LINE – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 31 Mar 2025 00:11:23 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 พรุ่งนี้ กสทช. หารือ Apple และ LINE เดินหน้าใช้ Cell Broadcast แจ้งเตือนภัย https://thestandard.co/cell-broadcast-emergency-alert-system-development/ Sun, 30 Mar 2025 12:38:03 +0000 https://thestandard.co/?p=1058384

วันนี้ (30 มีนาคม) ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธ […]

The post พรุ่งนี้ กสทช. หารือ Apple และ LINE เดินหน้าใช้ Cell Broadcast แจ้งเตือนภัย appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (30 มีนาคม) ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ สำนักงาน กสทช. ได้เชิญบริษัท Apple เพื่อหารือแนวทางการปลดล็อกระบบ เพื่อสนับสนุนการใช้งานระบบการกระจายสัญญาณแจ้งเตือนภัย (Cell Broadcast) ในประเทศไทย

 

นอกจากนี้ ยังได้เชิญบริษัท LINE Thailand เข้าหารือแนวทางการส่งข้อความแจ้งเตือนภัยผ่านช่องทาง LINE เพื่อเพิ่มช่องทางการสื่อสารในยามเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยเบื้องต้นจะมีการทดสอบระบบ Cell Broadcast ร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศ

 

สำหรับระบบ SMS ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนั้น มีข้อจำกัดด้านเทคนิค โดยเฉพาะจำนวนการส่ง และไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการแจ้งเตือนภัยโดยเฉพาะ กสทช. จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาหาทางเลือกอื่นเพิ่มเติม เพื่อให้การสื่อสารกับประชาชนในยามวิกฤตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

“ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรองรับวิกฤตการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างทันท่วงทีและครอบคลุมมากที่สุด” ไตรรัตน์กล่าว

The post พรุ่งนี้ กสทช. หารือ Apple และ LINE เดินหน้าใช้ Cell Broadcast แจ้งเตือนภัย appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมรภูมิเดือด สื่อไทยยุคมือถือครองเมือง! แพลตฟอร์มใหม่ผุดพรึบ แต่ Gen สูงวัยยังเหนียวแน่นกับสื่อดั้งเดิม https://thestandard.co/media-battlefield-mobile-era/ Sat, 10 Aug 2024 08:50:27 +0000 https://thestandard.co/?p=969829

สงครามแย่งชิงความสนใจและเม็ดเงินโฆษณาในวงการสื่อและความ […]

The post สมรภูมิเดือด สื่อไทยยุคมือถือครองเมือง! แพลตฟอร์มใหม่ผุดพรึบ แต่ Gen สูงวัยยังเหนียวแน่นกับสื่อดั้งเดิม appeared first on THE STANDARD.

]]>

สงครามแย่งชิงความสนใจและเม็ดเงินโฆษณาในวงการสื่อและความบันเทิงไทยกำลังร้อนระอุ! แพลตฟอร์มใหม่ๆ ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ผู้บริโภคเสพสื่อหลากหลายช่องทางจนตาลาย แต่ใครจะครองใจคนไทยได้อยู่หมัด? Marketbuzzz เผยอินไซต์สุดว้าวจากผลสำรวจพฤติกรรมการใช้สื่อของคนไทย 700 คนทั่วประเทศ

 

ผลสำรวจชี้ชัดว่า คนไทยยุคนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโซเชียลมีเดีย (70%) การท่องอินเทอร์เน็ต (50%) และดูวิดีโอสตรีมมิง (47%) LINE และ Facebook ยังคงเป็นเจ้าพ่อโซเชียล โดยเฉพาะ LINE ที่มีผู้ใช้งานสูงถึง 78% สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในการใช้แอปพลิเคชันนี้ในการสื่อสารและติดตามข่าวสารในชีวิตประจำวัน

 

Facebook เองก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ใช้งาน 68% แสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มนี้ยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการเชื่อมต่อกับเพื่อนฝูงและครอบครัว นอกจากนี้ ยังพบว่า Messenger แอปพลิเคชันแชตในเครือของ Facebook ก็มีผู้ใช้งานสูงถึง 34% บ่งชี้ว่าคนไทยยังคงนิยมการสื่อสารแบบส่วนตัวผ่านช่องทางนี้

 

แต่ที่น่าจับตามองคือ Threads แพลตฟอร์มน้องใหม่ที่เปิดตัวได้ไม่นาน แต่กลับมีผู้ใช้งานถึง 14% สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยพร้อมที่จะลองสิ่งใหม่ๆ และมองหาแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ความสนใจเฉพาะกลุ่มมากขึ้น การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Threads อาจเป็นสัญญาณเตือนสำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ ว่าต้องปรับตัว และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาฐานผู้ใช้งานเอาไว้

 

YouTube ยังครองบัลลังก์วิดีโอสตรีมมิง ด้วยจำนวนผู้ใช้งานสูงถึง 62% ซึ่งไม่น่าแปลกใจเมื่อพิจารณาจากความหลากหลายของคอนเทนต์ที่มีให้เลือกชม ตั้งแต่คลิปตลก สารคดี ไปจนถึงมิวสิกวิดีโอ อย่างไรก็ตาม Netflix (35%) ก็มาแรงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบซีรีส์และภาพยนตร์ต่างประเทศ

 

TrueID (27%) และ AIS PLAY (20%) ก็ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ชมที่ต้องการรับชมคอนเทนต์ไทย เช่น ละคร ข่าว และรายการวาไรตี้ นอกจากนี้ การเติบโตของ Disney+ (14%) ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าตลาดวิดีโอสตรีมมิงในไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

 

ด้านการฟังเพลงผ่านสตรีมมิง YouTube Music ยังคงครองความเป็นผู้นำที่คนไทยมีการใช้งานถึง 71% ตามมาด้วย JOOX (42%), Spotify และ Apple Music การแข่งขันในตลาดนี้ยังคงดุเดือด โดยแต่ละแพลตฟอร์มต่างงัดกลยุทธ์ต่างๆ ออกมาเพื่อดึงดูดผู้ใช้งาน เช่น การสร้างเพลย์ลิสต์เฉพาะบุคคล การจัดคอนเสิร์ตออนไลน์ หรือการนำเสนอคอนเทนต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ

 

นอกจากนี้ การเติบโตของแพลตฟอร์มสตรีมมิงเพลงอื่นๆ ก็เป็นสิ่งที่น่าจับตามอง เนื่องจากแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความต้องการที่หลากหลาย และมองหาทางเลือกใหม่ๆ อยู่เสมอ

 

มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิตคนไทยไปแล้ว! ไม่ว่าจะแชต เล่นโซเชียล ฟังเพลง หรือช้อปปิ้งออนไลน์ ทุกอย่างทำได้บนมือถือเครื่องเดียว แบรนด์ไหนไม่ปรับตัวให้เข้ากับมือถือ ระวังตกขบวนไม่รู้ตัว!

 

ขณะที่การออกแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้ใช้งานง่ายบนมือถือ การสร้างคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับการรับชมบนหน้าจอขนาดเล็ก และการทำโฆษณาที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ใช้มือถือ ล้วนเป็นสิ่งที่แบรนด์ต้องให้ความสำคัญ

 

ถึงแม้สื่อดิจิทัลจะมาแรง แต่สื่อดั้งเดิมอย่างวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ก็ยังมีที่ยืนในใจผู้สูงวัย 50+ แบรนด์ที่ต้องการเจาะตลาดกลุ่มนี้ ต้องไม่ลืมปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับพฤติกรรมการเสพสื่อที่แตกต่างกัน การใช้สื่อดั้งเดิมควบคู่ไปกับการทำการตลาดออนไลน์ การสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจของผู้สูงวัย และการใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย จะช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ที่มองข้ามไม่ได้คือรู้ไหมว่าคนไทยเสพสื่อต่างกันในแต่ละช่วงเวลา? เช้าเน้นโซเชียลเพื่ออัปเดตข่าวสารและพูดคุยกับเพื่อนฝูง บ่ายเน้นสั่งอาหารเดลิเวอรีเพื่อความสะดวกสบาย เย็นเน้นดูหนังฟังเพลงเพื่อผ่อนคลาย

 

แบรนด์ต้องรู้จักเลือกเวลาปล่อยคอนเทนต์ให้ถูกจังหวะ ถึงจะเข้าตาผู้บริโภค การทำความเข้าใจพฤติกรรมการบริโภคสื่อในแต่ละช่วงเวลา จะช่วยให้แบรนด์วางแผนการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ภูมิทัศน์สื่อไทยกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แบรนด์และนักการตลาดต้องปรับตัวให้ทันยุคดิจิทัล วางกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น ครีเอทีฟ และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง ถึงจะอยู่รอดและเติบโตได้ในสมรภูมิสื่อที่ดุเดือดนี้

 

การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการทำการตลาด การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจและมีคุณภาพ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในอนาคต

 

คำถามคือ แบรนด์ของคุณพร้อมรับมือกับความท้าทาย และคว้าโอกาสในยุคดิจิทัลนี้แล้วหรือยัง?

