อัยการฝรั่งเศสเผย กลุ่มโจรที่ก่อเหตุโจรกรรมอัญมณีร้อยล้านในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เป็นเพียง ‘มือสมัครเล่น’ และไม่ได้วางแผนอย่างเป็นระบบ โดย 3 ใน 4 คน ถูกจับกุมตัวแล้ว ขณะที่รัฐบาลเตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยพิพิธภัณฑ์ทั่วฝรั่งเศสครั้งใหญ่

วานนี้ (2 ตุลาคม) ลอเร เบกกูโอ (Laure Beccuau) อัยการฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับ Franceinfo Radio ถึงความคืบหน้าของคดีโจรกรรมอัญมณีร้อยล้านจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ว่า ผู้ต้องหาไม่ใช่โจรมืออาชีพแบบที่ใครคาดเดา แต่เป็นเพียงกลุ่มอาชญากรรมเล็กๆ ที่อาศัยชานเมืองตอนเหนือของปารีส

“เขาเป็นเพียงพวกคนธรรมดาที่อาศัยอยู่แถว แซน-แซ็ง-เดอนี (Seine-Saint-Denis)” เบกกูโออธิบาย โดยสื่อนัยว่า กลุ่มโจรอาศัยในแถบยากจนของประเทศ พร้อมระบุว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คน พบว่า พวกเขาไม่ใช่อาชญากรมืออาชีพดังที่ในหน้าสื่อคาดเดา และมีประวัติก่อความผิดไม่ได้ใหญ่โต

อย่างไรก็ดี อัยการหญิงไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดความคืบหน้าของการตามหาอัญมณีที่หายไป หากแต่ระบุว่า เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวน ซึ่งคาดการณ์สถานการณ์ว่า เป็นไปได้หมด ทั้งถูกขาย หรือถูกนำไปใช้ฟอกเงินอีกทอด

แม้จะใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ในการก่อเหตุโจรกรรมหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดังที่สุดในโลก จนมีหลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นกลุ่มอาชญากรที่วางแผนมาอย่างดี ทว่าสื่อฝรั่งเศสกลับตั้งข้อสังเกตในช่วงที่ผ่านมาว่า ผู้ก่อเหตุไม่ใช่มืออาชีพ เพราะทำของมีค่าที่สุดหล่นอย่างมงกุฎจักรพรรดินีเออเฌนี ซึ่งทำจากทองคำ มรกต และเพชร ยังไม่รวมทิ้งร่องรอยอย่างหรือสิ่งของเครื่องใช้อื่นๆ ในที่เกิดเหตุ อีกทั้งยังทิ้งช่องโหว่สำคัญ คือ ไม่สามารถจุดไฟเผาลิฟต์ขนส่งเพื่อหลบหนีไปได้สำเร็จ

ปัจจุบัน ทางการฝรั่งเศสจับกุมผู้ต้องหา 4 คน ได้แก่ ชายวัย 37 ปี, หญิงวัย 38 ปี, ชายชาวแอลจีเรียวัย 34 ปี และชายวัย 39 ปี โดยอัยการระบุว่า พวกเขายอมรับข้อกล่าวหาแค่เพียงบางส่วน ขณะที่สาเหตุที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ เพราะพบ DNA ของชายวัย 37 ปีบนรถบรรทุก ซึ่งที่ผ่านมา เคยมีประวัติก่อเหตุอาชญากรรมรวมทั้งสิ้น 11 ครั้ง

อนึ่ง ราชิดา ดาติ (Rachida Dati) รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส ออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลวางแผนจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยพิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศอย่างเข้มงวด โดยยอมรับว่า ลูฟวร์ประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไปในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และอุปกรณ์บางอย่างล้าสมัยเกินไป

ภาพ: Abdul Saboor / Reuters

อ้างอิง:

• https://www.reuters.com/world/louvre-heist-work-petty-criminals-not-organised-crime-prosecutor-says-2025-11-02/
• https://www.dw.com/en/louvre-heist-amateurs-not-professionals-carried-out-theft/a-74591602
• https://www.theguardian.com/world/2025/nov/02/louvre-jewel-heist-petty-criminals-paris-prosecutor

The post โจรกรรมพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ คือ ‘มือสมัครเล่น’ อัยการฝรั่งเศสจับกุมผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 3 คน เผยทิ้งหลักฐานและช่องโหว่เยอะ appeared first on THE STANDARD.

เกิดเหตุกลุ่มโจร 4 คน บุกเข้าไปใน พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ใจกลางกรุงปารีสของฝรั่งเศส และขโมยเครื่องประดับล้ำค่าไปได้ 8 ชิ้น จากห้องจัดแสดง Galerie d’Apollon ซึ่งรวมถึงอัญมณีโบราณประเมินค่าไม่ได้ โดยใช้เวลาเพียง 7 นาทีในการก่อเหตุ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลา 9.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นเวลาที่พิพิธภัณฑ์ได้เปิดให้บริการแก่สาธารณชนแล้ว

เบื้องต้น ทางการฝรั่งเศสแถลงว่าโจรกลุ่มนี้ ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องมือไฟฟ้าอย่างเครื่องเจียรมุม ได้ปีนขึ้นไปบนรอกที่ใช้สำหรับขนเฟอร์นิเจอร์ บริเวณด้านนอกอาคาร ก่อนจะบุกเข้าไปยังห้องจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์

เหตุการณ์อุกอาจที่เกิดขึ้นกลางวันแสกๆ ครั้งนี้ เกิดขึ้นห่างจากสำนักงานใหญ่ของตำรวจปารีสเพียง 800 เมตร

ขณะที่หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบเครื่องประดับ 1 ชิ้น ซึ่งดูเหมือนว่ากลุ่มโจรจะทำหล่นไว้ระหว่างการหลบหนี

โลรองต์ นูเญซ (Laurent Nuñez) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า โจรได้ใช้กระเช้ายกของ งัดหน้าต่าง และบุกเข้าไปทุบทำลายตู้โชว์ ขณะที่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

ด้านกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์ว่า กำลังดำเนินการสืบสวนและรวบรวมรายชื่อเครื่องประดับที่ถูกขโมยอย่างละเอียด โดยสิ่งของที่ถูกขโมยไปเหล่านี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และถือเป็นมรดกอันล้ำค่า

