เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา บริจิตต์ มาครง สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของฝรั่งเศส ไปออกงานเคียงข้างกับ ดิดิเยร์ เดสชองส์ หัวหน้าโค้ชของทีมชาติฝรั่งเศส ที่เมซง เด แพเรนต์ส ของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแร็งส์

โดยในตอนนั้น สถานีวิทยุ Champagne FM ตั้งคำถามกับโค้ชทัพตราไก่เกี่ยวกับสถานการณ์ของทีมประจำเมืองอย่างแร็งส์

บริจิตต์ มาครง เลยบอกว่าเธอเป็นแฟนคลับของกองหน้าชาวญี่ปุ่นอย่าง จุนยะ อิโตะ ทำให้บทสนทนาที่เรียกเสียงฮาแบบโบ๊ะบ๊ะเช่นนี้จึงเกิดขึ้น

อ้างอิง:

• https://www.eurosport.fr/football/ligue-1/2023-2024/brigitte-macron-didier-deschamps-quand-la-premiere-dame-demande-au-selectionneur-de-convoquer-junya-_sto9987619/story.shtml
• https://frenchfootballweekly.com/2024/01/23/brigitte-macron-asks-didier-deschamps-to-select-junya-ito/

The post สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของฝรั่งเศสเป็นแฟนคลับ จุนยะ อิโตะ appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (20 พฤศจิกายน) ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ เฮดโค้ชฝรั่งเศส ออกมาให้สัมภาษณ์กับ TF1 สถานีโทรทัศน์ในประเทศฝรั่งเศส ยืนยันว่าเขาจะไม่เรียกนักเตะมาแทนที่ คาริม เบนเซมา ศูนย์หน้าวัย 34 ปีที่ต้องถอนตัวจากศึกฟุตบอลโลก 2022 เนื่องจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาซ้ายระหว่างฝึกซ้อม

“ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากสำหรับคาริมที่ตั้งเป้าหมายไว้กับศึกฟุตบอลโลก” ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กล่าว

“แม้ว่าจะมีสถานการณ์ที่ยากลำบากจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมยังคงมีความมั่นใจในทีมชุดนี้ เราจะทำทุกอย่างเพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายที่อยู่ตรงหน้าเรา”

สำหรับ คาริม เบนเซมา ผ่านการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเมื่อปี 2014 ซึ่งฝรั่งเศสตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยการพ่ายให้กับเยอรมนีไป 0-1 และไม่ได้ไปร่วมแข่งขันในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ได้สำเร็จที่รัสเซีย

มาในครั้งนี้เบนเซมามีผลงานที่ยอดเยี่ยมกับสโมสรเรอัล มาดริด จนได้รับรางวัลบัลลงดอร์ 2022 ทำให้ศูนย์หน้าวัย 34 ปี เป็นหนึ่งในขุมกำลังสำคัญของทีมชาติฝรั่งเศสในภารกิจป้องกันแชมป์โลก จนล่าสุดต้องถอนตัวไปเนื่องจากอาการบาดเจ็บ ไปพร้อมกับนักเตะชุดแชมป์โลก 2018 ทั้ง เอ็นโกโล ก็องเต, พอล ป็อกบา, เพรสแนล คิมเพมเบ และ คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู

สำหรับเกมของทีมชาติฝรั่งเศสจะลงสนามพบกับออสเตรเลียในวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ เวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

อ้างอิง:

• https://www.bbc.com/sport/football/63691796

The post ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ยืนยันไม่เรียกใครมาแทนที่ คาริม เบนเซมา ที่ต้องถอนตัวเนื่องจากอาการบาดเจ็บ เพราะเชื่อมั่นในทีมชุดนี้ appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (20 พฤศจิกายน) ตามเวลาประเทศไทย ทีมชาติฝรั่งเศสออกมายืนยันว่า คาริม เบนเซมา ศูนย์หน้าวัย 34 ปี เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2022 หมดสิทธิ์ช่วยทีมตราไก่ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ตลอดทัวร์นาเมนต์เป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาซ้ายระหว่างการฝึกซ้อมเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา 

“สมาชิกทั้งทีมร่วมเสียใจกับเบนเซมา และขอให้เขาฟื้นตัวกลับมาในเร็ววัน” แถลงการณ์จากทีมชาติฝรั่งเศสระบุ 

แต่เดิมเบนเซมามีปัญหาเรื่องความฟิตมาตลอดในฤดูกาลนี้ ก่อนจะมาร่วมทีมชาติฝรั่งเศสซึ่งเป็นฟุตบอลโลกสมัยที่ 2 ในอาชีพต่อจากปี 2014 แต่ล่าสุดระหว่างการฝึกซ้อมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเขาต้องออกจากสนามซ้อมก่อนเพื่อน ก่อนที่สหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสจะออกมายืนยันผลการสแกน MRI ว่าเขาได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาซ้าย และจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์ในการฟื้นตัว ทำให้เขาหมดสิทธิ์ลงแข่งขันในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้แล้ว 

