meth หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า ‘ยาไอซ์’ ซึ่งให้เอฟเฟกต์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ อาการพารานอยด์ คันยุบยิบ หัวใจเต้นถี่ และที่สำคัญคือ ‘นอนไม่หลับ’ ไหนๆ ก็ไม่หลับไม่นอนกันแล้ว ทั้งทีมจึงนั่งปาดไอซ์กันต่อเนื่องไม่หลับไม่นอน 2 วัน 2 คืน

 

 

จนกระทั่งถึงเวลาขึ้นแสดง ซึ่งคืนนั้นเป็นคิวของ Whisky a Go Go ไนต์คลับชื่อดังแห่งลอสแอนเจลิส สมาชิกทุกคนต่างอยู่ในสภาพซอมบี้ และทีมงานที่ก่งก๊งไปด้วยกันเขียนลิสต์เพลงแบบมั่วซั่ว คือ Noel ได้ลิสต์ที่เรียงเพลงไม่เหมือนกับสมาชิกคนอื่นๆ จากปากคำของ Mark Coyle ซาวด์เอ็นจิเนียร์ของวงกล่าวว่า “พวกเขาไม่เคยเละเทะขนาดนั้นมาก่อน เหมือนทั้งวงจะเล่นคนละเพลงในเวลาเดียวกัน โชว์จึงล่มไม่เป็นท่า”

 

ความตึงเครียดระหว่าง Noel และ Liam แสดงออกมาอย่างชัดเจนบนเวที Liam เดินไปเสพไอซ์หลังตู้แอมป์กีตาร์ตลอดทั้งโชว์ และด่าทอผู้เข้าชมอย่างไม่สนใจอะไรใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งยังขว้างแทมบูรินแห่งความรักไปโดนไหล่ Noel (ไม่ได้โดนศีรษะเหมือนที่สื่อเขาประโคมข่าวกันนะ จากปากคำของ Noel เอง) หลังจากโชว์หายนะครั้งนั้นทำให้ Noel ดำดิ่งเป็นอย่างมากกับความเจ็บปวดที่แบกไว้คนเดียว โดยที่ Liam และวงยังคงเมามายและไม่สำนึกกับโชว์หายนะครั้งนั้น

 

เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนที่ Noel จะหายตัวไป เขาทิ้งจดหมายสอดเข้าไปใต้ประตูห้องพักของ Liam ว่า “เราจะยังเป็นพี่น้องกันอยู่ได้อย่างไรวะ?”

 

การหายตัวไปของ Noel ในครั้งนั้นเอง ทำให้สมาชิกวงเริ่มตระหนักถึงความฉิบหายขึ้นมาแล้วว่าชะตากรรมของวงจะเป็นอย่างไรต่อ เมื่อสมาชิกคนสำคัญที่เป็นผู้แต่งเพลงทุกเพลงของวงหายไป โดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาร่วมวงอีกหรือไม่

 

ภายหลังอีกไม่กี่วันทีมงานก็ตามหา Noel จนพบว่าเขาหนีไปเลียแผลใจที่ซานฟราสซิกโก ที่บ้านของกิ๊กสาวที่เจอกันตอนไปแสดงที่นั่น และเป็นที่มาของเพลงอะคูสติกอารมณ์เปลี่ยวอย่าง Talk Tonight ซึ่งภายหลังได้รับการบรรจุเป็น B-Side ของซิงเกิล Some Might Say

 

 

แล้วศึกนี้ใครชนะ? เมื่อ Noel กลับมาร่วมวงอีกครั้ง วงก็เกรงใจและคุมความประพฤติกันอย่างเห็นได้ชัด ยกเว้น Liam ที่ยังทำฟอร์มกร่างและให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ช่างมันสิ จดหมายจากคนอ่อนแอฉบับนั้น ข้าได้เอามันมามวนซี้ดไอซ์เข้าไป แล้วเมาต่อไปเรียบร้อยแล้ว” อย่างไรก็ตาม รูปการณ์นี้ต้องยกให้ Noel เป็นผู้ชนะในยกนี้ เพราะพลวัตของอำนาจในวงได้มาอยู่ข้าง Noel อย่างเบ็ดเสร็จตั้งแต่นั้นมา

 

เรื่องมันๆ กับวีรกรรมสุดแสบของสองพี่น้องยังคงมีอีกเยอะ นี่เป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังตามมาด้วยจุดพลิกผันและจุดเปลี่ยนผ่านอีกหลายตลบ เพราะฉะนั้นรออ่านตอนต่อไปได้เลย แล้วคุณจะค้นพบประสบการณ์การฟังเพลงของ Oasis ในอีกมิติแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนจากที่เคยฟังหลายๆ ครั้ง

 

อ้างอิง:

The post Oasis ไขความกระจ่างของเดชเลือดข้นคนผยอง สองพี่น้อง Gallagher appeared first on THE STANDARD.

