Hospitel – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 13 Jul 2022 03:49:09 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 รัฐบาลย้ำขั้นตอนเข้ารับการรักษาโควิด ตั้งแต่ 1 ก.ค. บัตรทอง ประกันสังคม ข้าราชการ-รัฐวิสาหกิจ รักษาฟรีทุกสิทธิ https://thestandard.co/gov-reiterates-procedures-for-receiving-treatment-for-covid/ Wed, 13 Jul 2022 03:49:09 +0000 https://thestandard.co/?p=653382 ไตรศุลี ไตรสรณกุล

วันนี้ (13 กรกฎาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนัก […]

The post รัฐบาลย้ำขั้นตอนเข้ารับการรักษาโควิด ตั้งแต่ 1 ก.ค. บัตรทอง ประกันสังคม ข้าราชการ-รัฐวิสาหกิจ รักษาฟรีทุกสิทธิ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไตรศุลี ไตรสรณกุล

วันนี้ (13 กรกฎาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากที่ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การยกเลิกกรณีที่มีเหตุสมควรเกี่ยวกับโรคโควิด-19 เพื่อรองรับการเป็นโรคประจำถิ่น พ.ศ. 2565 ซึ่งมีผลเป็นการปรับปรุงรูปแบบการรักษาโควิด โดยยกเลิกการรักษาแบบกักตัวที่บ้าน (Home Isolation: HI) และ Hospitel โดยยกเลิกสำหรับผู้มีสิทธิบัตรทองตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 และกลุ่มผู้มีสิทธิประกันสังคมตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคมเป็นต้นมานั้น

 

อย่างไรก็ตาม หลังการยกเลิกดังกล่าวผู้ป่วยโควิด ประชาชนทุกคนยังคงได้รับการรักษาฟรีตามสิทธิทั้งสิทธิบัตรทอง สิทธิประกันสังคม และสิทธิข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ขณะที่ผู้ป่วยอาการสีแดงที่วิกฤตยังสามารถใช้สิทธิ UCEP เข้ารักษาแห่งใดก็ได้เช่นเดิม

 

ทั้งนี้ ภายหลังการปรับขั้นตอนการรักษาผู้ป่วยโควิดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นมา ประชาชนที่ตรวจพบว่าเป็นโควิด เช่นตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด ไม่ต้องโทรแจ้ง 1330 เพื่อเข้าระบบหรือรับยาเช่นในอดีต แต่สามารถโทรสอบถามขั้นตอนดำเนินการ หรือกรณีมีผู้ป่วยหนักประสานหาเตียงเพื่อเข้าโรงพยาบาลสามารถโทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 14 สำหรับประชาชนทั่วไป และกด 18 สำหรับกลุ่ม 608, ผู้ป่วยติดเตียง และผู้พิการ หรือที่สายด่วนศูนย์เอราวัณ 1669 กด 2 ได้

 

ไตรศุลีกล่าวว่า สำหรับผู้มีสิทธิบัตรทองสามารถติดต่อที่เพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาที่ศูนย์บริการสาธารณสุข, คลินิกชุมชนอบอุ่น, หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล ตามนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่, สถานพยาบาลที่ลงทะเบียนไว้ หรือร้านยาในโครงการ ‘เจอ แจก จบ’ โดยสามารถตรวจดูรายชื่อร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการเจอ แจก จบ ได้ที่ https://www.nhso.go.th/downloads/197 

 

ส่วนผู้มีสิทธิประกันสังคม ผู้ประกันตนที่มีอาการป่วยไม่รุนแรง สามารถรักษาแบบเจอ แจก จบ ณ สถานพยาบาลประกันสังคมและสถานพยาบาลที่ร่วมให้บริการของรัฐและเอกชนทุกแห่ง คลินิกและร้านยาที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนกรณีมีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยตามดุลพินิจของแพทย์ก็เข้ารักษาในโรงพยาบาลประกันสังคมและสถานพยาบาลที่ร่วมให้บริการทั้งรัฐและเอกชนทุกแห่งโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกัน หากมีข้อสงสัยสอบถามสายด่วนประกันสังคม 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

 

สำหรับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจสามารถเข้ารับการรักษากับสถานพยาบาลของรัฐทุกแห่ง หรือกรณีหน่วยงานใดมีสิทธิรักษาในโรงพยาบาลเอกชนได้ก็รักษาตามสิทธิที่องค์กรกำหนด

 

“ด้วยสถานการณ์ความรุนแรงของโรคที่ลดลงขณะที่การระบาดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ รัฐบาลจึงปรับให้การดูแลรักษาให้กลับเข้าไปสู่สิทธิเดิม โดยประชาชนทุกคนยังได้รับการรักษาฟรีภายใต้การใช้จ่ายงบประมาณจากกองทุนต่างๆ ที่ดูแลสิทธิของประชาชนแต่ละกลุ่มอยู่ โดยย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลสุขภาพและชีวิตประชาชน และขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขก็ได้จัดเตรียมยา เวชภัณฑ์ เตียงผู้ป่วยไว้รองรับอย่างเพียงพอ” ไตรศุลีกล่าว   

The post รัฐบาลย้ำขั้นตอนเข้ารับการรักษาโควิด ตั้งแต่ 1 ก.ค. บัตรทอง ประกันสังคม ข้าราชการ-รัฐวิสาหกิจ รักษาฟรีทุกสิทธิ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักข่าวอังกฤษเขียนบทความแฉประสบการณ์กักตัวในฮอสพิเทลภูเก็ต เปรียบเหมือนนักโทษจ่ายเงินขังตัวเอง https://thestandard.co/english-news-reporter-wrote-hospitel-quarantine-experience/ Tue, 25 Jan 2022 10:52:40 +0000 https://thestandard.co/?p=586515 นักข่าวอังกฤษเขียนบทความแฉประสบการณ์กักตัวในฮอสพิเทลภูเก็ต เปรียบเหมือนนักโทษจ่ายเงินขังตัวเอง

