Lab-grown meat – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 22 Feb 2021 10:37:42 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 สิงคโปร์ไฟเขียวขายเนื้อสัตว์เพาะจากห้องแล็บเป็นชาติแรกในโลก เชื่อสะอาดปลอดภัย และถูกใจคนรักสัตว์ https://thestandard.co/singapore-is-the-first-nation-to-sell-lab-grown-meat/ Thu, 03 Dec 2020 02:46:38 +0000 https://thestandard.co/?p=428092 สิงคโปร์ไฟเขียวขายเนื้อสัตว์เพาะจากห้องแล็บเป็นชาติแรกในโลก เชื่อสะอาดปลอดภัย และถูกใจคนรักสัตว์

องค์การอาหารของสิงคโปร์อนุมัติให้วางจำหน่ายเนื้อไก่ที่เ […]

The post สิงคโปร์ไฟเขียวขายเนื้อสัตว์เพาะจากห้องแล็บเป็นชาติแรกในโลก เชื่อสะอาดปลอดภัย และถูกใจคนรักสัตว์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สิงคโปร์ไฟเขียวขายเนื้อสัตว์เพาะจากห้องแล็บเป็นชาติแรกในโลก เชื่อสะอาดปลอดภัย และถูกใจคนรักสัตว์

องค์การอาหารของสิงคโปร์อนุมัติให้วางจำหน่ายเนื้อไก่ที่เพาะเลี้ยงในห้องแล็บตามท้องตลาดได้ ซึ่งถือเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุญาตให้ขายเนื้อสัตว์สังเคราะห์อย่างเป็นทางการ 

 

แถลงการณ์ของ Eat Just บริษัทสตาร์ทอัพของสหรัฐฯ ที่ผลิตเนื้อสังเคราะห์จากห้องแล็บระบุว่า การอนุมัติจำหน่ายเนื้อคุณภาพสูงที่เพาะเลี้ยงมาจากเซลล์ของสัตว์ ซึ่งมีความปลอดภัยสำหรับการบริโภค ถือเป็นก้าวแรกสำหรับการวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ที่สิงคโปร์ โดยทางบริษัทจะนำเนื้อไก่จากห้องแล็บมาวางจำหน่ายในรูปของ ‘นักเก็ต’ ก่อน ซึ่งเบื้องต้นตั้งราคาเอาไว้ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อห่อ

 

ด้าน จอช เททริก หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Eat Just กล่าวว่า ต้นทุนการผลิตเนื้อสัตว์สังเคราะห์ในห้องแล็บลดลงไปมากแล้ว ทำให้เนื้อไก่จากห้องแล็บคงจะมีราคาพอๆ กับเนื้อไก่คุณภาพสูงทั่วไป โดยทางบริษัทเตรียมจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในสิงคโปร์เร็วๆ นี้

 

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะทำกำไรจากเนื้อสัตว์สังเคราะห์ภายในช่วงปี 2021 และเตรียมนำบริษัทจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ด้วย 

 

เนื้อสัตว์สังเคราะห์ถือเป็นเนื้อสัตว์ทางเลือก หรืออาหารทางเลือกที่ได้มีการคิดค้นพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งหันมาใส่ใจสุขภาพ คำนึงถึงสวัสดิภาพของสัตว์ และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้เนื้อทางเลือกกลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามอง 

 

ปัจจุบัน มีผู้ผลิตอาหารกว่า 20 รายทั่วโลกที่กำลังทดลองผลิตเนื้อปลา เนื้อวัว และเนื้อไก่จากห้องแล็บ เพื่อหวังช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดเนื้อสัตว์ทางเลือกที่ธนาคารบาร์เคลย์สประเมินว่า อาจจะมีมูลค่าสูงถึง 140,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2029 โดยเจ้าตลาดในขณะนี้ก็คือ บริษัท บียอนด์ มีท อิงค์ (Beyond Meat Inc) และ อิมพอสสิเบิล ฟูดส์ (Impossible Foods) ที่ผลิตเนื้อจากพืชออกวางจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ต และมีการนำไปปรุงเป็นเมนูในร้านอาหารมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ภาพ: Reuters

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

The post สิงคโปร์ไฟเขียวขายเนื้อสัตว์เพาะจากห้องแล็บเป็นชาติแรกในโลก เชื่อสะอาดปลอดภัย และถูกใจคนรักสัตว์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธุรกิจคิดต่างเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมวิ่งไปทางไหนในปี 2017 https://thestandard.co/business-for-social-and-environment/ https://thestandard.co/business-for-social-and-environment/#respond Wed, 27 Dec 2017 06:05:15 +0000 https://thestandard.co/?p=58193

เมื่อปี 2017 กำลังจะผ่านไปในไม่กี่วันนี้ เราคงปฏิเสธไม่ […]

