Lightnet Group – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 02 Oct 2024 11:37:53 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Lightnet ชูประสบการณ์จากสองประเทศ สู้ศึก Virtual Bank ในไทย เชื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยและลด NPL ในระบบ https://thestandard.co/lightnet-welab-virtual-bank-thailand/ Wed, 02 Oct 2024 11:37:53 +0000 https://thestandard.co/?p=990909

หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปิดรับการยื่นขอใบอนุญ […]

The post Lightnet ชูประสบการณ์จากสองประเทศ สู้ศึก Virtual Bank ในไทย เชื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยและลด NPL ในระบบ appeared first on THE STANDARD.

]]>

หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปิดรับการยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธุรกิจ Virtual Bank เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ก่อนที่จะประกาศผลผู้ได้รับคัดเลือกในช่วงกลางปี 2568 และจะเริ่มดำเนินการจริงได้ในช่วงกลางปี 2569

 

ปรากฏว่ามีผู้ยื่นขอใบอนุญาตเพื่อจัดตั้ง Virtual Bank ทั้งหมด 5 กลุ่ม ได้แก่

 

  1. กลุ่ม SCBX จับมือกับ KakaoBank และ WeBank
  2. กลุ่ม GULF ร่วมกับ AIS, ธนาคารกรุงไทย และ OR
  3. กลุ่ม BTS ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ, Sea Group, เครือสหพัฒน์ และไปรษณีย์ไทย
  4. กลุ่ม Ascend Money (TrueMoney) และ Ant Group
  5. กลุ่ม Lightnet Group ร่วมกับ WeLab

 

ก่อนที่เราจะทราบผลว่าใครบ้างที่จะได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง Virtual Bank ระหว่างนี้เชื่อว่าเราจะเห็นผู้เล่นแต่ละรายทยอยเปิดเผยข้อมูลและแนวทางในการจัดตั้ง Virtual Bank ของตัวเอง พร้อมกับกลยุทธ์ที่จะชิงฐานลูกค้าในไทย

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

สำหรับ Lightnet Group บริษัทฟินเทคของไทยที่มีฐานลูกค้ากระจายอยู่ทั่วโลก ร่วมทุนกับ WeLab ที่มีประสบการณ์การทำ Virtual Bank ทั้งในฮ่องกงและอินโดนีเซีย ประกาศว่าหากได้รับใบอนุญาตก็พร้อมจะจัดตั้ง Virtual Bank ในไทยให้สำเร็จภายใน 12 เดือน

 

เปิดกลยุทธ์ Lightnet-WeLab สู้ศึก Virtual Bank ไทย

 

หากเทียบกับอีก 4 กลุ่มทุนที่ร่วมยื่นชิงใบอนุญาต Virtual Bank ในครั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า Lightnet Group และ WeLab อาจเป็นกลุ่มที่คนไทยโดยส่วนใหญ่คุ้นชินน้อยที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม หิรัญกฤษฎิ์ อรุณานนท์ชัย ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Lightnet Group และ ไซมอน หลุง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WeLab ต่างเชื่อว่าประสบการณ์ เทคโนโลยี รวมทั้งฐานข้อมูลที่บริษัทมีนั้น ไม่ได้เป็นรองกลุ่มทุนอื่นๆ

 

หิรัญกฤษฎิ์กล่าวว่า เรามีใบอนุญาตด้านการเงินกว่า 20 ใบทั่วโลก และสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าคนไทยกว่า 46 ล้านรายจาก Ecosystem ที่ครอบคลุมในหลายธุรกิจ จากการที่ Lightnet เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำธุรกรรมของหลายอุตสาหกรรม เช่น การเกษตร, ขนส่งมวลชน, การเงิน

 

รวมทั้งสามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าผ่านจุดให้บริการกว่า 1.5 แสนแห่งทั่วประเทศ

 

