จากความนิยมอย่างล้นหลามของ ‘หมูเด้ง’ ลูกฮิปโปแคระขวัญใจ […]
The post จากความน่ารักของ ‘หมูเด้ง’ สู่ Meme Coin อย่าง Moo Deng Coin ที่ราคาพุ่ง 1,400% ในเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ appeared first on THE STANDARD.
]]>จากความนิยมอย่างล้นหลามของ ‘หมูเด้ง’ ลูกฮิปโปแคระขวัญใจชาวไทย จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีคนสร้างเหรียญดิจิทัลอย่าง Moo Deng Coin และด้วยลักษณะของ Meme Coin ที่ไม่มีมูลค่าจริงและซื้อ-ขายกันเพียงเพราะกระแสเท่านั้น ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นถึง 1,400% นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อไม่ถึง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ถึงแม้จะมีเทรดเดอร์นิรนามรายหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนเงิน 800 ดอลลาร์ หรือราว 25,000 บาท ให้กลายเป็น 3.5 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 113 ล้านบาท จาก Moo Deng Coin แต่ก็มีข้อสงสัยว่าเทรดเดอร์รายนี้อาจเป็น ‘คนวงใน’ เนื่องจากซื้อเหรียญหลังจากเปิดตัวเพียง 4 ชั่วโมง ดังนั้น CNN จึงระบุว่า ไม่ว่าเหรียญมีมจะน่ารักแค่ไหน ก็ไม่ใช่การลงทุนที่ชาญฉลาดนัก
CNN ย้ำว่า Moo Deng Coin เป็นแค่ตัวอย่างล่าสุดของเทรนด์อินเทอร์เน็ตแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนที่ชอบสร้างและเล่นกับเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีแบบตลกๆ เหมือนที่เคยสร้าง Dogecoin (สร้างขึ้นเพื่อล้อเลียน Bitcoin) และ Shiba Inu Coin (ล้อเลียน Dogecoin)
ดังนั้น Meme Coin มักมีอายุสั้นและพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดกระแส FOMO (Fear of Missing Out) ในหมู่เทรดเดอร์ที่กลัวพลาดโอกาส แล้วก็ร่วงลงอย่างรวดเร็วเมื่อนักลงทุนรุ่นแรกขายทำกำไรและถอนตัวออกไป
ความน่ารักเหลือทนของหมูเด้งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของ Moo Deng Coin ซึ่งราคาเพิ่มขึ้น 90% ใน 24 ชั่วโมงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 กันยายน) ซื้อ-ขายกันที่ประมาณ 25 เซนต์ต่อเหรียญ
นอกจากนี้การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ของธนาคารหลางสหรัฐฯ (Fed) ในสัปดาห์ก่อน และสัญญาณของการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคต ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดคริปโตโดยรวมคึกคัก
ตั้งแต่ Moo Deng Coin ไปจนถึง Bitcoin และ Ethereum ที่เป็นที่รู้จักกันดี เนื่องจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมักจะเป็นผลดีต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง อาทิ คริปโตเคอร์เรนซี
Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ก็มีราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 14% ในช่วงสัปดาห์ก่อนเช่นกัน
ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา / THE STANDARD
อ้างอิง:
The post จากความน่ารักของ ‘หมูเด้ง’ สู่ Meme Coin อย่าง Moo Deng Coin ที่ราคาพุ่ง 1,400% ในเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ appeared first on THE STANDARD.
]]>กระแสยังแรงแบบต่อเนื่อง สำหรับ ‘หมูเด้ง’ ลูกฮิปโปแคระตั […]
The post รวมมิตร ‘หมูเด้ง’ แจกความน่ารักให้วงการกีฬา appeared first on THE STANDARD.
]]>กระแสยังแรงแบบต่อเนื่อง สำหรับ ‘หมูเด้ง’ ลูกฮิปโปแคระตัวเมียวัย 2 เดือนจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี ที่กลายเป็นไวรัลโด่งดังไปทั่วโลก
ล่าสุดหลากหลายสโมสรในวงการกีฬาระดับโลกได้ทำมีมของหมูเด้ง ตั้งแต่ ฟีนิกซ์ ซันส์ ทีมบาสเกตบอลชื่อดังของ NBA โพสต์ภาพหมูเด้งคู่กับ เควิน ดูแรนต์ ไปจนถึง บาเยิร์น มิวนิก ทำมีมล้อกับสกอร์ที่ทัพเสือใต้เอาชนะดินาโม ซาเกร็บ 9-2
THE STANDARD SPORT ถือโอกาสนี้พาไปดูมีมของหมูเด้งที่ไปปรากฏตัวและแจกความน่ารักตามเพจสโมสรกีฬาชื่อดังต่างๆ
The post รวมมิตร ‘หมูเด้ง’ แจกความน่ารักให้วงการกีฬา appeared first on THE STANDARD.
