Li Qiang – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 06 Nov 2025 09:34:27 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เปิดกลยุทธ์บุกตลาดจีน ‘ศุภจี’ ปรับรับแผนพัฒนา 5 ปี ของหลี่ เฉียง สั่งทูตพาณิชย์จีน 9 แห่ง รุกตลาดอาหาร เกม ดิจิทัล https://thestandard.co/suphajee-targets-china-li-qiang/ Thu, 06 Nov 2025 09:34:27 +0000 https://thestandard.co/?p=1140397 เปิดกลยุทธ์บุกตลาดจีน ‘ศุภจี’ ปรับรับแผนพัฒนา 5 ปี ของ **หลี่ เฉียง** สั่งทูตพาณิชย์จีน 9 แห่ง รุกตลาดอาหาร เกม ดิจิทัล

ศุภจี มอบนโยบายด่วน ทูตพาณิชย์ในจีน 9 แห่ง ลุยยุทธศาสตร […]

The post เปิดกลยุทธ์บุกตลาดจีน ‘ศุภจี’ ปรับรับแผนพัฒนา 5 ปี ของหลี่ เฉียง สั่งทูตพาณิชย์จีน 9 แห่ง รุกตลาดอาหาร เกม ดิจิทัล appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดกลยุทธ์บุกตลาดจีน ‘ศุภจี’ ปรับรับแผนพัฒนา 5 ปี ของ **หลี่ เฉียง** สั่งทูตพาณิชย์จีน 9 แห่ง รุกตลาดอาหาร เกม ดิจิทัล

ศุภจี มอบนโยบายด่วน ทูตพาณิชย์ในจีน 9 แห่ง ลุยยุทธศาสตร์ “เชิงรุก” ขยายตลาดรายมณฑล หลังมูลค่าการค้าไทย-จีน 9 เดือนแรกปี 68 โตสูงถึง 28.08%

 

วันนี้ (6 พฤศจิกายน) ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้อำนวยการสำนักงานในประเทศจีนของกระทรวงพาณิชย์ทั้ง 9 แห่ง ได้แก่ สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงปักกิ่ง และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) 8 แห่ง ได้แก่ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว ชิงต่าว เซี่ยเหมิน เฉิงตู คุนหมิง และหนานหนิง ณ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานในจีน ทุกแห่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เชิงรุก เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง

 

9 เดือน มูลค่าการค้าไทย-จีน แตะแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 

โดยจีนยังคงเป็นตลาดอันดับหนึ่งของไทย โดยมีมูลค่าการค้าไทย-จีนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-กันยายน) สูงถึง 108,639.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.08% โดยเป็นมูลค่าการส่งออกของไทย 30,667.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.13% ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของสินค้าไทยในตลาดจีนที่ยังเติบโตได้อีกมาก

 

“วันนี้โลกการค้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคจีนให้ความสำคัญกับนวัตกรรม คุณภาพ และความยั่งยืน ไม่ใช่ราคาถูกอีกต่อไป ทูตพาณิชย์ของเราจึงต้องเข้าใจและวิเคราะห์ให้ได้ว่า แต่ละมณฑลของจีนมีโอกาสและความท้าทายอย่างไร เพื่อกำหนดกลยุทธ์เจาะตลาดที่ตรงจุด” ศุภจี กล่าว

 

ผู้อำนวยการสำนักงานในประเทศจีนของกระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอโอกาสและความท้าทายในจีนของแต่ละภูมิภาค และนำเสนอโอกาสและสินค้าเป้าหมายของไทยในจีน 5 กลุ่ม ได้แก่

 

1.กลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร

2.กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง

3.กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม

4.กลุ่มสินค้ารักษ์โลกและความยั่งยืน

5.กลุ่มสินค้านวัตกรรมและดิจิทัลคอนเทนต์

 

ทั้งนี้ ศุภจีได้ให้แนวนโยบายในการหา partner ในจีน และเน้นขายสินค้าให้สอดคล้องตามเงื่อนไข/ความต้องการของตลาด (requirement) เพื่อให้สินค้าไทยไปได้เร็ว ไปได้ใหญ่ กว่าเดิม

 

“การทำงานต่อจากนี้จะไม่หยุดแค่การเจรจาจับคู่ธุรกิจหรือหาผู้กระจายสินค้า แต่ต้องก้าวไปอีกขั้น คือการสร้างพันธมิตรลงทุนร่วมกัน (Joint Venture) ระหว่างเอกชนไทยและจีน เพื่อร่วมพัฒนาและผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคของจีน”

 

ปรับกลยุทธ์ค้าไทยรับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน

 

ศุภจี ระบุอีกว่า ได้หารือกับผู้อำนวยการสำนักงานในจีนของกระทรวงพาณิชย์ถึงแนวทางปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน ภายใต้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 ที่ หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ประกาศในพิธีเปิดงานแสดงสินค้า China International Import Expo 2025 (CIIE 2025) โดยรัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว นวัตกรรม เทคโนโลยี และการเพิ่มรายได้ของชนชั้นกลาง

 

“เราจะถอดรหัสแผนพัฒนา 5 ปีของจีนเพื่อดูว่า ไทยสามารถตอบโจทย์ได้ตรงจุดไหน เช่น สินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสัตว์ อาหารสุขภาพ เกม และสินค้าดิจิทัล เพราะจีนกำลังต้องการขยายกลุ่มประชากรที่มีรายได้ปานกลางจาก 400 ล้านคน เป็น 800 ล้านคน นั่นหมายถึงตลาดขนาดมหาศาลที่ไทยต้องเข้าให้ถึง” ศุภจี กล่าว

 

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะบูรณาการทำงานร่วมกันภายในกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายนอกกระทรวง เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสูงจับคู่กับพันธมิตรจีนที่มีความพร้อมในการลงทุนและทำตลาดร่วมกัน เพื่อให้ “สินค้าไทยครองใจผู้บริโภคจีน” อย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยได้จัดงาน Harmony in Business เชื่อมสัมพันธ์ผู้ประกอบการไทย-จีน ที่เซี่ยงไฮ้ ช่วงงาน CIIE 2025 สานต่อ 50 ปีมิตรภาพไทย-จีน สร้างเครือข่าย เพิ่มโอกาสขยายตลาดสินค้าไทยในจีน

 

“ปี 2568 เป็นปีพิเศษที่ไทยและจีนก้าวสู่การครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ความสัมพันธ์ที่ยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษนี้ ไม่เพียงหล่อหลอมด้วยสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและมิตรภาพอันแน่นแฟ้น แต่ยังถูกเสริมสร้างด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่แน่นหนา ซึ่งสะท้อนอยู่ในแนวคิด ‘Harmony in Business’ หรือ ‘ความปรองดองในธุรกิจ’ ที่เป็นหัวใจของงานในปีนี้” ศุภจี กล่าว

The post เปิดกลยุทธ์บุกตลาดจีน ‘ศุภจี’ ปรับรับแผนพัฒนา 5 ปี ของหลี่ เฉียง สั่งทูตพาณิชย์จีน 9 แห่ง รุกตลาดอาหาร เกม ดิจิทัล appeared first on THE STANDARD.

]]>
จีนเปิดเกมรุก! นายกฯ หลี่ เฉียง เสนอตั้งองค์กร AI โลก สร้างกติการ่วมกัน ท่ามกลางศึกชิงความเป็นใหญ่กับสหรัฐฯ https://thestandard.co/china-proposes-global-ai-organization/ Thu, 31 Jul 2025 08:59:49 +0000 https://thestandard.co/?p=1102177 นายกฯ จีน หลี่ เฉียง กล่าวเปิดประชุม WAIC เสนอจัดตั้งองค์กร AI ระดับโลก

หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้เสนอให้มีการจัดตั้งองค์กร […]

The post จีนเปิดเกมรุก! นายกฯ หลี่ เฉียง เสนอตั้งองค์กร AI โลก สร้างกติการ่วมกัน ท่ามกลางศึกชิงความเป็นใหญ่กับสหรัฐฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ จีน หลี่ เฉียง กล่าวเปิดประชุม WAIC เสนอจัดตั้งองค์กร AI ระดับโลก

หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้เสนอให้มีการจัดตั้งองค์กรเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในระดับโลก พร้อมเรียกร้องให้นานาชาติร่วมมือกันในการพัฒนากำกับดูแลเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการเปิดเกมรุกครั้งสำคัญของจีนบนเวทีโลก

 

คำประกาศนี้มีขึ้นในพิธีเปิดการประชุม World Artificial Intelligence Conference (WAIC) ประจำปีที่นครเซี่ยงไฮ้เมื่อวันเสาร์ (26 ก.ค.) ที่ผ่านมา โดยหลี่ เฉียง ได้กล่าวว่า AI คือเครื่องยนต์ใหม่สำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่การกำกับดูแลในปัจจุบันยังคงกระจัดกระจายจึงจำเป็นต้องมีความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อสร้างกรอบ ‘กติกาที่เป็นที่ยอมรับ’ ในระดับโลก

 

การประชุม WAIC ในปีนี้จัดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันทางเทคโนโลยีที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่ง AI ได้กลายเป็น ‘สมรภูมิสำคัญ’ โดยก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็เพิ่งประกาศแผนปฏิบัติการ AI ของสหรัฐฯ เช่นกัน

 

จอร์จ เฉิน จาก The Asia Group วิเคราะห์ว่า “ตอนนี้สองขั้วอำนาจกำลังก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจน” เขามองว่า “จีนต้องการยึดมั่นใน ‘แนวทางพหุภาคี’ ในขณะที่สหรัฐฯ ต้องการสร้างกลุ่มพันธมิตรของตนเอง โดยมีเป้าหมายเพื่อสกัดการผงาดขึ้นมาของจีนในด้าน AI”

