GLOBAL – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 21 Mar 2023 00:29:09 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 หุ้นกลุ่มพาณิชย์ – ยอดขายเติบโตแข็งแกร่งและต้นทุนมีแนวโน้มลดลง https://thestandard.co/commercial-stocks-sales-growth/ Mon, 20 Mar 2023 11:26:12 +0000 https://thestandard.co/?p=765824

เกิดอะไรขึ้น: ใน 1Q66TD ยอดขายสาขา (SSS) ของกลุ่มพาณิชย […]

The post หุ้นกลุ่มพาณิชย์ – ยอดขายเติบโตแข็งแกร่งและต้นทุนมีแนวโน้มลดลง appeared first on THE STANDARD.

]]>

เกิดอะไรขึ้น:

ใน 1Q66TD ยอดขายสาขา (SSS) ของกลุ่มพาณิชย์ (BJC, CPALL, CRC, GLOBAL, HMPRO และ MAKRO) มีแนวโน้มเติบโตในอัตราเลขหลักเดียวระดับกลาง YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้น ดังเห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) ในเดือนกุมภาพันธ์ ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 36 เดือน เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ‘ช้อปดีมีคืน’, รายได้เกษตรกรที่ดีขึ้น และนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น 

 

โดยในเดือนมกราคม รายได้เกษตรกรเติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ที่ 4%YoY และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทยเพิ่มขึ้นสู่ 2.1 ล้านคน (เทียบกับ 1 แสนคนในเดือนมกราคม 2565) และ 22 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 42%YoY) ตามลำดับ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


เมื่อแยกตามบริษัท ใน 1Q66TD CRC มีแนวโน้มที่จะรายงาน SSS เติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ที่ระดับ Low Teen YoY ตามด้วย MAKRO (Low Teen YoY สำหรับธุรกิจ B2B และตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY สำหรับธุรกิจ B2C), CPALL และ HMPRO (ตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY) และ BJC (ตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY) ในขณะที่ GLOBAL มีแนวโน้มที่จะรายงาน SSS หดตัวลงในอัตราเลขหลักเดียวระดับกลางถึงสูง YoY จากราคาเหล็กที่ลดลง

 

กระทบอย่างไร:

ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ราคาหุ้นกลุ่มพาณิชย์ (SETCOMM) ปรับลดลง 7.12% ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 6.29%

 

มุมมองและกลยุทธ์การลงทุน:

InnovestX Research คาดว่ายอดขายสาขา (SSS) ของกลุ่มพาณิชย์จะเติบโต YoY ต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยดังนี้

 

  1. บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและการเลือกตั้งทั่วไปใน 2Q66

 

  1. นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2566 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 25 ล้านคน เพิ่มขึ้น 124%YoY แต่ยังต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิดอยู่ 37% และ SCB EIC คาดว่านักท่องเที่ยวชาวไทยจะอยู่ที่ 227 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 12%YoY) ใกล้เคียงกับระดับก่อนเกิดโควิด มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลภายใต้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 (เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม – 30 เมษายน) จะช่วยกระตุ้นความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทยในระยะสั้น 

 

  1. การเติบโตของรายได้เกษตรกร โดยในปี 2566 SCB EIC คาดว่ารายได้เกษตรกรจะเติบโต 1.3%YoY โดยการเพิ่มขึ้น 3% ของผลผลิตสินค้าเกษตรจากปริมาณน้ำฝนและน้ำในเขื่อนที่อยู่ในเกณฑ์ดี จะช่วยชดเชยการลดลง 1.5% ของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก เช่น ยาง และปาล์มน้ำมัน

 

  1. การขาดหายไปของมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ผู้ประกอบการค้าปลีกโมเดิร์นเทรดไม่สามารถเข้าร่วมได้ เช่น คนละครึ่ง เฟส 4 และเฟส 5 ในปี 2565 มูลค่ารวม 5.6 หมื่นล้านบาท

 

ด้านต้นทุนด้านโลจิสติกส์และค่าไฟฟ้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำลังรวบรวมความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับข้อเสนออัตราค่าไฟฟ้าใหม่จาก 5.33 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง (หน่วย) สำหรับภาคธุรกิจในเดือนมกราคม-เมษายน เป็น 3 ทางเลือกใหม่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย (ลดลง 11% จากงวดเดือนมกราคม-เมษายน), 4.84 บาทต่อหน่วย (ลดลง 9%) และ 6.72 บาทต่อหน่วย (เพิ่มขึ้น 26%) สำหรับงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ด้วยต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 

