Gunkul Engineering – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 18 Aug 2023 09:35:07 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘GUNKUL’ อนุมัติจ่ายปันผล 0.06 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 535 ล้านบาท กำหนดจ่าย 18 พ.ค. นี้ ตั้งเป้ารายได้ปี 66 โตไม่ต่ำกว่า 15% https://thestandard.co/gunkul-approves-dividend-payment/ Fri, 21 Apr 2023 09:53:51 +0000 https://thestandard.co/?p=779548 GUNKUL จ่ายปันผล

ผู้ถือหุ้น ‘บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง’ ไฟเขียวจ่ายปันผลจ […]

The post ‘GUNKUL’ อนุมัติจ่ายปันผล 0.06 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 535 ล้านบาท กำหนดจ่าย 18 พ.ค. นี้ ตั้งเป้ารายได้ปี 66 โตไม่ต่ำกว่า 15% appeared first on THE STANDARD.

]]>
GUNKUL จ่ายปันผล

ผู้ถือหุ้น ‘บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง’ ไฟเขียวจ่ายปันผลจากงวดผลงานปี 2565 อัตรา 0.06 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 535 ล้านบาท กำหนดจ่ายเงินวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ ประกาศแผนตั้งเป้ารายได้ปี 2566 โตไม่ต่ำกว่า 15% จากแรงหนุนธุรกิจพลังงาน-รับเหมาก่อสร้างยังสดใส

 

สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า ผลการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ในวันนี้ (21 เมษายน) มีมติอนุมัติให้จ่ายปันผลเป็นเงินสดจากผลการดำเนินงานงวดปี  2565 ในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท รวมมูลค่าไม่เกิน 535 ล้านบาท และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 พฤษภาคม 2566

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 


 

“ด้วยสถานะทางการเงิน และผลการดำเนินงานปี 2565 ที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้” สมบูรณ์กล่าว

 

อย่างไรก็ตามกลุ่ม GUNKUL ยังมองเห็นถึงโอกาสการเติบโตและการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต โดยมีเป้าหมายสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งพลังงานทดแทน ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานและเทคโนโลยี ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า ธุรกิจด้านการบริการก่อสร้างครบวงจร

 

โดยมีความพร้อมทางด้านการเงินที่สามารถรองรับการเติบโตและการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปี 2566 บริษัทมั่นใจในศักยภาพว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งตั้งเป้ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% เนื่องจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ธุรกิจงานรับเหมาก่อสร้างและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) ยังเป็นตัวขับเคลื่อน

The post ‘GUNKUL’ อนุมัติจ่ายปันผล 0.06 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 535 ล้านบาท กำหนดจ่าย 18 พ.ค. นี้ ตั้งเป้ารายได้ปี 66 โตไม่ต่ำกว่า 15% appeared first on THE STANDARD.

]]>
GUNKUL แจงกรณีศาลฯ ถอนโฉนดที่ดิน 32 แปลงที่ตั้งโครงการ ‘วายุวินด์ฟาร์ม’ ยันได้มาอย่างถูกต้อง เล็งยื่นอุทธรณ์ เชื่อไม่ทำโครงการสะดุด https://thestandard.co/gunkul-explains-case-of-land/ Tue, 14 Feb 2023 08:48:33 +0000 https://thestandard.co/?p=750184

บมจ.กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง ยืนยัน ที่ดิน 32 แปลงที่ตั้งโ […]

The post GUNKUL แจงกรณีศาลฯ ถอนโฉนดที่ดิน 32 แปลงที่ตั้งโครงการ ‘วายุวินด์ฟาร์ม’ ยันได้มาอย่างถูกต้อง เล็งยื่นอุทธรณ์ เชื่อไม่ทำโครงการสะดุด appeared first on THE STANDARD.

]]>

บมจ.กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง ยืนยัน ที่ดิน 32 แปลงที่ตั้งโครงการ ‘วายุวินด์ฟาร์ม’ ได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เตรียมยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุดภายใน 30 วัน เชื่อว่าไม่กระทบโครงการจนต้องหยุด แต่ Worst Case โครงการอาจสะดุด ระบุกระทบกำไร 100 ล้านบาทต่อปี

 

โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH กรณีเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 ศาลปกครองนครราชสีมามีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนการออกโฉนดที่ดินจำนวน 32 แปลง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ตั้งโครงการวายุวินด์ฟาร์ม ตำบลห้วยบง อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ของบริษัทย่อยนั้น

 

บริษัทยืนยันว่า การได้มาของที่ดินจำนวน 32 แปลงดังกล่าวได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย โดยบริษัทได้ตรวจสอบความถูกต้องแล้วก่อนการเข้าซื้อที่ดิน และเชื่อมั่นว่า การออกโฉนดที่ดินทั้งหมดได้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องและครบถ้วน โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมยื่นจะใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองนครราชสีมากับศาลปกครองสูงสุดภายใน 30 วัน ตามกรอบเวลา เพราะมีข้อมูลพร้อมอยู่แล้ว

 

สำหรับที่ดิน 32 แปลงดังกล่าวเป็นที่ตั้งของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 60 เมกะวัตต์ของบริษัทร่วมทุนบริษัท พัฒนาพลังงานลม (WED) ซึ่ง บมจ.กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง ถือหุ้นเท่ากันกับ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ที่สัดส่วน 50% แต่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนี้มีหน่วยกังหันผลิตไฟฟ้าที่ตั้งอยู่บนที่ดิน 32 แปลง คิดเป็น 40 เมกะวัตต์ ดังนั้นเมื่อคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นของโครงการนี้จะเป็นส่วนของบริษัทขนาด 20 เมกะวัตต์ 

 

“Worst Case หากโครงการนี้มีปัญหาต้องหยุด ผลกระทบเกิดที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทถือว่าไม่เยอะ เพราะสัดส่วนที่บริษัทถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้านี้ที่ตั้งบนที่ดิน 32 แปลงมีขนาดเพียง 20 เมกะวัตต์ สร้างกำไรกับบริษัทประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งถือว่าไม่ได้มากเมื่อเปรียบกับพอร์ตโรงไฟฟ้ารวมของ GUNKUL ที่มีประมาณ 700 เมกะวัตต์ แต่คิดว่า Worst Case ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะบริษัทมีการดำเนินการอย่างถูกต้องของโฉนดที่ดิน 32 แปลงที่ได้มา หรือหากเกิดกรณีเลวร้ายจริง บริษัทก็สามารถกลับไปขอเช่าเพื่อใช้ที่ดินต่อได้ แต่ระหว่างผลการยื่นอุทธรณ์ โครงการก็ยังสามารถดำเนินการได้ปกติ ยังไม่มีผลกระทบต่อโครงการให้ต้องหยุดลง

 

โศภชากล่าวต่อถึงความคืบหน้าในการเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ที่เปิดประมูลไปเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยแผนการจัดพัฒนาโรงไฟฟ้าของบริษัทสามารถผ่านคุณสมบัติทางเทคนิค มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 800 เมกะวัตต์ ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและโซลาร์ ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศผลผู้ชนะการประมูลอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมนี้

 

ล่าสุด บมจ.กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่มีข่าวปรากฏ เรื่อง ศาลปกครองนครราชสีมามีคำวินิจฉัยพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดิน มีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนการออกโฉนดที่ดินจำนวน 32 แปลง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ตั้งโครงการวายุวินด์ฟาร์ม ตำบลห้วยบง อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ของบริษัท

 

ปัจจุบันคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด โดยทางบริษัทจะใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองนครราชสีมาต่อไป ทั้งนี้ คำพิพากษาของศาลปกครองดังกล่าวจะยังไม่มีการบังคับหรือปฏิบัติตามจนกว่าคดีนี้จะถึงที่สุด เพราะฉะนั้นคำวินิจฉัยของศาลปกครองนครราชสีมาข้างต้นจึงไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทแต่อย่างใด 

 

