Levi’s ได้ร่วมมือกับ Beyoncé อีกครั้งสำหรับภาคสุดท้ายของแคมเปญ Levi’s REIIMAGINE กับวิดีโอตัวเต็มที่ชื่อว่า The Denim Cowboy พร้อมสินค้าคอลเล็กชันเดนิมใหม่ร่วมกัน ซึ่งจะวางขายทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป บนเว็บไซต์และร้านค้าของแบรนด์ที่ร่วมรายการ

โดยในวิดีโอความยาว 90 วินาทีนี้ เป็นการร่วมซีรีส์วิดีโอที่ปล่อยมาก่อนหน้า ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ทั้ง Refrigerator, Pool Hall, และ Launderette มารวมเป็นหนึ่งเดียว พร้อมกับฉากเปิดขี่ม้ากลางเมืองในเพลง LEVII’S JEANS ฉบับพิเศษของเธอจากอัลบั้ม COWBOY CARTER มาประกอบในคลิป ที่ได้ผู้กำกับที่ได้รับรางวัลแกรมมี่อย่าง Melina Matsoukas ที่เคยกำกับเอ็มวี Formation ของ Beyoncé และได้นักแสดงอย่าง Timothy Olyphant เป็นแขกรับเชิญ

สำหรับคอลเล็กชัน BEYONCÉ X LEVI’S® ชิ้นไฮไลต์ มีทั้งเสื้อแจ็กเก็ต Shrunken Trucker ประดับคริสตัล และกางเกงยีนส์ 501 Curve ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับส่วนโค้งของสะโพก โดยที่จะไม่เปลี่ยนรูปร่างของทรงขาตรง

ความสัมพันธ์ระหว่าง Beyoncé และ Levi’s มีมาตั้งแต่ปี 2001 ที่เธอได้ใส่กางเกงรุ่น Superlow สำหรับงานพรมแดงของ MTV Video Music Award ในช่วงที่เธอเป็นนักร้องนำของวงดนตรี Destiny’s Child และยังใส่ยีนส์ Levi’s 501 ที่เป็นขาสั้นในเทศกาลดนตรี Coachella ปี 2018 ที่เป็นไวรัล

และสำหรับโชว์สุดท้ายของเธอใน COWBOY CARTER TOUR ที่ลาสเวกัสเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เธอยังได้สวมบอดี้สูทแบบคัสตอมจาก Levi’s รวมไปถึงนักเต้นทั้งหมดของเธอก็ได้สวมชุดจากคอลเล็กชั่นใหม่ครั้งนี้เช่นกัน

ภาพ: Levi’s

อ้างอิง: 

• https://us.fashionnetwork.com/news/Levi-strauss-co-debuts-the-denim-cowboy-with-beyonce,1755106.html

The post Beyoncé ปล่อยวิดีโอ The Denim Cowboy เพื่อส่งท้ายแคมเปญ Levi’s® REIIMAGINE appeared first on THE STANDARD.

Levi’s นับเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่เป็นตัวแปรสำคัญต่ออุตสาหกรรมแฟชั่น โดยเฉพาะกับกลุ่มสินค้าเดนิมที่มียอดขายอันดับหนึ่งของโลก โดยเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาทาง Levi’s ก็ได้เปิดร้านใหญ่สุดแบบชั้นเดียวในโซนเอเชีย-แปซิฟิกที่เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ในขนาดกว่า 500 ตารางเมตร ซึ่งทาง THE STANDARD POP ก็มีโอกาสไปงานเปิด พร้อมสัมภาษณ์สองผู้บริหารคนสำคัญ ทั้ง David Hamaty ในตำแหน่ง General Manager of North Asia และ Nuholt Huisamen ในตำแหน่ง Managing Director & Senior Vice President of APAC

จากซ้าย: David Hamaty – General Manager of North Asia และ Nuholt Huisamen Managing Director & Senior Vice President of APAC ของ Levi’s

ความสำคัญของการเปิดร้าน Levi’s สาขาใหม่ที่นาโกย่าคืออะไร

David: ขอพูดถึงภาพรวมก่อนนะครับ คืออย่างที่ทราบกันดีว่าญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อเรื่องด้านผ้ายีนส์มายาวนาน ถือว่าเป็นดาวเด่นของบริษัทเราเลยก็ว่าได้ เพราะคนญี่ปุ่นหลงใหลแบรนด์ Levi’s มาอย่างเนิ่นนาน ทั้งมรดกทางวัฒนธรรมและทุกสิ่งอย่าง พวกเขามีความรู้ความเข้าใจหลายเรื่องอย่างลึกซึ้งจริงๆ ครับ

เมื่อเรานำความเป็นต้นตำรับของ Levi’s มาผสานกับงานฝีมือและประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น เมืองนาโกย่าก็กลายเป็นสถานที่ที่เหมาะสมมาก เพราะที่นี่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมมากมาย

เราเคยทำสิ่งนี้มาแล้วในโอซาก้าและโตเกียว และตอนนี้การเปิดร้านที่นาโกย่าก็เป็นอีกก้าวหนึ่งในการนำเสนอประสบการณ์ของแบรนด์อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการบริการ สภาพแวดล้อมของร้าน หรือผลิตภัณฑ์ เราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เพียงแต่สร้างยอดขาย แต่ยังเป็นการสร้างแบรนด์ในระยะยาวด้วย และเราคิดว่านาโกย่าจะสร้างกระแสตอบรับที่ดีไปทั่วญี่ปุ่น และหวังว่าจะไปไกลกว่านั้นด้วยครับ

ภายในร้าน Levi’s ที่นาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น

ร้านนี้ให้ความแตกต่างจากสาขาอื่นๆ ในญี่ปุ่นอย่างไร

David: ร้านนี้จะอยู่ในอาคารชั้นเดียวทั้งหมดครับ ซึ่งต่างจากร้าน Levi’s อื่นๆ ที่มักจะมีหลายชั้น ที่นี่ถือเป็น ร้าน Levi’s ชั้นเดียวที่ใหญ่ที่สุด และมีการนำเสนอแบรนด์แบบ ‘เต็มรูปแบบ’ ไม่ว่าจะเป็นสินค้า บรรยากาศ และบริการ รวมถึง มี Tailor Shop ด้วยครับ ความพิเศษอีกอย่างคือ ความรู้สึกเมื่อคุณเดินเข้าร้าน เราตั้งใจออกแบบให้มัน ‘โดดเด่นตั้งแต่แรกเห็น’ ทั้งในด้านความสวยงามและพลังของแบรนด์

นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมมือกับชุมชนในท้องถิ่นอีกด้วย ซึ่งเราเรียกโปรเจกต์นี้ว่า ‘Hello Nagoya’ ครับ เราผสานความเป็น Levi’s เข้ากับมรดกและเอกลักษณ์ของนาโกย่า โดยใส่ส่วนประกอบที่เป็นท้องถิ่นเข้าไป เพื่อมอบประสบการณ์ที่พิเศษไม่เหมือนใคร คุณจะสัมผัสได้เมื่อมาเยือนที่ร้านเลยครับ

กระแสตอบรับไลน์ไหมของ Levi’s อย่าง Blue Tab เป็นอย่างไรบ้าง

David: ดีมากเลยครับ เราเปิดตัว Blue Tab ทั่วโลกจากญี่ปุ่น พร้อมจัดแฟชั่นโชว์ด้วย ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือคอลเล็กชันนี้ไม่ได้ตอบโจทย์แค่กลุ่มลูกค้าเดิมเท่านั้น แต่ยังดึงดูดกลุ่มใหม่เข้ามาด้วยเพราะ Blue Tab คือภาพลักษณ์ใหม่ของ Levi’s ในแบบที่พรีเมียมขึ้น ใส่ได้หลายโอกาส ใช้งานได้จริง แต่ยังคงความเป็นงานคราฟต์และกลิ่นอายของผ้ายีนส์ญี่ปุ่นไว้อย่างชัดเจนจนถึงตอนนี้ บอกได้เลยว่ากระแสตอบรับดีมากครับ

ประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในตลาดที่มีวัฒนธรรมของสินค้ามือสองเยอะมาก และ Levi’s ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่คนตามหากันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะรุ่นวินเทจ แล้วในฐานะคนสร้างแบรนด์ คุณคิดเห็นอย่างไรกับโจทย์ที่ต้องทำให้คนยังอยากซื้อ Levi’s รุ่นใหม่อยู่ด้วย?

