Fred – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 18 Aug 2025 10:07:26 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Jin วง BTS ขึ้นแคมเปญล่าสุดของ FRED สำหรับไลน์เครื่องประดับ Force 10 https://thestandard.co/fred-catch-the-sun-jin-bts/ Mon, 18 Aug 2025 10:07:26 +0000 https://thestandard.co/?p=1108527 fred-catch-the-sun-jin-bts

FRED แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติฝรั่งเศส เผยแคมเปญใหม่ C […]

The post Jin วง BTS ขึ้นแคมเปญล่าสุดของ FRED สำหรับไลน์เครื่องประดับ Force 10 appeared first on THE STANDARD.

]]>
fred-catch-the-sun-jin-bts

FRED แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติฝรั่งเศส เผยแคมเปญใหม่ CATCH THE SUN โดยมีโกลบอลแอมบาสเดอร์ Jin วง BTS มาร่วมถ่ายทอดความหรูหราและสง่างามของเครื่องประดับคอลเล็กชัน Force 10 ซึ่งเป็นผลงานสุดไอคอนิกของเมซงอีกด้วย

 

พวกเขาเลือกเบื้องหลังของฉากแคมเปญนี้เป็นทัศนียภาพอันสวยงามของเฟรนช์ริเวียร่า โดยผสมผสานทั้งแสงแดดอันอบอุ่น และสีฟ้าของน้ำทะเลเข้าด้วยกัน เพื่อทำให้เห็นถึงความเปล่งประกาย แต่ยังคงมีชีวิตชีวา ตามนิยามของคำว่า CATCH THE SUN ซึ่งเป็นชื่อของแคมเปญ

 

ดังนั้นแคมเปญ CATCH THE SUN ของเครื่องประดับ Force 10 จึงเปรียบเสมือนการเฉลิมฉลองพลังงานของแสงตะวันที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ความมีชีวิตชีวา และความสง่างามในแบบของตัวเอง เช่นเดียวกันกับ Jin ที่เขาเองก็เปล่งประกายในแบบของตัวเองในทุกช่วงเวลาของชีวิต ซึ่งเราจะเห็นว่าในแคมเปญนี้เขาสวมใส่เครื่องประดับหลายชนิด อาทิ สร้อยข้อมือ ต่างหู แหวน จี้ ที่รังสรรค์จากทั้งทองคำไวต์โกลด์ เยลโลว์โกลด์ และไทเทเนียม เป็นต้น 

 

ภาพ: FRED

The post Jin วง BTS ขึ้นแคมเปญล่าสุดของ FRED สำหรับไลน์เครื่องประดับ Force 10 appeared first on THE STANDARD.

]]>
FRED แต่งตั้งให้ Jin วง BTS เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกคนแรกของแบรนด์ https://thestandard.co/fred-bts-jin-global-brand-ambassador/ Mon, 08 Jul 2024 06:37:11 +0000 https://thestandard.co/?p=954842

แบรนด์เครื่องประดับจากฝรั่งเศสอย่าง FRED ประกาศให้ Jin […]

The post FRED แต่งตั้งให้ Jin วง BTS เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกคนแรกของแบรนด์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

แบรนด์เครื่องประดับจากฝรั่งเศสอย่าง FRED ประกาศให้ Jin วง BTS เป็น Global Brand Ambassador คนแรกของแบรนด์อย่างเป็นทางการ และนับว่าเป็นการทำงานในฝั่งลักชัวรีครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งปลดประจำการจากกองพลทหาร

 

Jin พี่ใหญ่แห่งวง ​BTS สวมเครื่องประดับเป็นสร้อยคอ Force 10 สีทอง ซึ่งเป็นคอลเล็กชันหลักของแบรนด์ พร้อมกล่าวในจดหมายประกาศจากทางแบรนด์ว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว FRED และขอให้ติดตามผลงานในอนาคตจากการร่วมงานครั้งนี้ของพวกเรา”

 

หลังจากที่ Jin ปลดประจำการจากกองพลทหาร และห่างหายจากการทำงานไปตั้งแต่ปี 2022 การร่วมงานครั้งล่าสุดกับวงการแฟชั่นลักชัวรีคือแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ LOUIS VUITTON ฝั่งผู้ชายในยุคของ Virgil Abloh กับสมาชิกอีก 6 คน ก่อนที่แต่ละคนจะแยกไปเป็นตัวแทนแบรนด์อื่นๆ และทยอยเข้าประจำการ 

 

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ FRED ทำงานร่วมกับศิลปินจากฝั่ง K-Pop เพราะก่อนหน้านี้ทางแบรนด์ได้เลือกให้ จางวอนยอง จากวง IVE เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ประจำเกาหลีใต้เมื่อปี 2022 และได้ร่วมงานเปิดนิทรรศการใหญ่ FRED Joaillier Créateur depuis 1936 