หนังสือพิมพ์ The Sunday Times ของอังกฤษ เผยแพร่บทความขอ […]

The post นักข่าวอังกฤษเขียนบทความแฉประสบการณ์กักตัวในฮอสพิเทลภูเก็ต เปรียบเหมือนนักโทษจ่ายเงินขังตัวเอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักข่าวอังกฤษเขียนบทความแฉประสบการณ์กักตัวในฮอสพิเทลภูเก็ต เปรียบเหมือนนักโทษจ่ายเงินขังตัวเอง

หนังสือพิมพ์ The Sunday Times ของอังกฤษ เผยแพร่บทความของ โจนาธาน มิลเลอร์ ผู้สื่อข่าวชาวอังกฤษประจำกรุงเทพฯ ที่เล่าถึงประสบการณ์ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น ‘ฝันร้าย’ ระหว่างเข้ากักตัวในฮอสพิเทลแห่งหนึ่ง ทางตะวันออกของจังหวัดภูเก็ต เมื่อช่วงหลังวันปีใหม่ที่ผ่านมา โดยเปรียบเทียบเหมือนกับ ‘การใช้ชีวิตแบบนักโทษที่จ่ายเงินกักขังตัวเอง’ เนื่องจากสภาพที่พักในฮอสพิเทล ตลอดจนอาหาร และการดูแลผู้กักตัวที่ต่ำกว่ามาตรฐาน และไม่สมกับราคาที่ต้องจ่ายสูงถึง 1,500 ปอนด์ หรือกว่า 66,000 บาท อีกทั้งยังเจอกลุ่มชาวต่างชาติที่ติดเชื้อ จัดงานปาร์ตี้ ทั้งเต้นและดื่มเบียร์แบบสนุกสุดเหวี่ยงโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งหลายคนนั้นมีอาการไออย่างหนัก 

 

โดยมิลเลอร์ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการสัมภาษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อช่วงปลายปี 2020 กล่าวในตอนต้นของบทความว่า ชาวต่างชาติที่เดินทางมาไทยและติดเชื้อโควิด ต้องใช้เวลา 2 สัปดาห์ในฮอสพิเทลที่มีราคาแพง และเรียกฮอสพิเทลที่เขาเข้ากักตัวว่า เป็น ‘Inhospitable Hospitel’ หรือ ‘ฮอสพิเทลที่ไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัย’ 

 

ที่มาที่ทำให้มิลเลอร์ได้เข้าไปกักตัวในฮอสพิเทลแห่งนี้ เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ไอมาน แฟนสาวของเขาที่ไม่ได้เจอกันมานาน เดินทางจากซิดนีย์มายังภูเก็ตเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ซึ่งเขาได้ขับรถจากบ้านพักในกรุงเทพฯ ไปยังภูเก็ตเพื่อพบเธอ และได้จองที่พักริมทะเลไว้

 

โดยภูเก็ตนั้นเป็นที่นิยมและเป็นจุดมุ่งหมายหลักสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางมาไทยในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เปิดให้ชาวต่างชาติสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัว หากมีผลตรวจเชื้อเป็นลบ ตามมาตรการ Test & Go ซึ่งชาวต่างชาติจำเป็นต้องมีผลตรวจเชื้อเป็นลบเมื่อเดินทางมาถึง และตรวจซ้ำอีกครั้งใน 5 วันให้หลัง

 

ซึ่งไอมานนั้นมีผลตรวจเป็นลบเมื่อเดินทางมาถึง แต่ในการตรวจ PCR รอบสอง ปรากฏว่าเธอติดเชื้อ ทำให้มีรถพยาบาลมารับเธอไปกักตัว ส่วนมิลเลอร์นั้นได้รับแจ้งจากทางตำรวจที่ส่งข้อความมาให้เขาว่า ต้องกักตัวด้วยเช่นกัน ทำให้เขายอมกักตัวเพื่อที่จะได้อยู่กับแฟนสาว

 

ในตอนแรกมิลเลอร์เผยว่า เขาได้รับข้อเสนอให้กักตัวในโรงแรมที่รัฐบาลจัดให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่เนื่องจากเขาได้ข่าวเกี่ยวกับสภาพที่พักและอาหารที่แย่ จนนักท่องเที่ยวเรียกกันว่าเป็นเรือนจำโควิดของไทย จึงทำให้ตัดสินใจปฏิเสธ ส่วนไอมานนั้นได้รับข้อเสนอให้กักตัวในโรงพยาบาลภูเก็ต แต่เนื่องจากเธอไม่มีอาการป่วย อีกทั้งพบว่าโรงพยาบาลนั้นประสบภาวะขาดแคลนเตียง จึงตัดสินใจไม่กักตัวที่โรงพยาบาล

 

ซึ่งทั้งสองคนได้เลือกที่จะจ่ายเงิน 1,500 ปอนด์ เพื่อเข้ากักตัวในฮอสพิเทล ที่มีการโฆษณาอย่างสวยหรูไว้ในกลุ่มเฝ้าระวังโควิดทางแอปพลิเคชัน WhatsApp โดยภาพของฮอสพิเทลที่โฆษณานั้น มีทั้งสระว่ายน้ำ ต้นปาล์ม ห้องพักขนาดใหญ่ ได้รับการดูแลความเป็นอยู่ภายใต้ความสะอาดที่ผ่านมาตรฐาน และพนักงานที่ผ่านการฝึกมาอย่างดี

 

