Net-a-Porter – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 28 Aug 2024 05:36:53 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 แบรนด์หรูอ่วม! เจอปัญหาคนจีนแห่สั่งสินค้าทางออนไลน์แล้วขอคืนเงิน หลังช้อปกระหน่ำในช่วงเทศกาลลดราคา https://thestandard.co/luxury-labels-chinese-returning-goods/ Sat, 20 Apr 2024 03:00:59 +0000 https://thestandard.co/?p=924834 แบรนด์หรู

เทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของจีนเมื่อเดือนพฤศจิ […]

The post แบรนด์หรูอ่วม! เจอปัญหาคนจีนแห่สั่งสินค้าทางออนไลน์แล้วขอคืนเงิน หลังช้อปกระหน่ำในช่วงเทศกาลลดราคา appeared first on THE STANDARD.

]]>
แบรนด์หรู

เทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของจีนเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทำให้เกิดคำสั่งซื้อสินค้า แบรนด์หรู ทะลักเข้ามาบน Tmall แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของ Alibaba Group Holding

 

แต่ภายในเวลาไม่กี่วัน แบรนด์ดังอย่าง Burberry Group Plc และ NET-A-PORTER ของ Cie Financiere Richemont SA สูญเสียรายได้จากยอดขายถึง 75%  เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากคืนสินค้าหรือยกเลิกคำสั่งซื้อกันยกใหญ่

 

อัตราการคืนสินค้าที่สูงผิดปกตินี้ (สูงกว่าอัตราปกติ 20-30% ของอุตสาหกรรมสินค้าหรูทั่วโลกตามการประเมินของบริษัทที่ปรึกษา Sanford C. Bernstein) ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องหลังจีนยกเลิกนโยบาย Zero-COVID เมื่อปีก่อน และกำลังทำให้แบรนด์แฟชั่นบางแบรนด์ต้องประเมินวิธีการทำธุรกิจในจีนใหม่

 

ลูกค้าส่วนใหญ่ของตลาดออนไลน์คือชนชั้นกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนโดยตรง กลุ่มคนเหล่านี้เคยเป็นกำลังสำคัญในการจับจ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย แต่ตอนนี้กลับมองหาสินค้าราคาถูกลงหรือเลิกซื้อของแพงไปเลย แพลตฟอร์มอย่าง Tmall ก็จัดโปรโมชันลดราคากันบ่อยขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขาย แต่เทรนด์การคืนสินค้ากำลังบ่อนทำลายความพยายามเหล่านี้

 

เทรนด์นี้เลวร้ายลงในไตรมาสแรกของปีนี้ อัตราการคืนสินค้าและยกเลิกการซื้อบน Tmall  ของ แบรนด์หรู สัญชาติอิตาลีอย่าง Brunello Cucinelli SpA พุ่งกระฉูดถึง 69% จาก 59% ในช่วงเวลาเดียวกันกับเมื่อปีก่อน และ Marc Jacobs ของ LVMH ก็พุ่งไปถึง 43% เมื่อเทียบกับ 30% ในช่วงเดียวกันของปี 2022

 

นอกจากนี้แบรนด์ Chloé ของ Richemont, Ralph Lauren Corp. และ Mulberry Group PLC ต่างก็ประสบปัญหากับอัตราการคืนสินค้าที่เพิ่มขึ้นเช่นกันเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา

 

“ผมนึกภาพออกเลยว่ามีคนมากมายในตลาดสินค้าหรูหยิบสินค้าไปใช้โชว์ในงานอีเวนต์เพื่อสร้างสถานะทางสังคม แล้วก็คืนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย” Mark Tanner กรรมการผู้จัดการของบริษัทการตลาด China Skinny กล่าว “มีสัญญาณว่าตลาดสินค้าหรูกำลังอ่อนตัวลง ซึ่งแน่นอนว่าทำให้นักฉวยโอกาสพากันใช้สินค้าฟรี”

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ไม่ได้กระทบแบรนด์ระดับสูงสุดอย่าง Hermès, CHANEL และ Dior ซึ่งจำกัดการขายผ่านอีคอมเมิร์ซและแทบไม่จัดโปรโมชันลดราคาเลย กลยุทธ์ ‘ของหายาก’ ที่เน้นสร้างฐานลูกค้าที่ร่ำรวยนี้ ทำให้ยอดขายของแบรนด์เหล่านี้ยังคงแข็งแกร่งท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีน

 

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการจัดโปรโมชันบ่อยครั้งของแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ อาจทำลายภาพลักษณ์ของแบรนด์และลดความน่าดึงดูดใจลง อย่างไรก็ตาม Tmall ยังคงสามารถชักจูงแบรนด์ต่างๆ ให้มาร่วมโปรโมชันได้ด้วยการให้สัญญาว่าจะทำการตลาดเพื่อนำลูกค้ามาที่ร้านค้าออนไลน์ของแบรนด์

 

ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีนกำลังทำให้ระบบการคืนสินค้าและขอเงินคืนง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะขึ้น แพลตฟอร์มอย่าง Tmall และ JD.com กำหนดให้แบรนด์ต้องอนุญาตให้ลูกค้าคืนสินค้าได้โดยไม่ต้องระบุเหตุผลภายใน 7 วัน 

 

แบรนด์หลายแบรนด์ก็ยังซื้อประกันจากแพลตฟอร์มที่ช่วยครอบคลุมค่าส่งสินค้าคืนให้ลูกค้าอีกด้วย เมื่อเร็วๆ นี้แพลตฟอร์มยังเริ่มอนุญาตให้ลูกค้าขอเงินคืนสินค้าที่มีปัญหา เช่น ส่งช้าหรือบริการแย่โดยไม่ต้องคืนสินค้าด้วยซ้ำ

 

อย่างไรก็ตาม การที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมีอิทธิพลและเข้าถึงตลาดได้อย่างมหาศาลในจีน ก็ทำให้ แบรนด์หรู หนีไปไหนไม่ได้ ดังนั้นหลายแบรนด์จึงลงทุนเพิ่มในการให้บริการที่ปรึกษา การสร้างประสบการณ์สุดพิเศษ และจัดโปรโมชันแบบส่วนตัวมากขึ้น เพื่อสร้างความสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวกับลูกค้ากระเป๋าหนัก

 

บริษัท Bain & Co. คาดการณ์ว่า ยอดขายสินค้าหรูของจีนจะเติบโตไม่เกิน 5% ในปีนี้ ซึ่งลดลง 12% จากปี 2023 และกลุ่มคนที่จะขับเคลื่อนตลาดนี้ก็คือกลุ่มที่มีทรัพย์สินลงทุนได้มากกว่า 10 ล้านหยวน (ประมาณ 50 ล้านบาท)

 

สถานการณ์นี้ทำให้ ‘แบรนด์หรูต้องหันมาโฟกัสลูกค้าคนสำคัญเป็นพิเศษ’ และการที่คนหันมาคืนสินค้าได้ง่ายๆ นี้แสดงให้เห็นว่า แบรนด์หรูยิ่งต้องปรับกลยุทธ์เพื่อตลาดจีน

 

ภาพ: Wang Gang / Feature China / Future Publishing via Getty Images

อ้างอิง:

The post แบรนด์หรูอ่วม! เจอปัญหาคนจีนแห่สั่งสินค้าทางออนไลน์แล้วขอคืนเงิน หลังช้อปกระหน่ำในช่วงเทศกาลลดราคา appeared first on THE STANDARD.