 

ภาพ: FRED

อ้างอิง:

The post FRED แต่งตั้งให้ Jin วง BTS เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกคนแรกของแบรนด์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
FRED แต่งตั้ง มิว ศุภศิษฏ์ และ มาร์กี้ ราศรี เป็น Friend of the Brand สองคนล่าสุดของประเทศไทย https://thestandard.co/thai-fred-friend-of-the-brand/ Mon, 17 Jun 2024 08:18:25 +0000 https://thestandard.co/?p=946048

FRED แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติฝรั่งเศส แต่งตั้ง มิว-ศุ […]

The post FRED แต่งตั้ง มิว ศุภศิษฏ์ และ มาร์กี้ ราศรี เป็น Friend of the Brand สองคนล่าสุดของประเทศไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>

FRED แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติฝรั่งเศส แต่งตั้ง มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ และ มาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า เป็น Friend of the Brand สองคนล่าสุดของประเทศไทย หลังร่วมงานเปิดตัวแคมเปญ The Sunshine Jeweler ที่ทะเลเฟรนช์ริเวียราเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งแบรนด์ระบุว่า จะมีการปล่อยภาพการร่วมงานของทั้งสองคนตลอดปีนี้

 

และนอกจากตัวแทนประเทศไทยอย่าง มิว ศุภศิษฏ์ และ มาร์กี้ ราศรี แล้ว ยังมี Irene Kim นางแบบและแฟชั่นอินฟลูเอ็นเซอร์จากประเทศเกาหลีใต้, Dan Clemt เจ้าของ Instagram แอ็กเคานต์ Mr. Pastel, Cassandra Cano แฟชั่นอินฟลูเอ็นเซอร์ชาวอิตาลี, Harvey Petito นักแสดงรุ่นใหม่จากออสเตรเลีย และ Rania Fawaz แฟชั่นอินฟลูเอ็นเซอร์จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 

 

สำหรับ The Sunshine Jeweler เป็นแคมเปญใหม่ที่ FRED อยากนำเสนอภาพของการท่องเที่ยวในทะเลฤดูร้อน โดยเฉพาะทะเลเฟรนช์ริเวียรา ซึ่งเป็นเหมือนอัตลักษณ์และภาพจำของแบรนด์ 

 

คีย์หลักของแคมเปญนี้คือ การนำคอลเล็กชันหลักทั้ง Force 10, Pretty Woman และ Chance Infinie มาตอกย้ำไลฟ์สไตล์การพักผ่อนกลางแสงแดดในวัสดุที่สะท้อนแสงอาทิตย์อย่างทองคำขาวโรสโกลด์ประดับเพชร หรือหินสีอย่าง Lapis Lazuli และ Turquoise

 

ภาพ: FRED

The post FRED แต่งตั้ง มิว ศุภศิษฏ์ และ มาร์กี้ ราศรี เป็น Friend of the Brand สองคนล่าสุดของประเทศไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
FRED แต่งตั้งให้ ดิว จิรวรรตน์ เป็น Friend of FRED คนล่าสุดของประเทศไทย https://thestandard.co/fred-set-up-jirawat-as-friend-of-fred/ Fri, 12 Jan 2024 08:53:27 +0000 https://thestandard.co/?p=887005 FRED

แบรนด์เครื่องประดับจากฝรั่งเศสในเครือ LVMH อย่าง FRED แ […]

The post FRED แต่งตั้งให้ ดิว จิรวรรตน์ เป็น Friend of FRED คนล่าสุดของประเทศไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
FRED

แบรนด์เครื่องประดับจากฝรั่งเศสในเครือ LVMH อย่าง FRED แต่งตั้งให้นักแสดงวัย 23 ปีอย่าง ดิว-จิรวรรตน์ สุทธิวณิชศักดิ์ เป็น Friend of FRED คนล่าสุดของประเทศไทย

 

การประกาศร่วมงานครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่แบรนด์ได้จัดงานกาล่าเครื่องประดับชั้นสูงที่ชื่อว่า Monsieur Fred Inner Light เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ณ โรงแรม Four Seasons ซึ่งเป็นครั้งแรกที่แบรนด์นำเอาเครื่องประดับชั้นสูงมาจัดแสดงในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

โดยในงานเปิดตัว ดิว จิรวรรตน์ ใส่เครื่องประดับเข้าชุด ทั้งสร้อยคอ กำไลข้อมือ และแหวนรุ่น Winch สีทองจากคอลเล็กชัน Force 10 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคอลเล็กชันหลักของแบรนด์ที่มีมาตั้งแต่ปี 1966

 