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

ในสุนทรพจน์ หลี่ เฉียง ไม่ได้เอ่ยชื่อสหรัฐฯ โดยตรง แต่ได้เตือนว่า AI อาจกลายเป็น ‘เกมที่ผูกขาดโดยไม่กี่ประเทศ’ และชี้ให้เห็นถึงความท้าทายต่างๆ เช่น การขาดแคลนชิป AI และข้อจำกัดในการแลกเปลี่ยนบุคลากรที่มีความสามารถ

 

เขาย้ำว่า จีนต้องการแบ่งปันประสบการณ์การพัฒนาและผลิตภัณฑ์ของตนกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในซีกโลกใต้ (Global South) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน AI plus ของจีนที่ต้องการผนวกเทคโนโลยีนี้เข้ากับทุกภาคอุตสาหกรรม

 

การประชุม WAIC ในปีนี้มีบริษัทเข้าร่วมมากกว่า 800 แห่ง จัดแสดงนวัตกรรมมากกว่า 3,000 รายการ โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทจีน เช่น Huawei และ Alibaba แต่ก็มีบริษัทตะวันตกเข้าร่วมด้วยเช่นกัน อาทิ Tesla, Alphabet และ Amazon 

 

ที่น่าสังเกตคือ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla ซึ่งเคยปรากฏตัวในพิธีเปิดเป็นประจำในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทั้งด้วยตนเองและผ่านวิดีโอ กลับไม่ได้ขึ้นกล่าวใดๆ ในปีนี้

 

ภาพ: Dilok Klaisataporn / Shutterstock

อ้างอิง:

The post จีนเปิดเกมรุก! นายกฯ หลี่ เฉียง เสนอตั้งองค์กร AI โลก สร้างกติการ่วมกัน ท่ามกลางศึกชิงความเป็นใหญ่กับสหรัฐฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ จีนชี้ BRICS ควรเป็นกองหน้า หนุนนำการปฏิรูปธรรมาภิบาลโลก https://thestandard.co/brics-global-governance-reform-china-lead/ Mon, 07 Jul 2025 10:54:07 +0000 https://thestandard.co/?p=1093901 หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมสุดยอด BRICS ณ บราซิล

หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เข้าร่วมการประชุมเต็มคณะ หัวข […]

The post นายกฯ จีนชี้ BRICS ควรเป็นกองหน้า หนุนนำการปฏิรูปธรรมาภิบาลโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมสุดยอด BRICS ณ บราซิล

หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เข้าร่วมการประชุมเต็มคณะ หัวข้อ ‘สันติภาพ ความมั่นคง และการปฏิรูปธรรมาภิบาลโลก’ ของการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศ BRICS ครั้งที่ 17 ณ เมืองรีโอเดจาเนโรของบราซิล กล่าวว่ากลุ่ม BRICS ควรพยายามก้าวขึ้นเป็นกองหน้าในการเดินหน้านำการปฏิรูปธรรมาภิบาลโลก พร้อมคุ้มครองสันติภาพและสันติสุขของโลก รวมถึงส่งเสริมการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ

 

หลี่กล่าวว่า ปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบศตวรรษอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น กฎและระเบียบระหว่างประเทศกำลังถูกท้าทายอย่างรุนแรง อำนาจและประสิทธิผลของกลุ่มสถาบันพหุภาคีเสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่อง ขณะวิสัยทัศน์ด้านธรรมาภิบาลโลกที่เสนอโดย สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ซึ่งมีคุณลักษณะเด่นที่การปรึกษาหารือวงกว้าง การมีส่วนร่วม และผลประโยชน์ร่วม ได้สะท้อนคุณค่าร่วมสมัยและนัยสำคัญอันเป็นรูปธรรมเพิ่มขึ้น

 

ในช่วงเวลาที่เผชิญกับความขัดแย้งและความแตกต่างที่เพิ่มขึ้น การยกระดับการปรึกษาหารือวงกว้างบนหลักความเท่าเทียมและความเคารพซึ่งกันและกันคือสิ่งจำเป็น ในช่วงเวลาที่เผชิญกับผลประโยชน์ร่วมที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง การแสวงหาการมีส่วนร่วมผ่านความสามัคคีคือสิ่งจำเป็น และในช่วงเวลาที่เผชิญกับโอกาสการพัฒนาที่เป็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน การมีใจเปิดกว้างเพื่อแสวงหาความสำเร็จและผลประโยชน์ร่วมกันคือสิ่งจำเป็น

 

กลุ่ม BRICS ในฐานะกำลังสำคัญของโลกใต้ (Global South) ควรยึดมั่นความเป็นอิสระและการพึ่งพาตนเอง แสดงความรับผิดชอบ และมีบทบาทเพิ่มขึ้นในการสร้างฉันทามติและการทำงานร่วมกัน โดยหลี่เรียกร้องให้กลุ่ม BRICS ยึดมั่นศีลธรรมและความยุติธรรม ตลอดจนเสาะหาแนวทางแก้ไขปัญหาขั้นพื้นฐานตามความสมควรของแต่ละปัญหาเป็นหลัก

 

กลุ่ม BRICS ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาและสนับสนุนตัวขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงควรเป็นกองหน้าของความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากศักยภาพการเติบโตของภาคส่วนเกิดใหม่อย่างแข็งขัน

 

ปี 2025 จีนจะจัดตั้งศูนย์วิจัยจีน- BRICS ด้านกำลังการผลิตใหม่ที่มีคุณภาพ และจัดสรรทุนการศึกษาสำหรับกลุ่ม BRICS เพื่อเกื้อหนุนการบ่มเพาะผู้มีความรู้ความสามารถในภาคส่วนต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมและการสื่อสารโทรคมนาคม

 

กลุ่ม BRICS ควรส่งเสริมความครอบคลุมและเดินหน้าการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันระหว่างอารยธรรม โดยหลี่เรียกร้องกลุ่มประเทศบริกส์ทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนการดำรงอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของนานาอารยธรรม มุ่งรับรองว่าอารยธรรมที่หลากหลายจะเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกันผ่านการเสริมกำลังซึ่งกันและกัน

 

ทั้งนี้ จีนพร้อมจะร่วมมือกับ กลุ่ม BRICS เพื่อส่งเสริมธรรมาภิบาลโลกในทิศทางที่ยุติธรรม เท่าเทียม มีประสิทธิภาพ และเป็นระเบียบยิ่งขึ้น พร้อมทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าเดิม

 

คณะผู้นำประเทศที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ระบุว่า กลไกความร่วมมือกลุ่ม BRICS มีความแข็งแกร่ง ความเป็นตัวแทน และอิทธิพลระดับนานาชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มประเทศ BRICS ถือเป็นเวทีสำคัญของกลุ่มประเทศโลกใต้ในการปกป้องสิทธิการพัฒนา รักษาความยุติธรรมและความเป็นธรรมระหว่างประเทศ และมีส่วนร่วมในการปฏิรูประบบธรรมาภิบาลโลก

 

ในช่วงเวลาที่โลกแปรปรวนเพิ่มขึ้นตามเอกภาพนิยมหรือการกระทำฝ่ายเดียวและการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น กลุ่มประเทศ  BRICS ควรยกระดับความสามัคคีและการประสานงาน รักษาเป้าประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ ยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักพหุภาคี และมีส่วนส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน ปรับปรุงธรรมาภิบาลโลก ตลอดจนสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองที่ยั่งยืนในโลก โดยการประชุมครั้งนี้มีมติรับรองแถลงการณ์รีโอเดจาเนโร ประจำการประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 อีกด้วย

 

ภาพ: สำนักข่าวซินหัว

อ้างอิง: 

  • สำนักข่าวซินหัว

The post นายกฯ จีนชี้ BRICS ควรเป็นกองหน้า หนุนนำการปฏิรูปธรรมาภิบาลโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
“โลกกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่มีใครเติบโตได้โดยลำพัง” หลี่เฉียง ย้ำ จีนเปิดกว้างหนุนเวที G20-BRICS เชื่อม Belt and Road https://thestandard.co/china-global-role/ Fri, 27 Jun 2025 07:47:32 +0000 https://thestandard.co/?p=1089971 china-global-role

นายกรัฐมนตรีหลี่เฉียงกล่าวในงาน World Economic Forum An […]

The post “โลกกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่มีใครเติบโตได้โดยลำพัง” หลี่เฉียง ย้ำ จีนเปิดกว้างหนุนเวที G20-BRICS เชื่อม Belt and Road appeared first on THE STANDARD.