เครื่องประดับที่ถูกขโมยไปรวมถึงมงกุฎ สร้อยคอ และต่างหู ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องประดับของสมเด็จพระราชินีมารี-อเมลี และสมเด็จพระราชินีฮอร์เทนส์

โดยสร้อยคอมรกตและต่างหูมรกตหนึ่งคู่ จากชุดเครื่องประดับของพระนางมารี-หลุยส์ก็ถูกขโมยไปเช่นกัน เช่นเดียวกับเข็มกลัดที่รู้จักกันในชื่อ “เข็มกลัดพระบรมสารีริกธาตุ” มงกุฎของจักรพรรดินีเออเฌนี (Empress Eugénie) พระมเหสีของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 และเข็มกลัดขนาดใหญ่

สำหรับเครื่องประดับที่กลุ่มโจรทำหล่นไว้ด้านนอกพิพิธภัณฑ์นั้น ทางการฝรั่งเศสยืนยันว่า เป็นมงกุฎสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งพบว่าตัวมงกุฎได้รับความเสียหาย

โดยมงกุฎล้ำค่านี้ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของจักรพรรดินีเออเฌนี ประดับด้วยนกอินทรีทองคำและประดับด้วยเพชร 1,354 เม็ด และมรกต 56 เม็ด ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์

อเล็กซานเดอร์ จิเกลโล ประธานบริษัทประมูลดรูโอต์ ประเมินว่า เฉพาะมงกุฎนี้เพียงชิ้นเดียวก็มีมูลค่าหลายสิบล้านยูโร

อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่าตามหลักการแล้ว เครื่องประดับเหล่านี้ไม่สามารถขายได้ และกลุ่มโจรที่ก่อเหตุควรส่งคืนสิ่งของเหล่านั้นให้แก่ทางการ

ภาพ: REUTERS/Gonzalo Fuentes TPX IMAGES OF THE DAY

อ้างอิง:

• https://www.france24.com/en/france/20251019-louvre-robbery-shuts-down-world-renowned-museum-for-a-day-french-culture-minister-says
• https://www.channelnewsasia.com/world/louvre-museum-robbery-paris-break-in-jewellery-5411681

The post แก๊งโจรบุก พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ กลางวันแสกๆ ใช้เวลา 7 นาที ขโมยเครื่องประดับสุดล้ำค่า appeared first on THE STANDARD.

ไม่ว่าบรรยากาศภายในห้องโถงที่ตั้งอยู่ใต้ปีระมิดแก้วของพิพิธภัณฑ์ Louvre จะตระการตาสักแค่ไหนก็ตาม ดูเหมือนแบร์นาร์ด อาร์โนลต์จะไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไรนัก

แม้กระทั่งเสียงการบรรเลงเปียโนที่ระรื่นหูสำหรับใครหลายคน ก็กลายเป็นเสียงที่เสียดแทงใจของ “ต้องขออภัยด้วยที่เรายังเล่นเพลงเดิมกับเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวผมไม่คิดว่ามันจะดี” ทำเอานักเปียโนมือฉมังถึงกับปั้นสีหน้าไม่ถูก ขณะที่อาร์โนลต์บอกย้ำกับผู้บริหารว่าอย่าให้เห็นอะไรแบบนี้อีกในปีหน้า

ความไม่สบอารมณ์นี้ไม่ได้เกิดจากเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่เป็นเพราะเจ้าสัวแห่งวงการลักชัวรี ผู้ก่อตั้งอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ ‘LVMH’ กำลังเผชิญกับปัญหาในระดับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดของชีวิต ซึ่งไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อกิจการของเขา

สถานะของเขาจากที่เคยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกก็กลายเป็นเรื่องของวันวานไปแล้ว แต่นั่นยังไม่เท่ากับการที่เขาต้องตอบคำถามจากเหล่านักลงทุนในระหว่างการประชุมสามัญประจำปีของ LVMH ถึงปัญหาสารพันในอาณาจักรลักชัวรีของเขา

เมื่อความเชื่อมั่นที่เคยมีเริ่มหายไป อาร์โนลต์จะหาทางพาทุกคนฝ่าวิกฤติครั้งนี้ได้อย่างไร? และอะไรคือต้นตอของความตกต่ำที่ไม่มีใครคาดคิด?

ตกสวรรค์

“ตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมาที่เราติดตาม LVMH เราไม่เคยเห็นสัญญาณอันตรายเลยแม้แต่ครั้งเดียว” 

ปิแอร์-โอลิวิเยร์ เอสซีก หัวหน้าของบริษัทวิจัยข้อมูล AIR Capital แสดงความเห็นถึงอาณาจักรลักชัวรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ไม่สิต้องบอกว่าเคยเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกถึงจะถูกมากกว่า

นั่นเพราะในเวลานี้หุ้นของ LVMH ที่เคยไต่ทะยานสูงสุดในเดือนเมษายน 2023 เวลานี้มูลค่านั้นเหลือเพียงแค่ครึ่งเท่านั้น หรือโดยประมาณแล้วมูลค่าหายไปกว่า 2.21 แสนล้านยูโร (8.38 ล้านล้านบาท) เลยทีเดียว 

เวลานี้หุ้นของ LVMH อย่าว่าแต่จะติดท็อป 3 ของยุโรปที่เคยเป็นของแบเบอร์เลย พวกเขายังเสียสถานะของบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดของฝรั่งเศสไปให้กับ Hermès คู่แข่งหมายเลขหนึ่งของพวกเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และเช่นกันกับอาร์โนลต์ที่ได้สูญเสียสถานะของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกไปแล้ว หลังจากที่ในเดือนมีนาคม 2024 เขาเคยแซงหน้าทั้งอีลอน มัสก์ และเจฟฟ์ เบโซสได้ด้วยทรัพย์สินรวมมูลค่า 2.31 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (7.5 ล้านล้านบาท) แต่ภายในเวลาปีเดียวทรัพย์ของเขาลดลงมาเหลือเพียงแค่ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ (4.87 ล้านล้านบาท) ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะยังคงเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในยุโรปอยู่ก็ตาม

คำถามคืออะไรเป็นสาเหตุของความตกต่ำในครั้งนี้?