 

ทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่อัตราค่าไฟฟ้าจะปรับลดลง ซึ่งจากการวิเคราะห์ความอ่อนไหวบ่งชี้ว่าการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าลง 10% จะหนุนให้กำไรของกลุ่มพาณิชย์ปรับขึ้นได้ 3% (6% สำหรับ CPALL, 4% สำหรับ MAKRO และ BJC, 3% สำหรับ CRC และ 1% สำหรับ HMPRO และ GLOBAL)

 

ด้านราคาหุ้น ราคาหุ้นกลุ่มพาณิชย์ปรับตัว Outperform SET อยู่ 4% ในช่วง 3 เดือน และ 1% ในช่วง 1 เดือนก่อนเลือกตั้ง และ 2% ในช่วง 1 เดือน และ 8% ในช่วง 3 เดือนหลังเลือกตั้งในปี 2544-2562 โดยเลือกหุ้นเด่นของกลุ่มเป็น CPALL, MAKRO และ BJC เนื่องจากคาดว่ากำไรปี 2566 จะเติบโตโดดเด่นเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มพาณิชย์ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ฟื้นตัวดีขึ้น และจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์รายหลักจากต้นทุนที่มีแนวโน้มลดลง 

 

ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อ ต้นทุนที่สูงขึ้นตามเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

The post หุ้นกลุ่มพาณิชย์ – ยอดขายเติบโตแข็งแกร่งและต้นทุนมีแนวโน้มลดลง appeared first on THE STANDARD.

]]>
GLOBAL ลงทุนธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ตกแต่งบ้านในอินโดนีเซีย หนุนการเติบโตระยะยาว แต่ในระยะสั้นมีผลเล็กน้อย https://thestandard.co/market-focus-global/ Fri, 26 Nov 2021 11:15:20 +0000 https://thestandard.co/?p=564669 GLOBAL

เกิดอะไรขึ้น: เมื่อวานนี้ (25 พฤศจิกายน) บริษัท โกลบอลเ […]

The post GLOBAL ลงทุนธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ตกแต่งบ้านในอินโดนีเซีย หนุนการเติบโตระยะยาว แต่ในระยะสั้นมีผลเล็กน้อย appeared first on THE STANDARD.

]]>
GLOBAL

เกิดอะไรขึ้น:

เมื่อวานนี้ (25 พฤศจิกายน) บริษัท โกลบอลเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (GBI) (ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) สัดส่วน 50% และ บริษัทในเครือของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) อีกสัดส่วน 50%) ได้เข้าซื้อหุ้นที่ออกใหม่ของบริษัท PT Caturkarda Depo Bangunan Tbk (CKDB) จำนวน 865.7 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 12.75% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 981 ล้านบาท 

 

โดยการลงทุนของ GBI ในครั้งนี้ จะส่งเสริมกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างในภูมิอาเซียน ซึ่ง GBI อาจลงทุนเพิ่มเมื่อมีความเหมาะสม

 

CKDB เป็นผู้นำร้านค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง เครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ในงานก่อสร้าง ต่อเติม ตกแต่งบ้านอย่างครบวงจรในอินโดนีเซีย ภายใต้แบรนด์ร้านค้า Depo Bangunan ปัจจุบัน CKDB มีร้าน Depo Building ทั้งหมด 9 สาขา และมีรายได้ 5.3 พันล้านบาทในปี 2020 และกำไรสุทธิ 228 ล้านบาท โดยรายได้กว่า 62% มาจากสินค้าวัสดุก่อสร้าง 

 

กระทบอย่างไร: 

เมื่อวานนี้ราคาหุ้น GLOBAL ปรับตัวลง 1.98%DoD ปิดที่ระดับ 19.80 บาท ขณะที่วันนี้ (26 พฤศจิกายน) ราคาหุ้นยังปรับตัวลงต่อ 1.52%DoD สู่ระดับ 19.50 บาท ตามทิศทางตลาดหุ้นไทยและภูมิภาค ที่ได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลประเด็นโควิดสายพันธุ์ใหม่ในแอฟริกาใต้

 

มุมมองต่อธุรกรรมนี้:

SCBS มองว่าธุรกรรมนี้จะเพิ่มโอกาสการเติบโตระยะยาวในอินโดนีเซียแก่ GLOBAL ซึ่งปัจจุบันอัตราการเข้าถึงร้านค้าปลีกสมัยใหม่ในอินโดนีเซียยังอยู่ในระดับต่ำ (มีผู้ประกอบการเพียงไม่กี่ราย) โดยการดำเนินงานของ CKDB จะได้รับการส่งเสริมโดยความเชี่ยวชาญในการจัดหาสินค้าของ GLOBAL โดยเฉพาะสินค้า Private Brand ที่ให้มาร์จิ้นสูง และธุรกิจเทรดดิ้งและธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างในอินโดนีเซียและประเทศอื่นๆ ในอาเซียนของ SCC 

 

สำหรับราคาเข้าซื้อกิจการใน GBI คิดเป็น PE ปี 2020 ที่ 34 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับ PE เฉลี่ยในอดีตของผู้ประกอบการร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างในอาเซียน ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรในระยะสั้นที่ GLOBAL จะได้รับ SCBS คาดว่าจะมีน้อยมาก 

 

จากประเมินเบื้องต้น GBI จะบันทึกรายได้เงินปันผลจาก CKDB จำนวนไม่ถึง 20 ล้านบาทต่อปี (ไม่ถึง 10 ล้านบาทต่อปี สำหรับ GLOBAL) โดยอิงจากกำไรปี 2020 ของ CKDB สัดส่วนการถือหุ้น 12.75% ใน CKDB ของ GBI และนโยบายการจ่ายเงินปันผลของ CKDB ที่ไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post GLOBAL ลงทุนธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ตกแต่งบ้านในอินโดนีเซีย หนุนการเติบโตระยะยาว แต่ในระยะสั้นมีผลเล็กน้อย appeared first on THE STANDARD.

]]>
GLOBAL แนวโน้มกำไร 1Q64 เติบโตแข็งแกร่งทั้ง YoY และ QoQ จากยอดขายที่ฟื้นตัวและอัตรากำไรที่ดีขึ้น https://thestandard.co/global-q164-grows-strongly-both-yoy-qoq/ Tue, 20 Apr 2021 12:45:16 +0000 https://thestandard.co/?p=477931 GLOBAL แนวโน้มกำไร 1Q64 เติบโตแข็งแกร่งทั้ง YoY และ QoQ จากยอดขายที่ฟื้นตัวและอัตรากำไรที่ดีขึ้น

เกิดอะไรขึ้น: SCBS ได้ทำพรีวิวผลประกอบการ 1Q64 ของ บมจ. […]

The post GLOBAL แนวโน้มกำไร 1Q64 เติบโตแข็งแกร่งทั้ง YoY และ QoQ จากยอดขายที่ฟื้นตัวและอัตรากำไรที่ดีขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
GLOBAL แนวโน้มกำไร 1Q64 เติบโตแข็งแกร่งทั้ง YoY และ QoQ จากยอดขายที่ฟื้นตัวและอัตรากำไรที่ดีขึ้น

เกิดอะไรขึ้น:

SCBS ได้ทำพรีวิวผลประกอบการ 1Q64 ของ บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลประกอบการวันที่ 30 เมษายน 2564

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น GLOBAL เพิ่มขึ้น 9.2%MoM สู่ระดับ 22.50 บาท เทียบกับ SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 1.0%MoM สู่ระดับ 1,580.04 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 20 เมษายน)

 

มุมมองระยะสั้น:

SCBS คาดยอดขาย 1Q64 ของ GLOBAL จะเติบโต 18%YoY สู่ระดับ 8.5 พันล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายสาขาเดิม (Same Store Sale: SSS) ที่ฟื้นตัวดีขึ้นและการขยายสาขา โดย SSS จะเติบโต 12.5%YoY ใน 1Q64 (เทียบกับหดตัว 7%YoY ใน 1Q63 และหดตัว 3%YoY ใน 4Q63) โดย SSS เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จะเติบโตตัวเลขหลักเดียวระดับสูงโดยได้รับการสนับสนุนจากราคาเหล็กที่สูงขึ้นและกำลังซื้อในต่างจังหวัดที่ปรับตัวดีขึ้นจากรายได้เกษตรที่แข็งแกร่ง แต่ SSS ในเดือนมีนาคมมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่สูงขึ้น YoY จากฐานต่ำในปีก่อนเนื่องจากรัฐบาลมีคำสั่งให้ปิดสาขาชั่วคราวเพื่อยับยั้งการระบาดของโควิด-19 

