Lisa Cook – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 27 Aug 2025 07:12:05 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ทรัมป์เผย ใกล้ครองเสียงข้างมากในบอร์ด Fed ด้านลิซ่า คุก เตรียมยื่นฟ้องค้านคำสั่งปลดผู้ว่าการ Fed https://thestandard.co/trump-nears-fed-board-majority/ Wed, 27 Aug 2025 07:12:05 +0000 https://thestandard.co/?p=1111971

โดนัลด์ ทรัมป์ เผยกลางวง ครม. ใกล้ครองเสียงข้างมากใน Fe […]

The post ทรัมป์เผย ใกล้ครองเสียงข้างมากในบอร์ด Fed ด้านลิซ่า คุก เตรียมยื่นฟ้องค้านคำสั่งปลดผู้ว่าการ Fed appeared first on THE STANDARD.

]]>

โดนัลด์ ทรัมป์ เผยกลางวง ครม. ใกล้ครองเสียงข้างมากใน Fed แล้ว หลังประกาศปลดผู้ว่าการ Fed ไม่นาน ด้าน ลิซ่า คุก เตรียมยื่นฟ้องค้านคำสั่งปลดผู้ว่าการ Fed

 

วานนี้ (26 สิงหาคม) Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เสียงข้างมากของผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Board of Governors) ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยผู้ซึ่งถูกแต่งตั้งโดยเขา และสนับสนุนแผนการลดอัตราดอกเบี้ยของเขาในไม่ช้า

 

คำกล่าวนี้ มีขึ้นระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากทรัมป์ ประกาศปลด ลิซ่า คุก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งในยุคสมัยของประธานาธิบดี Joe Biden

 

คุก เป็นหนึ่งในสมาชิกทั้ง 7 ของสภาผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งตำแหน่งดังกล่าว ทำให้ คุก เป็นหนึ่งในสมาชิกทั้ง 12 คน ของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ซึ่งมีหน้าที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในสหรัฐฯ

 

โดย Trump ได้แต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ไปแล้ว 2 ใน 7 คน และเตรียมเสนอชื่อเพิ่มอีก 1 คน เพื่อแทน Adriana Kugler ที่ประกาศเกษียณเมื่อต้นเดือนสิงหาคม โดย Trump เลือก Stephen Miran ที่ปรึกษาเศรษฐกิจคนสำคัญเข้ารับตำแหน่งในวาระที่เหลือ ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2026

 

Trump กล่าวว่า “นับเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะเราจะมีเสียงข้างมากในอีกไม่ช้า เมื่อเรามีเสียงข้างมาก ตลาดที่อยู่อาศัยจะกลับมาฟื้นตัว ตอนนี้ผู้คนจ่ายดอกเบี้ยสูงเกินไป นั่นคือปัญหาเดียวที่เรามีอยู่ เราจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยลงเล็กน้อย”

 

เมื่อถูกถามว่า ‘ใครจะมาแทนคุก’ ทรัมป์ตอบว่า มีหลายคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ และเขาก็มีคนในใจที่ชื่นชอบอยู่แล้ว Trump ยังโจมตี Jerome Powell ประธาน Fed อีกครั้ง โดยกล่าวว่า “เพราะเขาและดอกเบี้ยที่สูง ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยซบเซากว่าที่ควร เราจะจัดการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว”

 

การปลด ‘คุก’ เกิดขึ้นหลังจากกระทรวงยุติธรรมของทรัมป์ เปิดการสอบสวนข้อกล่าวหาเกี่ยวกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยของเธอ ฝ่ายทนายความของคุก ยืนยันว่าเธอจะฟ้องร้องเพื่อระงับคำสั่งปลด

 

ในถ้อยแถลงของ Fed ที่ออกมาในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี Fed ระบุว่า ลิซ่า คุก จะยื่นฟ้องเพื่อโต้แย้งการที่ประธานาธิบดี Trump ปลดเธอออกจากตำแหน่ง พร้อมย้ำว่า “การมีวาระที่ยาวและการคุ้มครองจากการถอดถอน เป็นหลักประกันที่สำคัญ เพื่อให้การตัดสินใจด้านนโยบายการเงินยึดตามข้อมูล การวิเคราะห์เศรษฐกิจ และผลประโยชน์ระยะยาวของประชาชนอเมริกัน”