]]>
“ฉันมีเวลาแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น” Gigi Hadid พูดถึงการเลี้ยงดูลูกสาวของเธอและ Zayn Malik https://thestandard.co/gigi-hadid-parenting-talk-with-zayn-malik/ Mon, 18 Sep 2023 09:55:25 +0000 https://thestandard.co/?p=842967 Gigi Hadid

Gigi Hadid เปิดใจถึงการปรับสมดุลชีวิตของตัวเองในการเลี้ […]

The post “ฉันมีเวลาแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น” Gigi Hadid พูดถึงการเลี้ยงดูลูกสาวของเธอและ Zayn Malik appeared first on THE STANDARD.

]]>
Gigi Hadid

Gigi Hadid เปิดใจถึงการปรับสมดุลชีวิตของตัวเองในการเลี้ยง Khai ลูกสาววัย 3 ขวบ ร่วมกับอดีตคนรักอย่าง Zayn Malik 

 

Gigi Hadid ในวัย 28 ปี เผยผ่าน NET-A-PORTER ถึงชีวิตของเธอที่ขณะนี้นอกจากจะต้องเลี้ยงลูกสาวแล้ว เธอยังเป็นหนึ่งในนางแบบที่งานชุกที่สุด และต้องแบ่งเวลาไปทำหน้าที่เป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์แบรนด์ Guest In Residence ของตัวเองอีกด้วย

 

“ฉันคิดว่าเมื่อคุณเป็นแม่คนแล้ว คุณจะต้องทำมันด้วยความตั้งใจ เพราะตอนนี้ฉันมีเวลาแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น” Gigi Hadid พูดถึงการแบ่งเวลาเลี้ยงดู Khai กับ Zayn Malik ที่แบ่งแยกกัน 50-50 “ฉันทำงานเมื่อลูกสาวอยู่กับพ่อของเธอ และนั่นคือเวลาทั้งหมดที่ฉันมี”

 

Gigi Hadid เผยถึงการเลือกงานที่พิถีพิถันขึ้นจากเมื่อก่อนด้วยว่า เป็นเรื่องสำคัญที่งานที่เธอเลือกทำในเวลาว่างจากการเลี้ยงลูกนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่เติมเต็มเธออย่างแท้จริง “เมื่อก่อนฉันจะทำงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางครั้งฉันก็เป็นคนบ้าๆ เหมือนกันน่ะ แต่ตอนนี้ถ้าหากงานไหนมีความหมายมากกับฉันจริงๆ ฉันถึงจะทำมัน”

 

นอกจากนั้น Gigi Hadid ได้เล่าถึงกิจกรรมที่เธอทำเพื่อสานสัมพันธ์กับลูกสาว ที่มีตั้งแต่การปั้นเซรามิกไปจนถึงการถักโครเชต์ โดยครั้งหนึ่งเธอเคยใช้เวลา 6 ชั่วโมงบนเครื่องบินสู่ลอสแอนเจลิสในการถักโครเชต์ชุดยูนิคอร์นให้กับ Khai และ Khai ยังรับหน้าที่เป็นนางแบบฟิตติ้งจำเป็นสำหรับแบรนด์ Guest In Residence คอลเล็กชันสำหรับเด็กอีกด้วย “Khai และเพื่อนสนิทของเธอเป็นนางแบบฟิตติ้งให้กับเรา พวกเธอจะมาที่ออฟฟิศ และเธอจะถามว่า ‘แม่อยากไปร้านโดนัทมั้ย’ หลังจากที่ลองไปได้แค่ชุดเดียว”

 

ภาพ: Getty Images

อ้างอิง:

The post “ฉันมีเวลาแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น” Gigi Hadid พูดถึงการเลี้ยงดูลูกสาวของเธอและ Zayn Malik appeared first on THE STANDARD.

]]>
สาวกชุดดำ กับ 5 ไอเท็มที่จะเสริมลุคและความโดดเด่น https://thestandard.co/accessories-black-outfit/ https://thestandard.co/accessories-black-outfit/#respond Thu, 14 Feb 2019 04:55:14 +0000 https://thestandard.co/?p=198652 accessories-black-outfit

    เสื้อผ้ามากมายของสาวๆ ที่ต่างผลิตออกมาฟาด […]

The post สาวกชุดดำ กับ 5 ไอเท็มที่จะเสริมลุคและความโดดเด่น appeared first on THE STANDARD.

]]>
accessories-black-outfit

 

accessories-black-outfit

 

เสื้อผ้ามากมายของสาวๆ ที่ต่างผลิตออกมาฟาดฟันกัน ทั้งสีสันที่ดึงดูด แพตเทิร์นที่แปลกตา แต่เชื่อไหมว่าจะมีสาวๆ อยู่กลุ่มหนึ่งที่ไม่เคยถอดใจจากเสื้อผ้าสีดำเลย อาจจะมีเอนเอียงให้กับสีเทาหรือสีขาวบ้าง แต่พวกเธอจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับสีที่ฉูดฉาดอย่างแน่นอน ซึ่งเราเข้าใจได้ เพราะสีดำเป็นสีที่ทำให้ดูสุขุม เรียบง่าย และน่าค้นหาทั้งคนใส่และผู้ที่มองเข้ามา

 

แต่เราจะทำอย่างไรให้ลุคสีดำนั้นดูไม่น่าเบื่อและน่ากลัวทุกครั้งเวลาเข้าสังคม เรามีหลายตัวช่วยที่จะมาช่วยเติมเต็มลุคของคุณสาวๆ ที่รักสีดำให้ดูโดดเด่นขึ้น

 

accessories-black-outfit

 

Sunglasses

แว่นตาเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่สร้างลูกเล่นให้กับลุคของเราได้ดี เพราะจุดแรกที่คนจะมองคือส่วนของศีรษะ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีแว่นตาเริ่ดๆ สักอันก็จะช่วยทำให้ลุคดูเปรี้ยวและเก๋ไปอีกระดับ แนะนำแว่นตาดีไซน์ที่กำลังอินเทรนด์อยู่ในขณะนี้ นั่นคือแว่นตาขนาดใหญ่ที่เรียกได้ว่าเป็น Shield Sunglasses หรือจะมาในทรงแว่นสกีก็ยังได้เลย แต่อย่างที่เคยบอกเสมอว่า ต่อให้มองแว่นตาว่าสวยแค่ไหน ยังไงก็ต้องลอง

 

accessories-black-outfit

 

Earrings

ต่างหูคู่ใจ ไอเท็มที่ควรมีติดหูไว้ให้โดดเด่น มันคือสิ่งที่จะกำหนดว่าวันนี้เราอยากให้ลุคดูสบายๆ หรืออยากจะให้ดูหรูหรา แต่ที่จะแนะนำวันนี้คือต่างหูที่ควรมีติดบ้านเอาไว้ เพราะใส่ยังไงก็ปังแน่ๆ นั่นคือต่างหูที่เป็นแผ่นใหญ่หนา และสิ่งต้องเลือกตามมาคือแมตทีเรียลเพิ่มความโดดเด่น จะเป็นการลงยา ชุบทอง หรือจะเป็นหินอ่อนก็ตาม แต่สไตล์ของคุณในแต่ละวันนั้น เราแนะนำว่าควรมีหลากหลายแบบหน่อย เพราะคุณคงไม่ได้อยากมีลุคซ้ำน่าเบื่อเหมือนเดิมทุกวัน

