melbourne – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 31 May 2024 00:55:42 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 5 เมืองใหญ่ทั่วโลกที่สร้าง City (Re-) Branding แล้วประสบความสำเร็จ https://thestandard.co/life/5-city-rebranding-success-cities Fri, 31 May 2024 00:55:42 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=939553 City (Re-) Branding

เรียกว่าเป็นประเด็นถกเถียงกันไม่จบสิ้นถึงความสวยงามของป […]

The post 5 เมืองใหญ่ทั่วโลกที่สร้าง City (Re-) Branding แล้วประสบความสำเร็จ appeared first on THE STANDARD.

]]>
City (Re-) Branding

เรียกว่าเป็นประเด็นถกเถียงกันไม่จบสิ้นถึงความสวยงามของป้าย ‘กรุงเทพฯ – Bangkok’ ที่กรุงเทพมหานครจัดทำแทนของเดิม โดยใช้ข้อความและดีไซน์ใหม่ซึ่งสะท้อนอัตลักษณ์ (Identity System) ใหม่ของเมือง ณ บริเวณทางเดินเชื่อมต่อระหว่าง Siam Discovery และ MBK Center 

 

การสร้างอัตลักษณ์เมืองไม่ใช่เรื่องใหม่และหลายเมืองใหญ่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ เพราะการสร้างแบรนด์เมืองที่ดีย่อมก่อให้เกิดภาพลักษณ์และเรียกเม็ดเงินได้มากมายมหาศาล 

 

จากหลายเมืองใหญ่ทั่วโลก มาดูกันซิว่ามีเมืองไหนบ้างที่ทำ City (Re-) Branding แล้วประสบความสำเร็จ 

 

City (Re-) Branding

 

1. นิวยอร์กซิตี้, สหรัฐอเมริกา

 

ถ้าพูดถึงการสร้างแบรนด์เมือง นิวยอร์กซิตี้ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดในโลก เพราะจากภาพลักษณ์เมืองที่มีแต่เรื่องยา อาชญากรรม และความอันตราย จนมีคำกล่าวว่า ‘Welcome to Fear City’ กลายเป็นเมืองแห่งศิลปะ ความฮิป ที่หลายคนทั่วโลกอยากแวะเที่ยว 

 

ซึ่งทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้กับ Milton Glaser สำหรับการออกแบบ ‘I ❤ NY’ ตัวอักษรกราฟิกเรียบง่ายแต่ทรงพลัง จนทำให้ทุกคนหันมาสนใจนิวยอร์กอีกครั้ง สร้างภาพลักษณ์ใหม่ สร้างเม็ดเงินและรายได้มหาศาลให้แก่เมือง 

 

ปัจจุบันนิวยอร์กได้เปลี่ยนแบรนด์เมืองใหม่ในปี 2023 ให้อัปเดตและทันสมัยมากขึ้น จาก I ❤ NY มาเป็น We ❤ NY ซึ่งก็มีทั้งเสียงชื่นชอบและก่นด่าไม่ต่างจากบ้านเรา

 

 

2. เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย

 

กรณีของเมลเบิร์นนั้นต่างจากนิวยอร์ก ตรงที่เมลเบิร์นกำลังติดหล่มกับภาพลักษณ์ความล้าสมัย ฉะนั้นโจทย์การสร้างเมืองของเมลเบิร์นคือ ทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้คนรู้สึกว่าเมลเบิร์นเป็นเมืองที่สนุก ทันสมัย และมีสีสัน 

 

ทางภาครัฐจึงได้มอบหมายให้เอเจนซีสร้างโลโก้และกลยุทธ์แบรนด์ใหม่ที่เรียบง่ายและทรงพลัง ผลลัพธ์ที่ได้คือ โลโก้รูป ‘M’ ที่พร้อมปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและทุกกลยุทธ์การตลาด รวมทั้งเติบโตไปพร้อมกับเมืองด้วย

 

นอกจากโลโก้และแคมเปญ ‘Feel the City’ จะช่วยกำหนดนิยามใหม่ของเมลเบิร์นได้สำเร็จ และภายในปีนั้นผลิตภัณฑ์มวลรวมของเมืองยังเพิ่มขึ้นอีก 6% อีกด้วย

 

 

3. เฮลซิงกิ, ฟินแลนด์

 

ย้อนกลับไปในปี 2017 เมืองเฮลซิงกิต้องการสร้างเมืองให้กลายเป็นเมือง ‘ใช้งานได้จริง’ ของโลก เพื่อดึงดูดคนทำงาน นักลงทุน นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยว ให้มาลงหลักปักฐานสร้างเมืองไปด้วยกัน Werking เอเจนซีรับออกแบบ จึงออกแบบแบรนด์เมืองโดยการดึงข้อมูลเชิงลึกจากคนทำงาน 200 คนในตำแหน่งและแผนกต่างๆ ยาวนานถึง 7 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้คือกลยุทธ์แบรนด์และอัตลักษณ์เมืองที่มาแทนตราเฮลซิงกิแบบเก่า แต่ยังคงลักษณะดั้งเดิมบางประการเหลืออยู่ และจากการรีแบรนด์ยังทำให้เฮลซิงกิได้เมืองน่าอยู่อันดับ 9 ของโลกจาก 140 ในปี 2016 อีกด้วย

 

City (Re-) Branding

 

4. ปารีส, ฝรั่งเศส

 

ปารีสเป็นตัวอย่างเมืองที่สร้าง City Branding ได้ดีและมีการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ ก่อนหน้านี้หลายคนอาจคุ้นเคยกับโลโก้คำว่า ‘ปารีส’ ที่ใช้รูปร่างของหอไอเฟลมาแทนตัว A อันที่จริง CI นี้ถูกทำขึ้นมาเพื่อ Paris Convention and Visitors Bureau ใช้โปรโมตแคมเปญท่องเที่ยว แน่นอนว่าประสบความสำเร็จมาก เพราะทั้งสนุก มีสีสัน จดจำง่าย และเป็นเอกลักษณ์ แถมยังต่อยอดได้ง่าย ไม่ว่าจะทำป้ายบิลบอร์ด แผ่นพับ ไกด์บุ๊ก หรืออื่นๆ ส่วน City Branding ของปารีสจริงๆ กลับหลีกเลี่ยงการใช้หอไอเฟล และหันมาใช้ภาพโบสถ์เพื่อสร้างภาพจำใหม่ๆ ซึ่งผลที่ได้คือความสวยงามที่เป็นปัจเจก ฉีกกฎเดิมๆ และทำให้ปารีสดูเป็นเมืองที่สนุกขึ้น

