Katsura – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sun, 29 Oct 2023 07:06:47 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Katsura ร้านทงคัตสึลับที่เสิร์ฟความพรีเมียมพร้อมรีฟิลข้าว ซุป สลัด และผักดองแบบไม่อั้น! https://thestandard.co/life/katsura-premium-quality Wed, 01 Nov 2023 03:00:51 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=860053

ทงคัตสึ (Katsu) หมูชุบเกล็ดขนมปังทอดสไตล์ญี่ปุ่น เมนูเบ […]

The post Katsura ร้านทงคัตสึลับที่เสิร์ฟความพรีเมียมพร้อมรีฟิลข้าว ซุป สลัด และผักดองแบบไม่อั้น! appeared first on THE STANDARD.

]]>

ทงคัตสึ (Katsu) หมูชุบเกล็ดขนมปังทอดสไตล์ญี่ปุ่น เมนูเบสิกที่ดูผิวเผินแล้วอาจไม่ได้รู้สึกว่ามีความแปลกใหม่อะไร แต่ความจริงแล้วกว่าจะได้มาซึ่งความอร่อยติดตรึงใจมันมีกรรมวิธีการทำที่พิถีพิถันมากกว่าที่คิด เหมือนกับที่เราได้ไปเจอร้านทงคัตสึลับๆ ในย่านหลังสวนอย่าง ‘Katsura Japanese Cutlet Bar’ ที่ไม่ใช่แค่ใส่ใจในทุกขั้นตอนการทำ แต่ยัง ‘อร่อยจุกสาแก่ใจคนกิน!’

 

ทางเข้าร้าน Katsura

 

The Vibe

 

ที่บอกว่าเป็นร้านลับก็เพราะว่าทางเข้าร้านนั้นอยู่ด้านข้างของตัวอาคาร The Millennia Tower ประหนึ่งทางหนีไฟ แต่ถ้าขับรถมาจอดในตัวอาคารก็สามารถเดินเชื่อมจากลานจอดรถมายังชั้นสองได้เลย

 

ประตูเข้าร้าน Katsura

 

บรรยากาศในร้านตกแต่งแบบเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่นโดยแท้ มีโซนให้นั่งหน้าบาร์ และยังมีโซนสำหรับโอมากาเสะแยกต่างหาก ซึ่งจะเปิดเป็นรอบตั้งแต่ 18.00 น. เป็นต้นไป ถ้าใครอยากจะกินแบบโอมากาเสะแนะนำให้โทรจองร้านล่วงหน้าหนึ่งวัน ซึ่งเชฟใหญ่ผู้กุมบังเหียนความอร่อยของทางร้านจะมีทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวไทยอย่างเชฟวาตานาเบและเชฟทองอิน ที่คอยร่วมกันรังสรรค์เมนูใหม่ๆ ให้เหล่าลูกค้าได้แวะเวียนกลับมาลองอยู่เสมอ

 

บริเวณที่นั่งโซนบาร์ของร้าน Katsura โต๊ะ 6 ที่นั่งในร้าน Katsura

 

The Taste

 

จุดเด่นแรกที่ทำให้เมนูคัตสึของ Katsura มีความโดดเด่นคือวัตถุดิบระดับพรีเมียมที่ทางร้านคัดสรรมาอย่างดี เริ่มกันที่เมนูใหม่ที่รวบตึงจานซิกเนเจอร์และจานขายดีที่สุดของทางร้านไว้ด้วยกันอย่าง Truffle Cheese Minced Cutlet with Jumbo Prawn Set (689 บาท) 

 

Truffle Cheese Minced Cutlet with Jumbo Prawn Set

 

หมูบดชุบเกล็ดขนมปังทอดไส้ชีสทรัฟเฟิลฉ่ำๆ จับคู่กับกุ้งลายเสือขนาดจัมโบ้ชุบเกล็ดขนมปังทอด ซึ่งเกล็ดขนมปังที่เห็นนี้เป็นเกล็ดขนมปังจากญี่ปุ่นที่ทางร้านนำมาคลุกเคล้าแล้วทอดด้วยน้ำมันรำข้าว

 

หมูบดชุบเกล็ดขนมปังทอดไส้ชีสทรัฟเฟิล

 