The post ธุรกิจคิดต่างเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมวิ่งไปทางไหนในปี 2017 appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อปี 2017 กำลังจะผ่านไปในไม่กี่วันนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการขยับตัวของธุรกิจเพื่อเข้าหาความ ‘ยั่งยืน’ หรือ Sustainability เป็นสิ่งที่เริ่มหลีกเลี่ยงได้ยากบนโลกที่ทรัพยากรร่อยหรอ อากาศเปลี่ยนแปลงเร็วจนจัดชุดใส่แทบไม่ทัน ท่ามกลางความเคร่งเครียดทางการเมืองและแรงกดดัน ไม่ว่าจะจากภาคเอ็นจีโอ แรงงาน รวมทั้งผู้บริโภคสู่ภาคธุรกิจมากขึ้น  


คอลัมน์ ‘ธุรกิจคิดต่าง’ จึงอยากรวบรวมเทรนด์จากโลกธุรกิจสากลที่ความพยายาม ‘คิดต่าง’ เพื่อโลกและสังคมที่ดีขึ้น ความคิดต่างที่ว่าอาจไม่ใช่เพียงแค่ความเก๋ไก๋หรือแค่ภาพลักษณ์ แต่คือการลดต้นทุนที่เป็นรูปธรรม การสร้างความสามารถในการแข่งขัน หรือในบางกรณีอาจเป็นกลยุทธ์เพื่อสร้างความอยู่รอดในระยะยาวของธุรกิจ


หลายเทรนด์ที่ไม่ได้เกิดตูมตามภายในปี 2017 ที่ผ่านมา แต่เป็นพัฒนาการที่ถูกยกระดับขึ้นเรื่อยๆ และเราคงได้เห็นแนวคิดเหล่านี้ต่อเนื่องไปอีกหลายปี

 

พลังงานทดแทน โลกใหม่ของการใช้พลังงาน

การใช้ถ่านหินหรือพลังงานฟอสซิลถือเป็นความเชยขั้นสุด เมื่อหลายบริษัทหันไปลงทุนก้อนใหญ่ให้พลังงานทางเลือก Google ได้กลายเป็นธุรกิจที่ซื้อพลังงานทดแทนมากที่สุดในโลก ตามมาด้วย Amazon และ Microsoft


Google เซ็นสัญญาซื้อพลังงานลมและแสงอาทิตย์จำนวน 2.5 ล้านกิกะวัตต์จากทั่วโลก และตั้งเป้าใช้พลังงานทดแทนให้ได้ 100% ในปีนี้


ธุรกิจคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ล้วนถูกจับตามองเรื่องการใช้พลังงานมหาศาลในการดูแลระบบและรักษาข้อมูล ส่วนธุรกิจอื่นๆ ก็ขยับตัวเรื่องนี้ไม่แพ้กัน เช่น Ikea จะสร้างพลังงานใช้เองในแต่ละสาขาโดยไม่ต้องพึ่งพิงการไฟฟ้าของแต่ละประเทศให้ได้ภายในปี 2020 และ Walmart ตั้งเป้าใช้พลังงานทางเลือก 50% ในปี 2025

 

 

การแสดงจุดยืนของธุรกิจที่กล้า ‘สวนทาง’ กับการตัดสินใจของรัฐ

ในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ไม่เชื่อในปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) เข้ารับตำแหน่ง ก็ได้ออกคำสั่งจำนวนมากที่ส่งผลลบในประเด็นสังคมและสิ่งแวดล้อม


ทำให้บริษัทหลายแห่งต้องรีบสวนกระแสและประกาศนโยบายแสดงถึงจุดยืนในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น Starbucks ที่ประกาศเพิ่มตำแหน่งงานให้ผู้ลี้ภัย 10,000 ตำแหน่งทั่วโลก หลังจากที่ประธานาธิบดีมีนโยบายกีดกันผู้ลี้ภัย บริษัทหลายแห่ง เช่น General Electric (GE), Apple, Google, Hewlett-Packard (HP), Mars ฯลฯ ต้องออกมาประกาศตัวว่าบริษัทยังมุ่งมั่นเดินหน้าลดก๊าซเรือนกระจกต่อไป แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะออกจากความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (COP21) และเมื่อเร็วๆ นี้ Patagonia ประกาศฟ้องร้องประธานาธิบดีที่ยกเลิกพื้นที่อนุรักษ์ที่เป็นอนุสรณ์สถานของชาติในรัฐยูทาห์เพื่อธุรกิจเหมือง

 

 

เทคโนโลยีที่ปูทางการลดผลกระทบต่อโลกในอนาคต

เพราะบริษัทที่สร้างความยั่งยืนต้องอาศัยความ ‘คิดต่าง’ นวัตกรรมและเทคโนโลยีจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญ เราเริ่มเห็นนวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์ที่ดีต่อโลกมีบทบาทมากขึ้น เช่น กล่องปลอดความหงุดหงิด (Frustration Free Package) ของ Amazon ที่ออกแบบให้ลดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นในการแพ็กสินค้า ทำให้ขนาดกล่องเล็กลง น้ำหนักเบา ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาแกะ และรีไซเคิลได้