ภาพ : Lexie Moreland/WWD via Getty Images

มังกรยังเปลี่ยนใจ

ย้อนกลับไปในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ หนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ทำให้ LVMH ยิ่งใหญ่ได้คือการตัดสินใจบุกตลาดตะวันออก โดยเฉพาะประเทศจีนที่กลายเป็นตลาดสำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง

คนจีนที่ร่ำรวยขึ้นมาจากเศรษฐกิจที่เติบโตแบบทะยานฟ้าหลงรักและหลงใหลในเรื่องราวและคุณภาพของสินค้าจากฝรั่งเศส และต้องการมีไว้ในครอบครองเพื่อเป็นเครื่องสะท้อนของสถานะและรสนิยม ซึ่งนั่นทำให้ยอดขายของสินค้าในเครือ LVMH พุ่งขึ้นสูงเหมือนมังกรทะยานฟ้า

แม้กระทั่งในช่วงวิกฤตการณ์ระดับโลกอย่างเหตุการณ์ก่อการร้าย ‘911’ ที่เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของโลกอย่างสิ้นเชิง และ ‘วิกฤตซับไพรม์’ หรือ ‘วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์’ ที่ล้มสถาบันการเงินระดับโลกหลายแห่งก็ไม่อาจสะเทือนอาณาจักรของตระกูลอาร์โนลต์ได้ เพราะพวกเขามีตลาดที่เข้มแข็งในประเทศจีน

แต่คำว่าตลอดไปไม่มีอยู่จริง มังกรเองก็เปลี่ยนใจและเปลี่ยนไปได้เหมือนกัน

วิกฤตเศรษฐกิจในประเทศจีนมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง พฤติกรรมของผู้บริโภคในจีนเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาลดละเลิกการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย หันมาประหยัดอดออมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ค่านิยมเปลี่ยนแปลงหันมาใช้แบรนด์ภายในประเทศ ทำให้ยอดขายสินค้าในกลุ่มลักชัวรีภายในประเทศจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง

ยอดขายในร้านค้าทางยุโรปเองก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกันเมื่อไม่มีนักช็อปมือหนักจากตะวันออกมาออกันเต็มหน้าร้านเหมือนเดิม 

เพื่อนแท้ที่ชื่อทรัมป์

ผีซ้ำด้ามพลอย ตลาดสำคัญอีกแห่งทางตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกาก็เจอตอเข้าอย่างจังด้วยกับเรื่องมาตรการภาษีการค้าในยุคประธานาธิบดีทรัมป์ หรือที่เรียกกันว่า ‘ภาษีทรัมป์’ ก็กำลังทำพิษด้วยเช่นกัน 

เรื่องนี้ทำให้แบร์นาร์ด อาร์โนลต์ ต้องอาศัยความคุ้นเคยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯที่มีมาตั้งแต่ในยุค 1980 ในช่วงที่ยังทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา พยายามเจรจาเพื่อไม่ให้มีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรป 

โดยเขาและลูกชาย อเล็กซองด์ ได้รับเชิญไปยังทำเนียบขาวเมื่อเดือนพฤษภาคม เพราะ Tiffany & Co บริษัทในเครือ LVMH เป็นผู้ออกแบบถ้วยรางวัลสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะจัดขึ้นในอเมริกาในปี 2026 ซึ่งทรัมป์ได้เรียกทั้งคู่ว่า ‘เป็นเพื่อนที่ดีเยี่ยมทั้งสอง’ และยังเคย FaceTime หารือกันด้วย

ภาพ : Budrul Chukrut/SOPA Images/LightRocket via Getty Images

แต่ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาทรัมป์กลับคำ และขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรปสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ซึ่งขนาดแค่ขู่ก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างมหาศาล ถ้าเกิดขึ้นจริงย่อมกระทบต่อ LVMH อย่างรุนแรงแน่นอน

อย่างไรก็ดีเรื่องนี้ก็ยังไม่ใช่ต้นตอของปัญหาที่ทำให้เครือลักชัวรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต้องตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ

เพราะปัญหาที่แท้จริงอาจไม่ได้เกิดจากแค่เพียงปัจจัยภายนอก แต่เป็นปัจจัยภายในที่เคยถูกมองว่าเป็นจุดแข็งที่สุด

บ้านเล็กบ้านน้อย พลอยทำวุ่น

LVMH ในสายตาของชาวโลกคือเครือธุรกิจหรูที่ครบวงจรที่สุด มีแบรนด์ระดับชั้นนำของโลกรวมกันอยู่มากถึง 75 แบรนด์ด้วยกัน เรียกว่าไล่เรียงชื่อกันไปก็ย่อมมีสักแบรนด์ที่เป็นแบรนด์โปรดที่อยู่ในความใฝ่ฝันของใครต่อใครแน่นอน

Louis Vuitton, Dior, Moët Hennessy, Tiffany & Co เป็นตัวอย่าง แต่นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ร้านเครื่องสำอางอย่าง Sephora ไปจนถึงภัตตาคารแนวบิสโทร L’Ami Louis ที่ขายอาหารจานเด็ดอย่างไก่อบในราคาที่สูงกว่าตัวละ 100 ดอลลาร์ (3,300 บาท) 

กลยุทธ์การกว้านซื้อกิจการของแบรนด์ต่างๆเหล่านี้ แต่ให้อิสระในการบริหารจัดการเองของแต่ละบ้าน (Maison) จากไอเดียของแบร์นาร์ด อาร์โนลต์ เป็นกลยุทธ์ที่เคยได้ผลมาตลอด เพียงแต่เมื่อถึงช่วงที่ยากลำบาก การมีแบรนด์อยู่เป็นจำนวนมากกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมา

เพราะการมีมากเกินไปทำให้การดูแลไม่ทั่วถึง ต่อให้อาร์โนลต์จะพยายามใส่ใจกับทุกแบรนด์ทุกช็อปในการเดินสำรวจตลาดทุกเช้าแค่ไหนก็ตาม เปรียบง่ายๆก็เหมือนมีพื้นที่ผืนใหญ่ แต่มีการสร้างบ้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดก็ใส่ใจได้ไม่หมดและไม่ดีพอ

“ตราบใดที่ LVMH ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องนักลงทุนไม่เคยสนใจเรื่องของโครงสร้างของกลุ่ม แต่ในเวลาที่สถานการณ์เริ่มไม่ดีขึ้นมานักลงทุนจะสามารถจี้จุดที่เป็นปัญหาได้อย่างรวดเร็ว” อาเรียน ฮายาเตะ ผู้จัดการกองทุน Edmond de Rothschild Asset Management ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ถือหุ้นบางส่วนของ LVMH กล่าว

