Joe Biden – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 20 Dec 2025 07:24:51 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ยอมหั่นเนื้อ! ByteDance ลดสัดส่วนถือหุ้น TikTok เหลือ 19.9% ดึง ‘Oracle’ คุมหลังบ้าน-อัลกอริทึม แลกตั๋วไปต่อในอเมริกา https://thestandard.co/bytedance-cuts-tiktok-stake-19-9/ Sat, 20 Dec 2025 07:24:51 +0000 https://thestandard.co/?p=1156503 ยอมหั่นเนื้อ ByteDance ลดสัดส่วนถือหุ้น TikTok เหลือ 19.9% ดึง Oracle คุมหลังบ้าน-อัลกอริทึม แลกตั๋วไปต่อในอเมริกา

TikTok ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่มีน […]

The post ยอมหั่นเนื้อ! ByteDance ลดสัดส่วนถือหุ้น TikTok เหลือ 19.9% ดึง ‘Oracle’ คุมหลังบ้าน-อัลกอริทึม แลกตั๋วไปต่อในอเมริกา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ยอมหั่นเนื้อ ByteDance ลดสัดส่วนถือหุ้น TikTok เหลือ 19.9% ดึง Oracle คุมหลังบ้าน-อัลกอริทึม แลกตั๋วไปต่อในอเมริกา

TikTok ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่มีนักลงทุนสหรัฐฯ เป็นแกนนำ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกแบนจากการดำเนินงานในประเทศ ซึ่งถือเป็นจุดสิ้นสุดของความพยายามยาวนานหลายปีของรัฐบาลวอชิงตันในการบีบบังคับให้ ByteDance บริษัทแม่สัญชาติจีนต้องขายกิจการ เนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงของชาติ

 

โจว โช่ว จือ ซีอีโอของแพลตฟอร์มวิดีโอยอดนิยม ได้แจ้งพนักงานผ่านบันทึกข้อความว่า บริษัทแม่ได้ลงนามในข้อตกลงที่มีผลผูกพันกับกลุ่มนักลงทุนเพื่อดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ โดยคาดว่าดีลนี้จะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 22 มกราคมนี้ ซึ่งเป็นเส้นตายที่ได้รับการขยายเวลามาหลายครั้งโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

 

ภายใต้โครงสร้างที่เสนอ บริษัทร่วมทุนใหม่ที่มีชื่อว่า TikTok USDS Joint Venture LLC จะมีกลุ่มนักลงทุนรายใหม่ถือหุ้นรวมกัน 50% ซึ่งประกอบด้วย Oracle, Silver Lake และ MGX บริษัทการลงทุนจากอาบูดาบี โดยแต่ละรายจะถือหุ้นรายละ 15% ส่วนอีก 30.1% จะถือโดยบริษัทในเครือของนักลงทุนเดิมของ ByteDance และ ByteDance จะยังคงถือหุ้นในส่วนที่เหลือ 19.9%

 

บริษัทร่วมทุนแห่งนี้จะรับผิดชอบด้านการปกป้องข้อมูลของสหรัฐฯ ความปลอดภัยของอัลกอริทึม การตรวจสอบเนื้อหา และความมั่นคงของซอฟต์แวร์ โดยจะถูกกำกับดูแลโดยคณะกรรมการชุดใหม่จำนวน 7 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวอเมริกัน นอกจากนี้ ข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ จะถูกจัดเก็บไว้ในประเทศบนโครงสร้างพื้นฐานที่ดำเนินการโดย Oracle

 

“ด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม ชาวอเมริกันกว่า 170 ล้านคนจะยังคงสามารถค้นพบ สร้างสรรค์ และเชื่อมต่อบนแพลตฟอร์มได้ต่อไป โดยเพลิดเพลินกับประสบการณ์เดิมเช่นเดียวกับที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ส่วนผู้ลงโฆษณาก็จะยังคงเชื่อมต่อกับผู้ชมทั่วโลกได้โดยไม่มีผลกระทบใดๆ” โจว โช่ว จือ ระบุในบันทึกข้อความ

 

ประเด็นสำคัญอย่าง ‘อัลกอริทึมการแนะนำเนื้อหา’ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของความกังวลด้านความมั่นคง จะถูกนำมาฝึกฝนใหม่ด้วยข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ เพื่อให้มั่นใจว่าฟีดเนื้อหาจะ ‘ปราศจากการแทรกแซงจากภายนอก’ โดยทำเนียบขาวระบุว่า Oracle จะได้รับใบอนุญาตให้ใช้อัลกอริทึมนี้ ในขณะที่สื่อของทางการจีนรายงานอ้างความคิดเห็นนักวิชาการว่า ข้อตกลงนี้สอดคล้องกับกฎหมายของจีนและ ‘ไม่ได้เป็นการขายขาดสิทธิ์ความเป็นเจ้าของอัลกอริทึม’

 

ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นหลังจากสภาคองเกรสผ่านกฎหมายในปี 2024 ในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน เพื่อบังคับให้แอปพลิเคชันยุติการออนไลน์เว้นแต่จะมีการแยกตัวจาก ByteDance ซึ่งเดิมกฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 มกราคม แต่ประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้ชะลอการบังคับใช้ในขณะที่รัฐบาลของเขาพยายามเจรจาเพื่อถ่ายโอนความเป็นเจ้าของ

 

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้ยังคงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ รอน ไวเดน วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต แสดงความเห็นว่า ข้อตกลงนี้ “ไม่ได้ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ชาวอเมริกันแม้แต่น้อย” และยังกล่าวเสริมว่า “ยังไม่ชัดเจนว่าข้อตกลงนี้จะทำให้ระบบอัลกอริทึมของ TikTok อยู่ในมือที่ปลอดภัยขึ้นจริงหรือไม่”

 

ในฟากของผู้ใช้งาน ทิฟฟานี เซียนซี เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่มีผู้ติดตามกว่า 3 แสนคนบนแพลตฟอร์ม กล่าวว่าเธอหวังว่านักลงทุนชุดใหม่จะยังคงรักษาประสบการณ์การใช้งานเดิมไว้ “ฉันหวังว่าเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กจะได้รับการปกป้อง” เธอกล่าว พร้อมระบุว่าเธอเลือกใช้ TikTok เพราะเงื่อนไขส่วนแบ่งรายได้ที่ดีกว่าคู่แข่งอย่าง Meta

 

สำหรับ Oracle นักวิเคราะห์จาก Evercore ISI มองว่าข่าวนี้เป็นชัยชนะสำหรับบริษัทคลาวด์รายนี้ ซึ่งหุ้นของบริษัทเพิ่งร่วงลงเมื่อต้นสัปดาห์จากรายงานข่าวการเจรจาดีลศูนย์ข้อมูลมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.14 แสนล้านบาท) กับ Blue Owl Capital ที่ถึงทางตัน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแผนการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI มหาศาล