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงถ้อยแถลงนี้ ทรัมป์ตอบว่า เขาจะเคารพคำตัดสินของศาล ทางด้านโฆษกทำเนียบขาว Kush Desai เสริมว่า ทรัมป์ได้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการปลดผู้ว่าการ Fed ด้วยเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

 

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาวเผชิญกับแรงเทขายในวันอังคารที่ผ่านมา บ่งถึงความกังวลของนักลงทุนที่มองว่าความพยายามของ Trump ในการปลดผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในธนาคารกลาง

 

หากนักลงทุนเริ่มสงสัยในความน่าเชื่อถือของ Fed ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมของสหรัฐฯ ถูกใช้เป็นราคาอ้างอิงสำหรับการกำหนดราคาสินทรัพย์อื่นๆ ทั่วโลก

 

อ้างอิง:

The post ทรัมป์เผย ใกล้ครองเสียงข้างมากในบอร์ด Fed ด้านลิซ่า คุก เตรียมยื่นฟ้องค้านคำสั่งปลดผู้ว่าการ Fed appeared first on THE STANDARD.

]]>
อิสรภาพ Fed สั่นคลอน ทรัมป์ปลดผู้ว่าการ Fed ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 111 ปี https://thestandard.co/trump-fires-fed-chair-historic/ Tue, 26 Aug 2025 07:40:12 +0000 https://thestandard.co/?p=1111434

ทรัมป์ ปลด ลิซ่า คุก ผู้ว่าการ Fed ครั้งแรกในประวัติศาส […]

The post อิสรภาพ Fed สั่นคลอน ทรัมป์ปลดผู้ว่าการ Fed ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 111 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>

ทรัมป์ ปลด ลิซ่า คุก ผู้ว่าการ Fed ครั้งแรกในประวัติศาสตร์รอบ 111 ปี สั่นคลอนความเป็นอิสระของธนาคารกลางอย่างมีนัยสำคัญ หลัง Fed แข็งขืนที่จะลดดอกเบี้ยตามความต้องการของทรัมป์อย่างต่อเนื่อง

 

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่งปลด ลิซ่า คุก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Board of Governors) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในคืนวันจันทร์ (25 สิงหาคม) ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากคุกปฏิเสธที่จะยินยอมลาออกก่อนหน้านี้

 

คุกเป็นหนึ่งในสมาชิกทั้งเจ็ดของสภาผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ และยังเป็นผู้หญิงเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนี้

 

ทรัมป์ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวมีผลทันที จากเหตุผลอันเพียงพอที่เชื่อได้ว่า คุกให้การเท็จเกี่ยวกับสัญญาจำนอง โดยคุกระบุที่พักอาศัยหลักในสัญญาแต่ละฉบับแตกต่างกัน

 

ตามจดหมายของทรัมป์ที่ส่งไปยังคุก และเผยแพร่กับสาธารณะระบุว่า คุกได้ลงนามในเอกสารฉบับหนึ่งว่า สินทรัพย์ในรัฐมิชิแกนจะเป็นที่อยู่อาศัยหลักของคุกในปีต่อไป

 

“แต่อีกสองสัปดาห์ถัดมา คุณกลับลงนามในเอกสารอีกฉบับว่า สินทรัพย์ในรัฐจอร์เจียจะเป็นที่อยู่อาศัยหลักของคุณในปีต่อไปซะงั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะไม่ตระหนักถึงข้อตกลงในเอกสารฉบับก่อนหน้า” ทรัมป์ระบุ

 

“เมื่อพิจารณาพฤติกรรมอันเข้าข่ายหลอกลวงทางการเงิน และอาจมีความผิดทางอาญานี้แล้ว ทำให้พวกเขา (ประชาชนชาวอเมริกัน) และผม ไม่อาจเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ของคุณได้อีกต่อไป”