FRED เป็นอีกหนึ่งแบรนด์จิวเวลรีที่ได้เข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา พร้อมกับชูจุดเด่นเรื่องความเป็นฝรั่งเศสและความสัมพันธ์ที่มีต่อทะเลและชายหาด รวมทั้งยังได้เปิดตัวบูติกแรกที่ศูนย์การค้า EMPORIUM และตามมาด้วย Siam Paragon

 

ภาพ: FRED

The post FRED แต่งตั้งให้ ดิว จิรวรรตน์ เป็น Friend of FRED คนล่าสุดของประเทศไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกลงปล่อยตัว เฟร็ด ไปให้เฟเนร์บาห์เช ในลีกตุรกีเรียบร้อยแล้ว https://thestandard.co/manchester-united-released-fred-to-fenerbahce-sk/ Fri, 11 Aug 2023 01:23:13 +0000 https://thestandard.co/?p=828079 เฟร็ด

เช้ามืดวันนี้ (11 สิงหาคม) ตามเวลาประเทศไทย สำนักข่าว B […]

The post แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกลงปล่อยตัว เฟร็ด ไปให้เฟเนร์บาห์เช ในลีกตุรกีเรียบร้อยแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
เฟร็ด

เช้ามืดวันนี้ (11 สิงหาคม) ตามเวลาประเทศไทย สำนักข่าว BBC รายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับการเสนอราคา 12.9 ล้านปอนด์ หรือราว 574.5 ล้านบาท จากสโมสรเฟเนร์บาห์เช โดยแบ่งเป็น ค่าตัว 8.6 ล้านปอนด์ หรือราว 383 ล้านบาท บวกโบนัสอีก 4.3 ล้านปอนด์ หรือราว 191.5 ล้านบาท

 

สัญญาของเฟร็ดในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดจะหมดลงในซัมเมอร์หน้า แต่มิดฟิลด์วัย 30 ปีได้รับการบอกกล่าวว่าเขาไม่น่าจะมีบทบาทสำคัญในทีมของ เอริค เทน ฮาก ในฤดูกาลนี้ ทำให้เขาตัดสินใจง่ายขึ้น

 

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ทั้งกาลาตาซารายและฟูแลมต่างให้ความสนใจในตัวนักเตะ แต่สุดท้ายกองกลางบราซิเลียนก็เลือกเฟเนร์บาห์เชเป็นสโมสรถัดไปในอาชีพ

 

เฟร็ดเตรียมเดินทางไปตรวจร่างกายกับเฟเนร์บาห์เชภายในสัปดาห์หน้า ก่อนจะมีการเซ็นสัญญาและเปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อไป

 

โดยเฟร็ดย้ายจากชัคตาร์ โดเนตสก์ ในลีกยูเครน มาร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 47 ล้านปอนด์ หรือราว 2,094 ล้านบาท ในปี 2018 

 

เขาลงสนามทั้งหมด 213 นัด ทำได้ 14 ประตู โดยเป็นการเล่นในพรีเมียร์ลีก 139 นัด ทำได้ 8 ประตู กับ 7 แอสซิสต์

 

ในฤดูกาลที่แล้ว เขาลงช่วยทีมในทุกรายการไปถึง 56 นัด ช่วยให้ทีมของเทน ฮากจบอันดับ 3 ของตารางคะแนน และยังมีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์คาราบาวคัพไปครองได้อีกด้วย

 

อ้างอิง:

The post แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกลงปล่อยตัว เฟร็ด ไปให้เฟเนร์บาห์เช ในลีกตุรกีเรียบร้อยแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
คุยกับฝาแฝด Fred และ George Weasley ใน Harry Potter สดจากชานชาลาที่ 9 ¾ กรุงเทพมหานคร https://thestandard.co/fred-george-weasley-harry-potter/ https://thestandard.co/fred-george-weasley-harry-potter/#respond Mon, 18 Dec 2017 09:16:07 +0000 https://thestandard.co/?p=56034

34.06.43 คือระยะเวลาในการเดินทางนับเป็นหน่วยชั่วโมง ซึ่ […]

The post คุยกับฝาแฝด Fred และ George Weasley ใน Harry Potter สดจากชานชาลาที่ 9 ¾ กรุงเทพมหานคร appeared first on THE STANDARD.