David: จริงๆ ผมมองว่าสองอย่างนี้มันส่งเสริมกันนะครับ เพราะมันสะท้อนถึงคุณภาพและงานฝีมือของ Levi’s ที่อยู่มานาน โดยธุรกิจวินเทจของเราเป็นเหมือนพื้นที่โชว์แบรนด์เลยก็ว่าได้ คนบางกลุ่มชอบเก็บของเก่า บางกลุ่มก็ซื้อทั้งวินเทจและรุ่นใหม่ ซึ่งก็ช่วยขยายฐานลูกค้า

เรามีไลน์อย่าง LVC (Levi’s Vintage Clothing) ที่นำของเก่ามาเล่าใหม่ และก็ยังมี Red Tab รวมถึงรุ่นรีเอดิชันอย่าง Orange Tab และ Silver Tab ที่เราเอากลับมาจากยุค 90’s ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก และผมคิดว่ามันช่วยให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ลึกขึ้น เข้าใจรากเหง้าของ Levi’s และยังเข้าถึงคอลเล็กชันปัจจุบันได้อย่างดีเลยครับ

Nuholt: ขอเสริมนิดหนึ่งครับ ทีมที่ญี่ปุ่นรวมถึงทีมออกแบบระดับโลกของเรายังได้ร่วมมือกับร้านวินเทจชื่อดังในโตเกียวด้วย อย่างเช่นร้าน BerBerJin ที่เป็นที่รู้จักกันดีในวงการยีนส์วินเทจ เราร่วมงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อนำเรื่องราวของผ้ายีนส์วินเทจมาถ่ายทอดในญี่ปุ่นให้มีพลังและเข้าถึงคนรุ่นใหม่ด้วยครับ

โซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เช่น TikTok เลยอยากรู้ว่า Levi’s ต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง

David: เป็นคำถามที่ดีมากเลยครับ และผมคิดว่าจริงๆ แล้วมันเข้าทางเราเลยนะ เพราะ Levi’s มีรากฐานมาจากเรื่องราวทางวัฒนธรรมและช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์อยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่เราทำก็คือการ ‘เล่าเรื่อง’ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารคอลเล็กชันต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มที่เหมาะกับแต่ละกลุ่ม เช่น TikTok ที่เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ Instagram หรือแม้แต่ LINE ในญี่ปุ่น

เรายังมีแพลตฟอร์มชื่อว่า Staff Start ด้วยครับ ซึ่งเปิดโอกาสให้พนักงานของเราในร้านแต่ละสาขาได้แชร์สไตล์และลุคที่เขาเลือกเอง แล้วลูกค้าก็สามารถดูผ่านแอปก่อนมาที่ร้านได้ มันเป็นเหมือนการเปลี่ยนผู้บริโภคให้กลายเป็นแฟนของแบรนด์

ทั้งหมดนี้กลายเป็นระบบนิเวศในการเล่าเรื่องผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อให้คนรู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์ตั้งแต่ก่อนเข้าร้านหรือแม้แต่ก่อนเข้าเว็บไซต์ของเราด้วยครับ

สิ่งสำคัญคือทำให้ ‘ประสบการณ์หน้าร้าน’ สะท้อนเรื่องราวที่พวกเขาเห็นผ่านโซเชียลได้จริง และเราคิดว่าสิ่งนี้คือหัวใจของการใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีพลังครับ

Tailor Shop ในร้าน Levi’s ที่นาโกย่า

แต่พอ Levi’s จะเปิดตัวคอลเล็กชันหรือโปรเจกต์ใหม่ๆ ในยุคนี้ คุณต้องเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกัด้วยไหม?

David: แน่นอนครับ เรามีกลยุทธ์โซเชียลมีเดียที่ชัดเจนเลย อย่างในญี่ปุ่น ผู้ใช้ TikTok จะเป็นผู้หญิงและอายุน้อยหน่อย เราก็จะวางแนวทางการสื่อสารให้เหมาะกับกลุ่มนั้นโดยเฉพาะ ในขณะที่ Instagram เราอาจจะสื่อสารอีกแบบ หรืออย่าง LINE ก็จะเป็นพื้นที่ที่เน้นเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้าและโปรโมชันมากกว่า

แต่ละแพลตฟอร์มมีบทบาทต่างกันครับ และเราจะเลือกใช้ให้ตรงกับจุดประสงค์ของแต่ละแคมเปญ เพื่อให้สื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

ถ้าย้อนกลับไปดูเทรนด์ K-Pop ซึ่งถือว่าเป็นกระแสใหญ่ต่อเนื่องมาหลายปี อยากรู้ว่าช่วงปีที่ผ่านมา Levi’s ปรับตัวหรือมีแผนอย่างไรกับเทรนด์นี้

David: ใช่ครับ เราก็ยังทำงานร่วมกับ KOLs และอินฟลูเอ็นเซอร์สายออนไลน์อยู่เรื่อยๆ แม้จะไม่ได้อยู่ในระดับ NewJeans ก็เถอะนะครับ โดยสิ่งที่เราทำมากขึ้นคือการร่วมงานกับดีไซเนอร์เกาหลีรวมถึงฝั่งญี่ปุ่นด้วย เราโฟกัสที่การคอลแลบกับครีเอเตอร์หรือดีไซเนอร์ที่มีจุดยืนที่ตรงกับแบรนด์

เราเลือกใช้แนวทาง KOL-driven Approach มากกว่า แต่ก็ยังเปิดรับโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ แน่นอนว่าต้องอยู่ภายใต้ความเป็นแบรนด์ Levi’s ด้วย ซึ่งเราพยายามหาจุดผสมผสานกันระหว่างสิ่งที่เป็น ‘ท้องถิ่น’ กับตัวตนของแบรนด์ และยังเดินหน้าทำโปรเจกต์ร่วมกับดีไซเนอร์และ KOL ทั้งในญี่ปุ่นและเกาหลีอย่างต่อเนื่องครับ

Levi’s มีแผนจะกลับไปใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกอีกไหม

Nuholt: ตอนนี้ผมกับ David กำลังทำงานร่วมกันเพื่อวางกลยุทธ์แบรนด์สำหรับภูมิภาคเอเชียครับ ซึ่งเรามองแบบ 360 องศา ครอบคลุมทั้งเรื่องสินค้า ช่องทางจัดจำหน่าย การตลาด และ KOLs

ในมุมของแอมบาสเดอร์ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาว่าควรจะมีแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกหรือไม่ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับอินฟลูเอ็นเซอร์ในแต่ละประเทศด้วย เพราะเรามองว่าความสัมพันธ์ในประเทศนั้นๆ คือสิ่งที่ทำให้แบรนด์มีความหมายจริงๆ กับผู้คนในพื้นที่นั้น

ตอนนี้เราจึงอยู่ในขั้นตอนของการกำหนดว่า ‘หน้าตาของแบรนด์ในเอเชีย’ จะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเกาหลี ญี่ปุ่น หรือจีนก็ตาม และจะผสมผสานให้ลงตัวกับอินฟลูเอ็นเซอร์ในแต่ละประเทศอย่างไร เพื่อให้แบรนด์ได้สอดรับกับไลฟ์สไตล์และเข้าถึงผู้บริโภคได้ในแต่ละประเทศครับ

ปีที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเลยว่าหลายแบรนด์ระดับโลกเริ่มใช้คนไทยเป็น Global Ambassador มากขึ้น เลยอยากทราบว่า Levi’s จะมีโอกาสที่เราจะได้เห็นคนไทยได้มาเป็น Brand Ambassador ให้กับ Levi’s หรือไม่?