 

“อย่างน้อยที่สุด ประเด็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่อในการทำธุรกรรมทางการเงินของคุณ ซึ่งทำให้เรากังขาถึงความสามารถและความน่าเชื่อถือของคุณในฐานะผู้กำกับการเงิน”

 

คำสั่งปลดอาจต้องพิสูจน์ในชั้นศาล

 

นับเป็นการยกระดับแรงกดดันต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed คนปัจจุบัน ซึ่งขัดขืนที่จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามความประสงค์ของทรัมป์

 

นอกจากนี้ ยังเป็นการปลดสมาชิกสภาผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์กว่า 111 ปี ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นอิสระจากการเมืองนับตั้งแต่ปี 1951 อีกด้วย

 

อย่างไรก็ตาม คำสั่งปลดดังกล่าวนำมาซึ่งข้อถกเถียงด้านกฎหมาย ว่ามีเหตุผลเพียงพอในการปลดหรือไม่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายบางคนระบุว่าอาจต้องมีการพิสูจน์ในชั้นศาล และอาจไปไกลถึงศาลสูงสุด (Supreme Court)

 

รัฐสภาได้จำกัดอำนาจของประธานาธิบดีในการปลดผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยพลการใน Federal Reserve Act of 1913 ซึ่งระบุว่าประธานาธิบดีสามารถทำได้ ‘โดยมีเหตุอันควร’ (for cause) เท่านั้น

 

แม้กฎหมายจะไม่ได้ระบุถึงรายละเอียด ว่าอะไรถือเป็น ‘เหตุอันควร’ แต่ในอดีตได้มีการตีความว่าหมายถึง การประพฤติมิชอบหรือการละทิ้งหน้าที่

 

เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเซตส์ สังกัดพรรคเดโมแครต กล่าวว่า “ความพยายามในการปลดลิซ่า คุก แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังของประธานาธิบดี ที่ต้องการหาแพะรับบาป เพื่อปกปิดความล้มเหลวในการลดภาระค่าครองชีพของชาวอเมริกัน”

 

วอร์เรน ซึ่งเป็นคณะกรรมาธิการวุฒิสภา ด้านการธนาคาร, เคหะ, และกิจการเมือง กล่าวว่า “นี่เป็นการใช้อำนาจแบบเผด็จการ ซึ่งละเมิดรัฐบัญญัติธนาคารกลาง (Federal Reserve Act) อย่างโจ่งแจ้ง และต้องถูกหักล้างในชั้นศาล”

 

ทรัมป์กดดันให้คุกยอมลาออกนับตั้งแต่สัปดาห์ก่อน หลังบิล พัลต์ ผู้อำนวยการสำนักงานการเงินที่อยู่อาศัยของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ร่อนจดหมายเปิดผนึกไปยัง แพม บอนดี อัยการสูงสุด เกี่ยวกับข้อกล่าวหาด้านสินเชื่อของคุก

 

ด้านคุกออกมาแสดงความเห็นว่ารับทราบเรื่องดังกล่าวผ่านสื่อ และไม่มีเจตนาที่จะลาออก เพียงเพราะถูกกลั่นแกล้ง จากคำถามลอยๆ ในเน็ต พร้อมระบุอีกด้วยว่า กำลังรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับประวัติการเงินของเธออย่างจริงจัง

 

Fed เสี่ยงไม่เป็นอิสระ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์

 

เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทรัมป์ตั้ง สตีเฟน มิแรน นั่งสภาผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ หลัง อาเดรียนา คูเกลอร์ (Adriana Kugler) ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยโจ ไบเดน (Joe Biden) ประกาศลาออกจากตำแหน่ง

 

หากทรัมป์ประสบความสำเร็จในการปลดคุก ทรัมป์จะสามารถเสนอชื่อผู้มาแทน และปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของสภาผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ในอีกหลายปีข้างหน้าได้ โดยผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯโดยทั่วไปจะดำรงตำแหน่ง 14 ปี