มิลเลอร์เล่าว่า ฮอสพิเทลที่เขาตัดสินใจเลือกนั้นเป็นโรงแรมขนาด 3 ดาว ที่ปิดไปนานกว่า 2 ปี ก่อนจะถูกดัดแปลงอย่างเร่งรีบเพื่อใช้เป็นสถานที่กักตัว ภายใต้การรับรองของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเขามองว่าฮอสพิเทลแห่งนี้เป็นตัวเลือกที่แย่น้อยที่สุดที่เขาเจอในตอนนั้น และก่อนที่เขาจะเข้ามากักตัวนั้น มีชาวต่างชาติกักตัวอยู่แล้วทั้งหมด 289 คน 

 

ขณะที่เขาบรรยายความรู้สึกที่เข้ากักตัวในฮอสพิเทลแห่งนี้ว่า เปรียบเหมือนจักรวาลคู่ขนานที่น่าหดหู่ และทำลายความฝันในการใช้ชีวิตตลอดสองสัปดาห์ ตามสโลแกน Amazing Thailand ที่มีทั้งหาดทรายขาว การดำน้ำดูปะการัง และอาหารรสจัดที่อร่อยและราคาถูก 

 

วันแรกที่เดินทางไปถึงฮอสพิเทลในช่วงประมาณ 21.00 น. มิลเลอร์เล่าว่าเขาเห็นกลุ่มชาวต่างชาติที่ติดเชื้อจำนวนมากกำลังจัดปาร์ตี้ ซึ่งหลายคนเมาและไม่สวมหน้ากากอนามัย และมีขวดเบียร์วางกองอยู่ที่พื้น บางคนมีอาการไออย่างหนักในขณะที่กำลังเต้นไปด้วย 

 

ซึ่งเขาบอกว่าภาพที่เห็นนั้นไร้สติอย่างสิ้นเชิง ขณะที่มีชาวอังกฤษคนหนึ่งตะโกนมาที่เขาว่า “ยินดีต้อนรับสู่โฮเทลแคลิฟอร์เนีย” ซึ่งเปรียบเทียบเหมือนกับโรงแรมในเพลงดัง Hotel California จากช่วงทศวรรษ 1970 ที่ภายนอกดูเป็นสถานที่หรูหรา แต่ภายในนั้นกลับเลวร้ายจนน่าผิดหวัง 

 

ทั้งนี้ มิลเลอร์ติดโควิดในที่สุดหลังจากกักตัวผ่านไปหลายวัน ขณะที่เขายังเล่าถึงปัญหาภายในฮอสพิเทลที่ค่อนข้างแย่อื่นๆ เช่น อาหารที่ส่งให้วันละ 3 มื้อ ซึ่งกินแทบไม่ได้ ทั้งบะหมี่ที่แข็งเป็นวุ้น และนักเก็ตไก่ที่เย็นชืด ตลอดจนสระว่ายน้ำที่ใช้ได้เพียงสระเดียว ส่วนสระที่ปิดอยู่ ซึ่งอยู่หลังห้องพักหลายห้องนั้นมีทั้งตะกอนและซากกบตายลอยอยู่ 

 

ส่วนในห้องพักนั้นแม้จะสภาพค่อนข้างดี แต่ก็เล็กและแคบ และโทรทัศน์นั้นใช้การไม่ได้ อีกทั้งน้ำประปายังไหลเบา และสัญญาณ Wi-Fi ยังขาดๆ หายๆ ซึ่งไม่เป็นไปตามที่โฆษณาไว้ 

 

นอกจากนี้ ผู้เข้ากักตัวทุกคนยังถูกบังคับให้ต้องเอกซเรย์ปอด และเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งหากไม่ยอมเอกซเรย์จะไม่ได้รับเอกสารที่ต้องใช้เพื่อออกจากฮอสพิเทลหลังกักตัวครบ 10 วัน 

 

อีกทั้งทุกคนยังต้องจ่ายเงินสำหรับการตรวจ PCR 1 ครั้ง คนละ 90 ปอนด์ หรือ 4,000 บาท ซึ่งมิลเลอร์เผยว่า เขาต้องใช้เวลา 5 วันในการร้องขอผลตรวจยืนยันการติดเชื้อ ซึ่งวันกักตัวนั้นเริ่มนับตั้งแต่ที่ได้ผลตรวจเชื้อเป็นบวก แต่เขาเจรจากับเจ้าหน้าที่จนสามารถใช้ภาพถ่ายผลตรวจแอนติเจนเป็นหลักฐานยืนยันวันที่ติดเชื้อ จึงทำให้ออกจากโรงแรมได้หลังกักตัวครบ 10 วัน 

 

ทั้งนี้ มิลเลอร์เผยว่าพนักงานในฮอสพิเทลนั้นไม่เพียงพอ และไม่สามารถตอบคำถามเรื่องการออกเอกสารเดินทางกลับประเทศ ตลอดจนรายละเอียดเรื่องการใช้ประกันสุขภาพในการจ่ายค่ากักตัว ทำให้ชาวต่างชาติหลายคนมีความวิตกกังวล 

 

มิลเลอร์ยังระบุในช่วงท้ายของบทความว่า การระบาดที่รุนแรงของโอมิครอน ทำให้ทางการไทยมีการระงับใช้มาตรการ Test & Go ช่วงก่อนหน้านี้ แต่เริ่มต้นตั้งแต่เดือนหน้า จะมีการนำมาตรการนี้กลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งหมายความว่านักท่องเที่ยวที่มีผลตรวจเชื้อเป็นลบ สามารถออกไปท่องเที่ยวได้ตามปกติโดยไม่ต้องกักตัว