Nuholt: ผมคิดว่ามี 2-3 ประเทศในเอเชียที่โดดเด่นในมุมมองของการเป็นผู้นำด้านแฟชั่นครับ ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีหรือโซล, โตเกียว ญี่ปุ่น, และกรุงเทพฯ ประเทศไทยเองก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเกินตัวในแง่ของอิทธิพลแฟชั่น

ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนของการหาว่าใครเหมาะจะเป็น Global Face หรือ Global Ambassador ของ Levi’s แต่ที่แน่นอนคือเราจะมีอินฟลูเอ็นเซอร์จากไทย ญี่ปุ่น จีน เกาหลี และตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญด้วยแน่นอน

เป้าหมายของเราคือการสื่อสารแคมเปญให้สอดรับกันในทุกมิติ ทั้งสินค้า การตลาด การจัดจำหน่าย ซึ่งเราเรียกกันว่า 360 Campaign โดยเฉพาะในฝั่งผู้หญิง ซึ่งเราต้องการโฟกัสให้ชัดเจนและผลักดันให้ไปไกลกว่านี้อีก เราเห็นเทรนด์และเรากำลังวางแผนจะเคลื่อนไหวอย่างจริงจัง ซึ่งจะคล้ายกับที่เราทำตอนเปิดตัว Blue Tab ที่เราเชิญอินฟลูเอ็นเซอร์จากทั่วเอเชียมาร่วมกันสร้างพลังให้กับแบรนด์ และเราจะใช้แนวทางเดียวกันกับแคมเปญนี้เช่นกันครับ

Levi Strauss กับร้าน Levi’s ที่ซานฟรานซิสโก

ถ้ามีโอกาสได้ถามผู้ก่อตั้งแบรนด์ Levi’s ได้หนึ่งคำถาม อยากถามอะไรเขามากที่สุด?

David: ผมน่าจะถามว่า… “ตลอดระยะเวลา 170 ปีของแบรนด์ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ Levi’s มายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขา ‘เซอร์ไพรส์’ มากที่สุด?” ผมคิดว่านี่เป็นคำถามที่น่าสนใจนะ จริงๆ

Nuholt: แล้วการให้ถามได้แค่หนึ่งคำถามนี่ไม่ยุติธรรมเลยนะครับ (หัวเราะ) เพราะผมมีคำถามเยอะมาก อย่างตอนที่ Levi Strauss คิดค้นกางเกงยีนส์ขึ้นมา เขาคงไม่ได้คิดหรอกว่ามันจะกลายมาเป็น Fashion Icon ในระดับโลก แต่เดิมนั้นมันคือกางเกงสำหรับคนทำงาน แต่วันนี้มันกลายเป็นแบรนด์แฟชั่นที่มีหลากหลายทรงให้เลือก ถ้าให้ผมถามได้สองคำถาม ผมจะถามว่า…

หนึ่ง: “ทรงกางเกงตัวโปรดของเขาคือทรงไหน?”

สอง: “ตอนที่เขาเริ่มต้นธุรกิจในซานฟรานซิสโก เขาเคยจินตนาการไหมว่าอีกหลายสิบปีต่อมา ที่ญี่ปุ่นจะมีคนที่รักยีนส์ของเขาถึงขั้นให้คุณค่ากับคำว่า ‘Made in Japan’ และหลงใหลใน Levi’s Vintage Clothing แบบนี้” ผมว่าเขาคงประหลาดใจไม่น้อยเลยครับ

ภาพ: Levi’s / Getty Images

The post Levi’s กับบทบาทสำคัญของตลาดเอเชีย ประเทศญี่ปุ่น และไทย appeared first on THE STANDARD.

กลับมาอีกครั้งสำหรับการจับมือร่วมงานกันระหว่าง Levi’s และ Beyoncé โดยทางแบรนด์ได้เปิดตัวแชปเตอร์ที่ 2 ของแคมเปญ REIIMAGINE หลังจากที่เปิดตัวโฆษณาตัวแรกไปแล้วเมื่อเดือนกันยายน ปี 2024

REIIMAGINE เป็นแคมเปญที่แบรนด์เดนิมอย่าง Levi’s จับมือร่วมงานกับ Beyoncé หลังจากที่เธอเปิดตัวเพลง LEVII’S JEANS ในอัลบั้ม Cowboy Carter โดยพวกเขานำแคมเปญโฆษณาในอดีตของแบรนด์มาตีความ และจินตนาการใหม่ ซึ่งแชปเตอร์แรกนาม Launderette ที่เปิดตัวไปเมื่อปีก่อนนั้น ทางแบรนด์ได้นำโฆษณาจากปี 1985 ของ Levi’s ที่นายแบบหนุ่มถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นเข้าเครื่องซักผ้ามาเป็นแรงบันดาลใจ และสำหรับแชปเตอร์ที่ 2 ทาง Beyoncé ปรากฏตัวในลุคเดนิมตั้งแต่หัวจรดเท้าขณะเล่นพูลในบาร์สไตล์คันทรีอย่างมั่นใจ

แชปเตอร์ที่ 2 จากแคมเปญ REIIMAGINE ใช้ชื่อว่า Pool Hall เป็นโฆษณาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโฆษณาของ Levi’s จากปี 1991 โดยเผยให้เห็น Beyoncé ที่สวมกางเกงยีนส์เอวสูงขาบาน กับแจ็กเก็ตเดนิมตัวสั้นปักลวดลายสไตล์คันทรีที่ตอกย้ำคอนเซปต์อัลบั้มคันทรีชุด Cowboy Carter ของ Beyoncé ที่เพิ่งชนะรางวัล GRAMMYs ไปในปีนี้ โดยมีนักแสดงคนดังอย่าง Timothy Olyphant มารับบทเป็นคู่แข่งของเธอในโฆษณาตัวนี้ด้วย ซึ่งสำหรับภาพนิ่งนั้น Beyoncé ได้เพิ่มความพิเศษด้วยการสวมเสื้อโค้ตเดนิม Spade Trench จาก Levi’s

Beyoncé เผยถึงการทำงานในครั้งนี้ว่า “สำหรับแชปเตอร์ที่ 2 ของการร่วมงานกันของเรา เรายิ่งสนุกกับการจินตนาการมุมมองเรื่องเสื้อผ้าเดนิมบนเดนิมใหม่ผ่านสายตาของผู้หญิง ผู้ซึ่งสามารถมีทั้งความเซ็กซี่ กล้าหาญ และเป็นคู่แข่งที่ดุดันได้ในเวลาเดียวกัน เราต้องการเฉลิมฉลองให้กับความสง่างามและพลังอันเป็นของคู่กัน”

ภาพ: Levi’s

อ้างอิง:

• https://au.lifestyle.yahoo.com/beyonc-puts-her-levi-back-181445682.html

The post Levi’s เปิดตัวโฆษณาภาคต่อจากแคมเปญ REIIMAGINE ที่ร่วมงานกับ Beyoncé appeared first on THE STANDARD.