 

accessories-black-outfit

 

Bag

กระเป๋าเป็นสิ่งที่คุณผู้หญิงขาดไม่ได้ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยแรกๆ ในการแต่งตัวไปแล้ว ยิ่งถ้าคุณเป็นคนแต่งตัวสีดำ เมื่อหยอดกระเป๋าสีสดหรือแมตทีเรียลแปลกตาก็จะช่วยคุณให้มีลุคที่โดดเด่นขึ้นได้ หรือลองมองพวกลายพิมพ์หนังสัตว์ต่างๆ ก็จะช่วยทำให้มีลูกเล่นในสไตล์การแต่งตัว อีกอย่างคือกระเป๋าที่เป็นแบบสะพายข้าง ให้พยายามเลือกหาใบที่มีสายสวยๆ เพราะเมื่อตัวสายคาดทับกลางลำตัวคุณ สิ่งนั้นจะกลายเป็นเครื่องประดับอีกหนึ่งชิ้นที่ช่วยสร้างสไตล์ให้ลุคของคุณได้

 

accessories-black-outfit

 

Belt

เข็มขัดก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่สร้างความโดดเด่นให้กับเราได้ในช่วงระยะกลางลำตัว ลองมองหาเข็มขัดที่มีหัวใหญ่และอะไหล่เป็นสีทองหรือกลิตเตอร์ก็จะช่วยสร้างความโดดเด่นได้มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าอยากได้มากกว่าความโดดเด่น เอาให้เปรี้ยวสุดๆ ก็ควรจะเล่นเป็นเข็มขัดซ่าๆ แมตทีเรียลพลาสติกสกรีนทั้งเส้นไปเลย เชื่อเถอะว่ายังไงก็โดดเด่น หรือถ้าเน้นการใช้งาน Belt Bag ก็ยังใช้ได้ในซีซันนี้ ยังไม่ได้ตกเทรนด์หรือหายไปไหน ยังไงเราก็เน้นสไตล์ ไม่ได้เน้นตามเทรนด์

 

accessories-black-outfit

 

Shoes

รองเท้าที่แนะนำคือรองเท้าที่มีดีเทลแปลกตา ไม่ติดว่าจะเป็นส้นสูง บู๊ต หรือผ้าใบ จริงๆ แล้วสามารถใส่ได้ทุกรูปแบบ แต่เน้นว่าอย่าให้ดูเรียบจนเกินไป เพราะมันจะผิดความตั้งใจที่อยากให้ลุคของเราดูโดดเด่น ลองเลือกส้นสูงที่มีอะไหล่ประดับด้านหน้าของรองเท้า หรือลองเลือกผ้าใบที่มีซิลูเอตสะดุดตา เท่านี้ก็สร้างลุคสนุกๆ ให้คุณได้แล้ว

 

ภาพประกอบ: Weerapat L.

ภาพ: ASP, Net A Porter, Chanel, Hermes, Balenciaga, Louis Vuitton

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

The post สาวกชุดดำ กับ 5 ไอเท็มที่จะเสริมลุคและความโดดเด่น appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/accessories-black-outfit/feed/ 0
5 ไอเท็มควรหลีกเลี่ยงช่วงหน้าร้อน เพื่อความมั่นใจในวันที่ดวงอาทิตย์แผดเผา https://thestandard.co/5-items-shouldnt-wear-in-summer/ https://thestandard.co/5-items-shouldnt-wear-in-summer/#respond Fri, 13 Jul 2018 14:47:58 +0000 https://thestandard.co/?p=107273

    อากาศบ้านเราเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราแต่ […]

The post 5 ไอเท็มควรหลีกเลี่ยงช่วงหน้าร้อน เพื่อความมั่นใจในวันที่ดวงอาทิตย์แผดเผา appeared first on THE STANDARD.

]]>

 

 

อากาศบ้านเราเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราแต่งตัวได้น้อยกว่าประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น หลายๆ ไอเท็มที่เรามีไว้ในตู้ก็หาโอกาสใส่ยากเต็มที ไม่ว่าจะเสื้อโค้ตตัวยาว บู๊ตครึ่งน่อง ฯลฯ และเราจะรับมือกับอากาศร้อนอย่างไรดี ให้การแต่งตัวดูดีและไม่มีปัญหาในวันที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งสู้แสงแดดตลอดวัน

 

THE STANDARD ขอแนะนำ 5 ไอเท็มที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับอากาศร้อน และอะไรคือไอเท็มที่ควรมีเพื่อลดความร้อน ทั้งยังใส่สบายเข้ากับสภาพอากาศ

 


ผ้าใยสังเคราะห์
ผ้าใยสังเคราะห์พวกผ้าร่ม หรือโพลีเอสเตอร์ต่างๆ มีคุณสมบัติที่ถ่ายเทความร้อนได้ไม่ดีนัก ลมไม่สามารถพัดผ่านได้ ทำให้ใส่แล้วยิ่งร้อน

 

ลองหันมาใส่ผ้าที่สบายตัวมากขึ้นอย่างลินินบางๆ โปร่งๆ เลือกสีอ่อนก็ช่วยให้ร่างกายถ่ายเทความร้อนได้ดีขึ้นมาก อีกอย่างซัมเมอร์แบบนี้ลินินก็เป็นอีกไอเท็มหนึ่งที่ควรมีติดตู้ ทั้งเทรนดี้ และยังใส่สบายอีกด้วย

 

 

เสื้อผ้าที่รัดๆ และปกปิดเยอะ
ขอให้ทุกคนทำความเข้าใจก่อนว่าเสื้อผ้ารัดกับเสื้อผ้าพอดีตัวต่างกัน แน่นอนว่าหลายคนไม่ชอบใส่เสื้อรัดๆ กันอยู่แล้ว เพราะนอกจากจะทำให้ดูเห็นส่วนเกินชัดเจนยังสวมใส่ไม่ค่อยสบายตัว ยิ่งถ้ามีเหงื่อก็ยิ่งทำให้เหนียวเหนอะหนะน่ารำคาญมากขึ้น

 

ลองเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่โคร่งหน่อย เน้นการเข้าเอวจะช่วยให้สัดส่วนชัดเจนยิ่งขึ้น ลึกบ้างเว้าบ้างอย่างคอวีลึกก็ช่วยให้คอดูยาวแถมเป็นการรับลมให้ร่างกายเย็นสบายขึ้นอีกด้วย

 

 

สีดำ
เราพูดกันบ่อยๆ ว่าเสื้อผ้าสีเข้มเป็นสีที่ดูดความร้อน แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้ดูดความร้อน แต่มันเป็นการดูดแสง เพราะสีดำเป็นสีที่ดูดแสงในทุกคลื่นความถี่ และทำให้เราเกิดความรู้สึกร้อนเมื่อใส่เสื้อสีดำ เพราะฉะนั้นโปรดหลีกเลี่ยงสีดำหากกิจกรรมวันนั้นของคุณต้องเจอแดด

 