“สิ่งสำคัญคือการนำ Best Practice จากการทำ Virtual Bank ในฮ่องกงและอินโดนีเซียมาปรับใช้กับไทย Virtual Bank ไม่ใช่แค่แอปพลิเคชันของธนาคาร แต่เป็นแบงก์ที่เชื่อมต่อกับชีวิตประจำวันของทุกคน เราจะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์การเงินที่เข้ากับแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ”

 

สิ่งที่ Lightnet และ WeLab มุ่งทำ 3 ด้าน คือ

 

  1. สร้างการเข้าถึงและเข้าใจผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
  2. เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้แต่ละคนสามารถต่อยอดรายได้ของตัวเอง
  3. ช่วยให้ทุกคนไปถึงอิสรภาพทางการเงินด้วยผลิตภัณฑ์บริหารความมั่งคั่งรูปแบบใหม่

 

Virtual Bank ต่างจากแบงก์ดั้งเดิมอย่างไร

 

ไซมอนกล่าวว่า Virtual Bank จะนำเทคโนโลยีในการวิเคราะห์ข้อมูล รวมทั้งเทคโนโลยี AI เข้ามาผสมผสาน เพื่อให้เรากลายเป็นผู้ช่วยแนะนำด้านการเงินส่วนบุคคลของทุกๆ คน

 

“สำหรับแบงก์ดั้งเดิมเราจะต้องรู้ว่าจะทำธุรกรรมอะไรก่อนจะเข้าไปใช้งาน แต่ Virtual Bank จะให้คำแนะนำที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการกู้, การออม, การบริหารความมั่งคั่ง”

 

อย่างเรื่องการปล่อยกู้ Virtual Bank สามารถพิจารณาข้อมูลจากหลายส่วน เช่น โซเชียล, การทำธุรกรรม, พฤติกรรม หรือการวิเคราะห์เครดิตในหลายมิติ และประมวลผลข้อมูลเหล่านี้ประกอบกัน เพื่อพิจารณาปล่อยสินเชื่อภายในเวลา 2 นาที

 

ต่างจากธนาคารดั้งเดิมที่จะวิเคราะห์การปล่อยสินเชื่อจากข้อมูลเครดิต, มูลค่าทรัพย์สิน และธุรกรรมภายใน เป็นหลัก และอาจใช้เวลาพิจารณาถึง 3 วัน

 

สิ่งที่เกิดขึ้นคือในอดีตที่ผ่านมาคนที่เข้าถึงสินเชื่อได้จะเป็นกลุ่มที่มีสลิปเงินเดือนเป็นหลัก ทำให้ยังมีประชากรในไทย 63% ที่เข้าถึงบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้อย่างไม่เต็มที่

 

ไซมอนยกตัวอย่างการใช้ข้อมูลอื่นๆ มาประกอบการตัดสินใจ เช่น ในฮ่องกงใช้ข้อมูลช่วงเวลาในการกดขอสินเชื่อของแต่ละคนมาประกอบ ซึ่งพบว่าคนที่กดคำขอสินเชื่อช่วง 01.00-06.00 น. มักจะมีสินเชื่อไม่ดีมากกว่าช่วงเวลาอื่น

 

Virtual Bank ช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและ NPL ในระบบ

 

ไซมอนกล่าวต่อว่า จากข้อมูลของ Virtual Bank ในฮ่องกง ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา WeLab มีหนี้เสียลดลงจาก 0.59% มาเป็น 0.50% ต่ำกว่าหนี้เสียของอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ที่หนี้เสียเพิ่มขึ้นจาก 1.92% มาเป็น 2.89%

 

การบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดีและใช้ข้อมูลหลากหลายด้านมาประกอบการวิเคราะห์ ช่วยจำกัดความเสี่ยงของ Virtual Bank ได้ดี ซึ่งในอินโดนีเซียก็เป็นลักษณะเดียวกัน โดยเราเชื่อมั่นว่าธุรกิจในไทยจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

 

อีกหนึ่งความท้าทายสำคัญของธุรกิจการเงินในปัจจุบันคือปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ในส่วนนี้หิรัญกฤษฎิ์มองว่า Virtual Bank จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ได้