 

 

5. ปอร์โต, โปรตุเกส

 

ใครๆ ต่างก็รู้ว่าปอร์โตเป็นเมืองที่ดังเรื่องไวน์และเป็นสถานที่ตั้งของเมืองมรดกโลก ทว่าในปี 2014 เมืองปอร์โตจำต้องปรับปรุงกลยุทธ์แบรนด์ใหม่ เพื่อดึงดูดผู้อาศัยหน้าใหม่และนักลงทุนให้เข้ามาในเมือง โจทย์ของเมืองคือ การปรับปรุงภาพลักษณ์ให้กลายเป็น ‘เมืองสำหรับทุกคน’ ให้ผู้คนไม่ว่าจะอาชีพไหนๆ ก็สามารถล่าความฝันได้ 

 

ด้วยการทำงานร่วมกับเอเจนซี เมืองนี้ได้สร้างอัตลักษณ์ใหม่ โดยอิงจากกระเบื้องสีฟ้าแบบดั้งเดิม ไอคอนเรขาคณิตมากกว่า 70 แบบถูกทำขึ้น และนำมาสร้างภาพต่อกันที่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมและความซับซ้อนของบ้านเมือง เปลี่ยนโฉมเมืองปอร์โตให้กลายเป็นเมืองที่มุ่งเน้นไปที่อนาคต สร้างความหวัง ความฝัน ให้แก่ชาวเมืองเก่าไปจนถึงหน้าใหม่ที่อยากย้ายมาอยู่อาศัยด้วย

 

ภาพ: Getty Image, Shutterstock, Courtesy of Brand

อ้างอิง:

The post 5 เมืองใหญ่ทั่วโลกที่สร้าง City (Re-) Branding แล้วประสบความสำเร็จ appeared first on THE STANDARD.

]]>
City Branding: เมื่อป้าย ‘กรุงเทพฯ’ สี่แยกปทุมวัน สะท้อนบทเรียนการสร้างแบรนด์เมือง https://thestandard.co/city-branding-bangkok-lessons/ Thu, 30 May 2024 09:05:10 +0000 https://thestandard.co/?p=939348 บทเรียนการสร้าง City Branding กรุงเทพฯ

การสร้างแบรนด์ให้เมือง (City Branding) เป็นกลยุทธ์สำคัญ […]

The post City Branding: เมื่อป้าย ‘กรุงเทพฯ’ สี่แยกปทุมวัน สะท้อนบทเรียนการสร้างแบรนด์เมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
บทเรียนการสร้าง City Branding กรุงเทพฯ

การสร้างแบรนด์ให้เมือง (City Branding) เป็นกลยุทธ์สำคัญที่เมืองต่างๆ ทั่วโลกใช้เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว การลงทุน และสร้างความภาคภูมิใจให้กับประชาชนในท้องถิ่น

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกความพยายามในการสร้าง City Branding จะเป็นไปตามที่คาดหวังเสมอไป กรณีศึกษาป้ายแลนด์มาร์ก ‘กรุงเทพฯ – Bangkok’ สกายวอล์กสี่แยกปทุมวันที่เพิ่งเปลี่ยนแปลงไปเมื่อไม่นานมานี้ ได้ก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางในสังคมไทยเกี่ยวกับความสวยงาม ความเหมาะสม และประสิทธิภาพของการสร้างแบรนด์ให้เมืองหลวงของประเทศไทย

 

บทความนี้จะวิเคราะห์เชิงลึกถึงกรณีศึกษาป้ายสี่แยกปทุมวัน โดยเปรียบเทียบกับกรณีศึกษา City Branding จากเมืองอื่นๆ ทั่วโลก เพื่อถอดบทเรียนและนำเสนอแนวทางปฏิบัติที่ดีในการสร้าง City Branding ที่ยั่งยืน

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

องค์ประกอบสำคัญของ City Branding ที่แข็งแกร่ง

 

City Branding ที่แข็งแกร่งไม่ใช่เพียงแค่การมีโลโก้สวยงามหรือสโลแกนที่ติดหู แต่ต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบที่หลากหลายและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ Kavaratzis (2004) ได้เสนอองค์ประกอบสำคัญของ City Branding ไว้ 6 ประการ ได้แก่:

 

  1. Presence (การรับรู้): เมืองต้องมีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและเป็นที่จดจำ
  2. Place (สถานที่): เมืองต้องมีสถานที่ท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าสนใจ
  3. People (ผู้คน): ชาวเมืองต้องเป็นมิตรและมีอัธยาศัยไมตรีที่ดี
  4. Prerequisites (ปัจจัยพื้นฐาน): เมืองต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เช่น ระบบขนส่งมวลชน ที่พัก และความปลอดภัย
  5. Pulse (จังหวะชีวิต): เมืองต้องมีกิจกรรมและเทศกาลที่น่าสนใจ
  6. Potential (ศักยภาพ): เมืองต้องมีศักยภาพในการเติบโตและพัฒนา

 

นอกจากนี้ อีกองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ Authenticity (ความเป็นเอกลักษณ์) เมืองต้องสามารถสื่อสารคุณค่าและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองได้อย่างชัดเจนและน่าสนใจ

 

 

ความสำคัญของการมีส่วนร่วมจากชุมชน

 

การมีส่วนร่วมจากชุมชน (Community Engagement) เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของ City Branding (Braun, Eshuis & Klijn, 2014) การให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและการตัดสินใจเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์เมือง จะช่วยให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของและความภาคภูมิใจในแบรนด์เมืองของตนเอง 

 

นอกจากนี้การมีส่วนร่วมจากชุมชนยังช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงลึกและมุมมองที่หลากหลาย ซึ่งเป็นประโยชน์ในการพัฒนา City Branding ที่ตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชนอย่างแท้จริง

 