บอกเลยว่าชาวทรัฟเฟิลจะต้องปลื้มกับหมูทอดจานนี้แน่นอน ด้วยความหอมเตะจมูกของตัวซอสทรัฟเฟิล ยิ่งกินกับชีสยืดๆ คือฟินจนต้องอุทานออกเสียง ส่วนกุ้งนั้นเนื้อแน่นสะใจสมกับความเป็นกุ้งไซส์จัมโบ้ จะกินกับซอสทาร์ทาร์ก็ดี หรือซอสสำหรับของทอดที่ทางร้านเตรียมไว้ให้เราปรุงรสเองก็ยิ่งเด็ด

 

ถ้าสังเกตในเซ็ตจะมีถ้วยซอสที่ใส่งาขาวมาด้วย เริ่มแรกให้เราทำการบดงาก่อน จากนั้นให้ผสมซอสทงคัตสึกับซอสการ์ลิกมิโซะที่เสิร์ฟให้ทุกโต๊ะเข้าด้วยกัน ถ้าชอบกินหวานก็เน้นใส่ซอสการ์ลิกมิโซะ แต่ถ้าชอบติดเปรี้ยวหน่อยแนะนำให้ใส่ซอสทงคัตสึมากกว่า เรียกว่าปรุงรสได้ตามใจชอบ

 

 

ส่วนข้าวญี่ปุ่นที่เสิร์ฟมาด้วยก็จะไม่เหมือนกับข้าวญี่ปุ่นทั่วไป ของที่นี่จะเป็นข้าวญี่ปุ่นผสมบาร์เลย์ เพิ่มเท็กซ์เจอร์และความหอมยิ่งขึ้น ส่วนใครที่เป็นสายเครื่องเคียงก็เตรียมยิ้มได้ เพราะข้าว สลัด ผักดอง และซุปของที่นี่สามารถเติมได้ไม่อั้น! ดูจากทั้งปริมาณเนื้อและเครื่องเคียงแล้วถ้าไม่อิ่มก็ให้มันรู้ไป

 

 

หากใครที่อยากกินหมูทอดแบบเต็มปากเต็มคำ แนะนำให้สั่ง Premium Tenderloin Pork Cutlet Special Jumbo Prawn Set (659 บาท)

 

Premium Tenderloin Pork Cutlet Special Jumbo Prawn Set

 

ที่เห็นสันในหมูเป็นสีชมพูแบบนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สุก ทางร้านได้นำหมูไปซูวีด์เรียบร้อย แล้วนำไปทอดอีกที ส่วนกุ้งลายเสือที่ดูหน้าตาแปลกไปก็เพราะตัวกุ้งถูกนำไปห่อด้วย Kadaifu เส้นหมี่ของญี่ปุ่นจนอ้วนแล้วนำไปทอดจนได้เท็กซ์เจอร์กรอบนอกนุ่มใน

 

ตัวเส้นหมี่นี้ไม่มีความแข็งบาดคอแต่อย่างใด แต่จะมีความเปราะบางหน่อย เวลาหั่นก็อาจจะมีกระจุยกระจายไปบ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมันอร่อยและเข้ากับกุ้งเป็นอย่างดี

 

 

แต่ถ้าใครที่อยากเน้นกุ้งแบบจุกๆ ทางร้านก็มีเมนูใหม่ล่าสุดเอาใจสายกุ้งโดยเฉพาะกับ Jumbo Tiger Prawn Cutlet Set (759 บาท) กุ้งลายเสือตัวโตเช่นเดิมชุบเกล็ดขนมปังทอด เนื้อแน่นสะใจทุกตัว กินเที่ยงก็คืออิ่มถึงเย็น

 

Jumbo Tiger Prawn Cutlet Set

 

แม้ของทอดจะเป็นจุดเด่นของทางร้าน แต่ซูชิและซาชิมิของที่นี่ก็พรีเมียมและอร่อยไม่แพ้กัน แนะนำให้ลอง Seared Chu-toro with Ponzu (889 บาท) เนื้อส่วนท้องของปลาทูน่าเสิร์ฟมากับซอสพอนสึสองแบบ โดยด้านล่างจานจะเป็นซอสพอนสึแบบธรรมดา ท็อปด้วยซอสพอนสึแบบเยลลี่ด้านบน เป็นจานที่ให้ความสดชื่นเป็นอย่างดี