 

“เรารู้อาการของเศรษฐกิจไทยและครัวเรือน แต่อาจต้องมีวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมมากขึ้น หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากการที่รายได้เพิ่มไม่ทันหนี้ เพราะฉะนั้นเราต้องพยายามช่วยสร้างรายได้ให้ครัวเรือนให้โตเร็วกว่าหนี้”

 

Virtual Bank จะช่วยให้เราสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางอย่างเพื่อเป็นเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ช่วยเพิ่มรายได้ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพราะที่ผ่านมาคนบางกลุ่มอาจเข้าไม่ถึงสินเชื่อ เพราะถูกประเมินจากทรัพย์สินแทนที่จะเป็นแนวโน้มรายได้ในอนาคต

 

และที่สำคัญคือการเพิ่มความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ให้กับคนไทยมากขึ้น เพราะจากสถิติที่ผ่านมาพบว่า 57% ของประชากรไทยมีความรู้การเงินต่ำกว่ามาตรฐาน

The post Lightnet ชูประสบการณ์จากสองประเทศ สู้ศึก Virtual Bank ในไทย เชื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยและลด NPL ในระบบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดชื่อ ‘5 กลุ่มทุน’ ชิงใบอนุญาต Virtual Bank ดึงทุนต่างชาติแชร์ประสบการณ์จากต่างประเทศ https://thestandard.co/5-capital-groups-compete-for-virtual-bank-license/ Sun, 22 Sep 2024 02:20:51 +0000 https://thestandard.co/?p=986513

เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา เป็นวันสุดท้ายที่ธนาคาร […]

The post เปิดชื่อ ‘5 กลุ่มทุน’ ชิงใบอนุญาต Virtual Bank ดึงทุนต่างชาติแชร์ประสบการณ์จากต่างประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา เป็นวันสุดท้ายที่ธนาคารแห่งประเทศไทย​ (ธปท.) เปิดให้บริษัทต่างๆ ยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธุรกิจ Virtual Bank ก่อนที่จะประกาศผลผู้ได้รับคัดเลือกในช่วงกลางปี 2568 และจะเริ่มดำเนินการจริงได้ในช่วงกลางปี 2569 

 

หนึ่งในวัตถุประสงค์ของการเปิดให้มี Virtual Bank ขึ้นมาในประเทศไทย เพราะต้องการช่วยให้คนที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อมีโอกาสเข้าถึงมากขึ้น รวมทั้งการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ Virtual Bank กับธนาคารดั้งเดิม (ไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์หรือออนไลน์) เป็นกลุ่มที่แตกต่างกัน

 

Virtual Bank คืออะไร

 

บทความที่ชื่อว่า Virtual Banking ก้าวต่อไปของระบบการเงินไทย โดย ธปท. นิยาม Virtual Bank ไว้ว่า เป็นธนาคารพาณิชย์ที่ดำเนินธุรกิจบนช่องทางดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยมีลักษณะสำคัญ คือ 

 

  1. ไม่มีจุดให้บริการที่มีสถานที่ตั้งทางกายภาพ เช่น สาขาและตู้ ATM แต่ยังมีสำนักงานใหญ่ได้
  2. ให้บริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลตลอดกระบวนการของการให้บริการ ทั้งการทำความรู้จักลูกค้า (KYC), รับฝากเงิน และบริการอื่นๆ เช่น ให้สินเชื่อ โอน และชำระเงิน ฯลฯ 

 

นอกจากนี้ระบบคอมพิวเตอร์หลักที่ใช้บริหารจัดการงานธนาคาร (Core Banking System) ของ Virtual Bank จะแตกต่างไปจากธนาคารพาณิชย์รูปแบบเดิมผ่านเทคโนโลยีใหม่ที่ยืดหยุ่นสูง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อและใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ได้โดยง่าย ส่งผลให้ Virtual Bank มีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำกว่าธนาคารดั้งเดิม