 

ทั้งนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ สองในเจ็ดคน คือ คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ และ มิเชลล์ โบว์แมน มาจากการแต่งตั้งของทรัมป์ เช่นเดียวกับ พาวเวลล์ ที่ทรัมป์ตั้งให้เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปี 2017 และกำลังจะหมดวาระในเดือนพฤษภาคม 2026

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวตอกย้ำให้สาธารณะชนกังวลต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์

 

แม้จะแข็งขืนต่อเสียงกดดันให้ลดอัตราดอกเบี้ยมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน (Dovish) อย่างชัดเจนในสุนทรพจน์ ณ การประชุมสัมมนาประจำปีของ Fed ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 สิงหาคม) พร้อมระบุว่ามาตรการภาษีของทรัมป์จะก่อภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ แค่ชั่วคราว

 

อ้างอิง:

The post อิสรภาพ Fed สั่นคลอน ทรัมป์ปลดผู้ว่าการ Fed ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 111 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดโฉมหน้า ‘แคนดิเดต’ ชิงเก้าอี้ประธาน Fed ศึกนี้ไม่ง่ายสำหรับ ‘เจอโรม พาวเวลล์’ https://thestandard.co/candidate-for-top-fed-jobs/ Fri, 17 Sep 2021 12:36:51 +0000 https://thestandard.co/?p=537807

ในห้วงเวลานี้ นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตากันว่าประธานาธิบด […]

The post เปิดโฉมหน้า ‘แคนดิเดต’ ชิงเก้าอี้ประธาน Fed ศึกนี้ไม่ง่ายสำหรับ ‘เจอโรม พาวเวลล์’ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ในห้วงเวลานี้ นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตากันว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา จะตัดสินใจแต่งตั้ง เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คนปัจจุบัน ให้ดำรงตำแหน่งต่ออีก 4 ปีหรือไม่ หลังจากวาระแรกของเขากำลังจะครบกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ขณะเดียวกัน ตลาดยังต้องลุ้นด้วยว่าไบเดนจะเสนอชื่อใครอีกบ้างให้เข้ามานั่งในเก้าอี้สำคัญอื่นๆ ของ Fed

 

ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าโครงสร้างของ Fed นั้นต่างจากธนาคารกลางโดยทั่วไปที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการกำหนดนโยบายการเงินเพียงแห่งเดียว เนื่องจากสหรัฐฯ ได้แบ่งภาคเศรษฐกิจการเงินในประเทศออกเป็น 12 เขต ซึ่งแต่ละเขตจะมีธนาคารกลาง 1 แห่งในการดูแล ได้แก่ บอสตัน, นิวยอร์ก, ฟิลาเดลเฟีย, คลีฟแลนด์, ริชมอนด์, แอตแลนตา, ชิคาโก, เซนต์หลุยส์, มินนิแอโปลิส, แคนซัส ซิตี้, ดัลลัส และซานฟรานซิสโก เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกแทรกแซง โดยธนาคารกลางทั้ง 12 แห่งนี้ จะอยู่ภายใต้การกำกับของสภาผู้ว่าการ หรือ Board of Governors อีกทอดหนึ่ง

 

ขณะที่ Board of Governors จะมีจำนวนคณะกรรมการทั้งหมด 7 คน โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมต่อตำแหน่งดังกล่าวเพื่อให้วุฒิสภารับรอง และประธานาธิบดีจะเป็นผู้แต่งตั้ง 1 ใน 7 คนนั้น เป็นประธานสภาผู้ว่าการ หรือ Chair ตามความเห็นชอบของวุฒิสภา ซึ่งตำแหน่งนี้เทียบได้กับผู้ว่าการธนาคารกลางในประเทศอื่นๆ

 

ทั้งนี้ นอกจากตำแหน่งประธาน Fed แล้ว ประธานาธิบดียังสามารถแต่งตั้งคณะกรรมการที่เหลือให้เป็นรองประธานได้อีก 2 คน โดยทั้ง 3 ตำแหน่ง ประธานและรองประธานทั้งสองจะมีวาระการทำงาน 4 ปี