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีผลตรวจเป็นบวก มิลเลอร์เตือนว่าอาจต้องกลายเป็นนักโทษของโฮเทลแคลิฟอร์เนีย และการฉลองวันหยุดในดินแดนแห่งรอยยิ้มอย่างไทย อาจกลายเป็นสวรรค์หรือกลายเป็นนรกไปเลยก็ได้

 

อ้างอิง:

The post นักข่าวอังกฤษเขียนบทความแฉประสบการณ์กักตัวในฮอสพิเทลภูเก็ต เปรียบเหมือนนักโทษจ่ายเงินขังตัวเอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
หญิง-รฐา โพธิ์งาม แจ้งผล ‘ติดเชื้อโควิด’ และได้เข้ารับการรักษาเป็นที่เรียบร้อย https://thestandard.co/rhatha-phongam-infect-coronavirus/ Mon, 17 Jan 2022 06:23:00 +0000 https://thestandard.co/?p=583282 หญิง-รฐา โพธิ์งาม

วันนี้ (17 มกราคม) หญิง-รฐา โพธิ์งาม นักแสดงหญิงได้แจ้ง […]

The post หญิง-รฐา โพธิ์งาม แจ้งผล ‘ติดเชื้อโควิด’ และได้เข้ารับการรักษาเป็นที่เรียบร้อย appeared first on THE STANDARD.

]]>
หญิง-รฐา โพธิ์งาม

วันนี้ (17 มกราคม) หญิง-รฐา โพธิ์งาม นักแสดงหญิงได้แจ้งผล ‘ติดเชื้อโควิด’ ผ่านทางโซเชียลมีเดียส่วนตัว หลังจากเดินทางไปถ่ายทำละครเมื่อวันที่ 11 มกราคม ก่อนทราบข่าวว่ามีนักแสดงท่านหนึ่งติดเชื้อโควิดในวันที่ 12 มกราคม จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจ PCR แบบ Drive-Thru และทราบผลตรวจว่าติดเชื้อในวันที่ 15 มกราคม ล่าสุดได้เข้ารับการรักษาที่ Hospitel เป็นที่เรียบร้อย

 

สำหรับรายละเอียดการติดเชื้อของหญิงระบุว่า “วันที่ 11 มกราคม หญิงเดินทางไปถ่ายละครตามปกติ วันที่ 12 มกราคม ทางกองละครแจ้งว่ามีนักแสดงที่ถ่ายทำในวันที่ 11 ติดเชื้อโควิด

 

“หญิงได้ทำการกักตัวอยู่ที่บ้านตั้งแต่วันที่ 12 มกราคมเป็นต้นมา จนวันที่ 14 มกราคม มีอาการเจ็บคอ ปวดศีรษะ จึงเดินทางไปตรวจ PCR แบบ Drive-Thru วันที่ 15 มกราคม ผลออกมาว่าหญิงติดเชื้อโควิด และตอนนี้หญิงได้เข้าพักรักษาตัวที่ Hospitel เป็นที่เรียบร้อยค่ะ

 

“ต้องขออภัยงานที่ต้องเลื่อนออกไปในช่วง 10 วันนี้ด้วยนะคะ ดูแลสุขภาพกันนะคะทุกคน”

 

อ้างอิง:

The post หญิง-รฐา โพธิ์งาม แจ้งผล ‘ติดเชื้อโควิด’ และได้เข้ารับการรักษาเป็นที่เรียบร้อย appeared first on THE STANDARD.

]]>
กลุ่มเส้นด้าย เผยโทรศัพท์หาเตียงเพิ่มสูงกว่า 300 สายต่อวัน พบ Hospitel หลายแห่งเริ่มแน่น หลังผู้ติดเชื้อพุ่งสูงหลังปีใหม่ https://thestandard.co/zendai-group-called-for-bed-more-than-300-calls-per-day/ Wed, 05 Jan 2022 05:40:36 +0000 https://thestandard.co/?p=579159 กลุ่มเส้นด้าย

วานนี้ (4 มกราคม) ภูวกร ศรีเนียน หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่ม […]

The post กลุ่มเส้นด้าย เผยโทรศัพท์หาเตียงเพิ่มสูงกว่า 300 สายต่อวัน พบ Hospitel หลายแห่งเริ่มแน่น หลังผู้ติดเชื้อพุ่งสูงหลังปีใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กลุ่มเส้นด้าย

วานนี้ (4 มกราคม) ภูวกร ศรีเนียน หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มเส้นด้าย ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD NOW ถึงแนวโน้มการกลับมาระบาดอีกครั้งของโควิด โดยเฉพาะสายพันธุ์โอไมครอน ที่เริ่มส่งสัญญาณปัญหาความต้องการเตียงมากขึ้นหลังเทศกาลปีใหม่ มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงอย่างมีนัยสำคัญ โดยระบุว่า สัญญาณการระบาดครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มเยอะขึ้นในหลายชุมชน อีกทั้งยังมีกรณีการเสียชีวิตในบ้านพักอยู่ 1 เคส ในเขตราชเทวี ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2564 โดยในช่วงปีใหม่ทีมงานยังคงทำหน้าที่ตรวจเชิงรุก ถ้าเจอผู้ติดเชื้อก็ยังพาเข้าสู่ระบบรักษาอย่างเป็นทางการ

 

ส่วนประเด็นการติดต่อหาเตียงผู้ป่วยผ่านกลุ่มเส้นด้าย เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 3-4 มกราคม 2565 ทีมงานพบว่ามีสายโทรศัพท์เข้า อินบ็อกซ์ทางเพจเฟซบุ๊กมีการแจ้งเตือนเยอะขึ้นอย่างผิดสังเกต เพราะช่วง 3-4 เดือนหลังสุด หรือช่วงการเปิดประเทศ สัญญาณการขอความช่วยเหลือจากผู้ป่วยเริ่มนิ่งและเบาลง 

