EIA – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 19 Sep 2024 10:22:47 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เฉลิมชัยประเดิมตอบกระทู้ในฐานะ รมว.ทส. เผย สะพานข้ามแม่น้ำป่าสักผ่าน EIA แล้ว https://thestandard.co/the-bridge-over-the-pa-sak-river-has-passed-eia/ Thu, 19 Sep 2024 10:22:47 +0000 https://thestandard.co/?p=985517

วันนี้ (19 กันยายน) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 2 […]

The post เฉลิมชัยประเดิมตอบกระทู้ในฐานะ รมว.ทส. เผย สะพานข้ามแม่น้ำป่าสักผ่าน EIA แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (19 กันยายน) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 25 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1) วาระพิจารณากระทู้ถาม สาธิต ทวีผล สส. ลพบุรี พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถาม เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องติดตามความคืบหน้ารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี

 

เฉลิมชัยตอบกระทู้นี้ว่า เมื่อตนได้เข้ารับตำแหน่ง จึงตรวจดูกระทู้ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวง พร้อมกับขอข้อมูลจากส่วนงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับทำความเข้าใจและชี้แจงต่อสภา

 

ในเรื่องดังกล่าว สำนักงานนโยบายและแผนฯ นำเสนอโครงการนี้ และมีการอนุมัติไปแล้วเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 โดยมีมติให้ความเห็นชอบกับรายงาน EIA โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก จังหวัดลพบุรี โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด 

 

“ท่านสามารถไปบอกพี่น้องชาวลพบุรีได้เลยว่า ขณะนี้ EIA ผ่านเรียบร้อยแล้ว ท่านได้ติดตามแล้ว และหลังจากนี้จะเป็นการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป” เฉลิมชัยกล่าว 

 

เฉลิมชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากในพื้นที่ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ พบว่ายังมีเขตที่ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ดังนั้น เมื่อโครงการก่อสร้างดังกล่าวได้รับการอนุมัติ EIA ไปแล้ว

 

ทั้งนี้ ขอฝากไปยังผู้ตั้งกระทู้ให้ไปติดตามกระบวนการต่อเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ โดยขอให้ดำเนินการยื่นหนังสือต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อให้เพิกถอนพื้นที่ห้ามล่าสัตว์ป่าในพื้นที่ทับซ้อนกับโครงการด้วย ซึ่งจะทำให้กรมอุทยานฯ สามารถดำเนินการให้ครบถ้วน เมื่อโครงการเริ่มดำเนินการจะได้ไม่ติดขัดข้อกฎหมาย

 

เฉลิมชัยย้ำด้วยว่า หากเห็นว่ามีสิ่งใดที่จะเป็นปัญหาในด้านธุรกรรม หรือเอกสารต่างๆ ก็สามารถประสานมาได้ตลอดเวลา เพราะโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง

The post เฉลิมชัยประเดิมตอบกระทู้ในฐานะ รมว.ทส. เผย สะพานข้ามแม่น้ำป่าสักผ่าน EIA แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธรรมนัสเผย ‘คนพะเยามีความสุข’ ครม.สัญจร ไฟเขียวศึกษา EIA สร้างสนามบิน https://thestandard.co/thamanat-prompow-19032024/ Tue, 19 Mar 2024 05:51:43 +0000 https://thestandard.co/?p=912758 ธรรมนัส พรหมเผ่า

วันนี้ (19 มีนาคม) ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แท […]

The post ธรรมนัสเผย ‘คนพะเยามีความสุข’ ครม.สัญจร ไฟเขียวศึกษา EIA สร้างสนามบิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธรรมนัส พรหมเผ่า

วันนี้ (19 มีนาคม) ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ครั้งที่ 2/2567 ถึงมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้จังหวัดพะเยาซึ่งเป็นโครงการที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่เมื่อวานนี้ (18 มีนาคม) คือการศึกษาการสร้างสนามบินที่อำเภอดอกคำใต้ รวมถึงการขยายถนนสี่เลน บริเวณด่านบ้านฮวก อำเภอภูซาง นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหมือนกับจังหวัดพื้นที่ใกล้เคียง เช่น แพร่ น่าน และเชียงราย

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถึงความเป็นไปได้ของการสร้างสนามบินพะเยา ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า เนื่องจากรัฐบาลที่แล้ว เมื่อปี 2564 ได้ศึกษาเบื้องต้น โดยกรมท่าอากาศยานได้จัดงบประมาณบางส่วนในการศึกษาแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องการศึกษา EIA เรื่องผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงโอกาสในการเกิดสนามบินพะเยา ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องการสร้างเมืองรองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และหลังจากที่เราลงพื้นที่จังหวัดพะเยามา 2-3 วัน ก็จะเห็นว่าเรามีความพร้อม ส่วนกระบวนการศึกษาขอให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงคมนาคม ที่เมื่อวานนี้ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ลงพื้นที่มาด้วย

 

ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเรื่องของลุ่มน้ำเอด้วย

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีที่จังหวัดพะเยาในครั้งนี้ทำให้คนพะเยามีความสุขแค่ไหน ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า แค่มาพะเยา คนพะเยาก็มีความสุขแล้ว ทำให้เศรษฐกิจทั้งเมืองดีขึ้น คึกคักขึ้น ก่อนทิ้งท้ายว่ามาเที่ยวพะเยาอีกนะครับ

The post ธรรมนัสเผย ‘คนพะเยามีความสุข’ ครม.สัญจร ไฟเขียวศึกษา EIA สร้างสนามบิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักปกป้องสิทธิฯ เครือข่ายคนฮักทุ่งกุลา บุกไล่โรงงานน้ำตาล-โรงงานไฟฟ้า เผยรอดู ‘เศรษฐา’ จะซ้ำรอยรัฐบาลประยุทธ์หรือไม่ ขอรัฐแก้ปัญหาราคาข้าว https://thestandard.co/we-love-thung-kula-18122566/ Mon, 18 Dec 2023 11:39:52 +0000 https://thestandard.co/?p=878201

วันนี้ (18 ธันวาคม) ที่ลานข้างเทศบาลตำบลโนนสวรรค์ อำเภอ […]

