หลังวันวาเลนไทน์ ถ้ายังไม่มีโปรแกรมพาคู่รักไปไหน หรือคนโสดที่ไม่อยากเหงา ชวนมาเที่ยวงาน ‘Knowledge Book Fair 2024 เทศกาลอ่านเต็มอิ่ม’ เทศกาลหนังสือที่อยากชวนทุกคนออกมาสนุกกับสาระความรู้

มีกิจกรรมต่อเนื่อง 3 วัน ระหว่างวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์นี้ ตั้งแต่เวลา 12.00-21.00 น. ที่พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ มิวเซียมสยาม

สำหรับงานนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของสำนักพิมพ์มติชนและอีกหลายองค์กร ที่จับมือร่วมกันสร้างสรรค์ความสนุกคู่ความรู้ ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของ ‘ความรู้’ ที่สอดแทรกอยู่ในชีวิตประจำวันและสิ่งรอบตัว การเรียนรู้จึงสามารถเกิดขึ้นได้ทุกแห่ง ทั้งยังแตกแขนงไปได้หลากหลายสาระ ไม่ว่าจะเป็นศิลปวัฒนธรรม สารคดี วรรณกรรม สุขภาพ และแรงบันดาลใจ 

ไฮไลต์สำคัญของงานนี้คือ ความรู้ไม่ใช่เรื่องเคร่งเครียดเสมอไป งานนี้จึงเป็นเทศกาลหนังสือเพื่อการเรียนรู้ที่ดีที่สุด สนุกที่สุด และเต็มอิ่มที่สุด

กิจกรรมภายในงานได้รวมกลุ่มสำนักพิมพ์และหน่วยงานส่งเสริมด้านการเรียนรู้มาร่วมสร้างสาระความรู้ มีกิจกรรมกระตุ้นการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง Book Fair, Book Talk, Book Walk, Workshop, Special Exhibition, Food และ Music 

สนุกกับหลากสีสันความรู้และความบันเทิง เพิ่มสีสันด้วยนานาร้านอาหารรสเด็ด ไม่ว่าจะคาว หวาน หรือเครื่องดื่ม ก็มีให้เลือกชิมมากมาย อิ่มอร่อยตลอดทั้งงาน 

นอกจากนั้นยังสามารถนั่งชิลๆ ดื่มด่ำบรรยากาศสบายๆ พร้อมดนตรีเพราะๆ ได้ในงานนี้แบบครบรสของเฟสติวัล จะมาเดี่ยวแบบชิคๆ ควงแขนกันมาเป็นคู่ ยกแก๊งกันมาเป็นทีม ก็เอ็นจอยกับสาระควบคู่ความสนุกได้ที่งาน ‘Knowledge Book Fair 2024 เทศกาลอ่านเต็มอิ่ม’

ขณะที่ในปีนี้ สำนักพิมพ์มติชนมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างพื้นที่ที่ทำให้ทุกวัยได้มาสนุกกับการเรียนรู้แบบเต็มที่ ตั้งแต่เยาวชน คนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ที่สำคัญคือการสร้างองค์ความรู้ให้กับคนในสังคม ต่อยอดและกระตุ้นการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ พวกเรามุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ร่วมงานทุกท่านจะได้รับอะไรกลับไปอย่างแน่นอน อย่างน้อยที่สุดคือรอยยิ้มจากความสนุกภายในงาน โดยมีกิจกรรมแต่ละโซน ดังนี้

1. Book Fair

งานหนังสือที่เต็มไปด้วยความรู้คู่ความสนุก พบกับกว่า 16 สำนักพิมพ์ที่มารวมตัวกันจัดใหญ่เพื่อเอาใจนักอ่าน

2. ฟังทอล์ก

พูดคุยสารพัดประเด็นที่อัดแน่นทั้งความรู้และความสนุกสุดเข้มข้นจากนักเขียน นักวิชาการ และนักแปล เช่น ปรามินทร์ เครือทอง, พรรณิการ์ วานิช, นักรบ มูลมานัส, ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์, สมฤทธิ์ ลือชัย, ชาตรี ประกิตนนทการ, วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์, ทรงกลด บางยี่ขัน, ดุจดาว วัฒนปกรณ์, หทัยรัตน์ พหลทัพ, ฐปณีย์ เอียดศรีไชย

3. วอล์กทัวร์

เพราะความรู้ไม่ได้อยู่เพียงในตัวอักษรและห้องสี่เหลี่ยมเท่านั้น เตรียมตัวขยับร่างออกท่องไปตามมิวเซียมสยามและพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมกับผู้บรรยายที่เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ในพื้นที่นั้นๆ ไปด้วยกัน

