ณ วินาทีนี้คงไม่มีซีรีส์เรื่องไหนประสบความสำเร็จได้มากเท่ากับ One Piece Live Action ซีรีส์ยอดฮิตจาก Netflix ที่ดัดแปลงมาจากมังงะยอดฮิตในชื่อเดียวกัน โดยหนึ่งในคนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Mackenyu Arata นักแสดงชาวญี่ปุ่นที่มาสวมบทบาทเป็นนักดาบประจำกลุ่มหมวกฟางอย่าง Roronoa Zoro ที่นอกจากจะระเบิดออร่าความเท่อย่างไม่ลดละแล้ว การแสดงของเขายังทำให้คนดูรู้สึกถึงความเป็นตัวละครจริงๆ ด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง:

• 3 เหตุผลที่ส่งให้ One Piece Live Action กลายเป็นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จ
• One Piece อย่าให้ใครมาบอกว่า ‘ความฝัน’ ของเราเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ

แต่ก่อนที่จะมาเฉิดฉายกับ One Piece Live Action ชื่อของ Mackenyu มักปรากฏอยู่ในผลงานที่ดัดแปลงมาจากมังงะอยู่เสมอ โดยหากไม่ใช่ในบทของพระเอกก็จะเป็นพระรอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า นอกจากความหล่อและเท่ของเขาแล้ว ความสามารถในการแสดงก็เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน 

เพื่อทำความรู้จักกับนักแสดงคนนี้ให้มากยิ่งขึ้น THE STANDARD POP จึงอยากพาแฟนๆ ย้อนกลับไปชมผลงานการแสดงของ Mackenyu เจ้าพ่อไลฟ์แอ็กชันแห่งยุค ที่หลายคนกำลังตกหลุมรักอยู่ในตอนนี้อีกครั้ง

รับชมตัวอย่าง One Piece Live Action (2023) ได้ที่: https://youtu.be/sdNJ0cDz5Xc

ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร

อ้างอิง 

• https://asianwiki.com/Mackenyu_Arata

The post 9 บทบาทการแสดงของเจ้าพ่อ Live Action แห่งยุค Mackenyu ก่อนเฉิดฉายใน One Piece appeared first on THE STANDARD.

Knights of the Zodiac ภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันที่ดัดแปลงมาจากมังงะระดับตำนานอย่าง Saint Seiya ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสองสตูดิโอยักษ์ใหญ่ ได้แก่ Toei Animation และ Sony Picture ได้มีการถ่ายทำเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย พร้อมประกาศรายชื่อนักแสดงที่จะมารับบทเป็นตัวละครหลักให้ผู้ชมได้ติดตาม

โดยทาง The Hollywood Reporter ได้เปิดเผยว่า Mackenyu Arata นักแสดงหนุ่มชาวญี่ปุ่น จากภาพยนตร์ Rurouni Kenshin: The Final (2021) จะมาสวมบทเป็นตัวละครหลักของเรื่องอย่าง Seiya เด็กหนุ่มกำพร้าผู้สวมชุดคลอธแห่งกลุ่มดาวเพกาซัส พร้อมด้วย Madison Iseman จากภาพยนตร์ Annabelle Comes Home (2019) ที่จะมารับบทเป็น Sienna หรือ Kido Saori ในภาคต้นฉบับ

นอกจากนี้ยังได้ Sean Bean นักแสดงมากฝีมือที่ผู้ชมรู้จักกันเป็นอย่างดีจาก The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (2001) และซีรีส์ Game of Thrones (2011) มารับบทเป็น Alman Kiddo ผู้พา Seiya เข้ามาเป็นหนึ่งในเซนต์แห่งอาเธนา และ Diego Tinoco จากซีรีส์ On My Block (2018) มารับบทเป็น Nero Phoenix ผู้ได้รับการว่าจ้างให้ลอบสังหาร Sienna

รวมถึง Famke Janssen จากภาพยนตร์ X-Men: The Last Stand (2006), Nick Stahl จากภาพยนตร์ Sin City (2005) และ Mark Dacascos จากภาพยนตร์ John Wick: Chapter 3 (2019) ก็จะมาร่วมเป็นหนึ่งในทีมนักแสดงนำเช่นกัน