ในกรณีศึกษาป้ายสี่แยกปทุมวัน การขาดการมีส่วนร่วมจากชุมชนอย่างเพียงพอเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง หลายฝ่ายมองว่าการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงป้ายเป็นไปโดยขาดการปรึกษาหารือและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างรอบด้าน ทำให้เกิดความรู้สึกว่าแบรนด์เมืองถูกกำหนดจากบนลงล่าง ไม่ได้สะท้อนความต้องการและความรู้สึกของคนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง

 

การรับรู้ของผู้บริโภคต่อ City Branding

 

การรับรู้ของผู้บริโภค (Consumer Perception) มีบทบาทสำคัญในการสร้าง City Branding ที่ประสบความสำเร็จ ผู้บริโภคในที่นี้หมายถึงทั้งประชาชนในท้องถิ่น นักท่องเที่ยว และนักลงทุน การสร้างภาพลักษณ์ของเมืองที่ตรงกับความคาดหวังและความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เมือง

 

งานวิจัยของ Pike (2014) พบว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะรับรู้แบรนด์เมืองในเชิงบวกเมื่อแบรนด์นั้นมีความเกี่ยวข้องกับคุณค่าส่วนบุคคลของพวกเขา เช่น ความทันสมัย ความเป็นมิตร และความยั่งยืน นอกจากนี้ความสอดคล้องกันของการสื่อสารแบรนด์เมืองในช่องทางต่างๆ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการรับรู้ของผู้บริโภค

 

จากการศึกษาของ Ritchie & Ritchie (1998) พบว่าภาพลักษณ์ของเมืองมีผลต่อการตัดสินใจเลือกเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว โดยภาพลักษณ์ที่เป็นบวกจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนเมืองนั้นๆ

 

นอกจากนี้อิทธิพลของสื่อสังคมออนไลน์ก็มีบทบาทสำคัญในการสร้างและส่งเสริมการรับรู้ของผู้บริโภคต่อ City Branding (Lucarelli & Berg, 2011) การใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการสื่อสารแบรนด์เมืองและสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค จะช่วยเพิ่มการรับรู้และความผูกพันกับแบรนด์เมืองได้

 

กรณีศึกษา City Branding ที่ประสบความสำเร็จและไม่เป็นไปตามเป้า

 

ภาพ: Robert DEYRAIL / Gamma-Rapho via Getty Images

 

กรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จ: I Amsterdam

 

‘I Amsterdam’ เป็นหนึ่งในแคมเปญ City Branding ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก แคมเปญนี้เริ่มต้นในปี 2004 โดยมีเป้าหมายในการสร้างภาพลักษณ์ของอัมสเตอร์ดัมให้เป็นเมืองที่ทันสมัย สร้างสรรค์ และเปิดกว้างสำหรับทุกคน แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและการลงทุน โดยมีปัจจัยสำคัญหลายประการ เช่น:

 

  • สโลแกนที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง: ‘I Amsterdam’ เป็นสโลแกนที่สั้น กระชับ และง่ายต่อการจดจำ สื่อถึงความเป็นตัวของตัวเองและความเป็นส่วนหนึ่งของเมือง
  • การสื่อสารที่สอดคล้องกัน: แคมเปญนี้ใช้สโลแกน ‘I Amsterdam’ ในทุกช่องทางการสื่อสาร ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ และสื่อกลางแจ้ง ทำให้เกิดการรับรู้และจดจำแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว
  • การมีส่วนร่วมจากชุมชน: แคมเปญนี้เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์กิจกรรมและโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์เมือง ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของและความภาคภูมิใจในแบรนด์เมืองของตนเอง

 

 

กรณีศึกษาที่ไม่เป็นไปตามเป้า: Rebranding Melbourne

 

ในปี 2009 เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ได้ทำการ Rebranding เมืองโดยเปลี่ยนโลโก้และสโลแกนใหม่ อย่างไรก็ตาม แคมเปญนี้กลับไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ (Medway & Warnaby, 2012) โดยมีปัจจัยสำคัญหลายประการ เช่น:

 

  • โลโก้และสโลแกนที่ไม่สื่อความหมาย: โลโก้ใหม่เป็นรูปทรงเรขาคณิตที่ซับซ้อนและยากต่อการตีความ ส่วนสโลแกน ‘Melbourne: A Great Place to Be’ ก็ถูกวิจารณ์ว่าเป็นคำพูดทั่วไปที่ไม่สื่อถึงเอกลักษณ์ของเมือง
  • การขาดการมีส่วนร่วมจากชุมชน: การ Rebranding นี้เป็นไปโดยขาดการปรึกษาหารือและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างเพียงพอ ทำให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวาง
  • ค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป: แคมเปญนี้มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 20 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 487 ล้านบาท ซึ่งถูกมองว่าเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น

 

ข้อเสนอแนะสำหรับกรุงเทพฯ และเมืองอื่นๆ

 

จากกรณีศึกษาป้ายสี่แยกปทุมวันและกรณีศึกษาอื่นๆ ทั่วโลก เราสามารถสรุปบทเรียนและข้อเสนอแนะสำหรับการสร้าง City Branding ที่ยั่งยืนได้ดังนี้

 

  1. ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมจากชุมชน: การสร้าง City Branding ที่ประสบความสำเร็จต้องเริ่มต้นจากการรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง การสร้างกระบวนการที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกแบบและตัดสินใจเกี่ยวกับแบรนด์เมือง จะช่วยสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและความภาคภูมิใจในแบรนด์เมืองของตนเอง
  2. สร้างแบรนด์ที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของเมือง: City Branding ที่ดีต้องสามารถสื่อสารคุณค่า วัฒนธรรม และประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนั้นๆ ได้อย่างชัดเจนและน่าสนใจ การศึกษาและทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ทำให้เมืองแตกต่างและน่าสนใจ จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างแบรนด์ที่โดดเด่นและดึงดูดใจ
  3. ใช้สื่อสารที่สอดคล้องกัน: การสื่อสารแบรนด์เมืองต้องมีความสอดคล้องกันในทุกช่องทาง ทั้งสื่อออนไลน์ สื่อออฟไลน์ และกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  4. วัดผลและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง: การสร้าง City Branding เป็นกระบวนการที่ต้องมีการวัดผลและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปรับปรุงและพัฒนาแบรนด์เมืองให้ดียิ่งขึ้น การเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ผลตอบรับจากผู้บริโภค จะช่วยให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพของแคมเปญและสามารถปรับกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม
  5. คำนึงถึงการรับรู้ของผู้บริโภค: การสร้าง City Branding ที่ประสบความสำเร็จต้องคำนึงถึงความคาดหวังและความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ ทั้งประชาชนในท้องถิ่น นักท่องเที่ยว และนักลงทุน การสร้างภาพลักษณ์ของเมืองที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เมือง