 

“วันที่ 4 มกราคม 2565 เวลา 08.30 น. สายเข้ากันระงม ถ้าจะมองในภาพรวมคงเป็นภาพของประชาชนที่กำลังกลับจากการเดินทางช่วงปีใหม่มาจากต่างจังหวัด และคงมีมาตรการจากที่ทำงานให้ตรวจ ATK ก่อนจะกลับเข้ามาทำงาน ในส่วนนี้คิดว่าคงเจอผลเป็นบวกกันเยอะ เพราะจากการสอบถามผู้ป่วยที่ติดต่อกับกลุ่มเส้นด้าย ผมว่าหลายคนมีผลตรวจติดเชื้อก่อนกลับเข้าทำงาน และส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ซึ่งวันนี้วันเดียวมีสายโทรเข้าหากลุ่มเส้นด้ายไม่น้อยกว่า 300-400 สาย เมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่สถานการณ์ดีขึ้น ตอนนั้นมีเพียง 30 สายต่อวันเท่านั้น ทำให้ยอดติดต่อตอนนี้เพิ่มขึ้นสูงกว่า 10 เท่าอย่างรวดเร็ว” ภูวกรกล่าว

 

ขณะที่รูปแบบอาการของผู้ป่วยที่ติดต่อเข้ามาทางกลุ่มเส้นด้าย ภูวกรระบุว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่มีอาการไม่เยอะ แต่หลายเคสแสดงความกังวลว่าต้องรีบเข้าระบบการรักษาให้เร็ว ต้องรีบแยกตัวออกจากครอบครัว 

 

“โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าหลังปีใหม่จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น เมื่อมองจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะการมีอยู่ของโอไมครอนได้สร้างการระบาดได้เร็วกว่าเดิม ถ้า ณ วันนี้ยอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ที่จะมียอดติดเชื้อสูงกว่านี้แน่นอน” ภูวกรกล่าว 

 

นอกจากนี้ ภูวกรยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึง Hospitel ประมาณ 2-3 แห่ง จาก 20 กว่าแห่งที่ร่วมงานกับกลุ่มเส้นด้ายเริ่มกลับมามีจำนวนเต็มอย่างรวดเร็ว 

 

ส่วนประเด็นที่อาการของผู้ป่วยช่วงหลังเป็นการติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ หรืออาการน้อย ทำให้หลายคนได้รับคำแนะนำให้ทำ Home Isolation แนวทางการช่วยเหลือของกลุ่มเส้นด้ายจะเปลี่ยนไปหรือไม่นั้น

 

ภูวกรยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยน ตอนนี้ทางกลุ่มรวบรวมรถสแตนด์บายรอช่วยเหลือได้มากกว่า 50 คัน ซึ่งเป็นรถที่พร้อมออกช่วยเหลือได้ทันที พร้อมย้ำว่าหลักการของกลุ่มเส้นด้ายจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิม และจะเน้นไปเสริมส่วนที่ขาดของหน่วยงานใหญ่ๆ อย่างหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะในช่วงนอกเวลาทำการของภาครัฐ หรือช่วงเวลาฉุกเฉินที่อาจจะประสานงานได้ยาก ทางกลุ่มจะคอยช่วยเหลือและประสานงานหาเตียงให้ผู้ป่วยในส่วนนี้ตลอด 24 ชั่วโมง 

 

ส่วนความกังวลต่อสถานการณ์ปัจจุบันว่า จะเอาอยู่หรือไม่ในภาวะแบบนี้ ภูวกรบอกว่า สิ่งที่ทำให้กลุ่มมีความเบาใจได้ส่วนหนึ่งคือ ฤทธิ์ของโอไมครอนไม่ได้มีอาการรุนแรงเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลตา และจากการได้ฟังแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข ที่เห็นทิศทางของผู้ป่วยมาโดยตลอด และภาครัฐมีการเตรียมความพร้อมในระดับปฏิบัติการที่สูงอยู่ บวกกับลักษณะของผู้ป่วยช่วงหลังที่มีอาการไม่รุนแรง จะสามารถช่วยเหลือและดูแลกันง่ายขึ้น 

 

และตอนนี้ทีมงานเส้นด้ายมีอาสาสมัครเกือบ 1,000 คน ซึ่งหลายคนเข้าระบบการฝึกภาคปฏิบัติการตรวจเชิงรุกและช่วยเหลือคนกันเยอะมาก เราจึงเชื่อมั่นมาตลอดว่า ถ้าวันนี้ผู้ป่วยรู้ตัวเร็ว แยกตัวเร็วจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ส่วนภารกิจการตรวจเชิงรุกของเราจะยังเดินหน้าต่อไป 

 

สำหรับประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือจากกลุ่มเส้นด้าย สามารถติดต่อได้ทาง เบอร์โทรศัพท์ 0 2096 5000 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงอินบ็อกซ์ผ่านเฟซบุ๊กเพจ ‘เส้นด้าย – Zendai’ 

 

อ้างอิง:

The post กลุ่มเส้นด้าย เผยโทรศัพท์หาเตียงเพิ่มสูงกว่า 300 สายต่อวัน พบ Hospitel หลายแห่งเริ่มแน่น หลังผู้ติดเชื้อพุ่งสูงหลังปีใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ‘Hospitel ปัตตานี’ กับโจทย์การระบาดในชุมชน-ครอบครัว ที่ชายแดนใต้ https://thestandard.co/hospital-pattani/ Sat, 09 Oct 2021 10:24:10 +0000 https://thestandard.co/?p=546521 Hospital Pattani

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแ […]

The post ชมคลิป: ‘Hospitel ปัตตานี’ กับโจทย์การระบาดในชุมชน-ครอบครัว ที่ชายแดนใต้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Hospital Pattani

