LG – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 18 Oct 2024 05:59:59 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 โมเดล LG Subscribe หรือ ‘เช่าซื้อ’ ผ่อนจ่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าเริ่ม 399 บาท นาน 7 ปี ตั้งใจนำมาจับคนรายได้น้อย แม้แพงกว่าซื้อสดแต่คุ้ม! https://thestandard.co/lg-subscribe-aim-low-income-audience/ Fri, 18 Oct 2024 05:59:59 +0000 https://thestandard.co/?p=997573 LG Subscribe

ไม่มีเงินก้อนก็มีเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมได้! LG เปิดตัว […]

The post โมเดล LG Subscribe หรือ ‘เช่าซื้อ’ ผ่อนจ่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าเริ่ม 399 บาท นาน 7 ปี ตั้งใจนำมาจับคนรายได้น้อย แม้แพงกว่าซื้อสดแต่คุ้ม! appeared first on THE STANDARD.

]]>
LG Subscribe

ไม่มีเงินก้อนก็มีเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมได้! LG เปิดตัวโมเดลธุรกิจ Subscribe หรือเรียกง่ายๆ ว่าเช่าซื้อ ยกทัพตู้เย็น แอร์ เครื่องซักผ้า เครื่องฟอกอากาศ เครื่องกรองน้ำ ให้ผ่อนจ่ายเริ่มต้น 399 บาท นานถึง 5-7 ปี แม้ราคาจะสูงกว่าซื้อสด 25% แต่คุ้ม เพราะรวมค่าเซอร์วิสแล้ว 

 

“ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีมากนัก มีส่วนทำให้ผู้คนต้องประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งการจะตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชิ้นในงบหลักแสนบาทแต่ละครั้งยากขึ้นกว่าเดิม LG จึงต้องการนำโมเดลดังกล่าวเข้ามาตอบโจทย์คนที่มีรายได้น้อยให้เข้าถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า” อำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

จริงๆ แล้ว LGเริ่มต้นธุรกิจLG Subscribe ครั้งแรกในปี 2009 ที่เกาหลีใต้ ซึ่งได้รับการตอบรับดี โดยมีลูกค้าเลือกใช้บริการนี้กว่า 3 ล้านคน และสร้างยอดขายได้ถึง 866 ล้านดอลลาร์ต่อปี จากนั้นในปี 2019 เปิดตัวในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 1 แสนคน สร้างยอดขายได้กว่า 20 ล้านดอลลาร์ต่อปี ตามด้วยไต้หวัน และไทยถือเป็นประเทศที่ 4 

 

สำหรับธุรกิจ Subscribe ในไทยต้องยอมรับว่าค่อนข้างใหม่LG ถือเป็นแบรนด์แรกที่ทำธุรกิจในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งหากถามว่าทำไมแบรนด์อื่นไม่ทำ เพราะมีความยากในแง่ของบริการหลังการขาย 

 

“หัวใจหลักของโมเดลนี้ไม่ใช่แค่การแบ่งจ่ายเป็นรายเดือน แต่ต้องมองเรื่องของเซอร์วิสด้วย ดังนั้นสิ่งที่จะตามมาคือต้องมีพนักงานเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เพื่อบริการกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุม”

 

สิ่งที่น่าสนใจของโมเดลธุรกิจLG Subscribe จะมีกลุ่มสินค้าครอบคลุม 9 หมวด 36 รุ่น เริ่มตั้งแต่เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ทีวี เครื่องฟอกอากาศ เครื่องกรองน้ำ และเครื่องดูดฝุ่น ในแต่ละรุ่นมีหลากหลายราคา ตั้งแต่รุ่นพื้นฐานไปจนถึงพรีเมียม สินค้าทุกรุ่นสามารถผ่อนในราคาเริ่มต้น 399-2,999 บาทต่อเดือน โดยบางรายการสินค้าอย่างกลุ่มทีวีจะต้องชำระล่วงหน้า 6 เดือน 

 

สำหรับสินค้าทั้งหมดเลือกได้ว่าจะผ่อนกี่ปี เริ่มระยะสัญญา 5-7 ปี และตลอดอายุการใช้งานจะมีเซอร์วิสรับประกันสินค้าตลอดระยะสัญญา ทั้งนี้ ลูกค้าที่จะซื้อสินค้าLG Subscribe ได้จะต้องมีบัตรเครดิตเท่านั้น โดยบริษัทตั้งใจเจาะลูกค้าวัยทำงานเป็นหลัก

 

หัวหน้าฝ่ายการตลาด LGย้ำว่า มองเห็นศักยภาพการเติบโต แม้เครื่องใช้ไฟฟ้า 1 เครื่อง จะมีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี แต่ในความเป็นจริงเมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานถึง 7 ปี ลูกค้าหลายๆ คนก็เปลี่ยนแล้ว 

 

LGจึงตั้งใจผลักดันธุรกิจนี้ให้มียอดขาย 1 พันล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า และรายได้จากธุรกิจใหม่จะคิดเป็น 5% ของรายได้รวมLG ทั้งหมด 

The post โมเดล LG Subscribe หรือ ‘เช่าซื้อ’ ผ่อนจ่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าเริ่ม 399 บาท นาน 7 ปี ตั้งใจนำมาจับคนรายได้น้อย แม้แพงกว่าซื้อสดแต่คุ้ม! appeared first on THE STANDARD.

]]>
เช่าใช้คุ้มกว่าซื้อ? LG ดัน Subscription เครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยและอินเดีย สู้เกมราคาของแบรนด์จีน https://thestandard.co/lg-pushes-home-appliance-subscription-in-thailand-and-india/ Wed, 16 Oct 2024 11:46:32 +0000 https://thestandard.co/?p=996767

LG Electronics เตรียมขยายบริการสมัครสมาชิก (Subscriptio […]

The post เช่าใช้คุ้มกว่าซื้อ? LG ดัน Subscription เครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยและอินเดีย สู้เกมราคาของแบรนด์จีน appeared first on THE STANDARD.

]]>

LG Electronics เตรียมขยายบริการสมัครสมาชิก (Subscription) เครื่องใช้ไฟฟ้าไปยังประเทศไทย อินเดีย และตลาดอื่นๆ เพื่อรับมือกับการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้นจากผู้ผลิตจีน

 

ปัจจุบัน LG ให้บริการเช่าเครื่องใช้ไฟฟ้า 23 ประเภท เช่น โทรทัศน์, เครื่องซักผ้า, เครื่องดูดฝุ่น และเครื่องฟอกอากาศ เป็นระยะเวลา 3-6 ปี โดยมีตัวเลือกให้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์หลังจากสิ้นสุดสัญญาเช่า จากข้อมูลพบว่าเครื่องล้างจานเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในบริการสมัครสมาชิก โดยคิดเป็น 70% ของยอดขายในแง่มูลค่า

 

แม้ว่ารายได้จากการสมัครสมาชิกจะคิดเป็นเพียง 4% ของรายได้ต่อปีในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคของ LG ในปีที่แล้ว แต่บริษัทก็พร้อมที่จะผลักดันให้ตัวเลขนี้เติบโตขึ้น

 

โดยเปิดตัวบริการนี้ในมาเลเซียและไต้หวันแล้ว และมีแผนที่จะเริ่มให้บริการในประเทศไทย อินเดีย และตลาดอื่นๆ ในเอเชียภายในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรปในอนาคตอันใกล้นี้

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

บริการสมัครสมาชิกของ LG มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น การติดตั้ง การเปลี่ยนอะไหล่ฟรี และการทำความสะอาดแผ่นกรอง นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกแบบชำระเงินสำหรับบริการจัดส่งของชำ

 

Nikkei Asia รายงานว่า แม้ว่าในระยะยาวแล้ว การสมัครสมาชิกจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยตรง แต่บริการนี้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้ เนื่องจากค่าธรรมเนียมรายเดือนที่สมเหตุสมผลและการบำรุงรักษาฟรี

 

LG เป็นผู้บุกเบิกบริการสมัครสมาชิกเครื่องใช้ไฟฟ้าในเกาหลีใต้ โดยเริ่มต้นในปี 2009 ด้วยเครื่องกรองน้ำ และขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างมากตั้งแต่ปี 2022

 

ในปีที่แล้วรายได้จากการสมัครสมาชิกอยู่ที่ 1.13 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากปี 2022 และคาดว่าจะสูงถึง 1.8 ล้านล้านวอนในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 60%

 

การมุ่งเน้นไปที่บริการเป็นผลมาจากอัตรากำไรที่ลดลงในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า LG Electronics ทำยอดขายรวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 22.18 ล้านล้านวอนในไตรมาส 3 แต่กำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มลดลง 21% จากปีก่อนหน้า เหลือ 7.51 แสนล้านวอน

 

ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงขึ้น และการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงจากแบรนด์จีน การบริการสมัครสมาชิกคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายของอุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งมีราคาสูง

 

อย่างไรก็ตาม LG อาจต้องเผชิญกับการแข่งขันในตลาดบริการสมัครสมาชิกในอนาคต โดยมีรายงานว่า Samsung Electronics กำลังพิจารณาที่จะเข้าสู่ธุรกิจนี้เช่นกัน

 

อ้างอิง:

The post เช่าใช้คุ้มกว่าซื้อ? LG ดัน Subscription เครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยและอินเดีย สู้เกมราคาของแบรนด์จีน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เยือนอาณาจักร LG ถึงกรุงโซล เกาหลีใต้ ส่องอนาคตแบรนด์ระดับโลก กับหมุดหมายต่อไปที่จะเป็น ‘มากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้า’ มุ่งสู่ AI, EV และเกม https://thestandard.co/lg-seoul-south-korea/ Sat, 12 Oct 2024 23:00:40 +0000 https://thestandard.co/?p=995347

หากมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าสักชิ้น หนึ่งในแบรนด์ที่นึกขึ้นไ […]

The post เยือนอาณาจักร LG ถึงกรุงโซล เกาหลีใต้ ส่องอนาคตแบรนด์ระดับโลก กับหมุดหมายต่อไปที่จะเป็น ‘มากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้า’ มุ่งสู่ AI, EV และเกม appeared first on THE STANDARD.