]]>กลายเป็นมีมระดับตำนานไปแล้ว สำหรับ เท่ง-พงษ์ศักดิ์ พงษ์ […]
The post มีม ‘พี่เท่งยิงปืน’ ดังไกลถึงโอลิมปิก ผ่านตาคนร่วม 30 ล้านครั้ง จน X เตือนว่าไม่ใช่ภาพจริง appeared first on THE STANDARD.
]]>กลายเป็นมีมระดับตำนานไปแล้ว สำหรับ เท่ง-พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ (เท่ง เถิดเทิง) ดาราตลกชื่อดังของไทย กับภาพส่องกระจกยิงปืนที่กำลังเป็นที่ฮือฮาบนโลกโซเชียลตอนนี้
โดยทุกอย่างเกิดขึ้นจากการที่แฟนกีฬากำลังให้ความสนใจ 2 นักกีฬายิงปืนในโอลิมปิก 2024 อย่าง คิมเยจี นักแม่นปืนสาวสุดเท่จากเกาหลีใต้ และความชิลของ ยูซุฟ ดิเคช นักกีฬายิงปืนวัย 51 ปี จนเกิดเป็นภาพเปรียบเทียบกันของทั้งคู่มากมาย
ทว่าทุกอย่างไม่หยุดอยู่แค่นั้น ผู้ใช้สื่อออนไลน์ยังหยิบภาพของนักกีฬาคนอื่นๆ มาเปรียบเทียบ ทำมีมบนอินเทอร์เน็ต และหนึ่งในนั้นคือการตัดต่อภาพเท่งที่ทำท่าหันหลังยิงปืน โดยใช้กระจกในการเล็งเป้า ซึ่งเป็นหนึ่งในมุกตลกที่เกิดขึ้นในรายการ ชิงร้อยชิงล้าน ว้าว ว้าว ว้าว ตอน 3 ช่าดวลปืน ออกอากาศเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ภาพดังกล่าวถูกนำมาเปรียบเทียบกับ ยูซุฟ ดิเคช ที่เมื่อดูผ่านๆ แล้วอาจเป็นภาพที่เนียนตา จนทำให้แฟนกีฬาที่ไม่ใช่คนไทยและไม่รู้จักเท่งมาเห็นภาพนี้แล้วเกิดหลงเชื่อว่าเป็นภาพจริง
จนล่าสุดแพลตฟอร์ม X ต้องออกโรงขึ้นคำอธิบายกำกับว่า ภาพดังกล่าวไม่เป็นความจริง หลังใน X มีคนเห็นภาพนี้ที่โพสต์โดย DogeDesigner ไปแล้วเกือบ 30 ล้านครั้ง หรือแม้แต่ใน Facebook ที่เพจ Sarcasm วิดีโอครีเอเตอร์ชื่อดังก็โพสต์รูปมีมดังกล่าว จนได้รับเอ็นเกจเมนต์แบบถล่มทลาย
The post มีม ‘พี่เท่งยิงปืน’ ดังไกลถึงโอลิมปิก ผ่านตาคนร่วม 30 ล้านครั้ง จน X เตือนว่าไม่ใช่ภาพจริง appeared first on THE STANDARD.
]]>บรรดานักเคลื่อนไหวซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ในญี่ป […]
The post ญี่ปุ่นเดือด แบน #Barbenheimer ชี้มีมจากภาพยนตร์ทำให้เหตุระเบิดถล่มฮิโรชิมาเป็นเพียงเรื่องเล่นๆ appeared first on THE STANDARD.
]]>บรรดานักเคลื่อนไหวซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ในญี่ปุ่น ร่วมกันเปิดแคมเปญเรียกร้องให้ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Barbie และ Oppenheimer หยุดใช้แฮชแท็ก #Barbenheimer เพื่อโปรโมตภาพยนตร์ทางออนไลน์ เนื่องจากชาวญี่ปุ่นไม่พอใจอย่างหนักที่มีการโพสต์รูปตัวละคร Barbie คู่กับตัวละครหลักจากเรื่อง Oppenheimer อย่าง โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งระเบิดปรมาณู เพราะพวกเขามองว่าภาพที่เกิดขึ้นทำให้เรื่องราวของระเบิดปรมาณูที่เคยถล่มฮิโรชิมาและนางาซากิเมื่อ 78 ปีก่อนเป็นแค่เรื่องที่ไม่จริงจัง
ด้วยความที่เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ลงโรงฉายในเวลาใกล้เคียงกัน และได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างล้นหลาม โลกออนไลน์จึงผุดแฮชแท็ก #Barbenheimer ขึ้น และทำมีมที่เป็นภาพการผสานรวมภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องเข้าด้วยกัน เช่น รูปบาร์บี้ที่มีทรงผมเป็นเมฆรูปเห็ด ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลังการทิ้งระเบิดถล่มฮิโรชิมาและนางาซากิ หรือภาพที่บาร์บี้นั่งอยู่บนไหล่ของออปเพนไฮเมอร์ และมีฉากหลังเป็นระเบิด ขณะที่แอ็กเคานต์โซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของภาพยนตร์เรื่อง Barbie จากค่าย Warner Bros. Film Group ก็เข้าไปคอมเมนต์ภาพมีมที่แฟนๆ ทำขึ้นอย่างสนุกสนาน
เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดกระแสโกรธแค้นในหมู่ชาวญี่ปุ่น จนบรรดานักเคลื่อนไหวได้เปิดแคมเปญเรียกร้องดังกล่าวขึ้น ซึ่งมีผู้มาร่วมลงนามมากกว่า 17,000 คนนับตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (1 สิงหาคม) โดยระบุว่า ความเคลื่อนไหวที่กำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์นั้น ชี้ให้เห็นถึงการขาดความตระหนักต่อความโหดร้ายของระเบิดปรมาณู และกิจกรรมทางโซเชียลมีเดียที่ว่านี้ ‘ไม่สนใจความทุกข์ทรมานของเหยื่อระเบิดปรมาณูและผู้รอดชีวิตโดยสิ้นเชิง’
