‘พาตัวเองออกไปข้างนอกเพื่อชาร์จพลังและเติมเต็มความสุขที่ขาดหาย’ ผุดมาในความคิดเราเสมอเวลาที่ร่างกายรู้สึกอ่อนแรง หรือเหนื่อยล้ากับเรื่องราวที่เล่นงานกับความรู้สึกอย่างหนักหน่วง

แทนที่จะวิ่งวุ่นตามหาความสุขนอกบ้าน บางที ‘ความสุข ความสวยงาม ความอบอุ่น ความสนุก ความสดชื่น’ ที่คุณตามหา อาจซ่อนอยู่ในบ้านก็เป็นได้

แล้วบ้านแบบไหนที่ซัพพอร์ต ‘ความรู้สึก’ เหล่านั้นกับผู้อยู่อาศัยได้?

นี่คือโจทย์ที่ ‘MANTANA’ แบรนด์บ้านจาก Land & Houses นำมาคิด วิเคราะห์ เพื่อออกแบบบ้านที่ทำงานกับความรู้สึกในทุกองศาและทุกฟังก์ชันของบ้าน ‘MANTANA’ จะทำให้ผู้อยู่อาศัยสัมผัสความสุข ความสวยงาม ความอบอุ่น ความสนุก ความสดชื่น และความภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของบ้าน

อันที่จริงช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ได้ทำการ Rebranding ครั้งใหญ่ ทั้งการปรับภาพลักษณ์ของแบบบ้านให้เป็น Minimal Luxury Style ที่มาพร้อมแบรนด์คอนเซปต์ ‘FEEL MANTANA สังคมที่พร้อม เพื่อวันนี้และอนาคต’

เมื่อแบรนด์เชื่อว่าความสุขไม่ได้มีแค่วันนี้ ส่งผลให้ทุกสิ่งที่เลือกสรร ทุกการออกแบบ ต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ลึกซึ้งในรายละเอียด ผ่านฟังก์ชันของบ้านและสังคมแวดล้อม เกิดเป็นพื้นที่ของความสัมพันธ์ การเติบโต รอยยิ้ม และความภูมิใจ

แล้วฟังก์ชันอะไรบ้างที่ ‘MANTANA’ ออกแบบมาเพื่อซัพพอร์ตการใช้ชีวิตและความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยทุกเจเนอเรชัน

นี่คือสิ่งที่ THE STANDARD LIFE สัมผัสได้จาก ‘FEEL MANTANA’

Designed for All Members

‘ความอบอุ่น สบายตา’ คือความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้จากโทนสีอ่อนของตัวบ้านและการออกแบบสไตล์มินิมัล ตามมาด้วย ‘ความสบายใจ’ ที่จากนี้ไปไม่ต้องลุ้นแล้วว่าพัสดุกล่องใหญ่จะตากแดด ตากฝน เพราะเขาดีไซน์ Smart Mailbox เพื่อรองรับวัสดุขนาดใหญ่ไว้หน้าบ้าน ส่วนใครที่มีรถไฟฟ้าหรือกำลังวางแผนจะซื้อ สบายใจได้เลย เพราะเขาติดตั้งระบบที่รองรับ EV Charger ไว้พร้อมสรรพ

ข้อดีของการออกแบบบ้านให้มีหน้ากว้าง ทำให้พื้นที่ใช้สอยในตัวบ้านดูกว้างขึ้น อีกทั้งฝ้าเพดานที่มีความสูงถึง 2.8 เมตร จึงรู้สึกถึงความ ‘โปร่งโล่ง’ ทันทีที่เดินเข้ามาในบ้าน ที่สำคัญในแต่ละพื้นที่ให้ความรู้สึกเชื่อมต่อกัน ไม่ว่าสมาชิกในครอบครัวจะทำกิจกรรมอยู่มุมไหนของบ้านก็ยังสัมผัสได้ถึงการเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน

การนำแนวคิด Universal Design มาใช้ในการออกแบบฟังก์ชันให้รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ยิ่งทำให้เข้าใจถึงมุมมองของแบรนด์ที่ต้องการส่งมอบความสุขในวันนี้และอนาคต อย่างห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างที่มีห้องน้ำในตัว สามารถเปลี่ยนเป็นห้องทำงาน ห้องสำหรับให้เด็กๆ ทำกิจกรรม หรือในอนาคตจะเปลี่ยนเป็นห้องสำหรับผู้สูงอายุก็ได้เช่นกัน เพราะทำพื้น Absorption Floor ช่วยลดแรงกระแทก และห้องน้ำที่เป็น Stepless เพื่อลดการสะดุดหรือลื่นล้ม