4. เวิร์กช็อป

กิจกรรมฮาวทูความรู้ประเทืองปัญญาแบบสนุกๆ ที่เป็นพื้นที่ให้แสดงออกและลงมือทำ เพื่อสรรค์สร้างความรู้และความสนุกด้วยมือของเราเอง

5. Special Exhibition

ชมคอลเล็กชันสุดพิเศษจากนิทรรศการที่รวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญและหาชมได้ยาก พร้อมให้นักอ่านทุกท่านรับชมตลอด 3 วัน

6. Music: Roberto Uno

เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงจากวงดนตรี Roberto Uno ดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆ ผ่อนคลายจากการเสพความรู้ภายในงาน

7. Food: อร่อยตามรอย Sentangsedtee

รวบรวมร้านค้าอร่อยเจ้าดังมาออกบูธ แรงเสริมกิจกรรมที่มาพร้อมกับความรู้คู่ความอร่อย สร้างบรรยากาศสีสันให้การเรียนรู้ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

The post After วาเลนไทน์ ชวนเที่ยวมิวเซียมสยาม ‘Knowledge Book Fair 2024’ เทศกาลอ่านเต็มอิ่ม 16-18 ก.พ. นี้ appeared first on THE STANDARD.

วานนี้ (25 ธันวาคม) ที่ลานมิวเซียมสยาม เขตพระนคร งานเปิดตัว ‘เทศกาลดนตรีกรุงเทพมหานคร Bangkok Music Fest’ มีการแสดงจากวง Bangkok Metropolitan Orchestra (BMO) มาบรรเลงบทเพลง ผสมผสานซิมโฟนีออร์เคสตรากับแนวดนตรีหลากหลาย เช่น เพลงไทยเดิม ลูกทุ่ง ลูกกรุง เปิดงาน

พร้อมด้วยนักร้องกองการสังคีต น้ำฟ้า แก้วรัตนศรีโพธิ์, กาญจนา จันทร์ไผ่ และศิลปินรับเชิญ ศรัณย์ คุ้งบรรพต 

นอกจากนี้ยังมีการแสดงวงซิมโฟนีออร์เคสตราจินตลีลาชุด ‘วัดสุทัศน์เทพสถิตย์ นิรมิตรกรุงเทพเมืองฟ้ามหานคร’ และบรรเลงเพลง จีนตอกไม้ ด้วยการเดี่ยวระนาด ผสานวงออร์เคสตรา พร้อมส่งท้ายด้วยเพลงประจำเทศกาล We Wish You a Merry Christmas และเพลง พรปีใหม่ 

สำหรับเทศกาลดนตรีกรุงเทพมหานคร Bangkok Music Fest ยังมีต่อเนื่องไปอีก 4 วัน ในวันอาทิตย์ที่ 8, 15, 22, 29 มกราคม 2566 ที่ลานมิวเซียมสยาม เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป

The post เริ่มแล้ว ‘เทศกาลดนตรีกรุงเทพมหานคร’ เปิดโชว์แรกด้วยวงออร์เคสตรา ผสานลูกทุ่ง ลูกกรุง พร้อมจินตลีลาชุดพิเศษ appeared first on THE STANDARD.

หลังผ่านมรสุมเรื่องร้ายและดีมาเกือบครึ่งปีแล้ว นี่อาจเป็นช่วงเวลาแบ่งปันความสุขของคนกรุงเทพฯ หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ว่าฯ​ กทม. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นำอีเวนต์น่ารักๆ อย่าง ‘ดนตรีในสวน’ มาจัดตามสวนสาธารณะต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ อีกครั้ง โดยปักหมุดยังสวนลุมพินีและสวนรถไฟเป็นสองแห่งแรก มาสัปดาห์นี้ย้ายไปอยู่ในเมืองยังลานหญ้าหน้า Museum Siam

ด้วยบรรยากาศช่วงเย็นที่แสงแดดเริ่มลับขอบฟ้า การได้นั่งฟังเพลงเพราะๆ ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ถือเป็นการพักผ่อนที่ดีอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อเสียงเพลงเหล่านั้นมาจากการขับร้องของเจ้าของเสียงนุ่มและทุ้มต่ำ ธีร์ ไชยเดช และดนตรีพลังบวกของวงนั่งเล่น 

กีตาร์จะเริ่มดีดในช่วงเวลา 17.30 น. เป็นต้นไป วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายนนี้ ณ Museum Siam และงานนี้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นเคย แนะนำให้นั่งรถสาธารณะไปดีที่สุด (MRT สถานีสนามไชย ทางออกที่ 1) นอกจากดนตรีเพราะๆ แล้ว ช่วงเวลา 18.00-22.00 น. บนตัวตึกเก่าของ Museum Siam ยังมีกิจกรรมแสดงแสงไฟสีรุ้ง เพื่อร่วมฉลอง Pride Month อีกด้วย

สอบถามและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: Museum Siam

ภาพ: MuseumSiam, Shutterstock

The post เสาร์ที่ 11 มิ.ย. นี้ ปล่อยใจสบายๆ ณ ลานหญ้าหน้า Museum Siam กับเสียงเพลงของ ‘ธีร์ ไชยเดช’ และ ‘วงนั่งเล่น’ appeared first on THE STANDARD.

กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลแห่งปี Night at The Museum ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 แล้ว ในปีนี้กลับมาในธีม Night at The Museum 8 ตอน Night Club (ไนต์คลับ) ที่จะพาคุณย้อนเวลาไปสู่ความโก้เก๋แพรวพราวแห่งยุค 60s หรือช่วงปี พ.ศ. 2500

ภายในงานเต็มไปด้วยสีสันตะวันตกและบรรยากาศที่แสนจะมีชีวิตชีวาสุดจัดจ้านตระการตา พร้อมด้วยกิจกรรมมากมาย

ขึ้นชื่อว่าเป็นปาร์ตี้ไนต์คลับ ไม่มีทางขาดเสียงดนตรีสนุกสนานอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงแสงไฟวิบวับเจิดจ้า เหล่าหนุ่มหล่อสาวสวยจึงมากันในแฟชั่นสีสันแสบทรวง และแน่นอน ฟลอร์เต้นรำที่จำลองจากไนต์คลับดังแห่งยุคหลากหลายเวทีที่คุณจะมันกันตลอดคืน

อีกหนึ่งไฮไลต์ที่เตรียมไว้รอคุณมาสัมผัสคือวัฒนธรรมอาหารอเมริกันอย่างฟาสต์ฟู้ดและน้ำซ่ารสถูกอกถูกใจหนุ่มสาวยุค 60s ที่ได้เข้ามาวางจำหน่ายให้ชาวบางกอกได้ลิ้มชิมรสเป็นครั้งแรก และที่ขาดไม่ได้นั่นคือแฟชั่นยุค Mod Style ไม่ว่าจะเป็นกางเกงขาบานสุดเปรี้ยว เสื้อผ้าสีสันคัลเลอร์ฟูล มินิสเกิร์ต ถุงน่องหลากสี ที่ทางเจ้าภาพจะยินดีมากหากคุณแต่งกายธีมนี้มาสนุกกันในงาน

เที่ยวชมได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 16 ธันวาคม 2561 เวลา 16.00-22.00 น. เช็กตารางกิจกรรมหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก Museum Siam หรือ เว็บไซต์ www.museumsiam.org  

ภาพ: สุทธกิตติ์ สุทธาวรรณกุล

The post รับลมหนาว เที่ยวมิวเซียมยุค 60s กับงาน Night at The Museum 8 ตอน Night Club appeared first on THE STANDARD.

หลังศึกษาวิจัยข้อมูลมานานกว่า 4 ปี รวมถึงปิดสถานที่เพื่อติดตั้งงานแสดงชิ้นใหม่อีกกว่าปีครึ่ง มิวเซียมสยามและนิทรรศการถาวรชุดใหม่ ‘ถอดรหัสไทย’ ก็พร้อมให้บุคคลทั่วไปเข้าชมแล้ว

‘ถอดรหัสไทย’ เป็นนิทรรศการที่พาไปค้นหาความหมายอันแท้จริงของความเป็นไทย มองความเป็นไทย และพัฒนาการความเป็นไทยที่แปรเปลี่ยนไปตามบริบทของสังคม ตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน เล่าเรื่องราวผ่านสิ่งของใกล้ตัวที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในมิติต่างๆ ทั้งประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรมประเพณี อาหารการกิน เครื่องแต่งกาย ฯลฯ ชวนให้นำไปคิดต่อยอด ย้อนผูกโยงกับเรื่องราวในอดีต ตลอดจนรูปแบบของการนำเสนอที่เน้นการสร้างปฏิสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถนำตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมกับนิทรรศการ

เปิดให้เข้าชมแล้ว ณ มิวเซียมสยาม ท่าเตียน (ข้างวัดโพธิ์) กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. วันอังคารถึงวันอาทิตย์ (ปิดทำการทุกวันจันทร์) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2225 2777

อ่านเรื่องราวของนิทรรศการเพิ่มเติมได้ที่ hestandard.co/museumsiam-thai-decode-exhibition

The post ‘ถอดรหัสไทย’ นิทรรศการถาวรโฉมใหม่ของมิวเซียมสยาม เปิดให้เข้าชมแล้ว appeared first on THE STANDARD.