นอกจากนี้ นักเคลื่อนไหวยังเรียกร้องให้ Warner Bros. ออกแถลงการณ์ขอโทษ และขอให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องใช้มาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก แม้แต่ Warner Bros. Japan เองก็ยังออกแถลงการณ์แสดงความผิดหวังต่อการกระทำของแอ็กเคานต์โซเชียลมีเดียของบริษัทแม่ที่สหรัฐอเมริกา
ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว Warner Bros. Group ก็ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสื่อในหลายช่องทาง โดยระบุว่า ทางบริษัทรู้สึกเสียใจกับการกระทำดังกล่าว และขอโทษจากใจจริง
อนึ่ง ภาพยนตร์เรื่อง Barbie เตรียมลงโรงฉายในญี่ปุ่นวันที่ 11 สิงหาคมนี้ หรือเพียงไม่กี่วันหลังโอกาสครบรอบ 78 ปี สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มฮิโรชิมาและนางาซากิ เพื่อหวังปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นระเบิดปรมาณูเพียง 2 ลูกในประวัติศาสตร์ที่มีการนำมาใช้ในการสู้รบจริง เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200,000 คน และยังเป็นบาดแผลที่เจ็บปวดของชาวญี่ปุ่นมาถึงปัจจุบัน ส่วนภาพยนตร์เรื่อง Oppenheimer ยังไม่มีการยืนยันว่าจะเข้าฉายในญี่ปุ่นเมื่อใด
ภาพ: Mainichi
อ้างอิง:
The post ญี่ปุ่นเดือด แบน #Barbenheimer ชี้มีมจากภาพยนตร์ทำให้เหตุระเบิดถล่มฮิโรชิมาเป็นเพียงเรื่องเล่นๆ appeared first on THE STANDARD.
]]>เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (31 ธันวาคม) Dogecoin Foundation […]
The post เหรียญมีมยังไม่จบ! ‘Dogecoin Foundation’ ประกาศจะนำเงินกองทุนมูลค่าราว 12.6 ล้านบาทไปใช้สำหรับพัฒนาระบบนิเวศ Dogecoin appeared first on THE STANDARD.
]]>เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (31 ธันวาคม) Dogecoin Foundation ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ว่า จะมีการนำเงินกองทุนก้อนใหม่มูลค่า 5 ล้านเหรียญ DOGE คิดเป็นมูลค่าราว 360,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 12.6 ล้านบาท (ณ DOGE ที่ระดับราคา 0.07 ดอลลาร์) ไปใช้สนับสนุนนักพัฒนาหลักของ Dogecoin Core ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการดำเนินการ Dogecoin Node เพื่อพัฒนาต่อยอดแพลตฟอร์มของเหรียญ Dogecoin ต่อไป
โดย Dogecoin Foundation ประกาศว่า เงินกองทุนจะถูกใช้ในรูปแบบใหม่ของ Multisignature Wallet (การใช้หลายลายเซ็นเพื่ออนุมัติธุรกรรม) ซึ่งถูกจัดการโดยนักพัฒนาหลักของ Dogecoin Core ได้แก่ มาร์แชลล์ เฮย์เนอร์, มิชิ ลูมิน, แพทริก ลอดเดอร์ และ รอสส์ นิคอลล์
และเนื่องจากการใช้ระบบแบบ Multisignature ทำให้การดำเนินธุรกรรมของกองทุนดังกล่าวจะต้องใช้ลายเซ็นของ 3 จาก 5 คน ในการดำเนินธุรกรรมต่างๆ
ซึ่งทางทีมงานก็ได้ออกมาเขียนว่า “DOGE ในวอลเล็ตของเงินกองทุนดังกล่าวจะถูกกระจายไปยังนักพัฒนาหลักของ Dogecoin Core อย่างเท่าเทียม ไม่ว่างานจะเล็กหรือใหญ่เพียงใดก็ตาม”
และเพื่อให้มีความโปร่งใส สำหรับทุกการปล่อยเหรียญ 500,000 DOGE ไปยังนักพัฒนาของ Dogecoin Core ทางทีมงานก็ได้ปล่อย ‘แอดเดรส’ ของกองทุนดังกล่าวออกไปยังสาธารณะ ทั้งยังจะมีการแจกแจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งหมดผ่านทางโพสต์บนโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยคัสโตเดียนต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
อ้างอิง:
The post เหรียญมีมยังไม่จบ! ‘Dogecoin Foundation’ ประกาศจะนำเงินกองทุนมูลค่าราว 12.6 ล้านบาทไปใช้สำหรับพัฒนาระบบนิเวศ Dogecoin appeared first on THE STANDARD.