The post นักปกป้องสิทธิฯ เครือข่ายคนฮักทุ่งกุลา บุกไล่โรงงานน้ำตาล-โรงงานไฟฟ้า เผยรอดู ‘เศรษฐา’ จะซ้ำรอยรัฐบาลประยุทธ์หรือไม่ ขอรัฐแก้ปัญหาราคาข้าว appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (18 ธันวาคม) ที่ลานข้างเทศบาลตำบลโนนสวรรค์ อำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด นักปกป้องสิทธิมนุษยชนเครือข่ายคนฮักทุ่งกุลารวมตัวกันเพื่อขับไล่อุตสาหกรรมอ้อยน้ำตาลทรายและโรงไฟฟ้าชีวมวลออกไปจากพื้นที่ และเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ดให้คำตอบว่าจะปกป้องผืนแผ่นดินทุ่งกุลาสำหรับเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิโลก หรือจะเปลี่ยนเป็นไร่อ้อยเพื่อตอบสนองนายทุน

 

จากนั้นเวลา 11.00 น. เครือข่ายคนฮักทุ่งกุลา ได้เคลื่อนขบวนเดินเท้าไปยังบริเวณหน้าสำนักงานของบริษัทดังกล่าว พร้อมถือป้ายผ้าระบุข้อความ เช่น “คัดค้านการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล, เราไม่เอาโรงงานน้ำตาล/โรงไฟฟ้าชีวมวล, ออกไปจากบ้านกู” 

 

โดยระหว่างการเดินทางแกนนำได้มีการปราศรัยช่วงหนึ่งระบุว่า หาก EIA ผ่าน หรือโรงงานยังไม่ปิดปีหน้า ทางเครือข่ายคนฮักทุ่งกุลาจะมาชุมนุมปิดโรงงานแน่นอน และเมื่อเดินทางมาถึงบริเวณหน้าสำนักงานของบริษัท ได้มีการตั้งเต็นท์และเตรียมกิจกรรมต่อไป

 

โรงงานน้ำตาล แปลงร่างหาพื้นที่ก่อสร้างใหม่หลังพื้นที่เดิมตั้งไม่สำเร็จ

 

ต่อมา เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ที่ปรึกษาเครือข่ายคนฮักทุ่งกุลา กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า บริษัทน้ำตาลดังกล่าวได้เปลี่ยนชื่อนั้น เพราะเงื่อนไขตามกฎหมายระบุว่าเมื่อบริษัทชื่อเดิมไม่สามารถตั้งโรงงานตามอายุใบอนุญาตที่ได้รับไปจะไม่เปิดโอกาสให้บริษัทชื่อเดิมตั้งโรงงานในพื้นที่เดิมได้ ตอนนี้มีใบอนุญาตตั้งโรงงานได้แล้ว โดยขออนุญาตใหม่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 จะหมดอายุลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2569 ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม เพราะครั้งที่แล้วล้มเหลว เขาต้องพยายามให้ EIA ผ่านในปีนี้ หรือต้นปีหน้าเพื่อให้ก่อสร้างโรงงานได้ทัน และใช้วิธีจัดทำเวทีรับฟังความคิดเห็น EIA ภายในโรงงานซึ่งเป็นพื้นที่ปิด เพื่อให้ยกมือเป็นเสียงเดียว ไม่จัดเวทีที่ อบต. เทศบาล หรืออำเภอเหมือนกรณีอื่นๆ แต่จัดในพื้นที่ส่วนบุคคล 

 

เลิศศักดิ์กล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของประเทศอย่างมาก ก่อนรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี จะมาบริหารประเทศ โรงงานน้ำตาล 2 โรงงาน ต้องตั้งห่างกัน 100 กิโลเมตร แต่มีการแก้กฎหมายให้ขยับมาเป็น 50 กิโลเมตร ซึ่งอุตสาหกรรมนี้ต้องถูกควบคุม ไม่ใช่แค่การตั้งโรงงานอย่างเดียว เพราะหนึ่งโรงงานต้องใช้พื้นที่ปลูกอ้อยไม่ต่ำกว่า 3-5 แสนไร่ และทั่วประเทศต้องใช้พื้นที่ปลูกอ้อยไม่ต่ำกว่า 10.5 ล้านไร่  ถ้าใกล้กันจะแย่งโควตาอ้อยกัน  

 

อัดรัฐบาล ‘ประยุทธ์’ ปล่อยนายทุนอ้อยกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศ

 

เลิศศักดิ์กล่าวต่อว่า สิ่งที่รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ทำคือให้นายทุนอ้อยเบอร์หนึ่งของประเทศมากำหนดยุทธศาสตร์การปลูกอ้อย อ้างว่าพื้นที่ทุ่งกุลาเป็นนาน้ำฝน ผลผลิตข้าวที่ได้ต่ำ ไม่ควรเป็นนาข้าว ให้เปลี่ยนเป็นไร่อ้อยเสีย ซึ่งเป็นการเหยียบย่ำชาวบ้าน เหมือนสมัย สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะให้ทุ่งกุลาเป็นที่ทิ้งขยะของประเทศไทย หรือแม้กระทั่งในยุคของรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ก็จะให้เป็นพื้นที่คาสิโน 

 

รอดูน้ำยา ‘รัฐบาลเศรษฐา’ จะเดินตามรอย คสช. หรือไม่

 

“ตอนนี้เราต้องมาดูน้ำยาของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าจะดำรงนโยบายของ พล.อ. ประยุทธ์เอาไว้อย่างเดิม ด้วยการเปลี่ยนท้องนาทุ่งกุลาเป็นไร่อ้อย หรือจะเปลี่ยนนโยบายนี้หรือไม่” เลิศศักดิ์กล่าว 

 

เลิศศักดิ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การดำเนินการทั้งหลายจะผ่านระบบเกษตรพันธสัญญา แต่ 5-6 ปีที่โรงงานน้ำตาลเข้ามาอยู่ในพื้นที่ เขาต้องการที่ดินปลูกอ้อย 300,500 ไร่ แต่ปัจจุบันได้เพียง 14,000 ไร่ เพียงพอต่อการหีบอ้อยได้แค่ 3 วัน ตัวเลขนี้ชี้ว่าพี่น้องทุ่งกุลาไม่ใช่หมู แสดงว่าชาวบ้านไม่อยากเปลี่ยน และผูกพันกับวิถีชีวิตเดิมคือการปลูกข้าวหอมมะลิ อยากเก็บผืนแผ่นดินทุ่งกุลาไว้ให้ลูกหลาน รัฐบาลนี้กำลังส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ข้าวหอมมะลิเป็นซอฟต์พาวเวอร์มาก่อนรัฐบาลไทยรักไทยจะจัดตั้งรัฐบาลอีก บริษัทน้ำตาลบ้านโป่งที่ถูกเปลี่ยนชื่อรายใหญ่อยู่มา 5-6 ปี ไม่สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของชาวบ้านได้ แสดงถึงความล้มเหลวของโรงงานน้ำตาล จนต้องไปหาอ้อยจากนอกพื้นที่ทุ่งกุลา ในเมื่อพื้นที่ปลูกอ้อยอยู่ห่างไกลจากทุ่งกุลาและไม่สามารถหาพื้นที่ปลูกอ้อยในทุ่งกุลาได้ ดังนั้นจึงต้องย้ายโรงงานไป