 

ภาพ: Sonnerie / Shutterstock

The post สมรภูมิเดือด สื่อไทยยุคมือถือครองเมือง! แพลตฟอร์มใหม่ผุดพรึบ แต่ Gen สูงวัยยังเหนียวแน่นกับสื่อดั้งเดิม appeared first on THE STANDARD.

]]>
เผชิญหน้าเหยื่อ ‘ไลน์ ดร.นิเวศน์’ https://thestandard.co/dr-niwes-line-victim/ Tue, 26 Dec 2023 10:23:43 +0000 https://thestandard.co/?p=881267 ไลน์ ดร.นิเวศน์

เมื่อ 2-3 วันก่อนมีคนกดออดเข้ามาพบผมที่บ้านแล้วเล่าว่าเ […]

The post เผชิญหน้าเหยื่อ ‘ไลน์ ดร.นิเวศน์’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไลน์ ดร.นิเวศน์

เมื่อ 2-3 วันก่อนมีคนกดออดเข้ามาพบผมที่บ้านแล้วเล่าว่าเป็นแฟนคลับและสมาชิกการลงทุนในไลน์ และคุยกับผมมาตลอดเกือบทุกวัน ที่มาก็เพื่อที่จะมาพบ ‘ตัวจริงๆ’ เพื่อ ‘เติมเต็มความมั่นใจ’ ว่าจะยอมจ่ายเงิน ‘ค่าปรับ’ ให้กับหน่วยงานตลาดหุ้นของฮ่องกงจำนวนประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อที่จะสามารถถอนเงินจากพอร์ตหุ้นตลาดฮ่องกงของตนเองที่ตอนนี้เพิ่มขึ้นมามหาศาลจากเงินต้นที่ทยอยลงไปรวมกันประมาณ 5 ล้านบาท กลายเป็นประมาณ 300 ล้านบาทเข้าไปแล้ว

 

เธอหรือต่อไปนี้จะเรียกว่าคุณดาว เล่าว่าได้เข้าร่วมกลุ่มไลน์แนะนำการลงทุนของ ‘ดร.นิเวศน์’ ซึ่งปัจจุบันที่เห็นก็มีสมาชิกประมาณ 40-50 คน ลดลงจากอดีตบ้าง โดยที่เธอเข้าไปลงทุนผ่าน ‘แอปของกลุ่ม’ ซึ่งจะนำเงินไปลงทุนในตลาดฮ่องกง โดยได้รับการแนะนำจาก ดร. และผู้ช่วยตลอดเวลาในการเลือกหุ้น ซึ่งจะมีหุ้นใหม่ๆ แทบจะ ‘วันละตัว’ รวมถึงการใช้เครื่องมือการเงินที่ซับซ้อนอย่างเรื่อง ‘เลเวอเรจ’ ที่จะทำให้กำไรมหาศาลเป็นต้น

 

คุณดาวเริ่มลงทุนโดยการทยอยขายสลากออมสินและสลาก ธ.ก.ส. ที่เคยได้รับผลตอบแทนที่ดีในอดีตที่เธออาจจะยัง ‘ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน’ และเป็นช่วงที่ยังทำงานประจำ แต่ตอนนี้เธอเกษียณแล้ว จึงถึงเวลาที่จะต้องลงทุนเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ในบั้นปลายของชีวิต นอกจากสลากแล้ว เธอก็จำนำทองแท่งที่เคยซื้อเก็บไว้เพื่อนำเงินมาลงทุนในหุ้นฮ่องกงด้วย ทั้งหมดนั้นรวมแล้วน่าจะประมาณ 5 ล้านบาท

 

คุณดาวไม่เคยถอนเงินลงทุนเลย เหตุผลก็เพราะว่า ‘กำไรที่เห็น’ จากรายงานที่ได้รับนั้นมันมหาศาลมาก และคุณดาวก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ดร. แนะนำว่าต้องปล่อยให้เงินทบต้นไปเรื่อยๆ แล้วก็จะรวย จนมาถึงวันหนึ่ง คุณดาวอาจจะเริ่มไม่สบายใจและอาจจะอยากถอนเงินบางส่วน ก็เกิดประเด็นขึ้นว่าผู้คุมกฎของฮ่องกงตรวจสอบพบความไม่ชอบมาพากลของการเทรดหุ้นคุณดาว ซึ่งอาจเป็นการปั่นหุ้น จึงตั้งค่าปรับจำนวนประมาณ 2 ล้านบาทไทย ก่อนที่จะยอมปล่อยหุ้นหรือเงินที่อยู่ในพอร์ต และนั่นก็นำมาสู่การอยากเจอ ดร.นิเวศน์ และก็เกิดอาการ ‘ช็อก’ ว่าผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย คนที่คุณดาวคุยมาตลอดนั้นไม่รู้ว่าเป็นใคร

 

ประวัติคุณดาวแบบคร่าวๆ ที่ผมคุยด้วยสั้นๆ นั้นก็คืออายุเท่าๆ กับผมคือ 70 ปีแล้ว แต่ก็ยังดูแข็งแรงมาก เพิ่งจะเกษียณจากงานพยาบาลไม่กี่เดือน เคยทำงานพยาบาลทั้งในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนชื่อดังหลายแห่ง รวมถึงที่อยู่ใกล้บ้านผมด้วย ตอนเป็นเด็กเกิดในครอบครัวที่มีลูกเยอะมากเพราะเป็นรุ่นเบบี้บูมเมอร์ ครอบครัวอยู่ต่างจังหวัดและยากจน แต่คุณดาวเป็นคนที่เรียนเก่งระดับ ‘เหรียญทอง’ ของโรงเรียน และได้ทุนเรียนพยาบาลในสังกัดของรัฐจนจบปริญญาตรี

 

คุณดาวเป็น ‘นักสู้’ ที่ทำงานหนัก ประหยัดอดออม และแม้ว่าจะเป็นคนที่ดูแลพ่อแม่เป็นหลักก็ยังมีเงินเหลือเก็บออมในรูปทรัพย์สินต่างๆ เช่น บ้าน อาคารพาณิชย์ให้เช่า ทอง และเงินฝากในรูปสลากของธนาคารรัฐบาล คิดเป็นมูลค่ารวมน่าจะไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าคุณดาวเป็นโสดไม่ได้แต่งงาน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเก็บออมและลงทุนเพื่อดูแลตนเองหลังเกษียณ

 

คุณดาวรู้จัก ดร.นิเวศน์ ผ่านสื่อต่างๆ และเมื่อได้อ่านหนังสือเรื่อง เด็กวัดดอน ที่ ดร.นิเวศน์ ส่งให้เมื่อเข้ามาร่วมในไลน์กลุ่มลงทุนเธอก็ ‘ปลื้มสุดๆ’ และคิดว่า ‘ชีวิตดาวเหมือนชีวิต ดร.นิเวศน์’ ถึงตอนนี้คุณดาวก็พร้อมที่จะรับคำแนะนำทุกอย่างจากอาจารย์ และก็คงไม่สงสัยเลยว่าคนที่คุยด้วยเป็นประจำแต่ไม่เคยเจอตัวจริงนั้นเป็นสิบแปดมงกุฎ

 

หลังจากพบกับผมแล้ว คุณดาวก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป พูดเข้าไปในกลุ่มก็เจอคนที่แก้ต่างให้ว่า ดร. จะเปิดเผยตัวตนไม่ได้ ยอมรับไม่ได้ว่าทำการเทรดหุ้นแบบนี้คือ ‘เทรดระดับสถาบัน’ ต้องทำเป็นความลับ พูดง่ายๆ เวลาพูดออกสื่อก็บอกว่าไม่มี ไม่ทำ แต่จริงๆ แล้วทำอย่างลับๆ พวกเราต้องเข้าใจ

 

ผมเองแนะนำว่าให้แจ้งความกับตำรวจจับฐานหลอกลวงเลย แต่นั่นก็จะเป็นภาระที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับตัวคนเดียวที่จะต้องทำเรื่องหาหลักฐานมากมาย เหนือสิ่งอื่นใดก็คือเงินก็คงไม่ได้คืน นอกจากนั้นคุณดาวรู้สึก ‘อายมาก’ ถ้าเปิดเผยเรื่องออกมา นึกถึงพี่น้อง ญาติมิตร เพื่อนและคนรู้จัก คงจะมาสมน้ำหน้า

 

ที่ยังโชคดีอยู่บ้างก็คือส่วนตัวคุณดาวยังเหลือทรัพย์สินประมาณหนึ่งที่น่าจะเลี้ยงตนเองต่อไปได้ และที่จริงก็ยังแข็งแรงพอที่จะกลับไปทำงานได้ถ้าจำเป็น

 

เหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่ได้ฟังจากเพื่อนว่า แม้แต่อาจารย์มหาวิทยาลัยดังของรัฐก็ยังเคยถูกโกงจากการฝากเงินกับสหกรณ์ที่มีชื่อเสียงมากจนแทบหมดตัวหลังจากที่ตนเองเกษียณแล้ว เพราะเชื่อว่าจะต้องหาช่องทางการออมเงินที่ ‘ได้ดอกเบี้ยสูง’ แต่ ‘ไม่เสี่ยง’ โดยการหลงเชื่อคนที่เข้ามาชักชวนให้ลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าที่ควรจะเป็น

 

เช่นเดียวกัน ญาติทางฝ่ายภรรยาผมคนหนึ่งก็เคยถูกหลอกให้เข้าร่วมเว็บหรือ ‘ไลน์ ดร.นิเวศน์’ และสูญเสียเงินไปหลายแสนบาทจนต้องมาขอความช่วยเหลือจากภรรยาผม ผมเองก็ยังงงว่าทำไมตอนที่จะเข้าไปร่วมทำไมไม่ถามก่อนว่าผมมีไลน์แบบนั้นจริงไหมก่อนที่จะเข้าไปลงทุน

 

ปรากฏการณ์การโกงผ่านสื่อดิจิทัลนั้นผมคิดว่ามีเพิ่มขึ้นมหาศาล เรียกว่าแทบจะดิสรัปต์ช่องทางการโกงแบบอื่นได้เลยนั้น เป็นวิธีการโกงที่ได้ผลตอบแทนสูงมาก และผมคิดว่ามีความเสี่ยงที่จะถูกจับและลงโทษต่ำมาก อานิสงส์จากการที่ทางการไม่ตระหนักและตามไม่ทันพัฒนาการนี้ ซึ่งในทาง ‘ยีนศาสตร์’ ที่ผมมักใช้ในการวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ มันบอกว่าคนก็จะโกงมากขึ้น เพราะทำแล้วคุ้ม หรือเรียกว่า Risk/Reward ดีมาก

 

เฉพาะเว็บหรือไลน์ปลอมที่ใช้ชื่อผมนั้น ล่าสุดดูเหมือนว่าจะไม่น้อยกว่าหลายสิบแห่ง บางคนบอกว่ามีเป็นร้อย และแน่นอน ไม่ใช่ผมคนเดียว แต่มีนักลงทุนหรือคนที่อยู่ในแวดวงการลงทุน ซึ่งรวมไปถึงเจ้าของหรือผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนบางคนก็ถูกปลอมเพื่อหลอกให้คนเข้าไปลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นหลักทรัพย์ปลอม หุ้นปลอม แพลตฟอร์มที่ใช้ซื้อขายหลักทรัพย์ปลอม ทุกอย่างปลอมหมด

 

แต่คนที่เข้าไปร่วมเป็นสมาชิกกลับไม่รู้ ส่วนสำคัญก็คือไม่เข้าใจเรื่องของตลาดทุนและตราสารต่างๆ เลย สนใจเพียงว่าจะหาผลตอบแทนที่ดีได้อย่างไร บางคนก็เกิดจากความโลภ แต่จำนวนมากนั้นแค่หวังจะให้มีเงินพอใช้หลังเกษียณ แต่พอเข้าไปสักพักก็อาจจะกลายเป็นความโลภ เพราะถูกหลอกด้วยตัวเลขที่ถูกปั้นแต่งขึ้น

 

ในช่วงแรกที่เริ่มมีการปลอมไลน์หรือเพจนั้นผมเคยไปแจ้งความสถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันว่าผมไม่เกี่ยวและไม่เคยมีไลน์หรือเว็บสาธารณะ ผมเกรงว่าถ้ามีการจับไลน์ปลอมนั้นผมอาจจะต้องเสียเวลาไปให้การเป็นพยานโดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่เฉยๆ นั่นคือเมื่อ 1-2 ปีมาแล้ว ถึงวันนี้เว็บและไลน์ปลอมมีเป็นร้อย ผมเองก็ยังเหมือนเดิมคือไม่มีเว็บและไลน์ของตนเอง ผมเป็นคนโลว์เทคและไม่ใช้เครื่องมือเหล่านั้นเพื่อติดต่อกับใคร และก็ไม่แจ้งตำรวจอีกต่อไปแล้วเพราะเสียเวลา

 

ผมประกาศที่ตรงนี้เลยว่าผมไม่มีเว็บหรือไลน์อะไรทั้งสิ้น ที่เห็นนั้นของปลอมหมด และไม่ต้องไปเชื่อว่าผมต้อง ‘ตีสองหน้า’ ผมลงทุนมาหลายสิบปีและประสบความสำเร็จ มีความมั่งคั่งสูงเกินกว่าที่จะมาทำเงินจากการแนะนำการลงทุนให้คนทั่วไปที่เข้ามาร่วมเป็นกลุ่มเพื่อหวังผลตอบแทนที่ผิดปกติและไม่จริง แน่นอนว่าผมยังให้ความรู้ดังเช่นที่ผมทำมาตลอดหลายสิบปี และเป็นคนหน้าเดิมและหน้าเดียว ไม่มีทางที่ผมจะเปลี่ยนหน้าเป็นอย่างอื่น

 

เขียนมาถึงตรงนี้ผมเองก็หวังว่าถ้ามีการจับเว็บหรือไลน์ปลอมที่ใช้ชื่อผม ทางตำรวจจะไม่มาถามอะไรผมเลย เพราะผมไม่เกี่ยว ผมควรจะอยู่ได้อย่างสงบตามที่ควรจะเป็น และนี่ก็คงเหมือนกับการแจ้งบันทึกลงประจำวัน ‘ผ่านสื่อ’ แทนที่จะต้องไปสถานีตำรวจ ซึ่งน่าจะได้ผลดีกว่าและไม่ทำให้ตำรวจต้องมาเสียเวลา ขณะเดียวกันคนที่อ่านก็จะได้รู้และไม่หลงกลไปกับคนโกงกลุ่มนี้

 

อ้างอิง:

The post เผชิญหน้าเหยื่อ ‘ไลน์ ดร.นิเวศน์’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เลือดกรุ๊ปบี – หมูกรอบ – I told ‘พระแม่ลักษมี’ about you – เลือกตั้ง ครองความนิยมสูงสุดในหมู่คนไทยผ่านบริการต่างๆ บนแอป LINE ในปี 2023 https://thestandard.co/line-thailand-2023/ Mon, 18 Dec 2023 06:26:40 +0000 https://thestandard.co/?p=877919 I told ‘พระแม่ลักษมี’ about you

ปี 2023 มีเรื่องราวและความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ทั้ […]

The post เลือดกรุ๊ปบี – หมูกรอบ – I told ‘พระแม่ลักษมี’ about you – เลือกตั้ง ครองความนิยมสูงสุดในหมู่คนไทยผ่านบริการต่างๆ บนแอป LINE ในปี 2023 appeared first on THE STANDARD.

]]>
I told ‘พระแม่ลักษมี’ about you

ปี 2023 มีเรื่องราวและความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ทั้งในแง่ของกระแสสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และไลฟ์สไตล์ บางอย่างดำเนินต่อเนื่องมาจากปีก่อนหน้า บางอย่างเกิดขึ้นเป็นเทรนด์ใหม่ LINE ประเทศไทยเลยขอสรุป 12 เทรนด์ฮิตชีวิตดิจิทัลประจำปี 2023 มาให้แบบครบจบในที่เดียว พบ ‘เลือดกรุ๊ปบี-หมูกรอบ-พระแม่ลักษมี-เลือกตั้ง’ ครองความนิยมสูงสุดในหมู่คนไทยผ่านบริการต่างๆ บนแอป LINE

 


 

1. คนไทยใกล้ชิดและเข้าถึง AI มากขึ้นกว่าเคย

 

เห็นได้จากกระแสบนโลกโซเชียลในเรื่องของการใช้ AI ช่วยทำงานในชีวิตประจำวัน เช่นเดียวกันกับ LINE ที่เข็นฟีเจอร์บน Profile Studio ใช้ AI ในการสร้างสรรค์รูปภาพโปรไฟล์หลากหลายสไตล์ ทั้ง AI วัยทีน, AI เบบี้, AI พอร์เทรต, AI เซลฟี และ AI คริสต์มาส ออกมาใหม่อย่างไม่ขาดสาย ขณะที่ LINE OpenChat ก็ปล่อยฟีเจอร์ Message Summary ใช้ AI ช่วยสรุปข้อความในห้องโอเพนแชตที่ช่วยให้ตามเรื่องราวในกลุ่มทัน และมีแนวโน้มว่า AI จะมีบทบาทในทุกแง่มุมของการใช้ชีวิตดิจิทัลมากยิ่งขึ้น

 

2. เลือดกรุ๊ปบี-เพลง K-Pop เขย่าวงการเสียงรอสาย-เรียกเข้า

 