ทั้งนี้ ทางบริษัทได้สอบทานความถูกต้องแล้วก่อนการเข้าซื้อที่ดิน และเชื่อมั่นว่าการออกโฉนดที่ดินทั้ง 32 แปลงดังกล่าวได้ออกโดยชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บริษัทจึงได้ซื้อที่ดิน 32 แปลงดังกล่าว

 

โดยบริษัทจึงจะใช้สิทธิในการต่อสู้ทางคดีและกระบวนต่างๆ จนถึงที่สุด เพื่อพิสูจน์ความสุจริตและความถูกต้องเป็นธรรมตามกฎหมาย และในปัจจุบันบริษัทยังคงประกอบกิจการผลิตกระแสไฟฟ้าของโครงการดังกล่าวได้ตามปกติ ไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท

 

ด้านราคาหุ้น GUNKUL ปิดการซื้อ-ขายภาคเช้าวันนี้ที่ 4.24 บาท ติดลบ 10.92% และเมื่อเปิดการซื้อ-ขายช่วงบ่าย ราคาก็ยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

The post GUNKUL แจงกรณีศาลฯ ถอนโฉนดที่ดิน 32 แปลงที่ตั้งโครงการ ‘วายุวินด์ฟาร์ม’ ยันได้มาอย่างถูกต้อง เล็งยื่นอุทธรณ์ เชื่อไม่ทำโครงการสะดุด appeared first on THE STANDARD.

]]>
GULF-GUNKUL จับมือตั้งบริษัทร่วมทุนผลิตพลังงานสะอาด วางเป้า 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปี https://thestandard.co/gulf-gunkul-collaborate-with-clean-energy-factory/ Wed, 25 May 2022 12:05:16 +0000 https://thestandard.co/?p=633727 GULF-GUNKUL

บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ประกาศตั้ […]

The post GULF-GUNKUL จับมือตั้งบริษัทร่วมทุนผลิตพลังงานสะอาด วางเป้า 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
GULF-GUNKUL

บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ประกาศตั้งบริษัทร่วมทุนร่วมกับบมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL เดินหน้าผนึกกำลัง มุ่งลงทุนและพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนร่วมกัน ตั้งเป้าภายใน 5 ปีมีกำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์ หวังร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู้เส้นทาง Carbon Neutral ตามแผนพลังงานแห่งชาติ

 

ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ GULF ได้มีมติอนุมัติให้บริษัท กัลฟ์ รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์จี จำกัด (Gulf Renewable Energy) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ GULF ถือหุ้น 100% เข้าลงนามในสัญญาความร่วมมือในการลงทุนและพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน (Joint Venture Agreement) และจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อศึกษาและลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนร่วมกับ GUNKUL 

 

โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าว ทาง Gulf Renewable Energy และ GUNKUL จะถือหุ้นเท่ากันที่ 50% โครงการที่จะเน้นพัฒนา เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้งในและต่างประเทศ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการพลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่นๆ รวมถึงธุรกิจด้านนวัตกรรมพลังงานต่างๆ เช่น ระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้าอัจฉริยะในอนาคต 

 

ความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ถือเป็นการผนึกความแข็งแกร่งของทั้ง 2 กลุ่มบริษัท โดย GULF มีความชำนาญในธุรกิจผลิตไฟฟ้า รวมถึงมีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีความแข็งแกร่งและกว้างขว้างในเครือข่ายทางธุรกิจ ในขณะที่ GUNKUL มีความชำนาญด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนแบบครบวงจร และในด้านการก่อสร้าง 

 

ดังนั้นความร่วมมือดังกล่าวจะเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนของบริษัทร่วมทุน เพื่อบรรลุเป้าหมาย 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปี ซึ่งสอดคล้องกับกรอบแผนพลังงานชาติ ที่มุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2050

 

นอกจากนี้การลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนดังกล่าวยังสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ของ GULF และยังตอบโจทย์ของลูกค้ารายใหญ่อย่างกลุ่มผู้ให้บริการรายใหญ่ (Hyperscaler) ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยมีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามทิศทางพลังงานโลก

 

ด้านนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ สายงานกลยุทธ์การลงทุนและธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน GUNKUL กล่าวว่า ความร่วมมือนี้นับเป็นก้าวที่สำคัญของ GUNKUL ที่จะต่อจิ๊กซอว์ด้านพลังงานให้ครบจนถึงสเกลระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และเป็นเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะทำให้บริษัทร่วมทุนนี้เป็นตัวแทนขับเคลื่อนโครงการพลังงานหมุนเวียนที่มีศักยภาพในอนาคต 

 

โดย GUNKUL มีความตั้งใจที่จะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในและต่างประเทศ และมองว่าประสบการณ์ความชำนาญในด้านธุรกิจสาธารณูปโภค และเครือข่ายธุรกิจของ GULF ผนวกกับความเชี่ยวชาญของ GUNKUL ในการออกแบบและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไฟฟ้าที่ครอบคลุมตั้งแต่โรงไฟฟ้า ระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้า จนถึงผู้ใช้ไฟฟ้าแบบครบวงจร จะขับเคลื่อนให้เกิด Synergy ร่วมกัน และทำให้ภายในปี 2023 GUNKUL สามารถบรรลุเป้าหมายกำลังการผลิตพลังงานสะอาดรวมตามเป้าที่ทางบริษัทได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้

 

นฤชลกล่าวว่า นอกเหนือจากโอกาสที่ทั้ง 2 บริษัทจะร่วมกันเปลี่ยนทุกพื้นที่ให้สามารถเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานสะอาดบนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่รองรับความต้องการการใช้ไฟฟ้าในทุกมิติที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และจะเป็นความร่วมมือที่ไม่ได้จำกัดแค่มิติของสิ่งแวดล้อม แต่รวมไปถึงมิติทางด้านสังคมและเศรษฐกิจผ่านรูปแบบของคาร์บอนเครดิตและใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) เพราะปริมาณคาร์บอนที่ลดได้จากอัตราส่วนของพลังงานสะอาดที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท เชื่อว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและสร้าง Green Energy Landscape ของประเทศให้เป็นจริงขึ้นมาได้

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

The post GULF-GUNKUL จับมือตั้งบริษัทร่วมทุนผลิตพลังงานสะอาด วางเป้า 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ร้อนนี้ติดโซลาร์หั่นค่าไฟ’ แคมเปญดีๆ ที่ SCB จับมือ GUNKUL ชวนเปลี่ยนหลังคาที่ว่างเปล่าให้มีประโยชน์ แถมประหยัดไฟได้สูงสุดถึง 60% ต่อเดือน* https://thestandard.co/scb-gunkul-solar-roof/ Fri, 04 Mar 2022 01:00:11 +0000 https://thestandard.co/?p=600492 SCB GUNKUL

ปลายปี 2564 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให […]

The post ‘ร้อนนี้ติดโซลาร์หั่นค่าไฟ’ แคมเปญดีๆ ที่ SCB จับมือ GUNKUL ชวนเปลี่ยนหลังคาที่ว่างเปล่าให้มีประโยชน์ แถมประหยัดไฟได้สูงสุดถึง 60% ต่อเดือน* appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCB GUNKUL

ปลายปี 2564 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้ปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2565 โดยให้เรียกเก็บที่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.78 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.63 จากงวดปัจจุบัน

 

ต้องหยิบปากกามาวงเป็นตัวใหญ่ๆ เลยว่า การปรับดังกล่าวถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในรอบ 2 ปี หลังจากที่มีการตรึงค่าเอฟทีมาตั้งแต่ช่วงโควิด

 

เทรนด์ค่าไฟฟ้าขาขึ้นทำให้คนไทยหลายคนหันมาค้นหาวิธีที่จะช่วยประหยัดไฟ ซึ่งนอกจากการปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น การหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานแล้ว 

 