 

ภาพ : Sean Gallup/Getty Images

 

หมายเหตุ: ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 32.42 บาท ณ วันที่ 20 ธันวาคม 2568

 

อ้างอิง:

The post ยอมหั่นเนื้อ! ByteDance ลดสัดส่วนถือหุ้น TikTok เหลือ 19.9% ดึง ‘Oracle’ คุมหลังบ้าน-อัลกอริทึม แลกตั๋วไปต่อในอเมริกา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรัมป์ประกาศระงับรับผู้อพยพ ‘ประเทศโลกที่สาม’ หลังเกิดเหตุชายชาวอัฟกันสังหารสมาชิกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ https://thestandard.co/trump-immigrants-third-world/ Fri, 28 Nov 2025 07:34:35 +0000 https://thestandard.co/?p=1149011 ทรัมป์ประกาศระงับรับผู้อพยพ ‘ประเทศโลกที่สาม’ หลังเกิดเหตุชายชาวอัฟกันสังหาร สมาชิก กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศระงับรับผ […]

The post ทรัมป์ประกาศระงับรับผู้อพยพ ‘ประเทศโลกที่สาม’ หลังเกิดเหตุชายชาวอัฟกันสังหารสมาชิกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรัมป์ประกาศระงับรับผู้อพยพ ‘ประเทศโลกที่สาม’ หลังเกิดเหตุชายชาวอัฟกันสังหาร สมาชิก กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศระงับรับผู้อพยพจาก ‘ประเทศโลกที่สาม’ ชี้สร้างความเสื่อมโทรมทางสังคม หลังเกิดเหตุสังหารสมาชิกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งมีข้อสันนิษฐานว่า ผู้ก่อเหตุมาจากประเทศอัฟกานิสถาน

 

วันนี้ (28 พฤศจิกายน) ทรัมป์โพสต์ข้อความบน Truth Social ว่า เขาจะระงับการรับผู้อพยพจากประเทศโลกที่สามทั้งหมด เพื่อให้สังคมสหรัฐฯ ได้ฟื้นฟูจากความเสื่อมโทรมที่เกิดขึ้นจากผู้ลี้ภัย โดยอ้างถึง โจ ไบเดน อดีตผู้นำสหรัฐฯ คนก่อนหน้านี้ ซึ่งได้อนุมัติให้คำร้องการเข้าเมืองหลายล้านคนว่า เป็นคน ‘ไร้สติ’

 

“ผมจะระงับการอพยพย้ายถิ่นจากประเทศโลกที่สามทั้งหมดอย่างถาวร เพื่อให้สังคมของสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ โดยยกเลิกการรับผู้ย้ายถิ่นผิดกฎหมายหลายล้านคน รวมถึงผู้ที่ได้รับการอนุมัติผ่านลายเซ็นด้วยเครื่องลงลายมือชื่ออัตโนมัติของ โจ ไบเดน”

 

ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า เขาจะยกเลิกสิทธิประโยชน์และเงินอุดหนุน สำหรับกลุ่มที่ไม่ใช่พลเมืองอเมริกัน พร้อมทั้งเพิกถอนสัญชาติผู้อพยพที่ ‘ทำลาย’ ความสงบสุขของชาติ หรือกลุ่มที่เป็นภัยต่อความไม่มั่นคง และทำพฤติกรรมไม่สอดคล้องกับอารยธรรมตะวันตก

 

ทรัมป์ยังโพสต์ข้อความเสริมต่ออีกว่า ที่ผ่านมา พลเมืองอเมริกันได้ปล่อยให้ประเทศถูกทำลายจากผู้อพยพ ซึ่งมาจากประเทศที่ล้มเหลวทางสังคม หรือเป็นพวก ‘ตัวปัญหา’ เช่น ติดคุก หรือเป็นแก๊งค้ายาเสพติด ที่มาพึ่งพิงสวัสดิการของประชาชนในประเทศ โดยยกตัวอย่างว่า ชาวโซมาเลียกำลังยึดรัฐมินนิโซตา แต่ ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐจากพรรคเดโมแครตกลับนิ่งเฉย ไม่ทำอะไร

 

อนึ่ง ทรัมป์ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า ประเทศโลกที่สามหมายถึงประเทศใดกันแน่ หากแต่ท่าทีของเขาเกิดขึ้น หลังเหตุสังหารสมาชิกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ กลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งมีการสืบสวนแล้วพบว่า ผู้ต้องสงสัยคือชายชาวอัฟกันวัย 29 ปี ที่เคยทำงานกับกองทัพสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน และได้รับสถานะลี้ภัยอย่างเป็นทางการภายในรัฐบาลทรัมป์ โดยเดินทางเข้าสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2021 ผ่านโครงการรับตั้งถิ่นฐานใหม่ (Resettlement Program) ในยุคไบเดน

 

นอกจากนี้ เหตุสังหารดังกล่าวได้ทำให้สำนักงานบริการสัญชาติและตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ (U.S. Citizenship and Immigration Services: USCIS) ประกาศยุติการพิจารณาคำขอทุกประเภทของชาวอัฟกันทั้งหมด

 

ด้าน แคช พาเทล (Kash Patel) ผู้อำนวยการ FBI ระบุว่า เหตุการณ์สังหารกลางเมืองหลวงสหรัฐฯ เป็นการใช้ความรุนแรงที่น่าสะพรึงกลัว และคดีนี้จะถูกพิจารณาในฐานทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง ขณะที่ขั้นตอนการสอบสวนจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งอาจเข้าข่ายการก่อการร้าย

 

ภาพ: Anna Rose Layden / Reuters

 

อ้างอิง:

The post ทรัมป์ประกาศระงับรับผู้อพยพ ‘ประเทศโลกที่สาม’ หลังเกิดเหตุชายชาวอัฟกันสังหารสมาชิกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรัมป์สวนโลก ทุ่มงบ 100 ล้านดอลลาร์ลงทุนถ่านหิน ขยายแหล่งพลังงานรองรับ Data Center https://thestandard.co/trump-funds-coal-data-centers/ Sat, 01 Nov 2025 07:29:08 +0000 https://thestandard.co/?p=1138664 ทรัมป์สวนโลก ทุ่มงบ 100 ล้านดอลลาร์ลงทุนถ่านหิน ขยายแหล่งพลังงานรองรับ Data Center

ทรัมป์ทุ่มงบ 100 ล้านดอลลาร์ ปรับปรุงโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพ […]