เลือดกรุ๊ปบี (B Blood Type) โดย Chrrissa Chotijirasathit, ผู้ถูกเลือกให้ผิดหวัง (ดอกไม้ฤดูหนาว) โดย เรนิษรา, ดาวหางฮัลเลย์ โดย fellow fellow และ วาสนาผู้ใด โดย Park Malody ขึ้นแท่นเพลงฮิตไวรัลตลอดปี 2023 คว้ารางวัล BLACK MELODY ที่สุดแห่งเพลงฮิตรอสาย-เรียกเข้าบน LINE MELODY ทั้งยังเป็นปีที่ค่ายเพลงอินเตอร์พาเหรดขนเพลงให้บริการอย่างต่อเนื่องทั้ง SM True, Universal Music (Thailand), Sony Music Thailand และ YG Plus

 

3. เลือกตั้ง 2566 ตื่นตัวทุกหัวระแหง คนรุ่นใหม่สนใจการเมืองพุ่ง

 

เห็นได้จากช่วงเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา จากสถิติบน LINE TODAY ที่เกาะติดสถานการณ์เลือกตั้งจากพาร์ตเนอร์ผู้ผลิตชั้นนำ พบคนแห่ดูไลฟ์ดีเบตดุเดือด ดันยอดไลฟ์พุ่งสูงถึง 57% สูงขึ้นกว่า 27 เท่าจากช่วงก่อนเลือกตั้ง ขณะที่ยอดเพจวิวจากคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องเพิ่มสูงขึ้นถึง 67% โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 13-14 พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงวันเลือกตั้ง ก็พายอดวิวแตะนิวไฮพุ่งสูงเกิน 100 ล้าน ยังพบว่าจำนวนกลุ่มผู้ใช้ต่ำกว่าอายุ 20 ปีเพิ่มขึ้น 63% บริโภคคอนเทนต์ประเภทดังกล่าวมากขึ้นเฉลี่ย 67% เป็นนัยของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญในเรื่องการเมืองจริงจังมากขึ้น

 

4. สินค้าไอดอล-อาร์ตทอย ทำช้อปปิ้งออนไลน์คึกคัก

 

สินค้าขายดีทำวงการช้อปออนไลน์คึกคักในปีที่ผ่านมา ที่น่าจับตามองเห็นจะเป็นหมวดไลฟ์สไตล์ในกลุ่มสินค้าและร้านค้าจากเหล่าศิลปินคนดังทั้งไทยและเทศ ทั้ง K-Pop, T-Pop และนักแสดงไอดอลคู่จิ้นมากมาย รวมถึงบัตรคอนเสิร์ต ขณะที่ประเภทสินค้าที่ถูกค้นหามาแรงที่สุดตกเป็นของสินค้าในหมวดอาร์ตทอย และร้านค้าสายแฟนด้อมที่มากขึ้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น Crybaby, Rubsarb, Velence, ninetytwo หรือ anwyll

 

5. หมูกรอบ-หม่าล่า ขึ้นแท่นจานโปรดใหม่คนไทย

 

ฟาก LINE MAN ตัวจริงทุกเรื่องกินของคนไทย ก็พบว่าเมนูเดลิเวอรีที่เพิ่มขึ้นสูงสุดตลอดปีที่ผ่านมา ได้แก่ หมูกรอบคั่วพริกเกลือ, หม่าล่า, กะเพราหมูกรอบ, สารพัดเมนูใบเหลียง และกากหมู ขณะที่ส้มตำก็ยังคงรั้งตำแหน่งเมนูที่มียอดสั่งสูงสุดบนแพลตฟอร์มติด 2 ปีซ้อน ทะลุ 18 ล้านจาน สูงกว่าปีที่แล้ว 2.6 เท่า!

 

6. คนเก็บเงินเพื่อลูกมากที่สุด ครองฟินเทคบน LINE

 

LINE BK พบผู้ใช้ออมเงินดอกเบี้ยพิเศษสูงสุดเพื่อ 3 จุดประสงค์ ได้แก่ เก็บเงินเพื่อลูก เก็บเงินเพื่อความมั่งคั่ง และเก็บเงินเพื่อการท่องเที่ยว ขณะที่ด้านบริการให้กู้เงินพบว่า ผู้ใช้กู้ไปเพื่อใช้จ่ายส่วนตัว เป็นวงเงินสำรองยามฉุกเฉิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือกระแสเงินสดสำรองในธุรกิจ ตามลำดับ ขณะที่ Rabbit LINE Pay ก็ฝากบอกว่าได้เปลี่ยนชื่อบริการใหม่เป็น LINE Pay แล้ว ภายใต้การดูแลใหม่ LINE MAN Wongnai และ LINE ประเทศไทย พร้อมเชื่อมบริการเข้ากับระบบนิเวศ LINE ขยายการเชื่อมต่อร้านค้าบนแพลตฟอร์ม Wongnai และบริการอื่นๆ

 

7. I told พระแม่ลักษมี about you กันรัวๆ

 

หนึ่งในเทพที่ได้รับการกล่าวถึงในหมู่คนไทยมากที่สุดในปีนี้เห็นจะเป็นพระแม่ลักษมี เห็นได้จากวันที่ผู้ใช้งานบริการ LINE ดูดวงเข้ามาขอพรออนไลน์มากที่สุดคือวันวาราลักษมี วรัทตัม ซึ่งเป็นวันมงคลในการขอพรพระแม่ลักษมี เทวีแห่งความงดงาม มั่งคั่ง และอุดมสมบูรณ์ ทั้งเรื่องการงาน การเงิน และความรัก ขณะที่บริการเพื่อการบริจาคนั้นพบว่า โครงการที่ได้รับยอดระดมทุนบริจาคมากที่สุดของปีนี้คือโครงการสร้างห้องความดันลบ ARI โรงพยาบาลเด็ก และโครงการช่วยสุนัข-แมวแก่และพิการ

 

8. คนเหงา-นางงาม ด้อมคึกคักไม่ขาดตอน

 

LINE OpenChat ก็ยังคงตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มเพื่อสารพัดแฟนด้อมของคนไทย โดยเฉพาะสายนางงามที่ยังเติบโตไม่แผ่ว เพราะในปี 2023 มีการรวบรวมว่ามีผู้ใช้ในสายนี้รวมกว่า 200,000 คน เข้ามาพูดคุย แลกเปลี่ยนเรื่องราวจากทุกเวทีไม่ขาดตอนกันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ใช่แค่ช่วงประกวดเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกันก็พบว่า ห้องโอเพนแชตประเภทหาเพื่อนพูดคุยสไตล์คนเหงาก็มีการใช้ฟีเจอร์ใหม่อย่าง Live Talk ตั้งห้องพูดคุยด้วยเสียง เฉลี่ยถึง 1,200 ครั้งต่อเดือน 

 

9. ลูกทุ่ง-บ้านเกิด แนวคอนเทนต์ที่ไม่ควรมองข้าม

 

เห็นได้จากการเป็นแนวคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมไม่เคยแผ่วบน LINE VOOM แพลตฟอร์มวิดีโอสั้น โดยเพลงลูกทุ่งเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมเฉลี่ยจากผู้ใช้ทั่วประเทศสูงสุดจากทุกเพศ ทุกวัย 

 

10. หลากอารมณ์กับเรื่องงาน พูดตรงๆ ไม่ได้ก็ส่งสติกเกอร์เอา

 

ด้าน LINE STICKERS ก็ออกมาเผยเทรนด์สติกเกอร์มาแรง พบสติกเกอร์แนวโหมดทำงานฮิตติดใจชาวออฟฟิศ ฟรีแลนซ์ วัยทำงานทุกคน เพราะช่วยสื่อสารข้อความและอารมณ์แทนการพิมพ์ข้อความตรงๆ ได้เป็นอย่างดี หรือจะเป็นสติกเกอร์แนวจิกกัดขำขันที่เปิดโอกาสให้คนเราเลี่ยงที่จะพูดสิ่งนั้นตรงๆ ได้อย่างมีอารมณ์ขัน ยิ่งเมื่อปล่อย LINE STICKERS PREMIUM ระบบสมาชิกให้ใช้สติกเกอร์ไม่อั้นได้แล้วด้วย ก็ยิ่งกระตุ้นให้การพูดด้วยสติกเกอร์สนุกยิ่งขึ้นไปอีก 

 

11. WEBTOON ต่อคิวรอทำเป็นหนัง-ซีรีส์อีกเพียบ

 

ท็อป 5 สำหรับ LINE WEBTOON ยอดนิยมสูงสุด ได้แก่ LOOKISM, ชาตินี้น้องขอเป็นราชินี, ช่วยเปลี่ยนฉันที, การศึกษาที่แท้จริง และการแต่งงานครั้งใหม่ของจักรพรรดินี โดยในปีนี้มี WEBTOON ทั้งหมด 28 เรื่องถูกนำไปสร้างเป็นแอนิเมชัน ภาพยนตร์ ซีรีส์ ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะเรื่อง Doona! ที่ถูกนำไปทำเป็นซีรีส์บน Netflix และแอนิเมชันบน BiliBili ในจีนอีกด้วย

 

12. LINE GAME ยอดนิยมแห่งปี

 

เกม Let’s Get Rich ขึ้นแท่นเกมยอดนิยมแห่งปี และมียอดดาวน์โหลดทั่วโลกมากที่สุด แถมแผนที่โลกถูกเล่นเฉลี่ยต่อวันกว่า 3 แสนครั้ง มากกว่าจำนวนเที่ยวบินทั่วโลกรวมกันโดยเฉลี่ยถึง 3 เท่า!