 

Seared Chu-toro with Ponzu

 

Gomaburi Yellowtail Salad (489 บาท) ปลาฮามาจิในซอสงา ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยน้ำมันงาและน้ำมันรายุหรือน้ำมันพริกของญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งน้ำมันสองตัวนี้จะให้ความหอมและรสชาติที่ต่างกัน แต่จิ้มกินด้วยกันพร้อมกับซอสงาแล้วคือไร้ที่ติ

 

Gomaburi Yellowtail Salad

 

ไหนๆ มาร้านของทอดแล้ว ถ้าอยากจะกินปลาดิบทอดด้วยก็ไม่ใช่ปัญหา และเราก็สนับสนุนให้สั่งเต็มที่ โดยเฉพาะจานนี้ Salmon Furai Cutlets with Ikura in Tartare (489 บาท) ชาวแซลมอนจะต้องถูกใจสิ่งนี้ ด้วยชิ้นเนื้อแซลมอนสดๆ จิ้มกินกับซอสทาร์ทาร์ บีบเลมอน และอิคุระคือมันปาก ฟินสุดๆ

 

Salmon Furai Cutlets with Ikura in Tartare

 

Good for

 

เมื่อไรที่อยากกินร้านคัตสึแบบคุณภาพดีและยังจุใจกับปริมาณชนิดที่ว่ากินเสร็จต้องอุ้มท้องออกจากร้าน ขอให้มาที่ Katsura อร่อยทุกอย่างยันซอส และถึงแม้ว่าทุกอย่างจะดู Deep Fried แต่ทางร้านก็ถือว่าทอดออกมาได้อมน้ำมันน้อย โซนปลาดิบเองก็คุณภาพดีงามไม่แพ้กัน แนะนำให้ชวนเพื่อนและครอบครัวมาด้วย เชื่อเถอะเห็นเมนูแล้วไม่อยากสั่งแค่จานเดียวแน่นอน

 

 

Open: เปิดทุกวัน เวลา 11.30-15.00 น. และ 17.30-22.00 น.

Address: ชั้น 2 The Millennia Tower

Instagram: https://www.instagram.com/katsuracutletbar/

Facebook: https://www.facebook.com/katsurabangkok

Budget: เริ่มต้นที่ 300 บาท++

The post Katsura ร้านทงคัตสึลับที่เสิร์ฟความพรีเมียมพร้อมรีฟิลข้าว ซุป สลัด และผักดองแบบไม่อั้น! appeared first on THE STANDARD.

]]>
ใบไม้เปลี่ยนสี ภาพที่ถ่ายยังไงก็สวยไม่พอ และเกียวโต https://thestandard.co/kyoto-autumn-leaves/ https://thestandard.co/kyoto-autumn-leaves/#respond Fri, 26 Jan 2018 11:08:22 +0000 https://thestandard.co/?p=65396

ถ้าถามผมว่าชอบประเทศไหนมากที่สุดตั้งแต่เคยไปมา ตั้งแต่เ […]

The post ใบไม้เปลี่ยนสี ภาพที่ถ่ายยังไงก็สวยไม่พอ และเกียวโต appeared first on THE STANDARD.

]]>

ถ้าถามผมว่าชอบประเทศไหนมากที่สุดตั้งแต่เคยไปมา ตั้งแต่เด็กจนโตก็ยังไม่มีดินแดนไหนบนโลกนี้มาล้มล้างคําตอบอันหนักแน่นของผมว่า ‘ญี่ปุ่น’ ได้เสียที ถึงแม้ความตื่นเต้นในการไปญี่ปุ่นจะลดลง กลับกลายเป็นความคุ้นเคยขึ้นมาแทน

 

เกียวโตมีเรื่องราวให้เล่าต่อเสมอ

 