เลือกเปลี่ยนมาใส่สีอ่อนอย่างขาว หรือเป็นสะท้อนแสงจัดไปเลย เพราะตามชื่อสีสะท้อนแสงมันช่วยสะท้อนแสงได้จริงๆ

 

รองเท้าบู๊ต
บางคนอาจจะชอบการใส่บู้ต จริงๆ ถามว่าสามารถใส่ได้ไหม คำตอบคือได้ แต่ถามว่าเปียกไหม ฉันตอบเลยว่ามาก (โดยเฉพาะคนที่เหงื่อออกง่าย) ถ้ารักจะใส่บู๊ตจริงๆ ลองเลือกบู๊ตผ้าที่ช่วยระบายอากาศได้ดีกว่า

 

แต่ทางที่ดีเลือกเป็นรองเท้าแตะเลยจะรอดกว่า ทั้งแบบสานก็ดี แบบสลิปเปอร์ก็ได้ เพราะตอนนี้เทรนด์รองเท้าแตะกำลังมา หลายแบรนด์ต่างทำออกมากันมากมาย เรียกได้ว่าเดินเข้าช็อปไหนก็มีรองเท้าแตะสวยๆ ให้ได้ลองแน่ๆ

 



เสื้อที่เห็นรอยเหงื่อชัดเจน
อากาศร้อนมาพร้อมเหงื่อที่เปียกไปทั่ว การสวมเสื้อสีเทาอาจทำให้คุณพลาดได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเป็นสีที่ทำให้เห็นรอยเหงื่อชัดเจนสุดๆ ลองเลือกเสื้อสีขาว หรือถ้าให้ดี สิ่งที่พอจะช่วยให้ลวงตาลายเหงื่อของเราได้คือลายกราฟิก เพราะจะช่วยพรางตาจากรอยเปียกและรอยด่างเกลือที่เกิดขึ้น จะลายฟลอรัล ลายทาง ลายจุด ได้หมด แต่ขอให้ลายแน่นพอจะพรางสายตาจากร่องรอยที่ต้องการปกปิดให้ได้

The post 5 ไอเท็มควรหลีกเลี่ยงช่วงหน้าร้อน เพื่อความมั่นใจในวันที่ดวงอาทิตย์แผดเผา appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/5-items-shouldnt-wear-in-summer/feed/ 0
เราจะเป็นหมูที่แข็งแรง ออกกำลังกายเก่ง และเฉิดฉายในชุด Active Wear ที่ไม่ซ้ำใคร! https://thestandard.co/active-wear/ https://thestandard.co/active-wear/#respond Fri, 15 Jun 2018 07:14:11 +0000 https://thestandard.co/?p=98135

    สาวๆ หลายคนไปออกกำลังกายด้วยเสื้อผ้าที่ดู […]

The post เราจะเป็นหมูที่แข็งแรง ออกกำลังกายเก่ง และเฉิดฉายในชุด Active Wear ที่ไม่ซ้ำใคร! appeared first on THE STANDARD.

]]>

 

 

สาวๆ หลายคนไปออกกำลังกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูง่ายๆ อย่างสปอร์ตบราและกางเกงเลกกิ้งเข้าชุดซ้ำๆ เดิมๆ บางครั้งมันอาจทำให้คุณเบื่อหน่ายกับรูทีนซ้ำไปซ้ำมา ลองสร้างความสนุกกับการมิกซ์แอนด์แมตช์อีกสักนิด เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้อยากออกไปเฉิดฉายในยิม

 

Photo: Net-A-Porter

 

Make Something Over

อย่างที่บอกไว้ว่าบางครั้งเราแต่งตัวซ้ำๆ เดิมๆ อย่างสปอร์ตบราและเลกกิ้งที่ดูเข้ารูป มันก็จริงอยู่ที่เราอยากจะอวดรูปร่างที่เราสร้างมา แต่บางครั้งอวดจนหมดเปลือก คนที่เห็นเขาก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นสักเท่าไร ลองจับสปอร์ตบราแมตช์เข้ากับกางเกงวอร์มโอเวอร์ไซส์สักตัว พร้อมรองเท้าวิ่งที่ดูทะมัดทะแมง เท่านี้คุณก็จะได้ลุคที่ดูต่างจากผู้หญิงทั่วไปในยิม แถมยังสร้างลุคที่ดูเท่และเข้าใจง่ายอีกต่างหาก

 

Photo: Topshop

 

Transparent

เราจะไม่ตัดลุคที่เป็นเลกกิ้งกับสปอร์ตบราไปเลยเสียทีเดียว เพราะเรายอมรับว่ามันเป็นลุคที่สวมใส่ง่ายและสบายต่อการเคลื่อนไหว แต่ถ้าเราลองเพิ่มเสื้อคลุมตัวโคร่งที่มีแมตทีเรียลเป็นผ้าตาข่าย ใส่สปอร์ตบราสีสดด้านใน ก็จะสร้างความเซ็กซี่เพิ่มขึ้นอีกด้วย แต่ถ้าเน้นความเท่ก็ใส่สีที่มีโทนเดียวกัน ก็สร้างลุคคูลอีกลุคได้เช่นกัน

 

Photo: Topshop

 

Absolutely Fit

ชุดว่ายน้ำและกางเกงขาสั้นง่ายๆ จริงๆ แล้วลุคนี้เซฟสุด เพราะมั่นใจได้เลยว่าเวลาคุณนอนซิตอัพหัวต่ำ เสื้อคุณไม่มีทางที่จะเปิดโชว์เนินอกแน่นอน และการขยับเคลื่อนไหวตัวมากๆ ก็ไม่ทำให้เสื้อของคุณยับ อีกอย่างการใส่ชุดว่ายน้ำจะช่วยในการเก็บรูปทรงของร่างกายได้ดีอีกด้วย จริงๆ ใส่ไปวิ่งในสวนสาธารณะก็เป็นอีกลุคซัมเมอร์เริ่ดๆ อยู่เหมือนกัน

 

Photo: Nike

 

Bitter Sweet

การใส่กระโปรงอาจจะเป็นเรื่องที่ดูแปลก แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้ต่างจากการที่ผู้ชายใส่กางเกงขาสั้นทับ Speed Tight เลย อย่างน้อยกระโปรงก็ช่วยเอามาปกปิดกางเกงรัดๆ อีกอย่างมันเพิ่มสไตล์และให้ความรู้สึกเฟมินีนมากขึ้น เราสามารถใส่คู่กับท่อนบนที่เป็นสปอร์ตบรา หรือจะเป็นเสื้อยืดง่ายๆ ก็ยังได้ รับรองว่าลุคนี้จะเพิ่มคาแรกเตอร์ให้คุณได้อย่างแน่นอน

 

Photo: Nike

 

Real Sporty Girl

ตั้งใจและแน่วแน่ ฉันนี่แหละนักกีฬาตัวจริง ลุคนี้เหมาะสุดๆ กับสายคาดิโอ เอาให้เหงื่อมันท่วม เอาให้บอดี้มันร้อน ด้วยชุดที่ปกปิดร่างกายด้วยเสื้อแจ็กเก็ตเอวจัมป์ เข้าชุดกับกางเกงวอร์ม อาจจะดูคล้ายกับชุดนักมวยในยามเช้าที่วิ่งจ๊อกกิ้ง แต่ถ้าเลือกสีที่ดูสด และดีเทลอย่างซิปหน้าพร้อมคอปกตั้ง คุณก็จะมีลุคที่ดูเท่มากขึ้น แถมยังได้ลุคที่ยังทะมัดทะแมงอีกด้วย

เชื่อเถอะว่าถ้าคุณมีชุดออกกำลังกายดีๆ มันจะช่วยส่งให้คุณอยากจะหยิบมันใส่แล้วออกไปยิม พร้อมแล้วก็อย่ารอช้า หยิบชุดออกกำลังที่ใช่ไปหาแมชชีนที่ชอบ แล้วเบิร์นไขมันส่วนเกินออกให้หมด ต่อให้เราหุ่นไม่ดี แต่สไตล์เราดี เท่านี้ก็เริ่ดแล้ว ต่อให้เราไม่อยากผอม อย่างน้อยเราก็ต้องเป็นหมูที่แข็งแรง!