 

ท้ายที่สุด City Branding เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเมือง แต่ไม่ใช่ทุกความพยายามจะประสบความสำเร็จเสมอไป

 

 

กรณีศึกษาป้ายสี่แยกปทุมวันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมจากชุมชน การสร้างแบรนด์ที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของเมือง การใช้สื่อสารที่สอดคล้องกัน และการคำนึงถึงการรับรู้ของผู้บริโภค การเรียนรู้จากทั้งความสำเร็จและความไม่เป็นไปตามเป้าของกรณีศึกษาต่างๆ จะช่วยให้เมืองต่างๆ สามารถพัฒนา City Branding ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพได้

 

อ้างอิง:

The post City Branding: เมื่อป้าย ‘กรุงเทพฯ’ สี่แยกปทุมวัน สะท้อนบทเรียนการสร้างแบรนด์เมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
มั่นใจแสดงวิสัยทัศน์ ตปท. ดึงลงทุนเพิ่มขึ้น นายกฯ ย้ำ ความมั่นคงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกช่วยรับมือกับปัญหาท้าทาย https://thestandard.co/srettha-confidence-presenting-visions-abroad/ Wed, 06 Mar 2024 07:19:33 +0000 https://thestandard.co/?p=907928

วันนี้ (6 มีนาคม) ที่ทำเนียบผู้สำเร็จราชการประจำรัฐวิกท […]

The post มั่นใจแสดงวิสัยทัศน์ ตปท. ดึงลงทุนเพิ่มขึ้น นายกฯ ย้ำ ความมั่นคงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกช่วยรับมือกับปัญหาท้าทาย appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (6 มีนาคม) ที่ทำเนียบผู้สำเร็จราชการประจำรัฐวิกทอเรีย นครเมลเบิร์น เครือรัฐออสเตรเลีย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทักทายโคอาลา พร้อมป้อนอาหารให้โคอาลาเฟรดดี้และเฮย์ที่ออสเตรเลียนำมาต้อนรับผู้นำ ก่อนร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่ผู้สำเร็จราชการประจำรัฐวิกทอเรียเป็นเจ้าภาพ และถ่ายภาพหมู่ผู้นำที่เข้าร่วม

 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลีย ที่ Government House Victoria โดย แอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย จะเป็นผู้กล่าวเปิดและกล่าวถ้อยแถลงในหัวข้อ ‘วิสัยทัศน์ต่อภูมิภาค ประเด็นสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ และแนวทางความร่วมมือระหว่างอาเซียนและออสเตรเลียในการรับมือกับปัญหาท้าทายร่วมกัน’

 

ก่อนที่ผู้นำประเทศอาเซียนจะกล่าวถ้อยแถลง โดยเศรษฐาระบุว่า เชื่อมั่นว่าความมั่นคงในภูมิภาค ภูมิทัศน์ของโลก และการร่วมกันจัดการ จะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จตามยุทธศาสตร์ที่ได้กำหนดไว้

 

ซึ่งมี 3 ความท้าทายที่สำคัญ คือ

 

1. จำเป็นต้องส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคท่ามกลางการแข่งขันระหว่างประเทศมหาอำนาจ เชื่อว่าทุกคนมีวิสัยทัศน์เดียวกัน คือภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง ยึดตามกฎ และครอบคลุม พร้อมเรียกร้องให้ยุติความรุนแรง การสู้รบ ปล่อยตัวประกันในฉนวนกาซาทั้งหมดทันที ซึ่งรวมทั้งคนไทยด้วย

 

ขณะที่สถานการณ์ในเมียนมามีทางออกที่สันติ มั่นคง และเป็นหนึ่งเดียว คือทางออกด้านการเมือง ซึ่งไทยได้ริเริ่มโครงการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมทั้งหวังว่าจะเป็นเส้นทางสู่การเจรจา และเป็นเวทีสำหรับการมีส่วนร่วมของเมียนมากับประชาคมระหว่างประเทศ

 

2. ความจำเป็นในการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการพัฒนาจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิเศรษฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานจากการกระจายตลาดและการลงทุน

 

3. ความจำเป็นในความร่วมมือเพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้ผลิตพลังงานสะอาดชั้นนำ และเป็นศูนย์กลางของรถยนต์ไฟฟ้า โดยไทยได้เพิ่มการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งออกพันธบัตรด้านความยั่งยืน และได้ระดมทุนไปแล้ว 12.5 พันล้านดอลลาร์

 

นอกจากนี้ประเทศไทยยังอยู่ระหว่างการร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ และ พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฯ พร้อมร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันข้ามพรมแดน

 

มั่นใจนายกฯ แสดงวิสัยทัศน์ ตปท. ดึงลงทุนเพิ่มขึ้น

 

ด้าน ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลสำเร็จจากการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย ว่าตอบโจทย์การกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย และสอดคล้องกับนโยบายในสาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย 8 สาขา ตามวิสัยทัศน์ Thailand Vision ‘IGNITE THAILAND’ และเชื่อมั่นว่าการแสดงวิสัยทัศน์แต่ละครั้งจะสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นกลไกที่สำคัญนำประโยชน์กลับมาสู่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย

 

ทั้งนี้ ออสเตรเลียได้ประกาศข้อริเริ่มว่า

 

  • จะช่วยส่งเสริมความร่วมมืออาเซียน-ออสเตรเลียด้านธุรกิจการศึกษา วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน
  • การขยายทุนการศึกษาให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงทุนการศึกษาให้กับผู้ปฏิบัติงานระดับกลาง (Mid-Career Officials) ประเทศละ 5 ทุน
  • มาตรการอำนวยความสะดวกด้านการตรวจลงตราให้กับกลุ่มนักธุรกิจและกลุ่มบุคคลที่เดินทางเข้าออสเตรเลียเป็นประจำ และการต่ออายุการดำเนินโครงการในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และโครงการ Partnership for Infrastructure