 

“ข้อเรียกร้องเดียวคือ โรงงานแห่งนี้ต้องย้ายตามไร่อ้อยออกไป เราจะไม่ประนีประนอมอีกต่อไป ขอฝากบริษัทแห่งนี้ถ้ายังมีสำนึกดีอยู่ก็ให้ย้ายโรงงานออกไป อย่ามาตั้งที่นี่ ปีหน้าเราจะให้โอกาสเป็นเวลา 1 เดือน คือในเดือนมกราคม และผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ต้องแสดงให้เห็นว่าคุณใหญ่กว่าบริษัทนี้ และต้องมีคำตอบให้กับเราว่าจะเลือกให้ทุ่งกุลาเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิหรือเป็นไร่อ้อย ถ้าไม่ได้คำตอบในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เราจะยกระดับการชุมนุมด้วยการปิดบริษัทแห่งนี้ และเราจะตั้งหมู่บ้านคนฮักทุ่งกุลาขึ้นที่ผืนแผ่นดินที่นี่” เลิศศักดิ์กล่าว

 

ห่วงโรงงานแย่งน้ำบาดาล-ทำลายอาชีพคนในชุมชน

 

นิวาส โคตรจันทึก นักปกป้องสิทธิมนุษยชน เครือข่ายคนฮักทุ่งกุลา กล่าวว่า พี่น้องที่มามีส่วนร่วมในวันนี้เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้เพื่อถิ่นเกิดของตัวเอง ถ้าสมมติว่าโรงงานมาตั้งได้ ไม่มีที่จะถอนออกไป มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากหมื่นตันเป็นแสนตัน โรงงานน้ำตาลไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ตนไปดูมาหมดแล้ว มีแต่สร้างเพิ่ม ไม่มีเล็กลง มีแต่ใหญ่ขึ้น 

 

จึงขอขอบคุณพี่น้องที่ออกมาต่อสู้ร่วมกันในวันนี้ และขอให้เรารู้ว่าเราเป็นตัวแทนที่จะต่อสู้เพื่อลูกหลานไม่ให้เกิดโรงงานที่จะสร้างผลกระทบต่อไป ทั้งนี้ผลกระทบที่สำคัญที่สุดคือเรื่องน้ำ โดยเฉพาะน้ำบาดาลของคนในพื้นที่ เพราะโรงงานนี้ไม่มีแหล่งน้ำผิวดิน นอกจากน้ำใต้ดินเท่านั้น โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เท่านี้จะต้องใช้น้ำเท่าไร นอกจากนั้นคือปัญหาการจราจรในฤดูหีบอ้อย ตราบใดที่เราสกัดโรงงานไม่ให้สร้างได้ปัญหาจะไม่เกิด เจ้าของโรงงานไม่ได้อยู่กับเรา แต่เอามลพิษมาฝากไว้ที่เรา

 

ขณะที่ เกียรติศักดิ์ แก้วพิลา จากเครือข่ายคนฮักทุ่งกุลา กล่าวว่า หากมีโรงงานน้ำตาลปัญหาที่จะเกิดขึ้นคืออุบัติเหตุจากรถขนอ้อย ชาวบ้านจะสูญเสียพื้นที่เลี้ยงวัว เกิดสารเคมีจากไร่อ้อย กระทบต่อไส้เดือนที่เป็นรายได้หลักของชาวบ้านเกือบ 1,000 บาทต่อวันก็จะหายไป นอกจากนั้นยังเกิดการสูญเสียป่าชุมชนจากการสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวล สุดท้ายภัยแล้งจะมาเยือน เพราะหากปลูกอ้อยคันนาจะถูกทำลายส่งผลต่อการเก็บกักน้ำ และปัญหาน้ำเสียจากโรงงานที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งปัญหาฝุ่น PM2.5  

 

อรัฐแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำแทนผุดโรงงานน้ำตาล

 

หมุน ลุนศร ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เครือข่ายคนฮักทุ่งกุลา กล่าวว่า หากโรงงานไม่ย้ายออกไป เราจะย้ายมาตั้งหมู่บ้านที่บริเวณโรงงานนี้ และทำอุตสาหกรรมต้มเหล้าจากข้าวหอมมะลิในพื้นที่นี้ เราต้องปกป้องผืนดินทุ่งกุลาที่เป็นทุ่งสีทองเหมือนทองคำ เราต้องพาลูกหลานลุกขึ้นมาต่อสู้ อย่าให้เขามาสร้างโรงงานน้ำตาลได้ ถ้าเราจะสร้างคือสร้างโรงต้มเหล้าจากข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา เราจะใส่แบรนด์ของเราลงไปให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศ

 

ด้าน หนูปา แก้วพิลา ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มคนฮักทุ่งกุลา กล่าวว่า ที่พวกเราต้องออกมาคัดค้านโรงงานน้ำตาลและโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวลในครั้งนี้เพราะเราเล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ไม่อยากให้เข้ามาทำลายทุ่งกุลาแหล่งอาหารธรรมชาติและแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิขนาดใหญ่ของพวกเรา เราอยากให้ลูกหลานของเราได้อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศที่ดี 

 

“รัฐควรให้ความสำคัญ ไม่ใช่การเร่งขยายแหล่งผลิตโรงงานน้ำตาลหรือโรงไฟฟ้าชีวมวล แต่ควรแก้ปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำลงทุกวัน ข้าวหอมมะลิเราเป็นข้าวหอมมะลิที่ส่งออกทั่วโลก แต่ไม่มีรัฐบาลชุดไหนให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำเลย” หนูปากล่าว

 

แถลงการณ์หากไม่ยุติโรงงานจะปิดสำนักงานโรงงาน

 

พร้อมแถลงการณ์ระบุตอนหนึ่งว่า “เราให้เวลาหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องและบริษัทดังกล่าวภายในเดือนมกราคม 2567 เมื่อล่วงเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2567 หากไม่ประกาศยุติโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำตาลทรายและโรงไฟฟ้าชีวมวลขึ้นที่ตำบลโนนสวรรค์ หรือบริเวณอื่นใดบนผืนแผ่นดินทุ่งกุลา เราจะทำการปิดสำนักงานของบริษัทด้วยสองมือสองเท้าของเราเอง”

The post นักปกป้องสิทธิฯ เครือข่ายคนฮักทุ่งกุลา บุกไล่โรงงานน้ำตาล-โรงงานไฟฟ้า เผยรอดู ‘เศรษฐา’ จะซ้ำรอยรัฐบาลประยุทธ์หรือไม่ ขอรัฐแก้ปัญหาราคาข้าว appeared first on THE STANDARD.