ยิ่ง 2-3 ปีหลังนี้ เมื่อได้ไปปีละ 5-6 รอบ ตั้งแต่ฮอกไกโด ลากยาวลงไปถึงโอกินาว่า เรียกได้ว่าเกือบครบทั้งประเทศจนบางครั้งซื้อของก็รู้สึกไม่อยากขอคืนภาษี เพราะมาบ่อยจนอยากจะจ่ายภาษีให้รัฐบาลของประเทศที่ผมหลงใหลแห่งนี้ไปบ้าง

 

แต่ที่สําคัญ ผมปฏิเสธที่จะมาญี่ปุ่นในช่วงเทศกาลตลอด เพราะญี่ปุ่นเป็นชาติแห่งการเข้าคิว ช่วงเทศกาลเป็นช่วงที่คนเยอะทั้งคนญี่ปุ่นเองและนักท่องเที่ยวต่างชาติ การเที่ยวในช่วงเวลานี้คงเริ่มต้นด้วยการต่อคิว แต่บางครั้งเราก็หนีช่วงเวลาเทศกาลไปไม่ได้ตลอด เพราะมีเสียงจากทางบ้านลั่นขึ้นมาว่า “อยากไปดูใบไม้เปลี่ยนสี” หลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์ แผนการเที่ยวช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีช่วงเดือนพฤศจิกายนของผมก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมกับความรู้สึกเฉยชาอย่างยิ่งและเสียงก้องในหัวว่า “โอเค ไปก็ไป!”

 

ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง

 

คําถามเรื่องช่วงเวลาไปชมใบไม้เปลี่ยนสีสําหรับผมเป็นเรื่องที่ตอบยาก ข้อแรกที่ต้องคํานึงถึงคือจะไปดูที่ไหน เพราะทั่วทั้งญี่ปุ่นมีจุดที่สวยงามมากมาย แต่ละจุดมีช่วงเวลาเปลี่ยนสีต่างกัน ไม่เพียงแค่ภูมิภาคที่ต่างกัน เวลาที่ต่างกัน ระดับความสูง ปริมาณ และอุณหภูมิก็มีผลกับใบไม้ทั้งนั้น ในจังหวัดเดียวกัน บนภูเขาอาจจะเปลี่ยนไวกว่าที่ราบ แต่ถ้าคิดแบบรวบรัดคือเริ่มเปลี่ยนสีตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมไปจนถึงต้นเดือนธันวาคม ไล่ตั้งแต่เหนือสุดอย่างเกาะฮอกไกโด ยาวลงไปถึงเกาะคิวชู สะดวกบินไปลงที่ไหน เดินทางแบบไหน ก็ค่อยไปทําการบ้านต่อจากทําเลนั้นๆ ว่าไปชมจุดไหนดี จากนั้นก็ค่อยลุ้นว่าคุณจะได้จังหวะที่พอดี ได้ชมความงดงามของธรรมชาตินี้หรือไม่

 

มีหลายเมืองทีเดียวที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามในช่วงเวลานี้ให้ลองชั่งน้ำหนัก ทั้ง นิกโกะ (Nikko), คาวากูชิโกะ (Kawaguchiko), ทาคายาม่า (Takayama), วาคายาม่า (Wakayama) แต่ส่วนตัวยอมแพ้ให้กับ ‘เกียวโต’ (Kyoto) เพราะเป็นเมืองที่ผมชื่นชอบที่สุดในญี่ปุ่น หลังจากได้มาเยือนเมืองนี้แล้ว 3 ครั้ง แต่ก็ยังรู้สึกไม่พอเสียที

 

 

หลังจากได้รายชื่อสถานที่หลักๆ 4-5 แห่ง บวกกับสถิติของช่วงวันที่ใบไม้ตามสถานที่เหล่านี้กำลังเปลี่ยนสีได้เต็มที่ นั่นคือช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน

 