ทำให้เกิดความรู้สึกปลอดภัย อุ่นใจ ไม่ว่าในบ้านจะมีสมาชิกเจนไหนก็สำคัญ แน่นอนว่าฟังก์ชันภายในบ้านของ ‘MANTANA’ สร้างความรู้สึกนั้นได้จริง ไม่ว่าจะเป็นบันไดดีไซน์กว้างมาพร้อมกระจกลามิเนต ข้อดีคือหากกระจกแตกจะไม่มีเศษกระจกหลุดออกมา นอกจากนี้ยังมีประตูรั้วรีโมต ปลั๊กนิรภัย ระบบล็อกนิรภัย และที่ดีต่อใจที่สุดคือ AirPlus2 นวัตกรรมบ้านหายใจได้ ซึ่งเป็นระบบหมุนเวียนอากาศภายในบ้าน ให้บ้านได้รับอากาศใหม่ตลอดเวลา ที่สำคัญยังช่วยกรองฝุ่น PM2.5 ก่อนนำอากาศใหม่มาเติมในบ้าน อุ่นใจว่าสุขภาพปอดของเราและคนในบ้านปลอดภัยแน่นอน

ส่วนเรื่องความสวยงามในการออกแบบ ต้องเทคะแนนให้กับการออกแบบ Master Bedroom ที่มาพร้อม Walk-in Closet ขนาดใหญ่แยกเป็นสัดส่วนต่อเนื่องกับห้องน้ำ และยังเชื่อมต่อกับ Green Oasis พื้นที่สีเขียวส่วนตัวที่ทำให้ใกล้ชิดธรรมชาติได้ตลอดเวลาและเป็นส่วนตัว

ชั้นสองยังมีอีก 2-3 ห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัว ห้องอเนกประสงค์ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ จะทำเป็นห้องพระ ห้องโยคะ ห้องอ่านหนังสือ หรือห้องทำงานก็ย่อมได้ รวมไปถึงโถงพักผ่อนที่สามารถมองลงมายัง Living Area ชั้นล่างได้

Greenery Concept

แม้ว่า ‘MANTANA’ จะปรับโฉมใหม่ในหลายส่วน แต่ความรู้สึกร่มรื่นเหมือนอยู่ในรีสอร์ต ยังเป็นจุดเด่นที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนของ MANTANA ทุกโครงการ ทุกทำเลจาก Land & Houses

ภายใต้การออกแบบสไตล์ Resort Concept ของพื้นที่ส่วนกลาง ที่ออกแบบให้บ้านทุกหลังใกล้ชิดกับพื้นที่สีเขียว สามารถสัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดไม่ว่าจะอยู่ภายในบ้านหรือนอกบ้าน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในรีสอร์ตตลอดทั้งวัน

ความรู้สึกร่มรื่น สบายตา ยังถูกดีไซน์ไว้ในพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ ของโครงการ เพราะต้องการให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติไม่ว่าจะทำกิจกรรมและใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน อย่างห้องฟิตเนสที่ออกแบบมาให้เราสามารถออกกำลังกายไปดูวิวไป ยิ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลายยิ่งขึ้น หรือสนามเด็กเล่น ที่ได้ร่มเงาจากพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่ เครื่องเล่นก็มีการคัดสรรมาแล้วว่าจะช่วยเสริมพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัยได้ มั่นใจได้เลยว่าเจ้าตัวเล็กของบ้านจะเติบโตมาอย่างดีและมีความสุขแน่นอน

Strict Security System

นอกจากความรู้สึกอุ่นใจเวลาพักผ่อนอยู่ในบ้าน ทุกโครงการยังดับเบิลความอุ่นใจด้วยการดูแลแบบ Triple Security System ตั้งแต่การตรวจสอบผู้มาเยือน แลกบัตรพร้อมบันทึกข้อมูลผ่าน CCTV ที่ป้อมหน้า ส่วนลูกบ้านใช้ระบบ Keycard Access พร้อมช่องทางเข้าเฉพาะ มีการติดตามผู้มาเยือนทุกรายจนถึงปลายทางที่ระบุ ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดย รปภ. ที่คัดสรรและตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และต้องผ่านเกณฑ์การอบรมตามมาตรการของ Land & Houses