]]>

หากมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าสักชิ้น หนึ่งในแบรนด์ที่นึกขึ้นได้ในทันที ด้วยโลโก้ที่มีตัว L และ G สีแดงตัดกับขาวที่เป็นซิกเนเจอร์ ดูเหมือนน้องมีตาเคลื่อนไหวได้ พยักหน้า หมุนและขยิบตา คงคุ้นหน้าคุ้นตากันดีว่านี่คือแบรนด์ LG (엘지 전자) 

 

แบรนด์ที่อยู่กับคนไทยมานานหลายปี แต่หากพูดถึงต้นกำเนิด LG ปักธงเริ่มต้นที่ปี 1947 ด้วยการก่อตั้งธุรกิจอุตสาหกรรมเคมีในนาม Lak Hui Chemical Industrial Corporation โดย Koo In Hwoi ผู้ก่อตั้ง 

 

และรู้หรือไม่ว่า ผลิตภัณฑ์ตัวแรกสุดของบริษัทแห่งนี้คือ ‘ครีมลัคกี้’ (Lak Hui Cream) เครื่องสำอางของชาวเกาหลี 

 

กระทั่งปี 1958 ก็เปลี่ยนมาเปิดเป็นบริษัท Goldstar มาเพื่อรุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เช่น โทรทัศน์ วิทยุ เตาไมโครเวฟ จนประสบความสำเร็จ จนถึงปี 1995 เปลี่ยนชื่อให้สั้นและง่ายในนาม LG พร้อมเปิดตัวโลโก้ใหม่ เรียกได้ว่า LG เติบโตมากับยุคแห่งการบุกเบิกอุตสาหกรรมเคมีและอิเล็กทรอนิกส์ในเกาหลีโดยแท้

 

เวลากว่า 7 ทศวรรษ จวบจนปัจจุบัน LG ถือเป็นแบรนด์สัญชาติเกาหลีใต้ที่มีลูกค้าทั่วโลก เป็นเจ้าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ต้นๆ เป็นบริษัทนวัตกรรมยักษ์ใหญ่ระดับโลก 

 

วันนี้ THE STANDARD WEALTH มีโอกาสเดินทางไปยังกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เยือนบ้านหลังใหญ่ของ LG  ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตึก LG Twin ย่านธุรกิจ Yeouido-dong กับการค้นหาคำตอบของก้าวต่อไป เมื่อ LG จะเป็นมากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้า 

 

มุมทำงานของพนักงาน LG บนตึกสูง LG Twin ย่านธุรกิจ Yeouido-dong 

 

จากโรงงานบุกเบิก ‘ผลิตวิดีโอและเครื่องเสียง’ วันนั้น สู่โรงงานอัจฉริยะในวันนี้ 

 

การเดินทางเริ่มต้นด้วยการเยือนธุรกิจ LG  PRI ที่ตั้งอยู่ใน LG Digital Park เมืองพย็องแท็ก ซึ่งห่างจากกรุงโซลราว 2 ชั่วโมง 

 

โรงงานแห่งนี้ได้จัดตั้งส่วนธุรกิจโรงงานอัจฉริยะภายในสถาบันวิจัยวิศวกรรมการผลิต (PRI) และเป็นโรงงานที่เริ่มต้นนำเอาเทคโนโลยีการสร้างโรงงานอัจฉริยะและโซลูชันการดำเนินงานในเชิงพาณิชย์ สร้างขึ้นในปี 1984 เพื่อผลิตวิดีโอและเครื่องเสียง 

 

ปัจจุบันธุรกิจนี้ไม่ได้นำเสนอแค่โซลูชันอีกต่อไปแล้ว หากลูกค้าต้องการโรงงานเพื่อยกระดับศักยภาพการผลิต LG ก็พร้อมจัดวางระบบโรงงานให้อย่างครบวงจร โดยจะออกแบบไปจนถึงก่อสร้าง ปรับปรุง อัปเกรด ซึ่งมีติดต่อมาแล้วหลายสิบราย 

 

โดยราคาก่อสร้างคร่าวๆ จะใช้งบประมาณลงทุนราวๆ 150 ล้านดอลลาร์ ซึ่งโลกในอุตสาหกรรมอนาคตจะเต็มไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้ง AI ชิปเซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ดังนั้น LG จะนำเอาจุดแข็งที่มีมาต่อยอดเทคโนโลยีในโรงงาน  

 

LG Smart Park ได้รับการขนานนามว่าเป็นโรงงาน Lighthouse Factory ที่สะท้อนโลกแห่งอนาคต

 

อีกโรงงานไม่ใกล้ไม่ไกลกันมากนัก คือโรงงาน LG Smart Park เมืองชางวอน ถือเป็นศูนย์กลางแห่งอนาคตของการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านส่วนอีกแห่ง คือ LG Smart Park ได้รับการขนานนามว่าเป็นโรงงาน Lighthouse Factory โดย World Economic Forum (WEF) ในปี 2022 

 

เป็นโรงงานผลิตที่ชี้ให้เห็นถึง ‘โลกแห่งอนาคต’ ซึ่งสามารถผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมากถึง 58 รุ่นบนสายการผลิตเดียว มีระบบโลจิสติกส์แบบสามมิติที่ใช้พื้นที่คลังสินค้าน้อยกว่าแบบดั้งเดิมถึง 30% 

 

นอกจากใช้แพลตฟอร์ม AI ขั้นสูง ในอดีตบุคลากรต้องตรวจสอบผลิตภัณฑ์ด้วยตนเองเพื่อมองหาปัญหาหรือความผิดปกติ แต่ด้วยระบบอัจฉริยะนี้ช่วยลดปัญหาหรือความผิดปกติลงถึง 50% และลดอัตราข้อบกพร่องอีก 30% เมื่อเห็นการทำงานจริงๆ แล้วเรียกได้ว่าบางไลน์ผลิต ‘แทบไม่ต้องใช้แรงงานคน’ เลยก็ว่าได้

 

 

ปัจจุบัน LG ขยายไลน์อัพเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านให้มี ‘ความอัจฉริยะอันมีเสน่ห์’ (Affectionate Intelligence) มากถึง 11 หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ, เครื่องซักผ้า, เครื่องอบผ้า Styler, เครื่องฟอกอากาศ, หุ่นยนต์ดูดฝุ่น, ตู้เย็น, เตาไฟฟ้า, เครื่องล้างจาน, เครื่องกรองน้ำ และทีวี

 

นอกจากนี้ด้วยแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงออกมาเป็นเครื่องปลูกพืชอัจฉริยะหรือ LG tiiun ที่ช่วยให้การปลูกผักเองในบ้านเป็นเรื่องง่าย

 

ตามไปดูธุรกิจที่ ‘มากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้า’ ที่ว่านั้นมีอะไรอีกบ้าง

 

LG ยกธงขาวธุรกิจโทรศัพท์มือถือ หันมาลงสนาม EV 

 

วันถัดมาได้เยี่ยมชมกลุ่มธุรกิจใหม่ที่ไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า LG ได้พิจารณาจากสภาวะตลาดและกลยุทธ์โมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้บริษัทตัดสินใจยุติกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์มือถือและแผงโซลาร์เซลล์ และหันมาทุ่มสรรพกำลังไปยังพื้นที่ที่มีการเติบโตสูงเพื่ออนาคตแทน

 

โดย LG มุ่งไปที่เทรนด์โลกเปลี่ยนไปสู่พลังงาน การผลิตแบตเตอรี่ เจาะกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทระดับโลกหันมาลงสนามหลายราย ซึ่งแน่นอนว่าได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ  

 

เมื่อเห็นแนวโน้มการบริโภคทั่วโลกจึงทำธุรกิจเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่ง LG มีเป้าหมายที่จะนำเสนอโซลูชันแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ไม่ใช่เพียงแค่การจำหน่ายเครื่องชาร์จอย่างแบรนด์ ‘Volt UP’

 

นอกจากกรุงโซล LG ขยายธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา

 

THE STANDARD WEALTH สังเกตเห็นตามท้องถนนกรุงโซลเต็มไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ จึงไม่แปลกใจกับสมญานามที่ว่า ‘เกาหลีใต้เป็นดาวรุ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า’ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านอุปกรณ์ชาร์จรถ EV ดีที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งต้องเครดิตให้กับนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาล ทำให้ LG เห็นโอกาส จึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ 4 รายการในเกาหลีใต้ผ่านบริษัทในเครือ HiEV Charger ปัจจุบัน LG ขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา และจะขยายตลาดไปยังทวีปยุโรปและเอเชียในปีหน้า แง้มๆ ว่าไทยเองก็กำลังสนใจ

 

นอกจากนี้ LG ยังวางแผนที่จะเริ่มสร้างฐานการผลิตเพิ่มเติมภายในปีนี้ เพื่อมุ่งเป้าไปยังตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งในส่วนของเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าก็มุ่งเน้นให้เติบโตและขยายกลุ่มธุรกิจ B2B ด้วยเช่นเดียวกัน 

 

LG จะก้าวไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้า

 

Valentin Janiaut, Leading LG’s Vision in Mobility Software for the SDV Era ที่ฉายภาพถึงอุตสาหกรรมแห่งอนาคตกับบทบาทของเทคโนโลยียานยนต์ โดยมุ่งเน้นไปที่ยานยนต์ซอฟต์แวร์ (SDV) เพราะ LG จะไม่ได้เป็นแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อีกต่อไปแล้ว แต่กำลังก้าวไปข้างหน้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้า

 

“ไม่แน่ว่าในอนาคต หากคุณซื้อรถยนต์สักคันหนึ่ง มีโอกาสสูงมากที่ภายในรถคันนั้นจะมีผลิตภัณฑ์ของ LG ทั้งหมด รวมถึงแบตเตอรี่” Valentin กล่าว

 

LG AlphaWare และ webOS เกมมิ่ง

 

อีกหนึ่งธุรกิจของ LG ที่น่าสนใจมาก คือการพัฒนาซอฟต์แวร์ LG AlphaWare การขยายนิยามของยานยนต์ในอนาคต และยกระดับความคาดหวังต่อวงการยานยนต์  

 

โดย LG AlphaWare จะมีบทบาทสำคัญในการทำให้ยานยนต์ที่ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ (SDV) กลายเป็นพื้นที่อาศัยบนล้อ โดยสามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกับที่ได้รับจากการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในบ้าน ว่าง่ายๆ ก็คือ ‘ขับขี่ในรถก็สบายเหมือนอยู่บ้าน’

 

นอกจากนี้ LG ยังพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับยานยนต์ (ACP) ซึ่งหลายคนอาจคุ้นกับระบบ webOS ที่ใช้กันบนสมาร์ททีวีเป็นส่วนใหญ่ โดย LG ได้พัฒนาระบบนี้ซึ่งมีอยู่ในรถยนต์แบรนด์ดังหลายรุ่น แบรนด์หรู Genesis ของ Hyundai ก็ใช้ระบบ webOS ของ LG ด้วย 