     ขึ้นชื่อว่าพิพิธภัณฑ์แล้ว คนไทยส่วนใหญ่คงนั่งหาวอ้าปากหวอ พร้อมทั้งเชื่อไว้ก่อนว่าน่าเบื่อก่อนก้าวเท้าเดินเข้าไป แต่กับ ‘มิวเซียมสยาม’ นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีแฟนๆ จำนวนหนึ่งชื่นชอบในแง่ของการเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่สนุก และมีอะไรต่อมิอะไรให้ผู้ชมได้ซึมซับความรู้แบบมีส่วนรวมไปกับเรื่องราวพร้อมๆ กันได้

     หลังจากการศึกษาวิจัยข้อมูลกว่า 4 ปี รวมไปถึงปิดสถานที่เพื่อรีโนเวตและติดตั้งงานแสดงชิ้นใหม่อีกกว่าปีครึ่ง มิวเซียมสยามและนิทรรศการถาวรเรื่องใหม่ก็พร้อมให้บุคคลทั่วไปเข้าชมแล้วในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่กำลังจะมาถึงนี้

     แต่ก่อนจะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบนั้น THE STANDARD มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมส่วนหนึ่งของนิทรรศการใหม่แกะกล่องนี้ก่อนใคร บอกได้ว่าเต็มไปด้วยความหวือหวา น่าขบคิด และร่วมสมัยกว่าเดิม เป็นภาพใหม่ๆ ที่น่าสนใจและอยากให้คุณได้ไปเยี่ยมเยือนสักครั้ง

ไขรหัส ถอดความลับความเป็นไทย

     อย่าเพิ่งเอียนกับเรื่องราวของการสร้างชาติ ความเป็นไทย หรือการสืบรากชาติพันธุ์ เพราะนิทรรศการครั้งนี้จะค่อนข้างคล้ายคลึงกับนิทรรศการก่อนหน้าที่ชื่อ ‘เรียงความประเทศไทย’ ที่จัดแสดงมากว่า 8 ปี แต่ครั้งนี้มิวเซียมสยามได้สรุปย่นย่อและเพิ่มเติมประเด็นที่น่าสนใจเข้ามาให้ร่วมสมัยมากขึ้นกับ ‘ถอดรหัสไทย’ ห้องนิทรรศการจำนวน 14 ห้องที่จะพาคุณเข้าไปรับรู้ถึงกระบวนการการสร้างชาติ และความเป็นไทย พร้อมชวนคุณตั้งคำถามกับเรื่องราวเหล่านั้นในทุกๆ แง่ ตั้งแต่ชาติ การศึกษา อาหาร ศิลปะ และอื่นๆ อีกมากมาย โดยเลือกวิธีการนำเสนอที่ทันสมัยขึ้น ให้คุณได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับทุกๆ สิ่งในมิวเซียมแห่งนี้ได้มากขึ้น

     โดยในการเปิดตัวส่วนหนึ่งของ ‘ถอดรหัสไทย’ ในครั้งนี้ มิวเซียมสยาม เปิดให้เราได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ ของมิวเซียมใน 6 ห้องที่มีคาแรกเตอร์โดดเด่นและน่าสนใจที่สุด

ห้องหมายเลข 1: ไทยรึเปล่า?

     เมื่อเริ่มต้นเดินเข้าไปในนิทรรศการห้องแรก เราจะพบกับหุ่นตั้งโชว์หมุนอวดเรือนร่างในชุดสีดำสุดเซ็กซี่พร้อมทั้งสวมชฎาไว้บนศีรษะ แค่เปิดตัวเราก็สัมผัสได้ถึงความน่าสนใจในระดับ ‘พีค’ และค่อนข้าง ‘ส่งผลกระทบ’ ต่อความคิด สามารถเรียกร้องความน่าสนใจได้ในระดับหนึ่ง กับการหยิบยกเอาประเด็นการสวมชฎาขึ้นเวทีของศิลปินสาวเลดี้ กาก้า (Lady Gaga) เมื่อครั้งมาทัวร์คอนเสิร์ตที่เมืองไทยเมื่อ 5 ปีก่อน มาเป็นเรื่องราวหลักของห้องลำดับแรกนี้

     นอกจากนี้ยังมีข้อความอีกมากมายที่ทิ้งเรื่องราวไว้ทั่วบริเวณห้องสีดำแสงทะมึนนี้ เพื่อให้คุณได้ตั้งคำถามว่า ‘หุ่นนี้มีความเป็นไทยหรือเปล่า?’ ‘ความเป็นไทยวัดกันตรงไหน’ ซึ่งคำตอบก็แล้วแต่วิจารณญาณและทัศนคติของผู้ชมแต่ละคน