หากพูดถึงกางเกงยีนส์ เชื่อว่าหนึ่งในแบรนด์ที่คนทั่วโลกต้องนึกถึงคือ Levi’s ซึ่งตลอด 172 ปีที่ผ่านมาได้ผลิต พัฒนา และยกระดับไลน์สินค้าเดนิมในหลากหลายมิตินับไม่ถ้วน และมาถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นที่สนใจของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นโปรเจกต์แคมเปญ REIMAGINE กับ Beyoncé ที่เธอมีเพลง LEVII’S JEANS จากอัลบั้ม COWBOY CARTER ที่เพิ่งชนะรางวัล Album of the Year ในงาน GRAMMY Awards 2025 ไป หรือจะเป็นการทำแคปซูลคอลเล็กชันร่วมกับภาพยนตร์ A Complete Unknown ที่ Timothée Chalamet นำแสดงในบทบาท Bob Dylan

ล่าสุด Levi’s เชิญ THE STANDARD POP ไปโตเกียวเพื่อร่วมงาน Global Launch ของไลน์พรีเมียมใหม่ในชื่อ Blue Tab ที่จะวางขายในไทยวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งถือเป็นการสะท้อนกลยุทธ์และการเจาะตลาดของ Levi’s ที่แฟชั่นขึ้นและทำให้เห็นว่าไอเท็มเดนิมนั้นไม่ได้มาแค่ในรูปแบบของกางเกงหรือแจ็กเก็ต แต่สามารถมาในรูปแบบของชุดเดรส แจ็กเก็ตเบลเซอร์ หรือแม้แต่โค้ตยาว

นอกจากจะไปร่วมงานแล้ว THE STANDARD POP ยังมีโอกาสสัมภาษณ์ Dawn Vitale ซึ่งเป็น Chief Merchandising Officer (CMO) ของ Levi’s และมาพร้อมประสบการณ์ในแวดวงกางเกงยีนส์กว่า 20 ปีกับหลายแบรนด์ ทั้ง Tommy Jeans และ Calvin Klein Jeans ซึ่ง Vitale ได้ให้แง่มุมว่าทำไม Levi’s ถึงเปิดตัวไลน์ Blue Tab และพูดถึงอนาคตของแบรนด์ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

แคมเปญ Levi’s Blue Tab ถ่ายโดย Juergen Teller

ทำไม Levi’s เลือกเปิดตัวคอลเล็กชัน Blue Tab ในปี 2025?

คอลเล็กชัน Blue Tab ถือเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่สุดของเราในตอนนี้ ในฐานะแบรนด์ Levi’s เราเป็นต้นกำเนิดของยีนส์สมัยใหม่ที่มาพร้อมกับสไตล์เหนือกาลเวลา หยั่งรากลึกอยู่ในแก่นแท้และความเป็นเลิศ พร้อมทั้งความใส่ใจในงานฝีมือ นับเป็นการเติบโตที่ดีในการเดินทางของเรา

อะไรที่ทำให้คอลเล็กชัน Blue Tab ของ Levi’s พิเศษในด้านการออกแบบ งานฝีมือ และกระบวนการผลิต?

Levi’s มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของผ้ายีนส์และงานฝีมือญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน คอลเล็กชัน Made in Japan ของเรา ซึ่งปัจจุบันรวมอยู่ในคอลเล็กชัน Blue Tab ก็ผลิตด้วยมาตรฐานคุณภาพเดียวกัน คอลเล็กชัน Blue Tab ก้าวไปอีกขั้นด้วยการยกระดับความเป็นเลิศนี้ให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยการผสมผสานสุนทรียภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของเรา เรากำลังทำงานร่วมกับช่างฝีมือยีนส์ที่ดีที่สุด เพื่อพัฒนาและผลิตสินค้าพรีเมียมเหล่านี้ให้ Levi’s เป็นกางเกงยีนส์พรีเมียมที่ดีที่สุด

Levi’s จะขยายคอลเล็กชัน Blue Tab ไปทั่วภูมิภาคอย่างไร และจะมีขายในประเทศไทยหรือไม่?

คอลเล็กชัน Blue Tab เปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจะวางจำหน่ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป

แฟชั่นโชว์ Levi’s Blue Tab ที่โตเกียว

ประเทศไทยกลายเป็นตลาดสำคัญสำหรับแฟชั่น วัฒนธรรม และบันเทิง ซึ่ง Levi’s มีแผนอะไรบ้างในประเทศของเรา?

ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับ Levi’s ซึ่งในปี 2024 เราได้ปรับโฉมร้านที่เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งอยู่ในทำเลทองของหนึ่งในศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในกรุงเทพฯ สะท้อนถึงศักยภาพด้านการค้าปลีกที่ประเทศไทยมีให้

ในวันเฉลิมฉลองการเปิดร้านที่เซ็นทรัลเวิลด์เมื่อปี 2024 เราได้ร่วมมือกับ Sundae Kids นักวาดภาพประกอบชาวไทยที่มีฐานแฟนคลับในหมู่คน Gen Z โดยพวกเขาได้ออกแบบ Patches สุดน่ารัก สำหรับตกแต่งเสื้อผ้าและกางเกงยีนส์ใน Tailor Shop ของร้าน 

ในปีนี้ ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับเราอยู่ โดยเริ่มจากการเปิดตัวคอลเล็กชัน Blue Tab ช่วงต้นปี และการต่อยอดแคมเปญระดับโลก REIMAGINE ร่วมกับ Beyoncé โดยเรายังมีเรื่องที่น่าตื่นเต้นและการได้จับมือกับแบรนด์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นทั้งในและนอกภูมิภาคนี้อีกด้วย

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Levi’s ร่วมมือกับ Beyoncé, เปิดตัวคอลเล็กชัน Levi’s Vintage Clothing x A Complete Unknown และสร้างดีไซน์พิเศษสำหรับการฉลองครบรอบ 20 ปีของ Dover Street Market สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการตลาดของ Levi’s ในการกลับมาเป็นที่สนใจในด้านวัฒนธรรมและแฟชั่นหรือไม่?

ตลอด 172 ปีที่ผ่านมา เราสร้างแบรนด์ Levi’s ให้เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรม โดยได้รับการยอมรับจากคนรุ่นต่างๆ ในฐานะชุดลำลอง อีกทั้งเรายังได้ผสมผสานความสร้างสรรค์และวัฒนธรรมเข้ากับยุคสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏตัวร่วมกับไอคอนอย่าง Beyoncé หรือการออกแบบเครื่องแต่งกายสำหรับภาพยนตร์ A Complete Unknown ที่นำเสนอช่วงชีวิตที่น่าตื่นเต้นของ Bob Dylan

ในปีนี้ เราจะได้เห็นการสานต่อและพัฒนาสิ่งเหล่านี้ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น อย่างหนึ่งที่แน่นอนคือเราจะได้เห็นแคมเปญ REIMAGINE ร่วมกับ Beyoncé ในมิติใหม่ๆ และมีแผนจะเปิดตัวอะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในปีนี้เช่นกัน รวมทั้งมีแผนที่จะร่วมงานกับแบรนด์และบุคคลสำคัญทางวัฒนธรรมที่เก่งๆ อีกมากมายตลอดทั้งปีอีกด้วย

แน่นอนว่าหนึ่งในโปรเจกต์ที่ฉันรู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจที่สุดคือการเปิดตัวคอลเล็กชัน Blue Tab พวกเราทุ่มเทกันอย่างมากกับโปรเจกต์นี้ เพราะมันจะเป็นกางเกงยีนส์ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะให้แฟนๆ ของเราได้สัมผัสกับงานออกแบบที่เหนือระดับด้วยตัวเอง และได้เห็นการผสมผสานสไตล์เหนือกาลเวลาของ Levi’s เข้ากับความประณีตของงานฝีมือแบบญี่ปุ่นอย่างลงตัว

แคมเปญ REIMAGINE กับ Beyoncé และแคปซูล A Complete Unknown

เราเห็นว่า Gen Z มีความสนใจในแพลตฟอร์มขายของมือสองและมองหาสินค้าวินเทจมากขึ้น เช่น Levi’s 501 คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ และจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสินค้าใหม่ที่ผลิตขึ้นยังคงมีคุณภาพเทียบเท่ากับในอดีต?

ฉันคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมนะ และยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถของเราในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ทนทานและมีสไตล์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด อุตสาหกรรมของเราพยายามที่จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับการตัดสินใจซื้ออย่างมีสติและตั้งใจเลือกมากขึ้น

ส่วนหนึ่งของความสนุกในโลกสินค้ามือสองคือการค้นหาสิ่งที่ไม่เหมือนใคร และ Levi’s มีหลายวิธีที่ผู้บริโภคสามารถปรับแต่งสินค้าให้เป็นของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแผ่นป้ายเย็บ (Patches) การปักลาย การปรับแต่งกระดุมหรือหมุดโลหะ เมื่อผู้บริโภคมองหาสินค้าวินเทจ พวกเขามักจะลงทุนในผ้ายีนส์ที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก และฉันชอบที่เราได้ยกระดับสิ่งนี้ไปอีกขั้นด้วย Levi’s Tailor Shop ที่ช่วยให้ลูกค้าปรับแต่งผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมหรือซ่อมแซมสินค้าที่เสียหายเพื่อยืดอายุการใช้งาน

ทั้งหมดนี้สะท้อนหลักการสำคัญของเราในการซื้อสินค้าที่คุณภาพดีและใส่ได้นานขึ้น ทุกวันนี้เราพูดถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของเรา เช่น ทรงกางเกงที่ทันสมัย วัสดุที่ล้ำสมัย และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ในแง่ของการเป็น ‘วินเทจแห่งอนาคต’ สินค้าเหล่านี้คือการลงทุนที่คุ้มค่าและจะคงคุณค่าไปอีกยาวนาน

ร้าน Levi’s ที่เซ็นทรัลเวิลด์

มีการแข่งขันมากมายในตลาดยีนส์ทุกประเภท ในฐานะ CMO คุณต้องการเน้นอะไรเพิ่มเติมในอนาคต?

เราให้ความสำคัญกับหลายปัจจัยเพื่อรักษาและเสริมสร้างจุดเด่นที่แตกต่างของเรา ทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของเราคือความแข็งแกร่งของแบรนด์ Levi’s และความเป็นผู้นำที่ไม่มีใครเทียบได้ในด้านผ้ายีนส์ เรามุ่งเน้นที่จะต่อยอดจากความแข็งแกร่งนี้เพื่อให้เป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์ไลฟ์สไตล์ยีนส์

แม้ว่าเราจะเป็นที่รู้จักอย่างมากในฐานะแบรนด์ยีนส์สำหรับผู้ชาย แต่เรากำลังขยายความสามารถของเราไปยังหมวดหมู่อื่นๆ อีก เช่น เครื่องแต่งกายและเสื้อสำหรับผู้หญิง ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะเป็นคนที่ตัดสินใจซื้อของใช้เข้าบ้าน และเป็นกลุ่มที่ซื้อสินค้าหลากหลายหมวดหมู่อยู่บ่อยๆ เราจึงอยากจะทำสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มผู้หญิงมากขึ้น และเราก็ได้ครองอันดับหนึ่งตลาดกางเกงยีนส์ผู้หญิงในสหรัฐอเมริกาด้วย เราเห็นโอกาสมากมายที่จะสานต่อความสำเร็จ จึงได้ขยายไปผลิตเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิง เพื่อให้ผู้หญิงได้เลือกซื้อคู่กับกางเกงยีนส์ของเรา

นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และความแปลกใหม่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญ เราต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับแฟนๆ ของเราบ่อยขึ้น โดยเน้นการนำเสนอสินค้าที่แปลกใหม่ทั้งยีนส์และเสื้อ ซึ่งจะช่วยให้เราจับส่วนแบ่งของตลาดได้มากขึ้น สร้างแรงบันดาลใจให้แฟนๆ ของเราซื้อสินค้ากับเราบ่อยขึ้น เช่น การเปิดตัวกางเกงทรงใหม่อย่าง XL Straight สำหรับผู้หญิง หรือ 568 Loose Fit สำหรับผู้ชาย นอกจากนี้เรายังมีนวัตกรรมตามฤดูกาลต่างๆ เช่น คอลเล็กชัน Performance Cool ที่ใช้ยีนส์เนื้อบางและระบายอากาศได้ดี สามารถสวมใส่ในอากาศที่ร้อนชื้นได้ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้แฟนๆ ในภูมิภาคนี้สามารถใส่ยีนส์ได้ตลอดทั้งปี

สำหรับคอลเล็กชัน Blue Tab นั้น เราตอบโจทย์ความต้องการคนที่ชื่นชอบกางเกงยีนส์ระดับพรีเมียมในตลาดเอเชีย คอลเล็กชันนี้ชี้ให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในยีนส์ของ Levi’s ด้วยการผสมผสานความเป็นอมตะของแบรนด์กับงานฝีมือญี่ปุ่นที่ประณีต เราตระหนักถึงชุมชนคนรักและนักสะสมยีนส์ทั่วโลก เป้าหมายของเราคือการมอบยีนส์ระดับพรีเมียมให้พวกเขาได้รับรู้ถึงคุณภาพและได้ออกแบบยีนส์ในสไตล์ของตัวเองเพื่อให้ได้อยู่กับเขาไปอีกยาวนาน

Levi Strauss ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Levi’s

ความทรงจำแรกของคุณกับ Levi’s คืออะไร?

ฉันจำได้ว่าเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ฉันไปรื้อกล่องเสื้อผ้าของแม่ที่เตรียมไว้จะบริจาค แล้วเจอกับกางเกงยีนส์ 501 ตัวหนึ่งที่ตัดขาออก ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม่จะทิ้งมันไป ฉันเลยดึงมันออกจากกองเสื้อผ้า จนถึงทุกวันนี้ฉันก็ยังเก็บไว้และใส่มันอยู่เลย

ในฐานะ CMO ของ Levi’s ถ้าคุณสามารถถามคำถามหนึ่งข้อกับ Levi Strauss ผู้ก่อตั้งแบรนด์ได้ คุณจะถามอะไร?

ในฐานะ CMO ฉันมุ่งเน้นไปที่โอกาสในอนาคตเสมอ เพื่อสร้างและคัดสรรสินค้าที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน และสร้าง Levi’s ให้เป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์กางเกงยีนส์ครบวงจร

เรามีการพัฒนาเยอะมากนับตั้งแต่ยุคบุกเบิกของบริษัท และ Levi Strauss ก็ได้สร้างรากฐานอุตสาหกรรมกางเกงยีนส์ที่ตอบโจทย์ตลาดในยุคสมัยนั้น ฉันจึงอยากได้ยินความคิดเห็นของเขาเรื่องการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยีนส์ในปัจจุบันว่าเราประสบความสำเร็จในการสานต่อมรดกของเขาและเติมเต็มวิสัยทัศน์ของเขาหรือไม่ และหากเขามีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีในปัจจุบัน เขาจะพัฒนานวัตกรรมโลกกางเกงยีนส์นี้อย่างไร?

ภาพ: Levi’s

The post สัมภาษณ์พิเศษ CMO ของ Levi’s ถึงคอลเล็กชันใหม่ Blue Tab, ตลาดประเทศไทย และอนาคตของแบรนด์ appeared first on THE STANDARD.