 

อีกทั้งอนาคตจะขยายบริการ LG Channels ในรถยนต์ และมีแผนเพิ่มตัวเลือกเนื้อหาด้วย 

 

LG พัฒนา AI บน webOS เตรียมขยายฐานธุรกิจสู่อุตสาหกรรมสื่อความบันเทิง เกม และ EV

 

การเดินทางครั้งนี้ยังมีโอกาสได้ร่วมงานครบรอบ 10 ปีของการเปิดตัว webOS บนสมาร์ททีวีของ LG ซึ่งต้องบอกว่า webOS มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่ของ LG โดยเปลี่ยนจากการเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคมาเป็นบริษัทโซลูชันอัจฉริยะ 

 

ด้วยการลงทุนเชิงกลยุทธ์มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านวอนเกาหลีใต้ (740 ล้านดอลลาร์) โดย LG ตั้งเป้าพัฒนาแพลตฟอร์ม AI webOS ในกว่า 180 ประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีแอปให้เลือกกว่า 4,000 แอป ที่มีทั้งความบันเทิง การออกกำลังกายที่บ้าน การศึกษา และการเล่นเกม สำหรับไฮไลต์สำคัญของปีนี้คือการเป็นแพลตฟอร์มเล่นเกมขั้นสูง 

 

“ปัจจุบันแพลตฟอร์มนี้มีเกมให้เลือกเล่นประมาณ 4,500 เกมบนคลาวด์ยอดนิยม เช่น GeForce NOW และ Amazon Luna อีกด้วย”

 

ไขรหัสลับ ‘ก้าวต่อไปของ LG’

 

ยังมีอีกธุรกิจที่ LG ซุ่มทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโซลูชันการรักษาทางการแพทย์ทางไกลในอเมริกาเหนืออย่าง LG NOVA หรือโซลูชันหุ่นยนต์อัตโนมัติ เช่น CLOi ServeBot, LG CLOi CarryBot รวมถึงแพลตฟอร์มสื่อ เกม และความบันเทิงต่างๆ และยังมองอนาคตการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ 

 

LG จัดตั้งองค์กรที่มีภารกิจเฉพาะในการพัฒนาชิป AI สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

 

หากดูจากวิชัน LG ที่ได้ประกาศในการเปลี่ยนแปลงจากสถานะ ‘แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านชั้นนำระดับโลก สู่การเป็นบริษัทโซลูชันเพื่อชีวิตสมาร์ท’ (Smart Life Solution Company) สิ่งที่เห็นตลอดทริปก็ถือว่ามาถูกทาง 

 

เพราะอนาคตบริษัทแม่ตั้งเป้าที่จะบรรลุเป้าหมาย ‘Triple Seven’ ซึ่งครอบคลุมถึงอัตราการเติบโตเฉลี่ยและกำไร 7% หรือมากกว่า รวมถึงปรับเพิ่มอัตราส่วนมูลค่าของกิจการกับกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย หรือ EV/EBITDA อยู่ที่ 7 เท่า ด้วยเป้าหมายเพิ่มยอดขายจาก 65 ล้านล้านวอนในปีที่แล้วสู่ 100 ล้านล้านวอนภายในปี 2030 

 

ที่สำคัญคือน่าสนใจว่า LG จะใช้กลยุทธ์ตลาดและลูกค้าเจาะกลุ่ม ‘คนรุ่นใหม่’ ปรับและเปลี่ยนผ่านไปสู่ 

  • โมเดลธุรกิจบริการที่ใช้แพลตฟอร์มเป็นฐาน 
  • เร่งพัฒนาในด้าน B2B 
  • การจัดหาเครื่องจักรแห่งการเติบโตใหม่บนพื้นฐานของความได้เปรียบในการแข่งขัน และภายในปี 2030 คาดการณ์ว่าจะช่วยดันในแง่ของยอดขายและกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 50%

 

LG ปรับกลยุทธ์ ก้าวสู่การเป็นบริษัท ‘Smart Life Solution’ อย่างเต็มรูปแบบ

 

ขณะเดียวกันบริษัทก็วางแผนที่จะลงทุนเพิ่มมากกว่า 50 ล้านล้านวอนภายในปี 2030 เข้าพอร์ตโฟลิโอ ทั้งเครื่องจักรใหม่และการลงทุนวิจัยและพัฒนา (R&D) มากกว่า 25 ล้านล้านวอน ลงทุนด้านสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า 17 ล้านล้านวอน และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ 7 ล้านล้านวอน 

 

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ LG ประมาณ 500-700 ล้านชิ้นที่ได้รับการใช้งานทั่วโลก มีการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและทีวีได้เกือบ 100 ล้านเครื่องทุกปี 

 

ท้ายสุด THE STANDARD WEALTH พูดคุยกับ ‘อำนาจ สิงหจันทร์’ ผู้จัดการอาวุโส แผนกการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ร่วมเดินทางในทริปนี้ บอกว่า ปีนี้เห็นการปรับตัว การเปลี่ยนแปลง ที่เร็ว ทันสมัย ของบริษัทแม่ไม่น้อย ซึ่ง LG Thailand จะนำไปปรับใช้ 

 

ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศการทำงานที่น่าอยู่ ซึ่งออฟฟิศ LG Thailand เพิ่งย้ายบ้านหลังใหม่มาอยู่ที่โครงการ One Bangkok นี่จะเป็นการเพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆ ในการทำงาน อีกทั้งยังเห็นการปรับตัวของสินค้าไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะท้ายที่สุด 

 

“โลกเปลี่ยน ไม่ว่าธุรกิจใด สำเร็จแค่ไหน ก็ต้องปรับตัว หากไม่ปรับ เท่ากับอยู่กับที่” 

 

อย่างสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยี นอกจากเครื่องปรับอากาศที่ขายดีในไทย ยังมีธุรกิจ EV, webOS ที่น่าจะมีศักยภาพ เครื่องเสียงที่เหมาะกับปาร์ตี้ของคนไทย หรือ LG StanbyMe Go 27” ถือเป็นหนึ่งสินค้าที่ตอบโจทย์ความบันเทิงสำหรับนักเดินทาง เหมาะกับวัยรุ่น Gen Z ที่ชื่นชอบการแคมปิ้ง

 

 

รวมถึง LG Styler ShoeCare ไอเท็มที่เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์สำหรับคนรักรองเท้า สามารถตั้งโปรแกรมในการช่วยถนอมรองเท้า คุมอุณหภูมิ ทำความสะอาด กำจัดแบคทีเรีย ได้ในเวลาเดียวกัน ว่าง่ายๆ คือยังมีอีกหลายโปรดักต์ที่น่าสนใจแต่ยังไม่ได้นำเข้าหรือทำตลาดในไทย  

 

โดยเฉพาะสถานีชาร์จ EV ที่ไทยเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างมาก ขณะนี้จึงมองไปถึงแผนการนำสถานีชาร์จ EV ของ LG เข้ามาในไทย โดยอยู่ระหว่างหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขและข้อกฎหมาย

 

อำนาจกล่าวทิ้งท้ายว่า โปรดักต์ที่ทำได้ดีอยู่แล้ว LG Thailand ก็จะทำให้ดียิ่งขึ้น แม้มีสินค้าแบรนด์อื่นที่เข้ามาทำราคาถูกแข่งขัน เรายืนยันว่าเราอยู่ในกลุ่มที่เน้นคุณภาพ เราจะรักษาแบรนด์และมาร์เก็ตแชร์ที่ดีในไทยต่อไป

 

ที่แน่ๆ ปีหน้าเราตั้งเป้าโต 10% มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท “เมื่อดูบรรยากาศทางเศรษฐกิจโลกและไทย น่าจะดีขึ้น ยอดขายน่าจะทะลุเกินเป้าหรือมากกว่าปีนี้แน่นอน”

 

อ้างอิง: 

The post เยือนอาณาจักร LG ถึงกรุงโซล เกาหลีใต้ ส่องอนาคตแบรนด์ระดับโลก กับหมุดหมายต่อไปที่จะเป็น ‘มากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้า’ มุ่งสู่ AI, EV และเกม appeared first on THE STANDARD.

]]>
LG ประเทศไทย รับ ตลาดปีนี้เหนื่อยจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว ลุ้นเงินดิจิทัลช่วยกระตุ้นยอดขาย เผยเตรียมซ่อม-จัดโปรโมชัน ช่วยลูกค้าที่เจอน้ำท่วมในเชียงราย https://thestandard.co/lg-thailand-admits-this-years-market-is-tough/ Sat, 14 Sep 2024 05:37:28 +0000 https://thestandard.co/?p=983578

‘LG ประเทศไทย’ ยอมรับ ตลาดปีนี้เหนื่อยจากกำลังซื้อซบเซา […]

The post LG ประเทศไทย รับ ตลาดปีนี้เหนื่อยจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว ลุ้นเงินดิจิทัลช่วยกระตุ้นยอดขาย เผยเตรียมซ่อม-จัดโปรโมชัน ช่วยลูกค้าที่เจอน้ำท่วมในเชียงราย appeared first on THE STANDARD.