โดย ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ เฮดโค้ชทีมชาติฝรั่งเศส มีเวลาจนถึงวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน ในการปรับทัพ เรียกผู้เล่นคนอื่นเข้ามาแทนเบนเซมา ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวร้ายสำหรับฝรั่งเศส เพราะก่อนหน้านี้ คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู กับ เพรสแนล คิมเพมเบ ต่างก็มีปัญหาบาดเจ็บรบกวนและต้องถอนตัวออกจากทีม  

ฝรั่งเศสจะลงสนามเกมแรกในศึกฟุตบอลโลก 2022 ของกลุ่ม D พบกับออสเตรเลีย ในวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ เวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทางช่อง MONO29

อ้างอิง:

• https://www.bbc.com/sport/football/63691796

The post คาริม เบนเซมา ถอนตัวจากฟุตบอลโลก 2022 หลังมีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาซ้ายระหว่างฝึกซ้อม appeared first on THE STANDARD.

วานนี้ (9 พฤศจิกายน) ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กุนซือทัพ ‘ตราไก่’ ทีมชาติฝรั่งเศส แชมป์ฟุตบอลโลกปี 2018 ประกาศรายชื่อนักเตะทีมชาติ 25 คนลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ซึ่งเต็มไปด้วยดาวดังจากบิ๊กทีมในยุโรปอย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้ และ คาริม เบนเซมา แต่จะขาดเพียง 2 กองกลางอย่าง พอล ป็อกบา และ เอ็นโกโล ก็องเต ที่ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ

โดยรายชื่อผู้เล่นทีมชาติฝรั่งเศสในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ ประกอบไปด้วย

ผู้รักษาประตู

อูโก โยริส (ท็อตแนม ฮอตสเปอร์), อัลฟงส์ อเรโอลา (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด), สตีฟ ม็องด็องดา (แรนส์)

กองหลัง

วิลเลียม ซาลิบา (อาร์เซนอล), อิบราฮิมา โกนาเต (ลิเวอร์พูล), ดาโยต์ อูปาเมกาโน (บาเยิร์น มิวนิก), ราฟาแอล วาราน (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), ลูคัส เอร์นานเดซ (บาเยิร์น มิวนิก), เตโอ เอร์นานเดซ (เอซี มิลาน), เพรสแนล คิมเพมเบ (ปารีส แซงต์ แชร์กแมง), เบนจามิน ปาวาร์ (บาเยิร์น มิวนิก), ชูลส์ กุนเด (บาร์เซโลนา)

กองกลาง

ยุสซุฟ โฟฟานา (โมนาโก), มัตเตโอ เกวนดูซี (โอลิมปิก มาร์กเซย), อาเดรียง ราบิโอต์ (ยูเวนตุส), โอเรเลียง ชูอาเมนี (เรอัล มาดริด), เอดูอาร์โด คามาวิงกา (เรอัล มาดริด), จอร์แดน เวเรตูร์ (โอลิมปิก มาร์กเซย)

กองหน้า / แนวรุก

คีเลียน เอ็มบัปเป้ (ปารีส แซงต์ แชร์กแมง), คาริม เบนเซมา (เรอัล มาดริด), คิงสลีย์ โกม็อง (บาเยิร์น มิวนิก), อุสมาน เดมเบเล (บาร์เซโลนา), โอลิวิเยร์ ชิรูด์ (เอซี มิลาน), อองตวน กรีซมันน์ (แอตเลติโก มาดริด), คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู (แอร์เบ ไลป์ซิก)

สำหรับศึกฟุตบอลโลก 2022 ทีมชาติฝรั่งเศสถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม D ร่วมกับออสเตรเลีย, เดนมาร์ก และตูนิเซีย

โดยมีคิวลงประเดิมสนามนัดแรกกับออสเตรเลียในวันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2022 เวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

The post เอ็มบัปเป้-เบนเซมา นำทัพ ฝรั่งเศสจัดชุดใหญ่ ประกาศ 25 นักเตะลุยฟุตบอลโลกที่กาตาร์ appeared first on THE STANDARD.

ศึกการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบชิงชนะเลิศที่สนามลุจนีกี สเตเดียม ทีมชาติฝรั่งเศสพบโครเอเชีย เกมนี้ผู้เล่นตัวหลักของทั้งสองทีมพร้อมเต็มสูบ 100% มาในแผนการเล่น 4-2-3-1 ฝั่งเลส์ เบลอส์ มี อูโก โยริส ลงประจำการในตำแหน่งผู้รักษาประตู ร่วมกับ เบนจามิน ปาวาร์, ราฟาแอล วาราน, ซามูเอล อุมติตี้ และลูคัส เอร์นานเดซ แดนกลางใช้ เอ็นโกโล ก็องเต, พอล ป็อกบา พร้อมขยับ แบลส มาตุยดี ขึ้นมาเล่นกราบซ้าย ฝั่งขวามี คีเลียน เอ็มบัปเป้ กองกลางตัวรุกใช้ อองตวน กรีซมันน์ เล่นร่วมกับศูนย์หน้า โอลิวิเยร์ ชิรูด์

ฝั่งโครเอเชียใช้ ดานิเยล ซูบาซิช ลงเล่นเป็นผู้รักษาประตู แผงหลัง 4 คนใช้ ซิเม เวอร์ซัลจ์โก, เดยัน ลอฟเรน, โดมาโกจ์ วิด้า และอีวาน สตรินิช ลงประสานงานร่วมกัน กองกลาง 3 คนใช้ อีวาน ราคิติช, มาร์เซโล โบรโซวิช และคีย์แมนคนสำคัญ ลูกา โมดริช ในตำแหน่งปีกซ้าย และปีกขวามี อีวาน เปริซิช และอันเต้ เรบิช โดยศูนย์หน้าตัวเป้าทิ้ง มาริโอ มานด์ซูคิช ยืนค้ำในแดนหน้า

เริ่มเกมได้ 7 นาที โครเอเชียได้ลูกเตะมุมก่อน แต่ฝรั่งเศสยังช่วยกันเคลียร์ออกมาได้ ก่อนที่อีก 11 นาทีต่อมาทัพตราไก่จะได้ประตูขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว กรีซมันน์เปิดฟรีคิกเข้ามาในกรอบเขตโทษ และเป็นมานด์ซูคิชที่โหม่งเข้าประตูตัวเองไป หลังโดนขึ้นนำโครเอเชียก็พยายามเดินเกมรุกอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ความพยายามของพวกเขาจะมาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 28 เปริซิชดึงบอลหลบผู้เล่นฝรั่งเศส 1 จังหวะ ก่อนซัดเข้าไปอย่างแม่นยำ ฝรั่งเศสเสมอโครเอเชีย 1-1

นาทีที่ 39 โครเอเชียมาพลาดเสียลูกจุดโทษง่ายๆ เมื่อเปริซิชดันไปใช้มือปัดบอลในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเรียกใช้เทคโนโลยี VAR ก่อนให้จุดโทษกับฝรั่งเศส และเป็นกรีซมันน์ที่สังหารเข้าไปอย่างเลือดเย็นให้ทีมขึ้นนำอีกครั้ง และเป็นประตูที่ 4 ของดาวยิงจากสโมสรแอตเลติโก มาดริด ในทัวร์นาเมนต์นี้แล้ว จบครึ่งแรก เลส์ เบลอส์ นำ 2-1

เริ่มเกมครึ่งหลังในนาทีที่ 51 เอ็มบัปเป้ติดสปีดขึ้นมาทางด้านขวาของสนาม ก่อนแซงผู้เล่นโครเอเชียและได้ลองยิงเหน่งๆ แต่ซูบาซิชยังเซฟเอาไว้ได้ ก่อนที่ 8 นาทีต่อมาป็อกบาจะได้ลองซัดด้วยซ้ายหน้ากรอบเขตโทษให้ฝรั่งเศสขึ้นนำโครเอเชียอีกครั้งเป็น 3-1 และเป็นประตูแรกในฟุตบอลโลกครั้งนี้ของเจ้าตัว 

หลังนำห่าง 2 ประตู ฝรั่งเศสยังคงเป็นฝ่ายคุมเกมได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นโกลเดนบอยเอ็มบัปเป้ที่ยิงให้ทัพเลส์ เบลอส์ นำห่างอีกครั้งเป็น 4-1 ในนาทีที่ 65 และเป็นประตูที่ 4 ของศูนย์หน้าจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นำเป็นดาวซัลโวร่วมของทีมคู่กับกรีซมันน์ อย่างไรก็ดี 4 นาทีต่อมาโยริสเล่นติดประมาทจนพลาดเคลียร์บอลไปโดนเท้ามานด์ซูคิชเข้าประตูให้โครเอเชียไล่ตีตื้นขึ้นมาติดๆ ที่ 2-4

ช่วงเวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ ฝรั่งเศสเอาชนะโครเอเชียได้ 4-2 พร้อมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 2 ได้สำเร็จในรอบ 20 ปี ขณะที่ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ยังเป็นโค้ชคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ลูกหนังที่คว้าถ้วยฟุตบอลโลกได้สำเร็จทั้งในฐานะผู้เล่นและโค้ชต่อจาก มาริโอ ซากัลโล (บราซิล) และฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ (เยอรมนี)

The post ฝรั่งเศสเหนือชั้นกว่า เอาชนะโครเอเชีย 4-2 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 2 ในรอบ 20 ปีได้สำเร็จ! appeared first on THE STANDARD.