]]>ตลาด NFTs นั้นกว้างและหลากหลายมาก ไม่ใช่แค่ต้องเป็นภาพว […]
The post 7 Meme ดังในโลกอินเทอร์เน็ตที่ถูกขายเป็น NFT มูลค่าสูง appeared first on THE STANDARD.
]]>ตลาด NFTs นั้นกว้างและหลากหลายมาก ไม่ใช่แค่ต้องเป็นภาพวาด หรือชิ้นงานแบบ Loop Animated แต่ยังรวมไปถึงงานดนตรี งานภาพถ่าย และความสนุกแห่งยุคดิจิทัลอย่าง ‘Meme’ (มีม)
Meme ไม่ใช่เรื่องใหม่ของคนยุคนี้ ทั้งยังเป็นหนึ่งความสนุกและตัวแทนความป๊อปของ Digital Age แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรม ความคิด ทัศนคติของสังคม ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นภาพที่ถูกนำมาตัดต่อ ใส่คำพูด หรือคำล้อเลียน เพื่อสร้างเสียงหัวเราะเฮฮา และแน่นอนว่าบางครั้งก็แทงใจเสียใจเจ็บจี๊ด เป็นตลกร้ายอันขมขื่น
ในปีที่แล้วมี Meme ดังหลายชิ้นถูกหยิบจับมาทำ NFT และปล่อยขายตามแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้ง Pepe the Frog (ต่อมาถูกฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์ในภายหลัง), เจ้าสุนัข Doge สัญลักษณ์ของเหรียญ Dogecoin หรือวิดีโอที่เรียกเสียงเฮฮาอย่าง Charlie Bit My Finger – แม่! ชาร์ลีกัดนิ้วผม ฯลฯ มาดูกันสิว่าในบรรดา Meme ทั้งหมด มี Meme ไหนบ้างถูกนำมาทำเป็น NFT และขายได้ราคาสูงบ้าง
วันที่ขาย: 20 กุมภาพันธ์ 2021
ราคา: 300 ETH (25.39 ล้านบาท)
มีมแมวคลาสสิกแบบแอนิเมชัน 8 Bit ที่เดินแล้วมีสายรุ้งทอดยาว ผลงานดั้งเดิม Chris Torres ซึ่งมีมือดีคนเอาไปทำคลิปลงยูทูบในปี 2011 พร้อมเพลงที่มีเนื้อร้องซ้ำๆ ว่า Nyan ไม่รู้ว่าถูกสะกดจิตหรือฟังจนเพลิดเพลิน มีผู้ชมเข้ามาดูมากถึง 200 ล้านครั้ง
วันที่ขาย: 6 มีนาคม 2021
ราคา: 42 ETH (3.5 ล้านบาท)
หนึ่งในภาพมีมยุคแรกที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ซึ่ง Carlos Ramirez เจ้าของผลงาน ใช้เมาส์ลากวาดในโปรแกรม Paint อย่างง่ายๆ จนกลายเป็นภาพมีมที่ใช้มากและใช้บ่อยช่วงต้นปี 2000 แน่นอนว่า พอมี NFTs เข้ามา Ramirez อ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ แล้วปล่อยประมูลในระบบบล็อก
วันที่ขาย: 11 เมษายน 2021
ราคา: 15 ETH (1.26 ล้านบาท)
ในเดือนสิงหาคม 2007 Laney Griner พา Sam ลูกชายวัย 11 เดือนของเธอไปพักผ่อนยังหาด Ponte Vedra เธอหยิบกล้องขึ้นมาและพยายามถ่ายภาพลูกที่กำลังเล่นอย่างสนุกสนานโดยไม่สนใจแม่แม้แต่น้อย หลังจากพยายามหลายครั้ง ภาพสุดท้ายที่เธอถ่ายได้กลายเป็นมีมที่รู้จักกันในนามของ ‘Success Kid’
วันที่ขาย: 18 เมษายน 2021
ราคา: 180 ETH (15.1 ล้านบาท)
Zoë Roth วัย 4 ขวบ วิ่งวนไปรอบบ้านขณะที่บ้านไฟไหม้ของเช้าวันหนึ่งในเดือนมกราคม 2005 ตอนนั้นพ่อของเธอเดินตามหลังอยู่ และได้ถ่ายรูป Zoë สองสามภาพพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายที่มีฉากหลังเป็นไฟลุกโชก ภาพนี้ถูกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตในปี 2008 และกลายเป็นมีมที่รู้จักกันมากที่สุดในศตวรรษที่ 21
วันที่ขาย: 23 พฤษภาคม 2021
ราคา: 389 ETH (24.5 ล้านบาท)