 

สำหรับ LINE ประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2557 บริหารจัดการธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาดภายในประเทศ เช่นเดียวกับการพัฒนาธุรกิจและบริการใหม่ๆ สำหรับตลาดในเมืองไทย โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งาน (MAU) ในประเทศไทยรวมกว่า 54 ล้านคน (ณ เดือนมิถุนายน 2566)

The post เลือดกรุ๊ปบี – หมูกรอบ – I told ‘พระแม่ลักษมี’ about you – เลือกตั้ง ครองความนิยมสูงสุดในหมู่คนไทยผ่านบริการต่างๆ บนแอป LINE ในปี 2023 appeared first on THE STANDARD.

]]>
LINE Ads เผย ยังคงได้รับความนิยมใช้งานทั้งเพื่อการสร้างแบรนด์และการสร้างยอดขาย คาดท่องเที่ยว-ยานยนต์-ความงามเติบโตสูงสุด https://thestandard.co/line-ads-reveals-it-is-still-popular/ Fri, 08 Sep 2023 01:53:08 +0000 https://thestandard.co/?p=838919 LINE Ads

ผลสำรวจมูลค่างบโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลของประเทศไทยประจำปี […]

The post LINE Ads เผย ยังคงได้รับความนิยมใช้งานทั้งเพื่อการสร้างแบรนด์และการสร้างยอดขาย คาดท่องเที่ยว-ยานยนต์-ความงามเติบโตสูงสุด appeared first on THE STANDARD.

]]>
LINE Ads

ผลสำรวจมูลค่างบโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลของประเทศไทยประจำปี 2566 ของสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) คาดการณ์ว่า LINE จะสามารถโกยเม็ดเงินโฆษณาไปได้กว่า 1,474 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6% ของงบทั้งหมด 28,999 ล้านบาท

 

เหตุผลที่ LINE สามารถคว้าเงินไปได้นับพันล้านบาทมาจากตัวเลขผู้ใช้ 54 ล้านคนในปัจจุบัน โดยเวลาการใช้งานเฉลี่ยต่อคนบน LINE ถึง 90 นาที

 

LINE บอกว่า ในปีที่ผ่านมา LINE Ads ได้ปรับโฉมเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพโฆษณาให้สร้างผลัพธ์ที่ดีขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลงใน 3 ด้านคือ 

 

  1. พัฒนา Machine Learning มุ่งทำให้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลทำงานได้เต็มศักยภาพ ส่งผลให้โฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้นในราคาที่ถูกลง 
  2. พัฒนาฟังก์ชันการเลือกกลุ่มเป้าหมาย Persona Targeting ที่ละเอียดแม่นยำมากขึ้น ขยายการมองเห็นโฆษณาได้มากกว่าเดิม 
  3. พัฒนารูปแบบโฆษณาให้หลากหลายกว่าเดิม ช่วยดึงดูดให้ลูกค้าสนใจและจดจำ พร้อมตำแหน่งโฆษณาที่เข้าถึงลูกค้าได้ทุกช่วงเวลา นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เหนือกว่า

 

LINE อ้างว่า การพัฒนาเหล่านี้สะท้อนสู่ผลลัพธ์เชิงธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ คุ้มค่ายิ่งขึ้น ด้วยต้นทุนที่ถูกลง ไม่ว่าจะเป็น CPM ลดลง 45% ต้นทุนต่อคลิกหรือ CPC ลดลง 40% ต้นทุนต่อการเพิ่มเพื่อนหรือ CPF ลดลง 18% และต้นทุนต่อการดูวิดีโอหรือ CPV ลดลง 57% โดยเปรียบเทียบข้อมูลในช่วงเดียวกันระหว่างปี 2022 กับ 2023

 

โดยหากมองในด้านของการถูกนำไปใช้งาน LINE Ads ยังคงได้รับความนิยมใช้งานทั้งเพื่อการสร้างแบรนด์และการสร้างยอดขาย โดย 3 อันดับวัตถุประสงค์ที่แบรนด์นิยมใช้งานและเติบโตอย่างต่อเนื่องคือ การเข้าชมเว็บไซต์ (Website Visit), การเพิ่มเพื่อน (Gain Friends) และการเข้าถึง (Reach) 

 

ล่าสุดยังมี Smart Channel Custom ที่ปรากฏอยู่บนหน้ารายการแชตที่มาพร้อมกับการแสดงผลโฆษณาที่มีขนาดใหญ่ รองรับทั้งภาพนิ่งและวิดีโอได้ ทำให้มีอัตราการใช้งานเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับวัตถุประสงค์อื่นในปีนี้ถึง 545% จาก 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจอาหารเครื่องดื่ม ธุรกิจเครื่องสำอาง และธุรกิจยานยนต์ ตามลำดับ

 

มีการประเมินว่า กลุ่มธุรกิจที่จะมียอดการลงทุนบน LINE Ads เติบโตสูงสุด 3 อันดับแรกในปี 2566 นี้ ได้แก่ 

 

  • ธุรกิจท่องเที่ยว (Travel) ถือเป็นธุรกิจม้ามืดมาแรง ด้วยยอดคาดการณ์การลงทุนเติบโตสูงขึ้นถึง 455% โดยเป็นผลมาจากพฤติกรรมการท่องเที่ยวและการเดินทางหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ประกอบกับความคุ้นชินของผู้บริโภคในการใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์เข้าถึงบริการท่องเที่ยว เดินทางต่างๆ 
  • ธุรกิจยานยนต์ (Automotive) คาดการณ์การเติบโตสูงขึ้นถึง 122% เชื่อว่าเกิดจากการส่งเสริมการใช้งานรถไฟฟ้า (EV) และการออกรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มาอย่างคึกคัก ทำให้การแข่งขันในตลาดดุเดือด ทุกแบรนด์ต่างต้องการสร้างการรับรู้ให้สินค้าของตนมากที่สุด 
  • ธุรกิจด้านฟิตเนสและสถานเสริมความงาม (Fitness and Medical Service) ที่คาดการณ์การเติบโตสูงขึ้น 113% และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

ส่วนด้านความสนใจของผู้บริโภค โฆษณาบน LINE Ads ที่ดึงดูดผู้บริโภคมากที่สุดคือ กลุ่มสื่อและบันเทิง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ครองความสนใจของผู้บริโภคมาอย่างยาวนานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าปีนี้จะมีผล CTR สูงถึง 0.70% ตามด้วยกลุ่มยานยนต์ 0.60% และกลุ่มช้อปปิ้ง 0.55% ตามลำดับ 

 

อย่างไรก็ตาม การวัดผลการทำโฆษณาบน LINE Ads อาจปรับเปลี่ยนไปตามวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และกลุ่มเป้าหมายของแต่ละแคมเปญที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน

The post LINE Ads เผย ยังคงได้รับความนิยมใช้งานทั้งเพื่อการสร้างแบรนด์และการสร้างยอดขาย คาดท่องเที่ยว-ยานยนต์-ความงามเติบโตสูงสุด appeared first on THE STANDARD.

]]>
เมื่อชีวิตส่วนตัวและการทำงานปนกันจนแยกไม่ออก! LINE เล็งทำ ‘ฟีเจอร์สำหรับทำงาน’ ที่อาจเก็บไฟล์ได้นานขึ้น ไม่หมดอายุอีกต่อไป แต่ต้องจ่ายเพิ่มนะ! https://thestandard.co/line-group-chat-for-works/ Wed, 28 Jun 2023 01:41:23 +0000 https://thestandard.co/?p=808523

เมื่อมองถึงการใช้เทคโนโลยีของคนไทย เพื่อการทำงานและการท […]

The post เมื่อชีวิตส่วนตัวและการทำงานปนกันจนแยกไม่ออก! LINE เล็งทำ ‘ฟีเจอร์สำหรับทำงาน’ ที่อาจเก็บไฟล์ได้นานขึ้น ไม่หมดอายุอีกต่อไป แต่ต้องจ่ายเพิ่มนะ! appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อมองถึงการใช้เทคโนโลยีของคนไทย เพื่อการทำงานและการทำธุรกิจบน LINE คนไทยเป็นชาติที่มีลักษณะเฉพาะในการใช้ LINE โดยใช้งานทั้งกับชีวิตส่วนตัวและการทำงาน สิ่งนี้เกิดขึ้นกับคนไทยทุกเจนที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน คือตั้งแต่อายุ 20 ปี โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มเจน Y โดยมีมากถึง 82% ที่ใช้งาน Group Chat บน LINE เพื่อการทำงาน โดยมีการใช้ LINE Call ควบคู่กันด้วย และมีมากถึง 88% ที่ใช้งาน LINE บนคอมพิวเตอร์

 