]]>

‘LG ประเทศไทย’ ยอมรับ ตลาดปีนี้เหนื่อยจากกำลังซื้อซบเซา แต่หวังเงินดิจิทัลช่วยกระตุ้นยอดขายปลายปี 

 

ในปี 2567 ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าท้าทายมากจากปัจจัยเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ยังชะลอตัว แต่ถ้าปลายปีนี้มีเงินดิจิทัลเข้ามาช่วยจะทำให้เงินสะพัด และจะสร้างอานิสงส์ต่อยอดขายได้บ้าง โดย “ในปีนี้ LG ประเทศไทย คาดการณ์ว่ารายได้จะอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท เติบโต 7%” อำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

 

สำหรับทิศทางต่อไป บริษัทต้องการก้าวสู่การเป็นองค์กร Smart Life Solution Company อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะมาจาก 3 วิสัยทัศน์ เริ่มตั้งแต่ 1. การขับเคลื่อนด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์ 2. การตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลจากหลายองค์ประกอบ และ 3. อยู่บนพื้นฐานด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้บริษัทเติบโตขึ้นคือการรุกหนักตลาด B2B และ D2C มากขึ้น โดยจะเน้นจำหน่ายสินค้าเรือธงทั้งจอภาพ Digital Signage, Information Display รวมถึง HVAC Solutions หรือระบบเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ เข้าไปรองรับกับภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะออฟฟิศเกิดใหม่และมหาวิทยาลัยที่ลงทุนในสื่อการเรียนการสอน จากเดิมที่ LG เน้นจำหน่าย B2C ในรูปแบบขายผ่านตัวแทนเป็นหลัก ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการขายสินค้าค่อยๆ เปลี่ยนไป 

 

ขณะที่ช่องทาง D2C จำหน่ายสินค้าผ่านเว็บไซต์และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เน้นขายสินค้าราคาไม่สูงมาก โดยปัจจุบันยอดขายช่องทางนี้อยู่ที่ 20% เห็นได้ว่ายังมีดีมานด์เพิ่มขึ้น แต่สินค้ากลุ่มพรีเมียมจะเน้นขายหน้าร้าน เพราะพฤติกรรมลูกค้ามีกำลังซื้อสูงจะเน้นทดลองก่อน และในช่วงปลายปีนี้ยังเตรียมรุกธุรกิจแฟรนไชส์เครื่องซักผ้าด้วยเช่นกัน 

 

“LG ดำเนินธุรกิจในไทยมากว่า 36 ปี ถือว่าเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างมาก สะท้อนได้จากส่วนแบ่งตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดใหญ่และเครื่องปรับอากาศเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศ” 

 

ล่าสุด LG ย้ายออฟฟิศเข้ามาอยู่ในโครงการ One Bangkok บนชั้น 23 มีพื้นที่กว่า 2,780 ตารางเมตร ได้รับการออกแบบและตกแต่งผ่านแนวคิด Life’s Good โดยโชว์พื้นที่ Immersive Experience Zone ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์นวัตกรรมล่าสุดของ LG ซึ่งจะเป็นพื้นที่สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าและพาร์ตเนอร์

 

หัวหน้าฝ่ายการตลาด LG ยังกล่าวต่อไปว่า บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง โดยมีจุดแข็งของการนำ AI มาใช้ในอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งทีวี เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และเครื่องฟอกอากาศ ที่ผ่านมาเครื่องใช้ไฟฟ้า LG ที่มีระบบ AI ขายไปกว่า 700 ล้านชิ้นทั่วโลก ซึ่งการปล่อยสินค้าแต่ละครั้งจะมาจากเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภค โดยนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากการทดสอบการใช้งานของลูกค้ากลับมาพัฒนาต่อ จนทำให้ได้ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมขึ้น 

 

ทั้งนี้ LG ประเทศไทย มีตัวแทนจำหน่ายทั้งร้านค้ารายเล็กและรายใหญ่กว่า 900 แห่ง รวมถึงจังหวัดเชียงรายที่กำลังเผชิญสถานการณ์น้ำท่วมหนัก พบว่ามีร้านค้าที่ได้รับผลกระทบ 30 แห่ง 

 

ขณะนี้เริ่มได้รับแจ้งซ่อมสินค้าแล้ว ซึ่งบริษัทเตรียมออกแคมเปญช่วยซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ควบคู่กับการจัดโปรโมชันช่วยเหลือคู่ค้าและลูกค้าที่ได้รับผลกระทบให้ได้มากที่สุด เบื้องต้นยังไม่กังวล เพราะมองว่าจะกระทบธุรกิจระยะสั้นเท่านั้น

The post LG ประเทศไทย รับ ตลาดปีนี้เหนื่อยจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว ลุ้นเงินดิจิทัลช่วยกระตุ้นยอดขาย เผยเตรียมซ่อม-จัดโปรโมชัน ช่วยลูกค้าที่เจอน้ำท่วมในเชียงราย appeared first on THE STANDARD.

]]>
LG vs. Samsung เปิดศึกชิงตลาด EdTech เกาหลีใต้ ทุ่มเทคโนโลยี AI-VR ปั้นห้องเรียนแห่งอนาคต https://thestandard.co/lg-vs-samsung-edtech-ai-vr/ Thu, 08 Aug 2024 11:23:01 +0000 https://thestandard.co/?p=969123

LG Electronics และ Samsung Electronics สองยักษ์ใหญ่ด้าน […]

The post LG vs. Samsung เปิดศึกชิงตลาด EdTech เกาหลีใต้ ทุ่มเทคโนโลยี AI-VR ปั้นห้องเรียนแห่งอนาคต appeared first on THE STANDARD.

]]>

LG Electronics และ Samsung Electronics สองยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากเกาหลีใต้ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยอาศัยนโยบายของรัฐบาลเกาหลีใต้ที่สนับสนุนการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในห้องเรียน และมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ

 

LG ติดตั้ง ‘ห้องเรียนแห่งอนาคต’ ในโรงเรียน 18 แห่งทั่วเกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 2023 โดยมีกระดานไวท์บอร์ดดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับหุ่นยนต์ CLOi ที่มาพร้อมกับ AI ซึ่งสามารถตอบคำถามนักเรียนเกี่ยวกับกิจกรรมในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน และเล่นเพลงของบีโธเฟนตามคำขอ

 

โครงการนี้ได้รับแรงผลักดันส่วนหนึ่งจากการที่เกาหลีใต้นำตำราเรียนดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้ ซึ่งจะเปิดตัวในปีการศึกษาใหม่ที่จะเริ่มในเดือนมีนาคม 2025 สำหรับนักเรียน 5 ล้านคนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย โครงการนี้ถือเป็นโครงการแรกของโลก โดยมี LG เป็นหนึ่งในกว่า 60 บริษัทที่เข้าร่วมในการพัฒนา

 

ตำราเรียน AI เหล่านี้จะช่วยประเมินระดับความสามารถของนักเรียนผ่าน AI โดยมีเนื้อหาเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนที่เรียนช้า และเนื้อหาขั้นสูงสำหรับนักเรียนที่เรียนเก่ง นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) เข้ามาในบทเรียนอีกด้วย

 

เมื่อมีการนำตำราเรียน AI มาใช้ CLOi จะช่วยเหลือครูในห้องเรียน “เราตั้งเป้าจะสร้างห้องเรียนที่สนุกสนานสำหรับเด็กๆ ที่เป็น Digital Natives” หัวหน้าทีมในหน่วยการศึกษาของ LG กล่าว

 

ตำราเรียน AI จะเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องมากมาย ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตไปจนถึงไวท์บอร์ดอิเล็กทรอนิกส์

 

ในเดือนมิถุนายน Samsung ประกาศเปิดตัวจอแสดงผลใหม่ที่ติดตั้ง Generative AI ซึ่งออกแบบมาสำหรับโรงเรียน โดยครูสามารถสั่งงานด้วยเสียงจากทุกที่ในห้องเรียนไปยัง AI ซึ่งจะถอดเสียงหรือสรุปบทเรียนโดยอัตโนมัติ ครูไม่จำเป็นต้องยืนอยู่หน้าห้องเรียนอีกต่อไป ทำให้พวกเขาสามารถเดินไปหานักเรียนเพื่อให้ความสนใจแบบตัวต่อตัวได้มากขึ้น

 

NAVER บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ พัฒนาแอปสำหรับการศึกษาและให้คำปรึกษาด้านอาชีพ ในขณะที่ Kakao มีแอปสำหรับติดต่อผู้ปกครองหรือผู้ดูแลนักเรียน

 

แม้ว่าเทคโนโลยีดิจิทัลกำลังได้รับความนิยมในห้องเรียน แต่ก็ยังมีหนทางอีกยาวไกล ซึ่งทำให้มีโอกาสเติบโตในระยะยาว โดย Samil PwC ของเกาหลีใต้คาดการณ์ว่า ตลาด EdTech ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 4.04 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 2025 เป็น 8 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 2030

 

เฉพาะในเกาหลีใต้ ซึ่งมีอัตราการเกิดต่ำ Samil PwC คาดการณ์ว่าประชากรวัยเรียนของประเทศ (อายุ 6-21 ปี) จะลดลงจาก 7.89 ล้านคนในปี 2020 เหลือประมาณ 6 ล้านคนในปี 2030 ทำให้หลายบริษัทกำลังพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีในประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะนำไปใช้ในต่างประเทศก่อนคู่แข่ง

 

LG มุ่งเป้าไปที่ญี่ปุ่น โดยมีแผนจะเปิดตัวห้องเรียนแห่งอนาคตในปี 2024 ญี่ปุ่นเปิดตัวโครงการ GIGA School ในปี 2019 โดยมีเป้าหมายที่จะจัดหาอุปกรณ์หนึ่งเครื่องสำหรับนักเรียนทุกคนในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงตลาดของ LG

 

LG ยังได้เข้าสู่ตลาดอินเดีย โดยขายไวท์บอร์ดดิจิทัลรวม 10,000 เครื่องให้กับโรงเรียนของรัฐ 2,900 แห่งในรัฐโอฑิศา ทางตะวันออกของประเทศ บริษัทจัดตั้งสาขาในอินเดียในปี 2023 และตัวแทนเดินทางไปยังหมู่บ้านต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสอบถามความต้องการของโรงเรียน

 

NAVER บรรลุข้อตกลงกับกระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์ของมองโกเลียในฤดูใบไม้ร่วงปี 2023 ซึ่งจะให้แพลตฟอร์ม 22,000 ชุดสำหรับนักเรียนใน 725 โรงเรียน

 

ทำให้ไม่แปลกที่การแข่งขันในตลาด EdTech ทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกเข้ามาลงทุนในตลาดนี้กันอย่างคึกคัก

 

อ้างอิง:

The post LG vs. Samsung เปิดศึกชิงตลาด EdTech เกาหลีใต้ ทุ่มเทคโนโลยี AI-VR ปั้นห้องเรียนแห่งอนาคต appeared first on THE STANDARD.