 

คนไทยจะได้อะไรจาก Virtual Bank 

 

เพื่อให้ Virtual Bank เข้ามาเติมเต็มระบบการเงินของไทยมากขึ้น ธปท. คาดหวังให้ Virtual Bank เข้ามาพัฒนานวัตกรรมในภาคการเงินควบคู่ไปกับการดูแลความเสี่ยงที่อยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม (Responsible Innovation) โดยได้กำหนดเป้าหมายของ ‘สิ่งที่อยากเห็น’ (Green Line) และ ‘สิ่งที่ไม่อยากเห็น’ (Red Line) จากการเปิดให้มี Virtual Bank ไว้อย่างชัดเจน

 

สิ่งที่ ธปท. อยากเห็น (Green Line) ได้แก่

 

  • บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ หรือเพิ่มประสิทธิภาพของบริการทางการเงินที่มีอยู่เดิมผ่านช่องทางดิจิทัล
  • มีบริการทางการเงินที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะรายย่อยและ SMEs กลุ่ม Unserved / Underserved
  • สร้างประสบการณ์การใช้บริการทางการเงินดิจิทัลที่ดีแก่ลูกค้า
  • ส่งเสริมและกระตุ้นการแข่งขันในระบบสถาบันการเงินอย่างเหมาะสม

 

สิ่งที่ ธปท. ไม่อยากเห็น (Red Line) ได้แก่

 

  • แนวทางประกอบธุรกิจที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน หรือเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อผู้ฝากเงิน / ผู้ใช้บริการ ในวงกว้าง
  • การประกอบธุรกิจในรูปแบบที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อฐานะหรือความมั่นคง
  • การประกอบธุรกิจในรูปแบบที่ทำให้เกิดการแข่งขันในระบบการเงินอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงิน 
  • การเอื้อประโยชน์แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและใช้อำนาจตลาดอย่างไม่เหมาะสม

 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์และบริการจาก Virtual Bank ต่างประเทศ

 

จากบทความเดียวกันนี้ได้ยกตัวอย่างบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ Virtual Bank ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในไทยได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น

 

  • ผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำ 26 สัปดาห์ (เกาหลีใต้) เน้นกลุ่มวัยรุ่นและวัยเริ่มทำงาน โดยจูงใจด้วยดอกเบี้ยสูงและกำหนดเงินฝากขั้นต่ำน้อย 
  • บริการ Smart Saving (ฮ่องกง) บริหารจัดการความต้องการของลูกค้า เช่น กำหนดเป้าหมายการออมเงินและแยกเงินออมตามเป้าหมายออกจากเงินในชีวิตประจำวัน 
  • ผลิตภัณฑ์สินเชื่อสำหรับ SMEs และลูกค้ารายย่อย (จีนและฮ่องกง) ใช้ Big Data ในการประเมินรายได้และวิเคราะห์ความเสี่ยงลูกหนี้แทนการใช้หลักฐานแสดงรายได้ ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการดำเนินการสินเชื่อและชำระคืนก่อนกำหนด รวมทั้งอนุมัติในเวลารวดเร็ว
  • บริการโอนเงิน (ฮ่องกง) ให้ลูกค้าเขย่าโทรศัพท์หลังชำระเงิน เพื่อรับ Cash Reward หรือสะสมแต้มเป็นส่วนลดร้านค้าและร้านอาหาร 
  • บริการชำระเงิน (อังกฤษ) มีเครื่องมือที่เก็บรวบรวมข้อมูลรายได้และรายจ่ายประเภทต่างๆ รวมทั้งกำหนดเพดานรายจ่ายและตั้งเวลาชำระเงินอัตโนมัติ

 

เปิดชื่อ 5 กลุ่มยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank 

 

แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า คาดว่าปัจจุบันจะมีผู้ยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จำนวน 5 กลุ่ม ดังนี้

 