]]>
ราคาน้ำมันดิบพุ่งทะลุ 94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในรอบกว่า 1 ปี จากแรงกดดันด้านอุปทาน นักวิเคราะห์หวั่นทำเงินเฟ้อกระฉูดอีกครั้ง https://thestandard.co/94-a-barrel-first-time-in-a-year/ Thu, 28 Sep 2023 03:17:04 +0000 https://thestandard.co/?p=847336

ราคาน้ำมันดิบในสหรัฐอเมริกาขยับขึ้นแตะระดับ 94 ดอลลาร์ต […]

The post ราคาน้ำมันดิบพุ่งทะลุ 94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในรอบกว่า 1 ปี จากแรงกดดันด้านอุปทาน นักวิเคราะห์หวั่นทำเงินเฟ้อกระฉูดอีกครั้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>

ราคาน้ำมันดิบในสหรัฐอเมริกาขยับขึ้นแตะระดับ 94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (27 กันยายน) หลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้าว่าจะลดลงเพียง 900,000 บาร์เรลเท่านั้น

 

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต๊อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ ลดลง 943,000 บาร์เรล สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี

 

ขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่สูงขึ้นยังได้รับแรงกดดันจากกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก หรือ OPEC นำโดยชาติสมาชิกอย่างซาอุดีอาระเบีย พร้อมด้วยรัสเซีย ที่ประกาศปรับลดกำลังการผลิตเพื่อลดอุปทานน้ำมัน จนมีการประเมินว่าตลาดโลกน่าจะเผชิญกับภาวะขาดแคลนน้ำมันในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่มีความต้องการใช้น้ำมันสูงสุดในรอบปี 

 

ทั้งนี้ เมื่อวันพุธที่ 27 กันยายน ราคาน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ขยับขึ้นแตะ 94.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นราคาระหว่างวันสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2022 ก่อนที่ราคาจะขยับปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 93.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ล่าสุดสถาบันการเงินชั้นนำหลายแห่งในตลาดวอลล์สตรีทพร้อมใจกันปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันจากความตึงเครียดด้านอุปทาน โดย Bank of America คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ Goldman Sachs เตือนว่าราคาน้ำมันจะเฉลี่ยอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเวลานี้ของปีหน้า 

 

Goldman Sachs ระบุด้วยว่า ราคาน้ำมันที่อาจพุ่งขึ้นทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สุ่มเสี่ยงที่จะสร้างแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ทำให้ราคาสินค้าและบริการแพงขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อท่าทีการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed อีกทอดหนึ่ง

 

อ้างอิง: 

The post ราคาน้ำมันดิบพุ่งทะลุ 94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในรอบกว่า 1 ปี จากแรงกดดันด้านอุปทาน นักวิเคราะห์หวั่นทำเงินเฟ้อกระฉูดอีกครั้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
SPALI จะใช้สิทธิอุทธรณ์หลังศาลปกครองสั่งถอน EIA โครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ-วงศ์สว่าง https://thestandard.co/spali-will-appeal-after-being-withdrawn-from-eia/ Thu, 01 Jun 2023 11:53:15 +0000 https://thestandard.co/?p=798045 ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ-วงศ์สว่าง

บมจ.ศุภาลัย หรือ SPALI ชี้แจงกรณีศาลปกครองกลางมีคำสั่งใ […]

The post SPALI จะใช้สิทธิอุทธรณ์หลังศาลปกครองสั่งถอน EIA โครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ-วงศ์สว่าง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ-วงศ์สว่าง

บมจ.ศุภาลัย หรือ SPALI ชี้แจงกรณีศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้เพิกถอนรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ-วงศ์สว่าง พร้อมระงับการขายโครงการชั่วคราวตามคำสั่งศาลปกครองกลาง และใช้สิทธิในการอุทธรณ์คำพิพากษาไปยังศาลปกครองสูงสุด

 

โดยจดหมายชี้แจงระบุว่า ตามที่บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ได้ทำการพัฒนาโครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ-วงศ์สว่าง โดยก่อนที่บริษัทจะทำการประชาสัมพันธ์ขายโครงการนั้น บริษัทได้จัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามขั้นตอนของกฎหมาย และได้ดำเนินการขออนุญาตก่อสร้างตามระเบียบข้อบังคับของหน่วยงานราชการครบถ้วนทุกประการ 

 

โดยทางบริษัทได้ยื่นหนังสือขออนุญาตตั้งแต่ปี 2559 และคณะกรรมการผู้ชำนาญการ ซึ่งเป็นผู้พิจารณารายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้มีความเห็นให้บริษัทดำเนินการแก้ไขประเด็นที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนข้างเคียงและสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทได้ปฏิบัติตามมาโดยตลอด ตามความเห็นของคณะกรรมการ โดยบริษัทได้มีการแก้ไขรูปแบบอาคารและปรับระดับความสูงตามที่ชุมชนโดยรอบโครงการมีความคิดเห็น จนเป็นที่มาของการได้รับหนังสือเห็นชอบรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในวันที่ 25 ตุลาคม 2564

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้เพิกถอนรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการเป็นผู้พิจารณาอนุญาต โดยศาลเห็นว่าการที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการมีมติเห็นชอบรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดจากพื้นที่ข้างเคียงในเรื่องแสงแดดและลมของคณะกรรมการผู้ชำนาญการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านไม่เพียงพอ เป็นเหตุให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ElA) ดังกล่าว จึงเป็นการที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนรายงานผลกระทบด้านแสงแดดและลมเป็นครั้งแรกนับแต่มีการพิจารณารายงานของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ

 

ในขณะนี้ บริษัทมีความจำเป็นต้องระงับการก่อสร้างไว้ชั่วคราวตามคำสั่งศาลปกครองกลาง และใช้สิทธิในการอุทธรณ์คำพิพากษาไปยังศาลปกครองสูงสุด และเมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้บริษัทสามารถกลับมาก่อสร้างโครงการได้ บริษัทจะเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ-วงศ์สว่าง โดยเร็วที่สุด

 

โดยในส่วนของลูกค้า บริษัทได้เริ่มจัดส่งหนังสือถึงลูกค้าโครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ-วงศ์สว่าง ทุกราย ในวันที่ 1 มิถุนายน 2566 เพื่อแจ้งแนวทางและข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าโครงการดังกล่าว

The post SPALI จะใช้สิทธิอุทธรณ์หลังศาลปกครองสั่งถอน EIA โครงการศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ-วงศ์สว่าง appeared first on THE STANDARD.