 

Candidate for top Fed jobs

 

ปัจจุบัน Board of Governors ของ Fed มีจำนวน 6 คน ประกอบด้วย

  • เจอโรม พาวเวลล์ (ประธาน หรือ Chair)
  • ริชาร์ด คลาริดา (รองประธาน หรือ Vice Chair)
  • แรนดัล ควาร์เรส (รองประธานฝ่ายกำกับ หรือ Vice Chair of Supervision)
  • เลล เบรนาร์ด 
  • มิเชล โบว์แมน
  • คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์

 

โดยยังมีเก้าอี้ว่างเหลืออยู่ 1 ที่ เนื่องจากการเสนอชื่อในตำแหน่งนี้ช่วงที่ผ่านมาไม่ได้รับการอนุมัติจากสภา

 

ขณะเดียวกัน แรนดัล ควาร์เรส จะครบวาระในฐานะ Vice Chair of Supervision ในเดือนตุลาคมนี้ เช่นเดียวกับ ริชาร์ด คลาริดา ที่จะครบวาระ Vice Chair ในเดือนมกราคม เท่ากับว่าไบเดนจะต้องตัดสินใจว่าจะให้บอร์ดชุดปัจจุบันทำหน้าที่ต่อไปอีกหนึ่งสมัย หรือจะหาคนที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญที่กำลังจะว่างลงเหล่านี้

 

ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว ประธานาธิบดีจะแต่งตั้งคณะกรรมการใน Board of Governors ที่เป็นสมาชิกพรรคของตัวเอง ซึ่ง 5 จาก 6 ของคณะกรรมการชุดปัจจุบัน รวมถึงตัวพาวเวลล์เองล้วนเป็นสายพรรครีพับลิกันที่ถูกแต่งตั้งในสมัย โดนัลด์ ทรัมป์ โดยมีเพียง เลล เบรนาร์ด เพียงคนเดียวที่เป็นสายเดโมแครต

 

Candidate for top Fed jobs

เจอโรม พาวเวลล์

 

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จึงคาดการณ์ว่าไบเดนจะเพิ่มสัดส่วนคณะกรรมการที่เป็นเดโมแครตอย่างแน่นอน แม้ตลาดยังเชื่อว่าไบเดนจะเลือกแต่งตั้งให้พาวเวลล์ ซึ่งทำหน้าที่ประธาน Fed ต่ออีกหนึ่งวาระ และขยับเบรนาร์ดขึ้นมาเป็นหนึ่งในรองประธาน จากการที่พาวเวลล์ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมในช่วงวิกฤตโควิด แต่ก็ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ไบเดนอาจเลือกดันเบรนาร์ดขึ้นเป็นประธาน Fed เสียเอง และเลือกบุคคลจากภายนอกที่เป็นสายเดโมแครตเข้ามาทำหน้าที่รองประธานทั้งสองตำแหน่ง

 

การที่เก้าอี้สำคัญหลายตัวของ Fed ซึ่งทำหน้าที่ชี้นำทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ กำลังจะว่างลง ทำให้ชื่อของบุคคลมากหน้าหลายตาในแวดวงเศรษฐศาสตร์ถูกหยิบยกมาพูดถึงในฐานะผู้ท้าชิงตำแหน่งเหล่านี้ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับพวกเขาเหล่านั้นว่าเป็นใครและมาจากไหนกันบ้าง

 

ศึกภายใน

เริ่มจากตำแหน่งที่สำคัญที่สุดอย่างประธาน Fed ที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นการขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นภายใน Board of Governors ระหว่างพาวเวลล์กับเบรนาร์ด โดยนักการเมืองฝั่งเดโมแครต รวมถึงกลุ่มนักเคลื่อนไหวเสรีนิยม ต้องการให้ไบเดนดันเบรนาร์ดขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานแทนพาวเวลล์ เพื่อให้นโยบายการเงินของสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาความเสี่ยงด้านสภาพอากาศ และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระหว่างเชื้อชาติมากขึ้น