ด้านทีมงานเบื้องหลังของภาพยนตร์ ได้ Tomasz Baginski หนึ่งในทีมงานสเปเชียลเอฟเฟกต์จากซีรีส์ The Witcher มานั่งแท่นผู้กำกับ พร้อมด้วย Andy Cheng สตันท์แมนและผู้ออกแบบฉากต่อสู้ให้กับ Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings (2021) จะมารับหน้าที่ออกแบบฉากต่อสู้ของเหล่าเซนต์ในครั้งนี้อีกด้วย

สำหรับผลงานต้นฉบับอย่าง Saint Seiya คือมังงะระดับตำนานจากปลายปากกาของอาจารย์ Kurumada Masashi ที่ออกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1986 บนนิตยสาร Weekly Shounen Jump โดยสำนักพิมพ์ Shueisha และได้ถูกนำมาดัดแปลงเป็นฉบับอนิเมะครั้งแรกในปีเดียวกัน โดยได้สตูดิโอ Toei Animation มารับหน้าที่ดูแลการผลิต บอกเล่าเรื่องราวของ Seiya และผองเพื่อน ที่ต้องสวมชุดคลอธประจำกลุ่มดาวต่างๆ ในฐานะ ‘เซนต์แห่งอาเธนา’ เพื่อคอยปกป้อง Kido Saori หญิงสาวผู้มีพลังของเทพีอาเธนาจากน้ำมือของเหล่าร้าย

อ้างอิง:

• https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-news/saint-seiya-sean-bean-famke-janssen-knights-zodiac-live-action-exclusive-1235017474/

• https://asianwiki.com/Mackenyu_Arata
• https://saintseiya.fandom.com/wiki/Saint_Seiya

The post Mackenyu, Madison Iseman และ Sean Bean จะรับบทนำใน Knights of the Zodiac ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากมังงะยอดฮิต Saint Seiya appeared first on THE STANDARD.

ย้อนกลับไปในวันที่เราได้ชม The 100th Love with You (2017) ภาพยนตร์สุดตราตรึงใจของมือเขียนบท โอชิมะ ซาโตมิ ที่พาเราไปติดตามเรื่องราวความรักเหนือกาลเวลาของ ริคุ (ซาคากุจิ เคนทาโร่) และ อาโออิ (Miwa) 

เราเชื่อว่าทุกคนที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะมีความรู้สึกที่คล้ายๆ กับผู้เขียนคือ ความประทับใจในความรักที่ดูจะหมองหม่นแต่ก็ยังอบอุ่นของคู่พระนาง (โดยเฉพาะฉากช็อกโกแลต) และบทเพลงอันไพเราะจากวง The STROBOSCORP ที่เข้ามาบิลด์อารมณ์จนทำให้เราต้องเสียน้ำตาให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้

และทันทีที่ได้ดู Our 30 Minute Sessions ผลงานการเขียนบทเรื่องใหม่ของ โอชิมะ ซาโตมิ ที่มาพร้อมด้วยเรื่องราวความรักสุดแฟนตาซีและบทเพลงจากวง ECHOLL ที่เป็นตัวชูโรง ก็ทำให้ความรู้สึกที่แสนประทับใจแบบนั้นกลับคืนมาอีกครั้งได้เป็นอย่างดี

ภาพยนตร์เรื่อง The 100th Love with You (2017)

Our 30 Minute Sessions ว่าด้วยเรื่องราวของ คุโบตะ โซตะ (คิตามุระ ทาคุมิ) หนุ่มขี้อายที่ไม่ค่อยชอบการเข้าสังคมเท่าไรนัก วันหนึ่งเขาได้เจอเทปคาสเซ็ตต์ม้วนหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ แต่ปรากฏว่าเทปม้วนนั้นคือเทปเดโมของ มิยาตะ อากิ (แมคเคนยู อาราตะ) นักร้องหนุ่มที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต 

และเมื่อใดที่โซตะเปิดเทปม้วนนี้ อากิจะสามารถใช้ร่างของโซตะได้เป็นเวลา 30 นาที จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางออกตามหาเพื่อนร่วมวงของอากิเพื่อที่จะได้กลับมาเล่นดนตรีร่วมกับเพื่อนๆ และ มุราเสะ คานะ (คุโบตะ ซายุ) อดีตแฟนสาวของเขาอีกครั้ง

พูดถึงภาพรวมระหว่าง Our 30 Minute Sessions และผลงานก่อนหน้าอย่าง The 100th Love with You ในพาร์ตของความรักโรแมนติก เรารู้สึกว่า The 100th Love with You ถ่ายทอดเรื่องนี้ออกมาได้ดีและกินใจมากกว่าพอสมควร 