  1. กลุ่ม SCBX จับมือกับ KakaoBank และ WeBank
  2. GULF ร่วมกับ AIS, ธนาคารกรุงไทย และ OR
  3. กลุ่ม BTS ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ, Sea Group, เครือสหพัฒน์ และไปรษณีย์ไทย
  4. กลุ่มทรู Ascend Money (TrueMoney) – Ant Group
  5. กลุ่ม ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ร่วมกับ Lightnet Group ร่วมกับ WeLab 

 

กลุ่ม JMART ไม่ยื่นใบอนุญาต Virtual Bank 

 

แหล่งข่าวยืนยันต่อว่า กลุ่มของ JMART ไม่ได้ยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขณะที่มีรายงานข่าวออกมาว่า กลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ซึ่งมีการรายงานข่าวออกมาว่า ได้ส่งบริษัทลูกคือ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ และ Sea Group ซึ่งทุกรายเป็นกลุ่มที่ถือว่ามีความพร้อมทางการเงิน ได้ร่วมยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank จาก ธปท.

 

อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน JMART มีสถานะเป็นบริษัทลูกของกลุ่ม BTS กลุ่ม JMART จึงสามารถนำระบบนิเวศ (Ecosystem) ปัจจุบันที่มีเข้าไปช่วยสนับสนุนกลไกการให้บริการ Virtual Bank ได้

 

“ภาพก่อนหน้าเหมือนว่ากลุ่ม JMART จะ Lead ในการขอใบอนุญาต Virtual Bank แต่ตอนนี้ไม่ได้ Lead แต่เป็นส่วนหนึ่งของ BTS ในฐานะบริษัทลูกมากกว่า ส่วนจะเป็นอย่างไรคงต้องหารือและอธิบายถึงรายละเอียดในการให้บริการกับแบงก์ชาติต่อไปในช่วง 9 เดือนนี้ ซึ่งถ้าส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับ JMART ก็จะเข้าไปช่วยในส่วนของงานที่เกี่ยวข้อง”

 

สำหรับจุดเด่นของ Ecosystem ที่ JMART จะเข้าช่วยกลุ่ม BTS ในการทำ Virtual Bank จะมี 3 ส่วนหลักจากลูกค้าของบริษัทในกลุ่ม JMART เพราะมีกลุ่มลูกค้าจำนวนมากที่เป็นกลุ่ม Underserved ที่ ธปท. มีนโยบายเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการนำ Virtual Bank เพื่อช่วยให้เข้าถึงบริการทางการเงิน ดังนี้ 

 

  1. กลุ่มลูกค้าในเครือของ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ที่เป็นกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดทั้งหมดที่มีราว 6 แสนคน อีกทั้งเป็นกลุ่ม Underserved ที่ไม่มีบัตรเครดิตทั้งหมดหรือเข้าไม่ถึงแหล่งเงินกู้สถาบันการเงิน
  2. กลุ่มลูกค้า บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ปัจจุบันมีลูกค้าจำนวนรวมราว 5 ล้านคนที่มาจากการซื้อหนี้เสีย (NPL) จากสถาบันการเงินรวม 5 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 10% หรือราว 5 แสนคนที่ประนอมหนี้กำลังจะมีประวัติทางการเงินกลับมาดี
  3. กลุ่มลูกค้า ‘สุกี้ตี๋น้อย’ เป็นแบรนด์ร้านอาหารภายใต้บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) ที่เป็นกลุ่มไม่มีบัตรเครดิตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีประมาณ 15 ล้านคนต่อปี 

 

ขณะที่คาดว่าจากสัดส่วนภาพรวมของจำนวนประชากรของประเทศไทยทั้งหมดน่าจะมีสัดส่วนราว 70% ที่เป็นกลุ่ม Underserved เข้าไม่ถึงแหล่งเงินกู้ระบบสถาบันการเงิน และมีสัดส่วนเพียง 30% ที่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน

 