Good Location

จริงๆ แล้วค่อนข้างมั่นใจในมาตรฐานการคัดเลือกโลเคชันของ Land & Houses นอกจากการเดินทางที่สะดวก รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของสมาชิกทุกเพศและทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ

นิยามคำว่า ‘โลเคชันที่ดี’ ของ ‘MANTANA’ น่าจะหมายถึง การสร้างสังคมดีๆ ที่คำนึงถึงครอบครัว ที่สมาชิกทุกช่วงวัยจะได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย คงเบาใจไม่น้อยถ้ามีสถาบันการศึกษาชั้นนำอยู่ในละแวกบ้าน ต้องอุ่นใจอย่างแน่นอนถ้าจากบ้านใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ถึงโรงพยาบาลสำหรับบ้านที่มีผู้สูงอายุ คนทำงานในเมืองก็สบายใจได้ทุกวันถ้ามีเส้นทางที่เชื่อมต่อเข้าไปใจกลางเมืองอย่างง่ายดาย

เหนือสิ่งอื่นใดจะทำให้เราเข้าใจได้ว่า ‘บ้าน’ มีผลต่อความสัมพันธ์ การเติบโตของลูก ความรักและความภาคภูมิใจที่ได้ครอบครองอย่างแท้จริง ‘Feel MANTANA’

ดูโลเคชันโครงการของ ‘MANTANA’ ได้ที่ https://www.lh.co.th/th/mantana-siwalee

The post ค้นหา ‘ฟีลลิ่ง’ ที่เกิดจาก ‘ฟังก์ชัน’ ในทุกองศาของบ้าน: เพราะบ้านที่ดีต้องซัพพอร์ตทุกความรู้สึก [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

หนึ่งในอุตสาหกรรมที่เป็นเครื่องจักรสำคัญของการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้คืออุตสาหกรรมภาคท่องเที่ยว ที่กลับมาฟื้นตัวได้แข็งแรงจากการเปิดประเทศของประเทศไทยอย่างเต็มที่ จึงทำให้นักลงทุนจำนวนมากมองหาทางเลือกในการลงทุนที่ได้รับประโยชน์ไปกับแนวโน้มนี้ ซึ่งหนึ่งในภาคธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มนี้เป็นอย่างดีคือภาคธุรกิจโรงแรม

บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ ‘ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล’ หรือ LHHOTEL กองรีทโรงแรมชั้นนำจากกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ หนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่จะลงทุนเติบโตไปพร้อมกับภาคท่องเที่ยวของประเทศไทย

ปัจจุบัน LHHOTEL เป็นกอง REIT ประเภทโรงแรมที่มีขนาดสินทรัพย์และมูลค่าตามราคาตลาดใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งลงทุนในโครงการโรงแรมชั้นนำในย่านทำเลธุรกิจและท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงเทพฯ ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกอโศก, โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ บริเวณราชประสงค์ และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 ในซอยทองหล่อ บริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทรัสต์มืออาชีพอย่างบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LH Fund)

ปัจจัยที่ทำให้ LHHOTEL ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นอีกคือ ในปีนี้ LHHOTEL กำลังจะขยายพอร์ตด้วยการลงทุนเพิ่มเติมใน 2 โรงแรมพรีเมียมที่ถือเป็นแลนด์มาร์กของย่านพัทยาเหนือ ได้แก่ โครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา และโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา ซึ่งเป็นโรงแรมที่พัฒนาโดยบริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด ในเครือบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการและบริหารโรงแรมชั้นนำภายใต้แบรนด์ ‘แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์’

ทำไมต้องเป็นพัทยา?

คำตอบของเรื่องนี้สะท้อนมาจากการที่พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ มีงานเทศกาลประจำปีและแหล่งท่องเที่ยวมากมายหลากหลาย รวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ได้สะดวก ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง รวมทั้งมีสนามบินอู่ตะเภารองรับนักท่องเที่ยวและนักเดินทางจากนานาชาติ นอกจากนี้ยังจะมีการลงทุนในโครงการระดับชาติ เช่น รถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน, ส่วนขยายท่าเรือน้ำลึก, นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ด้วยความโดดเด่นนี้ ไม่แปลกที่ LHHOTEL จะสนใจเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมในพัทยา

สำหรับโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา ตั้งอยู่ใจกลางพัทยา ครึกครื้นไปด้วยผู้คน เป็นโครงการที่ผสมผสานระหว่างสวนน้ำกับโรงแรม ห้องประชุมขนาดใหญ่และทันสมัย สปาและออนเซนวิวทะเลแห่งแรกของประเทศไทย พร้อมทั้งดึงธีมการออกแบบและตกแต่งแบบอวกาศที่โดดเด่นมาใส่ไว้ในส่วนต่างๆ ของโรงแรม เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งสายครอบครัว, สายธุรกิจ, สายโรแมนติก และสายกิน เที่ยว ปาร์ตี้

โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา ตั้งอยู่บนศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา แหล่งช้อปปิ้งที่เพียบพร้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อยู่ห่างจากชายหาดพัทยาเพียง 500 เมตร ห้องพักทุกห้องสามารถมองเห็นวิวทะเล และสะดวกในการเดินทางเข้าออกโรงแรมด้วย 3 ถนนเส้นหลัก

ยิ่งหลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 ลดลง และการท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจากรัสเซียที่เริ่มกลับมาอีกครั้ง ยังมีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ เข้ามา เช่น ฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย เวียดนาม ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ เป็นต้น อีกด้วย 

โดยจากยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทย เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพัทยาถึง 2 ล้านคน หรือร้อยละ 20 จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 10 ล้านคน ณ วันที่ 10 ธันวาคม 2565 นี่ยังไม่นับนักท่องเที่ยวไทยอีกเป็นจำนวนมาก

ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เข้ามาทำให้รายได้ของ LHHOTEL เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ใช่แค่พัทยาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรงแรมของ LHHOTEL ในปัจจุบันอีก 3 แห่งที่อยู่ในกรุงเทพฯ ต่างได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง

กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยสะสม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 25 มิถุนายน 2566 พบว่ามีจำนวน 12,464,812 คน เติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 539%

ขณะที่ไตรมาส 4 ของปีนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยไม่น้อยกว่า 2 ล้านคนต่อเดือน จากฤดูกาลการท่องเที่ยวและจำนวนเที่ยวบินตามตารางบินฤดูหนาวที่เพิ่มมากขึ้น

โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วางเป้าหมายว่าในปี 2566 ภาคการท่องเที่ยวจะสร้างรายได้ให้กับประเทศที่ 2.38 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยที่จำนวน 25 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 1.5 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวในประเทศสร้างรายได้ราว 8.8 แสนล้านบาท

การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวทำให้รายได้ของ LHHOTEL เติบโตไปด้วย โดยงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 กองทรัสต์มีรายได้รวมจำนวน 568.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผลการดำเนินงานของโครงการโรงแรมที่ LHHOTEL เข้าลงทุนปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราการเข้าพักกว่า 90% สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวด้านธุรกิจการท่องเที่ยวภายหลังการคลี่คลายและฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 โดยมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 398.54 ล้านบาท และจ่ายปันผลในอัตรา 0.88 บาทต่อหน่วย จากผลประกอบการในช่วง 8 เดือนครึ่ง ของปี 2566

จากการท่องเที่ยวของไทยที่คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความแข็งแกร่งของโรงแรมที่อยู่ภายใต้ LHHOTEL ในปัจจุบัน ตลอดจนอีก 2 โรงแรมที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติม ทำให้เราเชื่อมั่นว่า LHHOTEL จะมีผลงานที่สดใสต่อไปในอนาคต

โดยคาดว่าหลังจากลงทุนเพิ่มเติมใน 2 โรงแรม ประมาณการยีลด์หลังเพิ่มทุนสูงถึง 10.5% ในปี 2567 โดยผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ ณ วันที่ 27 กันยายน 2566 จองซื้อวันที่ 16–20 ตุลาคม 2566 และประชาชนทั่วไป จองซื้อวันที่ 24–27 ตุลาคม 2566 ผ่านธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดการลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 ของ LHHOTEL สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=528011&lang=th

คำเตือน: ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

อ้างอิง:

• https://www.thaipost.net/public-relations-news/289414/
• https://mgronline.com/local/detail/9660000003811
• https://lhmh.co.th/th/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%8B-%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2

The post ‘LHHOTEL’ กองรีท Flagship โรงแรมจากกลุ่ม Land & Houses เตรียมเพิ่มศักยภาพการลงทุนกับสองโรงแรมจุดหมายใหม่ใจกลางพัทยา appeared first on THE STANDARD.