 

Candidate for top Fed jobs

เลล เบรนาร์ด

 

ชื่อของเบรนาร์ดถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงว่ามีความเหมาะสมจะนั่งเก้าอี้ประธาน Fed แทนพาวเวลล์ จากภูมิหลังที่อยู่ในครอบครัวนักการทูตและประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งสำคัญที่หลากหลาย

 

โดยเบรนาร์ดจบการศึกษาจาก Wesleyan University และได้รับปริญญาเอกจาก Harvard University เธอเริ่มต้นทำงานเป็นอาจารย์ที่ Massachusetts Institute of Technology เป็นเวลา 6 ปี ก่อนจะถูกชักชวนให้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจในรัฐบาลของ บิล คลินตัน และย้ายไปทำงานที่ Think Tank ชื่อดังอย่าง Brookings Institution

 

ในปี 2009 เบรนาร์ดได้รับการเสนอชื่อจาก บารัก โอบามา ให้ทำหน้าที่ปลัดฝ่ายกิจการต่างประเทศของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ อีกห้าปีต่อมา เธอได้รับการเสนอชื่ออีกครั้งจากโอบามาให้รับหน้าที่ดำรงตำแหน่งใน Board of Governors ของ Fed

 

เบรนาร์ดเป็นที่รู้จักในฐานะหัวหอกสำคัญในการปรับปรุงกฎหมาย Community Reinvestment Act ซึ่งมีส่วนช่วยให้คนชนชั้นกลางและล่างเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ เธอยังเป็นคณะกรรมการ Fed ที่ให้ความสำคัญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ โดยเบรนาร์ดเคยถูกจับตาว่าจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ในรัฐบาลปัจจุบัน ก่อนที่ไบเดนจะตัดสินใจแต่งตั้ง เจเน็ต เยลเลน ในตำแหน่งดังกล่าวแทน

 

โปรไฟล์ที่สวยหรูและแนวคิดของเบรนาร์ดที่สอดคล้องกับทิศทางนโยบายของไบเดน ทำให้ตลาดมองว่าเธอมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาคุมบังเหียนธนาคารกลางที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก หรืออย่างน้อยหากไบเดนเลือกให้พาวเวลล์ทำหน้าที่ประธานต่อ เบรนาร์ดก็จะถูกโปรโมตขึ้นมาเป็น Vice Chair of Supervision ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญมากเช่นกัน

 

ดังนั้นการเสนอชื่อตัวแทนควาร์เรสที่จะครบวาระการทำหน้าที่ Vice Chair of Supervision ในเดือนตุลาคมนี้ อาจเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่า ใครจะได้ทำหน้าที่ประธาน Fed คนต่อไป หากเบรนาร์ดถูกแต่งตั้งให้ทำหน้าที่นี้จะสะท้อนว่ามีโอกาสสูงที่พาวเวลล์จะได้นั่งเก้าอี้ตัวเดิมต่อไป 

 

Candidate for top Fed jobs

แรนดัล ควาร์เรส

 

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ยังมองว่ามีโอกาสที่คนนอกจะมาเข้าเบียดแย่งตำแหน่งประธาน Fed กับพาวเวลล์ รวมถึงตำแหน่งอื่นๆ ของ Fed ที่จะว่างลงได้เช่นกัน โดยมีความเป็นไปได้สูงที่ไบเดนจะถูกกดดันให้ต้องเลือกคนเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน เข้ามาอยู่ใน Board of Governors เนื่องจากในประวัติศาสตร์ของ Fed ที่ผ่านมา มีคนผิวสีเพียง 3 คน ที่เคยถูกเลือกให้อยู่ใน Board of Governors และทั้ง 3 คน ไม่มีผู้หญิงแม้แต่คนเดียว

 