]]>
china-global-role

นายกรัฐมนตรีหลี่เฉียงกล่าวในงาน World Economic Forum Annual Meeting of the New Champions 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายนนี้ ณ เมืองเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยย้ำว่าจีนจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลก ซึ่งสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในวันนี้โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ คล้ายกับวิกฤตการเงินปี 2008

 

โดยชี้ว่าโลกกำลังอยู่ในช่วง “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ที่สำคัญ และจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อหาทางออกและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

สรุปประเด็นสำคัญได้ 3 ประเด็นหลัก ดังนี้

 

ประเด็นที่ 1: การเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์เศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ

 

โดยภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งและรวดเร็ว 4 เรื่องหลัก

ความหลากหลายที่เพิ่มขึ้นและบทบาทของกลุ่มประเทศโลกใต้ (Global South) : ประเทศกำลังพัฒนากลายเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก โดยมีส่วนแบ่งการค้าเพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 45% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

 

การชะลอตัวของการค้าในภาคดั้งเดิมและการเติบโตในภาคใหม่ : การค้าสินค้าเติบโตช้าลง แต่การค้าบริการ การค้าดิจิทัล และการค้าสีเขียว (Green Trade) เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

 

ความท้าทายต่อกลไกระดับโลกและความร่วมมือระดับภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น : มาตรการกีดกันทางการค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก (6 เท่าใน 5 ปี) ทำให้ประเทศต่างๆ หันไปทำข้อตกลงระดับภูมิภาคและทวิภาคีมากขึ้น

 

การลงทุนข้ามพรมแดนที่ลดลงและความเสี่ยงของการแตกแยกของห่วงโซ่อุปทาน : การลงทุนทั่วโลกติดลบ 3 ปีติดต่อกัน และแนวโน้ม “Friend-shoring” “Near-shoring” กำลังเพิ่มความซ้ำซ้อนและลดประสิทธิภาพของเศรษฐกิจ

 

หลี่เสนอแนะว่า “เราต้องมองข้ามความซับซ้อนและสร้างสะพานแห่งความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์แทนที่จะกลับไปสู่การปิดกั้นและโดดเดี่ยว”

 

ประเด็นที่ 2: ความจำเป็นในการทำในสิ่งที่สร้างสรรค์ท่ามกลางยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง

 

โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจจะไม่ย้อนกลับ แต่จะพัฒนาไปในเส้นทางใหม่ ทุกฝ่ายต้องร่วมกันกำหนดกฎเกณฑ์และระเบียบใหม่ด้วยทัศนคติเชิงบวกและการกระทำที่สร้างสรรค์

 

แก้ไขความขัดแย้งผ่านการเจรจาอย่างเท่าเทียม : ยอมรับว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติ แต่ควรแก้ไขผ่านการเจรจาบนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน ยึดหลัก “ความปรองดองสร้างธุรกิจที่ดี” (Harmony makes good business)

 

ปกป้องผลประโยชน์ร่วมกันในความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ : ไม่มีใครสามารถเติบโตได้โดยลำพัง ความร่วมมือเป็นสิ่งจำเป็น จีนจะยังคงมีส่วนร่วมในเวทีพหุภาคี (G20, BRICS) และขับเคลื่อนความร่วมมือ Belt and Road

 

สร้างการเติบโตใหม่เพื่อลดการแข่งขันแย่งชิงทรัพยากร: แทนที่จะแย่งชิงทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด (Zero-sum approach) เราควรสร้าง “เค้กก้อนใหญ่ขึ้น” ผ่านการเปิดกว้างและแบ่งปัน จีนจะยังคงเปิดประเทศกว้างขึ้นเพื่อมอบผลประโยชน์ให้กับโลก

 

ประเด็นที่ 3: บทบาทของเศรษฐกิจจีนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก

 

เศรษฐกิจจีนจะยังคงเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของโลกต่อไป ด้วยเหตุผล 3 ประการ :

 

การเติบโตที่ยั่งยืนและมั่นคงของเศรษฐกิจจีน: จีนมีความมั่นใจในการรักษาการเติบโตที่รวดเร็วและมีเสถียรภาพ ผ่านการวางแผนระยะยาวที่ชัดเจน (แผน 5 ปี) ซึ่งจะสร้างความแน่นอนให้กับเศรษฐกิจโลก

 

การขยายตัวของตลาดจีนจะสร้างโอกาสใหม่ : จีนกำลังจะกลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูงและเป็นมหาอำนาจด้านการบริโภคขนาดใหญ่ ซึ่งจะสร้างพื้นที่ทางการตลาดมหาศาลให้กับองค์กรทั่วโลก

 

นวัตกรรมของจีนจะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาของโลก : จีนเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีหลายอย่าง เช่น พลังงานสีเขียว การผลิตขั้นสูง และปัญญาประดิษฐ์ และยินดีที่จะแบ่งปันเทคโนโลยีและนวัตกรรมเหล่านี้กับทั่วโลก (Open-source innovation) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน

 

ย้ำผู้ประกอบการคือมันสมองชาติ พร้อมเปิดกว้างทั่วโลกมาลงทุนในจีน

 

อย่างไรก็ตาม บทสรุปสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ

หลี่ เฉียง เน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของผู้ประกอบการในยุคใหม่ซึ่งเปรียบผู้ประกอบการเป็น “กลุ่มคนที่มีความสามารถพิเศษ” ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางสังคมและเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้ประกอบการ

 

ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม : สนับสนุนการเปิดกว้างและความร่วมมือ ต่อต้านการกีดกันทางการค้า

 

บุกเบิกสิ่งใหม่ : คว้าโอกาสจากการปฏิวัติเทคโนโลยีและปลดล็อกการเติบโตใหม่ๆ

 

สร้างผลลัพธ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์: เปิดใจยอมรับการพัฒนาของกันและกัน และส่งเสริมการเติบโตร่วมกัน

 

สุดท้าย รัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนผู้ประกอบการและสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็นสากลและเอื้อต่อการลงทุนต่อไป

 

“เราจะไม่กลับไปสู่เกาะที่ปิดกั้นและโดดเดี่ยว

และเราจะยอมรับโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายและไม่แบ่งแยกอย่างแน่วแน่ ผมเชื่อเสมอว่าในสังคมมนุษย์ ผู้ประกอบการคือกลุ่มคนที่มีความสามารถพิเศษซึ่งรับบทบาทสำคัญในการเป็นผู้จัดระเบียบการผลิตและการทำงาน และเป็นแรงขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางสังคมในประเทศต่างๆ”

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเศรษฐกิจตลาดขนาดใหญ่ ผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์ ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการดำเนินการที่ยอดเยี่ยม สามารถจัดระเบียบองค์ประกอบทรัพยากรต่างๆ และเปลี่ยนให้เป็นผลิตภาพที่แท้จริง

 

“เปลี่ยนความไม่แน่นอนของการเปลี่ยนแปลงในตลาดให้เป็นความแน่นอนของความสำเร็จในตลาด และกล้าที่จะบุกเบิกเส้นทางใหม่สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม พวกเขาร่วมกันเป็นตัวแทนของพลังที่เป็นเอกลักษณ์และทรงพลังรัฐบาลจีนจะให้การสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการ”

 

พร้อมทั้ง ส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็นสากล มุ่งเน้นตลาด และอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่ดี ด้วยอ้อมแขนที่เปิดกว้าง เรายินดีต้อนรับองค์กรจากทั่วโลกมาลงทุนในจีน หยั่งรากลึกในจีน พัฒนาไปพร้อมกับจีน และทำงานร่วมกับเราเพื่ออนาคตที่ดีกว่า หลี่ทิ้งท้าย

The post “โลกกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่มีใครเติบโตได้โดยลำพัง” หลี่เฉียง ย้ำ จีนเปิดกว้างหนุนเวที G20-BRICS เชื่อม Belt and Road appeared first on THE STANDARD.

]]>
มองจีนด้วยสายตาจีน โอกาสและความท้าทายในโลกาภิวัตน์ใหม่ https://thestandard.co/china-economy-2025-global-perspective/ Fri, 27 Jun 2025 07:47:23 +0000 https://thestandard.co/?p=1089970 ภาพเซอร์ โทนี แบลร์ กล่าวบนเวที Summer Davos 2025 สะท้อนบทบาทจีนในเศรษฐกิจโลก

“คุณต้องมองจีนผ่านสายตาของจีนเอง ไม่ใช่ผ่านเลนส์ของโลกต […]

The post มองจีนด้วยสายตาจีน โอกาสและความท้าทายในโลกาภิวัตน์ใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภาพเซอร์ โทนี แบลร์ กล่าวบนเวที Summer Davos 2025 สะท้อนบทบาทจีนในเศรษฐกิจโลก

“คุณต้องมองจีนผ่านสายตาของจีนเอง ไม่ใช่ผ่านเลนส์ของโลกตะวันตก” — คำกล่าวของ เซอร์ โทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร สะท้อนทิศทางใหม่ของเวทีเศรษฐกิจโลกอย่างชัดเจน

 

วันที่ 24-26 มิถุนายน 2568 ที่งาน Annual Meeting of the New Champions 2025 หรือที่รู้จักกันในนาม Summer Davos ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีน THE STANDARD ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้นำทั้งภาครัฐและเอกชนจากจีน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เพื่อทำความเข้าใจว่า “จีนคิดอะไร” และ “เราควรทำอะไร” ท่ามกลางโลกที่ไร้เสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้าเสรีที่ถูกท้าทาย

 

เศรษฐกิจโลกในห้วงเปลี่ยนผ่าน: จาก Just-in-Time สู่ Just-in-Case

 

เวที Chief Economists Briefing เปิดฉากด้วยประเด็นหลัก: โลกกำลังเปลี่ยนผ่านจากยุคแห่งประสิทธิภาพ (Just-in-Time) สู่ยุคของความมั่นคง (Just-in-Case) ความไม่แน่นอนกลายเป็น “สัจธรรมใหม่” ของเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ไปจนถึงความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

 

ผลลัพธ์คือรูปแบบการลงทุนและซัพพลายเชนโลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ธุรกิจข้ามชาติต้องออกแบบ playbook ใหม่ พร้อมรับมือกฎระเบียบที่ซับซ้อนขึ้น และไม่สามารถพึ่ง “โมเดลเดิม” ได้อีกต่อไป

 