ส่วนตัวมองว่าถ้าเราเลือกไปปลายเดือน สีใบไม้น่าจะสวยกว่า เหตุผลข้อแรกคือปัจจัยเรื่องของฝน ถ้าใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว ความแข็งแรงของใบไม้ที่ยึดติดกับกิ่งก้านจะลดลงตามธรรมชาติ เหตุเพราะใกล้ถึงช่วงเวลาร่วงโรยตามสภาพอากาศ ฉะนั้นถ้าไปช่วงหลัง เกิดระหว่างทางดันมีฝนตกหนัก ผมคงไปเสียเที่ยวเป็นแน่ เหตุผลต่อมาคือหลังจากการสืบดูรูปจากที่ต่างๆ ย้อนหลัง กลับชื่นชอบช่วงเวลาที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนแบบหลากสีมากกว่าแดงสดสีเดียว มันคือความตั้งใจที่อยากเก็บภาพถ่ายราวกับโดนสีน้ำโทนร้อนสาดจากปลายพู่กันมาปะปนกันแบบไม่ตั้งใจมาเก็บไว้เป็นที่ระลึกโดยเฉพาะ

 

สถานที่หลักๆ ที่เลือกเอาไว้คือแถบภูเขาอาราชิยาม่า (Arashiyama) ทางตะวันตกฝั่งชานเมืองเกียวโต ซึ่งมีวัดเท็นริวจิ (Tenryuji) และบริเวณแม่น้ำคัตสึระ (Katsura) เป็นจุดหมายยอดนิยม และอีกที่คือวัดโทฟูกิจิ (Tofukuji) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากเรื่องใบไม้เปลี่ยนสี ส่วนสถานที่ที่เลือกไว้เป็นมุมสงบคือวัดนิโซนอิน (Nison-in) และวัดโจจัคคุจิ (Jojakkoji) ที่อยู่ทางเดียวกับภูเขาอาราชิยาม่า แต่ต้องเดินจากสถานีผ่านบ้านเรือนย่านนั้นไปราวๆ 2 กิโลเมตร

 

ความตระหง่านของวัดโจจัคคุจิ

 

อันที่จริงละแวกนี้ยังมีอีกหลายวัดที่เปิดให้เข้าชมใบไม้ แต่ที่เลือกสองวัดนี้เพราะมีหน้าตาของสวนญี่ปุ่นที่แลดูแตกต่างกันออกไป โดยที่นิโซนอินนั้น จุดขายอยู่ที่ทางเดินเข้าวัดที่สองข้างเป็นกิ่งไม้ที่เต็มไปด้วยใบไม้สีต่างๆ โน้มลงมาทําให้สีปะปนกัน ส่วนวัดโจจัคคุจิจะมีทางขึ้นเขาที่งดงาม และมีเจดีย์อยู่บนเนินสูงสุด ซึ่งได้บรรยากาศที่แตกต่างกัน

 

สีสันของธรรมชาติไม่เคยหมด

 

หลังจากเดินไปเรื่อยๆ ยามเช้าจากสถานีรถไฟมาจนถึงหน้าทางเข้าวัดนิโซนอิน ทันทีที่มาถึงทางเข้าหลัก จากความรู้สึกที่เฉยชากับการเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ และกับช่วงเทศกาลของที่นี่ ความรู้สึกทั้งหมดก็เปลี่ยนไปทันที

 

ภาพตรงหน้าคือสะพานที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างหยุดชะงักและตะลึงกับภาพความสวยงามตรงหน้าไม่แพ้กัน ความงามนี้ถึงขนาดที่คนไม่ชอบรออะไรนานๆ ก็ยังต้องซูฮกเพื่อคิวถ่ายรูปมุมเด็ดนี้ แต่กลับพบว่าถ่ายยังไงก็ไม่สวยเท่าที่ตาเห็น

 

กล้องถ่ายรูปที่แขวนคออยู่ถูกหยิบขึ้นมากดชัตเตอร์รัวตั้งแต่ยังไม่ทันได้ซื้อตั๋วเข้าไปในวัดเสียด้วยซ้ำ ทางเดินเต็มไปด้วยสีสันหลากเฉดของใบไม้หลายหมื่นหลายแสนใบ สวยกว่าที่ผมเคยเห็นในรูปจริงๆ เสียอีก เรียกว่า 360 องศารอบตัวดึงดูดให้อยากเก็บภาพประทับใจนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะช่างเป็นภาพความประทับใจที่สวยสดทุกมุมจริงๆ

 

 