‘โซลาร์รูฟ’ กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น เพื่อรับมือกับปัญหาค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได และความต้องการใช้ไฟที่ทวีคูณในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 รวมถึงการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้เห็นยอดการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นจากการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านอยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์มากขึ้น

 

โดย ‘โซลาร์รูฟ’ คือการนำพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาบ้านที่ว่างเปล่ามาทำให้มีประโยชน์ด้วยการผลิตพลังงานไฟฟ้า ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า ตอบโจทย์ค่าใช้จ่ายครัวเรือนให้กับเจ้าของบ้าน หรือลดต้นทุนทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ทั้งยังผลิตพลังงานที่สะอาดรับกับเทรนด์ Net-Zero Carbon แก้ไขปัญหาสภาพสิ่งแวดล้อมระยะยาว 

 

กระนั้นต้นทุนของการติด ‘โซลาร์รูฟ’ อาจกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่แต่ละบ้านและธุรกิจต้องขับคิดถึงความคุ้มค่า แต่ด้วยผลดีที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวที่ดีมากกว่า ดังนั้นปัญหานี้จึงจะหมดไป เมื่อธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB จับมือ กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL ชวนติดโซลาร์รูฟหั่นค่าไฟ เพื่อลูกค้าสินเชื่อบ้าน และลูกค้าทั่วไปของไทยพาณิชย์ ที่สนใจติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์รูฟ) เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าไฟ เตรียมรับหน้าร้อนที่จะถึงนี้

 

SCB จับมือ GANKUL จัดทำแคมเปญ ‘ร้อนนี้ติดโซลาร์หั่นค่าไฟ’ โดยลูกค้าที่สนใจติดตั้งโซลาร์รูฟกับกันกุลฯ ตั้งแต่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2565 รับส่วนลดสูงสุด 59,900 บาท พร้อมบริการฟรีค่าสำรวจหน้างาน และรับประกันการติดตั้ง 2 ปี

 

ทาง SCB ยังได้อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเลือกชำระค่าติดตั้งโซลาร์รูฟได้หลายวิธี เช่น โอนจ่ายเต็มจำนวนผ่านแอปพลิเคชัน SCB EASY หรือรูดจ่ายเต็มจำนวนผ่านบัตรเครดิต SCB ทุกประเภท หรือผ่อนชำระเท่าเดิมไม่เพิ่มภาระด้วยสินเชื่อบ้านได้เพิ่ม สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้านและสินเชื่อบ้านคือเงิน

 

“คาดว่ากลุ่มลูกค้าที่มีค่าใช้จ่ายค่าไฟต่อเดือนอยู่ที่ 3,000 บาทขึ้นไปจะให้ความสนใจโซลูชันดังกล่าว เพราะสามารถช่วยประหยัดค่าไฟได้สูงสุด 60% ต่อเดือน* และยังช่วยลูกค้าเพิ่มรายได้อีกทาง โดยกรณีลูกค้ามีไฟฟ้าส่วนที่เหลือใช้ สามารถนำมาขายไฟให้แก่ภาครัฐ โดยกันกุลฯ จะเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการประสานงานกับภาครัฐให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการดังกล่าวอีกด้วย” อรรัตน์ ชุติมิต รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Retail and Business Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าว

 

SCB GUNKUL

 

ขณะที่ นฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ สายงานกลยุทธ์การลงทุนและธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และกรรมการบริษัท บริษัท กันกุล โซลาร์ คอมมูนิตี้ จำกัด หรือ GRoof ผู้ให้บริการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปครบวงจร กล่าวว่า การร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำอย่างธนาคารไทยพาณิชย์ในครั้งนี้จะเป็นการสร้างทางเลือกเพิ่มการเข้าถึง เพื่อยกระดับผู้ใช้ไฟในวันนี้ให้เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าด้วยตัวเองจากโซลาร์รูฟ ผ่านบริการด้านการเงินที่หลากหลาย อย่างผ่อนพร้อมสินเชื่อบ้านและอื่นๆ ที่ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องลงทุนเงินก้อน แต่เลือกชำระในแบบที่เหมาะกับตัวเองที่สุด

 

“โดยปล่อยให้หน้าที่ในการออกแบบ จัดหาอุปกรณ์และติดตั้ง เป็นหน้าที่ของ GRoof ด้วยประสบการณ์การติดตั้งกว่า 200 หลังคาเรือน ได้รับความไว้วางใจจากหลากหลายอุตสาหกรรม รวมกำลังการติดตั้งกว่า 100 MW”

 

ซึ่ง GUNKUL นั้นให้ความสำคัญกับมาตรฐานการให้บริการด้วยอุปกรณ์ เช่น แผงโซลาร์เซลล์และอินเวอร์เตอร์จากแบรนด์ระดับโลก เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัย พร้อมทีมงานวิศวกรและทีมลูกค้าสัมพันธ์ของกันกุล โซลาร์ คอมมูนิตี้ ที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาดูแลลูกค้าตลอดเส้นทางพลังงานสะอาดของคุณ ครอบคลุมไปจนบริการหลังการขาย

 

SCB GUNKUL

 

สำหรับผู้ที่สนใจรับสิทธิพิเศษสามารถลงทะเบียนรับสิทธิได้ที่ https://bit.ly/34HLice   

 

*หมายเหตุ: ประหยัดค่าไฟต่อเดือนสูงสุด 60% ข้อมูลอ้างอิงจากการมอนิเตอร์ผู้ใช้งานจริง 200 คน ผ่านแอปพลิเคชัน FusionSolar ของ Huawei โดยมูลค่าการประหยัดต่อเดือนขึ้นอยู่ปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับสภาพแสงแดด พื้นที่การติดตั้งที่เหมาะสม ขนาดระบบโซลาร์รูฟ ช่วงเวลาการใช้ไฟฟ้า ฯลฯ 

 

อ้างอิง:

The post ‘ร้อนนี้ติดโซลาร์หั่นค่าไฟ’ แคมเปญดีๆ ที่ SCB จับมือ GUNKUL ชวนเปลี่ยนหลังคาที่ว่างเปล่าให้มีประโยชน์ แถมประหยัดไฟได้สูงสุดถึง 60% ต่อเดือน* appeared first on THE STANDARD.

]]>
กลุ่ม JMART ยกระดับธุรกิจสู่ Technology Investment Holding Company ผลักดันกำไรปีนี้ขยายตัวมากกว่า 50% https://thestandard.co/jmart-move-into-technology-investment-holding-company/ Wed, 05 Jan 2022 07:33:56 +0000 https://thestandard.co/?p=579206 JMART

กลุ่ม JMART ประกาศวิสัยทัศน์ธุรกิจก้าวสู่ Technology In […]

The post กลุ่ม JMART ยกระดับธุรกิจสู่ Technology Investment Holding Company ผลักดันกำไรปีนี้ขยายตัวมากกว่า 50% appeared first on THE STANDARD.