BRAND ORIGINS 

จุดเริ่มต้นของ Levi’s มาจากชายที่มีชื่อว่า Levi Strauss ชายหนุ่มเชื้อสายเยอรมันที่ย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่สหรัฐอเมริกา ในยุคตื่นทองซึ่งเป็นยุคที่คนกำลังเริ่มขุดเจาะหาแร่ทองคำเขาเปิดบริษัทของตนเองขึ้นในชื่อ Levi Strauss & Co. โดยเป็นบริษัทจัดหาสิ่งทอและสินค้าใช้สอยทั่วไปให้กับคนงานชาวเหมืองและกรรมกรหลายหมื่นชีวิต นี่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเมื่อเขามองเห็นปัญหาว่าเสื้อผ้าของคนงานไม่ทนทานกับสภาพงาน โดยเฉพาะกางเกงผ้าฝ้ายและเสื้อเนื้อบางที่ฉีกขาดได้ง่าย Levi ตัดสินใจออกแบบเสื้อผ้าสำหรับคนงานโดยนำผ้าเนื้อแข็งหยาบกระด้างมาตัดเป็นชุดเอี๊ยมก่อนจะค่อยๆ พัฒนาเนื้อผ้าแบบใหม่จนเป็นที่มาของผ้า ‘เดนิม’ ผ้าฝ้ายสีฟ้าครามจากเมืองนีมส์ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและราคาถูกนำมาปรับใช้ จากนั้น Jacob Davis ช่างตัดเสื้อชาวลัตเวียที่กลายมาเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจเมื่อเขาเสนอให้ใช้ ‘หมุดทองแดง’ ในการยึดมุมของกระเป๋าและตะเข็บกางเกงจนได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งสองต่อยอดธุรกิจและจดทะเบียนสิทธิบัตร ‘กางเกงตอกหมุด’ ในวันที่ 20 พฤษภาคม 1873 ซึ่งถือเป็นวันเกิดของแบรนด์ Levi’s และกางเกงยีนส์ Levi’s ตัวแรก 

THE ICON: 501 

หลังจาก Jacob Davis เข้ามารับหน้าที่ดูแลการผลิตและการออกแบบตัดเย็บ เขาคนนี้คือผู้ให้กำเนิดยีนส์รุ่นออริจินัลรุ่นแรกที่กลายเป็นตำนานจวบจนทุกวันนี้อย่าง Levi’s 501 Original กางเกงยีนส์ทรงตรงขากระบอก จุดเด่นอยู่ที่กระเป๋าทั้งหมดห้าช่อง พร้อมหมุดโลหะและกระดุมห้าเม็ด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของกางเกงยีนส์รุ่นนี้ ปัจจุบันไลน์ 501 ยังคงเป็นไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดและเป็นไลน์ที่คนเสาะหามากที่สุดเช่นกัน โดยเฉพาะในหมู่นักสะสมของวินเทจที่มองว่ายิ่งเก่ายิ่งดี ปัจจุบันนอกจากรุ่น 501 แล้ว Levi’s ยังมีไลน์อื่นๆ ที่ต่อยอดจากไลน์นี้อีกมากมายเพื่อขานรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทั้ง Red Tab, Batwing และอีกมากมาย 

POP CULTURE MOMENTS

Levi’s เริ่มมีส่วนสำคัญทางป๊อปคัลเจอร์ในช่วง 1950 เป็นต้นมา ยีนส์ของ Levi’s ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ทหารอเมริกัน มักสวมใส่ยีนส์ในช่วงพักผ่อนที่ไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ กางเกงยีนส์กลายเป็นการแสดงออกค่านิยมของชาวอเมริกัน โดยเฉพาะเป็นตัวแทนของความอิสระปราศจากความตึงเครียด แต่ที่สร้างกระแสเป็นที่นิยมสุดๆ มาจากรุ่น 501 เมื่อป๊อปสตาร์อย่าง Marlon Brando นำกางเกงยีนส์รุ่นดังกล่าวสวมใส่ในภาพยนตร์เรื่อง The Wild One และ James Dean ในภาพยนตร์เรื่อง Rebel Without a Cause ซึ่งตัวละครเอกเป็นสิงห์นักบิดสวมกางเกงยีนส์คู่กับแจ็กเกตหนัง ภาพจำนี้ส่งให้กางเกงยีนส์เปรียบได้กับความขบถและความคิดต่างของวัยรุ่น ไม่เพียงแค่นั้น Marilyn Monroe ยังสวมใส่กางเกงยีนส์จาก Levi’s ในภาพยนตร์ The Misfits ฉีกขนบค่านิยมของผู้หญิงที่นิยมสวมแต่กระโปรงเท่านั้น แม้แต่วงการแฟชั่นยังยอมรับความนิยมของยีนส์เมื่อนิตยสาร Vogue สัญชาติอังกฤษ นำทัพซูเปอร์โมเดล Cindy Crawford, Naomi Campbell, Linda Evangelista, Christy Turlington และ Tatjana Patitz สวมเสื้อจากแบรนด์ชั้นนำในขณะที่ท่อนล่างเป็นยีนส์รุ่น 501 จาก Levi’s 

LEVI’S STADIUM SAN FRANCISCO 

ในปี 2013 แบรนด์ Levi’s ได้ยกระดับอิทธิพลของตัวเองขึ้นไปอีกเมื่อแบรนด์ยอมลงทุนกว่า 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการครอบครองสิทธิเปลี่ยนชื่อสนามกีฬา Santa Clara ให้เป็น Levi’s Stadium เพื่อให้เป็นสถานที่ของเกมกีฬาสุดยิ่งใหญ่และคัลเจอร์ใหม่ๆ โดยไฮไลต์ของสเตเดียมนี้คือการจัดการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล หรือ Super Bowl ครั้งที่ 50 ซึ่งได้ศิลปินอย่าง Coldplay, Beyoncé และ Bruno Mars มาแสดงช่วงพักครึ่ง รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ เช่น เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ต The Eras Tour ของ Taylor Swift และในปี 2026 สเตเดียมนี้ยังเป็นสถานที่เจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน Super Bowl LX และ FIFA World Cup อีกด้วย 

SUSTAINABILITY PRACTICES

นับตั้งแต่ปี 2018 แบรนด์ Levi’s ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Science Based Targets หรือการกำหนดเป้าลดก๊าซเรือนกระจกตามข้อตกลงปารีสบนพื้นฐานทางภูมิอากาศวิทยา ซึ่ง Levi’s ตั้งเป้าหมายในการเป็นแบรนด์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี 2050 หลังจากแถลงการณ์เรื่องความยั่งยืนไปเมื่อปี 2021 ด้านการรักษาน้ำ อีกหนึ่งทรัพยากรสำคัญในการใช้ฟอกสีผ้าเดนิม ทาง Levi’s ลดการใช้น้ำผ่านโครงการ Water<Less ที่ช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่า 1.3 หมื่นล้านลิตร นับตั้งแต่เริ่มใช้โครงการนี้ตั้งแต่ปี 2011 ไม่ใช่แค่นั้น Levi’s ยังขานรับการสร้างธุรกิจแบบหมุนเวียนผ่านตัวชี้วัดขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนมากขึ้น ทั้งการใช้วัสดุรีไซเคิล การบริโภคสินค้าแบบใช้ซ้ำ สนับสนุนให้ลูกค้าซื้อสินค้าและใช้ให้นานที่สุด 

SUPPORTING LGBTQIA+ 

กว่าสามทศวรรษที่ Levi’s ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้กับกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQIA+ และทุกๆ ปีในช่วงเดือนมิถุนายน Levi’s จะมาพร้อมคอลเล็กชันพิเศษอย่าง Pride Collection คอลเล็กชันที่ได้แรงบันดาลใจจากสีสันและความสุขของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ ความพิเศษของคอลเล็กชันนี้นอกจากจะเป็นการหยิบสัญลักษณ์ ‘สีรุ้ง’ มาใช้ในงานดีไซน์ต่างๆ แล้ว ทุกๆ ปี Pride Collection ของ Levi’s จะมาพร้อมเรื่องราวและกลุ่มคนใหม่ๆ ที่มาสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นเสมอ ถือเป็นอีกหนึ่งแคมเปญสำคัญของทุกปีที่ Levi’s ให้ความสำคัญ

BLUE TAB LINE 

เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา Levi’s เปิดตัวไลน์เดนิมใหม่ในชื่อ ‘Blue Tab’ ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งผลิตผ้าเดนิมที่สำคัญแห่งหนึ่งในโลก ไลน์นี้มีความพิเศษอยู่ที่การชูวัฒนธรรมการออกแบบ เทคนิคการทอ และความคิดสร้างสรรค์ที่ผสานให้เป็นหนึ่งเดียว การทอผ้าเดนิมที่ใช้ทักษะและสกิลระดับ Craftsmanship รวมไปถึงงานดีไซน์ที่นำเอาดีไซน์ Workwear แบบคลาสสิกมาบิดปรับดีไซน์ให้ร่วมสมัยมากขึ้น ผ่านเนื้อผ้ารูปแบบต่างๆ ที่เกิดจากงานฝีมือระดับสูงของช่างฝีมือที่ผลิตผ้าเดนิมขึ้นมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน สำหรับไลน์ Blue Tab เน้นเรื่องคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก ไอเท็มส่วนใหญ่จึงถูกดีไซน์ออกมาในรูปแบบที่เรียบโก้และเหนือกาลเวลา ขณะเดียวกันก็ยังสามารถนำไปใช้มิกซ์แอนด์แมตช์ได้ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างอดีตและอนาคตของเดนิมด้วยเทคนิคแบบยุคก่อนและนวัตกรรมของยุคใหม่ 

The post 7 THINGS WE LOVE ABOUT LEVI’S แบรนด์ต้นกำเนิดยีนส์ตัวแรกของโลก appeared first on THE STANDARD.