The post ทรัมป์สวนโลก ทุ่มงบ 100 ล้านดอลลาร์ลงทุนถ่านหิน ขยายแหล่งพลังงานรองรับ Data Center appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรัมป์สวนโลก ทุ่มงบ 100 ล้านดอลลาร์ลงทุนถ่านหิน ขยายแหล่งพลังงานรองรับ Data Center

ทรัมป์ทุ่มงบ 100 ล้านดอลลาร์ ปรับปรุงโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพื่อขยายแหล่งพลังงานรองรับ Data Center สวนทางกับความร่วมมือระดับโลกในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

 

กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Energy) ประกาศเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่นว่า จะจัดสรรเงินจำนวน 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินที่มีอยู่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นไปเพื่อฟื้นฟูการพึ่งพาพลังงานจากถ่านหิน ตามความต้องการของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ซึ่งกระทรวงพลังงานระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะจัดสรรเงินจำนวน 625 ล้านดอลลาร์ เพื่อขยายการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงถ่านหิน

 

ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าถ่านหินในสหรัฐฯ ทยอยปิดตัวลงเรื่อยๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จากความกังวลด้านสาธารณสุข และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเข้ามาของก๊าซธรรมชาติที่มีต้นทุนถูกกว่า

 

รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า เชื้อเพลิงถ่านหินสามารถส่งมอบพลังงานไฟฟ้าที่มากพอต่อการหล่อเลี้ยง ศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ของสหรัฐฯ และช่วยให้สหรัฐฯ ครองบทบาทนำในสมรภูมิปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่อไปได้

 

คริส ไรท์ (Chris Wright) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ กล่าวว่า “เป็นเวลาหลายปีที่รัฐบาลภายใต้การนำของ โจ ไบเดน (Joe Biden) และ บารัค โอบามา (Barack Obama) ได้เพ่งเล็งอุตสาหกรรมถ่านหินของอเมริกาอย่างไม่ลดละ จนทำให้โรงไฟฟ้าต้องปิดตัวลงหลายแห่ง และนำมาซึ่งราคาพลังงานที่มีต้นทุนสูงขึ้น

 

ไรท์กล่าวเสริมว่า “โชคดีที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ยุติสงครามกับถ่านหินอเมริกันแล้ว และหันมาฟื้นฟูนโยบายพลังงานที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาวอเมริกันเป็นอันดับแรก (American First) ซึ่งโครงการเหล่านี้จะช่วยให้โรงไฟฟ้าถ่านหินของอเมริกาเปิดดำเนินการต่อไปได้ และช่วยให้มั่นใจได้ว่าสหรัฐฯ จะมีพลังงานราคาถูกมากพอตามที่ต้องการ เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน และเพื่อขับเคลื่อนอนาคตของพวกเรา”

 

อย่างไรก็ตาม นักสิ่งแวดล้อมวิจารณ์ว่า ความพยายามในการผลักดันพลังงานถ่านหินของทรัมป์ สวนทางกับความพยายามในการต่อสู้ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความร่วมมือระดับโลกเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

 

ตามประกาศของกระทรวงพลังงาน เงินทุนจะถูกจัดสรรเพื่อปรับปรุงยุทธศาสตร์สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การจัดการน้ำเสียขั้นสูง, การสลับเชื้อเพลิงระหว่างถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ, และระบบการเผาไหม้ร่วม (Co-Firing) ของถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ

 

อ้างอิง :

The post ทรัมป์สวนโลก ทุ่มงบ 100 ล้านดอลลาร์ลงทุนถ่านหิน ขยายแหล่งพลังงานรองรับ Data Center appeared first on THE STANDARD.

]]>
กำแพงสูงหรือการต่อรอง: นโยบายควบคุมการส่งออกชิปสหรัฐฯ จากไบเดนสู่ทรัมป์ https://thestandard.co/us-china-chip-war-biden-trump/ Tue, 23 Sep 2025 08:15:34 +0000 https://thestandard.co/?p=1121822 us-china-chip-war-biden-trump

ชิปคือเส้นเลือดใหญ่ของยุคดิจิทัล ทุกการคำนวณ ทุกโมเดลปั […]

The post กำแพงสูงหรือการต่อรอง: นโยบายควบคุมการส่งออกชิปสหรัฐฯ จากไบเดนสู่ทรัมป์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
us-china-chip-war-biden-trump

ชิปคือเส้นเลือดใหญ่ของยุคดิจิทัล ทุกการคำนวณ ทุกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ ทุกระบบอาวุธอัจฉริยะ ล้วนต้องอาศัยชิป เมื่อสหรัฐฯ เลือกจะควบคุมการส่งออกชิปไปยังจีน ก็เท่ากับเลือกจะกดดันคู่แข่งทางยุทธศาสตร์ทำให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีได้ช้าลงและหวังให้ช่องว่างทางเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทิ้งระยะกว้างขึ้น 

 

การควบคุมนี้จึงไม่ใช่เพียงเรื่องการค้า แต่คือการกำหนดอนาคตของสมรภูมิการแข่งขันเทคโนโลยีว่าใครกันแน่จะเป็นผู้กุมชะตาเทคโนโลยีโลก 

 

แม้ไบเดนและทรัมป์จะมีนโยบายการควบคุมชิป แต่นโยบายยุคไบเดนมีความเข้มข้นและหนักกว่าของทรัมป์มาก นโยบายเรื่องนี้ของไบเดนมีลักษณะเป็นการตั้งกำแพงสูงชนิดยอมไม่ได้ แต่ทรัมป์มองว่าการควบคุมชิปเป็นเรื่องที่เอามาเป็นไพ่เจรจาต่อรองได้และพร้อมผ่อนคลายกฎเกณฑ์หากสอดคล้องกับผลประโยชน์

 

ปี 2565 เป็นจุดเริ่มต้นที่รัฐบาลไบเดนตัดสินใจห้ามส่งออกชิปประสิทธิภาพสูงไปยังจีน หลายคนมองว่าเป็นการประกาศสงครามทางเทคโนโลยีอย่างชัดเจนที่สุดต่อจีน และทำให้จีนเห็นว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศยากที่จะหวนกลับคืนสู่อดีต เพราะบัดนี้กลายเป็นสงครามเทคโนโลยีที่จะตัดสินว่าใครเป็นมหาอำนาจหลักต่อไปของโลก

 