มหาอำนาจ 3 ขั้ว” และความจำเป็นในการอยู่ร่วมกับจีน

 

เซอร์โทนี แบลร์ ย้ำว่า โลกในศตวรรษที่ 21 จะมี 3 ขั้วมหาอำนาจหลัก ได้แก่ สหรัฐฯ จีน และยุโรป (หากยุโรปฟื้นตัวได้) โดยการยอมรับสถานะของจีนไม่ใช่เรื่องที่เลือกได้อีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็น

 

ภาพ : เซอร์โทนี แบลร์

 

“เราควรแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับจีน แต่ก็ต้องมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิด” เขากล่าวบนเวที พร้อมเตือนว่า การพยายามโดดเดี่ยวจีนนั้นเป็นนโยบายที่ล้มเหลวตั้งแต่ต้น

 

แถลงการณ์ “หลี่ เฉียง”: จีนไม่ถอยจากโลกาภิวัตน์ แต่จะสร้างมันใหม่

 

นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ส่งสัญญาณชัดเจนว่า จีนจะไม่ย้อนกลับไปสู่ความโดดเดี่ยว แต่จะใช้พลังตลาดและเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก โดยมี 3 แกนหลัก:

 

  1. ภูมิทัศน์การค้าโลกที่เปลี่ยนไป — กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในซีกโลกใต้ (Global South)  กลายเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ ขณะที่การค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Trade) และการค้าดิจิทัลและเทคโนโลยี AI (Digital Trade) รวมไปถึงการค้าภาคบริการ (service sector) กำลังแซงหน้าการค้าดั้งเดิม

 

  1. การเจรจาเชิงสร้างสรรค์ — จีนเสนอ “Harmony makes good business” การแก้ความขัดแย้งด้วยการเจรจา ไม่ใช่การเผชิญหน้า หรือการแข่งแย่งทรัพยากรแบบ zero-sum game

 

  1. บทบาทของนวัตกรรมจีนในเศรษฐกิจโลก — จากพลังผู้บริโภค ไปจนถึงการเป็นผู้นำในเทคโนโลยีสีเขียวและ AI

 

ความเปราะบางของจีนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

แม้จีนนำเสนอภาพเศรษฐกิจที่ “มั่นคงและยืดหยุ่น” แต่หลายเสียงจากนักธุรกิจและนักวิเคราะห์กลับสะท้อนอีกด้านที่น่ากังวล

 

การบริโภคภายในประเทศยังฟื้นไม่เต็มที่ ค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังอ่อนแรง โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนที่เผชิญปัญหาว่างงานสูง

 

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้น ภาวะฟองสบู่ที่แตกร้าวในช่วงหลัง Evergrande ทำให้ความมั่งคั่งของประชาชนหายไปจำนวนมาก

 

ความไม่แน่นอนทางการเมืองและกฎระเบียบ: เหตุการณ์ในอดีตทั้งการปราบปราม Big Tech และข้อจำกัดด้านข้อมูล ทำให้หลายบริษัทต่างชาติอาจจะยังมีคำถามในการลงทุนระยะยาว

 

 

ภาพ : นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง 

 

เสียงจากผู้ประกอบการ: จีนเวอร์ชัน “Born Global”

 

ออสการ์ หวัง Senior Managing Director ของ Teneo บอกกับ THE STANDARD Wealth ว่า ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของจีน “เกิดมาเพื่อโตระดับโลก” พวกเขาไม่คิดแค่จะขยายตลาดออกนอกประเทศ แต่สร้างโมเดลธุรกิจที่สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ตั้งแต่วันแรก

 

จุดเปลี่ยนคือ “แรงบีบจากการแข่งขันในประเทศ” ซึ่งทำให้จีนกลายเป็นห้องทดลองที่โหดที่สุด ถ้าอยู่รอดในตลาดจีนได้ ก็แปลว่าสเกลระดับโลกไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง

 

กรณีศึกษาที่ชัดเจน ได้แก่

 

Black Lake Technologies: SaaS แพลตฟอร์มราคาประหยัดเพื่อ digitalize โรงงาน SMEs

 

Deep Principle: สตาร์ทอัพ AI+เคมีควอนตัมจาก MIT ที่ย้ายกลับมาตั้งบริษัทในจีนเพื่อใช้ประโยชน์จากฐานการผลิต

 

Deeproute: Robotaxi ที่พัฒนา L4 Autonomous Driving แบบไม่ใช้แผนที่ HD โดยได้รับทุนจาก Alibaba และ Geely

 

จุดแข็งของจีนในเกม AI: ไม่ใช่แค่โมเดล แต่คือ “การประยุกต์ใช้”

 

เวที Understanding China’s Approach to AI ชี้ให้เห็นว่า จุดแข็งของจีนอยู่ที่ “ความเร็วในการใช้งานจริง” ไม่ใช่แค่ R&D โดยมีปัจจัยหนุน 5 ประการ:

 

  1. ขนาดตลาดที่ใหญ่ และ ข้อมูลมหาศาล

 

  1. ระบบนิเวศที่ครบวงจร — จากโครงสร้างพื้นฐาน 5G ถึงแพลตฟอร์ม cloud ระดับโลก

 

  1. นโยบายรัฐแบบ Light-touch — ไม่ควบคุมจนเกินไปแต่คอยสนับสนุน รัฐเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้ควบคุม” เป็น “เร่งปฏิกิริยา”

 

  1. การ Reskill แรงงาน — รับมือ AI ด้วยทักษะที่ยืดหยุ่น (durable skills)

 

  1. วิสัยทัศน์ Open Innovation — จีนไม่ได้เก็บเทคโนโลยีไว้เอง แต่พร้อมแชร์เพื่อเติบโตร่วมกัน

 

แต่ในขณะเดียวกัน จีนก็ยังมีความท้าทายก็ไม่น้อย เช่น การระดมทุนจากสหรัฐฯ “แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว” หรือการขยายตลาดต้องเคารพกฎระเบียบ ภูมิทัศน์ด้านการแข่งขันด้านราคา และกฎหมายข้อมูลของแต่ละประเทศ (Data Localization) รวมถึงการแข่งขันภายในประเทศจีนเองก็ “ดุเดือดถึงขั้นทำลายล้าง” (Brutal Competition)

 

ไทยในสายตาจีน: โอกาสหรือสนามทดลอง?

 

ออสการ์ หวัง ระบุว่า ไทยคือ “บันไดก้าวสำคัญ” ของจีนในการขยายสู่ตลาดโลก ด้วยความสัมพันธ์ที่ดี ภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบ และขนาดตลาดที่เหมาะสม แต่สิ่งที่จีนยังขาดคือ “soft power ในการสื่อสาร” และ “ความเข้าใจวัฒนธรรมในแต่ละประเทศ”

 

ข้อเสนอจากเวทีนี้จึงชัดเจน ถ้าไทยสามารถวางตำแหน่งเป็น “พื้นที่เชื่อมโยง” ที่จีนไว้ใจ โดยจัดการเรื่องทุนจีนเทาอย่างโปร่งใส เปิดพื้นที่ให้เกิดความร่วมมือแบบ win-win และเสริมทักษะบุคลากรไทยให้พร้อมรับการลงทุนระดับ deep tech ไทยจะไม่ได้แค่เป็นสนามทดลอง แต่เป็น “พันธมิตรระยะยาว”

 

บทส่งท้าย: โลกไม่ใช่ China vs. US แต่คือ China + ASEAN

 

บทสนทนาจากหลายเวทีชี้ตรงกันว่า “ความเป็นจริงของเศรษฐกิจโลกไม่ได้อยู่ที่การแบ่งขั้ว” แต่คือความสามารถในการสร้างสมดุล, เชื่อมต่อความร่วมมือ, และเร่งนวัตกรรมร่วมกัน

 

Summer Davos ปีนี้ ไม่ได้มีคำตอบเดียวให้กับคำถามเรื่อง “อนาคตของจีน” แต่สิ่งที่ชัดเจนคือโลกต้องเผชิญกับจีนในฐานะ “ผู้เล่นที่ไม่เหมือนใคร” มีขนาด มีความเร็ว มีเทคโนโลยี แต่ก็มีความเปราะบางในระบบของตนเอง

 

ในโลกหลังโลกาภิวัตน์ จีนไม่ได้กำลังสร้าง “ระเบียบใหม่ของโลก” แต่กำลังเขียน “คำตอบของตัวเอง” ขึ้นมา และประเทศอย่างไทยต้องไม่เพียงแค่อ่านคำตอบนั้นให้ทัน แต่ต้อง “ตั้งคำถามให้แม่น” ด้วย

 

นครินทร์ วนกิจไพบูลย์

บรรณาธิการบริหาร THE STANDARD

The post มองจีนด้วยสายตาจีน โอกาสและความท้าทายในโลกาภิวัตน์ใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
จีนยกความร่วมมือหลายด้านกับอินโดนีเซีย เป็นแบบอย่างประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ https://thestandard.co/china-indonesia-cooperation/ Sun, 25 May 2025 12:41:18 +0000 https://thestandard.co/?p=1078313 china-indonesia-cooperation

เมื่อวันเสาร์ (24 พ.ค.) หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่า […]

The post จีนยกความร่วมมือหลายด้านกับอินโดนีเซีย เป็นแบบอย่างประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
china-indonesia-cooperation

เมื่อวันเสาร์ (24 พ.ค.) หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรในโอกาสเดินทางเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการว่า จีนและอินโดนีเซียได้กลายเป็น “แบบอย่าง” ของประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ที่ผนึกกำลังกันอย่างแน่นแฟ้น ทั้งในด้านความเป็นหนึ่งเดียว การพัฒนา และความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน

 

หลี่เดินทางเยือนอินโดนีเซียตามคำเชิญของประธานาธิบดี ปราโบโว ซูเบียนโต พร้อมเน้นย้ำว่า จีนและอินโดนีเซียเป็นประเทศมิตร เป็นเพื่อนบ้านที่มีเพียงทะเลกั้นกลาง และเป็นหุ้นส่วนใกล้ชิดที่มีอนาคตร่วมกัน โดยปีนี้ยังถือเป็นวาระครบรอบ 75 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ความร่วมมือทวิภาคีได้พัฒนาอย่างมั่นคงต่อเนื่อง และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแน่นแฟ้นขึ้นตามกาลเวลา

 

นายกรัฐมนตรีจีนยังกล่าวถึงการพบหารือสองครั้งในปีที่ผ่านมา ระหว่างประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และประธานาธิบดีปราโบโว ซึ่งได้บรรลุฉันทามติสำคัญในการร่วมกันสร้าง “ประชาคมจีน-อินโดนีเซียที่มีอนาคตร่วมกัน” ซึ่งมีความสำคัญทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก และยังเป็นโอกาสเปิดประตูสู่ความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในหลากหลายสาขา

 

หลี่ระบุว่า จีนพร้อมเดินหน้าร่วมมือกับอินโดนีเซียต่อเนื่อง โดยเน้นการเสริมสร้าง “ห้าเสาหลัก” ได้แก่

  1. ความร่วมมือด้านการเมือง

  2. ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

  3. การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและประชาชน

  4. ความร่วมมือด้านกิจการทางทะเล

  5. ความมั่นคงและเสถียรภาพ

นอกจากนี้ หลี่ยังเรียกร้องให้สองประเทศร่วมกันเสริมสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน เดินหน้าสู่การพัฒนาสมัยใหม่ และร่วมกันสร้างคุณูปการสำคัญต่อสันติภาพและการพัฒนาในภูมิภาคและโลก

 

ในถ้อยแถลงเดียวกัน หลี่ยังชี้ให้เห็นถึงวาระครบรอบ 70 ปีของการประชุมบันดุง โดยย้ำว่า “จิตวิญญาณแห่งบันดุง” ซึ่งเน้นความสามัคคี มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา ได้กลายเป็นบรรทัดฐานสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพึ่งพาตนเองของประเทศในเอเชียและแอฟริกา รวมถึงเป็นรากฐานของความร่วมมือในกลุ่มประเทศโลกใต้ (Global South)

 

“วันนี้ โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบศตวรรษ” หลี่กล่าว พร้อมระบุว่า จีนและอินโดนีเซียในฐานะประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ และสมาชิกสำคัญของ Global South ควรเดินหน้าสืบสานจิตวิญญาณแห่งบันดุงอย่างแข็งขัน ส่งเสริมพหุภาคีนิยมที่แท้จริง และร่วมกันรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่งคั่งร่วมกันให้กับประชาคมโลก

 

ทั้งนี้ ระหว่างการเยือนอินโดนีเซีย หลี่มีกำหนดพบหารือกับผู้นำระดับสูงของอินโดนีเซีย และเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับภาคธุรกิจ

 

อ้างอิง:

  • Xinhua

 

The post จีนยกความร่วมมือหลายด้านกับอินโดนีเซีย เป็นแบบอย่างประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
แพทองธารตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ก่อนหารือเต็มคณะกับ หลี่เฉียง นายกฯ จีน และร่วมเป็นสักขีพยานเซ็น MOU 14 ฉบับ https://thestandard.co/paetongtarn-li-qiang-mou-signing/ Thu, 06 Feb 2025 12:11:39 +0000 https://thestandard.co/?p=1038938

วันนี้ (6 กุมภาพันธ์) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตรว […]

The post แพทองธารตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ก่อนหารือเต็มคณะกับ หลี่เฉียง นายกฯ จีน และร่วมเป็นสักขีพยานเซ็น MOU 14 ฉบับ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (6 กุมภาพันธ์) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตรวจแถวกองทหารเกียรติยศในพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ห้อง North Hall ชั้น 1 มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน 

 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีพบหารือกับ หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ตลอดความสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปีที่ผ่านมา ร่วมมือสนับสนุนเกื้อกูลกันมาตลอด ทั้ง 2 ประเทศยังร่วมกันจัดตั้งกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง เพื่อเสริมสร้างการพัฒนาในภูมิภาค จนปัจจุบันความสัมพันธ์พัฒนาขึ้นตามลำดับ

 

ทำให้จีนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยต่อเนื่อง 12 ปี และเป็นนักลงทุนลำดับต้นของไทย มูลค่าการค้าจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2567 รวม 1 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และมีนักลงทุนจีนมาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นเกือบ 1.2 หมื่นล้านบาทในช่วง 9 เดือน รวมทั้งการยกเว้นวีซ่าระหว่างกัน 

 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า เศรษฐกิจของทุกประเทศในโลกทุกวันนี้มีความเกี่ยวพันกันจนแยกกันไม่ออก ไทยกับจีนจึงยิ่งต้องประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ขับเคลื่อนความสัมพันธ์ในอนาคต โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางและมุ่งมองไปข้างหน้า และจะต้องทำให้ประชาชนมีกินมีใช้ มีความปลอดภัย มีความพร้อมรับมือกับอนาคต มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และมีทัศนคติที่ดีต่อกัน 

 

ทั้ง 2 ฝ่ายยังหารือในประเด็นที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ดังนี้

 

  • ไทยมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือในโครงการสำคัญให้บรรลุผลสำเร็จในปีนี้ โดยเฉพาะการอนุมัติโครงการรถไฟไทย-จีน ระยะที่ 2 ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับ สปป.ลาว และจีนได้

 

  • การรับแพนด้ายักษ์คู่ใหม่จากจีน ในฐานะทูตสันถวไมตรี

 

  • ความร่วมมือเพื่อ ‘ประชาชนมีกินมีใช้’ เช่น ร่วมมือกันปฏิรูปอุตสาหกรรมการเกษตร และส่งเสริมความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน

 

  • ใช้ประโยชน์จาก FTA ทั้ง RCEP และ ASEAN-China FTA ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจายกระดับความตกลงให้ทันสมัย และหวังว่าจะสามารถลงนามได้ภายในปีนี

 

  • รัฐบาลสั่งการยกระดับการควบคุมและกำกับดูแลมาตรฐาน คุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้าอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร ทั้งสินค้าทุเรียนและน้ำเชื่อม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้บริโภคชาวจีนจะได้รับสินค้าไทยที่มีคุณภาพสูง

 

  • ความร่วมมือเพื่อ ‘ประชาชนมีความปลอดภัย’ รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญสูงสุด โดยไทยพร้อมร่วมมือกับจีนและประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในระดับทวิภาคีและผ่านกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเด็ดขาดจริงจัง พร้อมขอความร่วมมือจากจีนในการสกัดกั้นและเตือนภัยเหยื่อตั้งแต่ต้นทาง รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูล / ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประเทศไทยในบรรดาชาวจีน

 

  • ความร่วมมือเพื่อ ‘ประชาชนมีความพร้อมรับกับอนาคต’ ไทยและจีนเห็นพ้องเร่งส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความพร้อมต่ออนาคต และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซอฟต์พาวเวอร์กับจีน

 

  • ในโอกาส 50 ปีความสัมพันธ์ นายกรัฐมนตรีเสนอให้ทั้ง 2 ฝ่ายกระชับความร่วมมือในระดับประชาชนให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเพิ่มจำนวนเมืองพี่เมืองน้องระหว่างกันให้เป็น 50 คู่ในปีนี้ และไทยยังมีแผนที่จะจัดทำแสตมป์ที่ระลึกในโอกาสนี้ด้วย

 

  • หวังว่าจะมีโอกาสต้อนรับนายกรัฐมนตรีจีนที่ไทยในปีนี้ ในการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง

 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างหน่วยงานไทย-จีน 14 ฉบับ เช่น 

 

ร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระบบเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว สำหรับการค้าข้ามแดนระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

 

ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กับสำนักงานบริหารอวกาศแห่งชาติจีน เกี่ยวกับอุปกรณ์สำรวจสภาพอวกาศโดยรอบของดวงจันทร์ไทย-จีน ภายใต้พันธกิจอวกาศยานสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ หมายเลข 7

 

และร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข่าวและข้อมูลข่าวสารระหว่างกรมประชาสัมพันธ์กับสำนักข่าวซินหัว

 

ก่อนจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจีนเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นแก่นายกรัฐมนตรีไทยและคณะ

 

The post แพทองธารตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ก่อนหารือเต็มคณะกับ หลี่เฉียง นายกฯ จีน และร่วมเป็นสักขีพยานเซ็น MOU 14 ฉบับ appeared first on THE STANDARD.

]]>
แพทองธารหารือทวิภาคีหลี่เฉียง ย้ำความร่วมมือไทย-จีน ปราบปรามอาชญากรรมข้ามแดน พร้อมชะลอปล่อยน้ำลงแม่น้ำล้านช้าง https://thestandard.co/paetongtarn-li-qiang-meeting/ Fri, 11 Oct 2024 02:05:50 +0000 https://thestandard.co/?p=994635 แพทองธาร

วานนี้ (10 ตุลาคม) ที่นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว แพทองธาร ช […]

The post แพทองธารหารือทวิภาคีหลี่เฉียง ย้ำความร่วมมือไทย-จีน ปราบปรามอาชญากรรมข้ามแดน พร้อมชะลอปล่อยน้ำลงแม่น้ำล้านช้าง appeared first on THE STANDARD.