]]>
JMART

กลุ่ม JMART ประกาศวิสัยทัศน์ธุรกิจก้าวสู่ Technology Investment Holding Company (T-IHC) ดันกำไร All Time High ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว เผยธุรกิจค้าปลีกและการเงินเป็นตัวชูโรง เตรียมปิดดีลเพิ่มอีก 2-3 ดีลในปีนี้  

 

ปี 2564 กลุ่ม JMART มีความโดดเด่นเรื่องการปรับตัวสู่ดิจิทัล และมีการจับมือกับพันธมิตรมากมาย เช่น บริษัท KB Kookmin Card – TIS Inc. และบริษัทภายใต้กลุ่ม BTS อย่าง บมจ.วีจีไอ (VGI) และ บมจ.ยู ซิตี้ (U) อีกทั้งยังได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ขณะที่ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) อยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุนกับบริษัทลูกของธนาคารกสิกรไทย (KBANK)

 

อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ มาร์ท (JMART) กล่าวว่า ปี 2564 กลุ่มบริษัทสามารถเดินหน้าขยายการเติบโตได้ตามเป้าหมาย ทำผลงาน All Time High ได้ต่อเนื่อง เป็นผลจากการผนึกกำลังในเครือและการจับมือพันธมิตรรายใหม่ ทำให้ Ecosystem ในด้านธุรกิจค้าปลีก (Commerce) และธุรกิจการเงิน (Finance) จะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม 

 

สำหรับปี 2565 วางกลยุทธ์ทรานส์ฟอร์มธุรกิจจาก Investment Holding Company เป็น Technology Investment Holding Company อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะผลักดันให้กำไรเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% ตามเป้าหมาย โดยจะเน้นการสร้าง Synergy ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและการเงินที่มีเทคโนโลยีและ Blockchain และ Big Data เป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันการเติบโต 

 

ขณะเดียวกันจะสานต่อแผนธุรกิจกับพันธมิตรที่จับมือกันตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยเฉพาะ BTS Group ที่คาดว่าจะเห็นเมกะโปรเจกต์ร่วมกันมากขึ้น นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหม่ที่เป็นแพลตฟอร์มด้านค้าปลีกและการเงิน คาดว่าจะได้เห็นความร่วมมือที่เกิดขึ้นในปีนี้อีก 2-3 ดีล โดยโปรเจกต์แรกที่คาดว่าจะประกาศเร็วๆ นี้จะเป็นพันธมิตรในกลุ่มอุตสาหกรรมด้านค้าปลีกและการเงินที่ต่อยอดการเติบโตของบริษัท

 

สุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจบริหารหนี้มีการเติบโตชัดเจน ในปี 2565 มองว่า สถาบันการเงินจะมีการขายหนี้ออกมาจำนวนมาก หลังลูกค้าได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด จึงวางงบซื้อหนี้ด้อยคุณภาพในปี 2565 ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท เงินลงทุนมาจากการเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุน ทั้งนี้ JMT ตั้งเป้าหมายกำไรเติบโตในระดับ 45% ทำนิวไฮต่อ จากการซื้อหนี้เข้ามาบริหารและการเก็บเงินสด (Cash Collection) สูงขึ้น 

 

และล่าสุด JMT ได้ร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุนกับบริษัทลูกของ KBANK เพื่อประกอบธุรกิจบริการงานติดตามหนี้และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ซึ่งคาดว่าจะเห็นการต่อยอดธุรกิจเพิ่มเติมจากธุรกิจปัจจุบันของของ JMT ผ่านการจับมือพันธมิตรรายใหม่เพิ่มเติมในปีนี้  

 

กิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) กล่าวว่า ในปี 2565 จะเป็นปีที่ผลประกอบการ All Time High ได้ต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายการเติบโตของกำไรสุทธิ 75% จากปี 2564 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จทำกำไรสูงสุดตลอดกาล โดยมีการขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase: HP) และพอร์ตสินเชื่อรถทำเงิน (C4C) เติบโตทะลุเป้าหมาย 10,500 ล้านบาท 

 

ในปี 2565 SINGER คาดว่าจะมีพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 15,500 ล้านบาท และวางเป้าหมายขยายสาขาและแฟรนไชส์รวมกัน 7,000 แห่ง เพื่อเป็นฐานในการบุกตลาดค้าปลีกที่แข็งแกร่งที่สุด นอกจากนี้ยังมีการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มเติมร่วมกับ BTS Group และพันธมิตร นอกจากนี้บริษัท เอสจี แคปปิตอล (SGC) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SINGER จะเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2565 นี้ 

 

สุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท (J) กล่าวว่า แผนธุรกิจปีนี้จะเน้นการขยายพื้นที่เช่าและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดย ณ สิ้นปี 2564 J มี IT Junction, ธุรกิจศูนย์การค้าคอมมูนิตี้มอลล์ จำนวน 5 แห่ง และมีอัตราเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) อยู่ในระดับสูงกว่า 95% โดยตั้งเป้าจะมีพื้นที่ให้เช่า 100,000 ตารางเมตร ภายใน 3 ปี และล่าสุด J ได้เข้าสู่ธุรกิจ Health Care and Service สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ ภายใต้แบรนด์ SENERA โดยจะเปิดให้บริการที่ศูนย์การค้าชุมชน JAS GREEN VILLAGE – KUBON ที่แรกภายในสิ้นปี 2565 และจะขยายเพิ่มเป็น 10 แห่ง ภายใน 3 ปี 

 

ด้าน นราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจ Device และอุปกรณ์ไอที ในปี 2565 จะเติบโตอย่างมาก โดยตั้งเป้ารายได้เติบโต 50% หรือแตะ 12,500 ล้านบาท และกำไรเติบโตเท่าตัว ผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นมาจากการบริหารจัดการภายในที่ดี รวมทั้งปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจภายใต้สถานการณ์โควิด 

 

ขณะที่ จองวอนซ็อก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคบีเจ แคปปิตอล จำกัด (KBJ) ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ กล่าวว่า ปี 2565 บริษัทจะขยายการปล่อยสินเชื่อให้ได้มากกว่า 2 เท่าของปี 2564 โดยได้เปิดตัว Cash Card ชื่อว่า KashJoy Easy Card ซึ่งจะทำให้เข้าถึงผู้บริโภคในประเทศไทยได้มากขึ้น โดยจะนำเอาเทคโนโลยีในการดำเนินงานทางด้านการเงินจากประเทศเกาหลีใต้เข้ามาปรับใช้ในธุรกิจให้ได้มากที่สุด 

 

ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (J VENTURE) ซึ่งเป็นบริษัทแกนหลักด้านเทคโนโลยี กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าขับเคลื่อนเทคโนโลยีและบล็อกเชนใช้ในการพัฒนา Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) และผสานพลัง Synergy ภายในกลุ่ม JMART โดยมี JFIN ซึ่งเป็น Utility Token ในการจัดทำกิจกรรม JFIN Adoption หรือโปรโมชันต่างๆ รวมทั้งใช้ในกลุ่มพันธมิตรที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ เช่น OneSiam และ SF 

 

ด้านความร่วมมือกับ BTS Group คาดว่าจะได้เห็นความร่วมมือกับ JFIN ไตรมาส 1 ปีนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และมุ่งสู่ JFIN Mass Adoption ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีผู้ใช้งาน JFIN เพิ่มขึ้นในอนาคต รวมทั้งการเปิดตัว JNFT Marketplace แพลตฟอร์ม NFT ที่เดินหน้าสนับสนุนให้นักสร้างสรรค์ชาวไทยมีโอกาสผลิตผลงานในรูปแบบดิจิทัลได้ง่ายขึ้น และเป็นโอกาสสร้างรายได้ในอนาคตเช่นกัน 

 

ปัจจุบัน JMART ดำเนินธุรกิจบริษัทโฮลดิ้งที่ลงทุนในบริษัทย่อยที่มีศักยภาพ มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจค้าปลีก การเงิน และเทคโนโลยี โดยกลุ่มบริษัทประกอบด้วย 

 

  1. บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT)
  2. บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) (J)
  3. บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด (Jaymart Mobile)
  4. บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (J Ventures)
  5. บริษัท บีนส์แอนด์บราวน์ จำกัด (Beans and Brown)
  6. บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จํากัด (KBJ)
  7. บริษัท เจมาร์ท ประกันภัย จำกัด (มหาชน) (Jaymart Insurance)
  8. บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (SINGER)
  9. บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (SGC)
  10. บริษัท เอสจี โบรคเกอร์ จำกัด (SG Broker) 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

The post กลุ่ม JMART ยกระดับธุรกิจสู่ Technology Investment Holding Company ผลักดันกำไรปีนี้ขยายตัวมากกว่า 50% appeared first on THE STANDARD.

]]>
5 อันดับหุ้น SET100 ที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุดและน้อยที่สุดประจำปี 2564 https://thestandard.co/market-focus-5-set100-stocks-withhighest-and-lowest-returns/ Thu, 30 Dec 2021 11:29:23 +0000 https://thestandard.co/?p=577900 SET100

SCBS ได้รวบรวม 5 อันดับหุ้นใน SET100 ที่ให้ผลตอบแทนมากท […]

The post 5 อันดับหุ้น SET100 ที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุดและน้อยที่สุดประจำปี 2564 appeared first on THE STANDARD.