คำแนะนำง่ายๆคือ LVMH ควรจะมีการตรวจหลังบ้านของตัวเองอย่างละเอียดและชี้แจงนักลงทุน รวมถึงควรจะมีการปล่อยแบรนด์บางแบรนด์ออกไปบ้าง

จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ LVMH ได้ขายแบรนด์ที่ผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้าอย่าง Off-White และ Stella McCartney ซึ่งเป็นสองแบรนด์แฟชั่นสตรีทในระดับลักชัวรีออกไปเป็นที่เรียบร้อย และยังมีข่าวว่าพิจารณาจะแยก Moët Hennessy ซึ่งมีปัญหาภายในรวมถึง Sephora ออกไปด้วย

ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Hermès เดินในทางสายตรงข้ามด้วยการโฟกัสกับแบรนด์เดียว ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ซึ่งตามข้อมูลจาก Bloomberg ราคาหุ้นของพวกเขาดีกว่า LVMH อย่างมาก (50 เท่าต่อ 20 เท่าในการประเมินมูลค่าหุ้น) 

ภาพ: Budrul Chukrut/SOPA Images/LightRocket via Getty Images)

บททดสอบที่หนักหน่วง

ความสำเร็จของแบร์นาร์ด อาร์โนลต์ ในฐานะเจ้าพ่อวงการลักชัวรี ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันได้ว่าความเก่งกาจนั้นจะถูกส่งต่อลงมาถึงทายาทที่แต่งตัวเตรียมที่จะขึ้นมารับช่วงต่อไปในอนาคต

อย่างน้อยในเวลานี้มีถึง 2 คนจากทั้งหมด 5 คนในบรรดาลูกๆของบ้านอาร์โนลต์ที่กำลังตกอยู่ใต้ความกดดันอย่างหนัก

คนแรกคือ เดลฟีน อาร์โนลต์ ธิดาที่เป็นลูกคนโตของครอบครัวในวัย 50 ปี ซึ่งได้รับมอบหมายโดยตรงจากตัวของแบร์นาร์ดให้มาคุมบ้าน Dior ตั้งแต่เมื่อปี 2023 

Dior นั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับเขาเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างอาณาจักรหรูหรา LVMH ซึ่งการเข้ามารับหน้าที่ดูแลนั้นเป็นการฝึกอีกขั้นของเดลฟีน หลังจากที่บริหารงานของ Louis Vuitton มาเป็นเวลาร่วมทศวรรษ

ในช่วงแรกนั้น Dior ภายใต้การนำของเธอยังทำได้ดี ตัวเลขการเติบโตสูงถึง ‘สองหลัก’ และมีผลิตภัณฑ์สุดฮิตอย่างกระเป๋า Dior Book ที่ราคาสูงถึง 2,750 ยูโร (104,000 บาท) ที่ศิลปินและนักแสดงคนดังอย่าง Rihanna และ Jennifer Lawrence ใส่

แต่หลังจากนั้นผลประกอบการของแบรนด์ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุผลที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นสาเหตุคือราคาของสินค้าที่ “สูงแบบไม่มีเหตุผล”

ไม่เพียงเท่านั้น Dior ยังประสบปัญหาในเรื่องข่าวการพบว่ามีการจ้างแรงงานผิดกฎหมายในการผลิต ซึ่งแม้จะมีความพยายามในการยุติเรื่องที่เพิ่งจบไปเมื่อเดือนพฤษภาคม แต่ก็ช้าเกินไปแล้วเพราะชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของแบรนด์เสียหายป่นปี้ไปแล้ว

ลูกอีกคนที่ต้องเจอกับสถานการณ์ลำบากคือ อเล็กซองด์ บุตรชายคนที่ 3 ในวัย 33 ปีที่ถูกมอบหมายให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในบ้าน Moët Hennessy ร่วมกับ ฌอง-ฌักส์ ชัวนี อดีตซีเอฟโอของกลุ่ม LVMH ที่ได้รับมอบตำแหน่งซีอีโอ

ช่วงที่ผ่านมา Moët Hennessy มีปัญหาเรื่องยอดขายต่ำ สู้คู่แข่งในตลาดอย่างเครื่องดื่มเตกีลา หรือเบอร์เบินไม่ได้ ไหนจะมีเรื่องกำแพงภาษีระหว่างจีนกับยุโรปที่ทำให้ยอดขายของเหล้าคอนยักในจีนเติบโตสวนทางกับยอดขายของแบรนด์ที่ลดลงอย่างหนัก

ปริศนาผู้สืบทอด

แน่นอนว่าการพยายามแก้ปัญหาให้กับทั้ง Dior รวมถึง Moët Hennessy เป็นเรื่องหลักที่มีความสำคัญอย่างมากต่อเครือ LVMH ทั้งหมด แต่สิ่งที่ยังเป็นคำถามใหญ่ในความรู้สึกของนักลงทุนคือคนที่จะมาสืบทอดทุกอย่างต่อจากแบร์นาร์ด อาร์โนลต์

จริงอยู่ที่ตัวของแบร์นาร์ดในวัย 76 ปียังแข็งแรง และเพิ่งจะมีการขอมติในระหว่างการประชุมประจำปีในการยืดอายุงานจาก 80 เป็น 85 ปี แต่ไม่มีใครที่อยู่ค้ำฟ้า สักวันเขาต้องส่งต่อให้กับลูกๆอยู่ดี ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน

ระหว่างเดลฟีน, อองตวน, อเล็กซองด์, เฟรเดริก และฌอง สักคนต้องขึ้นมาแทนที่

มองในแง่ดีในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยแบบนี้ ก็เป็นบททดสอบฝีมือและหัวใจของเหล่าทายาทตระกูลอาร์โนลต์ว่าพวกเขาจะประคับประคององค์กรไหวหรือไม่ โดยเชื่อว่าจะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงฝีมือในการบริหารและการแก้ปัญหาของแต่ละคน ที่ไม่ได้มีเพียงแค่การสั่งงาน หรือการดูตัวเลข แต่ยังรวมถึงเรื่องของการบริหารจัดการคน และการตัดสินใจที่สำคัญ

ตัวของแบร์นาร์ดเองก็ไม่ได้จะทิ้งขว้างแบรนด์ เพราะ LVMH ไม่ได้เป็นแค่ธุรกิจ แต่เป็นเหมือน ‘ลูก’ อีกคนที่ต้องดูแลอย่างดีที่สุดจนถึงวันสุดท้าย อย่างไรก็ดีในระหว่างที่ลูกๆทั้ง 5 กำลังลงทะเบียนเรียนในวิชา ‘ทายาท LVMH ชั้นสูง’ ในเวลานี้ เขาวางตัว สเตฟาน เบียงคี อดีตที่ปรึกษาจาก Arthur Andersen ซึ่งเข้ามาอยู่ในเครือตั้งแต่ปี 2018 โดยทำงานในบ้าน Tag Heuer ร่วมกับเฟรเดริก มาเป็นมือรองจากเขาก่อน