เหล่านี้สะท้อนชัดถึงการใช้ LINE เพื่อการทำงาน นอกจากนั้น กลุ่มเจน Y ยังเป็นกลุ่มที่มีช่วงเวลาการใช้งาน LINE นานที่สุดถึงประมาณ 100 นาทีต่อวัน ในส่วนด้านการบริโภคจับจ่าย ยังพบว่าเจน Y เป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายบน LINE มากที่สุด ด้วยยอดผู้ใช้จ่าย ซื้อของผ่าน LINE มากกว่าเจนอื่นๆ ถึง 2 เท่า โดยเฉพาะผู้ใช้งานเพศหญิง ทั้งนี้ โดยระหว่างเวลา 08.00-12.00 น. ในวันจันทร์ถึงศุกร์ จะมีการเข้าใช้งาน LINE OA มากที่สุด

 

นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า ด้วยยอดการใช้งาน LINE ผ่านฟีเจอร์ Group Chat และการใช้งาน LINE บนคอมพิวเตอร์ของคนไทย ที่สะท้อนถึงความนิยมในการทำงานผ่าน LINE นอกเหนือจากการติดต่อทั่วไปในชีวิตประจำวัน นำมาสู่ประเด็นเรื่องการบริหารจัดการชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานผ่านแชตในปัจจุบัน 

 

“LINE ให้ความสำคัญต่อประเด็นดังกล่าว จึงมีแผนการสำรวจและวิจัยเรื่องการใช้งาน Group Chat ในเชิงลึก เพื่อนำมาพัฒนาฟีเจอร์ที่จะช่วยคนไทยให้สามารถใช้ LINE ได้ ทั้งสำหรับชีวิตส่วนตัวและการทำงาน แต่ยังคงความสมดุลและมีคุณภาพชีวิตที่ดี และยังมีแผนการนำเทคโนโลยี AI ทั้งในส่วนที่ LINE พัฒนาเองและจากภายนอก เข้ามาเพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น”

 

คร่าวๆ คือ LINE มีแผนที่จะพัฒนาฟีเจอร์ Group Chat สำหรับการทำงานโดยเฉพาะ เบื้องต้นยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด แต่ผู้บริหารย้ำว่า จะเป็นการพัฒนามาจากเพนพอยต์ เช่น การจัดเก็บไฟล์ที่อาจจะนานขึ้น จากปัจจุบันที่อยู่ได้ราว 7 วัน

 

แต่การเก็บไฟล์อาจแลกมากับค่าใช้จ่าย เนื่องจากทาง LINE มีค่าใช้จ่ายด้านเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งแพ็กเกจจะแบ่งออกเป็นองค์กร SMEs และบุคคล โดยทิศทางที่ชัดเจนจะเกิดขึ้นหลังการทำวิจัย โดยฟีเจอร์บางส่วนเร็วสุดอาจเห็นได้ภายในสิ้นปีนี้ หรือ ต้นปีหน้า

 

ไม่เพียงด้านธุรกิจเท่านั้น ในด้านไลฟ์สไตล์ก็ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้เช่นกัน โดย LINE OpenChat มียอดการใช้งานสูงสุดถึง 10 ชั่วโมงต่อวัน ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้งานประจำ 17 ล้านคนต่อเดือน ในปีนี้ LINE OpenChat มีแผนพัฒนาฟีเจอร์ LIVE Talk เปิดการพูดคุยแบบเรียลไทม์ เพื่อเป็นการเปิดประสบการณ์แบบใหม่ แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวแบบไม่เปิดเผย พร้อมมีแผนพัฒนาเปิดพื้นที่สำหรับอินฟลูเอ็นเซอร์บนโลกของ LINE อีกด้วย

 

ในขณะที่บริการอื่นๆ LINE มีแผนที่จะพัฒนาและขยายธุรกิจเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น 

 

LINE TODAY ที่จะมีการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรที่หลากหลายมากขึ้น จากแหล่งรวมข่าวสาร สาระมากมาย สู่ธุรกิจแห่งความหลากหลายของคอนเทนต์ 

 

LINE STICKERS ที่จะขยายขอบเขตธุรกิจ Licensing เพื่อผลักดันศักยภาพอุตสาหกรรมคาแรกเตอร์ในไทย 

 

LINE MELODY ที่จะมุ่งขยายธุรกิจจากการทำธุรกิจเพลง สู่การเป็นผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดนตรีโดยรวม โดยจะมีการจัดคอนเสิร์ตหรืออีเวนต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพร้อมเปิดโอกาสให้ศิลปินทั้งค่ายใหญ่ ค่ายเล็ก หรือศิลปินอิสระ เข้ามาเป็นพันธมิตรในการสร้างรายได้และการเติบโต 

 

LINE HORO ที่จะขยายธุรกิจจากบริการดูดวง ขอพร ทำบุญออนไลน์ สู่การบริจาคยุคใหม่ Donation on LINE ที่สะดวกและเชื่อถือได้ โดยล่าสุดได้พิสูจน์ความสำเร็จจากโครงการบริจาคโลงศพ และโครงการระดมทุนรับบริจาคช่วยเหลือสังคม ที่ร่วมมือกับเทใจ ด้วยยอดเงินบริจาคมากกว่า 2 ล้านบาท ภายในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

The post เมื่อชีวิตส่วนตัวและการทำงานปนกันจนแยกไม่ออก! LINE เล็งทำ ‘ฟีเจอร์สำหรับทำงาน’ ที่อาจเก็บไฟล์ได้นานขึ้น ไม่หมดอายุอีกต่อไป แต่ต้องจ่ายเพิ่มนะ! appeared first on THE STANDARD.

]]>
จากภาพถ่ายสู่วิดีโอ สำรวจการเปลี่ยนแปลง LINE Timeline สู่ LINE VOOM ที่จากนี้ไปต้องสร้างการรับรู้ให้มากขึ้น https://thestandard.co/line-timeline-to-line-voom/ Thu, 15 Jun 2023 02:20:55 +0000 https://thestandard.co/?p=803650 line voom

LINE Timeline เป็นส่วนสำคัญของ LINE นับตั้งแต่เริ่มก่อต […]

The post จากภาพถ่ายสู่วิดีโอ สำรวจการเปลี่ยนแปลง LINE Timeline สู่ LINE VOOM ที่จากนี้ไปต้องสร้างการรับรู้ให้มากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
line voom

LINE Timeline เป็นส่วนสำคัญของ LINE นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง โดยหลักแล้วจะใช้สำหรับการแบ่งปันรูปภาพ

 

หากเทรนด์ต่างๆ และพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ความชื่นชอบเนื้อหาวิดีโอที่เพิ่มมากขึ้นก็ชัดเจนขึ้น นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเป็น LINE VOOM ซึ่งคำว่า VOOM มาจาก Video และ Boom 

 

การเปลี่ยนแปลงจาก LINE Timeline เป็น LINE VOOM เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2021 วัตถุประสงค์หลักที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงนี้คือการพัฒนาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ผสานสาระและความบันเทิงเข้าด้วยกัน

 

การที่เน้นสาระและบันเทิง เพราะ LINE VOOM รู้ว่าสงครามวิดีโอสั้นแข่งกันแรงมาก และ LINE ไม่ได้มีอาวุธที่จะเข้าไปต่อกร ดังนั้นจึงพยายามเรียนรู้และปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งในจังหวะนั้นเองจึงยังไม่ได้มีแคมเปญสื่อสารให้กับลูกค้ารับรู้

 

ทว่าในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ แพลตฟอร์มต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ นั่นคือการขาดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพกับผู้ใช้ ผู้ชมไม่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้ LINE VOOM ต้องเอาชนะความท้าทายนี้ด้วยการเตรียมที่จะสร้างการรับรู้ผ่านแคมเปญ เพื่อทำให้รู้ว่า LINE VOOM แตกต่างจากโซเชียลมีเดียอื่นๆ อย่างไร 

 

แม้จะขาดการสื่อสารเบื้องต้น แต่ LINE VOOM ก็สามารถเจาะรูปแบบพฤติกรรมเฉพาะของผู้ใช้ได้ ซึ่งในขณะที่ผู้ใช้ดูเนื้อหา พวกเขามีโอกาสน้อยที่จะโต้ตอบในรูปแบบของความคิดเห็นหรือไลก์ 

 

แต่หากพวกเขาพบสินค้าหรือบริการที่น่าสนใจ พวกเขามักจะเลือกซื้อโดยตรง พฤติกรรมนี้นำไปสู่แหล่งรายได้สำหรับ LINE VOOM เนื่องจากแบรนด์ต่างๆ มองเห็นศักยภาพในรูปแบบนี้ และตัดสินใจโฆษณาหรือขายผลิตภัณฑ์ของตนผ่านแพลตฟอร์ม

 

ฟิลลิป คิม หัวหน้าฝ่าย LINE VOOM ย้ำว่าเป้าหมายหลักของ LINE VOOM ไม่ใช่การสร้างรายได้ ในทางกลับกันทีมงานมุ่งเน้นไปที่การสร้างแพลตฟอร์มที่ตอบสนองฐานผู้ใช้ และดึงดูดผู้ใช้ได้มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ต้องการสร้างพื้นที่ที่ผู้ใช้สามารถสร้างและแชร์ทั้งภาพนิ่งและเนื้อหาวิดีโอสั้นๆ ที่ให้ข้อมูล ความบันเทิง และแชร์ได้ง่าย