The post เราจะเป็นหมูที่แข็งแรง ออกกำลังกายเก่ง และเฉิดฉายในชุด Active Wear ที่ไม่ซ้ำใคร! appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/active-wear/feed/ 0
6 เดรสเด็ดห้ามพลาดซัมเมอร์นี้ มีติดตู้เสื้อผ้าไว้ไม่ตกเทรนด์ https://thestandard.co/summer-dresses-2018/ https://thestandard.co/summer-dresses-2018/#respond Fri, 25 May 2018 10:38:35 +0000 https://thestandard.co/?p=93328

เดรสคือไอเท็มที่เรียบง่าย ชิ้นเดียวจบ เหมาะสำหรับอากาศท […]

The post 6 เดรสเด็ดห้ามพลาดซัมเมอร์นี้ มีติดตู้เสื้อผ้าไว้ไม่ตกเทรนด์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

เดรสคือไอเท็มที่เรียบง่าย ชิ้นเดียวจบ เหมาะสำหรับอากาศที่ร้อนอบอ้าวของเมืองไทยมากๆ แต่ทำอย่างไรเราถึงจะสนุกกับการแต่งตัวในหน้าร้อนนี้ได้ THE STANDARD ขอแนะนำ 6 เดรสที่คุณควรมีในซัมเมอร์ รับรองว่าหยิบมาใส่เมื่อไรจะเจิดจ้ากว่าแดด

 

 

Pale White
เป็นอีกสีที่ยังคงให้ความสงบและรู้สึกถึงความสะอาดอยู่เสมอ เมื่อไรที่ไปทะเล เสื้อผ้าสีแรกที่นึกถึงคือสีขาวสะอาด ครั้งนี้ลองเลือกเดรสสีขาวผ้าโปร่งมาแมตช์เข้ากับเสื้อเชิ้ตบางๆ อีกสักตัว เท่านี้คุณก็จะได้ลุคขาวบนขาวที่ดูสะอาดตา น่ามองสุดๆ

 


Yellow Like A Sunshine
ปีนี้เราต้องยอมรับจริงๆ ว่าสีเหลืองเป็นสีที่มาแรงกว่าทุกสี อาจเพราะเป็นสีโทนร้อนที่จัดจ้านแต่ไม่แสบตา เปรี้ยวซ่าแต่ไม่ขัดใจ ลองเลือกเดรสที่มีการจับระบายเข้ามาสร้างลุคให้ดูสนุกสนานและอ่อนหวาน แต่ที่สำคัญลองเลือกความยาวกระโปรงให้เข้ากับรูปร่างคุณด้วยล่ะ แมตช์เดรสสีเหลืองสดเข้ากับรองเท้าผ้าใบสีขาวล้วนสักคู่ เท่านี้คุณก็จะได้ลุคสดใสรับอรุณแล้วล่ะ


 

Step in to the Garden
เข้ากระแส ‘ฉันเดินเข้าป่า’ อากาศมันร้อนนักก็สร้างความสดชื่นด้วยเหล่าแมกไม้นานาพรรณ เรียกว่ายกกันมาทั้งป่า ตัวเดรสลายพิมพ์ดอกไม้เราอาจจะเห็นกันอยู่บ่อยๆ แต่น้อยนักที่เราจะเห็นการแมตช์มันเข้าคู่กับรองเท้าส้นสูงสีสดๆ เพราะนอกจากดอกไม้ที่ให้ความหวานแล้ว ส้นสูงสีสดยังเพิ่มความเปรี้ยวให้กับคุณอีกด้วย


 

Check the Checke
ลายสกอตก็เป็นอีกหนึ่งลายที่ไม่ตกเทรนด์และยังคงอยู่ในกระแสเสมอ แม้ว่าในประเทศเราชอบคิดว่าลายสกอตเหมือนลายผ้าขาวม้า แต่เมื่อไรที่มาอยู่บนตัวเรามันจะต้องเป็นลายสกอตที่มีสไตล์สุดๆ ลองเลือกจับเดรสลายสกอตที่มีการตัดต่อผ้าให้เกินเลเยอร์ของลายทำให้ลุคดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น แมตช์เดรสสายเดี่ยวลายสกอตผ้าตัดต่อเข้ากับเสื้อยืดบางๆ สักตัว คุณก็จะได้ลุคสุดคูลไม่เหมือนใคร

 

 

Stripe is Coming
ลายทางก็เหมาะกับฤดูร้อนเช่นเดียวกัน ความคุ้นเคยที่ผ่านมาเราอาจจะเห็นลายทางสีน้ำเงินตัดขาวและแดงตัดขาวอยู่บ่อยๆ แต่เทรนด์ปีนี้มาทุกสี ทั้งส้ม เหลือง ฟ้า หรือชมพู เรียกว่ามาเป็นกองทัพลายทางเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นหยุดความจำเจกับสีเดิม ลองเลือกหยิบสีใหม่ที่มีความสนุกสดชื่นขึ้นมาดู แล้วคุณจะได้คาแรกเตอร์ใหม่ที่น่าสนใจ


 

Mother of the Earth
เดรสสีน้ำตาลเอิร์ธโทนก็สร้างคาแรกเตอร์เท่ๆ ให้คุณได้ อีกอย่างสีน้ำตาลเป็นสีของธรรมชาติ มันเลยทำให้ดูเบาและสบายตาในตัวของมันเอง ให้ความรู้สึกน่ารักๆ แมตช์เดรสสีน้ำตาลเข้ากับบู๊ตหนังสักคู่ มันยิ่งทำให้คุณดูเก๋ยิ่งขึ้น



อากาศจะร้อนสักแค่ไหน อุณหภูมิจะสูงขึ้นสักเพียงใด สาวๆ อย่าลืมว่าเราจะต้องฮอตให้ยิ่งกว่าอากาศที่เป็นอยู่ ไม่ด้วยแอตติจูดก็ต้องด้วยสไตล์ แต่จำไว้ว่าความมั่นใจสร้างความเร้าใจได้เสมอ

The post 6 เดรสเด็ดห้ามพลาดซัมเมอร์นี้ มีติดตู้เสื้อผ้าไว้ไม่ตกเทรนด์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/summer-dresses-2018/feed/ 0
เร็วจนฉุดไม่อยู่…อะไรก็เกิดขึ้นได้ในวงการแฟชั่นปี 2018 https://thestandard.co/fashion-2018/ https://thestandard.co/fashion-2018/#respond Thu, 04 Jan 2018 07:35:28 +0000 https://thestandard.co/?p=59904

วงการแฟชั่นจะไปทิศทางไหนในปี 2018? เป็นคำถามที่เราอาจต้ […]

The post เร็วจนฉุดไม่อยู่…อะไรก็เกิดขึ้นได้ในวงการแฟชั่นปี 2018 appeared first on THE STANDARD.