]]>
SET100

SCBS ได้รวบรวม 5 อันดับหุ้นใน SET100 ที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุดและน้อยที่สุดประจำปี 2564 ดังนี้

 

หุ้น SET100 ที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุด 5 อันดับ:

  1. บมจ.เจ มาร์ท (JMART) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 178% สู่ระดับ 55.50 บาท หลังบริษัทประกาศแผน 5 ปี (2564-2568) ผลการดำเนินงานเติบโตเฉลี่ยปีละ 50% โดยมาจากทุกกลุ่มธุรกิจที่จะมีการเติบโตและมีการสร้างผลประโยชน์ร่วมกันในกลุ่ม โดยกำไรสุทธิ 9M64 เพิ่มขึ้น 59%YoY สู่ระดับ 836 ล้านบาท จาก 527 ล้านบาทใน 9M63 นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับกลุ่ม บมจ.บีทีเอส โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป (BTS) หลัง BTS เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน JMART ซึ่งมีโอกาสเกิด Synergy ต่างๆ เช่น การขยายสาขา JMART ในสถานีรถไฟฟ้า, การขยายธุรกิจ E-Commerce ร่วมกับ KEX เป็นต้น รวมถึง JMART ยังได้ร่วมมือกับ บมจ.กัลกุล เอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Solar Rooftop, สถานีชาร์จรถไฟฟ้า, กัญชง กัญชา เพื่อสุขภาพ และจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าและโซลาร์โซลูชัน

 

  1. บมจ.อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 140% สู่ระดับ 22.30 บาท หลังบริษัทเปิดเผยว่า จะสามารถจำหน่ายสารสกัด CBD จากกัญชงได้ภายใน 4Q64 รวมถึงบริษัทได้ปิดดีลขายโรงแรม 2 แห่ง มูลค่ารวม 272 ล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทหมดภาระตั้งด้อยค่าสินทรัพย์

 

  1. บมจ.ซินเน็ค ประเทศไทย (SYNEX) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 135% สู่ระดับ 33.25 บาท โดยได้อานิสงส์จากการ Work from Home หลังการระบาดของโควิดระลอก 3 ส่งผลให้ยอดขายสินค้าไอทีอย่างโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังได้อานิสงส์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่ม 5G นอกจากนี้บริษัทได้ปรับกลยุทธ์เพิ่มพอร์ตสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น กลุ่มสินค้า, กลุ่มเกมมิ่ง, กลุ่มสุขภาพ หรือ Smart Health และสินค้ากลุ่ม IoT

 

  1. บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 124% สู่ระดับ 89.25 บาท หลังผลการดำเนินงานปี 2564 มีโอกาสฟื้นตัวสูงกว่าในปี 2562 จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์และอุปกรณ์สื่อสาร นอกจากนี้บริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์การจัดการพลังงานซิลิคอนและซิลิคอนคาร์ไบด์ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและเครื่องชาร์จพลังงานไฟฟ้า

 

  1. บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 122% สู่ระดับ 5.60 บาท โดยบริษัทวางแผนปลูกกัญชา กัญชง จำนวนพื้นที่ 5,000 ไร่ และตั้งโรงงานสกัดสาร CBD นอกจากนี้รายได้จากการขายไฟฟ้า 9M64 เติบโตดีขึ้นจากการรับรู้โครงการใหม่ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในต่างประเทศ รวมถึงผลการดำเนินงานที่กลับมาปกติของโรงไฟฟ้าพลังงานลม

 

หุ้น SET100 ที่ให้ผลตอบแทนน้อยที่สุด 5 อันดับ:

  1. บมจ.ทีคิวเอ็ม คอปอเรชั่น (TQM) ราคาหุ้นปรับตัวลง 28% สู่ระดับ 96.75 บาท โดยกลุ่มบริษัทประกันได้เลิกขายประกันโควิดหลังการแพร่ระบาดระลอก 3 รุนแรงขึ้น ทำให้ยอดเคลมประกันสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ยอดขายประกันโควิดหายไป ขณะที่รายได้ค่านายหน้าจากการขายประกันรถยนต์ชะลอลงตามยอดขายรถใหม่ในประเทศที่ลดลง

 

  1. ราคาหุ้น บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) ปรับตัวลง 27% สู่ระดับ 7.55 บาท บริษัทปรับลดเป้าหมายรายได้ปี 2564 ลงจากการระบาดของโควิดระลอก 3 รวมถึงยอดขายในต่างประเทศหลักๆ คือจีน ปรับตัวลดลง

 

  1. ราคาหุ้น บมจ.พริมา มารีน (PRM) ปรับตัวลง 25% สู่ระดับ 6.00 บาท หลังจากผลการดำเนินงานใน 2H64 มีแนวโน้มไม่ฟื้นตัว HoH อย่างที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเรือขนส่งและกักเก็บน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปลดลง

 

  1. ราคาหุ้น มจ.ศรีตรังโกลฟส์ ประเทศไทย (STGT) ปรับตัวลง 21% สู่ระดับ 30.00 บาท หลังสถานการณ์โควิดทั่วโลกเริ่มคลี่คลายลง ส่งผลให้เกิดความกังวลอุปสงค์ถุงมือยางในอนาคตชะลอลง

 

  1. ราคาหุ้น บมจ.บี.กรีม เพาเวอร์ (BGRIM) ปรับตัวลง 18% สู่ระดับ 40.00 บาท โดยบริษัทได้ชะลอแผนการพัฒนาโรงไฟฟ้าในเมียนมาหลังเกิดรัฐประหารในเมียนมา รวมถึงต้นทุนก๊าซธรรมชาติปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่สถานการณ์โควิดในเวียดนามทำให้การเรียกจ่ายไฟฟ้าลดลง 

 

หมายเหตุ: ข้อมูลราคา ณ วันที่ 29 ธันวาคม 2564

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post 5 อันดับหุ้น SET100 ที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุดและน้อยที่สุดประจำปี 2564 appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘GUNKUL’ ทุ่ม 250 ล้านบาท ถือหุ้นใน THCG สัดส่วน 50% หวังปั้นธุรกิจกัญชง-กัญชา ขึ้นแท่น New S-Curve https://thestandard.co/gunkul-invest-250-million-baht-on-thcg/ Thu, 07 Oct 2021 03:40:57 +0000 https://thestandard.co/?p=545631 gunkul

บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL ทุ่มงบ 250 ล้านบาท […]

The post ‘GUNKUL’ ทุ่ม 250 ล้านบาท ถือหุ้นใน THCG สัดส่วน 50% หวังปั้นธุรกิจกัญชง-กัญชา ขึ้นแท่น New S-Curve appeared first on THE STANDARD.