]]>
แพทองธาร

วานนี้ (10 ตุลาคม) ที่นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือกับ หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง 

 

นายกรัฐมนตรีเสนอให้ทั้งสองฝ่ายร่วมประกาศให้ปี 2568 เป็นปีทองแห่งมิตรภาพความสัมพันธ์ทางการทูต (Golden Year of Friendship) เนื่องจากจะครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน โดยไทยพร้อมร่วมมือกับจีนเพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกัน และร่วมกันแก้ปัญหาในภูมิภาค สร้างประชาคมที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และหวังว่าจะได้มีโอกาสต้อนรับนายกรัฐมนตรีจีนและประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่ประเทศไทยในปีหน้า 

 

ด้านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะจัดการประชุม JC เศรษฐกิจไทย-จีน ครั้งที่ 7 ได้ในเร็ววัน และเห็นว่าทั้งสองประเทศควรร่วมมือกันส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และส่งเสริมการค้าและการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตร โดยไทยมีความพร้อมสูงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งด้านคมนาคมขนส่ง พลังงาน และการเงิน จึงหวังที่จะร่วมมือกับจีนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และขอเชิญบริษัทที่มีศักยภาพของจีนมาลงทุนสาขาต่างๆ ในไทย

 

จีนตอบรับ ชะลอปล่อยน้ำลงแม่น้ำล้านช้าง

 

นอกจากนี้ ไทยหวังและพร้อมร่วมมือกับจีนในการเร่งปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและธุรกิจสีเทา และขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ทั้งในกรอบทวิภาคีและกรอบภูมิภาค นอกจากนี้ จีนตอบรับคำขอของไทย และจะชะลอการปล่อยน้ำลงแม่น้ำล้านช้าง ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในภาคเหนือและภาคอีสานของไทย

 

สำหรับความร่วมมือในภูมิภาคนั้น ไทยและจีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้างในปี 2568 และไทยยังขอบคุณจีนที่สนับสนุนเจตนารมณ์ของไทยที่จะเป็นสมาชิก BRICS ด้วย 

 

จีนพร้อมร่วมมือไทย ปราบปรามอาชญากรรมข้ามแดน

 

โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีจีนแสดงความยินดีในการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมั่นใจว่าภายใต้การนำของแพทองธาร ความร่วมมือระหว่างไทยและจีนจะมีความลึกซึ้งและกว้างขวางยิ่งขึ้น รวมทั้งการขยายความร่วมมือไปในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทันสมัย อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ไฟฟ้า การเกษตร และการเชื่อมโยงด้านคมนาคม นอกจากนี้ จีนยังพร้อมร่วมมือกับไทยในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามแดนในรูปแบบต่างๆ ด้วย 

 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจีนยังแสดงความชื่นชมซอฟต์พาวเวอร์ไทย ทั้งผ้าไทยและมวยไทยที่ได้รับความนิยมในประเทศจีนอย่างมาก และเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีนครบ 50 ปีในปีหน้าด้วย 

 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ประมุข / หัวหน้ารัฐบาลที่เข้าร่วมการประชุมและคู่สมรส รวมถึงเลขาธิการสหประชาชาติและคู่สมรส

 

แพทองธาร

The post แพทองธารหารือทวิภาคีหลี่เฉียง ย้ำความร่วมมือไทย-จีน ปราบปรามอาชญากรรมข้ามแดน พร้อมชะลอปล่อยน้ำลงแม่น้ำล้านช้าง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศึกภูมิรัฐศาสตร์ สหรัฐฯ-จีน: การหย่าร้างของ ‘คู่สมรสทางเศรษฐกิจ’ https://thestandard.co/geopolitical-battle-us-china-economic-marriage/ Thu, 25 Jul 2024 10:32:36 +0000 https://thestandard.co/?p=962909 ภูมิรัฐศาสตร์ สหรัฐฯ จีน

ถ้าจะเปรียบเปรยว่าสหรัฐฯ และจีนเป็นคู่สมรสกัน วันที่ทั้ […]

The post ศึกภูมิรัฐศาสตร์ สหรัฐฯ-จีน: การหย่าร้างของ ‘คู่สมรสทางเศรษฐกิจ’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภูมิรัฐศาสตร์ สหรัฐฯ จีน

ถ้าจะเปรียบเปรยว่าสหรัฐฯ และจีนเป็นคู่สมรสกัน วันที่ทั้งสองมีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อ 1 มกราคม 1979 อาจจะนับได้ว่าเป็นวันแต่งงานของทั้งคู่ และเมื่อมาถึงปัจจุบัน หมายความว่าทั้งคู่แต่งงานกันมา 45 ปีแล้ว

 

ช่วงที่ทั้งคู่สนิทสนมกันเข้าขั้นฮันนีมูนก็คือช่วงทศวรรษที่ 1980-1990 สายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศแข็งแกร่ง จีนเปิดประเทศเพื่อต้อนรับการลงทุน สหรัฐฯ ได้รับผลประโยชน์อย่างมากจากสินค้าราคาถูกของจีน

 

ความสัมพันธ์เริ่มถึงจุดที่นำไปสู่ความระหองระแหงในปี 2001 เมื่อจีนเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) แม้เศรษฐกิจจะพึ่งพากันมากระหว่างสองฝ่าย แต่ความเครียดเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะความไม่สมดุลทางการค้าและเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา 

 

จากนั้นจีนทะยานขึ้นเรื่อยๆ ในด้านเศรษฐกิจในช่วงทศวรรษ 2010 ขณะที่การแข่งขันระหว่างสองฝ่ายหนักข้อขึ้น เริ่มเห็นความขัดแย้งด้านเทคโนโลยี การทหารในทะเลจีนใต้ และสงครามการค้า

 

ช่วงเวลาปัจจุบันความสัมพันธ์สั่นคลอนอย่างหนัก ความสัมพันธ์ทางการทูตตกต่ำ เกิดคำถามว่าจะแยกทางกันเดิน แบ่งขั้ว ‘Decoupling’ หรือไม่ แต่ต่างฝ่ายต่างก็คงรู้ว่าแยกไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ที่ลุ่มๆ ดอนๆ กำลังเป็นโจทย์ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ว่าจะนำโลกไปในทิศทางใด

 

 

เวที World Economic Forum: Summer Davos 2024

 

ในการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ที่เมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายนที่ผ่านมา จัดขึ้นที่จีนเป็นครั้งที่ 15 ในชื่อ ‘การประชุมประจำปีของแชมเปียนใหม่ๆ’ (15th Annual Meeting of the New Champions) และเรียกสั้นๆ ว่า Summer Davos

 

ผู้เขียนได้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ในฐานะสื่อมวลชนไทยจาก THE STANDARD ได้เข้าร่วมรับฟังการประชุมหลายเวที ทั้งเวทีเปิดและเวทีปิด ในงานประชุมที่จัดขึ้นในธีม ‘New Frontiers for Growth’ หรือ ‘พรมแดนใหม่ๆ เพื่อการเติบโต’ มีเวทีประชุมย่อยๆ ไม่ต่ำกว่า 150 วงประชุม มีผู้นำจากภาครัฐ ผู้บริหารภาคเอกชน ภาคประชาสังคม นักวิชาการ และสื่อมวลชน จาก 80 ประเทศร่วมงานประมาณ 1,700 คน

 

ผู้ร่วมงานจำนวนมากเป็นผู้บริหารระดับ CEO ของจีน โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น รถยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยี พลังงานสะอาด และปัญญาประดิษฐ์

 

 

จากบรรยากาศในงานอดคิดไม่ได้ว่าเป็นเสมือน Showcase ของจีน ที่มีนายกรัฐมนตรีหลี่เฉียงเป็นเซลส์แมน นำทีมผู้บริหารของจีนเป็น Salesforce เพื่อทำการตลาดให้กับประเทศ

 

จีนย้ำ โลกจะโตไม่ได้ถ้าไม่มีโลกาภิวัตน์

 

นายกฯ หลี่เฉียง ของจีน กล่าวสุนทรพจน์เปิดงาน ระบุว่า เมื่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งโลกลดลง ธุรกิจต้องเปิดหน้าชกในมหาสมุทรสีแดง หมายความว่าการแข่งขันย่อมเต็มไปด้วยความรุนแรงและดุเดือดมากขึ้น

 

 

“การต่อสู้กันแบบหายใจรดต้นคอเพื่อช่วงชิงทรัพยากร จะนำไปสู่การต่อต้านโลกาภิวัตน์ และอาจจะขยับเข้าสู่ความขัดแย้งในเชิงภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้นอีก

 

“การเน้นผลกำไรสูงสุดของตัวเองโดยเอาเปรียบคนอื่นๆ หรือการใช้มาตรการปิดกั้นอย่างการแยกเป็นสองขั้ว เท่ากับการป่วนห่วงโซ่การผลิตโลก การใช้มาตรการสนามหญ้าเล็กๆ รั้วสูงๆ (Small Yards with High Fences) จะยิ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ตัดขาดสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค เร่งความตึงเครียด และความขัดแย้ง”

 

ไม่มีคำใดที่เอ่ยตรงๆ ถึงสหรัฐฯ แต่สารที่ส่งออกมาทั้งหมดพอจะตีความได้ไม่ยากเลยว่านายกฯ จีนกำลังพูดถึงใคร