]]>
เมื่อฤดูฝนนำพาความชื้นอันเป็นพาหะโรคภัยต่างๆ เราจะจัดการสมดุลความชื้นได้อย่างไร [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/lg-puricare-rainy-season/ Sat, 29 Jun 2024 05:00:57 +0000 https://thestandard.co/?p=951130 LG PuriCare

ฤดูฝนในประเทศไทย นอกจากจะสร้างความลำบากยามที่ตกลงมาให้ก […]

The post เมื่อฤดูฝนนำพาความชื้นอันเป็นพาหะโรคภัยต่างๆ เราจะจัดการสมดุลความชื้นได้อย่างไร [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
LG PuriCare

ฤดูฝนในประเทศไทย นอกจากจะสร้างความลำบากยามที่ตกลงมาให้กับคนบนท้องถนนแล้ว ฤดูฝนยังนำพาโรคทางเดินหายใจและภูมิแพ้ต่างๆ โดยมีสาเหตุจาก ‘ความชื้น’ ที่นำพาทั้งเชื้อไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย และกลิ่นอับชื้น มาสู่ตัวเรา

 

พญ.ศิวาพร ทรัพย์สพรั่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา เจ้าของแอ็กเคานต์ @wawa.allergy บน TikTok ได้ให้คำแนะนำถึงการควบคุมและจัดการสมดุลความชื้นในฤดูฝน เพื่อรักษาสุขภาพของเราให้ยั่งยืนทั้งตัวเราเองและคนในบ้าน

 

 

‘ความชื้น’ ทำให้เชื้อโรคเติบโตได้ดี

 

มาทำความเข้าใจกันง่ายๆ เลยก็คือ ‘ไอน้ำยิ่งมาก ความชื้นก็จะยิ่งสูงขึ้น’ ซึ่งระดับความชื้นสัมพัทธ์ปกติจะอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 40-60% RH (Relative Humidity) ความชื้นในช่วงความชื้นสัมพัทธ์นี้ เราจะรู้สึกสบายตัว ไม่อึดอัด หรือเหนอะหนะตัว 

 

อย่างไรก็ตาม หากค่า RH พุ่งสูงไปมากกว่านี้ จะส่งผลดังนี้

 

  • อึดอัด ไม่สบายตัว ตัวเหนียวเหนอะหนะ
  • เกิดไอน้ำ ละอองน้ำ และคราบน้ำภายในบ้าน
  • ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านอาจเสียหายได้ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า กระเป๋าหนัง พรม 
  • เป็นแหล่งเจริญเติบโตของเชื้อโรค ส่งกลิ่นเหม็นอับภายในบ้าน

 

โดยเฉพาะเชื้อราและแบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีความชื้น ผลเสียที่จะตามมาก็คือ กระตุ้นและนำพาโรคภัยของคนภายในบ้าน

 

ยกตัวอย่างจากเชื้อราที่สามารถสร้างสปอร์ได้ สปอร์จะกระตุ้นโรคภูมิแพ้และหอบหืด

 

สร้างสมดุลความชื้น สร้างสุขภาพที่ดี

 

ความชื้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องกำจัด แต่คือสิ่งที่ต้องสร้างสมดุลให้กับมัน เพราะความชื้นที่มากเกินไปจะเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับตัวการของโรคภัยอย่างแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจ ทำให้คนที่แพ้สิ่งกระตุ้นเหล่านี้มีอาการภูมิแพ้กำเริบ หรือมีอาการคัดจมูก จาม น้ำมูกไหล หรือเป็นลมพิษได้    

 

ในทางกลับกัน หากความชื้นน้อยเกินไปก็ทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจแห้งลง ขนพัดโบกในจมูกทำงานได้ลดลง (Mucociliary Clearance) เกิดการระคายเคืองง่าย แสบจมูก เลือดกำเดาไหล เจ็บคอ คอแห้ง ไอ ติดเชื้อทางเดินหายใจง่ายขึ้น รวมถึงยังทำให้ตาแห้ง เคืองตา ผิวหนังแห้งหยาบกร้านและเกิดผื่นได้ง่าย

 

 

วิธีการจัดการกับความชื้นเพื่อสุขภาพที่ดี

 

ในฤดูฝนที่กระตุ้นโรคภัยหรือเป็นพาหะนำโรคต่างๆ มานั้น สิ่งที่เราทำได้ก็คือ 

 

  • กำจัดไรฝุ่นที่กระตุ้นภูมิแพ้
  • ทำความสะอาดห้องเป็นประจำ 
  • ระบายอากาศในห้องเพื่อไม่ให้ความชื้นสูงเกิน
  • รักษาความสะอาดของร่างกาย
  • ดื่มน้ำให้มากขึ้น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ

 

อีกหนึ่งทางเลือกคือ การสร้างการควบคุมสมดุลความชื้นด้วยตนเอง บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีนวัตกรรม ‘เครื่องลดความชื้น LG PuriCare™ ที่มาพร้อม ดูอัล อินเวอร์เตอร์ (Dual Inverter) ระบบคอมเพรสเซอร์ที่ทรงประสิทธิภาพ ทนทาน ประหยัดพลังงาน และลดเสียงรบกวนในขณะทำงาน 

 

PuriCare™ มาพร้อมระบบ Ionizer ที่ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยหลักการทำงานที่ตัวเครื่องจะดูดความชื้นในอากาศกลั่นออกมาเป็นน้ำเก็บไว้ในแทงก์ภายในตัวเครื่อง หรือระบายออกทางท่อน้ำทิ้ง สามารถลดความชื้นได้ 19 ลิตรต่อวัน และยังสามารถลดความชื้นได้สูงสุด 30 ลิตรในวันที่ความชื้นสัมพัทธ์สูงถึง 80% เพื่อคืนสมดุลความชื้นในอากาศ พร้อมความรู้สึกสบายตัว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยให้คุณและคนในครอบครัวใช้ชีวิตได้สบายขึ้น หายใจสะดวก และลดโอกาสการก่อสารเกิดภูมิแพ้ที่เป็นอันตราย

The post เมื่อฤดูฝนนำพาความชื้นอันเป็นพาหะโรคภัยต่างๆ เราจะจัดการสมดุลความชื้นได้อย่างไร [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดไลน์อัพทีวี LG OLED ไร้สาย ‘LG SIGNATURE OLED M4’ ครั้งแรกในประเทศไทย ตั้งเป้ายอดขาย 1 พันล้านบาท [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/lg-signature-oled-m4/ Thu, 27 Jun 2024 03:00:44 +0000 https://thestandard.co/?p=949602

นวัตกรรมที่ครบครัน วิสัยทัศน์ การพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง แล […]

The post เปิดไลน์อัพทีวี LG OLED ไร้สาย ‘LG SIGNATURE OLED M4’ ครั้งแรกในประเทศไทย ตั้งเป้ายอดขาย 1 พันล้านบาท [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

นวัตกรรมที่ครบครัน วิสัยทัศน์ การพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง และกลยุทธ์ใช้คุณภาพสูงสุดเป็นที่ตั้งก่อนราคา ทำให้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากทีวีจากแบรนด์ LG จะขึ้นเป็นสุดยอดผู้นำในตลาดทีวีระดับไฮเอนด์มาถึง 11 ปีซ้อน

 

ในวันนี้ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เดินเกมตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วยไลน์อัพทีวีซีรีส์ใหม่ ‘LG SIGNATURE OLED M4’ กับครั้งแรกของสมาร์ททีวีไร้สายในประเทศไทย ด้วยขนาดหน้าจอใหญ่ 97 นิ้ว พร้อมด้วย ‘alpha 11 (α11)’ AI Processor ช่วยให้สั่งการด้วยเสียงอย่างแม่นยำ มอบประสบการณ์ภาพและเสียงล้ำอนาคต

 

LG ผู้นำตลาด OLED ที่มีมูลค่า 1.5 พันล้านบาท

 

 

ภาพรวมความต้องการของตลาด OLED เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากที่มีขนาดเพียง 647 ล้านบาทในปี 2021 แต่ปีที่ผ่านมามีขนาดถึง 1.05 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% ภายในเวลาเพียง 2 ปี

 

แม้ตลาดทีวีปี 2023 จะอยู่ที่ 2.12 หมื่นล้านบาท และ OLED มีสัดส่วนที่ 4.9% แต่ อำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาด OLED จะโตไปที่ 6.5% ของตลาดทีวี หรือมูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านบาท

 

ปัจจัยหลักที่จะมากระตุ้นคือการจัดมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างฟุตบอลยูโร 2024 และโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 อีกทั้งตลาดสตรีมมิงที่กำลังเติบโตและแข่งขันในการสร้างคอนเทนต์มากขึ้น รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาลในช่วงปลายปี

 

สินค้า OLED ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคของ LG

 

 

อำนาจได้กล่าวถึงความต้องการสมาร์ททีวีที่เปลี่ยนไป หลายปีก่อนหน้าจอทีวี 55 นิ้ว อาจเป็นหน้าจอประเภทใหญ่ แต่ปัจจุบันผู้บริโภคต้องการหน้าจอที่ใหญ่กว่า 70 นิ้วขึ้นไป โดยเทรนด์ของสมาร์ททีวีมีอยู่ 3 ประการ ได้แก่

 

  • OLED Technology ที่ให้ประสบการณ์ภาพคมชัดมากยิ่งขึ้น
  • AI ช่วยให้ภาพและเสียงมีมิติยิ่งขึ้น และใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น
  • Big Screen เพื่อประสบการณ์รับชมคอนเทนต์ได้จุใจ

 

ความต้องการจอภาพขนาดใหญ่ถือว่าเติบโตขึ้น แม้ความต้องการจอทีวีขนาดเล็ก (ต่ำกว่า 55 นิ้ว) จะมีสัดส่วนที่ 50% แต่ความต้องการจอทีวีขนาดใหญ่ (มากกว่า 70 นิ้ว) มีสัดส่วนเพิ่มมาถึง 15%

 

พฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไปจากการที่มีความสนใจนวัตกรรม และศึกษาผลิตภัณฑ์มากขึ้น LG มีกลยุทธ์เน้นคุณค่าของนวัตกรรมมากกว่าการใช้สงครามราคาเพื่อต่อสู้ในตลาดสมาร์ททีวี

 

นวัตกรรม OLED คือศิลปะที่ LG สร้างขึ้น

 

 

ในไลน์อัพใหม่ของ ‘LG SIGNATURE OLED M4’ ได้รังสรรค์นวัตกรรมอย่างจุดเด่นใหม่ล่าสุดคือ ‘Zero Connect Box’ ที่สร้างความสะดวก ทำให้ OLED M4 สามารถเปิดใช้งานได้แบบไร้สาย เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ อย่างกล่อง Set Top Box หรือ เครื่องเล่นเกมต่างๆ ผ่านทาง Zero Connect Box ได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

 