]]>

34.06.43 คือระยะเวลาในการเดินทางนับเป็นหน่วยชั่วโมง ซึ่ง โอลิเวอร์ เฟลป์ส (Oliver Phelps) โพสต์ในอินสตาแกรมของเขา โดยเริ่มต้นนับจากตอนที่เขาและ เจมส์ เฟลป์ส (James Phelps) น้องชายฝาแฝด เริ่มออกเดินทางจากโรงแรมในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ก่อนบินจากมาลงที่นิวยอร์ก ต่อเครื่องมาลอนดอน และมาถึงจุดหมายสุดท้ายในการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งก็คือกรุงเทพฯ​ ประเทศไทย ซึ่งโอลิเวอร์บอกว่า นี่คือการเดินทางที่กินเวลายาวนานที่สุดในสถิติของเขา

 

พูดแต่ชื่อ ‘เจมส์ และโอลิเวอร์’ แบบนี้ หลายคนอาจจะไม่ได้นึกออกในทันทีว่าเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหน แต่ถ้าบอกว่าทั้งสองคนคือฝาแฝดที่รับบท เฟรด (Fred) และ จอร์จ วีสลีย์ (George Weasley) ในภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter ทั้ง 7 ภาคแล้ว เชื่อว่าคนดูทุกคนจะต้องจำทั้งสองคนได้อย่างแน่นอน

 

คนดูอย่างเราได้รู้จักพวกเขาเป็นครั้งแรกที่ชานชาลา 9 ¾ ที่ King’s Cross Station เมื่อ 16 ปีที่แล้ว แต่นี่คือครั้งแรกที่ทั้งคู่เดินทางมาเมืองไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของงาน Harry Potter Christmas in the Wizarding World ซึ่งจัดขึ้นที่สยามพารากอนตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา

 

ดังนั้น บทสนทนาของเราครั้งนี้จึงเป็นส่วนผสมระหว่างหัวข้อที่เกี่ยวกับโลกเวทมนตร์ที่เราจินตนาการถึง และโลกมักเกิลที่เราต่างก็คุ้นเคยกันดี

 

 

ย้อนไปตอนที่พวกคุณอายุ 14 และไปออดิชันเพื่อเล่นหนังเรื่องนี้ คุณคิดว่าอะไรที่ทำให้ทีมงานเลือกคุณสองคน ทั้งที่มีคู่แฝดวัยเดียวกันมาแคสต์อีกเป็นพันๆ คน และหลายคนก็ผ่านงานแสดงมาก่อน

เจมส์: คิดว่าน่าจะเป็นองค์ประกอบหลายๆ อย่างรวมกัน ซึ่งหมายถึงการอยู่ถูกที่ ถูกเวลาด้วย วันที่ไปออดิชันรอบแรก ก่อนที่จะเข้าไปเจอกับทีมงาน ทุกคนจะต้องต่อคิวโดยแบ่งออกเป็นแถวที่จะเข้าประตูด้านซ้ายและประตูด้านขวา เราอยู่ในแถวที่เป็นประตูด้านซ้าย ซึ่งเป็นฝั่งที่หัวหน้าทีมแคสติ้งอยู่ ถ้าวันนั้นเราเข้าประตูอีกด้าน ก็คงจะไม่ได้เจอเธอ แต่หลังจากผ่านรอบแรก เรายังต้องเข้ามาแคสต์กับโปรดิวเซอร์และผู้กำกับอีก 5 รอบ ถึงได้เล่นบทนี้ในที่สุด

 

โอลิเวอร์: หลังจากที่เราผ่านการออดิชันทั้งหมดแล้ว หัวหน้าทีมแคสติ้งมาเล่าให้ฟังทีหลังว่า ตั้งแต่แว่บแรกที่เห็นพวกเรา เธอคิดว่าลุคของเราทั้งคู่เหมาะกับบท แต่ก็ยังต้องลุ้นว่าเราจะแสดงได้ไหม เวลาพูดบทแล้วเราจะดูเป็นธรรมชาติหรือเปล่า

 

ทางทีมงานเลือกอย่างไรว่า ใครเหมาะกับบทเฟรด และใครเหมาะกับบทจอร์จ

โอลิเวอร์: เอาจริงๆ จนถึงทุกวันนี้เราก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาเลือกกันอย่างไร วันที่นักแสดงนำทุกคนเข้ามาอ่านบทกันวันแรก เรายังถามหัวหน้าทีมแคสติ้งเลยว่า ตกลงใครเป็นใคร ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ได้คำตอบ แต่จำได้ว่าหลังจากนั้นเขาเดินไปคุยกับ เจ.เค. โรว์ลิง (J. K. Rowling) และ คริส โคลัมบัส (Chris Columbus) (ผู้กำกับ Harry Potter and the Sorcerer’s Stone และ Harry Potter and the Chamber of Secrets) แล้วก็กลับมาบอกเราว่า “เจมส์ เธอเล่นเป็นเฟรดนะ ส่วนโอลิเวอร์ เธอป็นจอร์จ” นั่นคือตอนที่เรารู้ว่าใครจะรับบทไหน

 