]]>
NME รายงานว่า Oasis จะจัดคอนเสิร์ตที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นในปี 2025 https://thestandard.co/oasis-tour-internation-2025-reunion/ Fri, 27 Sep 2024 03:13:36 +0000 https://thestandard.co/?p=988701 Oasis

NME รายงานว่า Oasis จะเตรียมทัวร์คอนเสิร์ตอีกหลายเมืองใ […]

The post NME รายงานว่า Oasis จะจัดคอนเสิร์ตที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นในปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Oasis

NME รายงานว่า Oasis จะเตรียมทัวร์คอนเสิร์ตอีกหลายเมืองในช่วงปีหน้าด้วยคอนเสิร์ต Oasis Live ‘25 Tour ที่ทั้งสองพี่น้อง Noel และ Liam Gallagher เพิ่งประกาศกลับมารวมวงกันในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในทัวร์นี้จะมีทั้งอเมริกา, แคนาดา, อเมริกาใต้, ออสเตรเลีย และเอเชีย

 

NME ยังระบุด้วยว่า สถานที่ วันที่จัดงาน และรายละเอียดการขายตั๋วคอนเสิร์ตจะประกาศออกมาเร็วๆ นี้

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจสำหรับการรายงานพิเศษครั้งนี้ก็คือทัวร์คอนเสิร์ตขยับเข้ามาที่เอเชียด้วย นั่นก็คือทัวร์คอนเสิร์ตที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็ต้องมารอติดตามกันว่า ถ้าทัวร์เอเชียนี้เกิดขึ้นจริง จะมีประเทศอื่นๆ ในเอเชีย รวมทั้งรายชื่อกรุงเทพฯ ประเทศไทย อยู่ในตารางทัวร์ของวง Oasis ด้วยหรือไม่

 

ก่อนหน้านี้ทางวงยังยืนยันว่า สำหรับปี 2025 พวกเขาจะยังไม่มีแผนที่จะเล่นคอนเสิร์ตในเทศกาลดนตรีใดๆ ตามที่มีข่าวลือออกมา เพราะพวกเขาจะมีเพียงแค่ทัวร์คอนเสิร์ตรียูเนียนกันเท่านั้น ซึ่งหลังจากที่พวกเขาประกาศทัวร์คอนเสิร์ตในสหราชอาณาจักรแล้ว ก็เรียกได้ว่ากระแสตอบรับท่วมท้น เพราะตั๋วคอนเสิร์ตถูกขายออกไปนับล้านใบในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แล้วก็ประกาศ Sold Out ทุกรอบอีกด้วย แต่มันก็ทำให้เกิดประเด็นร้อนเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาบัตรพุ่งสูงขึ้นตามความต้องการของคนซื้อ เว็บไซต์ล่ม รวมทั้งแฟนเพลงของวงไม่สามารถกดบัตรได้ด้วยเช่นกัน

 

ภาพ: Pete Still / Redferns

อ้างอิง:

The post NME รายงานว่า Oasis จะจัดคอนเสิร์ตที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นในปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
แมนฯ ซิตี้ เปิดตัวชุด Definitely City ออกแบบโดย โนล กัลลาเกอร์ แห่งวง Oasis https://thestandard.co/definitely-city-kit-launch/ Thu, 12 Sep 2024 10:56:36 +0000 https://thestandard.co/?p=982811 Definitely City

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ PUMA เปิดตัวชุดแข่งที่ 4 ของฤดูกา […]

The post แมนฯ ซิตี้ เปิดตัวชุด Definitely City ออกแบบโดย โนล กัลลาเกอร์ แห่งวง Oasis appeared first on THE STANDARD.

]]>
Definitely City

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ PUMA เปิดตัวชุดแข่งที่ 4 ของฤดูกาลนี้ ซึ่งใช้ชื่อว่า ‘Definitely City’ โดยเป็นชุดแข่งที่ออกแบบโดย โนล กัลลาเกอร์ แห่งวง Oasis นักดนตรีในตำนาน และแฟนพันธุ์แท้ของแมนเชสเตอร์มาตลอดชีวิต

 

โดยชุดแข่งชุดนี้เป็นหนึ่งในการร่วมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปีของอัลบั้ม Definitely Maybe ซึ่งเป็นอัลบั้มอันโด่งดังของวง Oasis และชุดแข่งชุดนี้ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปกอัลบั้มดังกล่าว

 

เสื้อรุ่นพิเศษนี้มีสีพื้นเป็นสีฟางข้าวแบบอ่อนๆ โดยมีแถบด้านข้างและแขนเสื้อสีฟ้า และมีดีเทลบางส่วนเป็นสีชมพูป๊อปปี้ด้วย