]]>
เสียงประชาชนทวงคืนชายหาด หลังพบสร้างกำแพงกันคลื่นโดยไม่ทำ EIA ทำชายหาดหลายแห่งเสียหาย https://thestandard.co/beach-for-life-wave-wall-eia/ Thu, 08 Dec 2022 15:21:07 +0000 https://thestandard.co/?p=721560 EIA

วันนี้ (8 ธันวาคม) กลุ่ม Beach for Life และเครือข่ายประ […]

The post เสียงประชาชนทวงคืนชายหาด หลังพบสร้างกำแพงกันคลื่นโดยไม่ทำ EIA ทำชายหาดหลายแห่งเสียหาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
EIA

วันนี้ (8 ธันวาคม) กลุ่ม Beach for Life และเครือข่ายประชาชนทวงคืนชายหาด นัดหมายบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาการทำลายชายหาด โดยเฉพาะปัญหาที่มาจากโครงการกำแพงกันคลื่นตามชายหาดต่างๆ ที่ดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐ

 

สำหรับข้อเรียกร้อง 3 ข้อของกลุ่ม Beach for Life และเครือข่ายประชาชนทวงคืนชายหาด ประกอบด้วย

 

  1. ให้รัฐบาลยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่ให้อำนาจเบ็ดเสร็จแก่กรมโยธาธิการและผังเมือง ในการทำหน้าที่ป้องกันและแก้ปัญหาชายฝั่ง

 

  1. เรียกร้องให้กำแพงกันคลื่นต้องทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA)

 

  1. เร่งฟื้นฟูชายหาดที่ได้รับความเสียหายจากการสร้างกำแพงกันคลื่น

 

ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รายงานว่า กลุ่ม Beach for Life ระบุว่าระยะเวลากว่า 9 ปีที่ภาครัฐเปิดช่องให้กรมโยธาธิการและผังเมืองมีอำนาจในการป้องกันชายฝั่ง ซึ่งได้ดำเนินโครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นโดยไม่ต้องอาศัยการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จนถึงขณะนี้ดำเนินการไปแล้วกว่า 107 โครงการ จาก 125 โครงการ 

 

ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อชายหาดที่เป็นพื้นที่ดำเนินการหลายแห่ง เช่น หาดปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หาดชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และหาดม่วงงาม จังหวัดสงขลา อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชาวประมงและการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะการลดมูลค่าทางเศรษฐกิจและการเพิ่มต้นทุนทางการประมง เนื่องจากกำแพงกันคลื่นอาจส่งผลให้กระแสคลื่นรุนแรงขึ้น เป็นเหตุให้สัตว์ที่อาศัยอยู่ชายฝั่งหรือสัตว์ที่จะเข้ามาวางไข่ลดน้อยลง สุดท้ายชาวประมงก็ต้องแล่นเรือออกไปทำประมงไกลชายฝั่งมากขึ้น 

 

EIA EIA EIA EIA EIA EIA

The post เสียงประชาชนทวงคืนชายหาด หลังพบสร้างกำแพงกันคลื่นโดยไม่ทำ EIA ทำชายหาดหลายแห่งเสียหาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
กนอ. ตั้งนิคมฯ ‘เอเพ็กซ์กรีน’ ในพื้นที่ EEC คาดเปิดดำเนินการปี 2566 มูลค่าลงทุนกว่า 6.4 หมื่นล้านบาท ช่วยจ้างงานเพิ่ม 16,000 คน https://thestandard.co/ieat-apex-green/ Tue, 19 Oct 2021 06:58:14 +0000 https://thestandard.co/?p=549842 เอเพ็กซ์กรีน

วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย […]

The post กนอ. ตั้งนิคมฯ ‘เอเพ็กซ์กรีน’ ในพื้นที่ EEC คาดเปิดดำเนินการปี 2566 มูลค่าลงทุนกว่า 6.4 หมื่นล้านบาท ช่วยจ้างงานเพิ่ม 16,000 คน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เอเพ็กซ์กรีน

วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ. ได้ลงนามสัญญาร่วมดำเนินงานกับ บริษัท เอเพ็กซ์ ปาร์ค จำกัด จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเอเพ็กซ์ กรีน อินดัสเตรียล เอสเตท เพื่อรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมสมัยใหม่ทั้งอุตสาหกรรมเป้าหมายเดิม (S-Curve) และอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve) ในรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานที่เอกชนเป็นผู้ลงทุนพัฒนา และให้บริการระบบสาธารณูปโภค เป็นนิคมอุตสาหกรรมลำดับที่ 66 มีแผนใช้เวลาพัฒนาโครงการประมาณ 2 ปี ซึ่งหลังจากประกาศเขตนิคมอุตสาหกรรมแล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในปี 2566 

 

“ล่าสุดได้รับความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA: Environmental Impact Assessment) จากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) แล้ว ซึ่งหากมีการลงทุนเต็มพื้นที่แล้ว จะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในนิคมประมาณ 64,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานประมาณ 16,000 คน สะท้อนถึงศักยภาพของการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม นับเป็นหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศในอนาคต” ผู้ว่าการ กนอ. กล่าว

 

โดยโครงการจะเน้นกลุ่มนักลงทุนเป้าหมายที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิตเป็นหลัก เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง ชิ้นส่วนยานพาหนะ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมเบา กลุ่มกิจการบริการและสาธารณูปโภค กลุ่มเกษตรกรรมและผลผลิตจากการเกษตรที่มีความต้องการใช้น้ำต่ำ และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมตามโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC (Eastern Economic Corridor Development) ตามนโยบายรัฐบาล 

 

สำหรับนิคมอุตสาหกรรมเอเพ็กซ์กรีน อินดัสเตรียล เอสเตท ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลหัวสำโรง และตำบลแปลงยาว อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพื้นที่ประมาณ 2,191.50 ไร่ ประกอบด้วยพื้นที่ก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 1,600.22 ไร่ คิดเป็น 73.17% พื้นที่ระบบสาธารณูปโภคประมาณ 358.34 ไร่ คิดเป็น 16.22% และพื้นที่สีเขียวและแนวกันชนประมาณ 232.03 ไร่ คิดเป็น 10.61% ของพื้นที่ทั้งหมด

 

วีริศ กล่าวเพิ่มเติมว่า พื้นที่มีความได้เปรียบด้านเส้นทางคมนาคมที่สะดวก อยู่ห่างจากท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบังและท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดประมาณ 100-130 กิโลเมตร ห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสนามบินอู่ตะเภาประมาณ 80-120 กิโลเมตร และมีนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงพื้นที่โครงการ ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี

 

อย่างไรก็ตาม นิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้จึงถือว่าอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของประเทศที่รัฐบาลจัดเตรียมระบบโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร มีศักยภาพที่เอื้อต่อการลงทุน คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post กนอ. ตั้งนิคมฯ ‘เอเพ็กซ์กรีน’ ในพื้นที่ EEC คาดเปิดดำเนินการปี 2566 มูลค่าลงทุนกว่า 6.4 หมื่นล้านบาท ช่วยจ้างงานเพิ่ม 16,000 คน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ค้าน EIA ผันน้ำโขง เลย ชี มูล ขอทบทวนใหม่ ชี้ขาดกระบวนการส่วนร่วมอย่างรอบด้าน https://thestandard.co/envicommunity-against-eia/ Mon, 20 Sep 2021 09:58:26 +0000 https://thestandard.co/?p=538542

วันนี้ (20 กันยายน) เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ออก […]

The post เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ค้าน EIA ผันน้ำโขง เลย ชี มูล ขอทบทวนใหม่ ชี้ขาดกระบวนการส่วนร่วมอย่างรอบด้าน appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (20 กันยายน) เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ออกแถลงการณ์เรื่อง ค้าน EIA ผันน้ำ โขง เลย ชี มูล คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ต้องทบทวนบทบาท  รับฟังเสียงประชาชน โดยมีรายละเอียดระบุว่า

 

‘โครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ’ ได้รับการผลักดันโดยกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาความสามารถในการส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตรในลุ่มน้ำโขง เลย ชี มูล เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำ และปัญหาอุทกภัยในพื้นที่กว่า 30 ล้านไร่ โดยอ้างว่าหากโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จ จะช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนชาวอีสานใต้ได้ดียิ่งขึ้น 

 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมชลประทานจึงได้ทำการศึกษาโครงการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment: SEA) โครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วเสร็จเมื่อเดือนกรกฎาคม 2555 ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้เงินลงทุนสูงมาก มีการแบ่งโครงการออกเป็น 5 ระยะ โดยได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมโครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วง: การพัฒนาระยะที่ 1 แล้วเสร็จเมื่อเดือนเมษายน 2560 โดยมีการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วง ระยะที่ 1 ช่วงปากแม่น้ำเลย-เขื่อนอุบลรัตน์ ประกอบด้วย พื้นที่หัวงานแนวผันน้ำโขงอีสาน และพื้นที่หัวงานแนวผันน้ำชี-มูล ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ในเขตการปกครอง 9 อำเภอ 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี และขอนแก่น

 

ทั้งนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2564 เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการ 2 ฉบับ จากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลงวันที่ 16 กันยายน 2564 แจ้งผลเรื่องการพิจารณารายงานโครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วงระยะที่ 1 ช่วงปากแม่น้ำเลย-เขื่อนอุบลรัตน์ ว่าตามที่เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ได้ส่งหนังสือขอข้อมูลรายงานการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ประเภทโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและเกษตรกรรม โครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วง ระยะที่ 1 ช่วงปากแม่น้ำเลย-เขื่อนอุบลรัตน์ โดยพื้นที่โครงการจะครอบคลุมอำเภอเชียงคาน อำเภอปากชม อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย อำเภอสุวรรณคูหา อำเภอนากลาง อำเภอโนนสัง อำเภอหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู อำเภอน้ำโสม อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี และอำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่นนั้น คณะผู้ชำนาญการได้พิจารณารายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ (คชก.) ได้พิจารณารายงานเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 และมีมติให้ สทนช. และกรมชลประทาน ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขรายงานดังกล่าว และ สทนช. จะต้องจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมตามมติของ คชก. จนกว่าจะผ่านการพิจารณา 

 

อนึ่ง เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน เห็นว่ารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการแล้ว แต่เป็นการดำเนินการไปโดยขาดกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึงของประชาชนในลุ่มน้ำภาคอีสาน และเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณมหาศาล และมีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม นอกจากนี้ การอ้างเรื่องภัยแล้งหลายพื้นที่มีความเสี่ยงในการเป็นทะเลทรายเนื่องจากความแห้งแล้งซ้ำซากและอุทกภัย การเพิ่มพื้นที่ชลประทานให้กับภาคอีสานเพื่อยกระดับการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในภูมิภาคนี้ เป็นวาทกรรมที่ถูกนำมาผลิตซ้ำ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการดำเนินโครงการ ในขณะที่ขาดความเข้าใจภูมินิเวศ และวัฒนธรรมการใช้ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน

 

ด้วยเหตุนี้ เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน จึงขอคัดค้านรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วง ระยะที่ 1 เนื่องจากเป็นการดำเนินการทำรายงานที่ไม่ชอบธรรม ขาดกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างรอบด้านจากประชาชนที่จะได้รับผลกระทบ และมีความจำเป็นต้องทบทวนรายงานการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยด่วน 

 

คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) จะต้องรับฟังเสียงคัดค้านโครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วง จากประชนชน โดย กก.วล. ควรให้ ภาคประชาชน นักวิชาการ ให้ข้อมูล ความเห็นเพิ่มเติมในประเด็นที่สำคัญๆ อันจะทำให้การตัดสินใจมีความรอบด้านมากยิ่งขึ้น หรือให้มีการตั้งคณะทำงานศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมร่วมกัน เพื่อสร้างพื้นที่สาธารณะทางสังคม มากว่าจะรับฟังข้อมูลเพียงด้านเดียวจากหน่วยงานราชการที่เสนอโครงการฯ เท่านั้น และ กก.วล. ไม่ควรตัดสินใจด้วยอำนาจเผด็จการ และการเมืองเรื่องของผลประโยชน์ของนักการเมือง (หลายตัวลิ้นสองแฉก) และทิ้งภาระให้กับลูกหลานคนอีสานของเราในอนาคต

The post เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ค้าน EIA ผันน้ำโขง เลย ชี มูล ขอทบทวนใหม่ ชี้ขาดกระบวนการส่วนร่วมอย่างรอบด้าน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ก้าวไกลชูป้าย ‘กำแพงกันคลื่น ต้องทำ EIA’ กลางสภา รัฐบาลวุ่น เจอฝ่ายค้านเสนอนับองค์ประชุม ก่อนสั่งพักไปถกต่อ https://thestandard.co/house-of-representatives-meeting-200864/ Sat, 21 Aug 2021 02:46:13 +0000 https://thestandard.co/?p=527499 House of Representatives

วานนี้ (20 สิงหาคม) กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี สมาชิกสภาผู้ […]

The post ก้าวไกลชูป้าย ‘กำแพงกันคลื่น ต้องทำ EIA’ กลางสภา รัฐบาลวุ่น เจอฝ่ายค้านเสนอนับองค์ประชุม ก่อนสั่งพักไปถกต่อ appeared first on THE STANDARD.