ไบเดนและทีมงานเชื่อว่า หากปล่อยให้จีนพัฒนา AI ได้เร็วเกินไป เท่ากับปล่อยให้คู่แข่งมีอาวุธยุคใหม่ในมือ เพราะ AI ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์ตอบคำถาม แต่คือสมองของระบบอาวุธ การข่าวกรอง และการควบคุมสังคมสมัยใหม่อีกด้วย การควบคุมชิปจึงเปรียบได้กับการตัดเส้นเลือดไม่ให้ไปเลี้ยงสมองของอีกฝ่าย

 

ยุทธศาสตร์ไบเดนถูกสรุปด้วยวลี “สนามเล็ก แต่รั้วสูงมาก” (“small yard, high fence”) ไบเดนย้ำว่าเขาจะจำกัดจีนไม่ให้เข้าถึงเฉพาะเทคโนโลยีหัวใจสำคัญไม่กี่อย่าง โดยจะใช้มาตรการที่เข้มงวดที่สุดกับเทคโนโลยีเหล่านี้ แต่นอกเหนือจากนั้นสำหรับเทคโนโลยีอื่นๆ ส่วนใหญ่ทั่วไปสหรัฐฯ ยังคงยินดีจะค้าขายและร่วมมือทางเทคโนโลยีกับจีนเช่นเดิม 

 

ตัวอย่างเช่น รัฐบาลไบเดนบังคับให้บริษัท Nvidia ต้องขออนุญาตก่อนส่งออกชิปรุ่น A100 และ H100 และขยายเขตอำนาจของสหรัฐฯ ผ่านกฎ FDPR ไปครอบคลุมโรงงานในต่างประเทศที่ใช้ชิ้นส่วนหรือ know-how ของสหรัฐฯ และบังคับให้โรงงานเหล่านั้นจำกัดการขายชิปให้แก่จีนด้วย

 

พันธมิตรอย่างญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์แม้จะลังเลในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ต้องเข้าร่วมขบวนการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีไปยังจีน ที่สำคัญ นโยบายไบเดนมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อปิดช่องทางเลี่ยงต่างๆ ในปี 2566 ชิปดัดแปลงอย่าง A800 และ H800 ถูกห้ามขาย และในปี 2568 รัฐบาลไบเดนก่อนหมดวาระไม่นานยังได้ออกกฎ “AI diffusion” เพื่อครอบคลุมการซื้อขายชิป AI ทั่วโลก เปรียบเสมือนการสร้างแนวป้องกันชั้นแล้วชั้นเล่า ไม่ให้ศัตรูมีช่องทางทะลุทะลวง

 

แต่พอมาถึงยุครัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ในสมัยที่สองในปีนี้ ภาพก็กลับตาลปัตร จากกำแพงสูง กลายเป็นไพ่ต่อรองบนโต๊ะเจรจา นโยบายควบคุมชิปกลายเป็นธุรกรรมการเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการค้าและธุรกิจ เพราะทรัมป์เป็นพ่อค้า ไม่ใช่นักอุดมการณ์ 

 

ตัวอย่างที่ชัดคือ รัฐบาลทรัมป์ตกลงที่จะยกเลิกการห้ามขายชิป H20 ของ Nvidia ให้จีน แลกกับการเรียกเก็บส่วนแบ่ง 15% จากรายได้การขายของ Nvidia รัฐบาลทรัมป์อ้างเหตุผลเดียวกับที่บริษัท Nvidia ให้ว่านี่เป็นชิปชั้นสามชั้นสี่ ห่างไกลมากจากชิปที่ดีที่สุด ซึ่งของดีที่สุดยังไงก็ไม่ขายให้กับจีนอยู่แล้ว

 

แต่หาก Nvidia ไม่ได้รับอนุญาตให้ขายชิปเกรดล่างลงมาอย่างชิป H20 ให้จีน แม้จะเป็นการบีบคอให้จีนเจ็บหนักและคงจะชะลอการพัฒนาด้าน AI ของจีนไปได้มาก แต่ก็อาจส่งผลร้ายในระยะยาวคือจีนก็จะหันมาพยายามวิจัยและพัฒนาผลิตชิปด้วยตัวเองให้สำเร็จให้ได้ ดังนั้น สหรัฐฯ จึงควรปล่อยของชั้นล่างให้จีนใช้และให้จีนพึ่งพาสหรัฐฯ ต่อไป

 

ที่สำคัญ นี่เป็นแหล่งรายได้ก้อนมหึมาของ Nvidia ซึ่งตลาดจีนเป็นตลาดที่สำคัญและใหญ่โตมากของบริษัท และหากสูญเสียรายได้ก้อนนี้ ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อแหล่งเงินทุนที่จะไหลกลับมาลงทุนในการทำการวิจัยและพัฒนาชิปรุ่นต่อๆ ไปอีกในอนาคต 

 

นอกจากนั้น รัฐบาลทรัมป์ยังฉีกกฎ “AI diffusion” ของรัฐบาลไบเดนทิ้ง ต่อมารัฐบาลทรัมป์ยกเลิกการห้ามส่งออกซอฟแวร์ดีไซน์ชิปให้จีน หลังจากที่จีนตกลงกลับมาขายแร่หายากให้สหรัฐฯ มีคนเปรียบเทียบว่าการควบคุมที่เคยเป็นกลไกความมั่นคงถูกใช้เหมือนชิปโป๊กเกอร์ วางบนโต๊ะเพื่อแลกกับทรัพยากรที่ขาดแคลน

 

ขณะนี้ จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดที่ทุกคนกำลังจับตามอง คือ การตัดสินใจของทรัมป์เกี่ยวกับชิป B300 รุ่นใหม่ล่าสุดของ Nvidia ซึ่ง Nvidia ต้องการที่จะขายชิปรุ่นใหม่นี้ให้กับตลาดจีนด้วย โดยชิปที่ขายให้ตลาดจีนจะถูกลดประสิทธิภาพลง 30–50% ทรัมป์ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ แต่เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาพร้อมที่จะพิจารณาข้อเสนอนี้ของ Nvidia หากรัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับประโยชน์สมน้ำสมเนื้ออย่างเหมาะสม

 

แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชี้ว่า ชิป B300 ที่ลดประสิทธิภาพลง 30-50% ก็ยังมีพลังการประมวลผลเหนือกว่าชิป H100 ที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาในสมัยรัฐบาลไบเดนมีการจำกัดการส่งออกชิป H100 ไปยังจีนอย่างเข้มงวด หลายคนจึงชี้ว่าหากทรัมป์ยอมตามข้อเสนอของ Nvidia ในเรื่องนี้ จะเสมือนการเปิดประตูเมืองที่เคยปิดตายไว้ ไม่ต่างจากการรื้อกำแพงที่ไบเดนสร้างขึ้นมาทั้งหมด 

 