]]>
gunkul

บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL ทุ่มงบ 250 ล้านบาท เพื่อเข้าถือหุ้น 50% และเพิ่มทุนในหุ้นบุริมสิทธิ บริษัท ทีเอชซีจี กรุ๊ป จำกัด หรือ ‘THCG’ ลุยธุรกิจปลูกและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชา เผยรับรู้รายได้ทันทีหลังเข้าลงทุน

 

GUNKUL แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า วันนี้ (7 ตุลาคม) บริษัท จี.เค.เฮมพ์ กรุ๊ป จำกัด (GKHG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญ 50% และเข้าเพิ่มทุนประเภทหุ้นบุริมสิทธิของ THCG เพื่อดำเนินธุรกิจการปลูกกัญชงและกัญชา เพื่อการจำหน่าย รวมถึงการผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกัญชงและกัญชา มีมูลค่าการเข้าลงทุนครั้งนี้ไม่เกิน 250 ล้านบาท

 

THCG ดำเนินธุรกิจลงทุนในสินทรัพย์และให้คำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจการปลูกกัญชงและกัญชา จำหน่ายกัญชงและกัญชา รวมถึงการผลิตและจำหน่ายสินค้าที่ได้จากกัญชงและกัญชา และการเป็นคู่สัญญากับทางภาครัฐและเอกชน โดยมีโครงการที่มีใบอนุญาตและดำเนินการอยู่ได้แก่ โครงการแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โครงการเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ และโครงการหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์

 

การลงทุนครั้งนี้เป็นการส่งเสริมการเติบโตของ GUNKUL ทั้งในด้านสินทรัพย์และผลประกอบการ เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวถือเป็น New S-Curve ที่ GUNKUL มีความตั้งใจที่จะร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจกัญชง-กัญชาตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

 

GUNKUL เห็นว่าธุรกิจดังกล่าวสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านการลงทุนในกิจการดูแลส่งเสริมสุขภาพ อีกทั้งเชื่อมโยงไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่สามารถต่อยอดไปเป็นผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์ด้านอาหารและยา รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ เป็นต้น

 

โดย GUNKUL สามารถรับรู้รายได้และผลตอบแทนจากการประกอบกิจการดังกล่าวนับตั้งแต่การเข้าลงทุน โดยคำนึงถึงผลตอบแทนการเข้าลงทุนตามเกณฑ์นโยบายของบริษัท

 

ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นล่าสุดวันนี้ ราคาหุ้นเปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่ 5.35 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 0.93% จากวันก่อนหน้า

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

The post ‘GUNKUL’ ทุ่ม 250 ล้านบาท ถือหุ้นใน THCG สัดส่วน 50% หวังปั้นธุรกิจกัญชง-กัญชา ขึ้นแท่น New S-Curve appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ORI-GUNKUL’ ร่วมทุน ลุย Solar Rooftop และ EV Charger ในโครงการคอนโด-บ้านเดี่ยว https://thestandard.co/ori-gunkul-join-venture-on-solar-rooftop-and-ev-charger-for-houses-and-condominiums/ Fri, 16 Jul 2021 03:02:27 +0000 https://thestandard.co/?p=513283 ORI-GUNKUL

บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI จับมือ บมจ.กันกุลเอ […]

The post ‘ORI-GUNKUL’ ร่วมทุน ลุย Solar Rooftop และ EV Charger ในโครงการคอนโด-บ้านเดี่ยว appeared first on THE STANDARD.

]]>
ORI-GUNKUL

บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI จับมือ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL ตั้งบริษัทร่วมทุน ชื่อว่า บริษัท ออริจิ้น กันกุล เอ็นเนอร์ยี จำกัด เพื่อรุก 3 ธุรกิจพลังงานทดแทน-พลังงานสะอาดในที่อยู่อาศัย ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้บริโภคอย่างยั่งยืน เตรียมลุยธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Private PPA ในคอนโดมิเนียมภายในไตรมาส 3/64 

 

พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นหาโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างการเติบโตภายใต้วิสัยทัศน์ ORIGIN NEXT LEVEL อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ร่วมลงนามสัญญาการร่วมทุน (Joint Venture Agreement หรือ JVA) กับ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทดแทนแบบครบวงจรและธุรกิจระบบไฟฟ้า เตรียมจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อบริษัท ออริจิ้น กันกุล เอ็นเนอร์ยี จำกัด เพื่อร่วมกันดำเนินกิจการด้านพลังงานทดแทน/พลังงานสะอาดในโครงการที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) สอดรับเมกะเทรนด์ของโลกในสัดส่วนการร่วมทุน 50:50 เตรียมพัฒนาต่อยอดสู่โครงการที่อยู่อาศัยในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้เป็นครั้งแรก โดยอยู่ระหว่างการรอจดทะเบียนจัดตั้ง 

 

ทั้งนี้ บริษัท ออริจิ้น กันกุล เอ็นเนอร์ยี จำกัด มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 100,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โครงสร้างการถือหุ้น ออริจิ้น เอ็นเนอร์ยี ถือหุ้น 49.99% พีระพงศ์ จรูญเอก ถือหุ้น 0.01% ฟิวเจอร์ เอ็นเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น ถือหุ้น 49.99% และ นฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ 0.01%

 

บริษัท ออริจิ้น กันกุล เอ็นเนอร์ยี จำกัด จะดำเนินกิจการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ใน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 

 

  1. ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Private PPA (Power Purchase Agreement) โดยจะติดตั้ง Solar Rooftop พร้อมอุปกรณ์ และบริการดูแลรักษาตลอดสัญญา เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าจำหน่ายภายในพื้นที่ส่วนกลางโครงการคอนโดมิเนียมที่แล้วเสร็จ ซึ่งอัตราค่าไฟฟ้าจากระบบดังกล่าวจะมีราคาถูกกว่าอัตราค่าไฟฟ้าทั่วไป ช่วยลดภาระค่าสาธารณูปโภคส่วนกลางในแต่ละโครงการ นำร่องติดตั้งและให้บริการภายในไตรมาส 3/64 นี้ 

 

  1. ธุรกิจติดตั้งและเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (PARITY) ในกลุ่มโครงการบ้านจัดสรร ด้วยการติดตั้ง Solar Rooftop พร้อมวางระบบเชื่อมต่อทั่วทั้งโครงการ เพื่อให้ลูกบ้านสามารถประมูลซื้อขายพลังงานไฟฟ้าระหว่างกันได้ (Peer-to-Peer Energy Trading) ในราคาที่ถูกกว่าอัตราค่าไฟฟ้าทั่วไป ทั้งยังช่วยสร้างมูลค่าให้พลังงานไฟฟ้าส่วนเกินที่อาจเหลือทิ้งกลับกลายเป็นรายได้สู่ลูกบ้าน 

 

  1. ธุรกิจติดตั้งและบริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger Station) สำหรับโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งเบื้องต้นกำลังอยู่ระหว่างการวางแผนการดำเนินงานร่วมกัน 

 

“ทิศทางของโลกในอนาคตจะหันมาใช้พลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดต่างๆ ในชีวิตประจำวันมากขึ้น แต่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยเราเอง ตอนนี้ยังไม่มีใครที่ลุกขึ้นมาขานรับเมกะเทรนด์นี้เพื่อผู้บริโภคอย่างจริงจัง เราจึงมองหาพันธมิตรที่แข็งแกร่งด้านพลังงานสะอาด และมีวิสัยทัศน์สอดคล้องกันอย่างกันกุลเอ็นจิเนียริ่ง เพื่อก้าวเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่ต่อยอดธุรกิจด้านพลังงานสะอาดในที่อยู่อาศัยให้สอดรับเมกะเทรนด์ด้านความยั่งยืน สร้างมูลค่าเพิ่มให้ทรัพย์สินในอนาคต ควบคู่กับการมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวแก่ลูกบ้าน” พีระพงศ์กล่าว

 

สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GUNKUL กล่าวว่า ความร่วมมือกับเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่เชื่อมวงการอสังหาริมทรัพย์เข้ากับวงการพลังงานทดแทน ที่ไม่ใช่แค่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงการใช้พลังงานสะอาดได้ง่ายขึ้น แต่ยังเป็นการตอบโจทย์เมกะเทรนด์ด้านความยั่งยืน ผ่านนวัตกรรมและบริการที่อำนวยความสะดวกเพื่อต่อยอดคุณภาพชีวิตภายในโครงการที่อยู่อาศัย 

 

“ความร่วมมือระหว่างเรากับออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ในครั้งนี้คือวิสัยทัศน์ในการขยายธุรกิจใหม่ๆ เพื่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่ช่วยขยายโอกาสในการสร้าง Energy Awareness เพิ่มความตระหนักรู้และตัวเลือกในการเข้าถึงพลังงานที่จะช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนเมืองโดยไร้ข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ ออกมาเป็นรูปแบบของ ENERGY x URBAN LIVING Solution” สมบูรณ์กล่าว 

The post ‘ORI-GUNKUL’ ร่วมทุน ลุย Solar Rooftop และ EV Charger ในโครงการคอนโด-บ้านเดี่ยว appeared first on THE STANDARD.