 

ชุดแข่ง Definitely City จะถูกสวมใส่เฉพาะในเกมยุโรปบางนัดเท่านั้น โดยสโมสรแมนฯ ซิตี้ เปิดเผยว่า พวกเขาจะใส่ในนัดที่เจอกับอินเตอร์ มิลาน วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายนนี้เป็นครั้งแรก

 

นอกจากชุดแข่งขันแล้ว คอลเล็กชัน Definitely City ยังมีทั้งแจ็กเก็ตและกางเกงวอร์ม เสื้อเชิ้ตแขนยาว และเสื้อผ้าแบบอื่นๆ ด้วย

 

แฟนๆ ที่สนใจสามารถไปจับจองเสื้อแมนฯ ซิตี้ คอลเล็กชัน Definitely City ได้แล้วทางช็อปออนไลน์ของทีมเรือใบสีฟ้า โดยราคาเสื้อแข่งอยู่ที่ตัวละ 80 ปอนด์ หรือราว 3,520 บาท

 

 

ภาพ: pumafootball / Instagram

อ้างอิง:

 

The post แมนฯ ซิตี้ เปิดตัวชุด Definitely City ออกแบบโดย โนล กัลลาเกอร์ แห่งวง Oasis appeared first on THE STANDARD.

]]>
“เพราะ Liam แย่งตุ๊กตาหมีของผมไป” Noel Gallagher หยอกถึงเหตุผลที่ทำให้ Oasis แยกวงก่อนหน้านี้ https://thestandard.co/noel-gallagher-oasis-fell-out-jokes/ Sat, 07 Sep 2024 06:11:34 +0000 https://thestandard.co/?p=980736 Noel Gallagher

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสองพี่น้องวง Oasis ได้เซอร์ไพรส์แฟนๆ […]

The post “เพราะ Liam แย่งตุ๊กตาหมีของผมไป” Noel Gallagher หยอกถึงเหตุผลที่ทำให้ Oasis แยกวงก่อนหน้านี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Noel Gallagher

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสองพี่น้องวง Oasis ได้เซอร์ไพรส์แฟนๆ ทั่วโลกผู้รอคอยอย่างแทบจะไม่มีความหวัง ด้วยการประกาศกลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลังจากที่แยกวงกันไปนานถึง 15 ปี ท่ามกลางความปีติยินดี ตื่นเต้น และตื้นตันใจของแฟนเพลง ล่าสุด Noel Gallagher ได้หยอกล้อถึงเหตุผลที่ทำให้เขาทะเลาะกับน้องชาย Liam Gallagher จนทำให้ทั้งสองประกาศแยกวง Oasis ทั้งที่ตอนนั้นกำลังโด่งดังถึงขีดสุด

 

เหตุการณ์ในครั้งนี้เผยให้เห็นมุมน่ารักและอบอุ่นของ Noel Gallagher ไม่น้อย เมื่อแฟนรายหนึ่งนาม Steve Sheward และลูกๆ ของเขาอีก 4 คน ได้พบกับ Noel Gallagher ที่กำลังช้อปปิ้งในร้าน Stone Island ที่กรุงลอนดอนโดยบังเอิญ พ่อลูกทั้งหมดจึงเข้าไปพูดคุยกับศิลปินคนดัง โดย Steve Sheward ได้โพสต์วิดีโอผ่านโซเชียลมีเดียขณะที่เขาแนะนำลูกๆ ว่า “นี่คือ Noel…วงในตำนานของพ่อเลยนะ”

 

เมื่อลูกสาวของเขาถามว่า Noel Gallagher ใช่คนที่จะกลับไปรวมวงกับน้องชายหรือไม่ ลูกชายอีกคนจึงตั้งคำถามอย่างซื่อๆ ว่า “ทำไมตอนนั้นคุณถึงแยกวงกับน้องชายของคุณล่ะ” ซึ่ง Noel Gallagher ได้ตอบคำถามของเด็กคนนั้นว่า “เพราะ Liam ขโมยตุ๊กตาหมีของฉันไปน่ะสิ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ เขาขโมยมันไปจริงๆ ตอนปี 1978”

 

นอกจากนั้น Steve Sheward ยังโพสต์คลิปที่ Noel Gallagher กำลังเดินอยู่ริมถนนพร้อมกับพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับลูกๆ ของเขา และยังมีภาพที่ถ่ายด้วยกันอย่างพร้อมหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปี 2018 ฝั่งน้องชาย Liam Gallagher ก็เคยตอบคำถามเด็กๆ ถึงเหตุผลที่ทำให้ Oasis แยกวงเช่นกัน โดยเผยว่า Noel Gallagher เป็นคนที่ “ซุกซน” และยังพูดกับเด็กคนนั้นถึงพี่ชายอีกว่า “จริงๆ เขาไม่ได้ตัวใหญ่ไปกว่าเธอเท่าไรหรอก รองเท้าของเขายังไซส์เล็กกว่าเธออีก”