ห้องหมายเลข 2: ไทยแปลไทย

     คุณจะได้ทำตัวเป็นนางร้ายในละครหลังข่าว ที่กำลังตามหามรดกลับจากเจ้าคุณปู่ซึ่งแอบซ่อนไว้ในตู้ เพราะในห้องที่สองนี้เต็มไปด้วยลิ้นชักจำนวนมากที่แอบซ่อนเรื่องราวของความเป็นไทยต่างๆ เอาไว้ พร้อมทั้งนำเสนอประเด็นว่าด้วยเรื่อง ความเป็นไทยที่ถูกสร้างขึ้น เปลี่ยนแปลง และหมดอายุไปในแต่ละช่วงเวลา ทั้งของเล่น ภาพยนตร์ไทย รูปแบบศิลปะของพระพุทธรูป ธงชาติ รอคอยให้คุณมารื้อค้นเปิดลิ้นชักความคิดกันอย่างสนุกสนาน

     ส่วนความ ‘พีค’ ที่สุดของห้องเบอร์สองนี้ เราจะได้เห็น ‘หมุดคณะราษฎร’ ในตำนานที่หายสาบสูญกันแบบเต็มๆ ตาอย่างแน่นอน ซึ่งทางมิวเซียมสยามยังขออุบไว้ก่อนว่าจะมาในรูปแบบไหน (อาจจะมาในรูปแบบ Mock-Up เสมือนจริง เอ๊ะ! หรือจะมีของจริงอยู่ที่นี่กันนะ?) คงต้องรอตอนเปิดเต็มรูปแบบอีกทีหนึ่ง

ห้องหมายเลข 3: ไทยตั้งแต่เกิด

     ‘ความเป็นไทย’ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในประเด็นทางสังคมต่างๆ ตั้งแต่เรื่อง 3 สถาบันหลัก ชาตินิยม การท่องเที่ยว การค้าขาย วัฒนธรรม และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งห้องลำดับที่ 3 นี้จะเป็นผู้ไขความกระจ่างในเรื่อง ‘การสร้างชาติ’ และความเป็นไปของ ‘ความเป็นไทย’ ในแต่ละยุคสมัย ผ่านผู้เล่าเรื่องและ ‘สิ่งของ’ ต่างๆ ที่จะถูกยกขึ้นมาจากแผ่นไม้ขนาดใหญ่ตรงหน้าคุณ เรียกได้ว่าห้องนี้เป็นไฮไลต์ที่เก๋ที่สุดของนิทรรศการครั้งนี้

     ความน่าสนใจอยู่ตรงที่คุณจะได้พบกับการใช้เทคโนโลยี ไฮดรอลิก โมดูล (Hydraulic Module) ซึ่งเป็นครั้งแรกในแวดวงพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยนี้มานำเสนอ สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้ 15 นาทีในห้องนี้มีแต่ความสนุกอันน่าประทับใจ แอบบอกว่ามีอะไรน่าสนใจเยอะมากตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์ ยุคล่าอาณานิคม จอมพล ป. พิบูลสงคราม จนถึงโมเดลพระบรมโกฏของในหลวงรัชกาลที่ 9 ส่วนในแง่ของป๊อปคัลเจอร์ ก็มีตั้งแต่การกำเนิดผัดไทย การไหว้ เรื่อยมาจนถึงยุคฟองสบู่แตก แคมเปญ Amazing Thailand และมีแม้กระทั่ง พี่ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก!

ห้องหมายเลข 11: ไทยดีโคตร

     ‘ความเป็นไทยคือการรับมา ปรับเปลี่ยน และปรับใช้’ ซึ่งประเด็นนี้มิวเซียมสยามเลือกนำเสนอเรื่องราวผ่านพัฒนาการของศิลปะไทยในยุคสมัยต่างๆ ผ่านแก้วใสอะคริลิกที่มีภาพร่างของเจดีย์และพระปรางค์ในศิลปะแต่ละยุคตั้งแต่สุโขทัย อยุธยา เรื่อยมาจนถึงศิลปะในยุคสมัยของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยลูกเล่นในห้องนี้ก็เรียกว่าเรียบง่ายแต่ได้มาก ด้วยการให้คุณสามารถชมวิวัฒนาการทางศิลปะได้ด้วยมือของคุณเอง โดยการโยกแผ่นอะคริลิกใสไปมาเพื่อเปรียบเทียบรูปแบบศิลปะต่างๆ ได้อย่างชัดเจน