ทั้งนี้ ประเมินว่าธุรกิจที่เหมาะสมกับการจะเข้ามาทำธุรกิจ Virtual Bank ควรจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการขายสินค้าหรือบริการซึ่งมีลูกค้าอยู่แล้ว หรือเป็นในรูปแบบ ‘บริการทางการเงินแบบฝังตัว’ หรือ Embedded Finance 

 

“ยกตัวอย่างการ Embedded Finance เช่น กรณีลูกค้าร้านสุกี้ตี๋น้อย สามารถเชิญให้ลูกค้ามาโหลดแอป ให้โปรโมชันต่างๆ ซึ่งเราก็จะสามารถ Bundle โปรดักต์ทางการเงินไปเข้าไปในแอปได้เลยในอนาคต แต่ถ้าแบงก์ปกติทั่วไปต้องการมาทำ Virtual Bank ก็ควรจะเป็นแบงก์ที่มีแผนจะขายสินค้าแบบ Bundle ในอนาคต”

 

ทั้งนี้ THE STANDARD WEALTH สอบถามข้อมูลแหล่งข่าวระดับสูงจาก BTS โดยปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank เนื่องจากมีการเซ็นสัญญารักษาความลับ (Non-disclosure Agreement: NDA) ไว้

 

OR ลั่น มีจุดแข็ง พร้อมร่วมพาร์ตเนอร์ลุย Virtual Bank

 

ด้าน ดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขอใบอนุญาต Virtual Bank นั้น บริษัทได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทยและ AIS ในการดำเนินธุรกิจ Virtual Bank โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 20%

 

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้มองว่า OR มีจุดแข็งด้านแพลตฟอร์มของบริษัทที่มีร้านค้าในสถานีบริการจำนวนมาก และมีฐานลูกค้า Blue Card กว่า 8 ล้านคน ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งด้านผู้จำหน่าย ขณะที่ AIS ก็มีจุดเด่นเรื่องเทคโนโลยี รวมถึงธนาคารกรุงไทยที่มีจุดแข็งด้านระบบหลังบ้านและการควบคุมความเสี่ยงเรื่องการปล่อยสินเชื่อ

 

ส่วน เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า มีความเห็นว่าหากผู้ผ่านคุณสมบัติครบในการยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank ก็ควรได้รับใบอนุญาตทุกคน โดยไม่ควรกำหนดจำนวนผู้ที่จะได้ใบอนุญาตเป็นเงื่อนไขหลัก

 

 

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

The post เปิดชื่อ ‘5 กลุ่มทุน’ ชิงใบอนุญาต Virtual Bank ดึงทุนต่างชาติแชร์ประสบการณ์จากต่างประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ชัชวาลย์ เจียรวนนท์’ ส่งบริษัท Lightnet จับมือ WeLab ยื่นขอใบอนุญาตตั้ง Virtual Bank คาดรู้ผลกลางปี 2568 https://thestandard.co/lightnet-with-welab-to-apply-for-a-license-to-set-up-a-virtual-bank/ Thu, 19 Sep 2024 10:00:47 +0000 https://thestandard.co/?p=985496

Lightnet Group บริษัทฟินเทคของไทย ซึ่งมี ‘ชัชวาลย์ เจีย […]

The post ‘ชัชวาลย์ เจียรวนนท์’ ส่งบริษัท Lightnet จับมือ WeLab ยื่นขอใบอนุญาตตั้ง Virtual Bank คาดรู้ผลกลางปี 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>

Lightnet Group บริษัทฟินเทคของไทย ซึ่งมี ‘ชัชวาลย์ เจียรวนนท์’ ผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นใหญ่ ประกาศจับมือกับ WeLab ยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งคาดว่าจะรับทราบผลการพิจารณาภายในช่วงกลางปี 2568

 

โดยกลุ่มบริษัท Lightnet และ WeLab มีประสบการณ์การบริหาร Virtual Bank ในฮ่องกงและอินโดนีเซีย รองรับลูกค้ากว่า 65 ล้านราย ทางกลุ่มบริษัทฯ เข้าใจถึงความต้องการของผู้ใช้บริการและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดของหน่วยงานกำกับดูแล โดยปัจจุบันมีใบอนุญาตการให้บริการทางการเงินกว่า 20 ใบ ทั้งในเอเชียและยุโรป 