เบียงคีกล่าวในการประชุมว่าการหาทายาทของ LVMH เป็นแผนระยะกลาง แต่การที่ไม่มีการวางตัวแบบนี้ก็ยังทำให้เครื่องหมายคำถามของนักลงทุนไม่หายไป

โดยแม้ว่าจะมีคนมองว่าการบริหารงานในแบบ ‘ครอบครัว’ ของแบร์นาร์ด อาร์โนลต์จะเป็นวิธีแบบเก่าที่อาจจะไม่ได้ผลแล้วสำหรับสมัยนี้

แต่ในเมื่อนี่คืออาณาจักรที่เขาสร้างขึ้นมา นี่คือบ้านที่เขาต่อขึ้นมา

พ่อบ้านคนนี้คงไม่ยอมให้ใครมายุ่มย่ามจนเกินไป และเขาไม่ยอมให้บ้านหลังนี้ถล่มง่ายๆแน่นอน

ภาพ: Andrea Savorani Neri/NurPhoto via Getty Images

อ้างอิง:

• https://www.bloomberg.com/news/features/2025-06-18/louis-vuitton-owner-lvmh-reels-from-luxury-downturn-with-arnault-under-pressure
• https://www.bloomberg.com/features/2024-lvmh-bernard-arnault/
• https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-05-28/lvmh-warns-chinese-are-curtailing-travel-and-overseas-spending
• https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-06-10/dior-italy-unit-put-under-court-control-on-alleged-labor-issues
• https://www.bloomberg.com/graphics/2023-bernard-arnault-louis-vuitton-moet-hennessy-succession/

The post วิกฤตอาณาจักร LVMH กลายเป็น ‘บททดสอบ’ 5 ทายาทตระกูลอาร์โนลต์ ท่ามกลางปริศนาใครคือผู้สืบทอดตัวจริง appeared first on THE STANDARD.

ในทุกๆ ปี งานแฟชั่นกาล่าดินเนอร์สุดยิ่งใหญ่ที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุดก็คืองาน Met Gala ที่จัดขึ้น ณ The Metropolitan Museum of Art หรือพิพิธภัณฑ์ MET แห่งมหานครนิวยอร์ก และตอนนี้ก็ถึงคราวของ Louvre หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่โด่งดังที่สุดในโลกแห่งกรุงปารีสที่จะจัดงานแฟชั่นกาล่าดินเนอร์เป็นครั้งแรก โดยงานจะมีขึ้นในวันที่ 4 มีนาคม 2025 ซึ่งนับเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับแขกผู้มาร่วมงาน เพราะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับงานปารีสแฟชั่นวีคเสื้อผ้าผู้หญิงพอดิบพอดี

Louvre เตรียมต้อนรับแขกระดับสูงจากแวดวงแฟชั่นสำหรับงานกาล่าดินเนอร์ Le Grand dîner du Louvre โดยอีเวนต์ดังกล่าวได้รับการสปอนเซอร์จาก Visa Infinite และจะเป็นการรวมตัวกันของเหล่าแฟชั่นแบรนด์และดีไซเนอร์ระดับท็อป เพื่อเรี่ยไรเงินสนับสนุนโครงการต่างๆ สำหรับทางพิพิธภัณฑ์ งานกาล่าดินเนอร์ในครั้งนี้เป็นการเฉลิมฉลองให้กับ LOUVRE COUTURE – Art and fashion: statement pieces ที่ตามรอยสิ่งของทรงคุณค่าต่างๆ ตั้งแต่ช่วงยุค Byzantine มาจนถึงยุคแห่ง Second French Empire อันเป็นเชื้อเพลิงสำคัญแห่งจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าดีไซเนอร์มาจวบจนถึงปัจจุบันนี้

สำหรับงานกาล่าดินเนอร์ Louvre ได้เปิดประมูลที่นั่ง 30 โต๊ะ และยังเผยด้วยว่าขณะนี้เงินเรี่ยไรสำหรับการเปิดตัวอีเวนต์มียอดถึง 1 ล้านยูโร (ราว 35.5 ล้านบาท) ตามเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการอนุเคราะห์ของเหล่าแบรนด์ดังรวมไปถึงดีไซเนอร์ ซึ่งงานจะเริ่มต้นด้วยการต้อนรับแขกและเชิญให้เข้าชมนิทรรศการภายในงาน ก่อนที่จะเริ่มต้นดินเนอร์ที่โซน Cour Marly ใจกลางพิพิธภัณฑ์ และปิดท้ายด้วยอาฟเตอร์ปาร์ตี้ใต้พีระมิดแก้วสุดไอคอนิกของ Louvre ที่ออกแบบโดย I.M. Pei ผู้ล่วงลับ

ทางด้านของนิทรรศการจะเป็นการจัดแสดงเสื้อผ้า 66 ชุด และเครื่องประดับ 30 ชิ้น รวมไปถึงไอเท็มล้ำค่าจากแบรนด์ใหญ่อย่าง CHANEL, Dior, Dries Van Noten, Balenciaga และ Yohji Yamamoto ท่ามกลางคอลเล็กชันศิลปะต่างๆ ที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์อยู่แล้ว โดย Louvre อธิบายถึงความตั้งใจในการจัดนิทรรศการนี้ที่จะจัดแสดงจนถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2025 ว่า 

“เพื่อแสดงให้เห็นว่าเหตุใดพิพิธภัณฑ์จึงกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจได้ และทำไมมันถึงมีความสำคัญต่อแฟชั่นดีไซเนอร์ นอกจากนั้นก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าคอลเล็กชันของเรา โดยเฉพาะจาก Louvre สามารถหล่อหลอมและเป็นแรงบันดาลใจให้กับคอลเล็กชันต่างๆ ของเหล่าดีไซเนอร์ได้อีกด้วย”

ภาพ: Owen Franken / Corbis via Getty Images 

อ้างอิง: 

• https://wwd.com/fashion-news/fashion-scoops/louvre-fashion-exhibition-gala-dinner-1236847480

The post พิพิธภัณฑ์ Louvre เตรียมจัดงานกาล่าครั้งแรก ช่วงปารีสแฟชั่นวีค วันที่ 4 มีนาคมนี้ appeared first on THE STANDARD.