     อีกทั้งในห้องนี้ยังมีการเล่าเรื่องวิวัฒนาการของตัวอักษรไทย ชุดไทย และตุ๊กตุ๊กไทยอีกด้วย

ห้องหมายเลข 10: ไทยชิม

     ถ้าพูดถึงความเป็นไทย เรื่องราวง่ายๆ ที่คุณเองก็พอจะเข้าใจและสามารถหยิบยกไปพูดให้คนชาติอื่นๆ ฟังได้ก็คงเป็นเรื่อง ‘อาหารไทย’ โดยห้องไทยชิมนี้จะเต็มไปด้วยเมนูต่างๆ ที่ไท้ยไทย ตั้งแต่ต้มยำกุ้ง มัสมั่น ไก่ย่าง หรือแม้แต่ไข่เจียวไทย โดยให้ข้อมูลในรูปแบบที่เก๋ไก๋ ซึ่งคุณจะต้องหยิบจานเปล่าบนชั้นมาวางลงบนช่องที่กำหนดให้ ก่อนที่ระบบจะแสดงภาพความงามของเมนูและเรื่องราวออกมา

     และที่สำคัญห้องนี้ยังมีความสนุกให้คุณได้ประลองความรู้ความเข้าใจผ่านคำถามง่ายๆ ที่ชวนให้ขบคิด อย่างเช่น ‘ไก่ย่างที่เรากินนั้นทำไมบ้างก็เรียกไก่ปิ้ง บ้างก็เรียกไก่ย่าง’ หรือ ‘ทำไมปลากริม ไข่เต่า ไม่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์’ เราไม่ขอตอบ แต่เก็บเอาไว้ให้คุณได้ไปหาคำตอบกันเอาเอง

ห้องหมายเลข 9: ไทยวิทยา

     ห้องสุดท้ายที่เราได้เข้าชม เราบอกได้เลยว่าเป็นห้องที่ ‘กล้าเล่า’ และ ‘ประเด็นดี’ อย่างน่าชื่นชม ว่าด้วยเรื่องของพัฒนาการทางการศึกษาไทย ห้องนี้จัดแสดงเรื่องของการศึกษาไทยตั้งแต่ปี 2475 อันเป็นยุคของชาตินิยม เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันที่เป็นการศึกษาไทยในยุคพอเพียง เห็นภาพชัดแจ้งด้วยโต๊ะนักเรียนหลากรุ่น แบบเรียน สมุดจด รวมไปถึงมีชุดนักเรียนให้คุณได้เปลี่ยนตัวเองกลับไปสู่วัยประถม มัธยม

     ที่เราบอกว่าประเด็นดีและกล้าเล่า ก็เพราะห้องนี้เล่าเรื่องการสร้างรัฐ และประเด็นเรื่อง ‘ชาตินิยม’ ผ่านการศึกษาไทยซึ่งทำได้อย่างแยบยลและเข้มข้นจนเผลอนึกไปถึงสมัยเรียนที่เราไม่เคยได้สังเกตเรื่องราวเหล่านี้เลย ซึ่งเรารอคอยให้คุณมาตีความเรื่องราวเหล่านี้ด้วยตนเอง

     นี่เป็นเพียง 6 น้ำจิ้ม จากทั้งหมด 14 ห้องจัดแสดงของนิทรรศการ ‘ถอดรหัสไทย’ นิทรรศการถาวรชุดใหม่จากมิวเซียมสยาม โดยอีก 8 ห้องที่เหลือ มิวเซียมสยามได้เกริ่นอย่างคร่าวๆ ว่าจะเป็นการจัดแสดงวัตถุมากเสียหน่อย แต่พวกเขายืนยันว่าเป็นการจัดแสดงที่หวือหวาพอๆ กับหกห้องแรกนี้อย่างแน่นอน ทั้งยังออกแบบให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมกับทุกๆ จุดในนิทรรศการนี้ให้ได้มากที่สุด

     ‘ถอดรหัสไทย’ นิทรรศการถาวรชิ้นใหม่นี้คือเรื่องราวที่มิวเซียมต้องการสื่อสารให้คุณได้เข้ามาตั้งคำถาม ตีความเรื่องราว และประเด็นของความเป็นไทยให้กระจ่างยิ่งขึ้น พกทัศนคติและวิจารณญาณมาให้พร้อม โดยจะเปิดให้บริการอย่างสมบูรณ์เต็มรูปแบบในวันที่ 2 ธันวาคมที่จะถึงนี้

The post ‘ถอดรหัสไทย’ นิทรรศการใหม่ของ ‘มิวเซียมสยาม’ ที่มาพร้อมกับ ‘หมุดคณะราษฎร’ ที่สาบสูญ appeared first on THE STANDARD.