ผู้ท้าชิงจากภายนอก

ม้ามืดคนแรกที่นักวิเคราะห์มองว่ามีโอกาสเข้ารับตำแหน่งสำคัญใน Fed คือ วิลเลียม สปริงส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน ของ American Federation of Labor and Congress of Industrial Organizations (AFL-CIO) และศาสตราจารย์ประจำ Howard University

 

ชื่อของสปริงส์ถูกพูดถึงบ่อยครั้งเมื่อมีตำแหน่งสำคัญใน Fed ว่างลง โดยสปริงส์เคยทำหน้าที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีแรงงานในสมัยรัฐบาลโอบามา และเป็นคนขับเคลื่อนสำคัญในประเด็นความเหลื่อมล้ำในการจ้างงานระหว่างคนผิวขาวและผิวดำ

 

Candidate for top Fed jobs

วิลเลียม สปริงส์

 

อีกหนึ่งม้ามืดคือ ลิซ่า คุก ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จาก Michigan State University โดยคุกถูกคาดหมายว่าจะเป็นผู้หญิงผิวดำคนแรกที่ได้นั่งเก้าอี้ใน Board of Governors ของ Fed

 

คุกมีชื่อเสียงจากงานวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับความแตกต่างทางเพศและสีผิว นอกจากนั้นเธอยังเป็นหนึ่งในเบื้องหลังของมาตรการแจกเช็คเงินสดเพื่อช่วยเหลือคนระดับล่างที่ได้รับผลกระทบจากโควิดของรัฐบาลไบเดนอีกด้วย

 

เชอร์ร็อด บราวน์ วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอ ยกย่องคุกในแง่ความรู้และความเชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ พร้อมระบุว่าเธอคือผู้หญิงผิวสีที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง ขณะที่ ไมเคิล ฟีโรลี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ JPMorgan ระบุว่า คุกมีคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งรองประธานหรือแม้กระทั่งเป็นประธานของ Fed

 

นอกจากนี้ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังคนปัจจุบันของสหรัฐฯ ยังเคยเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของคุก ตอนที่เธอเรียนอยู่ที่ University of California Berkeley ในด้านการทำงาน คุกเคยเป็นนักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของสภาที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจในรัฐบาลโอบามา โดยปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งคณะกรรมการที่ Center for Equitable Growth

 

Candidate for top Fed jobs

ลิซ่า คุก

 

สำนักข่าว Bloomberg ระบุว่า ทั้งสปริงส์และคุก ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลสำคัญในทำเนียบขาวหลายรายให้รับตำแหน่งรองประธานหรือแม้กระทั่งประธาน Fed ก่อนหน้านี้สปริงส์เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เขาสนับสนุนให้ไบเดนเสนอชื่อพาวเวลล์เป็นประธาน Fed ต่อไป อย่างไรก็ดี หากตัวเขาได้รับการทาบทาม เขาก็พร้อมจะรับตำแหน่งดังกล่าวเช่นกัน

 

ผู้ท้าชิงจากภายนอกคนที่ 3 คือ ซาราห์ บลูม ราสกิน อดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังในรัฐบาลโอบามา ซึ่งเคยทำหน้าที่อยู่ใน Board of Governors มาแล้วหนึ่งสมัยระหว่างปี 2010-2014 

 

ราสกินเป็นอดีตคณะกรรมการกำกับดูแลนโยบายการเงินของรัฐแมริแลนด์ ระหว่างปี 2007-2010 โดยปัจจุบันเธอเป็นอาจารย์สอนคณะนิติศาสตร์ของ Duke University ราสกินโด่งดังจากการแสดงจุดยืนเรื่อง Climate Change

 

นอกจากเป็นผู้ท้าชิงเก้าอี้ใน Fed แล้ว ราสกินยังถูกคาดหมายว่าจะได้ถูกทาบทามให้ทำหน้าที่หัวหน้าสำนักงานบัญชีกลางของสกุลเงิน หรือ Office of the Comptroller of the Currency (OCC) ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลธนาคารกลางอีกทอดหนึ่งด้วย

 