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อรายใหม่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการระบาดในชุมชนและครอบครัว

 

THE STANDARD คุยกับ นพ.อดิศักดิ์ งามขจรวิวัฒน์ จากโรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี ถึงภาพรวมสถานการณ์การระบาดและแนวทางการรับมือกับการระบาดในพื้นที่

 

ถ่าย: ตูแวดานียา มือรีงิง

ตัดต่อ: พงษ์พัฒน์ มะหะหมัด

The post ชมคลิป: ‘Hospitel ปัตตานี’ กับโจทย์การระบาดในชุมชน-ครอบครัว ที่ชายแดนใต้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: 6 องค์กรสื่อฯ โต้รัฐฯ ขู่เอาผิด Fake News https://thestandard.co/thestandardnow290764/ Thu, 29 Jul 2021 13:17:43 +0000 https://thestandard.co/?p=518998 6 องค์กรสื่อฯ โต้รัฐฯ ขู่เอาผิด Fake News

6 องค์กรสื่อฯ โต้ Fake News จี้ยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน แล […]

The post ชมคลิป: 6 องค์กรสื่อฯ โต้รัฐฯ ขู่เอาผิด Fake News appeared first on THE STANDARD.

]]>
6 องค์กรสื่อฯ โต้รัฐฯ ขู่เอาผิด Fake News

6 องค์กรสื่อฯ โต้ Fake News จี้ยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และสัมภาษณ์สด นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ หลังยอมรับความจริงปัญหาศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เตรียมแก้ไข และแนวทางจัดตั้ง Hospitel สีเหลือง แก้วิกฤตเตียง 

 

THE STANDARD NOW กับ อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ ชมสดทาง Facebook Live และ YouTube Live ของ THE STANDARD

The post ชมคลิป: 6 องค์กรสื่อฯ โต้รัฐฯ ขู่เอาผิด Fake News appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผลตรวจรอบที่ 4 พลิก! แพท-ณปภา ‘ไม่ติดเชื้อโควิด’ https://thestandard.co/pat-napapa-not-infected-with-covid-in-round-4/ Wed, 21 Jul 2021 11:46:50 +0000 https://thestandard.co/?p=515527 Napapa Tantrakul

วันนี้ (21 กรกฎาคม) แพท-ณปภา ตันตระกูล ได้แจ้งผลตรวจโคว […]

The post ผลตรวจรอบที่ 4 พลิก! แพท-ณปภา ‘ไม่ติดเชื้อโควิด’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Napapa Tantrakul

วันนี้ (21 กรกฎาคม) แพท-ณปภา ตันตระกูล ได้แจ้งผลตรวจโควิดรอบที่ 4 พบว่า ‘ไม่ติดเชื้อ’ และได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว แต่จะยังคงกักตัวที่บ้านต่อไปจนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม และจะเข้ารับการตรวจเชื้ออีกครั้ง

 

ย้อนกลับไปในวันที่ 19 กรกฎาคม แพทได้เข้ารับการตรวจเชื้อแบบ Swab Test รอบที่ 1 ก่อนทราบผลตรวจในเวลา 11.20 น. พบว่าไม่ติดเชื้อ ต่อมาเธอได้เข้ารับการตรวจเชื้อรอบที่ 2 และทราบผลตรวจในเวลา 12.30 น. ของวันที่ 20 กรกฎาคม พบว่าติดเชื้อ แต่อยู่ในปริมาณน้อยจึงเดินทางไปกักตัวที่ Hospitel

 

ต่อมาในช่วงบ่ายของวันนี้ (21 กรกฎาคม) แพทได้กล่าวกับทางรายการ วันบันเทิง ว่า แพทได้เข้ารับการตรวจเชื้อครั้งที่ 3 พบว่า ‘ไม่ติดเชื้อ’ โดยได้มีการเจาะเลือดอีกครั้งเพื่อความชัดเจนซึ่งผลปรากฏว่าแพท ‘ไม่ติดเชื้อ’ เช่นกัน

 

อ้างอิง:

The post ผลตรวจรอบที่ 4 พลิก! แพท-ณปภา ‘ไม่ติดเชื้อโควิด’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชัชชาติ เสนอต้องเร่งดำเนินการ 3 ข้อ ชี้แค่ล็อกดาวน์ไม่พอ หากไม่ทำจะเจ็บเพิ่มแต่ไม่จบ https://thestandard.co/chadchart-proposes-3-things-for-coronavirus-crisis/ Fri, 09 Jul 2021 06:47:42 +0000 https://thestandard.co/?p=510478 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

วานนี้ (8 กรกฎาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถ […]

The post ชัชชาติ เสนอต้องเร่งดำเนินการ 3 ข้อ ชี้แค่ล็อกดาวน์ไม่พอ หากไม่ทำจะเจ็บเพิ่มแต่ไม่จบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

วานนี้ (8 กรกฎาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงการลงพื้นที่มอบเครื่องทำออกซิเจนให้ Hospitel ของโรงพยาบาล (รพ.) ราชพิพัฒน์ และกลุ่มคลองเตยดีจัง พร้อมกับเสนอทางออกเร่งด่วนที่สุด 3 ข้อ เพื่อแก้ปัญหาโควิดในขณะนี้ เพราะแค่ล็อกดาวน์อย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ โพสต์ดังกล่าวระบุว่า

 

เมื่อวานทีม #เพื่อนชัชชาติ นำเครื่องทำออกซิเจน (Oxygen Concentrator) ที่ตอนนี้กำลังหายากมาก ไปมอบให้ Hospitel ของ รพ.ราชพิพัฒน์ ที่ทวีวัฒนา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) จำนวน 25 เครื่อง และมอบให้ครูแอ๋ม กลุ่มคลองเตยดีจัง จำนวน 5 เครื่อง