     นอกจากวัดวาอารามและวังเก่าแก่ที่ทอดยาวตามเส้นถนนมหาราช ‘ท่าเตียน’ ยังเติบโตขึ้นทุกวันด้วยนานาร้านรวงรุ่นใหม่ที่มาช่วยต่อลมหายใจให้ย่านเก่าแก่แห่งเกาะรัตนโกสินทร์ นี่คือเหตุผลที่เราอยากชวนให้คุณนั่งเรือมาลงที่ท่าน้ำแห่งนี้ และสัมผัสเสน่ห์ของท่าเตียนด้วยตัวเอง

To Eat

Tonkin Annam

Why here: Tonkin Annam เสิร์ฟอาหารเวียดนามต้นตำรับแท้ๆ ให้เราลิ้มลองแบบไม่ต้องบินไปไกลถึงเวียดนาม

What to expect: หลากหลายเมนูจากแถบภาคเหนือและกลางของเวียดนามในตึกแถวสองชั้นบรรยากาศสบายๆ แบบไม่ต้องมีพิธีรีตองมากมาย

What to order: นอกจาก ‘แหนมเนือง’ ที่ต้องสั่งมาประจำโต๊ะแล้ว ‘แบ๋งห์ ก๋วน’ ก็น่าจะถูกปากคนไทยเหมือนกัน เพราะคล้ายๆ ปากหม้อ มีหมูและกุยช่ายสับในแผ่นแป้ง และห้ามพลาด ‘กาแฟเวียดนาม’ เป็นอันขาด

Where: เลขที่ 69 ซอยท่าเตียน ถนนมหาราช, www.facebook.com/tonkinannam

Supanniga Eating Room x Roots Coffee

Why here: เป็นร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่รสชาติได้ใจทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดดเด่นกว่าสองสาขาแรกด้วยวิววัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กับคุ้งน้ำเจ้าพระยา และได้ Roots มาดูแลด้านกาแฟ

What to expect: อาหารอร่อยสูตรต้นตำรับจากจังหวัดขอนแก่น และ 3 เมนูกาแฟสุดพิเศษจาก Roots ที่ได้แรงบันดาลใจจากอัตลักษณ์ไทย มีแค่ที่สาขานี้เท่านั้นด้วย

What to order: ห้ามพลาด ‘หมูชะมวง’ รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ จิบ ‘กาแฟโคลด์บรูว์หนุมานคลุกฝุ่น’ คู่กันไปด้วย

Where: เลขที่ 392/25-26 สุดซอยเพ็ญพัฒน์ 1 ถนนมหาราช, www.facebook.com/supannigaeatingroomxrootscoffee

To Pause

Blue Whale

Why here: เป็นคาเฟ่ที่ทำให้ท่าเตียนป๊อปขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว

What to expect: สีฟ้าทุกหนแห่งตั้งแต่พื้นบันได เฟอร์นิเจอร์ ยันผนัง สมชื่อ Blue Whale จริงๆ

What to order: ห้ามพลาดนมอัญชันสีฟ้า หรือ ‘Butterfly Pea Latte’ มีทั้งแบบร้อนและเย็นให้เลือกตามใจชอบ สั่งมากินกับโทสต์ชาร์โคลหวานคาราเมลขมกาแฟคือเข้ากันพอดี ล่าสุดทางร้านเพิ่งออกเมนู ‘Cold Blue Coffee’ สีฟ้าเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือกาแฟ จากที่แต่ก่อนเป็นนมเท่านั้น

Where: เลขที่ 392/37 ถนนมหาราช, www.facebook.com/bluewhalebkk

Make Me Mango

Why here: เป็นจุดหมายอันยิ่งใหญ่ของบรรดาคนรักมะม่วงเป็นชีวิตจิตใจ

What to expect: เมนูมะม่วง มะม่วง และมะม่วง!

What to order: ชุด Make Me Mango ที่ประกอบด้วยข้าวเหนียวมะม่วงและไอศกรีมมะม่วง หรือจะเป็นเมนูอินเทรนด์อย่างบิงซูมะม่วงก็สดชื่นไม่แพ้กัน

Where: เลขที่ 67 ถนนมหาราช, www.facebook.com/makememango

To Sip

Sala Rattanakosin

Why here: ถึงจะขึ้นชื่อในเรื่องอาหาร แต่ความจริงแล้วตัวบาร์ก็มีเครื่องดื่มครบครันไม่แพ้กัน และยังชิลล์สุดๆ โดยเฉพาะ The Roof ที่เป็นโซนเอาต์ดอร์รับลมบนดาดฟ้า