นักวิเคราะห์จากหลายสำนักคาดว่า ในกรณีที่ไบเดนตัดสินใจเลือกเบรนาร์ดเป็นประธาน Fed ตัวเลือกสำหรับตำแหน่ง Vice Chair for Supervision คือราสกิน หรือแม้ว่าไบเดนตัดสินใจให้พาวเวลล์ทำหน้าที่ประธานต่อไป ราสกินก็ยังเป็นตัวเลือกในตำแหน่ง Vice Chair for Supervision ที่น่าดึงดูดกว่าเบรนาร์ด 

 

Candidate for top Fed jobs

ซาราห์ บลูม ราสกิน

 

สำหรับแคนดิเดตอื่นๆ ที่นักวิเคราะห์มองว่ามีโอกาสสอดแทรกเข้ามารับตำแหน่งใน Board of Governors ได้แก่ ราฟาเอล บอสติก ประธาน Fed สาขาแอตแลนตาคนปัจจุบัน โดยบอสติกเคยเป็นอาจารย์สอนที่ University of Southern California และเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายให้กับกระทรวงการเคหะและพัฒนาเมืองของสหรัฐฯ ก่อนจะเข้ามาทำงานที่ Fed ที่ผ่านมาบอสติกมักจะให้น้ำหนักกับประเด็นการจ้างงานและความเหลื่อมล้ำทางสีผิว

 

ราฟาเอล บอสติก

 

คนต่อมาคือ โรเจอร์ เฟอร์กูสัน อดีตรองประธาน Fed ระหว่างปี 1999-2006 เฟอร์กูสันเป็นอีกหนึ่งแคนดิเดตที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงว่าอาจได้รับโอกาสให้กลับเข้ามาทำงานที่ Fed อีกครั้งในยุคของไบเดน จากประสบการณ์ที่เขาเคยดูแลนโยบายการเงินในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ 9/11

 

เฟอร์กูสันเพิ่งจะเกษียณตัวเองจากตำแหน่งประธานและซีอีโอของ TIAA หรือสมาคมประกันภัยครูและเงินรายปีของกองทุนเพื่อการเกษียณแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีสินทรัพย์ในความดูแลกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

 

Candidate for top Fed jobs

โรเจอร์ เฟอร์กูสัน

 

จาเร็ต ไซเบิร์ก นักวิเคราะห์จาก Cowen Washington Research Group กล่าวว่า หากไบเดนต้องการให้คนนอกทำหน้าที่ประธาน Fed ชื่อของ โรเจอร์ เฟอร์กูสัน จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เขาต้องพิจารณาอย่างแน่นอน

 

ผู้ท้าชิงคนสุดท้ายในศึกครั้งนี้ ได้แก่ เซต คาร์เพนเตอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์คนล่าสุดของ Morgan Stanley โดยคาร์เพนเตอร์ถือเป็นหนึ่งในลูกหม้อของ Fed เนื่องจากเขาเคยเป็นนักวิจัยของ Fed นานถึง 15 ปี ก่อนจะก้าวไปรับตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีด้านตลาดการเงินที่กระทรวงการคลังในยุคโอบามา และรับงานเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ UBS หลังจากนั้น

 

ทั้งนี้ คาร์เพนเตอร์ถูกคาดหวังให้เป็นตัวแทนของ ริชาร์ด คลาริดา ในตำแหน่งรองประธาน Fed เนื่องจากประสบการณ์อาจยังไม่ถึงขั้นขึ้นไปท้าชิงตำแหน่งประธาน

 

Candidate for top Fed jobs

เซต คาร์เพนเตอร์

 

ใครจะได้ไปต่อหรือใครจะต้องหลีกทางให้กับคนใหม่ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่แทนในธนาคารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกแห่งนี้ อีกไม่นานพวกเราคงได้รู้กัน

 

อ้างอิง:

The post เปิดโฉมหน้า ‘แคนดิเดต’ ชิงเก้าอี้ประธาน Fed ศึกนี้ไม่ง่ายสำหรับ ‘เจอโรม พาวเวลล์’ appeared first on THE STANDARD.

]]>