ในโอกาสที่แบรนด์แฟชั่นสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง UNDERCOVER เดินทางมาถึง 35 ปี Jun Takahashi เจ้าของแบรนด์จึงเฉลิมฉลองด้วยการออกคอลเล็กชันร่วมกับแบรนด์เดนิม Levi’s เป็นครั้งที่ 2 โดยก่อนหน้านี้ UNDERCOVER เซอร์ไพรส์แฟนๆ ด้วยการประกาศเตรียมจัดแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าผู้หญิงที่งานปารีสแฟชั่นวีคในเดือนมีนาคมนี้ไปแล้ว

UNDERCOVER ยังเพิ่มความพิเศษให้กับวันครบรอบ และตอกย้ำถึงเรื่องความโดดเด่นด้านงานฝีมือและความสร้างสรรค์อันเป็นรากเหง้าสำคัญของแบรนด์ ด้วยการเปิดตัว Lookbook โดยมีศิลปินอย่าง Flea มือเบสคนดังแห่งวงร็อก Red Hot Chili Peppers มาเป็นนายแบบหลัก ซึ่งแบรนด์เผยว่าพวกเขาเชื่อว่า Flea เป็นตัวแทนอันสมบูรณ์แบบที่นำเสนอสปิริตและตัวตนของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี และภาพที่ออกมาก็เต็มไปด้วยความสนุกและความเป็นอิสระตามแบบฉบับของศิลปินมากความสามารถ

สำหรับคอลเล็กชันใหม่นี้มาพร้อมกับไอเท็ม 9 ชิ้นที่มีดีไซน์ผลงานเก่าของแบรนด์ในช่วงยุค 1990-2000 เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการออกแบบ นำโดยไอเท็ม Pinnacle Type II Trucker Jacket ที่นำแจ็กเก็ตจาก UNDERCOVER คอลเล็กชัน Fall/Winter 1998 มาจินตนาการใหม่ด้วยซิปที่แยกออกจากกันได้ รวมไปถึงดีเทลอื่นๆ บนซิลูเอตของเสื้อ นอกจากนั้น ไอเท็มผ้าเดนิม ผ้าฟอก รวมไปถึงเสื้อยืดอีกหลายโปรดักต์ ยังมาพร้อมกับลายกราฟิกจากปี 2003 ของแบรนด์ อย่างเช่นสัญลักษณ์ลาย Light Darkness เป็นต้น

คอลเล็กชัน Levi’s x UNDERCOVER จะเปิดตัวพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 18 มกราคมนี้ ผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของ UNDERCOVER และ Levi’s

ภาพ: Levi’s

อ้างอิง:

• https://hypebeast.com/2025/1/levis-x-undercover-second-collab-winter-2025-lookbook-flea-red-hot-chili-peppers-release-info

The post UNDERCOVER จับมือ Levi’s ออกคอลเล็กชันครบรอบ 35 ปี ที่ได้ Flea วง Red Hot Chili Peppers มาเป็นนายแบบ appeared first on THE STANDARD.

เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีของ Dover Street Market ร้านมัลติแบรนด์ชื่อดังที่มีสาขาอยู่หลายสาขาทั่วโลก Levi’s ร่วมเฉลิมฉลองให้กับช่วงเวลานี้ด้วยการเปิดตัวกางเกงยีนส์รุ่นลิมิเต็ดที่มีความพิเศษและยูนีกเป็นอย่างมาก

กางเกงยีนส์ของ Levi’s รุ่น DSM 505 Made in San Francisco เป็นผลงานที่สะท้อนเป้าหมายในการรังสรรค์โปรดักต์ที่มอบคุณภาพระดับพรีเมียมและความตั้งใจในการร่วมงานกับพาร์ตเนอร์ระดับเวิลด์คลาสของแบรนด์ โดยกางเกงยีนส์สีอินดิโกมาพร้อมกับลายโลโก้ DSM Hut ที่สกรีนพรินต์เอาไว้ที่ด้านในของกระเป๋ากางเกงข้างหลัง เพิ่มกิมมิกด้วยโลโก้หนัง Levi’s ที่ติดอยู่ตรงส่วนเอวด้านหลังของกางเกงเช่นกัน ซึ่งแบรนด์นิยามกางเกงรุ่นนี้ว่าเป็นการผสมผสานความคลาสสิกของงานฝีมือเข้ากับดีเทลสไตล์โมเดิร์นเข้าไว้ด้วยกัน

Lucia Marcuzzo ประธานผู้จัดการฝั่งยุโรปของ Levi Strauss & Co. พูดถึงการทำงานในครั้งนี้ว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับ Dover Street Market ในฐานะที่พวกเขาสร้างโมเมนต์สุดไอคอนิกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ การเปิดตัวในครั้งนี้คือสิ่งที่ตกทอดจากความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเรา และพลังแห่งกลยุทธ์ของการทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับสินค้าที่ช่วยส่งเสริมเครือข่าย DTC ของเราด้วย พวกเขาเปิดโอกาสให้ Levi’s เข้าถึงลูกค้าไม่ว่าลูกค้าจะช้อปปิ้งกันที่ไหน และยังยกระดับประสบการณ์กับแบรนด์ในแบบที่เหนือกว่าช่องทางปกติทั่วไป”

กางเกง DSM 505 Made in San Francisco วางจำหน่ายที่ร้าน Dover Street Market ทั่วโลก ทั้งสาขาที่ลอนดอนและปารีส รวมไปถึงทางออนไลน์

ภาพ: Dover Street Market

อ้างอิง: 

• https://ww.fashionnetwork.com/news/Levi-s-launches-special-edition-for-dover-street-market-anniversary,1687118.html

The post Levi’s เปิดตัวยีนส์พิเศษเพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีของ Dover Street Market appeared first on THE STANDARD.