ในทางยุทธศาสตร์ นี่จะเป็นการคืน “กุญแจสำคัญ” ให้จีนในการเร่งพัฒนา AI ซึ่งจะมีผลยาวนานต่อความสมดุลของอำนาจโลกได้เลย

ภาพ: Maderla via ShutterStock

The post กำแพงสูงหรือการต่อรอง: นโยบายควบคุมการส่งออกชิปสหรัฐฯ จากไบเดนสู่ทรัมป์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรัมป์ไฟเขียว! พลิกคำสั่งไบเดน ปูทาง Nippon Steel ซื้อ U.S. Steel สำเร็จ ปิดฉากมหากาพย์ 22 เดือน https://thestandard.co/trump-nippon-steel-us-steel/ Sat, 14 Jun 2025 09:55:44 +0000 https://thestandard.co/?p=1085043

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งฝ่ […]

The post ทรัมป์ไฟเขียว! พลิกคำสั่งไบเดน ปูทาง Nippon Steel ซื้อ U.S. Steel สำเร็จ ปิดฉากมหากาพย์ 22 เดือน appeared first on THE STANDARD.

]]>

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 มิถุนายน) ยกเลิกการตัดสินใจของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เคยสั่งระงับการเข้าซื้อกิจการ U.S. Steel ของบริษัท Nippon Steel จากญี่ปุ่น

 

นับเป็นการ ‘ปิดฉากมหากาพย์’ ที่ยืดเยื้อมานาน และปูทางให้ผู้ผลิตเหล็กยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นสามารถเข้าครอบครองกิจการของบริษัทเหล็กสัญชาติอเมริกันได้ในที่สุด

 

นอกเหนือจากคำสั่งของทรัมป์แล้ว ทั้งสองบริษัทยังได้ลงนามในข้อตกลงความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Agreement: NSA) กับรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ดีลนี้เดินหน้าต่อได้

 

“ด้วยการอนุมัติเหล่านี้ การอนุมัติตามกฎระเบียบที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับความร่วมมือครั้งนี้ก็ได้รับมาเป็นที่เรียบร้อย และคาดว่าความร่วมมือจะเสร็จสมบูรณ์ในไม่ช้า” ทั้งสองบริษัทระบุในแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันเสาร์ (14 มิถุนายน) ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น

 

การตัดสินใจของทรัมป์มีขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนถึงกำหนดเส้นตายของข้อตกลงในวันที่ 18 มิถุนายน ที่ทางการสหรัฐฯ กำหนดไว้ และหมายความว่ากระบวนการที่ยาวนานและซับซ้อนนี้เหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะลุล่วง

 

Nippon Steel ประกาศแผนการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2023 แต่ต้องเผชิญกับความล่าช้านานหลายเดือนเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงของชาติในฝั่งสหรัฐฯ

 

รวมถึงการต่อสู้ทางการเมืองภายในประเทศ จนกระทั่งเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคม ไบเดนได้ออกคำสั่งระงับข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่งห้ามบริษัทญี่ปุ่นเข้าซื้อกิจการบริษัทอเมริกัน

 

ข้อตกลง NSA ที่ทั้งสองบริษัทลงนาม ระบุว่าจะมีการลงทุนใหม่มูลค่าประมาณ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.56 แสนล้านบาท ) ภายในปี 2028 รวมถึงโครงการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ (greenfield project) และมีข้อผูกมัดเกี่ยวกับการผลิตในสหรัฐฯ

 

โดยส่วนสำคัญที่สุดคือการที่ Nippon Steel จะมอบ ‘golden share’ (หุ้นที่ให้สิทธิยับยั้ง) ให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งจะอนุญาตให้วอชิงตันสามารถใช้สิทธิ์วีโต้การตัดสินใจด้านการบริหารจัดการ เช่น การแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการได้

 

ดีลนี้ถือเป็น ‘โอกาสสุดเหลือเชื่อ’ สำหรับ Nippon Steel ในการเติบโตระยะกลางถึงระยะยาว เนื่องจากอุปสงค์เหล็กในสหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน

 

เหล่านี้สวนทางกับในญี่ปุ่นที่คาดว่าความต้องการจะลดลงจากจำนวนประชากรที่หดตัว ประกอบกับกำแพงภาษี 50% ของทรัมป์ที่ทำให้การส่งออกไปสหรัฐฯ ทำได้ยากขึ้น การเข้าซื้อกิจการจึงเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด

 

“ข้อตกลงนี้สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง แม้จะมีภาษีที่เพิ่มขึ้นก็ตาม” Josh Spoores หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เหล็กของ CRU กล่าว การควบรวมนี้จะสร้าง ‘ผู้เล่นรายใหญ่’ ที่มีเงินทุนแข็งแกร่ง มีวิสัยทัศน์ระยะยาว และนำเทคโนโลยีการผลิตเหล็กขั้นสูงมาสู่สหรัฐฯ

 

David O’Hara จาก MKP Advisors กล่าวว่า “นี่เป็นหนึ่งในการลงทุนที่ท้าทายที่สุดเท่าที่เราเคยเห็น ใช้เวลายาวนานถึง 22 เดือน” แต่เขามองว่า “Nippon Steel มีโอกาสดีเยี่ยมที่จะยกระดับอุตสาหกรรมเหล็กสหรัฐฯ ให้ก้าวหน้าขึ้น”

 

ภาพ: Northfoto / Shutterstock

 

อ้างอิง:

The post ทรัมป์ไฟเขียว! พลิกคำสั่งไบเดน ปูทาง Nippon Steel ซื้อ U.S. Steel สำเร็จ ปิดฉากมหากาพย์ 22 เดือน appeared first on THE STANDARD.

]]>
แพทย์วินิจฉัย ไบเดนเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดรุนแรง แพร่กระจายไปยังกระดูกแล้ว https://thestandard.co/joe-biden-health-update/ Mon, 19 May 2025 03:01:18 +0000 https://thestandard.co/?p=1075601 joe-biden-health-update

สำนักงานของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เผยแพร่แ […]

The post แพทย์วินิจฉัย ไบเดนเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดรุนแรง แพร่กระจายไปยังกระดูกแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
joe-biden-health-update

สำนักงานของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เผยแพร่แถลงการณ์ว่าไบเดน วัย 82 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดรุนแรง และแพร่กระจายไปยังกระดูกแล้ว

 

ไบเดน ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม ได้รับการวินิจฉัยเมื่อวันศุกร์ ภายหลังไปพบแพทย์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อตรวจอาการเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ หลังจากที่พบก้อนเนื้อที่ต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้น

 