 

สำหรับ Lighthub Asset ในกลุ่ม Lightnet Group เป็นฟินเทคชั้นนำของไทย ก่อตั้งโดย ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ร่วมกับ Lightnet Group ประกอบด้วยฐานลูกค้าในประเทศไทยกว่า 46 ล้านราย ครอบคลุมหลายภาคส่วน ตั้งแต่กลุ่มเกษตรกรรม อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ซ พร้อมทั้งช่องทางให้บริการกว่า 150,000 จุดทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้า

 

โดย ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ เป็นนักธุรกิจชั้นนำของประเทศไทย และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง อิออน ธนสินทรัพย์ และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส อีกทั้งเป็นเจ้าของนิตยสาร Fortune Magazine

 

ชัชวาลย์ เจียรวนนท์

ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Lightnet Group

 

Lightnet Group บริษัทฟินเทคของไทยที่ได้รับใบอนุญาตการให้บริการทางการเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารกลางต่างๆ ในเอเชียและยุโรป โดย Lightnet Group ได้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูกค้าหลากหลาย ผ่านธุรกรรมทางการเงินมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในแต่ละปี 

 

ด้าน WeLab คือ Virtual Bank ชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก ให้บริการลูกค้ากว่า 65 ล้านราย อนุมัติสินเชื่อดิจิทัลมาแล้วกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเสนอบริการทางการเงินดิจิทัล ได้แก่ สินเชื่อผ่านระบบ Credit Scoring ล้ำสมัย โซลูชันเทคโนโลยีสำหรับองค์กร ไปจนถึงดิจิทัลแบงกิ้ง ครอบคลุมทุกด้าน

 

ทั้งนี้ Lighthub และ WeLab มีนโยบายจะส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงินให้ครอบคลุมในทุกกลุ่ม นำเสนอบริการ Virtual Bank สำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Unserved และ Underserved ซึ่งทางกลุ่มบริษัทฯ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับผู้ประกอบอาชีพอิสระ (Freelance) และกลุ่มเจ้าของกิจการ MSME ที่มักจะมีรายได้ที่ไม่แน่นอนและโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินจำกัด

 

ด้าน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะที่ปรึกษาของกลุ่มบริษัทฯ กล่าวว่า ธปท. มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ การเปิดให้มีผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ระบบการเงินจะส่งเสริมให้เกิดการแข่งขัน และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่ง Virtual Bank ของกลุ่มบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ในทิศทางเดียวกับทาง ธปท. ที่จะนำแนวทางและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงิน และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับการเงินของประเทศไทย

 

ขณะที่ หิรัญกฤษฎิ์ (ตฤบดี) อรุณานนท์ชัย กรรมการบริหาร Lighthub Asset และผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Lightnet Group กล่าวว่า นโยบายของ ธปท. ที่จะนำประเทศไทยก้าวสู่ยุค Virtual Bank ซึ่งนับเป็นหมุดหมายที่สำคัญของอุตสาหกรรมการเงินของประเทศ กลุ่มพันธมิตรของบริษัทที่ต้องการนำเสนอ ‘Smart & Open Virtual Bank’ ที่จะนำความเชี่ยวชาญในระดับโลกของเราในด้าน AI, Data Analytic, Digital Platform และนวัตกรรม Credit Scoring มาใช้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสมกับกลุ่ม Unserved และ Underserved ซึ่งจะก่อให้เกิดการเข้าถึงทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเงินและ AI ของภูมิภาคเอเชีย

The post ‘ชัชวาลย์ เจียรวนนท์’ ส่งบริษัท Lightnet จับมือ WeLab ยื่นขอใบอนุญาตตั้ง Virtual Bank คาดรู้ผลกลางปี 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>