“แม่! ชาร์ลีกัดนิ้วผม!” คลิปวิดีโอสั้นๆ ที่ถูกอัปโหลดลงยูทูบเมื่อปี 2007 เรื่องของ Harry วัย 3 ขวบ และ Charlie วัย 1 ขวบ ที่กำลังนั่งด้วยกันอยู่บนเบาะ โดยคนพี่ยื่นมือไปให้น้องเล่น แต่ไม่รู้เล่นท่าไหน Charlie กลับกัดนิ้วพี่ชายจนเขาต้องร้องออกมา
Howard Davies-Carr พ่อของเด็กชายถ่ายคลิปและอัปโหลดลงยูทูบให้คุณปู่ แต่ดูเหมือนชาวเน็ตจะชอบใจมาก เพราะมีคนดูคลิปนี้มากถึง 900 ล้านคน
วันที่ขาย: 12 มิถุนายน 2021
ราคา: 1,696.9 ETH (126 ล้านบาท)
มีใครไม่รู้จักสุนัข Doge บ้าง ภาพต้นฉบับสุนัขชิบะนั่งไขว้ขาเหล่มองมายังกล้อง ‘Kabosu the Shiba Inu’ มีมดังในโลกอินเทอร์เน็ตที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของเหรียญ Dogecoin และมีสาวกอยู่ทั่วโลก Atsuko Sato ถ่ายภาพสุนัขเธอลงบล็อกทุกวัน ทว่าอยู่ดีๆ ภาพภาพหนึ่งก็หลายเป็นมีมดังโดยที่เธอก็ไม่รู้ตัว
วันที่ขาย: 10 มีนาคม 2021
ราคา: 20 ETH (1.69 ล้านบาท)
Bad Luck Brian เป็นรูปถ่ายประจำปีที่ถูกโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ตในเดือนมกราคม 2012 เมื่อ Ian Davies นำภาพในหนังสือรุ่นของ Kyle Craven เพื่อนสนิทของเขา มาพากย์เสียงว่า Bad Luck Brian นับแต่นั้นมาผู้คนนับล้านก็ใช้ภาพนี้เพื่อเยาะเย้ยความโชคร้ายของตัวเอง
ภาพ: Courtesy of Brands
The post 7 Meme ดังในโลกอินเทอร์เน็ตที่ถูกขายเป็น NFT มูลค่าสูง appeared first on THE STANDARD.
]]>จากกรณีที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. คุมเข้มตลาดคริปโตฯ โดยสั่งห […]
The post ก.ล.ต. แจงการออกกฎเกณฑ์คุมตลาดคริปโตฯ ยึดความเสี่ยงผู้ลงทุนเป็นสำคัญ appeared first on THE STANDARD.
]]>จากกรณีที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. คุมเข้มตลาดคริปโตฯ โดยสั่งห้ามนำ ‘Utility Token พร้อมใช้’ เข้าเทรดในกระดาน ทั้ง Meme, Fan, NFT และโทเคนที่ออกโดยศูนย์ซื้อขาย โดยประกาศออกมาตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 11 มิถุนายน
ล่าสุด รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. ได้แถลงเกี่ยวกับเกณฑ์ดังกล่าวเพิ่มเติมว่า จุดมุ่งหมายของการออกเกณฑ์ในครั้งนี้ให้ความสำคัญกับผู้ลงทุนเป็นที่ตั้ง โดยมุ่งให้ความคุ้มครองผู้ซื้อขาย หลังจากช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นว่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนของราคาค่อนข้างมาก และก็จะเห็นว่าหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลของแต่ละประเทศก็พยายามออกมาควบคุมดูแลในส่วนนี้
ทั้งนี้ มีการตั้งคำถามในวงกว้างว่าเหตุใดการออกเกณฑ์ในครั้งนี้ถึงไม่เปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Public Hearing) ก่อน ในส่วนนี้ ก.ล.ต. ชี้แจงว่า สำหรับประเด็นที่เรามองว่าเป็นประเด็นจำเป็นเร่งด่วน เราสามารถขอยกเว้นการทำ Public Hearing ได้ ซึ่งก็เป็นแนวทางปฏิบัติของ ก.ล.ต. มาอยู่ก่อนแล้ว และจะเห็นว่าตั้งแต่ปี 2561 ก็มีการออกเกณฑ์ในส่วนที่เราขอผ่อนผันไม่ทำ Public Hearing ถึง 8 ฉบับ