โดยมะเร็งดังกล่าวเป็นมะเร็งชนิดรุนแรง โดยมีค่าคะแนน Gleason หรือคะแนนที่แพทย์เป็นผู้ประเมินจากชิ้นเนื้อที่ได้มาจากต่อมลูกหมาก อยู่ที่ 9 จาก 10 คะแนน ซึ่งหมายความว่าอาการป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากอยู่ใน ‘ระดับสูง’ และเซลล์มะเร็งอาจแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

 

ขณะที่ไบเดนและครอบครัวกำลังพิจารณาทางเลือกในการรักษา โดยสำนักงานของเขาระบุว่า มะเร็งชนิดนี้ไวต่อฮอร์โมน ซึ่งหมายความว่าน่าจะสามารถจัดการได้

 

ที่ผ่านมา ไบเดน ถูกจับตามองต่อปัญหาสุขภาพ และถูกบังคับให้ถอนตัวจากการลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2024 เนื่องด้วยความกังวลเรื่องสุขภาพและอายุของเขา

 

ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่า มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 2 ในผู้ชาย รองจากมะเร็งผิวหนัง โดยผู้ชาย 13 คนในทุกๆ 100 คนจะป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากในบางช่วงของชีวิต และอายุเป็นปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อยที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว BBC รายงานความเห็นจาก ดร.วิลเลียม ดาฮัต หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ของสมาคมมะเร็งอเมริกันและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งต่อมลูกหมาก ให้ความเห็นโดยอ้างอิงข้อมูลการวินิจฉัยของไบเดน โดยประเมินว่า หากมะเร็งแพร่กระจายไปที่กระดูกแล้ว อาจไม่สามารถรักษาให้หายได้

 

ผู้นำการเมืองสหรัฐฯ ส่งกำลังใจไบเดน

 

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social ว่าเขาและ เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง แสดงความเสียใจที่ทราบข่าวการวินิจฉัยทางการแพทย์ของไบเดน

 

“เราขอส่งความปรารถนาดีอย่างสุดซึ้งถึงจิลล์และครอบครัว เราขอให้โจฟื้นตัวโดยเร็วและประสบความสำเร็จ” ทรัมป์ระบุ โดยหมายถึง จิลล์ ไบเดน อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง 

 

ขณะที่อดีตรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งภายใต้การนำของไบเดน เขียนบน X ว่า เธอและสามี ดัก เอ็มฮอฟฟ์ ขอส่งกำลังใจให้ครอบครัวไบเดน

 

โดยแฮร์ริสระบุว่า “โจเป็นนักสู้ และฉันรู้ว่าเขาจะเผชิญกับความท้าทายนี้ด้วยความเข้มแข็ง ความอดทน และความคิดเชิงบวกเช่นเดียวกับที่เคยกำหนดชีวิตและความเป็นผู้นำของเขา”

 

ทางด้านอดีตประธานาธิบดี บารัก โอบามา ซึ่งเคยมี โจ ไบเดน เป็นรองประธานาธิบดี กล่าวว่าเขาและมิเชล ภรรยาของเขา ‘คิดถึงครอบครัวไบเดนทุกคน’

 

“ไม่มีใครทำอะไรได้มากไปกว่าโจเพื่อค้นหาวิธีการรักษามะเร็งทุกรูปแบบ และผมมั่นใจว่า เขาจะต่อสู้กับความท้าทายนี้ด้วยความมุ่งมั่นและความสง่างามตามแบบฉบับของเขา เราภาวนาขอให้เขาฟื้นตัวโดยเร็วและสมบูรณ์” โอบามากล่าว 

 

แฟ้มภาพ: REUTERS/Evelyn Hockstein/File Photo

 

อ้างอิง:

The post แพทย์วินิจฉัย ไบเดนเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดรุนแรง แพร่กระจายไปยังกระดูกแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: เปิดศักราช ทรัมป์ 2.0 ยุคทองอเมริกา? | DECODING THE WORLD #19 https://thestandard.co/decoding-the-world-19/ Sat, 25 Jan 2025 11:05:44 +0000 https://thestandard.co/?p=1034443

การกลับคืนสู่อำนาจของ โดนัลด์ ทรัมป์ หลังสาบานตนรับตำแห […]

The post ชมคลิป: เปิดศักราช ทรัมป์ 2.0 ยุคทองอเมริกา? | DECODING THE WORLD #19 appeared first on THE STANDARD.

]]>

การกลับคืนสู่อำนาจของ โดนัลด์ ทรัมป์ หลังสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 สร้างแรงสั่นสะเทือนแก่ชาวอเมริกันและทั่วโลกตั้งแต่วันแรก ด้วยการใช้อำนาจลงนามคำสั่งพิเศษหลายสิบรายการ เช่น ถอน 78 นโยบายยุค โจ ไบเดน, ออกมาตรการกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมาย, ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีส และองค์การอนามัยโลก (WHO) และยังประกาศเตรียมเพิ่มการเก็บภาษีแคนาดา เม็กซิโก และจีน ซึ่งสร้างความหวั่นวิตกต่อหลายฝ่ายว่าอาจเป็นการจุดชนวนให้สงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกเลวร้ายกว่าเดิม

 

ทรัมป์ประกาศสุนทรพจน์แรกในฐานะประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ด้วยข้อความว่า “ยุคทองของสหรัฐฯ เริ่มต้นขึ้นในตอนนี้” พร้อมทั้งให้คำมั่นแก่ประชาชนอเมริกันว่า “สหรัฐฯ จะกลับมาเจริญรุ่งเรืองและได้รับความเคารพจากทั่วโลกอีกครั้ง”

 

ทุกความเคลื่อนไหวของทรัมป์ที่พลิกประเทศในชั่วข้ามคืนจะเป็นความเสี่ยงหรือโอกาสสำหรับไทยและทั่วโลก

 

ร่วมถอดรหัสไปพร้อมกันใน DECODING THE WORLD : ถอดรหัสโลก

The post ชมคลิป: เปิดศักราช ทรัมป์ 2.0 ยุคทองอเมริกา? | DECODING THE WORLD #19 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ย้อนชมภาพประวัติศาสตร์ พิธีสาบานตนประธานาธิบดีสหรัฐฯ 15 คนหลังสุด https://thestandard.co/us-presidents-taking-oath-last-15/ Mon, 20 Jan 2025 12:53:27 +0000 https://thestandard.co/?p=1032357 พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ 15 คนหลังสุด

ย้อนชมภาพประวัติศาสตร์ พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีสหรัฐอ […]

The post ย้อนชมภาพประวัติศาสตร์ พิธีสาบานตนประธานาธิบดีสหรัฐฯ 15 คนหลังสุด appeared first on THE STANDARD.

