หากเราให้ลิสต์ชื่อเทศกาลดนตรีระดับโลกที่รู้จัก เชื่อว่าสำหรับหลายคนก็คงหนีไม่พ้น Coachella, Glastonbury, Lollapalooza, Rolling Loud และ Primavera Sound แต่ในความเป็นจริงก็มีอีกหนึ่งเทศกาลที่คอมิวสิกตัวจริงไม่ควรพลาด นั่นก็คือ The Great Escape ที่จัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนพฤษภาคม ณ เมืองไบรท์ตัน ประเทศอังกฤษ ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงเทศกาลแรกสุดที่ Adele เคยมาเดบิวต์ที่งานนี้กับเพลง Hometown Glory

เทศกาล The Great Escape จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2006 เพื่อเป็นสปริงบอร์ด เปิดโอกาสให้ศิลปินหน้าใหม่ได้มีเวทีแจ้งเกิด และพบเจอกับคนในหลากหลายภาคส่วนของอุตสาหกรรมดนตรี เพื่อที่จะก้าวไปอีกขั้นอย่างยั่งยืน โดยเสน่ห์ของเทศกาลนี้คือ มีศิลปินกว่า 300 ชีวิตจากทุกแนวแสดง ใน 30 สถานที่ทั่วเมืองไบรท์ตัน ตลอด 3 วัน ซึ่งล้วนแล้วมาพร้อมแนวคิดที่อยากช่วยกันสร้างคอมมูนิตี้ของคอดนตรีที่มีความเป็นตัวของตัวเอง มีอิสระ และไม่ต้องมีกรอบมาจำกัดความคิดสร้างสรรค์ 

บริบทนี้ถือว่าเป็นกระจกสะท้อนแคมเปญ Never Stop Listening ของ Marshall ผู้สนับสนุนหลักของเทศกาล The Great Escape ที่ตั้งแต่แรกเริ่ม Jim Marshall ผู้ก่อตั้งบริษัทได้ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ไม่ปิดกั้นตัวเอง ถอดหูฟังบ้าง และเปิดใจฟังเสียงจากโลกภายนอก ซึ่งหากเสียงเหล่านี้มารวมพลังกับเสียงของคุณก็จะสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ และขับเคลื่อนสังคมและวัฒนธรรมได้ 

โดยเมื่อไม่นานมานี้ บริษัท Ash Asia ผู้จัดจำหน่ายและนำเข้าสินค้า Marshall หนึ่งเดียวของประเทศไทย ก็ได้พา THE STANDARD POP ไปเปิดประสบการณ์ที่เทศกาล The Great Escape ซึ่งมีไฮไลต์อยู่ที่วงอินดี้หญิงล้วนอย่าง The Last Dinner Party ที่สื่อดนตรียักษ์ใหญ่อย่าง Rolling Stone และ NME ต่างยกให้เป็นหนึ่งในศิลปินหน้าใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดของปีนี้ บวกกับยังมีการแสดงของศิลปินหญิงมาแรง เช่น Stacey Ryan เจ้าของเพลงฮิตสุดไวรัลอย่าง Fall In Love Alone ที่มียอดฟังผ่าน Spotify เกิน 160,000,000 สตรีมแล้ว

แต่ The Great Escape ไม่ได้มีเพียงพาร์ตการแสดงดนตรี แต่ก็ยังอัดแน่นด้วยกิจกรรมอื่นๆ ที่ทาง Marshall ผู้สนับสนุนหลัก ได้จัดขึ้น ตั้งแต่การมี Talk Session กับทีมผู้บริหาร, มีป๊อปอัพอีเวนต์ให้เปิดแผ่นฟังเพลงของศิลปินค่าย Marshall Records, มีการอัปเดตไลน์อัพสินค้าใหม่ก่อนใคร และพอตกเย็นก็มีปาร์ตี้สนุกๆ ที่ใช้ชื่อว่า Hair of the Dog

ภาพ: @viewzfinder

The post The Great Escape เทศกาลดนตรีที่ได้ Marshall มาช่วยขับเคลื่อน สร้างคอมมูนิตี้ของคอดนตรีทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

บนเวทีออสการ์ทุกปี อีกหนึ่งสาขาที่น่าจับตามองไม่แพ้กันคือ Best Original Song หรือเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งแต่ละเพลงที่มีชื่อเสนอเข้าชิงจะได้แสดงบนเวที และเป็นอีกหนึ่งสีสันสำคัญของงานตลอดเกือบ 4 ชั่วโมง

มากไปกว่านั้น สาขานี้ก็มีจุดเด่นตรงที่ผู้ชนะในหลายปีก็มาจากแวดวงดนตรีกระแสหลัก และจะเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จบนชาร์ตเพลง เช่น เอลตัน จอห์น ที่ชนะในปี 1994 จากเพลง Can You Feel The Love Tonight จากการ์ตูนเรื่อง The Lion King, เพลง Lose Yourself ของ Eminem จากหนังเรื่อง 8 Mile ในปี 2002 และ Skyfall ของอเดล จากหนังเรื่อง Skyfall ปี 2012

สำหรับค่ายดิสนีย์ก็ได้กวาดรางวัลสาขานี้มาหลายปี ทั้ง Let It Go จาก Frozen (2013), You’ll Be In My Heart จาก Tarzan (1999) และ A Whole New World จาก Aladdin (1992)