 

The post มั่นใจแสดงวิสัยทัศน์ ตปท. ดึงลงทุนเพิ่มขึ้น นายกฯ ย้ำ ความมั่นคงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกช่วยรับมือกับปัญหาท้าทาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
เมลเบิร์นคว้าตำแหน่ง ‘เมืองที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย’ แซงหน้าซิดนีย์ https://thestandard.co/melbourne-australia-biggest-city-population/ Wed, 19 Apr 2023 06:23:25 +0000 https://thestandard.co/?p=778502

แม้ว่าจะไม่ใช่เมืองหลวง แต่หลายคนอาจมีภาพจำซิดนีย์ในฐาน […]

The post เมลเบิร์นคว้าตำแหน่ง ‘เมืองที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย’ แซงหน้าซิดนีย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

แม้ว่าจะไม่ใช่เมืองหลวง แต่หลายคนอาจมีภาพจำซิดนีย์ในฐานะ ‘เมืองที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย’

 

อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งนี้ถูกเมลเบิร์นโค่นลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยจำนวนประชากรราว 5.8 ล้านคน ซึ่งมากกว่าผู้อยู่อาศัยในซิดนีย์ประมาณ 19,000 คน 

 

สาเหตุหลักเป็นเรื่องทางเทคนิค กล่าวคือ การเพิ่มจำนวนประชากรอันรวดเร็วทำให้การกำหนดอาณาเขตเมืองสำคัญ (Significant Urban Area) ขยายครอบคลุมเมืองเมลตันเข้ามาในเขตของเมลเบิร์นด้วย

 

ดังนั้นเมื่อคำนวณอาณาเขตที่กว้างขึ้น จำนวนประชากรในพื้นที่จึงเพิ่มขึ้น

 

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านประชากรศาสตร์ยังอธิบายด้วยว่า การย้ายถิ่นฐานในประเทศเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้แชมป์เก่าถูกโค่น 

 

โดยช่วงหลังมีผู้คนย้ายออกจากซิดนีย์มากกว่าที่จะย้ายเข้า ในทางกลับกันมีคนย้ายมาปักหลักที่เมลเบิร์นมากกว่าจำนวนคนที่ย้ายออก 

 

นักประชากรศาสตร์อีกคนเสริมด้วยว่า เมลเบิร์นเป็นจุดหมายยอดฮิตของผู้อพยพ โดยเฉพาะชาวอินเดีย

 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนแย้งว่า หากใช้การวัดทางภูมิศาสตร์แบบอื่นก็จะเห็นว่าซิดนีย์ยังคงครองแชมป์เมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศอยู่ 

 

และจากจำนวนประชากรล่าสุดก็คาดการณ์ได้ว่า กว่าเมลเบิร์นจะโค่นซิดนีย์ได้จริงๆ ก็คงจะเป็นช่วงทศวรรษหน้าเลยทีเดียว

 

ภาพ: Martin Berry / Loop Images / Universal Images Group via Getty Images

อ้างอิง: 

The post เมลเบิร์นคว้าตำแหน่ง ‘เมืองที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย’ แซงหน้าซิดนีย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ยังคงร้อนแรง MASK-OFF EVENTS แจงรายละเอียด หลังเกิดกรณี นนท์ ธนนท์ วีซ่าไม่ผ่านเข้าออสเตรเลียจนต้องเลื่อนโชว์คอนเสิร์ต https://thestandard.co/mask-off-events/ Sat, 27 Aug 2022 07:46:10 +0000 https://thestandard.co/?p=672765 MASK-OFF EVENTS

สืบเนื่องจากกรณี MASK-OFF EVENTS ได้ออกมาประกาศเลื่อนกา […]

The post ยังคงร้อนแรง MASK-OFF EVENTS แจงรายละเอียด หลังเกิดกรณี นนท์ ธนนท์ วีซ่าไม่ผ่านเข้าออสเตรเลียจนต้องเลื่อนโชว์คอนเสิร์ต appeared first on THE STANDARD.

]]>
MASK-OFF EVENTS

สืบเนื่องจากกรณี MASK-OFF EVENTS ได้ออกมาประกาศเลื่อนการจัดคอนเสิร์ต Nont Tanont Australian Tour (Live in Melbourne) ของศิลปินหนุ่ม นนท์-ธนนท์ จำเริญ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 2 กันยายน ณ เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากติดปัญหาด้านการขอวีซ่า พร้อมแจ้งรายละเอียดการขอคืนบัตร

 

โดยมีแอดมิน Line Official ของ MASK-OFF EVENTS ท่านหนึ่งได้ให้ข้อมูลแก่ลูกค้าเกี่ยวกับเหตุผลที่วีซ่าของนนท์ไม่ผ่านว่า ‘ทางเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อว่านนท์เป็นศิลปิน’ จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกโซเชียลมีเดีย

 

ล่าสุดวันนี้ (27 สิงหาคม) ทาง MASK-OFF EVENTS ได้ออกมาประกาศชี้แจงต่อกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมกล่าวขออภัยอย่างสูงต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยทางทีมงานได้ยืนยันว่า ทางเอเจนต์ที่ดำเนินการขอวีซ่าให้ศิลปินและทีมงาน ได้ขอวีซ่าถูกประเภทอย่างแน่นอน (SUBCLASS 408) รวมถึงเอกสารในการยื่นขอวีซ่าของศิลปินและทีมงานนั้นเรียบร้อยครบถ้วนสมบูรณ์เหมือนกับทุกครั้งที่เคยยื่นขอวีซ่าให้ศิลปินท่านอื่นๆ ที่ผ่านมาทุกประการ ซึ่งไม่เคยมีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งทางทีมงานไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และกำลังดำเนินการสอบถามเพื่อความชัดเจนต่อไป

 

สำหรับรายละเอียดคำชี้แจงทั้งหมดระบุว่า “จากที่แอดมิน Line Official ได้ให้ข้อมูลกับลูกค้าไปโดยพลการ ก่อนจดหมายทางการจาก MASK-OFF EVENTS จะออกมานั้น มีผลกระทบทำให้เป็นข่าว จึงอยากขออภัยอย่างสูงต่อผู้ที่เกี่ยวข้องมา ณ ที่นี้