]]>

วงการแฟชั่นจะไปทิศทางไหนในปี 2018?


เป็นคำถามที่เราอาจต้องนั่งคิดเรื่อยๆ ถ้าให้ตอบแบบทันทีก็คงเป็น “……….” เพราะถ้าปี 2017 สอนอะไรเกี่ยวกับวงการนี้ก็พูดได้ว่าเหมือนขึ้นรถไฟเหาะ Full Throttle ที่สวนสนุก Six Flags ในแคลิฟอร์เนีย ที่กลับหัวกลับหาง เหวี่ยงทุกนาทีทั้งขึ้นทั้งลง และสำหรับปี 2018 เราขอมอบคำว่า ‘แปรปรวน’ ให้วงการแฟชั่น เรากำลังเข้าสู่ปีที่ ‘โคตร’ ท้าทาย สนุก ปวดหัว น่าลุ้น และอีก 11 เดือนข้างหน้า หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่า ตกลงใครรอดบ้าง?

 

THE STANDARD ได้หยิบยกประเด็นต่างๆ ที่เราคาดการณ์ไว้สำหรับปี 2018 ในวงการแฟชั่น แต่เพราะความไม่หยุดนิ่งของวงการ เราขอไม่พึ่งโหราศาสตร์หรือฟันธงใดๆ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

 

อีวา เฉิน

 

 

Instagram Leads The Way

ขึ้นสู่ปีที่ 8 หลังจาก Instagram เปิดตัว ในปีนี้เราจะได้เห็นแอปพลิเคชันที่ก่อตั้งโดย เควิน ซิสตรอม และไมค์ ครีเกอร์ มีบทบาทต่อวงการแฟชั่นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากได้ อีวา เฉิน อดีตบรรณาธิการนิตยสาร Lucky มาดูแลด้าน partnership กับวงการแฟชั่น ด้วยคุณสมบัติหลักของแพลตฟอร์ม Instagram ที่เน้นสื่อสารภาพถ่ายเป็นหลัก

 

หลายแบรนด์ต้องคิดให้หนักว่าต้องการถ่ายทอดอะไรผ่าน Instagram ช่องทางที่มีพลังท่วมท้น เช่น อยากเน้นรูปดาราที่สวมใส่เสื้อผ้าบนพรมแดง, เน้นสตรีทสไตล์ของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์, เน้นเรื่องราวแรงบันดาลใจของเสื้อผ้า, เน้นตัวดีไซเนอร์เอง หรือเน้นความเป็นมาของแบรนด์ จะทิศทางไหนแบรนด์ก็ต้องชัดเจนและทำให้ทุกภาพมีอิมแพ็กต์มากที่สุด ทั้งยังดูเข้ากับภาพลักษณ์ที่อยากสะท้อนออกมา เพราะจะมาคิดแบบห้วนๆ ว่า “ก็ลงๆ ไปนั่นแหละ” อาจจะไม่ใช่ทัศนคติที่ถูกต้อง และอาจทำให้ branding ดูสะเปะสะปะ

 

ขณะนี้ Chanel เป็นแบรนด์แฟชั่นระดับลักซูรีที่มีฟอลโลเวอร์มากสุดบน Instagram กับ 25.7 ล้านแอ็กเคานต์ ซึ่งกลยุทธ์ในการใช้แพลตฟอร์มนี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมและมีการมองแบบ 360 องศา ทั้งยังคงรักษาภาพลักษณ์ความเป็นแบรนด์พรีเมียมที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่ต้องบอกว่า Chanel มีต้นทุนสูงในการทำมาร์เก็ตติ้งและมีการจ้างเอเจนซีชั้นนำดูแลภาพลักษณ์ในหลายภาคส่วน

 

ภาพหรือวิดีโอที่ปล่อยออกมาเป็นการสร้าง ‘โมเมนต์’ ที่วางแผนมาอย่างดี ทั้งภาพเบื้องหน้า เบื้องหลัง และภาพบุคคลที่มีชื่อเสียงในแบบฉบับสาว Chanel ยิ่งพอมีแฟชั่นโชว์ในแต่ละซีซัน หลายคนอาจไม่เข้าใจว่าทำไม Chanel ต้องลงทุนเป็นล้านๆ เหรียญเพื่อสร้างฉากที่ใช้งานแค่ 20 นาที แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภาพที่คนไปร่วมงานโพสต์ใน Instagram และถูกรีโพสต์ต่อเรื่อยๆ ก็คือมูลค่าที่สร้าง buzz และ engagement ให้แบรนด์ยังอยู่ในกระแสทุกนาที โดยเฉพาะช่วงแฟชั่นวีกที่ต้องแข่งกันเรียกร้องความสนใจจากโชว์ที่จัดนับร้อยๆ แบรนด์ ซึ่งต่อมาสิ่งนี้ยังช่วยสร้าง Domino Effect ที่ทำให้ผู้คนอยากลงทุนเป็นเจ้าของ Chanel สักชิ้น ไม่ว่าจะเป็นแค่ต่างหูหรือแจ็กเก็ตผ้าทวีต

 

ความน่าสนใจต่อไปเกี่ยวกับ Instagram คือพอเพิ่มฟังก์ชันใหม่ Business Profile เข้าไปแล้ว ทางแบรนด์จะปรับตัวและเล่นกับเครื่องมือเหล่านี้ได้เฉลียวฉลาดขนาดไหน และต้องรอดูว่าเราจะได้เห็น Instagram สร้างช่องทางการซื้อสินค้าที่คนเข้ามาดู แล้วกดสั่งซื้อได้ทันทีหรือไม่ ซึ่งถ้ามี เราก็เชื่อว่าจะเปลี่ยนภูมิทัศน์ด้านการค้าปลีกอย่างมหาศาล

 

อองตวน อาร์โนลต์ แห่ง LVMH ผู้ริเริ่ม Model Charter ดูแลนางแบบ-นายแบบ

 

Dior

 

Being Socially Conscious

“แฟชั่นเป็นแค่สิ่งสวยงามที่สร้างแต่ความเพ้อฝัน และไม่สะท้อนปัญหาสังคม” ประโยคนี้คงเป็นความคิดที่ผิดในปี 2018 เพราะในความเป็นจริงแล้ว วงการแฟชั่นทุกระดับมีส่วนสำคัญมากต่อมนุษย์ สิ่งหนึ่งที่คนเราต้องทำกันทุกวันคือการเลือกชุดไปทำงาน และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับแฟชั่นหรอกหรือ

 