 

ยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการปิดกั้นทางเศรษฐกิจต่อจีนว่า “Small Yard, High Fence” แปลตรงๆ คือสนามหญ้าเล็กๆ ที่มีรั้วสูงๆ เพื่อปกป้องเทคโนโลยีระดับสูงของสหรัฐฯ แต่รัฐบาลจีนมองว่ามาตรการปิดกั้นของสหรัฐฯ คือการสกัดกั้นจีนไม่ให้เติบโต

 

นายกฯ หลี่ย้ำถึงการเติบโตของเศรษฐกิจโลกตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมาว่า โตได้ขนาดนี้เพราะความเฟื่องฟูของโลกาภิวัตน์ เมื่อจีนเข้าเป็นสมาชิก WTO ในปี 2001 บทบาทของจีนในการค้าโลกพุ่งทะยาน กลายเป็นประเทศที่ส่งออกและนำเข้ามากที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก

 

หลี่เฉียงย้ำว่า ยิ่งการแข่งขันรุนแรงขนาดไหน ก็ยิ่งจะทำให้เค้กทั้งก้อนเล็กลง และอ้างอิงสุภาษิตจีนที่ว่า ‘ต้องมองไกลๆ ด้วยสายตา เพื่อให้เห็นทิวทัศน์ที่ยาวไกล’

 

นายกฯ หลี่ย้ำถึงฉากทัศน์ของจีนว่าเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ เน้นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้าสู่น่านน้ำใหม่ๆ Blue Ocean เน้นพลังงานสีเขียว ปัญญาประดิษฐ์ นวัตกรรม เพื่อให้สมกับคำว่า New Frontiers for Growth

 

ผู้เขียนมองว่าจีนพยายามสื่อสารกับสหรัฐฯ ว่าขอให้กลับมาสู่เส้นทางโลกาภิวัตน์ เพื่อที่จะได้เติบโตไปด้วยกัน แข่งกันแบบไม่เอาเป็นเอาตาย เป็นธรรม แทนที่จะปิดกั้นกันด้วยการใช้กำแพงภาษีสูงๆ

 

ข้อถกเถียงเรื่องภูมิรัฐศาสตร์

 

ผู้เข้าร่วมงานประชุมท่านหนึ่งที่ไม่ประสงค์จะออกนามได้ไปร่วมงาน WEF อย่างต่อเนื่อง เขาเป็นที่ปรึกษาเรื่องการลงทุนจากยุโรป และเดินทางไปจีนบ่อยครั้ง สะท้อนบรรยากาศการประชุมในปีนี้ที่ต่างจากที่ผ่านๆ มาว่า เป็นครั้งที่คุยกันเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนอย่างเปิดเผย

 

“ไม่เคยมีครั้งไหนที่คุยกันชัดเท่าครั้งนี้อีกแล้ว”

 

Geopolitics เป็นหัวข้อที่คุยกันตั้งแต่สุนทรพจน์ในการเปิดประชุม เวทีหารือ เวทีคุยกันช่วงอาหารเย็น ไปจนถึงวงคุยกันตามมุมกาแฟและระเบียง

 

เกิดอะไรกับ ‘Decoupling’

 

เรื่อง Decoupling หรือแยกขั้วออกจากกันระหว่างสหรัฐฯ และจีน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับ แต่ในทางปฏิบัติดูเหมือนจะเกิดขึ้นแล้วจริงๆ

 

รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โจ ไบเดน ระบุชัดว่าไม่ได้เดินหน้าแยกขั้วออกจากจีน แต่ต้องใช้มาตรการบางอย่างเพื่อดูแลเรื่องการค้าและการโอนเทคโนโลยี มาตรการที่ว่าก็คือการขึ้นกำแพงภาษีอย่างมีเป้าหมาย การปิดกั้นสินค้าในระดับหนึ่ง แทนที่จะตัดขาดเศรษฐกิจของสองประเทศ

 

เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐบาลไบเดนขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน จาก 27.5% เป็น 102.5% โดยระบุว่าเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯ จากการไหลทะลักของ EV จีนที่ราคาถูกกว่ามาก สหรัฐฯ เกรงว่า EV ที่ราคาถูกจะเข้าไปป่วนตลาดและวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ

 

ไม่เฉพาะแต่ EV สินค้านำเข้าจากจีนอื่นๆ เช่น แบตเตอรี่ โซลาร์เซลล์ เซมิคอนดักเตอร์ ถูกขึ้นกำแพงภาษีจาก 25% เป็น 50% โดยสหรัฐฯ ให้เหตุผลว่าเทคโนโลยีกลุ่มนี้สำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติ และความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

 

โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯ พูดแล้วพูดอีกว่าไม่ได้มีความตั้งใจที่จะ ‘Decoupling’ จากจีน แต่กลับออกกฎเพื่อปิดกั้นการลงทุนของบริษัทอเมริกันในจีน และปิดโอกาสของภาคอุตสาหกรรมจีน

 

ความไม่ลงรอยระหว่างสองยักษ์ใหญ่กำลังกลายเป็นความสะพรึงของประเทศต่างๆ ที่เฝ้ามองว่าสถานการณ์จะแย่ลงไปกว่านี้อย่างไร เพราะเต็มไปด้วยความกังวลว่าความตึงเครียดทางการค้าที่ยกระดับขึ้นจะยิ่งนำไปสู่มาตรการตอบโต้จากจีน แล้วจะยิ่งส่งผลกระทบต่อการค้าในระดับโลก

 

Sir Robin Niblett ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์แห่ง Chatham House ที่เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และผู้เขียนหนังสือ The New Cold War พูดบนเวทีที่วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนว่า “สถานการณ์จะเลวร้ายลงไปกว่านี้ก่อนที่จะเลวร้ายกว่านี้”

 

พอจะเห็นสัญญาณที่ดีบ้างหรือไม่

 

ศาสตราจารย์ Graham Allison นักรัฐศาสตร์ชาวอเมริกันชื่อดังแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เตือนผ่านเวทีการประชุมว่า “ขอให้ทั้งโลกรัดเข็มขัดกันให้ดี โลกอนาคตน่ากลัวยิ่งนัก”

 

แต่ศาสตราจารย์ Allison ไม่ลืมที่จะย้ำว่า มองย้อนกลับไปได้เห็นประธานาธิบดีสีจิ้นผิงคุยกับประธานาธิบดีไบเดนในการประชุม APEC ที่ซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 พอจะทำให้ใจชื้นว่าผู้นำสองคนยังนั่งลงคุยกันได้เกินกว่า 3 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่มีเรื่องไม่พอใจกันสูงมาก แสดงว่าอย่างน้อยท่ามกลางการต่อสู้กันอย่างดุเดือด ยังมีช่องทางที่คุยกันได้อย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา ที่ทำให้เห็นความพยายามที่จะทำงานร่วมกัน และรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้แม้จะเปราะบางมาก

 

ประเทศระดับกลางๆ อย่างไทยจะต้องวางตัวอย่างไร

 

ฉากตึงเครียดที่เกิดขึ้นนี้แน่นอนว่าทำให้ทั้งโลกต้องตื่นตัว แต่ไทยในฐานะประเทศระดับกลางๆ ก็จะต้องปรับทิศทางให้เหมาะสม

 

ผู้เขียนได้มีโอกาสคุยกับคนไทยบางท่านที่ได้ไปร่วมงาน Summer Davos ดร.สันติธาร เสถียรไทย นักยุทธศาสตร์แห่งอนาคต และผู้เขียนหนังสือ Twists and Turns บอกว่าควรจะฟังหูไว้หู ทั้งในจุดยืนของสหรัฐฯ และของจีน แต่ท่ามกลางความตึงเครียดนี้อาจจะเป็นโอกาสของไทยด้วย

 

“จีนอยากออกไปลงทุนมากขึ้น เป็นทั้งเรื่องที่มีความเสี่ยงและโอกาสสำหรับประเทศไทย บางครั้งมีสินค้าที่จะทะลักเข้ามาแต่จีนจะเพิ่มโอกาสในการลงทุนในด้านต่างๆ เช่น EV และแผงโซลาร์เซลล์ โจทย์ของไทยก็คือการเลือกให้ดี เราต้องการการลงทุนแบบไหน เราเป็นแค่แหล่งผลิตหรือเราจะเป็น Technology Transfer ให้เขามาพัฒนาคนให้เราด้วยได้ไหม เป็น Green Technology ไทยต้องพยายามให้เด่นมากขึ้นในอาเซียนเพื่อดึงดูดการลงทุน”

 

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังว่ามีโอกาสได้คุยกับนายกฯ หลี่เฉียง และได้ถามเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ว่า เมื่อมีปัญหาระหว่างจีนและสหรัฐฯ ประเทศอื่นๆ จะต้องวางตัวอย่างไร คุณบุรณินบอกว่า นายกฯ จีนตอบว่า “แต่ละประเทศต้องมีวิธีการรับมือของตัวเอง”

 

แม้ว่าอาจจะยังเต็มไปด้วยคำถามมากกว่าคำตอบจากเวที Summer Davos นี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อบรรดาผู้นำในระดับที่ตัดสินใจมาพบหารือกันย่อมจะส่งผลต่อทิศทางการเดินหน้าของโลก

 

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งบริษัทบิทคับ ให้ตัวเลขที่น่าคิดว่า คนที่มาร่วมประชุมที่ WEF มีไม่ถึง 3,000 คน แต่เป็นคนที่ควบคุมมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์​ของมูลค่าตลาดหุ้นทั่วโลก ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้เป็น Decision Maker หรือผู้นำรัฐ เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ทุกคนมาคุยกัน และมี Initiative ใหม่ๆ ร่วมกัน เป็นเวทีที่ผู้นำมาพูดคุยกัน และมาแชร์วิสัยทัศน์ เป็น Neutral Ground ของโลก