ดีไซน์ยังออกแบบมาเพื่อติดกับผนังแบบ ‘One Wall Design’ ที่แนบสนิทไม่เหลือที่ว่าง นอกจากจอที่ใหญ่ได้ถึง 97 นิ้วแล้ว ยังประมวลผลด้วยชิปที่ LG ผลิตเองอย่าง ‘alpha 11 (α11)’ AI Processor ทำให้ประมวลผลไวขึ้น 2.8 เท่า กราฟิกดีขึ้น 7.7 เท่า และมีการทำงานของ AI ที่ดีขึ้น 6.7 เท่า

 

ตัว α11 ยังแยกแยะวัตถุได้ในระดับพิกเซลให้สะดุดตาและชัดเจน ปรับแสงสีให้ตรงกับความต้องการ ส่วนสีดำจะดำสนิทและสมจริง ในส่วนของเสียง AI จะเข้าไปทำให้มิติเสียงแยกชั้นชัดเจน มีมิติ ไม่เรียบแบน สมจริง และยกระดับการจำลองเสียงรอบทิศทางที่สมจริงยิ่งขึ้นถึง 11.1.2 ชาแนล

 

นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาเพื่อสมาร์ททีวีโดยเฉพาะอย่าง webOS ที่ในปีนี้คือ webOS 24 ซึ่งอัปเดตระบบในทุกๆ ปี และแม้จะใช้ทีวีตัวเดิมของ LG ก็จะได้รับการอัปเดตต่อเนื่องไปอีก 5 ปี ทำให้ระบบทีวีไม่ตกยุคแน่นอน

 

ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือระดับและล้ำสมัย

 

 

ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ทำให้ไลน์อัพ LG OLED ยังสามารถสั่งใช้งานด้วยระบบเสียงที่รองรับหลากหลายภาษา รวมถึงภาษาไทยที่แม่นยำ

 

มาพร้อมกับระบบที่รองรับสายเกมเมอร์ ซึ่งได้รับการรับรองจาก Intertek ว่าเป็นสมาร์ททีวีที่เหมาะกับการเล่นเกมเป็นอย่างมาก รองรับการแสดงภาพ 4K ได้สูงถึง 144 Hz ด้วยภาพที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว ไม่เกิดภาพเบลอ นอกจากนี้ยังรองรับการ์ดจอทุกประเภทจากทั้งของ NVIDIA และ AMD

 

ตามมาด้วยระบบการรับชมภาพยนตร์จาก Dolby Vision และ Dolby Atmos ที่ให้ประสบการณ์รับชมแบบในโรงภาพยนตร์ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนคอนเทนต์ที่รองรับ Dolby Vision มากถึง 18,384 คอนเทนต์ และ Dolby Atmos 7,999 คอนเทนต์

 

กลยุทธ์การตลาดและเป้าหมายในปี 2024

 

 

อำนาจได้กล่าวถึงเกมการตลาดของ LG ในปีนี้ เพื่อคงความเป็นแชมเปียนในตลาด OLED ด้วยการเน้นช่องทางดิจิทัล ที่เสริมทัพด้วยอินฟลูเอ็นเซอร์ในการรีวิวสินค้า เพื่อให้เข้าถึงเป้าหมายมากขึ้น

 

ในด้านการตลาดออฟไลน์จะเน้นการจัดแสดงสินค้าขนาดใหญ่ เพื่อกระตุ้นอารมณ์ของตลาด และจัด Experience Zone เพื่อให้ผู้บริโภคได้ลองสัมผัสสินค้า ประกบด้วยผู้เชี่ยวชาญ

 

ปัจจุบันการเติบโตของทีวี LG นั้นสูงกว่าตลาดมาก ปีนี้ทาง LG ตั้งเป้าในการจัดแสดงสินค้าระดับพรีเมียมให้มากขึ้นและครอบคลุมทั้งประเทศ ประกาศเป้ายอดขาย OLED ทีวีปี 2024 จำนวน 14,000 เครื่อง หรือมูลค่า 1 พันล้านบาท ยึดส่วนแบ่งการตลาดให้ได้ 60% และครองอันดับ 1 ด้าน OLED ไว้ 12 ปีซ้อน ในฝั่งของตลาดทีวีทั้งหมด LG ครองไว้ที่ 20% และยอดขายโตขึ้น 13%

 

สำหรับไลน์อัพทีวีจาก LG ในปี 2024 พร้อมวางจำหน่ายแล้ว โดยมีรายละเอียดราคาดังนี้

 

  • LG SIGNATURE OLED M4 ขนาด 97 นิ้ว ราคา 1,099,990 บาท
  • LG OLED evo G4 4K, LG OLED evo C4 4K และ LG OLED B4 ขนาดตั้งแต่ 48-97 นิ้ว ราคา 49,990-999,990 บาท
  • LG QNED 4 ซีรีส์ ได้แก่ QNED91TSA (Mini LED), QNED89TSA, QNED86TSA และ QNED80TSA ขนาดตั้งแต่ 55-98 นิ้ว ราคา 28,990-149,990 บาท

 

 

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย, สาขาที่ร่วมรายการ, https://www.lg.com/th/oled และศูนย์ข้อมูล LG โทร. 0 2057 5757

The post เปิดไลน์อัพทีวี LG OLED ไร้สาย ‘LG SIGNATURE OLED M4’ ครั้งแรกในประเทศไทย ตั้งเป้ายอดขาย 1 พันล้านบาท [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
Samsung, SK, LG และ Hyundai 4 แชโบลของเกาหลีใต้ ประกาศจับมือเป็นพันธมิตร ร่วมกันพัฒนารถ EV ไร้คนขับแข่งกับแบรนด์ทั่วโลก https://thestandard.co/samsung-sk-lg-hyundai-ev-alliance/ Mon, 12 Jun 2023 10:59:40 +0000 https://thestandard.co/?p=802274 Samsung, SK, LG และ Hyundai 4 แชโบลของเกาหลีใต้ ประกาศจับมือเป็นพันธมิตร ร่วมกันพัฒนารถ EV ไร้คนขับแข่งกับแบรนด์ทั่วโลก

สื่อท้องถิ่นในเกาหลีใต้รายงานข่าวว่า Samsung, SK, LG แล […]

The post Samsung, SK, LG และ Hyundai 4 แชโบลของเกาหลีใต้ ประกาศจับมือเป็นพันธมิตร ร่วมกันพัฒนารถ EV ไร้คนขับแข่งกับแบรนด์ทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
Samsung, SK, LG และ Hyundai 4 แชโบลของเกาหลีใต้ ประกาศจับมือเป็นพันธมิตร ร่วมกันพัฒนารถ EV ไร้คนขับแข่งกับแบรนด์ทั่วโลก

สื่อท้องถิ่นในเกาหลีใต้รายงานข่าวว่า Samsung, SK, LG และ Hyundai Motor Group 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ทางธุรกิจ (แชโบล) ของประเทศเกาหลีใต้ กำลังร่วมมือกันจัดตั้งพันธมิตร EV เพื่อผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับ 

 

ข้อมูลเบื้องต้นจากแหล่งข่าวระบุว่า Hyundai ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถ EV รายสำคัญของโลก กำลังร่วมมือกับแชโบลอีก 3 ราย เพื่อผลิตยานยนต์แห่งอนาคตออกมาเพื่อแข่งขันในตลาดโลก โดยยานยนต์ดังกล่าวจะใช้เทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์จาก Samsung ใช้แบตเตอรี่ที่พัฒนาโดย SK และแผงหน้าจอ OLED ของ LG

 

“ความร่วมมือกันของบริษัทยักษ์ใหญ่ในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศของเกาหลีใต้อย่างมีนัยสำคัญ” แหล่งข่าวระบุ

 

แหล่งข่าวระบุอีกว่า ความร่วมมือของกลุ่มแชโบลเกาหลีใต้ในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับให้รถยนต์จากเกาหลีใต้สามารถแข่งขันและเป็นที่ยอมรับในระดับโลกมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่ในประเทศจากการสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ๆ

 

โดยมีการคาดการณ์ว่า Samsung Electronics จะใช้เงินลงทุนหลายพันล้านวอนต่อปี ในการพัฒนาโปรเซสเซอร์แอปพลิเคชันสำหรับรถยนต์และสร้างโรงหล่อ ขณะที่ Samsung Electro-Mechanics อีกหนึ่งบริษัทในเครือ จะโฟกัสไปที่การพัฒนาตัวเก็บประจุเซรามิกหลายชั้นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูงเช่นกัน

 

ในเวลาเดียวกัน บริษัทในเครือ LG เช่น LG Display, LG Innotek, LG Magna, และ LG Electronics ก็จะเดินหน้าพัฒนาส่วนประกอบอื่นๆ เช่น หน้าจอ กล้อง และระบบปฏิบัติการ โดยมี LG Energy Solution, SK on และ Samsung SDI ดูแลส่วนที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่

 

ปัจจุบันชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตโดยบริษัทเกาหลีใต้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก โดยมีแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำหลายเจ้าที่ใช้ชิ้นส่วนจากเกาหลีใต้ เช่น Audi และ Volkswagen ที่ใช้เซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung ขณะที่ Mercedes-Benz ก็เลือกใช้จอ OLED ของ LG เป็นต้น

 

แหล่งข่าวระบุว่า การแข่งขันในตลาดโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ Hyundai Motor Group ต้องเร่งจับมือกับบริษัทขนาดใหญ่อื่นๆ ภายในประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตัวเองและลดต้นทุน

 

อ้างอิง:

The post Samsung, SK, LG และ Hyundai 4 แชโบลของเกาหลีใต้ ประกาศจับมือเป็นพันธมิตร ร่วมกันพัฒนารถ EV ไร้คนขับแข่งกับแบรนด์ทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
นี่หรือคือคู่แข่ง MacBook Air! LG บุกตลาดโน้ตบุ๊กไทยเป็นครั้งแรก ส่ง ‘LG gram’ เข้ามาเจาะเซ็กเมนต์พรีเมียม วางราคาเริ่มต้นเกือบ 5 หมื่นบาท https://thestandard.co/lg-gram-macbook-air-competitor/ Fri, 28 Apr 2023 03:08:19 +0000 https://thestandard.co/?p=782496 LG gram

ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจไม่น้อย เมื่อ LG ตัดสินใ […]

The post นี่หรือคือคู่แข่ง MacBook Air! LG บุกตลาดโน้ตบุ๊กไทยเป็นครั้งแรก ส่ง ‘LG gram’ เข้ามาเจาะเซ็กเมนต์พรีเมียม วางราคาเริ่มต้นเกือบ 5 หมื่นบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
LG gram

ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจไม่น้อย เมื่อ LG ตัดสินใจที่จะลงบุกตลาดโน้ตบุ๊กไทยครั้งแรก ทั้งที่ยอมรับว่าภาพรวมของตลาดยังไม่ค่อยสดใสมากขึ้น อันเกิดขึ้นจากตลาดที่อิ่มตัวหลังพุ่งขึ้นในช่วงโควิด

 

กระนั้น LG ก็มั่นใจว่าการลงเล่นในตลาดครั้งแรกนี้จะสดใส เพราะจากการทดลองตลาดนั้นได้รับผลตอบรับที่ดี เพราะผู้บริโภคคนไทยชื่นชอบจอขนาดใหญ่ 16-17 นิ้ว ตลอดจนตลาดพรีเมียมที่มีมูลค่า 4 หมื่นบาทขึ้นไปยังมีการแข่งขันที่ไม่รุนแรงมากนัก เพราะเป็นตลาดของโน้ตบุ๊กเกมมิงเป็นหลัก

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

ที่ผ่านมา LG ได้ทำตลาดโน้ตบุ๊กในบ้านเกิดนับ 10 ปี แต่สำหรับรุ่นที่จะวางขายในไทยชื่อ LG gram ซึ่งมักจะได้รับการออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบาและบางอยู่เสมอ โดยไทยเป็นดินแดนที่ 5 ในการทำตลาดต่อจากเกาหลีใต้, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา

 

LG gram มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นตามขนาดหน้าจอทั้ง 16 นิ้ว และ 17 นิ้ว พร้อมตัวเลือกหน่วยความจำที่หลากหลายตามความต้องการใช้งาน ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 49,500-67,700 บาท

 

ด้วยความเป็นน้องใหม่ทำให้ LG วางแผนใช้งบการตลาดกว่า 30-50 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ พร้อมกับมีกลยุทธ์การตลาดที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ด้วยการใช้ NewJeans ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปจากเกาหลีใต้ที่กำลังมาแรงในกลุ่มชาว Gen Z มาเป็นตัวแทนในการนำเสนอโน้ตบุ๊กรุ่นนี้

 

“เราเชื่อมั่นว่า LG gram ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย โดยคาดหวังว่าการเปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่นี้จะสร้างการเติบโตให้กลุ่มสินค้า PC ถึง 70% รวมถึงมีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นยอดขายรวมของสินค้าในกลุ่มไอทีของ LG ให้เพิ่มขึ้นถึง 10% ในปี 2566” จีรภา คงสว่างวงศา รองประธานบริหารฝ่ายธุรกิจกลุ่มลูกค้าองค์กรและไอที ภาคพื้นอินโดไชน่า บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความคาดหวัง

 

อย่างที่บอกว่า LG gram นั้นมีขายในอเมริกาด้วย ซึ่งสื่อไอทีอย่าง Engadget ชี้ว่า นี่ถือเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับ MacBook Air ของ Apple โดยในต่างประเทศจะใช้ชื่อรุ่น LG SuperSlim

 

LG ย้ำว่านี่เป็น LG gram ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีความหนาเพียง 1.09 เซนติเมตร น้ำหนักเบาเพียง 1.19 กิโลกรัมสำหรับรุ่น 16 นิ้ว และ 1.35 กิโลกรัมสำหรับรุ่น 17 นิ้ว โดยมีราคาเริ่มต้น 43,900 บาท ในขณะที่ MacBook Air รุ่น M2 มีความหนา 1.13 เซนติเมตร และน้ำหนัก 1.24 กิโลกรัม 

 

ขณะเดียวกัน Engadget ตั้งข้อสังเกตว่าในขณะที่ LG gram รุ่นใหม่มีหน้าจอ OLED แต่รุ่นที่มีอยู่ในปัจจุบันมีความละเอียด 1080p เท่านั้น MacBook Air ที่มีหน้าจอเล็กกว่าของ Apple มีหน้าจอความละเอียดสูงกว่า 2560 x 1664 และยังดูดีแม้ว่าจะไม่ใช่ OLED ก็ตาม

 

อย่างไรก็ตาม การ์ทเนอร์ อิงค์ ได้เผยยอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ PC ทั่วโลกช่วงไตรมาสแรกปี 2023 มียอดรวม 55.2 ล้านเครื่อง ลดลง 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2022 

 

สาเหตุนั้นมาจากอุปทานส่วนเกินในตลาดและความต้องการลดลงอย่างต่อเนื่อง เหตุจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการขาดแรงจูงใจซื้อ ทำให้ยอดขาย PC ลดลงเมื่อเปรียบเทียบแบบปีต่อปีเป็นประวัติการณ์ถึง 2 ไตรมาสติดต่อกัน

 

“แรงกดดันด้านราคาของ PC ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงระหว่างไตรมาส จากการที่ผู้ขายเสนอส่วนลดจำนวนมากเพื่อเร่งระบายสินค้าในคลัง และเพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการซื้อ ผู้ขาย PC ลดราคาขายเฉลี่ย (ASP) ลงชั่วคราวกับสินค้าที่อยู่ในตลาด ทว่าราคาขายเฉลี่ยของสินค้าล็อตใหม่ที่จัดส่งเข้าสู่ช่องทางจัดจำหน่ายนั้นยังเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนซัพพลายเชนที่เพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ” มิคาโกะ คิตากาวะ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์กล่าว

 

“ปกติแล้วผู้ขาย PC จะใช้กลยุทธ์เพื่อรักษาผลกำไรมากกว่าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดด้วยการลดราคา ซึ่งในปีนี้ราคาขายเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ระดับปานกลาง เนื่องจากผู้ขายผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกับ PC ล็อตใหม่ที่กำลังเข้าสู่ตลาดไปให้ผู้ใช้ปลายทาง”

 

ตัวเลขของการ์ทเนอร์ระบุว่า Lenovo คือแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งมากที่สุดในโลกด้วยสัดส่วน 23.3% ตามด้วย HP 21.8%, Dell 17.3%, Apple 8.7%, ASUS 7.1%, Acer 6.4% และอื่นๆ 15.4%

 

อ้างอิง:

The post นี่หรือคือคู่แข่ง MacBook Air! LG บุกตลาดโน้ตบุ๊กไทยเป็นครั้งแรก ส่ง ‘LG gram’ เข้ามาเจาะเซ็กเมนต์พรีเมียม วางราคาเริ่มต้นเกือบ 5 หมื่นบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
แอลจี ประเทศไทยโชว์ความสำเร็จปี 65 ผู้นำเบอร์ 1 ตลาดเครื่องซักผ้าและทีวีพรีเมียม [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/lg-success-in-2022/ Tue, 20 Dec 2022 06:00:57 +0000 https://thestandard.co/?p=724671

ถือเป็นความสำเร็จปี 2565 ที่แอลจีครองแชมป์ตลาดเครื่องซั […]

The post แอลจี ประเทศไทยโชว์ความสำเร็จปี 65 ผู้นำเบอร์ 1 ตลาดเครื่องซักผ้าและทีวีพรีเมียม [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

ถือเป็นความสำเร็จปี 2565 ที่แอลจีครองแชมป์ตลาดเครื่องซักผ้าติดต่อกัน 23 ปี พร้อมตอกย้ำผู้นำกลุ่มทีวีพรีเมียมขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง 10 ปีซ้อน บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) ผู้นำระดับโลกในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จึงได้ชวนสื่อมวลชนมาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลที่น่าสนใจของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทย พร้อมอัปเดตภาพรวมความสำเร็จของปีที่ผ่านมา

 

 

ความพิเศษของแอลจีในปีนี้ ไม่เพียงครองแชมป์เบอร์หนึ่งตลาดเครื่องซักผ้าติดต่อกัน 23 ปี แต่ยังเป็นปีแรกที่แอลจีกวาดยอดขายอันดับหนึ่งตลอดทั้งปี 2565 ได้ในทุกเซ็กเมนต์ของเครื่องซักผ้า และแน่นอนว่ายังรักษาแชมป์เบอร์หนึ่งผู้นำกลุ่มทีวีพรีเมียมไว้ได้ต่อเนื่อง 10 ปีซ้อนเช่นกัน 

 

สรุปว่าในปี 2565 แอลจีครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งในทั้งสองกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเครื่องซักผ้ามีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 34% และผลิตภัณฑ์ทีวีระดับพรีเมียมมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 75% โดยมูลค่ารวมยอดขายของทั้งสองกลุ่มผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 7.9 พันล้านบาท ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อแอลจีซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมสินค้าทุกประเภทเพื่อยกระดับการใช้ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ตามแนวคิด ‘Innovation for a Better Life’ 

 

ความท้าทายตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ‘ต้นทุนสูง’ แต่คุณภาพและทางเลือกต้องมากขึ้น

อำนาจ สิงหจันทร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงความท้าทายของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าประเทศไทยปี 2565 ว่ามีทั้งเรื่องต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นและการแข่งขันทางด้านราคาจากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ แต่แอลจียังคงรักษามาตรฐานในการเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลกด้วยการส่งมอบผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าและสมาร์ททีวีที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้แก่ผู้บริโภค ผ่านความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตร่วมกับบริษัทพันธมิตรด้านการผลิตชิ้นส่วนระดับโลกและบริษัทขนส่งชั้นนำ จึงทำให้เราไม่ปรับขึ้นราคาสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าตลอดปีที่ผ่านมา 

 

“แอลจีนำเสนอทางเลือกที่มากกว่าด้านราคาให้กับลูกค้าระดับพรีเมียมถึงระดับกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของแอลจี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจุดเด่นของเครื่องซักผ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานและประหยัดเวลาในการซักผ้า รวมถึงฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะทั้งการสั่งงานด้วยเสียง และเมจิกรีโมทของทีวีแอลจี ที่สามารถส่งมอบประสบการณ์ความบันเทิงภายในบ้านได้อย่างครบครัน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับวิถีชีวิตที่ง่ายและสะดวกในยุคดิจิทัล” 

 


อันดับหนึ่ง ส่วนแบ่งการตลาดเครื่องซักผ้าในไทยติดต่อกัน 23 ปี 

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าของแอลจี ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำสัดส่วนรายได้มากที่สุดจากทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ หากดูกันที่เทรนด์เครื่องซักผ้าที่วางจำหน่ายในตลาดเมืองไทยจะมีอยู่ 3 ประเภท คือเครื่องซักผ้าสองถังกึ่งอัตโนมัติ ด้านหนึ่งซัก ด้านหนึ่งปั่นแห้ง แต่สัดส่วนที่ใหญ่สุดคือกลุ่มเครื่องซักผ้าฝาบน ครองสัดส่วนมากถึง 46% ในขณะที่กลุ่มเครื่องซักผ้าฝาหน้า ซึ่งเป็นตัวท็อปของเครื่องซักผ้า ปี 2565 มีสัดส่วนรองลงมา 26.1%