 

“เราตอบคำถามแทนเจ้าหน้าที่ไม่ได้จริงๆ ว่าทำไมถึงพิจารณาแบบนั้น สิ่งที่เรา (ในฐานะผู้จัดในเมลเบิร์น) อยากชี้แจงมีดังนี้

 

“1. ทางผู้จัดขอยืนยันว่าทางเอเจนต์ที่ดำเนินการขอวีซ่าให้ศิลปินและทีมงาน ได้ขอวีซ่าถูกประเภทอย่างแน่นอน (SUBCLASS 408)

 

“2. เอกสารในการยื่นขอวีซ่าศิลปินและทีมงาน และจากทางค่าย เรียบร้อยครบถ้วนสมบูรณ์เหมือนกับทุกครั้งที่เคยยื่นขอวีซ่าให้ศิลปินท่านอื่นๆ ที่ผ่านมาทุกประการ ซึ่งไม่เคยมีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น

 

“3. ผลการพิจารณาวีซ่าที่ออกมานั้น ทางเราเคารพการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ แต่ขอยอมรับว่าอดคิดไม่ได้ว่าทาง Immigration ได้เช็กข้อมูลถี่ถ้วนมากน้อยแค่ไหน เราไม่ได้มีเจตนาจะกล่าวโทษทาง Immigration ให้เสียหายแต่อย่างใด เพียงแต่เรามีคำถามมากมาย และไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งกำลังดำเนินการสอบถามเพื่อความชัดเจนต่อไป

 

“4. อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ทางเราในฐานะผู้จัดที่เมลเบิร์น ต้องขออภัยผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแฟนเพลงของคุณนนท์ ธนนท์ อีกครั้ง ที่ไม่สามารถทำให้งานคอนเสิร์ตครั้งนี้เกิดขึ้นได้ตามกำหนดการ

 

“ขอขอบคุณทุกคนที่เข้าใจและสนับสนุนเรามาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา

 

“สำหรับลูกค้าที่ซื้อบัตรทาง Line Official เราได้ทำการคืนเงินให้ครบถ้วนแล้ว หากมีท่านใดที่ตกหล่นไป สามารถติดต่อทางทีมงานผ่านทุกช่องทางได้ทันที

 

“ส่วนลูกค้าที่ซื้อบัตรจากร้านตลาดไทย, เสมียนทอง และอำไพ สามารถนำบัตรไปคืนและรับเงินสดตรงจากทางร้านได้ (ร้านที่ลูกค้าซื้อบัตรมา) ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป”

 

 

อ้างอิง:

The post ยังคงร้อนแรง MASK-OFF EVENTS แจงรายละเอียด หลังเกิดกรณี นนท์ ธนนท์ วีซ่าไม่ผ่านเข้าออสเตรเลียจนต้องเลื่อนโชว์คอนเสิร์ต appeared first on THE STANDARD.

]]>
ออสเตรเลียยังไม่ผ่านจุดสูงสุดโควิดระลอกล่าสุด ขณะที่เมลเบิร์นเตรียมทำสถิติเป็นเมืองที่ล็อกดาวน์ยาวนานที่สุดในโลก https://thestandard.co/australia-not-passing-coronavirus-highest-wave/ Mon, 04 Oct 2021 04:34:03 +0000 https://thestandard.co/?p=543717 ออสเตรเลีย

วันนี้ (4 ตุลาคม) ออสเตรเลียยังไม่ผ่านพ้นจุดสูงสุดของกา […]

The post ออสเตรเลียยังไม่ผ่านจุดสูงสุดโควิดระลอกล่าสุด ขณะที่เมลเบิร์นเตรียมทำสถิติเป็นเมืองที่ล็อกดาวน์ยาวนานที่สุดในโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ออสเตรเลีย

วันนี้ (4 ตุลาคม) ออสเตรเลียยังไม่ผ่านพ้นจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดโควิดระลอกล่าสุด ผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ติดเชื้อเฉลี่ยในช่วง 7 วันล่าสุดอยู่ที่ราว 1,800 ราย ขณะที่เมลเบิร์นเตรียมทำสถิติเป็นเมืองที่ล็อกดาวน์ยาวนานที่สุดในโลก 

 

โดยในวันที่ 5 ตุลาคม เมลเบิร์นจะทำสถิติแซงหน้ากรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินาที่มีสถิติล็อกดาวน์อยู่ที่ 245 วัน โดยเมลเบิร์นจะล็อกดาวน์ไปจนถึง 28 ตุลาคมนี้ (รวม 270 วัน)

 

ล่าสุด ออสเตรเลียมียอดผู้ติเชื้อสะสม 1.1 แสนราย เสียชีวิตแล้ว 1,334 ราย ทางการเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิดให้พลเมืองแล้ว 28.6 ล้านโดส กว่า 46% ของพลเมืองทั้งประเทศเข้ารับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว 

 

ทางการรัฐต่างๆ ในออสเตรเลียเตรียมบังคับใช้มาตรการให้ธุรกิจและองค์กรต่างๆ ดูแลเรื่องการเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด เพื่อสนับสนุนการสร้างภูมิคุ้มกันกลุ่มภายในออสเตรเลีย เพื่อรับมือกับโรคระบาดที่แพร่ระบาดมานานเกือบ 2 ปี อีกทั้งอาจจำเป็นต้องใช้ QR Code หรือเอกสารจากราชการที่รับรองการเข้ารับวัคซีนในการเข้าทำงานหรือเข้าใช้บริการในบางสถานที่ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามอาจต้องโทษปรับ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับองค์กรที่ฝ่าฝืน 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง:

 

ภาพ: Daniel Pockett / Getty Images

อ้างอิง:

The post ออสเตรเลียยังไม่ผ่านจุดสูงสุดโควิดระลอกล่าสุด ขณะที่เมลเบิร์นเตรียมทำสถิติเป็นเมืองที่ล็อกดาวน์ยาวนานที่สุดในโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
เกิดเหตุแผ่นดินไหวแมกนิจูด 6.0 ใกล้เมลเบิร์น เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและสัญญาณเตือนภัยสึนามิ https://thestandard.co/melbourne-earthquake/ Wed, 22 Sep 2021 01:56:08 +0000 https://thestandard.co/?p=539207 Melbourne Earthquake