]]>
House of Representatives

วานนี้ (20 สิงหาคม) กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเสนอขอตัดลดงบประมาณกระทรวงมหาดไทยลงจากเดิม 10% เนื่องจากโครงการที่อยู่ในหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงมหาดไทยมีมากมายที่คิดว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม มีความซับซ้อน ไม่มีความพร้อม และไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เนื่องจากขณะนี้วิกฤตที่เรากำลังเผชิญอยู่คือการแพร่ระบาดของโควิด เช่น กรมโยธาธิการและผังเมืองได้รับงบประมาณในปี 2565 จำนวน 1.9 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการต่อเนื่องผูกพันและโครงการใหม่ที่มีทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและการดำเนินโครงการใหม่รวม 12 โครงการ คิดเป็นงบประมาณเกือบ 150 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบฯ การศึกษาในความเป็นไปได้จำนวน 6 โครงการ 49 ล้านบาท และเพื่อดำเนินการใหม่ 6 โครงการ งบประมาณ 100 ล้านบาท แล้วก็จะกลายเป็นงบประมาณผูกพันในงบประมาณปีถัดไป หากผ่านการพิจารณางบประมาณในครั้งนี้

 

ดังนั้นตนจึงขอเสนอตัดงบประมาณในโครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นริมชายหาด เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่มีผลการศึกษาออกมามากมายว่า ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาเรื่องการกัดเซาะชายฝั่งได้ทุกมิติ และจะส่งผลให้เกิดปัญหาในพื้นที่ข้างเคียงด้วย และท้ายที่สุดอาจจะเป็นโครงการที่ไม่มีที่สิ้นสุด และโครงการในลักษณะนี้ได้มีพี่น้องประชาชนยื่นเรื่องไปยังศาลปกครองแล้วหลายคดี ซึ่งในบางคดีทางศาลปกครองได้มีคำสั่งให้หยุดการดำเนินการชั่วคราวด้วย

 

ขณะเดียวกันบางโครงการมีโครงสร้างที่ซับซ้อนกับโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว และมากไปกว่านั้นในบางโครงการยังไม่จบกระบวนการในการรับฟังความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ว่า ท้ายที่สุดประชาชนเห็นควรว่าจะให้ดำเนินการหรือไม่ แต่กลับมีการนำเสนอโครงการเข้ามาในงบประมาณประจำปี 2565 นี้ เพื่อทำให้ผ่านการพิจารณาของสภาและให้หน่วยงานต่างๆ สามารถนำไปอ้างเพื่อดำเนินโครงการได้หรือไม่ ซึ่งจะเป็นการมัดมือชกไปยังพี่น้องประชาชนหรือไม่ เช่น โครงการอ่าวดงตาล อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะเห็นว่า โครงการดังกล่าวมีโครงสร้างป้องกันตลิ่งอยู่แล้ว จะทำให้เป็นโครงการที่ซ้ำซ้อนในโครงการเดิมหรือไม่ คณะกรรมาธิการวิสามัญจะต้องตอบประเด็นเรื่องนี้ให้ได้

 

ทั้งนี้ ในอีกหลายโครงการที่ยังไม่ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเลย แต่ได้มีการเสนอของบประมาณเข้าสู่สภาแล้ว เรื่องนี้ก็จะต้องได้รับคำอธิบายด้วย เช่น โครงการบ้านผาแดง หาดทรายรี, โครงการบางกะไชย แหลมสิงห์ และโครงการอ่าวดงตาล สัตหีบ ซึ่งทั้ง 3 โครงการนี้เพิ่งจะมีการรับฟังความเห็นจากประชาชนเพียงครั้งเดียว ซึ่งจะถือเป็นโครงการที่ไม่มีความพร้อมในการดำเนินการหรือไม่

 

นอกจากนั้นกัญจน์พงศ์ได้ยกตัวอย่างโครงการท่าขึ้น ท่าศาลา ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า บริเวณดังกล่าวแทบจะไม่มีบ้านเรือนของพี่น้องประชาชนอาศัยอยู่เลย มีเพียงหาดทรายและถนนเท่านั้น ท่านจะนำโครงการก่อสร้างกำแพงกัดเซาะชายฝั่งที่มีมูลค่าก่อสร้างกิโลเมตรละ 100 ล้านบาท ไปปกป้องถนนที่มีค่าก่อสร้างเพียงกิโลเมตรละ 80 ล้านบาท ทั้งที่เบี้ยผู้สูงอายุของประเทศไทยในขณะนี้ได้เพียงเดือนละ 600 บาท หรืออาหารกลางวันที่เด็กและเยาวชนได้เพียงมื้อละ 21 บาท

 

ซึ่งหากจะเปรียบเทียบงบประมาณในการก่อสร้างกำแพงกัดเซาะชายฝั่งที่มีมูลค่า 100 ล้านบาทกับโควิด เราจะสามารถจัดซื้อวัคซีน Pfizer โดสละ 422 บาท ได้กี่โดส, จัดซื้อชุดตรวจ ATK ชุดละ 67 บาท ได้หลายชุด, ยาฟาวิพิราเวียร์เม็ดละ 125 บาท ที่ผู้ป่วย 1 เคส ต้องใช้ยา 50 เม็ด เคสหนึ่งใช้เงิน 6,250 บาท จะสามารถช่วยชีวิตคนได้ 16,000 คน

 

กัญจน์พงศ์กล่าวด้วยว่า ตนมีความกังวลในโครงการที่ไม่ได้จัดทำ EIA ในโครงการจัดทำกำแพงกัดเซาะชายหาดที่ได้รับข้อยกเว้นตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2556 จากนั้นจึงเป็นการระบาดในหมู่การจัดทำกำแพงกันคลื่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอรายงานผลการศึกษา ประเด็นดังกล่าวเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอให้ชะลอโครงการในลักษณะนี้ออกไปก่อน เพื่อขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2556 และเพื่อให้โครงการในลักษณะนี้จะต้องผ่านการจัดทำ EIA ก่อน

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายของการอภิปรายของกัญจน์พงศ์ ส.ส. พรรคก้าวไกล ในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ร่วมกันชูแผ่นกระดาษที่มีข้อความว่า ‘กำแพงกันคลื่น ต้องทำ EIA’ #ปกป้องหาดดอนทะเล กลางห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร

 