CARTIER EXHIBITION AT V&A LONDON

เริ่มต้นที่กรุงลอนดอน กับการประกาศเมื่อช่วงท้ายปี 2024 ที่ผ่านมาจากทาง Victoria & Albert Museum หรือ V&A เกี่ยวกับไลน์อัพงานจัดแสดงในปี 2025 และหนึ่งในนั้นคือ นิทรรศการ Cartier ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 เมษายน – 16 พฤศจิกายน 2025 ซึ่งนับเป็นนิทรรศการครั้งใหญ่ในรอบเกือบ 30 ปีของ Cartier ในสหราชอาณาจักร โดยจะมีการนำเสนอผลงานคราฟต์อย่างจิวเวลรี อัญมณี และนาฬิกากว่า 350 ชิ้น รวมไปถึงภาพอาร์ไคฟ์ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ผลงานจากไพรเวตคอลเล็กชันและรอยัลคอลเล็กชัน ซึ่งล้วนแล้วแต่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานและวิวัฒนาการด้านศิลปะของเมซงแห่งนี้นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นมาจนถึงปัจจุบัน

THE FACE MAGAZINE AT NATIONAL PORTRAIT GALLERY

อีกหนึ่งนิทรรศการสำคัญที่จัดขึ้นในกรุงลอนดอนช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ ซึ่งน่าจะถูกใจสายงานนิตยสารเป็นพิเศษ นั่นคือนิทรรศการ The Face Magazine: Culture Shift ที่จะพาทุกคนสำรวจจิตวิญญาณแห่งยุคสมัยผ่านการรวบรวมผลงานภาพถ่ายแฟชั่นและภาพพอร์เทรตมากกว่า 200 ภาพ จากฝีมือช่างภาพกว่า 80 คนที่เคยฝากผลงานสุดไอคอนไว้กับนิตยสารสัญชาติอังกฤษอย่าง The Face ที่ทรงอิทธิพลด้านวัฒนธรรมร่วมสมัยและแฟชั่นตั้งแต่ปี 1980-2004 กระทั่งกลับมาเผยแพร่อีกครั้งในปี 2019 ซึ่งบางผลงานนั้นจะถูกนำมาแสดงนอกหน้าหนังสือเป็นครั้งแรก โดยนิทรรศการนี้จะจัดขึ้นที่ National Portrait Gallery ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ – 18 พฤษภาคม 2025 

LORO PIANA 100 YEARS SHANGHAI

ข้ามกลับมาที่ฝั่งเอเชีย ในปีนี้แบรนด์แฟชั่นหรูอย่าง Loro Piana เตรียมเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ด้วยการจัดนิทรรศการครบรอบ 100 ปี ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ Museum of Art Pudong (MAP) ภายในสถาปัตยกรรมที่ดีไซน์โดย Ateliers Jean Nouvel อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะพาเหล่าสาวกแบรนด์ไปสัมผัสโลกแห่งเส้นใยผ้า ย้อนรอยการเดินทางผ่านประวัติศาสตร์และมรดกของตระกูล Loro Piana ผ่านงานภาพถ่าย งานศิลปะ และงานหัตถศิลป์ชั้นเลิศในรูปแบบ Immersive อีกทั้งยังนับเป็นการเชิดชูสายสัมพันธ์ที่ทางแบรนด์มีต่อชุมชนในจีนด้านการอนุรักษ์มรดกการผลิตแคชเมียร์ โดยจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม – 5 พฤษภาคม 2025

LOUVRE COUTURE IN PARIS

สำหรับศูนย์กลางแห่งแฟชั่นของโลกอย่างกรุงปารีสนั้น ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม ยาวไปถึง 21 กรกฎาคม 2025 พิพิธภัณฑ์ Louvre จะจัดนิทรรศการพิเศษในปี 2025 ในชื่อ LOUVRE COUTURE: Objets d’art, objets de mode นิทรรศการพิเศษสุดยิ่งใหญ่ที่เจาะลึกความเชื่อมโยงระหว่างแฟชั่นชั้นสูงและศิลปะตั้งแต่ปี 1960 เน้นถึงอิทธิพลและแรงบันดาลใจที่ศิลปะมีต่อการออกแบบเสื้อผ้า วิธีที่แฟชั่นสะท้อนถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ จากผลงานดีไซน์และเครื่องประดับกว่า 45 แบรนด์ ที่มีตั้งแต่คอลเล็กชันของตกแต่งหรูหราสมัยไบแซนไทน์ไปจนถึงสมัยจักรวรรดิฝรั่งเศสที่สอง ผ้าทอจากยุคเรเนสซองส์ และคอลเล็กชันชุดเกราะ

MET SUPERFINE: TAILORING BLACK STYLE

ถัดไปที่อีเวนต์ใหญ่แห่งปีของสายแฟชั่น ณ พิพิธภัณฑ์ Metropolitan Museum of Art ที่จัดขึ้นควบคู่กับงาน Met Gala โดยปีนี้มาในธีม Superfine: Tailoring Black Style ซึ่งได้รับเเรงบันดาลใจมาจากหนังสือของ Monica L. Miller เรื่อง Slaves to Fashion: Black Dandyism and the Styling of Black Diasporic Identity ในปี 2009 โฟกัสที่การถ่ายทอดความเป็น Black Dandy ที่สะท้อนทั้งอัตลักษณ์และสไตล์แฟชั่นชั้นสูงฝั่งสุภาพบุรุษของคนผิวดำ ผ่านการจัดแสดงเครื่องแต่งกาย งานภาพวาด ภาพถ่าย และสื่ออื่นๆ โดยยังเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2003 ที่ Metropolitan Museum of Art เลือกใช้ธีมที่เกี่ยวข้องกับ Menswear เป็นหลักอีกด้วย