 

หมายความว่าไม่มีสูตรสำเร็จในสมการภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียดนี้ จีนบอกว่าจีนกำลังปรับเข้าสู่การเติบโตแบบคุณภาพสูง เน้นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สหรัฐฯ บอกว่าต้องปกป้องดูแลตลาดภายใน ธุรกิจ และคนอเมริกัน

 

ไทยจะวางยุทธศาสตร์อย่างไรเพื่อไม่ให้ตกขบวนห่วงโซ่การผลิตใหม่ ที่ความเสี่ยงและโอกาสกำลังมาเคาะประตูบ้าน

 

 

ณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว THE STANDARD ให้สัมภาษณ์กับ เคน-นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ซีอีโอ

และบรรณาธิการบริหาร THE STANDARD ในรายการ The Secret Sauce

 

ภาพ: Lichtgeschwindigkeit via ShutterStock

The post ศึกภูมิรัฐศาสตร์ สหรัฐฯ-จีน: การหย่าร้างของ ‘คู่สมรสทางเศรษฐกิจ’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘จีน’ จะไปต่ออย่างไร ควรปรับใบเรือใหม่ หรือแล่นไปในเส้นทางเดิม https://thestandard.co/china-economy-strategy/ Tue, 26 Mar 2024 02:46:59 +0000 https://thestandard.co/?p=915462 จีน

นับตั้งแต่ หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ออกมาประกาศว่าปีนี […]

The post ‘จีน’ จะไปต่ออย่างไร ควรปรับใบเรือใหม่ หรือแล่นไปในเส้นทางเดิม appeared first on THE STANDARD.

]]>
จีน

นับตั้งแต่ หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ออกมาประกาศว่าปีนี้จีนจะตั้งเป้าผลักดัน GDP 5% ด้วยการเปิดรับนักลงทุนต่างชาติ ควบคุมอุตสาหกรรมไม่ให้มากเกินไป แก้ไขปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ และลดการใช้จ่ายที่ไม่เกิดประโยชน์ของรัฐบาลท้องถิ่น

 

ในงาน China Development Forum ปีนี้จึงเห็นซีอีโอและองค์กรทวิภาคีต่างออกมาชี้แนะวิกฤตเศรษฐกิจจีน โดย IMF ระบุ จีนกำลังอยู่บนทางแยกที่ต้องเลือกระหว่างนโยบายแบบเดิมที่เคยทำสำเร็จหรือพลิกโฉมเศรษฐกิจให้เข้ากับยุคสมัย

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า หลังจากที่หลี่เฉียงออกมาระบุว่าจีนพร้อมเปิดรับนักลงทุนต่างชาติจากนานาประเทศ ล่าสุดจีนยังเปิดเผยข้อมูลดัชนีชี้วัดการเคลื่อนไหวของตลาด (Market-moving) ล่วงหน้า โดยคาดว่านี่อาจเป็นกลยุทธ์ใหม่เพื่อพยายามกระตุ้นตลาดที่หยิบยกเอาข้อมูลเชิงบวกมาตอบโต้ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจ

 

นอกจากนี้ เลียวมิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของจีน เน้นย้ำไปที่ข้อมูลงบประมาณ โดยระบุว่า ข้อมูลนี้จะส่งผลเชิงบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจซึ่งได้มีการใช้จ่ายงบประมาณเร็วขึ้นใน 2 เดือนแรกในรอบเกือบ 5 ปี และชี้แจงอีกว่ารายได้ประเทศที่ลดลงนั้นถูกบิดเบือนจากผลกระทบพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การควบคุมโควิด และนโยบายที่ผันผวนมานานหลายปี ซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน  

 

ดังนั้นด้วยเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณ 5% ในปีนี้ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นเพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อีกทั้งจีนให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติต่อบริษัทต่างชาติอย่างเท่าเทียมกันท่ามกลางการผลักดันการยกระดับอุตสาหกรรม

 

รวมทั้งส่งเสริมการบูรณาการเชิงลึกของนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง และสนับสนุนให้บริษัทต่างชาติลงทุนจัดตั้งศูนย์ R&D

 

IMF แนะจีนปฏิรูปตลาดทั้งระบบ แก้วิกฤตอสังหา เน้นกระตุ้นการบริโภคในประเทศ

 

ในช่วงหนึ่งของเวทีฟอรั่ม คริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาให้มุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจจีนว่า เวลานี้จีนจำเป็นต้องสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ด้วยการพลิกโฉมนโยบายเศรษฐกิจในแต่ละด้าน เร่งแก้ไขวิกฤตตลาดอสังหา พร้อมส่งเสริมการบริโภคและผลิตภาพภายในประเทศ และต้องปฏิรูปด้วยแนวทางการสนับสนุนตลาด (Pro-market) ทั้งระบบ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตได้เร็วกว่าที่เป็นอยู่

 

“จีนกำลังเผชิญทางแยก โดยต้องเลือกระหว่างการพึ่งพานโยบายที่เคยใช้ได้ผลในอดีตต่อไป หรือจะสร้างขึ้นมาใหม่ให้สอดรับกับยุคใหม่ ที่ต่างมุ่งเน้นการเติบโตเชิงคุณภาพที่แข่งขันสูงขึ้น” จอร์เจียวากล่าว

 

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจีนจะบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจตามเป้า GDP โต 5% จากการออกมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมต่อการลงทุนของบริษัทของต่างๆ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงหมายมั่นให้จีนเป็นฐานการผลิตใหม่ด้วย

 

จอร์เจียวากล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องให้จีนดำเนินการเปลี่ยนแปลงมากกว่าที่จีนได้ประกาศเอาไว้ ด้วยการผสานนโยบายที่ให้ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง พร้อมทั้งกระตุ้นการเติบโตในประเทศ ซึ่งจะทำให้จีนเพิ่มเม็ดเงินเข้าประเทศถึง 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 15 ปี และหากประสบความสำเร็จจะยิ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่มากกว่าขนาดเศรษฐกิจเกาหลีใต้ถึง 2 เท่า 

 

ทิม คุก ชี้ AI กุญแจสำคัญลดคาร์บอน ยันลงทุนห่วงโซ่อุปทานในตลาดจีน

 

ทิม คุก ซีอีโอ Apple กล่าวว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยเฉพาะ Apple เองที่มีซัพพลายเออร์ในตลาดจีน

 

จีน

ภาพ: China News Service / Getty Images 

 

การเข้าร่วมอภิปรายต่อสาธารณะในงานนี้ถือเป็นจุดหมายสำคัญของบริษัทที่มีต่อตลาดจีนไม่น้อย หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาได้พบกับ หวังเหวินเทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน และได้ประกาศแผนการที่จะลงทุนเพิ่มเติมในห่วงโซ่อุปทาน สโตร์ และการวิจัยของ Apple ในจีน

 

“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องที่เราผลักดันอย่างมาก แม้ยังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่เส้นทางระหว่างนี้และในอนาคตจำเป็นต้องมีนวัตกรรมมากขึ้น ซึ่ง Apple กำลังทุ่มการลงทุนและทรัพยากรจำนวนมากในการพัฒนา AI ท่ามกลางการแข่งขันของ OpenAI, ChatGPT ทั้งยังมีความท้าทายที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia ถูกจำกัดการขายชิปในจีน

 

เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกว่า ปีที่แล้วเขามาเยือนจีนบ่อยครั้ง และทุกครั้งที่มาให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา โดยได้เยี่ยมชม Weibo กับพันธมิตร ซัพพลายเออร์ และบรรดานักธุรกิจที่ทำกาแฟรายเล็กๆ ที่ใช้เทคโนโลยีของ Apple

 

เขาย้ำว่า การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีจำเป็นต้องมีพันธมิตรที่มีความมุ่งมั่นต่อนวัตกรรมและการปกป้องโลกเหมือนกัน พร้อมชื่นชมซัพพลายเออร์ BYD Co., Lens Technology Co. และ Shenzhen Everwin Precision Technology Co. นอกจากนี้ เขายังยกย่องแบรนด์กาแฟ Saturnbird ที่พัฒนาเครื่องรีไซเคิลกากกาแฟและภาชนะต่างๆ ได้ดีเยี่ยม

 

ดังนั้นการเดินทางเยือนจีนครั้งนี้ นอกจากเปิดสโตร์ใหม่ในเซี่ยงไฮ้ เขามุ่งเสนอไปที่ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ท่ามกลางความอ่อนไหวของภูมิรัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ยังคงย่ำแย่   

 

อย่างไรก็ตาม คุกย้ำว่า Apple ตั้งเป้าหมายในการขจัดพลาสติกออกจากบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ภายในปี 2025 ซึ่งเมื่อนำห่อพลาสติกด้านนอกของบรรจุภัณฑ์ iPhone 13 ออก Apple สามารถลดขยะได้ 600 ตัน 

 

นี่อาจแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ จากสินค้าที่ผลิตจาก iPhone, iPad และ Mac หลายร้อยล้านเครื่องในแต่ละปี ที่สำคัญเกือบทั้งหมดนี้ล้วนผลิตในจีน

 

อ้างอิง: 

The post ‘จีน’ จะไปต่ออย่างไร ควรปรับใบเรือใหม่ หรือแล่นไปในเส้นทางเดิม appeared first on THE STANDARD.

]]>