เจมส์: แล้วจนถึงตอนนี้ เราก็ยังไม่เคยถามว่าเพราะอะไร แต่ก็คิดว่าต่อให้ถาม คำตอบที่ได้ก็อาจจะเป็นว่า “นั่นสิ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”

 

 

ผลงานในเรื่องนี้เป็นงานแสดงครั้งแรกของคุณทั้งคู่ ก่อนหน้านี้เคยทำอะไรแนวนี้มาก่อนบ้างไหม อย่างพวกละครโรงเรียน

เจมส์: น่าจะเรียกว่าก่อนหน้านั้น การแสดงไม่ใช่ความสนใจหรือความถนัดของเราเลย ตอนเป็นนักเรียน ยังมีครูที่โรงเรียนคนหนึ่งที่ชอบสอนว่า อย่าไปเป็นนักแสดงเลย ด้วยซ้ำไป…แล้วดูตอนนี้สิ เรานั่งอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วคุยถึงเรื่องการแสดงของเรา

 

คุณเรียนรู้เรื่องการแสดงจากทางไหน ทั้งที่ไม่เคยทำงานด้านนี้มาก่อน

เจมส์: ส่วนใหญ่เราเรียนจากการทำงานจริงในกองถ่ายนี่ล่ะ เพราะการเล่นเรื่องนี้ทำให้เราได้เจอกับนักแสดงระดับตำนานเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นแม็กกี้ สมิธ (Maggie Smith), ร็อบบี โคลเทรน (Robbie Coltrane), จูลี วอลเตอร์ส (Julie Walters), ไมเคิล แกมบอน (Michael Gambon) และคนอื่นๆ อีกเต็มไปหมด ทุกคนคอยช่วยสอนเราเสมอ เวลาถามอะไรก็ยินดีฟังและอธิบาย ซึ่งถือเป็นความโชคดีมากๆ สำหรับเด็กที่ไม่เคยผ่านงานมาก่อน

 

คาแรกเตอร์ของเฟรดและจอร์จมีอะไรที่ต่างกันบ้าง

เจมส์: เราไม่ค่อยได้คิดว่าตัวละครสองตัวนี้ต่างกันอย่างไร แล้วเวลาเล่นเองก็ไม่ได้คิดว่าตรงนี้จะเล่นให้เหมือนกันนะ หรือตรงนี้ต้องเล่นให้ต่างกันนะ เราเล่นในแบบที่เห็นว่าตัวละครแต่ละตัวควรเป็น เพราะในความเป็นแฝดที่มีความเหมือนกันนั้น ในอีกแง่ก็คือคนละคนที่มีความแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นเวลาที่รับบทนี้เลยจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องความเหมือน-ความต่างนี้มากสักเท่าไร

 

 

ถ้าถามว่า มีอะไรในคาแรกเตอร์ที่เหมือนกับนิสัยจริงของคุณบ้างล่ะ

เจมส์: คิดว่าความเป็นคนขี้เล่น ชอบยิงมุก ชอบเห็นคนอื่นยิ้มและหัวเราะ ที่น่าจะเหมือนกับเฟรดและจอร์จ ซึ่งพอมาเมืองไทยแล้วรู้สึกว่าเข้าทางเราสองคนมาก เพราะคนไทยยิ้มเก่ง หัวเราะง่าย

 

โอลิเวอร์: ใช่ๆ เวลาพูดอะไรสนุกๆ คนที่นี่จะหัวเราะกันง่ายมาก ซึ่งต่างจากบางประเทศที่คนส่วนใหญ่จะดูขึงขังจริงจัง เราชอบความอารมณ์ดีของคนที่นี่มาก เพราะที่ไทย แม้แต่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็ยังยิ้มให้เรา ซึ่งไม่ใช่อะไรที่เราจะได้เจอในทุกประเทศ

 

แล้วนิสัยชอบแกล้ง ขี้อำนี่เหมือนกับในหนังด้วยหรือเปล่า

เจมส์ & โอลิเวอร์: ก็มีบ้าง  

 

ที่บอกว่ามีบ้างนี่เป็นนิสัยของคุณอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนเล่นหนัง หรือว่าเป็นสิ่งที่ได้มาจากเรื่องนี้

เจมส์: สำหรับผม ก่อนหน้านั้นนี่คือไม่มีเลย เพราะผมเป็นเด็กขี้อายมาก เป็นเด็กแบบที่ถ้าให้เลือกนั่งในห้องเรียนก็จะขอนั่งหลังสุด เพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจ แต่พอต้องมารับบทตัวละครที่ชอบเรียกความสนใจจากคนอื่น ก็ทำให้สนุกกับหลายๆ เรื่องมากขึ้น

 

โอลิเวอร์: สำหรับผมอาจจะต่างไปหน่อยเมื่อเทียบกับเจมส์ เพราะผมจะเป็นคนที่ชอบสังคมมากกว่าเขา แต่ไม่มากเท่าตอนนี้นะ  