 

นอกจากนี้ราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 25%YoY ใน 1Q64 จะส่งผลดีต่อยอดขาย ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนให้ SSS เติบโตมากกว่า 5% ใน 1Q64 เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล็กคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 20% ของยอดขายของ GLOBAL ทั้งนี้ GLOBAL ได้เปิดสาขา 2 แห่งใน 1Q64 ส่งผลให้ GLOBAL มีสาขารวม 74 แห่ง

 

ด้าน EBIT margin 1Q64 จะเพิ่มขึ้น 110 bps YoY สู่ระดับ 12.8% ซึ่งเกิดจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นสู่ 24.7% จากทั้งผลิตภัณฑ์เหล็กและผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมถึงอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายที่ลดลง YoY เนื่องจากยอดขายจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าค่าใช้จ่าย SG&A

 

ด้วยปัจจัยบวกเหล่านี้ทำให้ SCBS คาดกำไรสุทธิ 1Q64 ของ GLOBAL จะเติบโต 35%YoY และ 120%QoQ สู่ระดับ 830 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มกำไรใน 2Q64 จะเติบโตแข็งแกร่งมากขึ้น YoY เนื่องจาก SSS จะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดจากฐานต่ำในปีก่อน รวมถึงราคาเหล็กที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจะช่วยชดเชย Sentiment ที่แย่ลงจากการกลับมาระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย 

 

มุมมองระยะยาว:

สำหรับแนวโน้มกำไรปี 2564 ของ GLOBAL SCBS คาดว่าจะเติบโต 28%YoY สู่ระดับ 2.5 พันล้านบาท โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจาก SSS ที่ฟื้นตัวดีขึ้นตลอดทั้งปี อัตรากำไรที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในปี 2564 ทั้งนี้ต้องติดตามทิศทางราคาเหล็กที่มีโอกาสปรับตัวลง ซึ่งจะกดดันต่ออัตรากำไรของบริษัท รวมถึงทิศทางรายได้เกษตรกรที่มีผลต่อยอดขายของบริษัท

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post GLOBAL แนวโน้มกำไร 1Q64 เติบโตแข็งแกร่งทั้ง YoY และ QoQ จากยอดขายที่ฟื้นตัวและอัตรากำไรที่ดีขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘สยามโกลบอลเฮ้าส์’ กำไรปี 2563 ลดลง 6.5% เซ่นพิษโควิด-19 โบรกคาดปีนี้โตกระโดด 23% จากการขยายสาขาเชิงรุก https://thestandard.co/siam-global-house-income-2020/ Fri, 12 Feb 2021 06:12:10 +0000 https://thestandard.co/?p=453654 ‘สยามโกลบอลเฮ้าส์’ กำไรปี 2563 ลดลง 6.5% เซ่นพิษโควิด-19 โบรกคาดปีนี้โตกระโดด 23% จากการขยายสาขาเชิงรุก

บมจ. สยามโกลบอลเฮ้าส์ หรือ GLOBAL รายงานผลการดำเนินงานป […]

The post ‘สยามโกลบอลเฮ้าส์’ กำไรปี 2563 ลดลง 6.5% เซ่นพิษโควิด-19 โบรกคาดปีนี้โตกระโดด 23% จากการขยายสาขาเชิงรุก appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘สยามโกลบอลเฮ้าส์’ กำไรปี 2563 ลดลง 6.5% เซ่นพิษโควิด-19 โบรกคาดปีนี้โตกระโดด 23% จากการขยายสาขาเชิงรุก

บมจ. สยามโกลบอลเฮ้าส์ หรือ GLOBAL รายงานผลการดำเนินงานปี 2563 มีกำไรสุทธิ 1,955.96 ล้านบาท ลดลง 6.5% จากปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 2,093.47 ล้านบาท สาเหตุที่กำไรสุทธิลดลงเกิดจากสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

 

บริษัทมีรายได้รวม 27,353.89 ล้านบาทในปี 2563 ลดลง 4.44% จากปี 2652 ที่มีรายได้รวม 28,624.42 ล้านบาท  

 

ทั้งนี้ GLOBAL ดำเนินธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง เครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ในงานก่อสร้าง ต่อเติม ตกแต่ง บ้านและสวนแบบควบวงจร โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า โกลบอล เฮ้าส์ (Global House) และอยู่ในเครือเอสซีจี โดยมีบริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ในสัดส่วน 32.22%