DOLCE & GABBANA DU CŒUR À LA MAIN PARIS

ในส่วนของแลนด์มาร์กสำคัญอีกหนึ่งแห่งของปารีสอัน ได้แก่ Grand Palais ก็ต้องอยู่ในลิสต์ของเหล่าคอแฟชั่นปีนี้ด้วยเช่นกัน เพราะทาง Dolce & Gabbana เลือกสถานที่แห่งนี้จัดนิทรรศการ Du Cœur à la Main: Dolce & Gabbana ในวันที่ 10 มกราคม – 31 มีนาคม 2025 เพื่อนำเสนอผลงานกว่า 200 ชิ้นผ่านโซนต่างๆ ทั้ง 10 ห้องที่แบ่งตามธีม เช่น ศิลปะ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม ดนตรี บัลเลต์ โอเปรา ตลอดจนความหลงใหลในแนวคิดแบบ La Dolce Vita ของอิตาลี ที่เปรียบเสมือนการนำทุกคนก้าวเข้าสู่โลกของ Domenico Dolce และ Stefano Gabbana ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์ดูโอของแบรนด์ผู้เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และไอเดียเบื้องหลังที่จุดประกายให้เกิดเป็นผลงานอันทรงคุณค่า 

THE FLOWERS OF YVES SAINT LAURENT

ปิดท้ายด้วยการสัมผัสความงามของดอกไม้ในมุมมองที่สะท้อนถึงแฟชั่น ศิลปะ และวรรณกรรมอย่างลึกซึ้ง ณ Musée Yves Saint Laurent Paris กับนิทรรศการ Les Fleurs d’Yves Saint Laurent หรือ The Flowers of Yves Saint Laurent ที่เข้าชมได้จนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2025 เป็นการรวมเอาเสื้อผ้าและภาพร่างมากกว่า 30 ชิ้น ซึ่งแสดงให้เห็นลวดลายดอกไม้อันซับซ้อนและเทคนิคการปักชั้นครู ประกอบกับการวางเส้นทางในแต่ละห้องให้เป็นเหมือนบทในหน้าหนังสือจากนวนิยายของ Marcel Proust โดยคิวเรเตอร์รังสรรค์ขึ้นจากความรักที่ Yves Saint Laurent มีต่อดอกไม้ ธรรมชาติ และวรรณกรรม ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่มีอิทธิพลต่องานออกแบบของเขา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่เหนือกาลเวลาและคงอยู่ชั่วนิรันดร์นั่นเอง

The post 7 THINGS WE LOVE ABOUT EXHIBITIONS TO VISIT IN 2025 นิทรรศการที่คอแฟชั่นไม่ควรพลาดในปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

เป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ที่สร้างความภาคภูมิใจให้ ARMY ทั่วโลก หลัง Jin พี่ใหญ่ของวง BTS ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนจากประเทศเกาหลีใต้ถือคบเพลิงโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 

โดย Jin ได้ถือคบเพลิงหน้าพิพิธภัณฑ์ Louvre ใจกลางกรุงปารีส เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม เวลา 20.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับวันชาติประเทศฝรั่งเศส หรือที่เรียกว่า Bastille Day พอดี โดยมีคนมาให้กำลังใจอย่างล้นหลามกับโมเมนต์ที่ Jin สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักร้องเกาหลีใต้คนแรกที่ถือคบเพลิงในต่างประเทศ 

นอกจากนี้ยังมีวิดีโอจากวันงานที่เผยให้เห็นว่า มีการเปิดเพลง Super Tuna ของ Jin พร้อมเสียงเชียร์เรียกชื่อของเขาไปด้วย ซึ่งสร้างความประทับใจและทำให้เจ้าตัวหัวเราะออกมา

ภาพ: BIGHIT

The post Jin วง BTS ถือคบเพลิงโอลิมปิกเกมส์ 2024 หน้าพิพิธภัณฑ์ Louvre ที่กรุงปารีส appeared first on THE STANDARD.

Kendall Jenner ตกเป็นประเด็นร้อนแรงบนโลกออนไลน์อีกครั้ง หลังจากที่เธอโพสต์ภาพขณะเดินชมงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์ Louvre อย่างเป็นส่วนตัวโดยไม่สวมรองเท้า พร้อมกับเขียนข้อความว่า ‘Louvre ตอนเที่ยงคืน’ ซึ่งก็ทำให้ชาวเน็ตหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า เธอทำผิดมาตรการของพิพิธภัณฑ์หรือไม่

มีการรายงานว่า สรุปแล้ว Kendall Jenner ไม่ได้ทำผิดกฎของพิพิธภัณฑ์อันเลื่องชื่อแห่งกรุงปารีสแต่อย่างใด เพียงแต่หลายคนมองว่ามันผิดจารีตประเพณีก็เท่านั้น โดยช่วงนี้ Kendall Jenner ทำงานอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสในช่วง Paris Fashion Week พร้อมกับใช้เวลาท่องเที่ยวและกลับมาสานสัมพันธ์รักกับแรปเปอร์หนุ่ม Bad Bunny อีกครั้ง ซึ่ง Bad Bunny ก็ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ Louvre กับเธอในค่ำคืนนั้นด้วย

ในโพสต์ของ Kendall Jenner นั้นเต็มไปด้วยซีรีส์ภาพถ่ายขณะที่เธอกำลังเอ็นจอยกับการดูงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์ Louvre รวมไปถึงภาพ Mona Lisa ในชุดเสื้อครอปกับกระโปรงซีทรูสีดำเข้ากัน โดยในภาพนั้นจะเห็นได้ว่าเธอไม่ได้สวมรองเท้า และดูเหมือนว่าจะถูกเชิญไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เป็นกรณีพิเศษ เพราะในภาพดูมีความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างมากและไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นอยู่รอบๆ เลย 

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวอย่าง Nicole Campoy Jackson ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อว่า “ฉันมั่นใจว่าทาง Louvre คงเจออะไรมาทุกรูปแบบแล้ว ถ้าดูจากจำนวนคนมหาศาลที่เข้าพิพิธภัณฑ์ในแต่ละวัน แต่ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าพวกเขาเจอคนไม่ใส่รองเท้าบ่อยแค่ไหน มันเป็นเรื่องของกฎเกณฑ์ที่ Louvre ไม่ได้เขียนขึ้นมากกว่า และมันก็เป็นพื้นที่ Indoor แบบสาธารณะที่สุดแล้ว”

แม้ว่าทางพิพิธภัณฑ์ Louvre จะไม่ได้มีกฎที่เอ่ยถึงการใส่หรือไม่ใส่รองเท้าแต่อย่างใด แต่ Nicole Campoy Jackson ได้ชี้ถึงแง่มุมของการให้เกียรติสถานที่ว่า “มันมีระดับของการให้เกียรติสถานที่อย่าง Louvre และประวัติศาสตร์อันเข้มข้น รวมไปถึงงานศิลปะต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์นี้ที่ขาดหายไปในภาพของเธอ”

ภาพ: Kendall Jenner

อ้างอิง:

• https://people.com/kendall-jenner-ran-around-the-louvre-barefoot-did-she-break-protocol-8669525 

The post Kendall Jenner ตกเป็นประเด็น หลังโพสต์ภาพเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Louvre แบบเท้าเปล่า appeared first on THE STANDARD.