“สองวันที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้เก็บประเด็นจากโซเชียลมีเดีย และมีหลายท่านอยากจะทำเอกสารเสนอให้กับ ก.ล.ต. ซึ่งเราก็ยินดีและสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอต่อบอร์ดได้ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้ว่าจะมีการปรับปรุงแก้ไขใดๆ หรือไม่ แต่จะนำมาพิจารณาในส่วนของข้อเสนอต่างๆ อย่างไรก็ตาม ก็อยากให้ทุกคนเห็นจุดประสงค์ของประกาศในครั้งนี้ในแนวทางเดียวกันก่อน”
สำหรับเหรียญทั้ง 4 ประเภท ได้แก่ Meme Token, Fan Token, NFT และ Token ที่ออกโดยศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์เอง ซึ่ง ก.ล.ต. ได้ใส่ไว้ในเกณฑ์ล่าสุดที่ห้ามนำมาลิสต์บนกระดานซื้อขายแลกเปลี่ยนของตัวเอง ในส่วนนี้ ก.ล.ต. ได้อธิบายเพิ่มเติมในแต่ละเหรียญว่า
เหรียญทั้ง 4 ประเภทนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดการสร้างราคาและใช้ข้อมูลภายในมาซื้อขายได้ จึงมีความเสี่ยงต่อผู้ลงทุนโดยทั่วไปอย่างสูง อย่างกรณีของ Fan Token ก็มีโอกาสที่ราคาจะผันผวนและมีการเก็งกำไรสูง ที่สำคัญคือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับดาราหรืออินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้อาจจะมีข้อมูลภายในที่มากกว่าคนอื่น และอาจใช้ข้อมูลนั้นเพื่อเอาเปรียบผู้ลงทุนโดยทั่วไปได้
เช่นเดียวกับเหรียญที่ออกโดยศูนย์ซื้อขายเอง ก็จะมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest) เพราะศูนย์ซื้อขายสามารถเปลี่ยนแปลง Whitepaper ของเหรียญตัวเองได้ตลอดเวลา และอาจควบคุมราคาหรือปริมาณเหรียญเองได้
อย่างไรก็ตาม ทาง ก.ล.ต. ไม่ได้ปิดกั้นที่จะไม่ให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายเหรียญเหล่านี้ได้อย่างสิ้นเชิง เพียงแต่ไม่ต้องการให้นำมาลิสต์อยู่บนตลาดซื้อขายเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตโบรกเกอร์และดีลเลอร์สินทรัพย์ดิจิทัลก็สามารถที่จะช่วยในเรื่องของการซื้อขายเหรียญเหล่านี้นอกตลาดได้ ทำให้ผู้ลงทุนยังสามารถซื้อขายเหรียญเหล่านี้ได้จากนอกตลาด หรืออาจจะเป็นแพลตฟอร์มอื่นที่แยกออกมาโดยเฉพาะ
“การออกเกณฑ์ต่างๆ ของ ก.ล.ต. เราไม่สามารถทำได้เองตามใจชอบ แต่เป็นการทำตามกรอบของกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ให้ไว้ ซึ่งอำนาจและหน้าที่ของ ก.ล.ต. ครอบคลุมทั้ง 2 ด้าน คือ ด้านการพัฒนาและด้านการให้ความคุ้มครองผู้ลงทุน จริงๆ แล้วอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในบ้านเราพัฒนามาไกลพอสมควร และเราก็มีใบอนุญาตต่างๆ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจรุ่นใหม่สามารถทำได้หลากหลายด้านในโลกการเงินสมัยใหม่”
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
The post ก.ล.ต. แจงการออกกฎเกณฑ์คุมตลาดคริปโตฯ ยึดความเสี่ยงผู้ลงทุนเป็นสำคัญ appeared first on THE STANDARD.
]]>ภาพต้นฉบับหมาชิบะนั่งไขว้ขาเหล่มองมายังกล้อง ‘Kabosu th […]
The post ภาพต้นฉบับมีมชิบะบน Dogecoin ทำลายสถิติการประมูล Meme NFT ด้วยมูลค่ากว่า 126 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.