วันนี้ (22 กันยายน) เกิดเหตุแผ่นดินไหวแมกนิจูด 6.0 มีศู […]

The post เกิดเหตุแผ่นดินไหวแมกนิจูด 6.0 ใกล้เมลเบิร์น เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและสัญญาณเตือนภัยสึนามิ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Melbourne Earthquake

วันนี้ (22 กันยายน) เกิดเหตุแผ่นดินไหวแมกนิจูด 6.0 มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองแมนส์ฟิลด์ ไม่ไกลจากเมลเบิร์นในรัฐวิกตอเรีย เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และสัญญาณเตือนภัยสึนามิ อาคารบ้านเรือนบางส่วนพังเสียหาย แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้เป็นวงกว้างถึงผู้คนที่อยู่ซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 900 กิโลเมตร 

 

ยังไม่พบรายงานความเสียหายภายนอกรัฐวิกตอเรีย โดยแรงสั่นสะเทือนในครั้งนี้วัดได้มากกว่าเหตุแผ่นดินไหวแมกนิจูด 5.6 ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองนิวคาสเซิล รัฐนิวเซาท์เวลส์ เมื่อช่วงปลายปี 1989 ที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากถึง 13 ราย

 

ทางด้านนายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน ให้สัมภาษณ์สื่อขณะอยู่ในระหว่างทริปการเดินทางเข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ และเข้าพบประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่สหรัฐอเมริกา ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงหรือเคสที่แย่กว่านั้น นับว่าเป็นข่าวดีมากๆ และหวังว่าจะมีข่าวดีเกิดขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเหตุน่ากังวลใจมากๆ เพราะเหตุแผ่นดินไหวแทบไม่ค่อยเกิดขึ้นในออสเตรเลีย ผู้คนน่าจะรู้สึกเครียดและกังวลใจไม่น้อย

 

เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นน่าจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ประท้วงมาตรการล็อกดาวน์ที่คาดว่าจะรวมตัวกันในเมืองเมลเบิร์นวันนี้ และอาจนำไปสู่เหตุการณ์ความไม่สงบและบานปลายกลายเป็นเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้

 

ภาพ: Asanka Ratnayake / Getty Images

อ้างอิง:

The post เกิดเหตุแผ่นดินไหวแมกนิจูด 6.0 ใกล้เมลเบิร์น เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและสัญญาณเตือนภัยสึนามิ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ออสเตรเลียเตรียมล็อกดาวน์รัฐวิกตอเรีย 1 สัปดาห์ หลังพบคลัสเตอร์โควิด-19 ระบาดในเมลเบิร์น https://thestandard.co/australia-lockdown-1-week-after-founding-melbourne-covid-19-cluster/ Thu, 27 May 2021 10:14:15 +0000 https://thestandard.co/?p=493488 ออสเตรเลีย โควิด

รัฐวิกตอเรีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของ […]

The post ออสเตรเลียเตรียมล็อกดาวน์รัฐวิกตอเรีย 1 สัปดาห์ หลังพบคลัสเตอร์โควิด-19 ระบาดในเมลเบิร์น appeared first on THE STANDARD.

]]>
ออสเตรเลีย โควิด

รัฐวิกตอเรีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลีย เตรียมเข้าสู่ภาวะล็อกดาวน์อีกครั้งเป็นเวลา 7 วัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังพบกรณีการระบาดแบบกลุ่มหรือคลัสเตอร์จำนวน 26 คนในนครเมลเบิร์นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ โดย 12 คนพบเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่ตรวจพบจุดแพร่เชื้อมากถึง 150 จุด

 

การระบาดของโควิด-19 ล่าสุดในรัฐวิกตอเรีย ทำให้ทางการท้องถิ่นเกิดความกังวล ซึ่งเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา รัฐวิกตอเรียเคยเผชิญการแพร่ระบาดระลอก 2 จนทำให้ต้องล็อกดาวน์นานถึง 5 เดือน และมีผู้ติดเชื้อไปมากกว่า 20,000 คน เสียชีวิต 820 คน 

 

ขณะที่ เจมส์ เมอร์ลิโน รักษาการนายกรัฐมนตรีรัฐวิกตอเรีย ระบุว่าการระบาดล่าสุดที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์อินเดีย B.1.617 ที่มีอัตราแพร่ระบาดสูง โดยพบผู้ติดเชื้อชาย 1 คน ที่เดินทางกลับมายังออสเตรเลีย ซึ่งในช่วงกักตัวที่รัฐเซาท์ออสเตรเลียตรวจไม่พบเชื้อ ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับมายังเมลเบิร์น และตรวจพบว่าติดโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียในอีก 6 วันให้หลัง

 

ขณะที่กรณีการติดเชื้อหลายรายที่พบล่าสุด มีความเชื่อมโยงกับการเข้าร่วมงานที่มีผู้คนจำนวนมาก รวมถึงการชมเกมการแข่งขันฟุตบอลที่สนามกีฬาในเมลเบิร์น

 

“ด้วยจำนวนผู้สัมผัสเชื้อหลักและรองกว่า 10,000 คน กับสถานที่แพร่เชื้ออีกมากกว่า 150 แห่งทั่วรัฐวิกตอเรีย เราจำเป็นต้องดำเนินการ (ล็อกดาวน์) ในทันที” เมอร์ลิโนกล่าว

 

สำหรับมาตรการล็อกดาวน์ล่าสุดเป็นเวลา 7 วัน จะกำหนดให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน ยกเว้นต้องออกไปทำงานที่มีความจำเป็น ออกกำลังกาย ซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็น หรือไปรับการฉีดวัคซีน และห้ามการรวมกลุ่มของประชาชน รวมถึงจำกัดการเดินทางออกจากบ้านในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร และบังคับสวมหน้ากากอนามัย

 