 

ภาพ: Mick Hutson / Redferns

อ้างอิง:

The post “เพราะ Liam แย่งตุ๊กตาหมีของผมไป” Noel Gallagher หยอกถึงเหตุผลที่ทำให้ Oasis แยกวงก่อนหน้านี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ยอดขายแผ่นเสียงของ Oasis เพิ่มขึ้นกว่า 500% หลังประกาศรวมวงอีกครั้งในรอบ 15 ปี https://thestandard.co/oasis-record-sales-surge-after-announcing-reunion/ Tue, 03 Sep 2024 00:52:45 +0000 https://thestandard.co/?p=978690

Oasis กลับมาทวงบัลลังก์ตำนานของวงการเพลงอีกครั้ง หลังธุ […]

The post ยอดขายแผ่นเสียงของ Oasis เพิ่มขึ้นกว่า 500% หลังประกาศรวมวงอีกครั้งในรอบ 15 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>

Oasis กลับมาทวงบัลลังก์ตำนานของวงการเพลงอีกครั้ง หลังธุรกิจขายแผ่นเสียงในประเทศอังกฤษ HMV เปิดเผยว่า หลังจากพวกเขาประกาศรวมวงจัดคอนเสิร์ตในอังกฤษและไอร์แลนด์ในวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายแผ่นไวนิลและซีดีพุ่งสูงขึ้นกว่า 526% 

 

HMV ระบุว่า ยอดขายของอัลบั้ม Definitely Maybe เพิ่มขึ้น 443% ส่วนอัลบั้ม (What’s the Story) Morning Glory? และ Knebworth 1996 เพิ่มขึ้น 684% และ 209% ตามลำดับ ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว ยอดขายอัลบั้ม Definitely Maybe ฉบับครบรอบ 30 ปีที่ปล่อยหลังจากประกาศรวมวงเพียง 1 วัน ก็มียอดสั่งจองล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าด้วย 

 

Phil Halliday กรรมการผู้จัดการของ HMV กล่าวว่า “Oasis เป็นวงดนตรีที่โด่งดังและมีอิทธิพลเชิงบวกต่อวงการดนตรีของอังกฤษ ยอดขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาพิสูจน์ว่าพวกเขาได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ และยังเป็นเรื่องดีมากที่ผู้คนกลับมาฟังแผ่นเสียงของพวกเขา” แน่นอนว่ายอดขายเหล่านี้ยังบ่งบอกได้ดีว่าพวกเขามีทั้งฐานแฟนเพลงรุ่นเก่า รวมทั้งคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งได้ทำความรู้จักพวกเขาด้วยเช่นกัน

 

ความทรงอิทธิพลของ Oasis ไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่เพียงยอดขายเท่านั้น แต่ทาง Spotify เผยว่า หลังจากที่พวกเขารวมวง จำนวนการสตรีมเพลงต่อวันของ Oasis เพิ่มขึ้น 690% ทั่วโลก ส่วนเพลย์ลิสต์ This Is Oasis ก็เป็นเพลย์ลิสต์ที่คนฟังเยอะที่สุดในสหราชอาณาจักร ในขณะเดียวกันแฮชแท็ก #OasisReunion บน TikTok มียอดเอ็นเกจเมนต์เพิ่มขึ้น 101% ในช่วง 7 วันมานี้ และยังมียอดเข้าชมสูงถึง 109 ล้านครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

 

Birmingham City University ยังคาดการณ์ว่าทัวร์คอนเสิร์ตกว่า 17 รอบในปี 2025 จะทำรายได้สูงถึง 400 ล้านปอนด์จากการขายตั๋วและส่วนเสริมอื่นๆ และหลังจากนี้มันจะกลายเป็นคอนเสิร์ตที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ทั้งจากการเดินทาง โรงแรม และร้านอาหารที่อยู่รอบๆ เมืองด้วยเช่นกัน

 

ทั้งนี้ ตั๋วคอนเสิร์ตของ Oasis ที่มีจำนวนมากกว่า 1 ล้านใบถูกขายหมดแล้วในระยะเวลาเพียง 10 ชั่วโมงเท่านั้น และยังมีสื่อหลายแห่งเปิดเผยอีกด้วยว่ามีผู้เข้าคิวกดคอนเสิร์ตเกือบครึ่งล้าน ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน Oasis ยังเป็นวงที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับโลกดนตรีเสมอมา

 

ภาพ: Oasis

อ้างอิง: 

The post ยอดขายแผ่นเสียงของ Oasis เพิ่มขึ้นกว่า 500% หลังประกาศรวมวงอีกครั้งในรอบ 15 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>