เทคโนโลยีใหม่ๆ นี้รวมไปถึงธุรกิจสตาร์ทอัพที่จะเปลี่ยนวิธีการบริโภคของเราในอนาคต เช่น Hampton Creek จากซิลิคอนแวลเลย์ ที่ประกาศส่ง ‘เนื้อปลูก’ (Lab-grown meat) สู่ตลาดในปี 2018 เนื้อปลูกที่จะมีรสชาติและโปรตีนไม่ต่างจากเนื้อสัตว์นี้เป็นความหวังในการดูแลประชากรโลกที่จะเพิ่มขึ้นข้างหน้าเป็น 9 พันล้านคนในปี 2050 ในขณะที่พื้นที่เพาะปลูกอาหารลดลง และการเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะวัว ที่การเรอและตดของพวกมันสร้างก๊าซเรือนกระจกถึง 15% ของโลก

 

 

คืนชีวิตให้ขยะด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

บริษัทต่างๆ เริ่มหาวิธีสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น คือการใช้ทรัพยากรแบบเป็นวงจร ไม่ใช่ที่เคยทำแบบเป็นเส้นตรง คือการใช้วัตถุดิบ ผลิต จัดจำหน่าย แล้วทิ้งเป็นขยะจำนวนมหาศาล แต่หาทางคืนชีวิตให้วัตถุในวงจรอีกครั้ง เช่น Dell ออกแบบระบบรีไซเคิลแบบปิด และใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่รีไซเคิลง่ายขึ้นเพื่อลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Levi’s ที่กำลังรวบรวมยีนส์และเสื้อผ้าเก่าเพื่อทำเป็นฉนวนตึก วัสดุกันกระแทก และไฟเบอร์ เพื่อใช้เป็นสิ่งทอต่อไป

 

 

แหล่งที่มาของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ต้องชัดเจนและโปร่งใส

สำหรับผู้บริโภคในประเทศพัฒนาแล้ว การตั้งคำถามถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบและการดูแลแรงงานในห่วงโซ่อุปทานถือเป็น ‘ความปกติ’ บริษัทมีหน้าที่แสดงความโปร่งใสและต้องตอบคำถามเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำลายป่าเพื่อปลูกปาล์มน้ำมันที่เป็นวัตถุดิบหลักในสินค้าจำนวนมาก เช่น ช็อกโกแลต มันฝรั่งทอด สบู่ และเครื่องสำอาง ที่มาของฝ้ายและการใช้แรงงานในธุรกิจแฟชั่น ที่มาของแร่ธาตุและการเอาเปรียบแรงงานที่อยู่ในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงการใช้พลังงานหล่อเลี้ยงระบบเงินดิจิทัลบิตคอยน์ที่มากกว่าการใช้พลังงานของไอร์แลนด์ทั้งประเทศ ฯลฯ

 

 

เป้าหมาย SDGs ไม่ตามไม่ได้แล้ว

หลังจากที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ออกมา 17 ข้อในปี 2016 ซึ่งภาคธุรกิจได้ร่วมร่างเป้าหมายนี้ด้วย เราเริ่มเห็นการขับเคลื่อนตั้งแต่ระดับประเทศที่ร่วมลงนาม (รวมทั้งไทย) ลงมาถึงระดับภาคเอกชน หลายบริษัทเริ่มนำ SDGs ไปใช้เป็นกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน หรือเป็นโจทย์ตั้งต้นในการสร้างคุณค่าด้านสังคมหรือสิ่งแวดล้อมเพิ่ม

 

การ ‘คิดต่าง’ เพื่อสร้างผลกระทบที่ดีขึ้นต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมไม่ใช่สิ่งที่ทำได้สำเร็จเพียงชั่วข้ามคืนหรือข้ามปี แต่ต้องอาศัยพัฒนาการที่ต่อเนื่อง เพราะหลายเรื่องต้องอาศัยเวลา และปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ธุรกิจที่ยังแสวงหากำไรสูงสุดแบบเดิมๆ โดยยังไม่ยอม ‘คิดต่าง’ ก็จะยิ่งเชยและทิ้งห่างออกไปจากธุรกิจที่ปรับตัวได้บนเส้นทางนี้ ที่อาจใช้ความยั่งยืนทำให้บริษัทอยู่รอดได้ในวันที่ทรัพยากรยิ่งจำกัด และปัญหาสังคมมีความสลับซับซ้อนกว่านี้

 

อ้างอิง:

The post ธุรกิจคิดต่างเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมวิ่งไปทางไหนในปี 2017 appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/business-for-social-and-environment/feed/ 0