สำหรับปีนี้ ทั้ง 5 เพลงที่มีชื่อเข้าชิงก็น่าสนใจ เพราะมาจากภาพยนตร์ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีทั้งเพลงจากหนังการ์ตูน หนังเพลง หนังโรแมนติกสไตล์ coming of age หนังดราม่าเชิงกฎหมาย และหนังเรื่องปัญหาผิวสี ซึ่งก็ต้องดูว่าผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไรในวันที่ 5 มีนาคมนี้

เพลง Mighty River จาก Mudbound

ทำนอง-เนื้อร้อง: แมรี เจ. ไบลจ์, ราฟาเอล ซาดิก และทารา สตินสัน

ถือเป็นการเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกของทั้ง 3 คน ซึ่งแมรี เจ. ไบลจ์ ก็มีชื่อเข้าชิงสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมอีกด้วยจากบท ฟลอเรนซ์ แจ็คสัน ในเรื่อง Mudbound ที่สร้างโดย Netflix โดยแมรีที่เป็นคนขับร้องเพลงนี้ได้กลายเป็นบุคคลแรกที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลด้านการแสดงและเพลงประกอบภาพยนตร์ในปีเดียวกัน นอกจากนี้เธอยังเป็นเจ้าของรางวัลแกรมมี่ถึง 9 รางวัลอีกด้วย

เพลง Mystery of Love จาก Call Me By Your Name

ทำนอง-เนื้อร้อง: ซุฟียน สตีเวนส์

เป็นการเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกของซุฟียน ซึ่งในตอนแรก ผู้กำกับ ลูกา กัวดาญิโน ได้ขอให้เขามารับบทเป็นผู้บรรยายภาพยนตร์ให้ แต่เขาปฏิเสธ และตกลงที่จะเขียนเพลงประกอบให้แทน สำหรับเพลง Mystery of Love ได้เข้าชิงรางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในหลายสถาบัน เช่น Critics’ Choice Movie Awards, Georgia Film Critics Association และ Guild of Music Supervisors Awards ซึ่งเพลงนี้ยังติดอันดับที่ 36 ในชาร์ต Billboard Hot Rock Songs อีกด้วย

เพลง Remember Me จาก Coco

ทำนอง-เนื้อร้อง: คริสเตน แอนเดอร์สัน-โลเปซ, โรเบิร์ต โลเปซ

ถือเป็นการเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 2 ของคู่สามี-ภรรยานักแต่งเพลงในสาขานี้ ซึ่งเรื่องแรกที่ได้เข้าชิงคือ Frozen (2013) กับเพลงที่กลายเป็นอมตะไปแล้วอย่าง Let It Go สำหรับเพลง Remember Me มีชื่อเข้าชิงรางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในงาน Golden Globe Awards มาแล้ว และยังชนะรางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากงาน Critics’ Choice Movie Awards อีกด้วย

เพลง Stand Up for Something จาก Marshall

ทำนอง: ไดแอน วอร์เรน เนื้อร้อง: ลอนนี อาร์. ลินน์, ไดแอน วอร์เรน

ลอนนี อาร์. ลินน์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Common เป็นแรปเปอร์และนักแต่งเพลงที่ได้เข้าชิงสาขานี้เป็นครั้งที่ 2 หลังเคยชนะรางวัลนี้ในเพลง Glory จากหนังเรื่อง Selma (2014) ซึ่งเขาทำงานร่วมกับจอห์น เลเจนด์ สำหรับไดแอน วอร์เรน ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 9 ของเธอที่มีชื่อเข้าชิงในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดยเธอยังไม่เคยชนะรางวัลเลยสักครั้ง เพลง Stand Up for Something ได้เข้าชิงรางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในงาน Grammy Awards และ Critics’ Choice Movie Awards และชนะรางวัลไปแล้วจากงาน Hollywood Film Awards และ Hollywood Music in Media Awards

เพลง This Is Me จาก The Greatest Showman

ทำนอง-เนื้อร้อง: เบนจ์ พาเซ็ก, จัสติน พอล

ทั้งคู่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาแล้ว 2 ครั้งจากหนังเรื่อง La La Land (2016) ในเพลง Audition และ City of Stars โดยชนะได้ด้วยเพลง City of Stars ในปีที่แล้ว และปีนี้เป็นการเข้าชิงครั้งที่ 3 ของทั้งคู่ ซึ่งเพลง This Is Me ได้เข้าชิงในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในงาน Critics’ Choice Movie Awards และ Georgia Film Critics Association ทั้งยังชนะรางวัล Golden Globes เมื่อเดือนที่แล้ว นอกจากนี้เพลง This Is Me ยังมียอดยอดสตรีมบน Spotify ถึง 32 ล้านครั้ง แถมติดอันดับในชาร์ต UK Top 40 อีกด้วย

อ้างอิง:

• oscar.go.com/nominees/music-original-score
• www.bbc.com/news/entertainment-arts-42787262

The post ชอบเพลงไหนที่สุด? ทำความรู้จัก 5 เพลงเข้าชิงออสการ์ สาขา Best Original Song ในปีนี้ appeared first on THE STANDARD.