]]>ภาพต้นฉบับหมาชิบะนั่งไขว้ขาเหล่มองมายังกล้อง ‘Kabosu the Shiba Inu’ มีมชื่อดังบนโลกอินเทอร์เน็ต ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันบนเหรียญ Dogecoin ถูกประมูลขาย NFT แล้วเมื่อคืนนี้ โดยทำราคาได้ถึง 1696.9 ETH หรือราว 126 ล้านบาท ทำลายสถิติมีมกบเขียว Pepe the Frog ซึ่งเป็นแชมป์ถึง 4 เท่า
การประมูลจัดขึ้นผ่านเว็บไซต์ Zora.co และรับรองโดย Know Your Meme เว็บไซต์ฐานข้อมูลมีมแห่งโลกอินเทอร์เน็ต ผู้ชนะการประมูล คือ PleasrDAO หรือกองทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นผู้ประมูลรายเดียวกับภาพ NFT ของ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
รายได้จากการขายภาพ Kabosu จะถูกนำไปบริจาคให้กับองค์กรการกุศลต่างๆ ในอังกฤษและญี่ปุ่น ได้แก่ Plan International, Terra Renaissance, Florence, Japanese Red Cross, World Food Program, Ashi Naga และ Japan Heart
“Kabosu กลายเป็นมีมที่คนชื่นชอบมาก ฉันเชื่อว่าเขาคงได้รับภารกิจพิเศษจากจักรวาล” อัตสึโกะ ครูอนุบาลชาวญี่ปุ่น เจ้าของมีมกล่าว
“ด้วย NFT นี้ ฉันอยากช่วยเหลือเด็กๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือทั่วโลก ฉันกับเจ้า Kabosu จะมีความสุขมาก ถ้าเราช่วยสร้างรอยยิ้มให้กับพวกเขาได้”
แม้ตอนนี้ภาพบน Dogecoin ได้ถูกประมูลไปแล้ว แต่ภาพอื่นๆ ในคอลเล็กชันเดียวกันยังคงเปิดประมูลอยู่ โดยผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ที่ https://zora.co/kabosumama
ถึงตอนนี้เหรียญชิบะจะยังไม่ To the Moon แต่ NFT ราคา To the Moon แน่ๆ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคต
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
อ้างอิง:
The post ภาพต้นฉบับมีมชิบะบน Dogecoin ทำลายสถิติการประมูล Meme NFT ด้วยมูลค่ากว่า 126 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.
]]>วานนี้ (14 มกราคม) ศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธ […]
The post รองโฆษก ปชป. แจงภาพชวนกดกาแฟ หลังกลายเป็นมีมในโซเชียล ชี้เจตนาต้องการแบ่งปันมุมความเป็นกันเอง appeared first on THE STANDARD.
]]>วานนี้ (14 มกราคม) ศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ตนได้โพสต์ภาพ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กดกาแฟดื่มเองที่รัฐสภา พร้อมระบุข้อความว่า อย่าแปลกใจหากเจอประธานรัฐสภายืนชงกาแฟอยู่ในครัวที่สภานั้น เป็นการโพสต์ด้วยเจตนาที่อยากแบ่งปันมุมความเป็นกันเองของประธานรัฐสภา เพราะโดยปกติเราจะไม่ค่อยเห็นผู้บริหารคนไหนเดินมาชงกาแฟดื่มเอง
ซึ่งขณะที่โพสต์ก็มีผู้ติดตามแสดงความเห็นชื่นชมถึงความเป็นกันเองของประธานรัฐสภา แต่เมื่อมีคนรีทวีตและชื่นชมเป็นจำนวนมาก ทำให้ฝ่ายการเมืองอีกฝ่ายเกิดความไม่พอใจ และร่วมกันเข้ามาต่อว่าประธานรัฐสภาด้วยถ้อยคำไม่สุภาพและพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเกลียดชังในสังคม ทำให้ต้องตัดสินใจลบโพสต์ดังกล่าวไป
ศิริภากล่าวว่าเรามีเจตนาการใช้สื่อเพื่อสื่อสารที่ต่างกัน และหากสังเกตวิธีการรีทวีต ไม่ว่าจะข้อความหรือรูปภาพและช่วงเวลาในการโพสต์ ก็จะเห็นการทำงานอย่างเป็นขบวนการของคนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะในเรื่องการให้ความเคารพกับความเห็นต่าง ซึ่งถือเป็นเรื่องพื้นฐานของประชาธิปไตยที่ควรนำไปปฏิบัติ แต่พบว่ามีหลายครั้งที่คนกลุ่มนี้มักใช้ความคิดของตนเป็นใหญ่ ออกมาด่าทออีกฝ่ายที่มีความเห็นแตกต่างไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้วิจารณญาณ และขอตั้งเป็นข้อสังเกตไว้
มีรายงานว่าหลังศิริภาโพสต์ภาพดังกล่าว ภาพของชวนได้ถูกนำไปตัดต่อเป็นมีม (Meme) ที่หมายถึงกระแสมุกขำขันบางอย่างที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในสังคมโซเชียลมีเดียจำนวนมาก
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
The post รองโฆษก ปชป. แจงภาพชวนกดกาแฟ หลังกลายเป็นมีมในโซเชียล ชี้เจตนาต้องการแบ่งปันมุมความเป็นกันเอง appeared first on THE STANDARD.
]]>หลายเพลงของ บี้-สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึ […]
The post “คนที่ยิ้มให้กันตรงหน้าปากซอย ใช่หรือเปล่า?” เมื่อเพลงของ บี้ สุกฤษฎิ์ กลับมาเป็นมุกในช่วงโควิด-19 ระบาด appeared first on THE STANDARD.