 

ได้ไปเยี่ยมชมการบริหารจัดการผู้ป่วยที่ Hospitel ของ รพ.ราชพิพัฒน์ ที่ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี แล้วประทับใจครับ คุณหมอ พยาบาล ทุกคนลุยกันเต็มที่ จัดทำระบบขึ้นมาใหม่เพื่อรับคนไข้เตียงเขียว จำนวน 400 เตียง ผู้ป่วยที่ลงทะเบียนมาแล้วสามารถเช็กอินเข้าห้องเองได้เลย มีระบบการสื่อสารทางไลน์ติดต่อ ในห้องมีเครื่องวัดอุณหภูมิ วัดระดับออกซิเจน วัดความดัน โดยผู้ป่วยวัดเอง กรอกข้อมูลใน Google Formd ส่งเข้าระบบ พยาบาลที่ศูนย์กลางสามารถติดตามอาการได้อย่างต่อเนื่อง และมีการ Zoom คุยกับผู้ป่วยตลอด เป็นการบริหารจัดการที่ดีมาก ลดความเสี่ยงเจ้าหน้าที่ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อนในทีมที่ไปด้วยถึงกับพูดว่า เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าภาษีที่จ่ายไปได้ถูกใช้อย่างคุ้มค่า

 

ส่วนครูแอ๋มที่คลองเตย สถานการณ์ก็หนักขึ้นครับ มีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น และตกค้างอยู่ในชุมชนและวัดสะพานเป็นหลักร้อยคน หลายคนที่ตกค้างกว่าจะได้ตรวจ หรือได้เตียงก็อาการหนักเป็นสีเหลืองแล้ว เครื่องทำออกซิเจนที่ให้ไป วันนี้ครูแอ๋มให้อาสาสมัครนำออกไปใช้ช่วยคนป่วยที่หายใจลำบากทันที คุยกับครูแอ๋มและทีมงาน คิดว่าทางออกที่เร่งด่วนที่สุด (ที่พูดกันมาเหมือนๆ กันหลายคน หลายครั้ง แต่ก็ต้องพูดอีก) คือ

 

  1. เร่งตรวจเชิงรุก อาจใช้ Rapid Antigen Test คัดกรองเบื้องต้นสำหรับผู้มีความเสี่ยงหรือมีอาการ ถ้าเป็นบวกค่อยส่งทำ Swab อีกที (เหมือนที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี ทำ) เพื่อจะได้แยกคนป่วยออกก่อน และจำกัดการแพร่กระจาย การไม่ตรวจทำให้ไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริง และยิ่งทำให้เกิดการกระจายของโรคที่รุนแรงขึ้น

 

  1. เร่งขยายโรงพยาบาลสนาม Hospitel หรือศูนย์พักคอย เพื่อให้คนป่วยที่ไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้ออกจากชุมชน ลดการแพร่กระจายเชื้อ และเข้าสู่การดูอาการและให้ยาเบื้องต้น ศูนย์พักคอยควรจะเป็นที่ที่เดินทางสะดวก อาจจะเช่าพื้นที่เอกชนเลย เช่น ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค โรงแรม ศูนย์ประชุม ค่ายทหาร สถานที่ราชการ ตอนนี้การหาเตียงเป็นเรื่องวิกฤตอันดับต้นๆ ของคนกรุงเทพฯ แล้วครับ

 

  1. เร่งฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพให้กับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน

 

“การล็อกดาวน์หรือหยุดกิจกรรมต่างๆ โดยไม่ทำสามข้อข้างต้น ไม่น่าจะเกิดประโยชน์เต็มที่ เพราะตอนนี้คนที่ติดเชื้อกระจายอยู่ทั่วไปแล้ว ต้องแยกออกมาเพื่อรักษาและป้องกันการแพร่เชื้อให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นอาจจะกลายเป็นเจ็บเพิ่มอีกแต่ก็ไม่จบครับ” ชัชชาติระบุ

The post ชัชชาติ เสนอต้องเร่งดำเนินการ 3 ข้อ ชี้แค่ล็อกดาวน์ไม่พอ หากไม่ทำจะเจ็บเพิ่มแต่ไม่จบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กทม. เปิด 10 Hospitel รองรับผู้ป่วยโควิดระดับสีเขียวอีก 4,424 เตียง https://thestandard.co/coronavirus-hospital-bed-300664-2/ Wed, 30 Jun 2021 08:14:39 +0000 https://thestandard.co/?p=506693 เตียง ผู้ป่วย โควิด

วานนี้ (29 มิถุนายน) พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราช […]

The post กทม. เปิด 10 Hospitel รองรับผู้ป่วยโควิดระดับสีเขียวอีก 4,424 เตียง appeared first on THE STANDARD.

]]>
เตียง ผู้ป่วย โควิด

วานนี้ (29 มิถุนายน) พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมการบริหารจัดการเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยโควิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมระบุว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่ขยายวงกว้างและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในพื้นที่ กทม. ดังนั้นเพื่อเพิ่มศักยภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย รวมทั้งป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค กทม. จะเพิ่มเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการหรือแสดงอาการเล็กน้อย (สีเขียว) โดยการจัดตั้งโรงพยาบาลโรงแรม (Hospitel) เพิ่มเติม โดยร่วมกับโรงพยาบาลเอกชนในการสังเกตอาการและดูแลรักษาผู้ป่วย รวม 4,424 เตียง

 

เตียง ผู้ป่วย โควิด

 

ภาพประกอบ: พุทธิพงศ์ โรจน์ศตพงค์

พิสูจน์อักษร: นัฐฐา สอนกลิ่น

The post กทม. เปิด 10 Hospitel รองรับผู้ป่วยโควิดระดับสีเขียวอีก 4,424 เตียง appeared first on THE STANDARD.