 

ด้วยจำนวนผู้ใช้ทั้งหมด 35 ล้านคนในปัจจุบัน LINE VOOM จึงเป็นบริการที่มีผู้ใช้มากเป็นอันดับ 2 บนแพลตฟอร์ม LINE ซึ่งมีผู้ใช้ทั้งหมด 53 ล้านคน

 

ยิ่งไปกว่านั้น ฐานผู้ใช้ LINE VOOM ไม่ได้กระจุกตัวในเขตเมืองแต่ค่อนข้างหลากหลาย ผู้ใช้มากกว่า 57% อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยมีการผสมผสานระหว่างช่วงอายุ ไลฟ์สไตล์ วัฒนธรรม และพื้นที่ที่อยู่อาศัย 

 

ผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ในกลุ่มอายุ 30-39 ปี และผู้สูงอายุที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่น่าสนใจคือกลุ่มผู้สูงอายุมีอัตราการรับชมเนื้อหาเพิ่มขึ้น 7% โดยมีระยะเวลารับชมเฉลี่ย 40-50 นาทีต่อวัน 

 

LINE VOOM ยังมียอดการรับชมคอนเทนต์ต่อเดือนสูงถึง 3.9 พันล้านวิว และมียอดการสร้างคอนเทนต์เฉลี่ยต่อวันสูงถึง 5 แสนคอนเทนต์ โดยคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงใน LINE VOOM ได้แก่ การรีวิวสินค้า อินฟลูเอ็นเซอร์สูงวัย ไลฟ์สไตล์ สาระบันเทิง และข่าวสาร ซึ่งข้อมูลทั้งหมดสะท้อนถึงความโดดเด่นและแตกต่างของ LINE VOOM จากโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่มักมีผู้ใช้งานเป็นคนรุ่นใหม่ อายุน้อย มีไลฟ์สไตล์แบบสังคมเมือง 

 

LINE VOOM กลายเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของผู้ใช้งานคนไทยทุกคน ให้สามารถใช้งานได้อย่างง่ายบนแพลตฟอร์มที่คุ้นเคย ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมเพื่อใช้งาน เป็นพื้นที่ศักยภาพของแบรนด์หรือธุรกิจที่อยากเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ทั้ง อายุ ไลฟ์สไตล์ และวัฒนธรรม 

 

ความหลากหลายนี้หาไม่ได้บนแพลตฟอร์มยอดนิยมอื่น และเป็นพื้นที่ให้ครีเอเตอร์ได้แสดงตัวตนที่แท้จริง ไม่ต้องแต่งเติมไปตามกระแสใดๆ ของแพลตฟอร์ม และมีโอกาสในการเข้าถึงผู้ชมที่เป็นผู้ใช้งาน LINE กว่า 53 ล้านคน

The post จากภาพถ่ายสู่วิดีโอ สำรวจการเปลี่ยนแปลง LINE Timeline สู่ LINE VOOM ที่จากนี้ไปต้องสร้างการรับรู้ให้มากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘LINE ประเทศไทย’ แต่งตั้ง 3 ผู้บริหารระดับสูง เสริมแกร่งดันธุรกิจบนระบบนิเวศของ LINE รอบด้าน https://thestandard.co/line-thailand-appoints-3-senior-executives/ Wed, 07 Jun 2023 05:34:45 +0000 https://thestandard.co/?p=800221 LINE

‘LINE ประเทศไทย’ ซึ่งในปี 2565 มีผู้ใช้งาน (MAU) ในประเ […]

The post ‘LINE ประเทศไทย’ แต่งตั้ง 3 ผู้บริหารระดับสูง เสริมแกร่งดันธุรกิจบนระบบนิเวศของ LINE รอบด้าน appeared first on THE STANDARD.

]]>
LINE

‘LINE ประเทศไทย’ ซึ่งในปี 2565 มีผู้ใช้งาน (MAU) ในประเทศไทยรวมกว่า 53 ล้านคน ประกาศแต่งตั้ง 3 ผู้บริหารระดับสูง เสริมแกร่งดันธุรกิจบนระบบนิเวศของ LINE รอบด้าน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารธุรกิจท่ามกลางการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัลในเมืองไทย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566

 

การแต่งตั้งนี้ประกอบไปด้วย

 

วีระ เกษตรสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมและหัวหน้าฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ ขึ้นเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ (Chief Product Officer) ดูแลและบริหารงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการบนแอปพลิเคชัน LINE ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยมุ่งยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งด้านการสื่อสาร ไลฟ์สไตล์ และโซลูชันธุรกิจ ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี

 

ณิชารัศมิ์ อาชญาสิทธิวัตร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร ขึ้นเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (Chief Marketing Officer) ดูแลและบริหารงานด้านกลยุทธ์และแผนงานด้านแบรนด์ การตลาด และการสื่อสารการตลาด รวมถึงการสื่อสารองค์กร มุ่งสร้างสรรค์ไอเดียเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงกับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นำไปสู่การพัฒนาต่อยอดธุรกิจในอนาคต ด้วยประสบการณ์ด้านแบรนด์และการตลาดจากองค์กรและแบรนด์ชั้นนำมากว่า 25 ปี

 

รัฐธีร์ ฉัตรดำรงค์ศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจโฆษณา ขึ้นเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ (Chief Commercial Officer) ดูแลและบริหารงานด้านธุรกิจพาณิชย์ ครอบคลุมทั้งแพลตฟอร์ม, LINE for Business โซลูชันสำหรับธุรกิจทุกขนาด, LINE Consumer Business และนวัตกรรมเชิงพาณิชย์อื่นๆ ด้วยประสบการณ์ด้านการพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจโฆษณามากว่า 10 ปีจากหลายองค์กรชั้นนำ

 

ทั้งนี้ นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร ในฐานะรองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) ยังคงดูแลและบริหารการปฏิบัติการด้านธุรกิจของกลุ่มธุรกิจพาณิชย์ กลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ และนวัตกรรมการบริการต่างๆ เช่นเดิม  

The post ‘LINE ประเทศไทย’ แต่งตั้ง 3 ผู้บริหารระดับสูง เสริมแกร่งดันธุรกิจบนระบบนิเวศของ LINE รอบด้าน appeared first on THE STANDARD.

]]>
จากขายเป็นชุด สู่การขายเป็นตัวและ Subscription เปิดแนวทางใหม่ของ LINE ในการขายสติกเกอร์ https://thestandard.co/line-stickers-subscription/ Mon, 15 May 2023 01:04:37 +0000 https://thestandard.co/?p=790398 LINE Creators Market

ในยุคดิจิทัล การสื่อสารได้ก้าวข้ามขอบเขตเดิมๆ โดยการพัฒ […]

The post จากขายเป็นชุด สู่การขายเป็นตัวและ Subscription เปิดแนวทางใหม่ของ LINE ในการขายสติกเกอร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
LINE Creators Market

ในยุคดิจิทัล การสื่อสารได้ก้าวข้ามขอบเขตเดิมๆ โดยการพัฒนาที่สำคัญประการหนึ่งคือ การเกิดขึ้นของ ‘สติกเกอร์’ กราฟิกที่สร้างสรรค์ สนุกสนาน และบางครั้งก็แปลกประหลาด 

 

การเข้ามาของสติกเกอร์อยู่เหนือขอบเขตทางภูมิศาสตร์และความแตกต่างทางวัฒนธรรม สติกเกอร์กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแสดงตัวตน สื่ออารมณ์ และอำนวยความสะดวกในการสื่อสารด้วยวิธีที่เบาสมองและสนุกสนาน

 

ทุกวันนี้สติกเกอร์กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก โดยมีผู้ใช้หลายล้านคนรวมสติกเกอร์เหล่านี้ไว้ในการสนทนาประจำวัน

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

สติกเกอร์ไม่เพียงทำให้การแชตของเราสมบูรณ์ยิ่งขึ้น แต่ยังให้กำเนิด ‘เศรษฐกิจของครีเอเตอร์’ (Creators Economy) ขึ้นมา พื้นที่อันพลุกพล่านไปด้วยเหล่านักสร้างสรรค์ เป็นพื้นที่ที่เหล่าศิลปินได้แลกเปลี่ยนไอเดียอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาให้เป็นสติกเกอร์ที่สวยงาม

 

พื้นที่แห่งนั้นคือ LINE Creators Market ซึ่งเปิดเมื่อเดือนเมษายน 2014 และกลายเป็นแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนความหลงใหลในการสร้างสรรค์ ให้กลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับหลายๆ คน และเป็นบทพิสูจน์ที่ยอดเยี่ยมถึงพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์

 

จากข้อมูลของ LINE พบว่า มีครีเอเตอร์ชั้นนำมากกว่า 200 คนที่ทำรายได้ทั่วโลกรวมมากกว่า 1 แสนล้านเยนใน 7 ปีที่ Creators Market เปิดขึ้นมา 