เพราะหนึ่งในข้อเสียของ Our 30 Minute Sessions คือการเล่าเรื่องที่กระชับฉับไวจนเกินไป และปูเรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างสามตัวละครหลักอย่าง อากิ โซตะ และคานะ ไม่มากพอที่จะทำให้เรามีอารมณ์ร่วมไปกับความรักของทั้งสามคนเท่าไรนัก

แต่สิ่งที่ทำให้ดีมากๆ จนชดเชยจุดที่น่าเสียดายไปได้ คือบรรดาเพลงประกอบภาพยนตร์จากวง ECHOLL ที่ได้ อุชิซาวะ ทาคาฮิโตะ โปรดิวเซอร์ที่เคยสร้างสรรค์บทเพลงคุณภาพอย่าง Kataomoi (Aimer), Aiokuri (The STROBOSCORP), Happy End (Moe Kamishiroishi) ฯลฯ มารับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ Our 30 Minute Sessions 

ซึ่งอุชิซาวะก็ยังคงสร้างสรรค์บทเพลงที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของเรื่องออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม อาทิ Mounidoto, Kaze To Hoshi, Stand by Me ฯลฯ 

และเมื่อนำมารวมกับการแสดงของ คิตามุระ ทาคุมิ นักร้องนำจากวง DISH// ในบทของ โซตะ และ แมคเคนยู อาราตะ ในบทของ อากิ ที่ทั้งคู่ต่างแสดงความสามารถทางดนตรีและพลังเสียงอันไพเราะให้เราได้ชม ก็ยิ่งทำให้เราหลงเสน่ห์ของสองหนุ่มที่มาพร้อมกับกีตาร์มากขึ้นกว่าเดิม 

อีกหนึ่งความโดดเด่นของ Our 30 Minute Sessions คือการบอกเล่าลักษณะนิสัยของตัวละครหลัก ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าสนใจ โดยการใช้สีของภาพเป็นตัวช่วยในการเล่าเรื่อง ทั้งตัวละครหลักอย่าง โซตะ เด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยอยากจะเข้าสังคมกับผู้อื่นเท่าไรนัก ซึ่งในทุกฉากที่โซตะปรากฏตัว สีของภาพจะถูกเกรดดิ้งไปในโทนหม่น เพื่อตอกย้ำชีวิตอันไร้สีสันและเดินไปตามครรลองของสังคม 

ในขณะที่การปรากฏตัวของ อากิ ผู้มีดนตรีในหัวใจและมุ่งมั่นในการทำวงดนตรี ECHOLL ร่วมกับเพื่อนของตนเอง สีของภาพจะถูกเกรดดิ้งในโทนที่เต็มไปด้วยสีสันและสอดคล้องกับบทเพลงอันไพเราะที่ตัวละครเป็นผู้แต่งขึ้น

รวมถึงการนำเทปคาสเซ็ตต์มาเป็นสัญลักษณ์แทนคุณค่าของความทรงจำที่อัดแน่นอยู่ในสิ่งของชิ้นเก่า และเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด เรียกได้ว่าหากใครที่มีความทรงจำกับเทปคาสเซ็ตต์ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้คุณอยากกลับไปค้นเทปม้วนเก่าของตัวเองขึ้นมานั่งฟังอีกครั้งได้ไม่ยาก

ถึงแม้พล็อตเรื่องจะดูเหมือนไม่มีอะไรใหม่ คาดเดาตอนจบได้ไม่ยากนัก แต่องค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดที่กล่าวมาทั้งหมดก็เพียงพอทำให้ Our 30 Minute Sessions เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ไม่ต้องหวือหวา แต่ดูแล้วอบอุ่นหัวใจ และแค่ไปนั่งฟังเพลงเพราะๆ ที่ร้อยเรียงมาเป็นอย่างดีตลอดทั้งเรื่องก็คุ้มแล้ว

Our 30 Minute Sessions มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

สามารถรับชมตัวอย่างได้ทาง

ภาพประกอบโดย

• http://sahamongkolfilm.com/

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post Our 30 Minute Sessions ดื่มด่ำไปกับบทเพลงอันไพเราะและเสน่ห์อันล้นเหลือของ คิตามุระ ทาคุมิ และ แมคเคนยู อาราตะ appeared first on THE STANDARD.