]]>
พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ 15 คนหลังสุด

ย้อนชมภาพประวัติศาสตร์ พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 15 คนหลังสุด ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะหวนคืนทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยสอง ในวันที่ 20 มกราคม 2025 ตามเวลาท้องถิ่น

 

โดยเรียงตั้งแต่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 ที่ร่วมพิธีสาบานตนเมื่อต้นปี 2021 ย้อนกลับไปจนถึง แฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 32 ผู้ครองเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน (ยาวนานถึง 4 สมัย) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

 

The post ย้อนชมภาพประวัติศาสตร์ พิธีสาบานตนประธานาธิบดีสหรัฐฯ 15 คนหลังสุด appeared first on THE STANDARD.

]]>
บทสรุป 4 ปีของไบเดน เมื่อเงินเฟ้อบดบังทุกสิ่งทุกอย่าง https://thestandard.co/biden-4-years-performance-analysis-2024/ Sun, 19 Jan 2025 05:49:26 +0000 https://thestandard.co/?p=1031843 ประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ถ่ายโดย Elizabeth Frantz สำนักข่าว Reuter

ประธานาธิบดีคนที่กำลังจะหมดวาระลงอย่าง โจ ไบเดน นั้นถือ […]

The post บทสรุป 4 ปีของไบเดน เมื่อเงินเฟ้อบดบังทุกสิ่งทุกอย่าง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ถ่ายโดย Elizabeth Frantz สำนักข่าว Reuter

ประธานาธิบดีคนที่กำลังจะหมดวาระลงอย่าง โจ ไบเดน นั้นถือได้ว่าเป็นประธานาธิบดีที่ไม่ได้รับความนิยมเอาเสียเลย เขามีคะแนนนิยมอยู่ที่ราวๆ 37% เท่านั้นหลังจากดำรงตำแหน่งมาครบ 4 ปี ซึ่งเป็นคะแนนนิยมที่ต่ำกว่า จอร์จ บุช ผู้ลูกผู้มีปัญหาจากกรณีวิกฤตเศรษฐกิจ (Subprime Crisis) ในปี 2008 หรือประธานาธิบดีผู้อื้อฉาวอย่าง ริชาร์ด นิกสัน ที่ต้องลาออกจากตำแหน่งเพราะวิกฤตการณ์วอเตอร์เกตเสียอีก

 

ว่ากันตามจริง ไบเดนประสบความสำเร็จพอสมควรในการผลักดันกฎหมายและนโยบายต่างๆ ที่เขาเคยได้หาเสียงไว้ในปี 2020 แต่อย่างไรก็ตาม ผลงานของเขาถูกบดบังด้วยปัญหาเงินเฟ้อและภาพของการเป็นชายชราที่ทำให้ชาวอเมริกันมองว่าเขาเป็นประธานาธิบดีที่ไร้ประสิทธิภาพจนเป็นเหตุให้คะแนนนิยมของเขาตกต่ำลง จนเขาต้องให้ คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีขึ้นมาเป็นตัวแทนพรรคในการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีแทน แต่ความเสื่อมความนิยมของเขาก็เป็นจุดหลักที่ทรัมป์เอามาโจมตีแฮร์ริสอย่างหนัก ทำให้แฮร์ริสหาเสียงได้ยากลำบากและแพ้การเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาในที่สุด

 

American Rescue Plan Act และ Bipartisan Infrastructure Bill

ช่วงครึ่งเทอมแรกของการดำรงตำแหน่งนั้น ถือได้ว่าเป็นช่วงที่ไบเดนสร้างผลงานได้ดีที่สุด เพราะเขาสามารถจัดการกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดได้ดีด้วยการผ่านกฎหมายที่ชื่อ American Rescue Plan Act ที่มีมูลค่าสูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปใช้กับการผลิตและแจกจ่ายวัคซีนกว่า 500 ล้านโดส ใช้เป็นเงินกู้ยืมฉุกเฉินสำหรับธุรกิจต่างๆ รวมถึงใช้แจกเป็นเช็คโดยตรงแก่ชาวอเมริกันผู้มีรายได้น้อย นอกจากนั้นเขายังสามารถผ่านกฎหมายลงทุนกับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน (Bipartisan Infrastructure Bill) มูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ลงทุนปรับปรุงถนน สะพาน ระบบราง ไฟฟ้า และระบบการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาลงในช่วงล็อกดาวน์ในสมัยของทรัมป์

 

กฎหมายสองฉบับนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นที่ดีที่สุดของไบเดน เพราะมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของเขาทำให้เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ

 

แต่ผลข้างเคียงคือเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ตาม การอัดฉีดเงินเข้าระบบอย่างมหาศาลย่อมมีผลข้างเคียงที่ตามมาอย่างเงินเฟ้อ ประกอบกับปัญหาของห่วงโซ่อุปทานที่เกิดภาวะชะงักงันจากการระบาดของโควิดเอง ทำให้เกิดปัญหาภาวะข้าวยากหมากแพง ซึ่งชาวอเมริกันมองว่าทำเนียบขาวของไบเดนไม่มีน้ำยาเพียงพอที่จะแก้ไขปัญหานี้ ประกอบกับภาพของไบเดนที่ออกมาในสื่อที่ดูสับสน พูดจากความวกวนและดูอ่อนแอ ก็ยิ่งตอกย้ำถึงภาพของรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพจนทำให้คะแนนนิยมของเขาที่เคยขึ้นสูงในช่วงแรกตกต่ำลง และไม่เคยเพิ่มขึ้นอีกเลย

 

ซึ่งทางไบเดนและทีมงานก็ได้พยายามแก้ปัญหาเงินเฟ้อนี้ด้วยการผลักดันกฎหมายที่มีชื่อว่า Inflation Reduction Act ผ่านสภาในช่วงกลางปี 2022 ซึ่งจุดประสงค์หลักของกฎหมาย Inflation Reduction Act คือการพยายามลดการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลาง (เพื่อไปลดเงินเฟ้ออีกที) ผ่านการขึ้นภาษีนิติบุคคล การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี ลดรายจ่ายของโครงการประกันสุขภาพของผู้สูงอายุโดยรัฐบาล (Medicare) ด้วยการอนุญาตให้รัฐบาลเจรจาต่อรองขอลดราคายาจากบริษัทยาได้ รวมไปถึงการลงทุนกับพลังงานสะอาดเพื่อลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ

 

ว่ากันตามจริง Inflation Reduction Act นั้นก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะในที่สุดแล้วอัตราเงินเฟ้อก็ลงมาต่ำกว่า 2% จนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้เป็นครั้งแรกในปี 2024 แต่ชาวอเมริกันก็ยังมองว่าไบเดนใช้เวลานานเกินไปกว่าที่เขาจะสามารถแก้ปัญหาเงินเฟ้อได้เป็นผลสำเร็จ