มาถึงวัดโจจัคคุจิที่มีภูมิทัศน์และพื้นที่แตกต่างจากวัดแรก แต่เรื่องความงามนั้นไม่เป็นรองกันเลย เราเดินทางมาถึงช่วงที่แสงแดดกำลังสะท้อน ส่งให้ใบไม้หลากสีปะปนกันตามที่คาดหวังไว้อย่างงดงาม

 

ตกเที่ยง ผมเดินต่อไปสู่วัดเท็นริวจิ ซึ่งก็เป็นไปตามคาดว่านักท่องเที่ยวจะต้องหนาแน่นบริเวณนี้ ผมเลยเดินสับขามายังริมแม่น้ำ เริ่มที่สะพานโบราณ โทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo) เพื่อเดินย้อนกลับไปทางภูเขา สังเกตว่ายิ่งเดินไกลเท่าไร คนก็น้อยลงเรื่อยๆ เพราะจำนวนร้านค้าน้อยลงเรื่อยๆ แต่กลับมีมุมที่สวยงามให้ได้ชื่นชมไม่แพ้ก่อนหน้าเลยสักนิด

 

ภาพวาดในฝันที่กลายเป็นเรื่องจริง

 

เรามาถึงวัดโทฟุคุจิ (Tofukuji) จุดไฮไลต์แห่งการชมใบไม้เปลี่ยนสีในมุมสูงจากบนสะพานแล้ว และแสงแดดอ่อนๆ ช่วงเช้าก็เป็นใจให้เราได้เก็บเกี่ยวภาพความงดงามตรงหน้าได้อย่างเต็มอิ่ม เราเดินเข้าตามทิศทางที่วัดจัดเอาไว้ให้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยเดินผ่านสวนตรงกลางวัด เป็นโชคดีแท้ๆ ที่เหล่าต้นไม้แทบทั้งสวนเรียกว่าแข่งกันอวดสีสันไม่ให้น้อยหน้ากันสักนิด

 

สาวเท้ามาถึงสะพานไม้อันเป็นจุดขายหลักของวัดแห่งนี้ และแล้วก็ไม่ผิดหวัง เพราะความสวยงามที่ต้นไม้ทุกต้นทํางานร่วมกับอุณหภูมิและฤดูกาลได้อย่างลงตัว ก่อให้เกิดภาพศิลปะตามธรรมชาติที่มนุษย์ไม่มีวันประดิษฐ์ภาพที่เห็นตรงหน้ามาเลียนแบบได้

 

ความวิจิตรของธรรมชาติทำให้เราประหลาดใจได้เสมอ

 

ภาพตรงหน้าผมคือสะพานที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างหยุดชะงักและตะลึงกับภาพความสวยงามตรงหน้าไม่แพ้กัน ความงามนี้ถึงขนาดที่คนไม่ชอบรออะไรนานๆ ก็ยังต้องซูฮกเพื่อคิวถ่ายรูปมุมเด็ดนี้ แต่กลับพบว่าถ่ายยังไงก็ไม่สวยเท่าที่ตาเห็น

 

ณ เวลานั้น ผมยอมรับว่าเลนส์ตาของเราใช้งานได้ดีกว่าเลนส์กล้องราคาสูงเสียอีก

 

แดดอ่อนๆ ยามเช้ากับผู้คนที่สัญจรไปมา

 

สําหรับผม มาเกียวโตกี่ทีก็ยังประทับใจ และที่สําคัญ การมาเยือนเกียวโตในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีครั้งนี้ทําให้ผมกลับมาตื่นตาตื่นใจกับการมาเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้ง จากรู้สึกเฉยๆ มานานทําให้เริ่มอยากออกตามหาจุดหมายใหม่ที่น่าทึ่งไม่มีจบของประเทศนี้อีก

 

ยังไม่ทันถึงวันเดินทางกลับก็มีคําถามขึ้นมาจากผู้ร่วมเดินทางว่า “แล้วช่วงซากุระล่ะ น่าไปดูตรงไหน”

 

และผมก็มีคําตอบเงียบๆ อยู่ในใจแล้ว

The post ใบไม้เปลี่ยนสี ภาพที่ถ่ายยังไงก็สวยไม่พอ และเกียวโต appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/kyoto-autumn-leaves/feed/ 0