ในปีนี้เราน่าจะได้เห็นหลายแบรนด์ออกมาประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนมากขึ้น ทั้งเรื่องเนื้อผ้าที่นำมาใช้ นางแบบที่เลือกมาเป็นพรีเซนเตอร์ หลักจรรยาบรรณต่างๆ ในการทำงาน หรือว่าตัวแบรนด์เองมีทัศนคติอย่างไรต่อสังคมโดยรวม ที่ผ่านมาในปี 2017 เราได้เห็น Gucci และ Michael Kors ประกาศยุติการใช้ขนสัตว์ในปีนี้, Proenza Schouler ทำแคมเปญกับองค์กร Planned Parenthood, แบรนด์ Dior ยังเน้นผลักดันภาพลักษณ์การเป็นเฟมินิสต์, และที่สร้างความฮือฮาคือการที่สองกลุ่มยักษ์ใหญ่ของวงการแฟชั่นอย่าง Kering และ LVHM ประกาศจับมือสร้างระบบ Model Charter ที่จะเริ่มใช้ปีนี้ ซึ่งจะช่วยสกรีนและดูแลนางแบบ-นายแบบที่ถูกจ้างเพื่อไม่ให้โดนเอาเปรียบ ทำงานนอกเหนือสัญญา หรือโดนล่วงละเมิดทางเพศ

 

ถามว่าจำเป็นไหมที่แต่ละแบรนด์ต้องเอาตัวเองเข้าไปพัวพันเรื่องสังคมต่างๆ คำตอบก็คือไม่เสมอไป เพราะแบรนด์อย่าง Oscar de la Renta ที่ซีอีโอ อเล็กซ์ โบเลน ได้กล่าวไว้ที่งาน Luxury Conference ของ The New York Times ว่าไม่อยากสร้างความแตกแยกในกลุ่มลูกค้าที่มีหลายประเภท หากเอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมือง

 

ในขณะเดียวกัน หากแบรนด์ต้องการความสนใจจากกลุ่มมิลเลนเนียลรุ่นใหม่ที่มีความส่วนตัวสูงในเชิงความคิดและมุมมองทางสังคม บางครั้งแบรนด์อาจได้เปรียบหากมีภาพลักษณ์ที่เข้าถึงความต้องการของคนรุ่นใหม่ เช่น Gucci หรือ Balenciaga ที่เอาเรื่องราวความเป็น Gender Fluid มาแทรกในงานดีไซน์และอิมเมจที่สะท้อนออกมา หรือแบรนด์ Stella McCartney ที่เรียกตัวเองว่า ‘แบรนด์มังสวิรัติ’ ไม่ใช้ขนสัตว์หรือหนังสัตว์ใดๆ ซึ่งก็เป็นที่โปรดปรานของกลุ่มลูกค้าสมัยใหม่ที่ตระหนักในปัญหาสังคม

 

แต่แบรนด์ต้องมั่นใจว่าพอสร้างจุดยืนแล้ว ตัวเองต้องมีความน่าเชื่อถือและไม่เสแสร้งทำไปเพื่อกระแสที่ฉาบฉวย เพราะในโลก Globalization ของทุกวันนี้ คนเราก็ถูกเชื่อมต่อกันง่ายขึ้นผ่านเทคโนโลยี และการจับผิดก็ง่ายขึ้นเช่นกัน

 

ร้าน Calvin Klein ที่นิวยอร์ก

 

Create Your Own Voice

ความท้าทายและเสน่ห์ของวงการแฟชั่นสมัยนี้คือความไร้ขอบเขตเชิงพาณิชย์ ความคิด และการสร้างสรรค์ประสบการณ์ให้ผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา ในปี 2018 เราจะได้เห็นว่าคำว่า ‘เทรนด์’ แทบไม่มีความหมาย และแต่ละแบรนด์ต้องสร้างแม่พิมพ์ของตัวเอง ตัวอย่างสำคัญคือแบรนด์ Vetements ภายใต้การควบคุมของ เด็มนา กวาซาเลีย ที่ตัดสินใจทำแค่ lookbook สำหรับ Spring/Summer 2018 และยกเลิกการทำแฟชั่นโชว์ แต่ lookbook นี้ก็เปรี้ยงจนคนเอาไปแชร์กันเป็นว่าเล่น ส่วนแบรนด์เบลเยียมอย่าง Dries Van Noten ก็ขอเกาะรูปแบบเดิมที่ทำแค่ 4 โชว์ต่อปี (2 คอลเล็กชันผู้หญิง และ 2 คอลเล็กชันผู้ชาย) โดยไม่ทำคอลเล็กชันอื่นๆ หรือ collaboration กับแบรนด์อื่น แต่ก็ยังมีเงินหล่อเลี้ยงอาณาจักรของแบรนด์ที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

 

ปีที่แล้วกิจการของ Gucci ก็ยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบางแบรนด์อาจคิดว่าควรทำตามไหม และเราขอบอกว่าอย่าเด็ดขาด! เพราะแม้แต่แบรนด์อื่นในเครือ Kering อย่าง Balenciaga, Alexander McQueen หรือ Saint Laurent ก็ไม่ทำตาม นอกเหนือจาก Bottega Veneta และ Saint Laurent ที่รวบคอลเล็กชันผู้ชาย-ผู้หญิงไว้ในหนึ่งโชว์เหมือน Gucci เรื่องนี้สำคัญมากที่แต่ละแบรนด์ต้องรู้จุดแข็งของตัวเอง และรู้ว่าฐานลูกค้าหลักมีไลฟ์สไตล์แบบไหน อย่างเช่น Bottega Veneta ที่มีกลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่ มีดีไซน์นิ่งและเรียบหรู ก็เลือกไปโฟกัสการบริการในตัวร้านที่อาจสำคัญกว่าการรุกด้านอีคอมเมิร์ซ หรือไปมัวทำแคมเปญสนุกสุดเหวี่ยง

 

แต่แบรนด์อย่าง Gucci หรือ Calvin Klein ที่เห็นกลุ่มลูกค้ามิลเลนเนียลเพิ่มขึ้นทุกนาทีก็อาจต้องเพิ่มประสบการณ์ดิจิทัลสำหรับทุกช่องทางหรือในตัวร้านเองให้คนยอมออกมาช้อปสินค้า เช่น โปรเจกต์ออนไลน์ Gucci Places ที่เอาเหล่าอินฟลูเอนเซอร์อย่าง ไบรอัน บอย มาแนะนำสถานที่เที่ยว ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แบรนด์ดูมีคอนเทนต์ ส่วน Calvin Klein ที่ถึงแม้จะมีแฟลกชิพสโตร์แห่งเดียวที่นิวยอร์ก แต่ก็สร้างความ ‘ว้าว’ กับการให้ สเตอร์ลิง รูบี ศิลปินร่วมสมัยชื่อดัง มาตกแต่งร้านให้เป็นพิพิธภัณฑ์ย่อมๆ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สัมผัสไม่ได้ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ

 

แม้แต่เว็บไซต์ออนไลน์ช้อปปิ้งชั้นนำอย่าง Net-a-Porter, Moda Operandi หรือ Farfetch เองก็ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และทำให้เว็บไซต์ของตัวเองแตกต่างจากคนอื่น เช่น เพิ่มบริการ customization สินค้า, ทำคอลเล็กชันเอ็กซ์คลูซีฟ หรือสร้างคอนเทนต์พิเศษ เพราะสมัยนี้เว็บซื้อขายก็เพิ่มขึ้น และตัวแบรนด์ก็ขยายช่องทางบนเว็บไซต์ของตัวเองเช่นกัน

 

ทีม Vogue America

 

Will Legacy Titles Survive?