]]>
กทม. เปิด Hospitel รองรับผู้ป่วยโควิดระดับสีเขียวอีก 4,424 เตียง https://thestandard.co/bangkok-opening-hospitel-increasing-4424-beds/ Tue, 29 Jun 2021 11:07:30 +0000 https://thestandard.co/?p=506414 Hospitel

วันนี้ (29 มิถุนายน) พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราช […]

The post กทม. เปิด Hospitel รองรับผู้ป่วยโควิดระดับสีเขียวอีก 4,424 เตียง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Hospitel

วันนี้ (29 มิถุนายน) พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมการบริหารจัดการเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยโควิด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.)

 

พล.ต.อ. อัศวินกล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่ขยายวงกว้างและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในพื้นที่ กทม. ดังนั้น เพื่อเพิ่มศักยภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย รวมทั้งป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค กทม. จะเพิ่มเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการหรือแสดงอาการเล็กน้อย (สีเขียว) โดยการจัดตั้งโรงพยาบาลโรงแรม (Hospitel) เพิ่มเติม โดยร่วมกับโรงพยาบาลเอกชนในการสังเกตอาการและดูแลรักษาผู้ป่วย 

 

สำหรับ Hospitel ประกอบด้วย

  • โรงแรม Two Three Hotel ร่วมกับโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รองรับได้ 250 เตียง เปิดให้บริการวันที่ 27 มิถุนายน
  • โรงแรมเดอะ กรีน โฮเทล ร่วมกับโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รองรับได้ 1,000 เตียง เปิดให้บริการวันที่ 29 มิถุนายน
  • โรงแรม Twin Tower ร่วมกับโรงพยาบาลธนบุรี รองรับได้ 250 เตียง เปิดให้บริการวันที่ 30 มิถุนายน 
  • โรงแรมเดอะบาซาร์ แบงค็อก ร่วมกับโรงแรมปิยะเวท รองรับได้ 300 เตียง เปิดให้บริการวันที่ 1 กรกฎาคม 
  • โรงแรม S.D. Avenue Hotel ร่วมกับโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รองรับได้ 900 เตียง เปิดให้บริการวันที่ 1 กรกฎาคม 
  • โรงแรม Ibis รามคำแหง ร่วมกับโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รองรับได้ 500 เตียง เปิดให้บริการวันที่ 1 กรกฎาคม 
  • โรงแรม Siam@Siam ร่วมกับโรงพยาบาลธนบุรี รองรับได้ 300 เตียง เปิดให้บริการวันที่ 5 กรกฎาคม 
  • โรงแรมใบหยกสกาย ร่วมกับโรงพยาบาลธนบุรี รองรับได้ 400 เตียง เปิดให้บริการวันที่ 5 กรกฎาคม
  • โรงแรม Grand Howard ร่วมกับโรงแรมธนบุรี รองรับได้ 380 เตียง เปิดให้บริการวันที่ 5 กรกฎาคม
  • ศูนย์ฝึกอบรมสถาบันพัฒนาข้าราชการกรุงเทพมหานคร (หนองจอก) ร่วมกับโรงพยาบาลสหวิทยาการมะลิ รองรับได้ 144 เตียง (อยู่ระหว่างการประสาน) 

 

รวมจำนวนเตียงทั้งหมด 4,424 เตียง โดยในวันพรุ่งนี้ (30 มิถุนายน) จะทยอยย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลสนามราชพิพัฒน์ 1 เขตทวีวัฒนา วันละ 50 ราย มารับการรักษาและสังเกตอาการที่โรงพยาบาล Twin Tower เมื่อย้ายผู้ป่วยครบจะปรับพื้นที่โรงพยาบาลสนามราชพิพัฒน์ 1 ให้เป็นโรงพยาบาลสำหรับรองรับผู้ป่วยที่แสดงอาการ (สีเหลือง) 

 

สำหรับการนำส่งผู้ป่วยเข้าระบบการรักษาในโรงพยาบาล หลังจากนี้เมื่อมีเตียงรองรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ศูนย์เอราวัณจะสามารถนำส่งผู้ป่วยตกค้างในพื้นที่และนำส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาได้ทั้งหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว

 

ทั้งนี้ โรงพยาบาลที่รองรับผู้ป่วยโควิดที่แสดงอาการ (สีเหลืองและสีแดง) กรุงเทพมหานครได้เตรียมสถานที่เพื่อรองรับผู้ป่วย ดังนี้ 

 

  • โรงพยาบาลสนามราชพิพัฒน์ 1 รองรับผู้ป่วยสีเหลือง 150 เตียง ผู้ป่วยสีแดง 40 เตียง เปิดให้บริการวันที่ 10 กรกฎาคม
  • โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน รองรับผู้ป่วยสีเหลือง 140 เตียง ผู้ป่วยสีแดง 16 เตียง เปิดให้บริการวันที่ 10 กรกฎาคม
  • โรงพยาบาลสนามกองทัพบก พื้นที่มณฑลทหารบกที่ 11 รองรับผู้ป่วยสีเหลือง 200 เตียง ผู้ป่วยสีแดง 55 เตียง เปิดให้บริการวันที่ 2 กรกฎาคม

 

รวมจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยสีเหลือง 490 เตียง และเตียงรองรับผู้ป่วยสีแดง 111 เตียง

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

The post กทม. เปิด Hospitel รองรับผู้ป่วยโควิดระดับสีเขียวอีก 4,424 เตียง appeared first on THE STANDARD.

]]>