 

 

ข่าวลืออย่างหนึ่งเกี่ยวกับคุณสองคนที่เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยิน และคุณเองก็เคยออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่ใช่เรื่องจริง คือเรื่องที่ว่าคุณแอบสลับบทกันในบางฉาก

เจมส์: ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าในอินเทอร์เน็ตมีเรื่องที่ไม่จริงอยู่เต็มไปหมด และนี่คือหนึ่งในบรรดาเรื่องพวกนั้น จริงอยู่ที่เวลาซ้อมบท เราอาจจะมีเล่นแบบนั้นบ้างเพื่อให้ขำๆ กัน แต่ในการถ่ายทำจริง เราไม่เคยทำแบบนั้นเลยและไม่เคยคิดจะทำด้วย เพราะในการถ่ายทำแต่ละครั้ง มีทีมงานเป็นร้อยๆ คน ไม่มีใครอยากเป็นสาเหตุให้ทุกคนต้องกลับช้าหรอก  

 

นอกรั้วฮอกวอร์ตส์ ชีวิตวัยเด็กของคุณสนุกเหมือนอย่างในโลกแห่งเวทมนตร์ไหม

เจมส์: สนุกนะ หลายคนเคยถามเราว่า รู้สึกว่าการที่ต้องถ่ายหนังเรื่องนี้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้ชีวิตวัยเด็กของเราขาดอะไรไปบ้างหรือเปล่า ซึ่งเราคิดว่ามันตรงกันข้ามเลย มันทำให้ชีวิตเราสนุกขึ้นอีกด้วยซ้ำไป

 

เราเชื่อว่าตลอดหลายปีที่ถ่ายทำเรื่องนี้ ต้องมีฉากที่คุณประทับใจเป็นพิเศษ อยากให้ช่วยเล่าถึงบางฉากที่คุณประทับใจให้เราฟังสักนิด

โอลิเวอร์: ทุกๆ ปีพอถึงช่วงคริสต์มาส ที่อังกฤษจะเอา Harry Potter and the Sorcerer’s Stone มาฉาย แล้วมีฉากหนึ่งที่แฮร์รี่ไปที่ King’s Cross Station ครั้งแรก ซึ่งเป็นฉากแรกที่คนดูได้เห็นเฟรดกับจอร์จ ที่เลือกฉากนี้มาพูดถึงก็เพราะว่าเสียงเราสองคนแหลมมาก และกลายเป็นจุดที่ทำให้คนจำได้ทั้งที่มันไม่น่าจำ คือเชื่อเลยว่าต่อไปในอนาคต ถ้าลูกๆ ของผมได้ดูฉากนี้ก็คงจะถามว่า ทำไมเสียงพ่อถึงได้เป็นแบบนั้น

 

เจมส์: ของผมเป็นฉากหนึ่งจาก Harry Potter and the Deathly Hallows ภาคแรก ที่จะต้องมีแฮร์รี่ พอตเตอร์ทั้งหมด 7 คน เราถ่ายทำในฉากที่เซตไว้ให้เป็น Privet Drive ซึ่งก่อนหน้านั้น 2 อาทิตย์ เราเล่นคริกเกตกันระหว่างรอการถ่ายทำ แล้วผมก็บังเอิญตีลูกคริกเกตไปโดนกระจกแตก เป็นสถานการณ์แบบที่ถ้าเกิดขึ้นในโรงเรียน ทุกคนจะสลายตัวออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว พอวันที่ถ่ายทำฉากนั้นก็เลยนึกถึงวันที่ทำกระจกแตก เพราะตอนนั้นเป็นความรู้สึกว่า เฮ้ย อีก 2 อาทิตย์ต้องถ่ายทำตรงนี้ แล้วเราดันทำกระจกแตกก่อน

 

 

เรื่องที่ยากที่สุดในการรับบทเฟรดและจอร์จคืออะไร

โอลิเวอร์: การย้อมสีผมให้เป็นสีแดง (ginger hair)  

 

เจมส์: ไม่นะ นั่นไม่ได้ยากที่สุด ที่ยากกว่าการย้อมสีผมก็คือการกัดสีคิ้วต่างหาก เพราะเวลาทำสีผมมันนานก็จริง แต่มันชิลล์ๆ เราก็ทำนู่นทำนี่ไปเรื่อยๆ แต่เวลากัดสีคิ้วนี่คนละเรื่องเลย ต้องจับเวลาเป๊ะๆ แล้วมีครั้งหนึ่งทางทีมงานให้เด็กฝึกงานเป็นคนทำ แล้วเป็นเด็กฝึกงานที่ไม่เคยย้อมหรือกัดสีผมตัวเองมาก่อนด้วย เสร็จแล้วเขาก็ลืมเวลา