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในกรุงปารีส จัดกิจกรรมคลาสโยคะและเต้นรำในพิพิธภัณฑ์ เพื่อต้อนรับกระแสโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส 

โดยนี่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมวัฒนธรรมทั่วกรุงปารีสก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

พิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้มีส่วนร่วมในคลาสโยคะและเต้นรำ โดยมีโค้ชผู้สอนให้การแนะนำ ระหว่างที่พวกเขาเข้าชมภาพวาดและประติมากรรมที่มีชื่อเสียงระดับโลก

กิจกรรมดังกล่าวเป็นหนึ่งในหลายๆ กิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ก่อนการแข่งขันจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้

อ้างอิง:

• https://www.theguardian.com/sport/2024/apr/24/louvre-museum-yoga-classes-2024-paris-olympics

The post พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เปิดคลาสโยคะและเต้นรำต้อนรับโอลิมปิก 2024 appeared first on THE STANDARD.

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 19 เดือนที่แล้ว ช่วงมีนาคม 2020 แฟชั่นโชว์คอลเล็กชัน Fall/Winter 2020 ของแบรนด์ลักชัวรีเบอร์หนึ่งอย่าง Louis Vuitton ก็ถือว่าเป็นรันเวย์โชว์สุดท้ายแบบเต็มรูปแบบก่อนที่โลกเราจะเข้าสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ และพบเจอกับสถานการณ์โควิดที่ยังคงส่งผลต่อชีวิตเราทุกคนจนถึงเวลานี้ แต่แสงไฟที่ปลายอุโมงค์ก็ดูเหมือนจะสว่างขึ้นเรื่อยๆ (อย่างน้อยในประเทศแถบตะวันตก) และเมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ตุลาคม) Louis Vuitton ก็ได้กลับมาจัดโชว์แบบเต็มสเกลอีกครั้งที่พิพิธภัณฑ์พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum) เพื่อส่งท้ายแฟชั่นวีกซีซัน Spring/Summer 2022

แฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากสำหรับ Louis Vuitton เพราะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทางแบรนด์กำลังเฉลิมฉลอง 200 ปีของวันเกิดผู้ก่อตั้งในช่ีอเดียวกันอย่างยิ่งใหญ่ด้วยกิจกรรมมากมาย โดย Nicolas Ghesquière ได้เลือกโซน Passage Richelieu ของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เพื่อจัดรันเวย์ พร้อมประดับไปด้วยโคมไฟแชนเดอร์เลียวินเทจหลายสิบอันเพื่อสร้างบรรยากาศเหมือนงานเต้นรำสมัยโบราณ

สำหรับเสื้อผ้าในคอลเล็กชันนี้ทาง Nicolas Ghesquière ยังคงสามารถสะท้อนการเป็นดีไซเนอร์ฝีมือฉกาจของเขาที่สามารถผสมผสานหลากหลายแรงบันดาลใจและยุคสมัยการแต่งเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างบริบทเสื้อผ้าใหม่ๆ ที่มีชั้นเชิง ลึกซึ้ง และยกระดับความคิดสร้างสรรค์ อย่างเช่นนำชุดเดรสจากยุค 20 ยีนส์เดนิมในยุค 90 ลายจุดโพลกาดอตจากยุค 80 หรือดีเทลงานฝีมือเสื้อผ้ากูตูร์มาเล่นและตีความใหม่ เขายังได้แรงบันดาลใจจากการดีไซน์คอสตูมในซีรีส์ Irma Vep ที่ดัดแปลงใหม่ของ HBO ซึ่งนำแสดงโดย Alicia Vikander หนึ่งในแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Louis Vuitton

แน่นอนจะไม่ให้พูดถึงเหตุการณ์สุดฮือฮาของแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ก็คงไม่ได้ มีนักเคลื่อนไหวฝรั่งเศสกลุ่มหนึ่งเดินขึ้นประท้วงบนรันเวย์ พร้อมยกป้ายว่า “Overconsumption = Extinction” ที่เรียกร้องให้เห็นถึงความฟุ่มเฟือยของวงการแฟชั่น ซึ่งทุกครั้งที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่น่าเศร้าต่อตัวดีไซเนอร์และทีมงานที่ตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานมาหลายเดือน พร้อมทำลายช่วงเวลาที่กำลังสร้างแรงบันดาลใจและความงดงามให้ทั้งคนที่ดูติดขอบรันเวย์และคนดูไลฟ์รอบโลก แต่ในขณะเดียวกันมันก็ตั้งคำถามว่าพอแฟชั่นวีกได้กลับมาจัดใหม่อีกรอบแบบปกติหลังโควิด วงการแฟชั่นจะปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงจริงๆ หรือไม่ เหมือนที่คุยกันไว้ตลอด 19 เดือนที่ผ่านมาเรื่องความยั่งยืนและจำนวนสินค้าที่วงการผลิต หรือเราจะกลับเข้าวัฏจักรเดิมๆ เสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งทั้งวงการก็อาจต้องกลับมาคุยและหาคำตอบด้วยกันอีกครั้ง

*สามารถชมแฟชั่นโชว์คอลเล็กชัน Spring/Summer 2022 ของ Louis Vuitton ได้ที่ลิงก์นี้:

ภาพ: Louis Vuitton

The post Louis Vuitton Spring/Summer 2022 กับแฟชั่นโชว์ที่จัด ณ Passage Richelieu ของพิพิธภัณฑ์ Louvre appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (20 พฤษภาคม) นักท่องเที่ยวเข้าชมพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum) ในกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส หลังจากกลับมาเปิดต้อนรับสาธารณชนเมื่อวานนี้ (19 พฤษภาคม) ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ทางการฝรั่งเศสผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ ระยะที่ 2 โดยเลื่อนเวลาห้ามออกนอกบ้านยามวิกาลจากเดิม 19.00 น. เป็น 21.00 น.

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

• สำนักข่าวซินหัว

The post นักท่องเที่ยวเยือนพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ หลังฝรั่งเศสคลายล็อกโควิด-19 appeared first on THE STANDARD.