 

ทุกอย่างมีวัฏจักรการขึ้นและลง เช่นเดียวกับ LINE stickers ซึ่งเราพบว่า “ก่อนหน้านี้การใช้งานค่อนข้างนิ่ง จนเมื่อมีการระบาดของโควิดการใช้งานก็เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่คนพบและเจอกันได้น้อยลง การแสดงอารมณ์ผ่านทางสติกเกอร์มากขึ้น” อิสรี ดำรงพิทักษ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ Consumer Business, LINE ประเทศไทย กล่าว

 

 

ขยายความให้ชัดเจนมากขึ้นคือ ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติเหล่านี้ สติกเกอร์มีความสำคัญมากขึ้น เพราะกลายเป็นช่องทางสร้างสรรค์ที่ช่วยให้ผู้คนแสดงอารมณ์ที่ซับซ้อน ตั้งแต่ความวิตกกังวลในการใช้ชีวิตบนโลกที่มีการระบาดใหญ่ ไปจนถึงความสุขในการแบ่งปันเรื่องตลก เพื่อทำให้อารมณ์แจ่มใส

 

การใช้งานที่มากขึ้นและสถานการณ์ที่บีบให้ผู้คนบางส่วนไม่สามารถทำอาชีพเดิมของตัวเองได้ หลายคนจึงหันมาเป็นครีเอเตอร์สติกเกอร์ จนทำให้จำนวนพุ่งขึ้นจาก 5 แสนราย เป็น 1 ล้านราย ในจำนวนนี้ 10-20% คือกลุ่มที่สามารถสร้างรายได้ประจำจากการทำ LINE stickers

 

กระนั้นแม้ว่าปริมาณการใช้ LINE Messenger จะเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้ แต่การเติบโตของการใช้สติกเกอร์กลับเติบโตตามไม่ทัน ถึงคนไทยจะมีจำนวนสติกเกอร์เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 120 ชุดต่อคนก็ตาม ช่องว่างนี้นำเสนอทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับ LINE ในการต่อยอดธุรกิจสติกเกอร์ต่อไป

 

สิ่งที่น่าสนใจคือ วัยรุ่นที่รู้จักกันในนามของดิจิทัลเนทีฟกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงบนโลกดิจิทัล จำนวนแอปพลิเคชันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย กำลังเปลี่ยนรูปแบบการใช้อินเทอร์เน็ตของพวกเขา ภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ทำให้ LINE ต้องปรับตัวและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อรักษาความดึงดูดใจในหมู่ฐานผู้ใช้ที่สำคัญเหล่านี้

 

จากการสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้งาน LINE สติกเกอร์ยังคงอยู่ในระดับสูงมากที่ 86% และมีกว่า 90% ของผู้ใช้งานที่แจ้งว่า มีประสบการณ์การใช้งานที่สามารถปรับปรุงเพิ่มขึ้นได้ ความคิดเห็นนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงศักยภาพของสติกเกอร์ในการแสดงความรู้สึก และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปลดล็อกศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้นี้อย่างเต็มที่

 

“เรายังคงเชื่อใน Value ของสติกเกอร์ในการแทนความรู้สึก ซึ่งเรามองว่าเรายังสามารถดึงพลังของสติกเกอร์ที่แท้จริงออกมาได้ไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งนั่นแปลว่า เราต้องทำงานให้หนักขึ้น เพื่อผลักดันศักยภาพของสติกเกอร์ออกมา” 

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อตระหนักถึงความท้าทายเหล่านี้ LINE จึงมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ใหม่ที่มุ่งปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ในหลายด้าน

 

LINE Creators Market

 

ข้อสังเกตหนึ่งที่เราเห็นได้ก่อนหน้านี้คือ การลดราคาค่อนข้างบ่อย เรื่องนี้อิสรียอมรับว่า กลยุทธ์ดังกล่าวมีขึ้นเพื่อสร้างแรงดึงดูดให้ผู้คนซื้อสติกเกอร์ แต่ต่อไป LINE จะเน้นสร้างคุณภาพของสติกเกอร์ให้มากขึ้น เพราะผู้บริโภคดูละเอียดมากขึ้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสติกเกอร์สัก 1 ชุด

 

ขณะเดียวกันปัญหาทั่วไปอย่างหนึ่งที่ผู้ใช้รายงานคือ ความยากลำบากในการค้นหาสติกเกอร์ที่เหมาะสม ทำให้ LINE stickers กำลังมองการพัฒนาฟีเจอร์ให้หลากหลายมากขึ้น เช่น

 

– การขายสติกเกอร์แยกเป็นรายตัว (จากที่ปกติขายเป็นเซ็ต)

 

– การแนะนำสติกเกอร์ในห้องแชตแบบอัตโนมัติให้เหมาะสมกับบทสนทนามากขึ้น

 

– ในไต้หวันและญี่ปุ่นมีบริการ LINE stickers แบบรายเดือนแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงการศึกษาตลาดและปรับปรุงระบบ เพื่อให้บริการในประเทศไทยต่อไป

 

“เราคาดว่าบริการ Subscription จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี หลักการคือจะให้ลูกค้าเลือกสติกเกอร์ได้ทีละ 5 ตัว ซึ่งท้ายที่สุดเราเชื่อว่าจะสามารถนำไปสู่การซื้อในอนาคต” อิสรีกล่าว “ในช่วงแรก บริการ Subscription อาจทำให้ภาพรวมตกลงไป แต่ที่สุดแล้วเราเชื่อว่ายอดขายจะกลับมาเติบโตได้”

 

สำหรับ LINE stickers กุญแจสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ความสามารถในการสร้างสรรค์ ปรับเปลี่ยน และยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว โลกของสติกเกอร์ ความเป็นไปได้นั้นไร้ขีดจำกัดพอๆ กับจินตนาการของเรา

 

The post จากขายเป็นชุด สู่การขายเป็นตัวและ Subscription เปิดแนวทางใหม่ของ LINE ในการขายสติกเกอร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ออกหนังสือเตือน LINE ให้ยุติการนำข่าวไปเผยแพร่ในแพลตฟอร์มอื่น ชี้เอาเปรียบ-ไม่เป็นธรรม-ละเมิดลิขสิทธิ์ https://thestandard.co/sonp-issue-warning-letter-line/ Wed, 01 Feb 2023 03:28:39 +0000 https://thestandard.co/?p=744530 สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์

วานนี้ (31 มกราคม) สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ออกแถลงการณ์เ […]

The post สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ออกหนังสือเตือน LINE ให้ยุติการนำข่าวไปเผยแพร่ในแพลตฟอร์มอื่น ชี้เอาเปรียบ-ไม่เป็นธรรม-ละเมิดลิขสิทธิ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์

วานนี้ (31 มกราคม) สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ออกแถลงการณ์เรื่อง การเผยแพร่ข่าวบนแพลตฟอร์มที่นอกเหนือ LINE TODAY โดยมีรายละเอียดระบุว่า ตามที่บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน LINE ได้ทำสัญญาต่างตอบแทนกับสำนักข่าวที่เป็นสมาชิกของสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์หลายแห่ง ในการนำข่าวที่ผลิตโดยสำนักข่าวไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม LINE ในส่วน LINE TODAY และเว็บไซต์ LINE TODAY โดยมีการแบ่งรายได้จากการโฆษณาระหว่างกันนั้น

 

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของสำนักข่าวที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ พบว่า LINE ได้นำข่าวของสำนักข่าวผู้ผลิตไปเผยแพร่ในแพลตฟอร์มอื่น เช่น Google หรือ Google News ทั้งๆ ที่มีการระบุในสัญญาไว้เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจนว่า อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ในแพลตฟอร์ม LINE TODAY ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของ LINE เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ LINE นำข่าวไปลงในแพลตฟอร์มอื่น จึงนับเป็นการกระทำที่ ‘ผิดสัญญา และละเมิดลิขสิทธิ์อย่างร้ายแรง’

 

ด้วยเหตุนี้ สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์จึงจะดำเนินการยื่นหนังสือเตือนไปยัง บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน LINE ให้ยุติการกระทำดังกล่าวโดยทันที เพราะถือเป็นการดำเนินธุรกิจที่ตั้งใจเอาเปรียบ ไม่เป็นธรรม และจงใจละเมิดลิขสิทธิ์

 

ทั้งนี้ หาก LINE ยังไม่ยุติการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด พร้อมกับยื่นเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ตรวจสอบการใช้อำนาจเหนือตลาดของ LINE ในกรณีอื่นๆ และดำเนินการฟ้องร้องในกรณีการผิดสัญญาต่อไป

 

อ้างอิง: 

The post สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ออกหนังสือเตือน LINE ให้ยุติการนำข่าวไปเผยแพร่ในแพลตฟอร์มอื่น ชี้เอาเปรียบ-ไม่เป็นธรรม-ละเมิดลิขสิทธิ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>