Levi’s จับมือ Beyoncé เปิดตัวแคมเปญโฆษณาตัวใหม่แบบเอ็กซ์คลูซีฟในชื่อ REIIMAGINE หลังจากที่ Beyoncé สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแบรนด์ ด้วยการเปิดตัวเพลง LEVII’S JEANS ในอัลบั้มคันทรีชุดล่าสุดของเธออย่าง Cowboy Carter โดยที่ทางแบรนด์ไม่ได้มีการทำข้อตกลงใดๆ กับเธอเลย

ในแคมเปญนี้ Levi’s และ Beyoncé ได้นำโฆษณาที่น่าจดจำและโดดเด่นของแบรนด์มาตีความใหม่ โดย Levi’s ได้ปล่อยภาพและคลิปวิดีโอโฆษณาตัวแรกที่ใช้ชื่อว่า Launderette ออกมาแล้ว ซึ่งโฆษณาตัวนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากโฆษณาของ Levi’s เมื่อปี 1985 ที่นายแบบผู้ชายถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นเข้าเครื่องซักผ้า และแน่นอนว่าในโฆษณาตัวใหม่นี้ Beyoncé ก็ทำแบบเดียวกัน โดยเธอเผยว่า การที่ได้นำแคมเปญมาจินตนาการใหม่ผ่านมุมมองของผู้หญิงเป็นเรื่องที่สำคัญต่อเธอมาก เพราะเธอต้องการสร้างพลังและยกย่องความเข้มแข็งของผู้หญิง

นอกจากนี้ Beyoncé ยังเผยถึงเหตุผลที่เธอทำเพลง LEVII’S JEANS ด้วยว่า “เพลง LEVII’S JEANS ของฉันคือการเฉลิมฉลองให้กับสิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นยูนิฟอร์มของคนอเมริกันอย่างแท้จริง เป็นบางสิ่งที่เราสวมใส่มันอย่างภาคภูมิใจ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานกับ Levi’s เพื่อครีเอตแก่นแท้ความเป็นอเมริกันที่เรายึดถือออกมา”

Kenny Mitchell ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ Levi’s เผยว่า แบรนด์และ Beyoncé ได้ร่วมกันสำรวจพลังของการนำโฆษณาต่างๆ มาตีความใหม่ในแคมเปญนี้ เพื่อช่วยให้แบรนด์ได้สื่อสารถึงแฟนๆ ในรูปแบบใหม่ได้ รวมถึงได้สนับสนุนธุรกิจเดนิมไลฟ์สไตล์ผู้หญิงในแบรนด์ของเราที่เติบโตขึ้นด้วย

ภาพ: Levi’s

The post Beyoncé ขึ้นแคมเปญใหม่ของ Levi’s ในชื่อ REIIMAGINE appeared first on THE STANDARD.

Levi’s จับมือวง Oasis เปิดตัวคอลเล็กชันเสื้อยืดเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีที่วง Oasis เดบิวต์อัลบั้มแรกอย่าง Definitely Maybe ซึ่งในปี 1994 อัลบั้มดังกล่าวสร้างอิทธิพลสุดยิ่งใหญ่ให้กับวงการเพลงร็อก รวมถึงได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดีเยี่ยม และยังประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายในแง่ของรายได้ อีกทั้งยังฟื้นฟูหมวดหมู่เพลงในวงการเพลงอังกฤษอีกด้วย

คอลเล็กชันเสื้อยืดของ Levi’s และ Oasis นั้นมาในโทนสีขาวและดำ รวมถึงมีกราฟิก 3 ดีไซน์ให้เลือก โดยเสื้อตัวแรกเป็นเสื้อยืดสีดำที่มีโลโก้วง Oasis อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่วงใช้มาตั้งแต่เดบิวต์ มีสีขาวอยู่ตรงกลางในกรอบพื้นหลังสีแดง ส่วนเสื้อยืดสีขาวก็สลับใช้พื้นหลังสีดำตัดกับโลโก้วงสีขาวอย่างเรียบง่าย ตามมาด้วยเสื้อยืดแบบที่ 3 ที่ใช้สัญลักษณ์ Union Jack มาทำเป็นกราฟิกที่พื้นหลังในกรอบสี่เหลี่ยม โดยมีโลโก้สีขาวอยู่ตรงกลางเช่นเคย นอกจากนั้นยังมีเสื้อยืดที่ใช้สนามฟุตบอล ณ Maine Road Stadium ที่วง Oasis เคยแสดงคอนเสิร์ตในปี 1996 มาใช้เป็นกราฟิกพื้นหลังโลโก้อย่างลงตัว

สิ่งที่ทำให้คอลเล็กชันนี้มีความพิเศษเป็นอย่างมาก ก็เป็นเพราะ Levi’s ไม่เคยผลิตเสื้อวงใดมาก่อนเลย คอลเล็กชัน Oasis x Levi’s จึงนับเป็นครั้งแรกที่แบรนด์มีการผลิตเสื้อหมวดหมู่ Band Tee หรือเสื้อวงออกมา แถมเมื่อวานนี้ (27 สิงหาคม) Liam Gallagher และ Noel Gallagher ก็เพิ่งประกาศว่า Oasis จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในรอบ 15 ปีเพื่อออกทัวร์ซัมเมอร์ปีหน้า ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนเพลงทั่วโลกอย่างรวดเร็ว และน่าจะสร้างปรากฏการณ์มากมายด้านการขายตั๋วคอนเสิร์ต

ภาพ: Levi’s

อ้างอิง: 

• https://hypebeast.com/2024/8/levis-oasis-band-anniversary-reunite-collaboration 

The post Levi’s เปิดตัวคอลเล็กชันพิเศษ ฉลองครบรอบ 30 ปีการเดบิวต์ของวง Oasis appeared first on THE STANDARD.

ยีนส์ของ Levi’s ถือว่าเป็นหนึ่งในไอเท็มเสื้อผ้าที่ไอคอนิกที่สุดในโลก จากกางเกงยีนส์ตัวแรกอย่างรุ่น 501 ที่ถือกำเนิดในปี 1873 ซึ่งตลอดเวลาร้อยกว่าปีที่ผ่านมาทางแบรนด์ก็ไม่ได้หยุดนิ่งที่จะพัฒนาสินค้าให้เข้ากับยุคสมัยผ่านความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีใหม่ๆ 

จนมาถึงการเปิดตัว Eureka Innovation Center ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 และอยู่ไม่ไกลจากสำนักงานใหญ่ของ Levi Strauss & Co. อีกหนึ่งหน่วยงานที่จะมาเติมเต็มเรื่องการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ และเป็นพื้นที่ให้ Levi’s ได้ทดลองงานแบบไร้ขีดจำกัด

โดยหลักๆ แล้ว Eureka Innovation Center มีจุดประสงค์เพื่อเป็นศูนย์สำหรับคิดค้นงานดีไซน์จากชิ้นต้นแบบก่อนจะไปผลิตเป็นสินค้าจริง ไปจนถึงเป็นพื้นที่วิจัยนวัตกรรมการผลิตสินค้าเดนิมรูปแบบใหม่ๆ ที่จะทำให้ยีนส์มีความยั่งยืนแต่ก็ไม่ทิ้งเสน่ห์ของแบรนด์ที่มีกว่า 170 ปี 

สิ่งแรกที่เราจะได้เห็นภายในศูนย์ Eureka Innovation Center คือยีนส์ Levi’s วินเทจนับร้อยตัวที่อยู่ในคอลเล็กชันของสะสมของ Bart Sights รองประธานฝ่ายเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ Levi Strauss & Co. ที่ทำหน้าที่เหมือนจดหมายเหตุให้คนในศูนย์นี้ศึกษาเรื่องเนื้อผ้า การฟอกสี การตัดเย็บ และลายเฟดของยีนส์

และมาต่อที่ไฮไลต์ของศูนย์นี้คือเครื่อง Project F.L.X. ที่ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์มาใช้ในการทำรอยยีนส์ตัวใหม่ให้ดูวินเทจมากขึ้นภายในไม่กี่นาทีผ่านการศึกษาจากยีนส์เหล่านั้นที่จะเจาะลึกลงไปถึงดีเทลระดับมิลลิเมตร ซึ่งสามารถประหยัดเวลาและทรัพยากรมากกว่าการฟอกสีแบบดั้งเดิมเพื่อจะให้ได้เอฟเฟ็กต์แบบเดียวกันต้องใช้ทั้งน้ำและสารเคมีมากมาย 

สามารถไปชมภาพของ Eureka Innovation Center จากซานฟรานซิสโกที่เรานำมาฝากกันได้เลย

ภาพ: Levi’s

The post พาชม Eureka Innovation Lab ศูนย์พัฒนาและทดลองไอเดียของ Levi’s ในซานฟรานซิสโก appeared first on THE STANDARD.