สิ่งหนึ่งที่น่าจับตามองและได้กลายเป็นประเด็นรุนแรงในปี 2017 ที่ผ่านมาคือบทบาทของสื่อแฟชั่นระดับตำนานที่เรียกกันว่า Legacy Title เช่น ในเครือ Condé Nast และ Hearst Publishing ที่บทบาทของตัวนิตยสารลดลง และจุดสนใจเบี่ยงเบนมาเป็นออนไลน์ ซึ่งแม้เทรนด์นี้จะมาสักพักใหญ่แล้ว แต่ในปี 2018 น่าจะเข้มข้นขึ้นและเป็นปีที่แต่ละหัวนิตยสารชั้นนำต้องวางหมากให้ถูก แค่เพราะว่าคุณมีแบรนด์ที่สั่งสมประสบการณ์และคุณภาพมานานนับสิบๆ ปี ไม่ได้แปลว่าพอจะมาลุยออนไลน์แล้วคนอ่านจะตามมา โดยเฉพาะนาทีนี้ที่คนอ่านมีตัวเลือกมากขึ้นและอยากตามแพลตฟอร์มที่มีความชัดเจน เหล่า Legacy Titile ต้องดูว่าอยากเน้นการเป็นผู้นำด้านแฟชั่นไปเลย, เน้นการขายของแบบ shopping, เน้นด้านความหลากหลายในสังคมแบบ diversity, เน้นเรื่องดาราฮอลลีวูดและป๊อป หรือจะหรูหราไฮโซไปเลย สำคัญมากที่จะเน้นด้านไหน แต่ละเจ้าก็ควรมีการพูดคุยและ engage กับคนติดตามอยู่ตลอดเวลา มากกว่าแค่โพสต์เนื้อหาที่แบรนด์ขอให้ลงจนท่วมฟีดไปหมด ซึ่งนั้นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเหล่าอินฟลูเอนเซอร์กำลังมีบทบาทและอำนาจมากขึ้น เพราะความเข้าถึงได้ง่าย

 

ส่วนตัวแบรนด์แฟชั่นลักซูรีเองก็มีความเซนสิทีฟสูงกับโลกออนไลน์ และกลัวเรื่องภาพลักษณ์ตัวเอง เพราะเมื่อมาอยู่บนออนไลน์จะมีความ inclusive เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ฟรี มากกว่าความ exclusive ตอนอยู่ในนิตยสาร เป็นต้น แต่เราเชื่อว่าปี 2018 หลายแบรนด์ก็ต้องบุกออนไลน์มากขึ้น และแต่ละหัวหนังสือก็ต้องร่วมงานบนออนไลน์อย่างแยบยล และหาทางสร้างสรรค์ประสบการณ์ให้กับคนที่เข้ามาชม แม้จะผ่านจอขนาดเล็กในโทรศัพท์มือถือ

 

ซึ่งถ้าต้องชี้ว่าในปี 2018 ใครจะนำ ก็ยังคงต้องยกให้ Vogue America ภายใต้ทีมของ แซลลี ซิงเกอร์ ที่สร้างมาตรฐานใหม่อยู่ตลอดเวลา ส่วนหัวอังกฤษอย่าง i-D ก็เป็นอีกหนึ่งสื่อที่น่าสนใจ เพราะใช้ภาพลักษณ์ความเป็น Youth Culture และอิงเนื้อหาสังคมที่เน้นในนิตยสารมาโดยตลอด ทั้งยังนำมาใช้ในแพลตฟอร์มออนไลน์ของตัวเองอย่างเฉียบคม

 

ฟีบี ไฟโล

 

Musical Chairs Continues

ปิดท้ายด้วยเกมเก้าอี้ดนตรีที่วงการแฟชั่นดูเหมือนจะกลายเป็นโปรไปแล้ว ในปี 2017 เราได้เห็นการเปลี่ยนครีเอทีฟไดเรกเตอร์เป็นว่าเล่น และความน่ากลัวคือถ้าคอลเล็กชันไหนโดนสับเละ และดีไซเนอร์ที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้โด่งดังมากนักก็มีสิทธิ์ถูกปลดจากตำแหน่งทันที เพราะสมัยนี้บางแบรนด์เซ็นสัญญาจ้างงานเป็นรายซีซันก็มี

 

สำหรับปี 2018 สองแบรนด์ที่จะถูกจับตามองทุกนาทีคงหนีไม่พ้น Burberry และ Céline ที่ช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ดีไซเนอร์สาวชาวอังกฤษ ฟีบี ไฟโล ได้ประกาศลาออกจาก Céline หลังเริ่มทำงานที่แบรนด์ฝรั่งเศสภายใต้กลุ่ม LVMH ตั้งแต่ปี 2008 โดยมีข่าวลือว่าเธออาจย้ายไปอยู่ Burberry ที่ประธานและดีไซเนอร์ คริสโตเฟอร์ เบลีย์ ก็ได้ลาออกปีก่อน ซึ่งซีอีโอคนล่าสุดของ Burberry อย่าง มาร์โค ก็อบเบตติ ก็ย้ายมาจาก Céline และทำงานกับฟีบีมานาน

 

ส่วนคริสโตเฟอร์ เบลีย์ ที่จะขอไปโฟกัสด้านชีวิตครอบครัวกับสามี ไซมอน วูดส์ เราก็จะไม่แปลกใจถ้าเขาจะเริ่มทำโปรเจกต์เป็นที่ปรึกษาให้กับแบรนด์อื่นๆ ซึ่งเราขอทำนายเล่นๆ ว่าอาจเป็น Apple เพราะว่าซีอีโอคนเก่าของ Burberry อย่าง แองเจลา อาเรนท์ส ที่คริสโตเฟอร์สนิทด้วยก็ไปทำงานเป็น Senior Vice President of Retail โดยคริสโตเฟอร์อาจไปช่วยด้านดีไซน์สินค้าหรือร้านค้า แถมมีข่าวลือว่า อัลแบร์ อัลบาซ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนเก่าของ Lanvin กำลังซุ่มทำโปรเจกต์ใหม่กับ Apple ซึ่งก็อาจเป็นนิมิตหมายว่าทาง Apple กำลังขยายขอบเขตตัวเองในวงการแฟชั่น

 

สุดท้ายก็ต้องเอ่ยถึง ริคคาร์โด ทิสซี อดีตครีเอทีฟไดเรกเตอร์มือฉมังชาวอิตาเลียนของแบรนด์ Givenchy ที่ตลอดปี 2017 มีการคาดการณ์ว่าเขาจะตอบตกลงทำงานที่ Versace แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้น แต่โปรเจกต์ที่เขาทำร่วมกับ Nike ก็ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ เลยอาจเป็นไปได้ว่าทาง Nike อยากลองสร้างไลน์ใหม่ภายใต้กลุ่ม Nike Lab ที่โฟกัสด้านเสื้อผ้าลำลองสำหรับกลุ่มลูกค้าแฟชั่น เหมือนที่ Adidas ประสบความสำเร็จกับ Adidas Originals หรือการที่แบรนด์ Puma ประสบความสำเร็จกับไลน์ Fenty ของริฮานน่าในปี 2017

 

 

Cover Photo: Saint Laurent Spring/Summer 2018

The post เร็วจนฉุดไม่อยู่…อะไรก็เกิดขึ้นได้ในวงการแฟชั่นปี 2018 appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/fashion-2018/feed/ 0