 

ฝ่ายวิจัย บล. บัวหลวง ได้ปรับประมาณกำไรของปี 2564 ขึ้น และประเมินว่าจะได้เห็นกำไรของ GLOBAL ทำนิวไฮในไตรมาส 1 ปี 2654 และโตอย่างก้าวกระโดดในไตรมาส 2 ปี 2564 เนื่องจากเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) นับตั้งแต่ต้นปี 2564 จนถึงปัจจุบัน โดยพลิกกลับจากการหดตัวติดต่อกัน 5 ไตรมาส (ไตรมาส 4/62-4/63) มาเติบโตเป็นเลขหลักเดียวระดับสูง ประกอบกับอัตรากําไรขั้นต้นท่ีขยายตัวได้ดีในระดับใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดท่ี 23.8% ในไตรมาส 2 ปี 2563 

 

ฝ่ายวิจัยจึงมีการปรับเพิ่มการคาดการณ์กําไรหลักในปี 2564 เพื่อสะท้อนอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเพิ่มเป็น 5% (สูงขึ้นจากสมมติฐานก่อนหน้าที่คาดว่าจะติดลบ 2%) โดยคาดว่า GLOBAL จะกลับมาทํายอดขายเติบโตที่ 13% ในปี 2564 หลังจากหดตัว 6% ในปี 2563 สําหรับอัตรากําไรหลักคาดการณ์ว่าเพิ่มจาก 8% ในปี 2563 มาเป็น 8.7% ในปี 2564 

 

โดยสรุป บล. บัวหลวง คาด GLOBAL จะรายงานกําไรหลักเติบโตอย่างน่าประทับใจที่ 23% ในปี 2564 

 

ขณะเดียวกันคาดว่ากําไรจะทําสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 1 ปี 2564 ตามด้วยกําไรเติบโตก้าวกระโดดในไตรมาส 2 ปี 2564 (เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน) โดยกําไรหลักจะสามารถเติบโตราว 15-20% จากงวดเดียวกันปีก่อน และจะโตต่อเนื่องในไตรมาส 2 ปี 2564 เนื่องจากฐานท่ีตํ่ามากของผลประกอบการไตรมาส 2 ปีที่แล้ว เพราะต้องปิดสาขาตามมาตการล็อกดาวน์ 

 

ส่วนอัตรากําไรขั้นต้นรายไตรมาสจะทําสถิติดีท่ีสุดอันดับ 2 ท่ี 23.5% ในไตรมาส 1 ปี 2564 หนุนโดยการลดการทําโปรโมชันและเพิ่มสัดส่วนการนําเข้าผลิตภัณฑ์ท่ีสูงข้ึน (สินค้าแบรนด์ตนเอง) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นมีเสถียรภาพมากขึ้น อีกทั้ง GLOBAL จะใช้กลยุทธ์ขยายสาขาเชิงรุกมากขึ้นในปี 2564 เบื้องต้นมีแผนเปิดร้านค้าใหม่จํานวน 7 สาขา ส่งผลให้จำนวนสาขาเพิ่มเป็น 78 สาขาในปีน้ี และในระยะยาวตั้งเป้าว่าจะเปิดสาขา 100 สาขา ในช่วง 3 ปี 

 

“มองว่า GLOBAL มีศักยภาพในการเติบโตอย่างสูงในฐานะผู้นําตลาดในประเทศเมียนมา และกัมพูชา ซึ่งปัจจัยบวกดังกล่าวยังไม่ได้สะท้อนในประมาณการของเรา โดยผู้บริหารวางแผนเปิดร้านค้าที่ 2 ในจังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา คาดเปิดตัวในไตรมาส 3 ปี 2564 โดยมีแนวโน้มทํากําไรได้ต้ังแต่ปีแรกที่เปิดให้บริการ ท้ังน้ีบริษัทมีกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนธุรกิจในประเทศเมียนมาจากปัจจุบันท่ี 30% มาเป็น 50% ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า พร้อมด้วยเป้าหมายการเปิดร้านค้าในระยะยาวได้ถึง 20 สาขา ในประเทศเมียนมาจาก 8 สาขา ในปี 2563 และ 9 สาขา ในปี 2564”