 

เลือกตั้งกลางเทอม 2022

อีกจุดพลิกผันในช่วงการดำรงตำแหน่ง 4 ปีของไบเดนคือการที่พรรคเดโมแครตของเขาพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายน 2022 ทำให้พวกเขาเสียที่นั่งข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรจนทำให้ไบเดนไม่สามารถผลักดันกฎหมายใหญ่ๆ ได้อีกเลยในช่วงครึ่งเทอมหลังของเขา ซึ่งนั่นก็ทำให้ภาพของการเป็นผู้นำที่ไม่มีประสิทธิภาพยิ่งชัดมากขึ้นไปอีก ในปี 2023 ไบเดนพยายามจะใช้อำนาจของประธานาธิบดี (Executive Order) ในการผลักดันสัญญาประชาคมของเขาเรื่องการปลดหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (Student Loan) ทดแทนการผ่านกฎหมายในรัฐสภา แต่ก็ถูกศาลสูงสุด (Supreme Court) ตัดสินว่าการใช้อำนาจประธานาธิบดีนั้นขัดกับรัฐธรรมนูญในช่วงกลางปี ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของการเป็นประธานาธิบดีที่ด้อยสมรรถภาพนั้นยิ่งชัดไปอีก

 

ฮันเตอร์ ไบเดน

ถึงแม้ว่าไบเดนจะถูกมองว่าไร้ประสิทธิภาพ แต่อย่างน้อยตลอดวาระ 4 ปีที่ผ่านมาเขาก็ยังถูกมองว่าเป็นคนดีที่มีความซื่อสัตย์สุจริตและเคารพต่อกฎหมาย ในช่วงต้นปี 2024 ที่เขายังเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดี เขาพยายามใช้ภาพลักษณ์นี้ต่อสู้กับทรัมป์ โดยที่โจมตีทรัมป์ว่าเป็นบุคคลอันตรายที่พยายามบิดเบือนกฎหมายและระบบยุติธรรมเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ไบเดนเคยให้สัญญากับประชาชนว่าไม่มีทางให้อภัยโทษแก่ ฮันเตอร์ ไบเดน เพราะเขาเป็นคนเคารพหลักการและกฎหมายของบ้านเมือง (ไม่เหมือนกับทรัมป์)

 

แต่ในที่สุด หลังการเลือกตั้งจบลงด้วยชัยชนะของทรัมป์ ไบเดนก็ได้ตระบัดสัตย์และประกาศให้อภัยโทษแก่ลูกชายของตัวเอง ทำให้ภาพลักษณ์ที่ดีอันเดียวที่ยังเหลือของเขาจบลง และการตัดสินใจของเขาในครั้งนี้น่าจะทำให้ที่ทางของเขาในประวัติศาสตร์ถูกจดจำในฐานะประธานาธิบดีที่แย่ที่สุดคนหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา

 

ภาพ: Elizabeth Frantz / Reuters

The post บทสรุป 4 ปีของไบเดน เมื่อเงินเฟ้อบดบังทุกสิ่งทุกอย่าง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Ralph Lauren เป็นดีไซเนอร์คนแรกที่ได้รับเหรียญแห่งอิสรภาพจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ https://thestandard.co/ralph-lauren-honored-with-first-presidential-medal-of-freedom-for-a-fashion-designer/ Mon, 06 Jan 2025 08:31:14 +0000 https://thestandard.co/?p=1027472 Ralph Lauren

ในช่วงเวลาที่ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดการทำหน้าที่ประธานาธิบด […]

The post Ralph Lauren เป็นดีไซเนอร์คนแรกที่ได้รับเหรียญแห่งอิสรภาพจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Ralph Lauren

ในช่วงเวลาที่ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดการทำหน้าที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาของ Joe Biden เขาจึงมอบเหรียญ Medal of Freedom หรือเหรียญแห่งอิสรภาพของประธานาธิบดีให้กับผู้ที่ทำคุณประโยชน์มากมายให้กับประเทศทั้งหมด 18 คนด้วยตัวเอง โดยมีทั้งนักแสดง ศิลปิน นักกีฬา นักธุรกิจ นักการกุศล รวมไปถึงดีไซเนอร์ Ralph Lauren ที่กลายเป็นดีไซเนอร์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับเหรียญเชิดชูอันทรงเกียรติจากประธานาธิบดี

 

เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา (4 มกราคม) Joe Biden มอบเหรียญแห่งอิสรภาพของประธานาธิบดีให้ผู้ที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศ 18 คน ณ ทำเนียบขาว ซึ่ง Ralph Lauren ดีไซเนอร์วัย 85 ปีก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับเหรียญในปีนี้จากผลงานอันเป็นตำนานของเขาในวงการแฟชั่นอเมริกัน รวมไปถึงโครงการด้านการกุศลอีกมากมายของเขา โดยแบรนด์โพสต์เฉลิมฉลองให้กับการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของ Ralph Lauren ผ่านอินสตาแกรม พร้อมกับชื่นชมว่าเขาเป็นบุคคลที่สร้างคุณประโยชน์อย่างยอดเยี่ยม และยังมีอิทธิพลต่อสไตล์ วัฒนธรรม และสังคมของอเมริกาอีกด้วย

 

แบรนด์ยังโพสต์ถึงเหรียญรางวัลที่ Ralph Lauren เคยได้รับมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ James Smithson Bicentennial Medal, Chevalier de la Légion จากฝรั่งเศส และเหรียญ Honorary Knight Commander of the Most Excellent Order of the British Empire จากอังกฤษ โดยตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา แบรนด์ Ralph Lauren ยังคงยืนหยัดอยู่ในวงการแฟชั่นด้วยเอกลักษณ์และตัวตนของแบรนด์ภายใต้วิสัยทัศน์ก้าวไกลของดีไซเนอร์ ที่มีความงดงามแบบดั้งเดิมของสไตล์ West Coast และ East Coast เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างคอลเล็กชัน

 

สำหรับผู้ที่ได้รับเหรียญอิสรภาพของประธานาธิบดีในปีนี้ยังมี Anna Wintour, Lionel Messi, Bono ฟรอนต์แมนวง U2, Hillary Clinton, Michael J. Fox และ Denzel Washington

 

ภาพ: Tom Brenner / Getty Images

อ้างอิง: 

The post Ralph Lauren เป็นดีไซเนอร์คนแรกที่ได้รับเหรียญแห่งอิสรภาพจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>