นอกจากนี้โรงเรียนทั่วรัฐจะปิดทำการชั่วคราว เช่นเดียวกับศาสนสถานและสถานที่ไม่จำเป็นต่างๆ จะถูกปิดเป็นเวลา 7 วัน ขณะที่รัฐอื่นๆ ของออสเตรเลียคาดว่าจะออกมาตรการจำกัดการเดินทางของประชาชนจากรัฐวิกตอเรีย เพื่อป้องกันการระบาดด้วย

 

ภาพ: Daniel Pockett / Getty Images

พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ

อ้างอิง:

The post ออสเตรเลียเตรียมล็อกดาวน์รัฐวิกตอเรีย 1 สัปดาห์ หลังพบคลัสเตอร์โควิด-19 ระบาดในเมลเบิร์น appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐวิกตอเรียในออสเตรเลียประกาศ ‘ภาวะภัยพิบัติ’ จากสถานการณ์โควิด-19 พ่วงมาตรการเคอร์ฟิวในเมลเบิร์น https://thestandard.co/victoria-state-announced-disaster-during-coronavirus/ Sun, 02 Aug 2020 09:11:34 +0000 https://thestandard.co/?p=385204

‘วิกตอเรีย’ รัฐที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับสองของประเ […]

The post รัฐวิกตอเรียในออสเตรเลียประกาศ ‘ภาวะภัยพิบัติ’ จากสถานการณ์โควิด-19 พ่วงมาตรการเคอร์ฟิวในเมลเบิร์น appeared first on THE STANDARD.

]]>

‘วิกตอเรีย’ รัฐที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับสองของประเทศออสเตรเลีย ได้ออกมาประกาศ ‘ภาวะภัยพิบัติ’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ววันนี้ (2 สิงหาคม) หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังส่อเค้าความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานการตรวจพบผู้ป่วยในรัฐดังกล่าวสูงกว่า 671 รายในช่วงระยะเวลาเพียงแค่วันเดียว และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย

 

พร้อมกันนี้ทางการออสเตรเลียยังได้ออกคำสั่งบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิว ห้ามไม่ให้พลเมืองในเมลเบิร์นออกจากบ้านในช่วงที่เกินระยะเวลาที่กำหนดอีกด้วย เพื่อยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ออกคำสั่งให้พลเมืองใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ไปก่อนแล้ว

 

แดเนียล แอนดรูวส์ รัฐมนตรีคนที่ 48 ของวิกตอเรีย กล่าวในระหว่างแถลงการณ์ประกาศภาวะภัยพิบัติและการใช้มาตรการเคอร์ฟิวว่า “กฎข้อบังคับที่ใช้ในปัจจุบันจะช่วยเลี่ยงกรณีการพบผู้ป่วยโควิด-19 ได้มากกว่าหลายพันรายในแต่ละวัน ลดจำนวนการรักษาผู้ติดเชื้อหลายพันคนในโรงพยาบาล และยังลดโอกาสการเสียชีวิตของผู้ป่วยได้อีกด้วย”

 

สำหรับมาตรการการเคอร์ฟิวจะเริ่มบังคับใช้ในเมลเบิร์นตั้งแต่ช่วงเวลา 20.00-05.00 น. ของทุกวัน เริ่มตั้งแต่ช่วงวันอาทิตย์นี้เป็นต้นไป เพื่อป้องกันให้พลเมืองที่อาศัยในเมลเบิร์นกว่า 5 ล้านคนหลีกเลี่ยงการเดินทางออกจากบ้าน ยกเว้นกรณีการออกจากบ้านเพื่อไปทำงานหรือรับการรักษาทางการแพทย์

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

The post รัฐวิกตอเรียในออสเตรเลียประกาศ ‘ภาวะภัยพิบัติ’ จากสถานการณ์โควิด-19 พ่วงมาตรการเคอร์ฟิวในเมลเบิร์น appeared first on THE STANDARD.

]]>
รถไฟด่วนซิดนีย์-เมลเบิร์นตกรางในรัฐวิกตอเรีย เสียชีวิต 2 ราย https://thestandard.co/sydney-speed-train-crash-died-2/ Thu, 20 Feb 2020 12:32:45 +0000 https://thestandard.co/?p=333229

เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของคืนวันพฤหัสบดี (20 กุมภาพัน […]

The post รถไฟด่วนซิดนีย์-เมลเบิร์นตกรางในรัฐวิกตอเรีย เสียชีวิต 2 ราย appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของคืนวันพฤหัสบดี (20 กุมภาพันธ์)​ ตามเวลาท้องถิ่น เกิดเหตุรถไฟด่วน XPT ของออสเตรเลีย เส้นทางซิดนีย์-เมลเบิร์น ตกรางใกล้กับสถานีรถไฟวอลแลน รัฐวิกตอเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย

 

หน่วยงานดับเพลิงออสเตรเลียเปิดเผยว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นห่างจากเมลเบิร์นราว 45 กิโลเมตร มีตู้โดยสาร 5 ตู้ เคลื่อนหลุดจากราง โดยภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่โพสต์ในโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นตู้โดยสารบางตู้พลิกตะแคงข้างอยู่ใกล้รางรถไฟ

 

รถไฟขบวนดังกล่าววิ่งออกจากสถานีรถไฟกลางในซิดนีย์เมื่อเวลา 07.00 น. เช้าวันนี้ และมีกำหนดเดินทางถึงสถานีเซาเทิร์นครอสในเมลเบิร์นเวลา 18.30 น. แต่ขบวนดังกล่าวเกิดความล่าช้ากว่า 2 ชั่วโมง ก่อนจะประสบอุบัติเหตุ 

 

The Guardian รายงานว่า มีผู้โดยสารราว 160 คน อยู่บนรถไฟขบวนนี้ในขณะเกิดเหตุ ซึ่งทั้งหมดได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่เมื่อเวลา 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยผู้บาดเจ็บ 4  คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่อีกคนถูกเคลื่อนย้ายทางอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังเมลเบิร์น

 

ส่วนสาเหตุที่ทำให้รถไฟตกรางยังไม่ทราบแน่ชัด

 

 

ภาพ: twitter @Rickard_Scott

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

The post รถไฟด่วนซิดนีย์-เมลเบิร์นตกรางในรัฐวิกตอเรีย เสียชีวิต 2 ราย appeared first on THE STANDARD.

]]>