อย่างที่กล่าวไปกว่า 23 ปีที่แอลจีขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งผู้นำตลาดเครื่องซักผ้า แต่ที่ผ่านมายังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าฝาหน้ายังต้องหลีกทางให้กับแบรนด์ยุโรป แต่ปี 2565 เป็นปีแรกที่เครื่องซักผ้าเครื่องซักผ้าฝาหน้าของแอลจีทำยอดขายอันดับหนึ่งติดต่อกัน 12 เดือน ทำให้ปีนี้เป็นปีแรกที่ LG สามารถครองอันดับหนึ่งเครื่องซักผ้าทุกเซ็กเมนต์ และคาดการณ์ว่าจะถือครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่ง อยู่ที่ 28.3% สำหรับเครื่องซักผ้าเครื่องซักผ้าฝาหน้า

ความสำเร็จในปี 2565 แอลจีมียอดขายเครื่องซักผ้า 418,000 เครื่อง มูลค่า 4,160 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าฝาบนครองสัดส่วนมากที่สุดอยู่ที่ 46% ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้า สำหรับปี 2566 คาดการณ์เครื่องซักผ้าประเภทจะโต 5% แต่สัดส่วนที่โตมากสุดคือเครื่องซักผ้าฝาหน้า คาดว่าจะโตถึง 23.4% เนื่องจากมีฟังก์ชันต่างๆ ที่รองรับความต้องการมากกว่า

“เหตุผลที่ยอดขายในช่วงทีเกิดวิกฤตโควิด-19 เติบโต เพราะกลุ่มผู้ใช้งานขยายจากกลุ่มผู้หญิงเป็นผู้ชายมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ไฮเทคขึ้น สมาร์ทขึ้น รวมถึงคนให้ความสำคัญกับนวัตกรรมที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ ซึ่งเครื่องซักผ้ารุ่นก่อนๆ ไม่มีฟังก์ชันต้มน้ำ ไอน้ำ หรือไม่มีเครื่องอบผ้าในตัว ผู้บริโภคจึงมองหาเครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ๆ ที่สมาร์ทขึ้น” 

 

 

LG WashTower™ เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าในเครื่องเดียววางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

นอกจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าทุกเซ็กเมนต์ที่แอลจีทำตลาดได้ดีมาตลอด เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แอลจีเริ่มส่งผลิตภัณฑ์ LG WashTower™ เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าในเครื่องเดียวที่มาในรูปแบบทาวเวอร์วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมที่อยู่อาศัยในพื้นที่จำกัดอย่างบ้าน อพาร์ตเมนต์ และคอนโดมิเนียม แต่ต้องการเครื่องซักผ้าที่เรียบหรู ดีไซน์ทันสมัย และประหยัดพื้นที่การใช้งาน อีกทั้งตอบโจทย์การประหยัดเวลาทำงานบ้านด้วยฟังก์ชันแผงควบคุมตรงกลางที่เชื่อมต่อเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าให้ทำงานร่วมกันโดยอัตโนมัติ

 

อำนาจยังบอกด้วยว่า กระแสตอบรับของ WashTower™ ดีเกินคาด แม้หลายที่จะยังไม่มีเครื่องโชว์แต่ก็มียอดสั่งซื้อเข้ามา ทั้งจากการทำการตลาดในสื่อออนไลน์ของ LG โดยคาดหวังกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมที่มีต่อสินค้า WashTower รุ่นใหม่ล่าสุดนี้อยู่ที่ 2,500 เครื่องในปี 2566 

 

“อย่างไรก็ตามเรายังคงรักษากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าประเภทฝาบน ด้วยการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ในเครื่องซักผ้าประเภทฝาบนที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยเทียบเท่าเครื่องซักผ้าประเภทฝาหน้า โดยคาดว่าจะเปิดตัวสินค้าใหม่ในเดือนมีนาคมปี 2566” 

 

 

ผู้นำกลุ่มทีวีพรีเมียมเป็นอันดับหนึ่งต่อเนื่อง 10 ปีซ้อน

สำหรับภาพรวมตลาดทีวีปี 2563-2564 อำนาจ ชี้ให้เห็นว่าสวนทางกับตลาดเครื่องซักผ้า ยอดขายติดลบเพิ่มขึ้น แต่มาได้อานิสงส์ของฟุตบอลโลกและเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใช้ฟังก์ชันของทีวีมากกว่าความบันเทิงแต่ยังใช้เชื่อมต่อการประชุมและพรีเซนต์งาน ทำให้ปี 2565 เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น 

 

แน่นอนว่า พอพูดถึงกลุ่มโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ไฮไลต์ของแอลจีก็คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ทีวี แอลจียังครองสถานะผู้นำในกลุ่มทีวีพรีเมียมอันดับหนึ่งต่อเนื่อง 10 ปีซ้อน ด้วยยอดขายผลิตภัณฑ์ทีวี LG OLED ซึ่งเป็นรุ่นพรีเมียมของแอลจี ความสำเร็จในปี 2565 แอลจีมียอดขายทีวีทั้งหมด 230,000 เครื่อง มูลค่ารวม 3,738 ล้านบาท แบ่งเป็นทีวี LG OLED จำนวน 10,600 เครื่อง มูลค่า 520 ล้านบาท อีกทั้งตอนนี้ทีวีที่จำหน่ายทุกรุ่นกว่า 98% เป็น Smart TV และมากถึง 92% เป็น 4K 

 

ขณะเดียวกันแอลจียังเล็งเห็นศักยภาพของตลาดทีวีพรีเมียมที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสัดส่วนยอดขายทีวี OLED ของแอลจีซึ่งอยู่ที่ 75% ในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งเติบโตอยู่ที่ 37% ส่งผลให้ปี 2565 แอลจีพัฒนาเทคโนโลยีในผลิตภัณฑ์ทีวีทุกรุ่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค พร้อมเปิดตัวไลน์อัพทีวีที่หลากหลาย เพิ่มตัวเลือกซีรีส์ใหม่ และขนาดที่หลากหลายขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มทั้งลูกค้าระดับไฮเอนด์ไปจนถึงลูกค้าใหม่ที่ต้องการสัมผัสเทคโนโลยีการนำเสนอภาพที่มีประสิทธิภาพสูงของทีวีแอลจี 

 

 

“จะเห็นว่าความต้องการไซส์ทีวีเพิ่มขึ้น อย่างรุ่นที่เปิดตัวไปเมื่อกลางปีมีไซส์เพิ่มเติมเล็กลงมา 42 และ 48 นิ้ว รวมถึงไซส์ใหญ่ที่เป็นตัวพรีเมียม 88 นิ้ว เรียกว่าครอบคลุมไซส์ที่หลากหลายมากขึ้น ปี 2566 แอลจีวางแผนเปิดตัวไซส์ขนาด 97 นิ้ว และสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการคือทีวีที่ Multipurpose มากขึ้น ใช้งานได้หลากหลายขึ้น เราตั้งเป้าขยายส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มทีวีรวมเป็น 23% ในปี 2566 โดยเน้นไปที่กลุ่มตลาดพรีเมียมให้โตขึ้น และตั้งเป้ากลุ่มทีวี OLED ที่ 75% ในขณะที่ตั้งเป้ายอดขายทีวีหน้าจอขนาดใหญ่ 70 นิ้วขึ้นไปอยู่ที่ 30%” อำนาจกล่าวเสริม 

 

 

กลยุทธ์การตลาดปี 2566 มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ถึงระดับกลาง ด้วยตัวเลือกนวัตกรรมสินค้าที่ล้ำสมัยและช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น

ด้านแผนการตลาดปี 2565 แอลจีเน้นการทำโปรโมชันสำหรับสินค้ากลุ่มกลางถึงบนผ่านการขายแบบจับคู่ซื้อได้ราคาถูกกว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นปริมาณการซื้อในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และสำหรับลูกค้าตั้งแต่ระดับกลางลงไป โดยเน้นที่การลดราคาและโปรโมชันการผ่อนระยะยาวร่วมกับร้านค้าตัวแทนจำหน่าย 

 

รวมไปถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าและทีวีหลากหลายรุ่น ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค โดยผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นมาพร้อมประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทเทคโนโลยี ThinQ AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุม สั่งการได้ง่ายและสะดวก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดและสมบูรณ์แบบ 

 

“ช่วงที่เกิดวิกฤตแอลจีต้องปรับกลยุทธ์หันมาจับตลาดออนไลน์มากขึ้น เรามี Success Case คือเราปรับห้องสำหรับเทรนนิ่งพนักงานขายเพื่อทำ Live Streaming ที่ได้มาตรฐาน โดยให้ E-Promoter มาไลฟ์ขายสินค้า ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น จนได้รางวัลจาก LG Global ที่สามารถปรับแผนกลยุทธ์เพื่อสร้างยอดขายในช่วงที่เกิดวิกฤต ทำให้เราได้ Know-how มาพัฒนาต่อ เราสร้างทีม E-Force ขึ้นมาและพัฒนาห้อง Live Streaming ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์แอลจีทุกเซ็กเมนต์ ซึ่งแผนต่อไปของเราก็คือทีม E-Force จะต้องออกไปไลฟ์ที่หน้าร้านเพื่อสร้างประสบการณ์แบบ Experience Force เพื่อให้เกิด O2O เพราะต่อจากนี้กลยุทธ์จะเป็นไฮบริดทั้งหน้าร้านและออนไลน์ต้องไปพร้อมๆ กัน

 

“กลยุทธ์การตลาดปี 2566 แอลจีเตรียมแผนกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยกิจกรรมการตลาดและโปรโมชันต่างๆ ในหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการมอบข้อเสนอพิเศษร่วมกับร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และการมอบข้อเสนอพิเศษผ่านแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซต่างๆ ได้แก่ Lazada และ Shopee เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบัน” อำนาจกล่าวทิ้งท้าย 

The post แอลจี ประเทศไทยโชว์ความสำเร็จปี 65 ผู้นำเบอร์ 1 ตลาดเครื่องซักผ้าและทีวีพรีเมียม [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>