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า 

The post ‘สยามโกลบอลเฮ้าส์’ กำไรปี 2563 ลดลง 6.5% เซ่นพิษโควิด-19 โบรกคาดปีนี้โตกระโดด 23% จากการขยายสาขาเชิงรุก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ราคาหุ้น GLOBAL ร่วงหนัก หลังรายงานกำไร 3Q63 ต่ำกว่าคาด ด้านแนวโน้ม 4Q63 ยังอ่อนแอตามกำลังซื้อที่เปราะบาง https://thestandard.co/global-stocks-drop/ Thu, 29 Oct 2020 11:50:56 +0000 https://thestandard.co/?p=414000 ราคาหุ้น GLOBAL ร่วงหนัก หลังรายงานกำไร 3Q63 ต่ำกว่าคาด ด้านแนวโน้ม 4Q63 ยังอ่อนแอตามกำลังซื้อที่เปราะบาง

เกิดอะไรขึ้น: เย็นวานนี้ (28 ตุลาคม) บมจ. สยามโกลบอลเฮ้ […]

The post ราคาหุ้น GLOBAL ร่วงหนัก หลังรายงานกำไร 3Q63 ต่ำกว่าคาด ด้านแนวโน้ม 4Q63 ยังอ่อนแอตามกำลังซื้อที่เปราะบาง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ราคาหุ้น GLOBAL ร่วงหนัก หลังรายงานกำไร 3Q63 ต่ำกว่าคาด ด้านแนวโน้ม 4Q63 ยังอ่อนแอตามกำลังซื้อที่เปราะบาง

เกิดอะไรขึ้น:

เย็นวานนี้ (28 ตุลาคม) บมจ. สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) รายงานกำไรสุทธิที่ 456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%YoY แต่ลดลง 10%QoQ ต่ำกว่าตลาดคาด 10% โดยรายได้ไตรมาส 3 ปี 2563 ลดลง 1%YoY เนื่องจากยอดขายสาขาเดิม (SSS) ลดลง 5.6%YoY ซึ่งเกิดจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ รวมถึงไม่มีการเปิดสาขาใหม่ในไตรมาส 3 ปี 2563 ทำให้จำนวนสาขาปัจจุบันยังอยู่ที่ 69 สาขา

 

ด้านอัตรากำไรขั้นต้น 3Q63 เพิ่มขึ้น 170 bps YoY อยู่ที่ 22.7% โดยเกิดจากการเพิ่มขึ้นในสัดส่วนสินค้า Private Brand ที่ให้อัตรากำไรสูง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนสำคัญให้กำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2563 เพิ่มขึ้น YoY แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 120 bps QoQ ซึ่งเกิดจากการจัดโปรโมชันลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้าในช่วงที่ Sentiment ตลาดอ่อนแอ

 

กระทบอย่างไร:

วันนี้ (29 ตุลาคม) ราคาหุ้น GLOBAL ปรับตัวลง 7.45%DoD สู่ระดับ 17.40 บาท (ข้อมูลราคา ณ เวลา 12.30 น.)

 

มุมมองระยะสั้น:

สำหรับแนวโน้มกำไรไตรมาส 4 ปี 2563 SCBS มองว่า จะยังคงอ่อนแอทั้ง YoY และ QoQ โดยมีสาเหตุจากยอดขายสาขาเดิม (SSS) ที่อ่อนแอ และอัตรากำไรขั้นต้นที่แคบลง YoY เนื่องจากกำลังซื้อและ Sentiment ที่อ่อนแอ สำหรับมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายด้วยการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาผ่านโครงการ ‘ช้อปดีมีคืน’ ด้วยการซื้อสินค้าและบริการไม่เกิน 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 จะช่วยกระตุ้นให้ยอดขายสาขาเดิม (SSS) หดตัวน้อยลง โดยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ 3Q63

 

มุมมองระยะยาว:

ทั้งนี้ ต้องติดตามแผนขยายสาขาของ GLOBAL ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนต่อผลประกอบการในระยะยาว โดย GLOBAL ตั้งเป้าขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ 7 สาขาต่อปีในระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับความต้องการเพิ่มขึ้น รวมถึงติดตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อ เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ยอดขายสาขาเดิม (SSS) ปรับตัวดีขึ้น

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

The post ราคาหุ้น GLOBAL ร่วงหนัก หลังรายงานกำไร 3Q63 ต่ำกว่าคาด ด้านแนวโน้ม 4Q63 ยังอ่อนแอตามกำลังซื้อที่เปราะบาง appeared first on THE STANDARD.

]]>