]]>หลายเพลงของ บี้-สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงในช่วงการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยขณะนี้ นับเป็นเรื่องขำขันในช่วงเวลาที่ผู้คนจำนวนมากกำลังหวาดหวั่น ต้องกักตัว หรือทำงานอยู่ที่บ้าน เพื่อป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัสดังกล่าว
THE STANDARD POP ขอชวนคุณมาสำรวจว่า ทำไมหลายๆ คนถึงหยิบยกขึ้นมาอธิบายความรู้สึก กลายเป็นมุกตลกหรือมีม (Meme) ในสถานการณ์ตอนนี้ และไม่น่าเชื่อว่า เพลงของบี้ สุกฤษฎิ์ ที่เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้เยอะมากจริงๆ
ยกตัวอย่างคร่าวๆ เช่น สมมติถ้าอยากรู้ว่าใครที่มีเชื้อโคโรนา 2019 อยู่บ้าง เพลง I Need Somebody อาจตอบคุณได้ เพราะมีท่อนร้องที่ว่า “คนที่โทรผิดมาเมื่อวานตอนเช้า คนที่นั่งกินข้าวติดกันเมื่อคืน คนที่ยิ้มให้กันตรงหน้าปากซอย ใช่หรือเปล่า?” ซึ่งคล้ายคลึงกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เราแทบไม่รู้เลยว่า เราจะสามารถติดเชื้อไวรัสดังกล่าวได้จากใครบ้าง
มึง กูจะติดโควิดจากใครได้บ้างวะ?
me : pic.twitter.com/WwocmydgDF— วมพททอภสรทท (@beejatiew) March 15, 2020
และที่ดูเหมือนว่าหลายๆ คนจะชอบเป็นพิเศษก็คือเพลง จังหวะหัวใจ ที่เอาไปยั่วล้อกับสถานการณ์ที่เราอาจพบเจอคนอื่นๆ จามหรือไอในที่สาธารณะ จนต้องร้องออกไปว่า “มาเล่นให้ใจฉันเต้นแบบนี้ ฉันว่าเธอก็มีอาการใช่ไหม?” ซึ่งนับว่าเป็นมุกที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพมากๆ
นั่งรถตู้เเล้วมีคนจาม
กู: pic.twitter.com/fsVo3hdLSY
— W (@woodblood41) March 15, 2020
นอกจากนี้ยังมีการหยิบยกเพลงอีกเป็นจำนวนมากขึ้นมายั่วล้อกับโควิด-19 ทั้งเพลง รักมากมาย, กลัวที่ไหน, เผลอรักหมดใจ, โทรมา…ว่ารัก, It’s Alright และอื่นๆ อีกมากมาย จนเกิดเป็นเพลย์ลิสต์ที่ชื่อว่า เต้นสู้ Covid กับบี้ สุกฤษฎิ์ ใน Spotify ที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจและแชร์ต่อกัน
เช้าที่ตื่นมาแล้วรุ้สึกเจ็บคอ เหมือนจะมีไข้ pic.twitter.com/KvFIb9PZ7i
— ฅ„ᵕᴗᵕ„ฅ (@chohaeeun) March 15, 2020
อาจเป็นเรื่องที่ดูไม่มีความหมายอะไรที่เราจะหยิบยกขึ้นมานำเสนอให้คุณได้รู้ เพียงแต่นี่เป็นอีกแง่มุมหนึ่งของสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ที่ผู้คนล้วนให้ความสำคัญ และการเสพข่าวสารที่ค่อนข้างหลากหลายในแต่ละวัน ทำให้ประชาชนมองหาอะไรเบาๆ เพื่อลดภาวะความเครียดจากสถานการณ์นี้ เช่นเดียวกับ เพลง Work from Home ของ Fifth Harmony และ I Will Survive กลับมาติดชาร์ตอีกครั้งเพราะโควิด-19 ที่ THE STANDARD POP เพิ่งนำเสนอไป
บี้-สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว โด่งดังจากการเป็นศิลปินและนักแสดงที่เริ่มต้นจากการประกวดรายการ เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ซีซัน 3 และคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศ ก่อนจะมีผลงานเพลงตามมาภายหลังอีก 4 สตูดิโออัลบั้ม และ 2 มินิอัลบั้ม รวมถึงยังวนเวียนแสดงละคร ภาพยนตร์ และละครเวทีอยู่เรื่อยๆ ตลอดระยะเวลากว่า 14 ปี ในวงการบันเทิง โดยปัจจุบัน บี้ สุกฤษฎิ์ ลดการรับงานให้น้อยลง หันหน้าใช้ชีวิตเรียบง่าย เพื่อไปดูแลพระอาจารย์ที่มีบุญคุณกับเขาตลอดปีที่ผ่านมา แฟนๆ จึงตั้งตารอคอยว่า เมื่อไรเขาจะกลับมามีผลงานอีกครั้ง
ภาพ: Instagram: @biesukrit_w
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
The post “คนที่ยิ้มให้กันตรงหน้าปากซอย ใช่หรือเปล่า?” เมื่อเพลงของ บี้ สุกฤษฎิ์ กลับมาเป็นมุกในช่วงโควิด-19 ระบาด appeared first on THE STANDARD.
]]>