]]>
GUNKUL ในวันที่ราคาหุ้น All Time High! ตั้งเป้าธุรกิจไฟฟ้าโตอย่างน้อย 15% ต่อปี ส่วนธุรกิจกัญชงอาจเห็น Synergy กับ COM7 https://thestandard.co/gunkul-stock-price-all-time-high/ Wed, 23 Jun 2021 01:00:57 +0000 https://thestandard.co/?p=503501 หุ้น GUNKUL

ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ บมจ.กันกุลเอ็นจิ […]

The post GUNKUL ในวันที่ราคาหุ้น All Time High! ตั้งเป้าธุรกิจไฟฟ้าโตอย่างน้อย 15% ต่อปี ส่วนธุรกิจกัญชงอาจเห็น Synergy กับ COM7 appeared first on THE STANDARD.

]]>
หุ้น GUNKUL

ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เป็นหนึ่งในหุ้นที่ปรับขึ้นได้ค่อนข้างโดดเด่น โดยราคาขยับขึ้นมาเกือบ 40% จนสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่หลังพุ่งทะลุ 4.71 บาท (ราคาหุ้นหลังรวมผลของการ Dilute แล้ว) 

 

ธุรกิจหลักของ GUNKUL คือโรงไฟฟ้า ทั้งในส่วนของการเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าเอง และรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า ขณะเดียวกันปัจจัยบวกอย่างหนึ่งที่หนุนให้ราคาหุ้น GUNKUL เป็นที่สนใจในระยะหลัง คงหนีไม่พ้นการประกาศรุกธุรกิจเกี่ยวกับกัญชงอย่างจริงจัง 

 

โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหารของ GUNKUL เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจไฟฟ้ายังคงเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ซึ่งยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในระยะ 3-5 ปีข้างหน้านี้ 

 

“ปีนี้บริษัทคาดหวังว่าจะเห็นรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาทจากการเติบโตของธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งอย่างน้อยจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี แต่การขยายโรงไฟฟ้าในปัจจุบันจะเห็นการเติบโตจากต่างประเทศในอัตราที่สูงกว่า” 

 

ที่ผ่านมาจะเห็นว่าแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) เลื่อนมาตลอดหรือเปิดเพิ่มน้อยมาก ทำให้หลายบริษัทในธุรกิจนี้ขยายไปต่างประเทศ รวมถึงการขยายไปให้บริการกับภาคเอกชนแทน ด้วยต้นทุนที่ต่ำลงของโซลาร์ ทำให้บริษัทสามารถขายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ได้แล้ว 

 

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ในประเทศยังคงสูงกว่าต่างประเทศ ขณะที่กำลังการผลิตต่างประเทศอยู่ที่ราว 270 เมกะวัตต์ ส่วนในประเทศอยู่ที่กว่า 400 เมกะวัตต์ แต่ด้วยเงินอุดหนุนในประเทศที่สูงกว่า ทำให้รายได้จากในประเทศยังสูงกว่ามาก แต่การขยายตัวของธุรกิจต่างประเทศจะดีกว่า 

 

“อย่างปีก่อนบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มจากต่างประเทศ 160 เมกะวัตต์ ขณะที่ในประเทศเพิ่มจากการทำกับภาคเอกชน 50 เมกะวัตต์ ส่วนการได้ใบอนุญาตจากภาครัฐไม่มีเลย” 

 

ที่ผ่านมาเราได้เข้าไปให้บริการติดตั้งไฟฟ้ากับภาคเอกชนมากขึ้น เช่น ต้นปีที่ผ่านมาร่วมกับ CJ Express สำหรับติดโซลาร์บนหลังคาของสาขากว่า 500 แห่ง หรือติดโซลาร์กับโรงงานของซีพีกว่า 20 โครงการ รวมถึงร่วมกับโฮมโปรอีก 18 สาขา 

 

“ในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าจะมี EBITDA ไม่ต่ำกว่า 6,500 ล้านบาท ภายใต้งบลงทุน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทยังมีสภาพคล่องค่อนข้างมาก และยังมีวงเงินกับธนาคารอีกราว 1.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ IBD/EBITDA ยังอยู่ที่เพียง 1.4 เท่า จากเพดานที่ 3 เท่า” 

 

นอกจากธุรกิจไฟฟ้าแล้ว ธุรกิจ ‘กัญชง’ คือสิ่งที่จะเริ่มต้นในปีนี้ ซึ่งบริษัทตั้งใจจะทำตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ คือลงมือปลูกในเฟสแรก 50 ไร่ และจะขยายเป็น 150 ไร่ ภายในประมาณ 1 ปีครึ่ง หลังจากนั้นคือการสกัดและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูป 

 

“ตอนนี้บริษัทได้เตรียมที่ดินและโรงเรือนเพาะปลูกไว้แล้ว รอเพียงใบอนุญาตในการปลูก ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในอีกไม่นาน และน่าจะเริ่มเห็นช่อดอกในปีนี้” 

 

สำหรับรายได้จากกัญชงนี้ บริษัทยังไม่ได้รวมเข้ามาไว้ในเป้าหมายที่กล่าวไปข้างต้น เพราะยังคาดการณ์ได้ยากเกี่ยวกับราคาขาย แต่บริษัทคาดหวังว่าธุรกิจกัญชงจะเข้ามาช่วยเสริมอัตรากำไรของบริษัทให้ดีขึ้น 

 

ทั้งนี้ ช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งในส่วนนี้ผู้บริหารของ GUNKUL บอกว่า มีโอกาสที่จะได้เห็นการร่วมธุรกิจกันระหว่าง GUNKUL และ COM7 ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์ไอทีที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ 

 

โดยล่าสุด ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ COM7 อย่าง สุระ คณิตทวีกุล ได้เข้ามาถือหุ้น GUNKUL ในระดับ 200-300 ล้านหุ้น 

 

“ในอนาคตมีโอกาสที่จะเห็นการ Synergy ทางธุรกิจระหว่าง GUNKUL และ COM7 ด้วยจุดแข็งของ COM7 ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งมีโอกาสที่ผลิตภัณฑ์ในอนาคตของ GUNKUL จะขายผ่านสาขาของ COM7” 

 

ในมุมของราคาหุ้น GUNKUL ที่ขยับขึ้นมาทำจุดสูงสุดที่ระดับ 5.10 บาท เป็นระดับที่อาจจะเรียกได้ว่าสูงกว่าราคาพื้นฐานจากการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ส่วนมากไปแล้ว 

 

ด้าน สุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร COM7 เปิดเผยว่า การลงทุนในหุ้น GUNKUL เป็นการลงทุนส่วนตัว ซึ่งตั้งใจจะถือลงทุนระยะยาวอย่างแน่นอน สำหรับโอกาส Synergy ทางธุรกิจในอนาคต จะเป็นในส่วนของธุรกิจกัญชงที่ทาง GUNKUL อยู่ระหว่างการพัฒนา

 

“ในอนาคตมีโอกาสที่เราจะเข้าไปเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ซึ่งอาจจะเป็นส่วนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะในส่วนของการกระจายสินค้าซึ่งเราถนัดอยู่แล้วในธุรกิจรีเทล ทำให้เราสามารถที่จะขยายธุรกิจไปนอกเหนือจากเฉพาะแค่ไอที” 

 

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นคงจะยังไม่สามารถบอกได้ว่าการร่วมมือกันทางธุรกิจจะออกมาในรูปแบบใด ต้องรอให้มีความชัดเจนในหลายๆ เรื่องก่อน

 