 

โอลิเวอร์: เราสองคนก็นั่งรอกันไป รู้สึกว่า เอ๊ะ ทำไมไม่เสร็จสักที แล้วก็รู้สึกว่า เฮ้ย ทำไมมันแสบกว่าปกติ กว่าจะมีคนมาล้างออกให้ ตอนนั้นคิ้วผมก็เกลี้ยงไปเรียบร้อยแล้ว ช่วง 2 อาทิตย์หลังจากนั้นที่ต้องถ่ายทำ ก็เลยต้องใช้วิธีเขียนคิ้วให้เป็นสีเดียวกับผมแทน เรื่องนี้เกิดในช่วงที่ถ่ายทำ Harry Potter and the Half-Blood Prince

 

คำถามนี้สำหรับเจมส์โดยเฉพาะ ตอนที่คุณรู้ว่าเฟรดจะต้องตายในเล่มที่ 7 ตอนนั้นคุณรู้สึกอย่างไร

เจมส์: เราไปเที่ยวญี่ปุ่นกันอยู่ตอนที่หนังสือเล่ม 7 ออกมา ซึ่งการอยู่ที่นั่นทำให้เราไม่ได้เช็กโซเชียลมีเดียอะไร ซึ่งก็ดีตรงที่ไม่เจอสปอยล์ ผมอ่านเล่มนี้ระหว่างอยู่บนรถไฟ พอถึงตอนที่ตัวเองตาย เป็นจังหวะที่เจ้าหน้าที่มาขอตรวจตั๋วพอดี ซึ่งผมกำลังช็อกอยู่ ทั้งช็อกที่ตัวเองในเรื่องต้องตายและตกใจที่ตัวเองช็อก เพราะฉะนั้นขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามขอดูตั๋ว ผมก็เป็นแบบ…ปล่อยผมไปเหอะ อย่ามายุ่งกับผมเลย ผมเพิ่งตาย

 

 

อะไรคือข้อดีที่สุดของการมีคู่แฝดทำงานอยู่ด้วยกันในกองถ่ายที่ใช้เวลาถ่ายทำต่อเนื่องหลายปี

โอลิเวอร์: คือการมีคนให้คุยด้วยตลอดเวลา เพราะในกองถ่าย เวลาที่เราว่าง นักแสดงคนอื่นอาจจะกำลังทำงานอยู่ หรือบางครั้งต่อให้เขาว่าง แต่เขาอาจจะทำงานมาติดต่อกันหลายชั่วโมงแล้ว พอมีแฝดอยู่ด้วย ยังไงเราก็คุยกันเองได้

 

ถ้าให้เลือกของวิเศษจากเรื่อง Harry Potter ได้ 1 อย่าง คุณจะเลือกอะไร

โอลิเวอร์: ผมเลือก Invisibility Cloak เพราะคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ดี อย่างเวลาอยู่ในกรุงเทพฯ ถ้ามีผ้าคลุมนี่ใช้ เราก็จะแอบไปไหนมาไหนได้ไวขึ้น เพราะไม่มีใครเห็น

 

เจมส์: ของผมขอเป็น Portkey ดีกว่า จะเดินทางไปไหนก็แค่ใช้กุญแจนี้ ถ้าอยากมาเมืองไทยบ่อยๆ ก็ทำได้ จริงๆ ก่อนหน้านี้เราถามทีมงานตลอดเลยนะว่าเมื่อไรจะได้มาเมืองไทยสักที อยากมามาก แล้วสุดท้ายก็ได้มา

 

 

อยากมาเมืองไทยขนาดนี้ ตอนที่รู้ว่าจะได้มาเมืองไทย ความรู้สึกแรกของคุณคืออะไร

เจมส์: เยี่ยมไปเลย เพราะจะได้กินอาหารไทย นั่นเป็นความคิดแรกในหัวเลยนะ เพราะว่าผมเป็นคนชอบทำอาหาร เวลาอยู่ที่อังกฤษก็จะทำอาหารไทยกินเองอยู่บ่อยๆ ทั้งมัสมั่น แกงเขียวหวาน ผัดไทย แล้วก็เมนูอื่นๆ เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เราทำเมื่อมาถึงเมืองไทยเมื่อวานก็คือพุ่งตรงไปที่ร้านอาหารทันที

 

ถ้าอย่างนั้นมีอาหารไทยเมนูไหนที่อยากกิน แล้วยังไม่ได้กินอีกบ้างไหม

เจมส์: คิดว่าไม่มีนะ เพราะตั้งแต่มานี่เรากินไปหลายอย่างมาก อย่างข้าวเหนียวหมูปิ้งก็ได้กิน ซึ่งผมชอบมาก