What to expect: เครื่องดื่มครบถ้วนตั้งแต่ม็อกเทล ค็อกเทล เบอร์เบิน รัม วอดก้า จิน ไปจนถึงไวน์โลกเก่าอีกหลายรายการ

What to order: ค็อกเทล Arun Summer ผสมผสานระหว่าง Pepe Lopez Silver, Napoleon VSOP, Triple sec และลิ้นจี่ สดชื่นเหมาะสำหรับวันร้อนๆ ในกรุงเทพฯ

Where: เลขที่ 39 ซอยท่าเตียน ถนนมหาราช, salahospitality.com/rattanakosin

Above Riva

Why here: บาร์ดาดฟ้าของโรงแรม Riva Arun ที่อยู่ใกล้กันกับร้าน Supanniga Eating Room x Roots Coffee โดย Above Riva เหมาะกับสายดื่มมานั่งชิลล์กับวิว 360 องศาสุดลูกหูลูกตา

What to expect: บาร์สไตล์ชิโน-โคโลเนียล ที่เสิร์ฟทั้งอาหารไทยฟิวชันและเครื่องดื่มหลากหลายรายการ

What to order: ค็อกเทลน่าลองหมดทุกตัว โดยเฉพาะซิกเนเจอร์อย่าง One More Please ที่ได้บาร์เทนเดอร์ฝีมือโชกโชนมารังสรรค์ให้

Where: ชั้น 4 โรงแรม Riva Arun เลขที่ 392/25-26 ถนนมหาราช, rivaarunbangkok.com

To See

Museum Siam

Why here: พิพิธภัณฑ์ที่ชาวสยามหรือคนไทยทุกคนควรไปศึกษาและทำความรู้จักกับรากเหง้าของตัวเอง

What to expect: ทางพิพิธภัณฑ์เพิ่งเปิดตัวนิทรรศการถาวรเรื่องใหม่ ต้มยำกุ้งวิทยา: วิชานี้อย่าเลียน! เมื่อไม่กี่เดือนก่อน โดยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับวิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อวิกฤตต้มยำกุ้งนั่นเอง

Where: เลขที่ 4 ถนนสนามไชย พระบรมมหาราชวัง, www.museumsiam.org

Tha Tien Gallery

Why here: แกลเลอรีที่แอบซ่อนอยู่ชั้นบนของห้างขายยาแพทย์กิจประสงค์ น้อยคนนักจะรู้จัก

What to expect: ผลงานศิลปะฝีมือชาวไทยคัดเลือกโดยของกลุ่มศิลปิน Art8tra ส่วนใหญ่จะเป็นงานจิตรกรรม ภาพวาด และภาพเขียน

Where: เลขที่ 310 ถนนมหาราช, www.facebook.com/ThatianGallery

River Books Cafe

Why here: ถึงจะเข้าวังไม่ได้ (ถ้าไม่ติดต่อมาก่อน) แต่ขอเข้าร้านหนังสือหน่อยแล้วกัน ร้านหนังสือเล็กๆ ที่อยู่หน้าวังจักรพงษ์ และยังมีสาขาในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษอีกด้วย

What to expect: River Book ไม่ขายหนังสือตลาด แต่เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ตลอดจนหนังสือเกี่ยวกับราชวงศ์ไทยด้วย

Where: เลขที่ 396 ถนนมหาราช, www.riverbooksbk.com

To Sleep

Inn A Day

Why here: โรงแรมขนาดกะทัดรัดกับวิวริมน้ำที่เห็นวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารพอดิบพอดี

What to expect: จุดเด่นคือห้อง 3 แบบตามคอนเซปต์เวลา ได้แก่  Dawn รุ่งอรุณ, Day กลางวัน และ Dusk พลบค่ำ ราคาเริ่มต้นที่ 3,200 บาท

Where: เลขที่ 57-61 ถนนมหาราช, www.innaday.com

Elefin Bed & Breakfast

Why here: ถึงจะไม่มีวิวแม่น้ำ แต่ Elefin Bed & Breakfast อยู่ตรงข้ามกับบรรดาวัดวาและพระบรมมหาราชวัง อิงแอบแนบชิดติดกับถนนมหาราช และราคาไม่แรงจนต้องปาดเหงื่อ

What to expect: ห้องพักเล็กๆ แต่ไม่อึดอัดด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1,500 บาท พร้อมอาหารเช้าที่คาเฟ่ของโรงแรมเอง

Where: เลขที่ 394/1-2 ถนนมหาราช, elefincoffee.com

The post จอดที่ท่าเตียน ย่านเก่าแก่ที่ผลิบานอีกครั้งโดยร้านรวงรุ่นใหม่! appeared first on THE STANDARD.