อย่าง บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า มีมุมมองเป็นกลางต่อ GUNKUL แม้การเริ่มสกัดสาร CBD มีแนวโน้มล่าช้ากว่าเดิมที่เคยแจ้งไว้ว่าภายในช่วงปลายปีนี้ เป็นช่วงต้นปี 2565 แทน แต่กรอบเวลาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนธุรกิจไฟฟ้าและรับเหมาก่อสร้างยังมีพัฒนาการที่ดีตามเดิม

 

เรายังคงประมาณการกำไรปกติปีนี้ที่ 2.3 พันล้านบาท เติบโต 60% จากปีก่อน ทั้งนี้แนวโน้มครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก จากการเข้าช่วงไฮซีซันของโรงไฟฟ้าพลังงานลมและการส่งมอบงานรับเหมาที่มากขึ้น ประเมินราคาเป้าหมาย 4.50 บาท โดยอัปไซด์คือการได้โครงการโรงไฟฟ้าใหม่เพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันรอผลเจรจา 100-150 เมกะวัตต์ คาดเห็นความคืบหน้าในปีนี้ รวมถึงความคืบหน้าของธุรกิจกัญชง

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

The post GUNKUL ในวันที่ราคาหุ้น All Time High! ตั้งเป้าธุรกิจไฟฟ้าโตอย่างน้อย 15% ต่อปี ส่วนธุรกิจกัญชงอาจเห็น Synergy กับ COM7 appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘กันกุล’ รุกลูกค้าเอกชน-ต่างประเทศเพิ่ม เดินหน้าลงทุนนวัตกรรมพลังงาน 5,000-7,000 ล้านบาทต่อปี https://thestandard.co/gunkul-invested-in-energy-innovation/ Mon, 15 Feb 2021 08:16:13 +0000 https://thestandard.co/?p=454644 ‘กันกุล’ รุกลูกค้าเอกชน-ต่างประเทศเพิ่ม เดินหน้าลงทุนนวัตกรรมพลังงาน 5,000-7,000 ล้านบาทต่อปี

กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL ผู้ผลิต จัดหา และจำหน่ […]

The post ‘กันกุล’ รุกลูกค้าเอกชน-ต่างประเทศเพิ่ม เดินหน้าลงทุนนวัตกรรมพลังงาน 5,000-7,000 ล้านบาทต่อปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘กันกุล’ รุกลูกค้าเอกชน-ต่างประเทศเพิ่ม เดินหน้าลงทุนนวัตกรรมพลังงาน 5,000-7,000 ล้านบาทต่อปี

กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL ผู้ผลิต จัดหา และจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับระบบไฟฟ้าในประเทศและต่างประเทศ และผู้ให้บริการพลังงานทดแทน เปิดแผนปี 2564 เตรียมเน้นลูกค้าภาคเอกชนมากขึ้น ทั้งกลุ่มโรงพยาบาล ค้าปลีก และโรงงานอุตสาหกรรมมากขึ้น หลังจากประเมินทิศทางการรับซื้อพลังงานจากภาครัฐเริ่มชะลอตัว โดยดึงนวัตกรมพลังงานมาเป็นจุดเด่น​ โดยเฉพาะการช่วยประหยัดต้นทุนพลังงาน 

 

โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL กล่าวว่า บริษัทจะเน้นลูกค้าเอกชนมากยิ่งขึ้นในปีนี้ เนื่องจากประเมินว่าการรับซื้อพลังงานจากทางภาครัฐในปีนี้น่าจะชะลอตัว ประกอบกับภาคเอกชนไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก โรงพยาบาล และโรงงานอุตสาหกรรม มีความต้องการพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นมาก ด้วยเหตุผลสำคัญคือ ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างมีนัยสำคัญ เบื้องต้นคาดว่าจะมีการลงทุนในส่วนของ PPA ภาคเอกชนเข้ามาในพอร์ต 30-50 เมกะวัตต์ต่อปี

 

ล่าสุด GUNKUL ได้ร่วมลงนามในสัญญาซื้อขายพลังงาน หรือ PPA (Power Purchase Agreement) จากระบบผลิตพลังงานแสดงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ให้กับสาขาของ ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด หรือ CJ ทั้งสาขาที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบันและสาขาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของเครือ CJ

 

โดยสัญญา PPA นี้ GUNKUL จะเป็นผู้ลงทุนโครงการทั้งหมด ตั้งแต่งออกแบบ อุปกรณ์ ดำเนินการก่อสร้าง และดูแลระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ รวมกำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 18 เมกะวัตต์ (MW) หรือเฉลี่ย 32 กิโลวัตต์ (KW) ต่อสาขา เพื่อขายไฟให้กับทาง CJ ในอัตราส่วนลดค่าไฟฟ้า เป็นระยะเวลาสัญญา 15 ปี ปัจจุบันได้ดำเนินการติดตั้งเสร็จไปแล้ว 5 สาขา และคาดว่าจะดำเนินการติดตั้งให้ครบ 500 สาขาทั่วประเทศในปีนี้ โดยภายในไตรมาส 3 ปี 2564 น่าจะครอบคลุม 300 สาขาได้ จากมีพื้นที่พร้อมติดตั้งแล้ว

 

ด้าน CJ ประเมินว่าการติดตั้ง Solar Rooftop จะสามารถลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 24 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 300 ล้านบาทตลอดระยะเวลาสัญญา 15 ปี 

 

GUNKUL วางเป้าหมายระหว่างปี 2564-2566 จะมีกำลังการผลิตแตะ 1,000 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้น 300-400 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 600 เมกะวัตต์ โดยจะมาจากการลงทุนซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าพลังงานลมและโซลาร์กำลังผลิตติดตั้ง 30-50 เมกะวัตต์ในประเทศเวียดนาม และอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรอยู่หลายราย 

 

สำหรับธุรกิจ Engineering Procurement and Construction หรือ EPC ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญารับงานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่า 10,000 ล้านบาท คาดโอกาสได้รับงานดังกล่าวราว 25-30% ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้งานในมือปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ 9,000 ล้านบาท คาดเห็นความชัดเจนได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2564 โดยมูลค่างานในมือดังกล่าวจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 3,000 ล้านบาท และที่เหลือทยอยรับรู้ใน 3 ปี

 

ส่วนความสนใจเข้าร่วมลงทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มของกองทัพบกและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เปิดโอกาสให้เอกชนเข้าดำเนินการ GUNKUL อยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากทางภาครัฐก่อน เนื่องจากปัจจุบัน TOR ยังไม่ชัดเจน และน่าจะใช้ระยะเวลาในการศึกษานาน ซึ่ง GUNKUL ยังคงมองการขยายการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตของเมกะวัตต์

 

ทั้งนี้กองทัพบกและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นในการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ บนพื้นที่ที่มีศักยภาพของกองทัพบกในภูมิภาคต่างๆ ราว 3 แสนไร่ ประมาณ 30,000 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้ลงทุนเฟสแรก 300 เมกะวัตต์

 

GUNKUL วางงบลงทุนรวมปีนี้ไว้ที่ 5,000-7,000 ล้านบาท โดยจะใช้ในธุรกิจพลังงาน 50% และที่เหลือเป็นธุรกิจ EPC, PPA และการเข้าซื้อกิจการ M&A

 

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2563 GUNKUL คาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่าเป้าหมายที่ 15-20% และน่าจะมีจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากมีจากการบันทึกกำไรจากขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ที่ประเทศญี่ปุ่น ในไตรมาส 4 ปี 2563 มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนปี 2564 GUNKUL วางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ 15-20% 

 

ผลประกอบการงวดไตรมาส 3 ปี 2563 GUNKUL มีรายได้รวม 7,009.40 ล้านบาท

 

และกำไรสุทธิ 1,719.58 ล้านบาท ส่วนปี 2562 มีรายได้รวม 7,463.91 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,147.33 ล้านบาท

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post ‘กันกุล’ รุกลูกค้าเอกชน-ต่างประเทศเพิ่ม เดินหน้าลงทุนนวัตกรรมพลังงาน 5,000-7,000 ล้านบาทต่อปี appeared first on THE STANDARD.

]]>