โอลิเวอร์: เราได้ลองอาหารหลายอย่างมาก มีปาท่องโก๋ชาร์โคลด้วย แต่นี่ผมกำลังพยายามหว่านล้อมให้เจมส์ลองกินแมงป่องอยู่ เขายังไม่ยอมสักที  

 

แสดงว่าคุณลองกินก่อนแล้วถึงได้ชวนให้เจมส์ลองบ้าง

โอลิเวอร์: ไม่เลยและจะไม่กินด้วย (หัวเราะ) แต่เจมส์ควรจะลองนะ เพราะไหนๆ เขาก็มาถึงเมืองไทยแล้ว เดี๋ยวผมรับหน้าที่ถ่ายรูปตอนเขากินให้เอง

 

 

ตอนที่คุณมาถึงเมืองไทย มีแฟนคลับไปรอรับที่สนามบิน ก่อนหน้านี้คุณรู้ไหมว่าหนังสือและหนังเรื่อง Harry Potter มีแฟนๆ ในเมืองไทยมากขนาดนี้

เจมส์: ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน ผมมักจะเซอร์ไพรส์กับเรื่องนี้มาก อย่างที่เมืองไทยนี่ผมไม่ได้คาดมาก่อนว่า จะมีคนจำเราได้ในทุกที่ที่ไป แม้แต่เดินอยู่ข้างทางก็ยังมีคนจำได้

 

โอลิเวอร์: หรืออย่างที่เราไปดูมวยไทยกันเมื่อคืน หลังจากมวยจบ เราได้ไปเจอนักมวยที่ชนะในยกนั้นด้วย ซึ่งเขาก็บอกว่าเขาเป็นแฟนของเรื่อง Harry Potter และจำเราสองคนได้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่เจ๋งมาก

 

ในฐานะคนอ่านและคนที่เล่นหนังเรื่องนี้ คุณมองว่าอะไรคือเวทมนตร์ของ Harry Potter ที่ทำให้คนทั่วโลกชื่นชอบเรื่องนี้

เจมส์: น่าจะเป็นความเชื่อมโยงที่ไม่ว่าใครอ่านก็จะรู้สึกได้ว่ามันมีอะไรที่ใกล้ตัวนะ คือถึงจะเป็นเรื่องของพ่อมดแม่มด แต่มันก็มีความเข้าถึงได้ แล้วมันน่าจะทำให้หลายๆ คนอดจินตนาการไม่ได้ว่า ถ้าโลกพ่อมดแม่มดนี่อยู่ในประเทศเรา มันจะเป็นแบบไหน เหมือนอย่างเวลาเรามาเมืองไทย เราก็คิดนะว่าถ้ามีโลกเวทมนตร์ในเมืองไทยจะเป็นยังไง

 

โอลิเวอร์: นั่นสิ คิดอยู่เหมือนกันว่าจะมีมวยไทยกับอาหารไทยไหม ส่วนเครื่องแบบนักเรียนก็น่าจะไม่ต้องมีผ้าพันคอนะ

 

เจมส์: คงออกมาเป็นแนวซัมเมอร์แวร์ไปเลย (หัวเราะ)

 

อะไรคือสิ่งสำคัญสุดที่คุณได้จากการเป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งเวทมนตร์ แล้วนำมาใช้ในโลกชีวิตจริง

เจมส์: สำหรับผมคิดว่าน่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง จากเด็กที่ขี้อายมากๆ กลายเป็นคนอีกแบบหนึ่งไปเลย แล้วก็ได้เรียนรู้ว่าเราสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้ อย่างแต่ก่อนผมเคยกลัวความสูงสุดๆ แต่เพราะได้ทำอะไรหลายๆ อย่างในเรื่องนี้ จนตอนนี้ผมกลายเป็นคนที่สนุกกับบันจี้จัมป์ กระโดดร่ม ปีนหน้าผา เรียกว่าหลายปีที่ได้เล่นหนังเรื่องนี้ มันทำให้ผมเอาชนะตัวเองได้ในเรื่องส่วนตัว

 

โอลิเวอร์: ของผมคือ อย่าย้อมสีผมด้วยตัวเอง ถ้าจะทำสีผม ไปให้ช่างทำสีผมทำดีกว่า เพราะที่ผ่านมาเราทำสีผมกันเอง ซึ่งโชคดีมากที่ตลอด 12 ปีในการทำสีผม ผมก็ยังไม่มีปัญหาเรื่องผมร่วง แต่นั่นคือบทเรียนที่ผมได้จากเรื่องนี้

The post คุยกับฝาแฝด Fred และ George Weasley ใน Harry Potter สดจากชานชาลาที่ 9 ¾ กรุงเทพมหานคร appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/fred-george-weasley-harry-potter/feed/ 0