ขณะที่วันนี้ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในมาตรา 22 งบประมาณในส่วนของกระทรวงแรงงานและหน่วยงานในกำกับ อุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส. จังหวัดลพบุรี พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายถึงการขอปรับลดงบประมาณกระทรวงแรงงาน ต่อมา นิโรธ สุนทรเลขา ส.ส. จังหวัดนครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วง โดยขอให้อภิปรายอยู่ในขอบเขตวาระที่ 2 ขณะเดียวกันได้ประท้วงประธานในที่ประชุมขณะนั้นคือ สุชาติ ตันเจริญ ให้ควบคุมการอภิปรายให้อยู่ในขอบเขต

 

จากนั้นอุบลศักดิ์ได้เสนอญัตติให้นับองค์ประชุม โดยมี ส.ส. รับรองตามข้อบังคับการประชุม โดยอุบลศักดิ์กล่าวว่า ตลอดทั้งวันในการพิจารณางบประมาณในวันที่สองนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ร่วมกันอยู่ประชุมพิจารณางบประมาณให้ครบองค์ประชุม ทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ แต่ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล กลับไม่อยู่เป็นองค์ประชุม จึงขอเสนอนับองค์ประชุม

 

สุชาติจึงขอให้อุบลศักดิ์ถอนญัตติในการเสนอให้นับองค์ประชุม และ วีรกร คำประกอบ ส.ส. จังหวัดนครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นขอให้ประธานในที่ประชุมทำหน้าที่ไกลเกลี่ย เพื่อไม่ให้มีการนับองค์ประชุมและนำไปสู่การปิดประชุม

 

จากนั้น จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย จึงเสนอให้ประธานพักการประชุมเป็นเวลา 15 นาที ก่อนประธานจะสั่งพักการประชุมในเวลาต่อมา

 

House of Representatives

House of Representatives

House of Representatives

House of Representatives

House of Representatives

The post ก้าวไกลชูป้าย ‘กำแพงกันคลื่น ต้องทำ EIA’ กลางสภา รัฐบาลวุ่น เจอฝ่ายค้านเสนอนับองค์ประชุม ก่อนสั่งพักไปถกต่อ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘กรณ์’ ยื่นหนังสือ ‘อัศวิน’ ขอระงับใบอนุญาตก่อสร้างคอนโดหรูย่านถนนเย็นอากาศ ขณะที่คนดังร่วมลงชื่อเพียบ https://thestandard.co/korn-chatikavanich-submit-letter-quintara-suspend-building-permit/ Tue, 03 Aug 2021 09:38:49 +0000 https://thestandard.co/?p=520906 Korn Chatikavanich

‘กรณ์’ ยื่นหนังสือ ‘อัศวิน’ ขอระงับออกใบอนุญาตก่อสร้างค […]

The post ‘กรณ์’ ยื่นหนังสือ ‘อัศวิน’ ขอระงับใบอนุญาตก่อสร้างคอนโดหรูย่านถนนเย็นอากาศ ขณะที่คนดังร่วมลงชื่อเพียบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Korn Chatikavanich

‘กรณ์’ ยื่นหนังสือ ‘อัศวิน’ ขอระงับออกใบอนุญาตก่อสร้างคอนโดหรู เขตยานนาวา จวก คกก. EIA กทม. เห็นชอบเอื้อบริษัทฯ ไม่ให้ความสำคัญคุณภาพชีวิตประชาชน ‘เทียนฉาย-ประมนต์’ ร่วมลงชื่อด้วย 

 

ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ในช่วงเช้าของวันนี้ (3 สิงหาคม) กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากก่อสร้างคอนโดโครงการ ควินทารา ซิงค์ เย็นอากาศ ของบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ในซอยประสาทสุข ถนนเย็นอากาศ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา เข้าพบ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้ระงับการออกใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ พร้อมยื่นหนังสือรายชื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ อาทิ ศ.กิตติคุณ เทียนฉาย กีระนันท์, ศ.พิเศษ พญ.เพ็ญแข ลิ่มศิลา, กรณ์ จาติกวณิช, ประมนต์ สุธีวงศ์, มนตรี ศรไพศาล, ครอบครัวสุจริตกุล, ครอบครัว ณ ระนอง และผู้พักอาศัยอีกกว่า 70 ครัวเรือน 

 

กรณ์กล่าวแสดงความไม่เห็นด้วยกับมติคณะกรรมการ EIA ของ กทม. ที่ให้ความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ควินทารา ซิงค์ เย็นอากาศ ของบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ว่าเป็นการพิจารณาที่ไม่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาจราจรที่ประชาชนได้ชี้แจงไปแล้วหลายรอบอย่างละเอียด แต่กลับให้น้ำหนักกับข้อเสนอของบริษัทพัฒนาที่ดินที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และที่สำคัญ กทม. อนุมัติโครงการทั้งๆ ที่ถนนหน้าโครงการมีความกว้างตํ่ากว่าเกณฑ์กฎหมาย และขัดกับหลักการวินิจฉัยของศาลปกครองในอดีตที่ความกว้างของถนนต้องเป็นความกว้างที่ใช้ได้จริงตามเกณฑ์ตลอดเส้นทาง จึงขอให้ผู้ว่าฯ กทม. ใช้อำนาจปฏิเสธการออกใบอนุญาต แต่หากมีการออกใบอนุญาตจะดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายต่อไป ทั้งในศาลปกครอง ศาลแพ่ง และศาลอาญา 

 

กรณ์ยังหยิบยกกรณีที่เกิดขึ้นในอดีต ที่ กทม. เร่งออกใบอนุญาตก่อนที่ศาลจะวินิจฉัย สร้างความเสียหายให้กับผู้อยู่อาศัยเดิมและประชาชนที่จะมาซื้อโครงการในอนาคต ซึ่งเป็นความเสียหายที่หลีกเลี่ยงได้ แต่ก็เกิดความเสียหายลักษณะนี้ซ้ำซาก 

 

“อยากให้ผู้ว่าฯ กทม. ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ มากกว่าการทำกำไรของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทางผู้ว่าฯ กทม. รับปากว่าจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทำงานของสำนักงานเขตยานนาวา คณะกรรมการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงทบทวนนโยบายการพิจารณาโครงการลักษณะนี้ในทั่วทุกพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่เกี่ยวข้องในอนาคต” กรณ์กล่าว

The post ‘กรณ์’ ยื่นหนังสือ ‘อัศวิน’ ขอระงับใบอนุญาตก่อสร้างคอนโดหรูย่านถนนเย็นอากาศ ขณะที่คนดังร่วมลงชื่อเพียบ appeared first on THE STANDARD.

]]>