อีกไม่ถึง 24 ชั่วโมง มหกรรมที่คนทั้งโลกตั้งตารอคอย บอลโลก 2018 ก็จะเปิดฉากคิกออฟนัดแรกกันแล้ว แต่ก่อนที่จะข้ามช็อตไปถึงจุดนั้น THE STANDARD ได้สรุปประเด็นข่าวที่น่าสนใจในรอบวันมาเสิร์ฟให้คุณแล้ว

1. ยังไม่เริ่มต้นออกสตาร์ทก็ลางไม่ดีเสียแล้ว สหพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) ประกาศปลดผู้จัดการทีมชาติ ยูเลน โลเปเตกี (Julen Lopetegui) ลงจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ภายหลังจากสโมสรฟุตบอลเรอัล มาดริด ประกาศแต่งตั้งเขาขึ้นเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ได้แค่ 1 วันเท่านั้น

หลุยส์ รูเบียเลส (Luis Rubiales) ประธานสหพันธ์ฯ ได้ให้เหตุผลถึงการตัดสินใจฟ้าผ่าในครั้งนี้ว่าการกระทำของอดีตกุนซือทีมชาติวัย 51 ปีในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ ‘รับไม่ได้

“ทีมชาติสเปนคือทีมของชาวสเปนทุกคน เราเพิ่งทราบเรื่องได้แค่ 5 นาทีเท่านั้นก่อนมาดริดจะประกาศแต่งตั้งเขาขึ้นเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ นี่คือสิ่งที่เราควรจะทำ ยูเลนได้อุทิศตนและทำงานกับทีมได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด แต่เราไม่สามารถยอมรับวิธีที่เขากระทำต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้”

เหตุการณ์ในครั้งนี้น่าจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจขุนพลกระทิงดุทั้ง 23 คนพอสมควร  ล่าสุดสเปนตัดสินใจแต่งตั้ง เฟอร์นันโด เอียโร อดีตผู้อำนวยการกีฬาทีมชาติสเปน ขึ้นเป็นกุนซือทีมชาติคนใหม่แล้ว

2. สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA ได้ประกาศให้ 3 ชาติจากอเมริกาเหนือ-อเมริกากลาง นำโดย สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และแคนาดา เป็นชาติเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 (ฟุตบอลโลกครั้งที่ 22) หรืออีก 8 ปีข้างหน้า

FIFA ได้ยกเหตุผลเรื่องความปลอดภัยมาประกอบการตัดสินใจและส่งผลให้ทั้ง 3 ชาติเข้าวินเป็นเจ้าภาพร่วมแซงเอาชนะโมร็อกโก ชาติคู่แข่งจากแอฟริกาในครั้งนี้ไปได้ ซึ่งการเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ของสหรัฐฯ นับเป็นสมัยที่ 2 แล้ว (ครั้งแรก 1994) ส่วนเม็กซิโกได้รับเกียรติเป็นครั้งที่ 3 (2 ครั้งแรกคือ 1970 และ 1986) ด้านแคนาดานี่คือครั้งแรกของพวกเขาในฐานะชาติเจ้าภาพ

3. คีเลียน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) ดาวรุ่งตัวความหวังวัย 19 ปีของทีมชาติฝรั่งเศส หรือ ‘เลส์ เบลอส์’ ได้รับอาการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าด้านซ้ายระหว่างการฝึกซ้อม หลังเข้าปะทะกับอาดีล รามี (Adil Rami) ปราการหลังรุ่นพี่จนต้องถูกหามตัวออกจากสนามทันที

เอ็มบัปเป้ได้รับความไว้วางใจจากผู้จัดการทีม ดิดิเยร์ เดสชองส์ (Didier Deschamps) ให้ลงเป็นตัวจริงและสวมเสื้อหมายเลข 10 ในเกมการอุ่นเครื่องหลายๆ นัดที่ผ่านมาโดยตลอด ขณะที่ก่อนหน้านี้ศูนย์หน้าดาวรุ่งจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็เพิ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนไปหมาดๆ

แต่ล่าสุดเจ้าตัวเผยผ่านทวิตเตอร์ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเพราะอาการไม่หนักมากและอย่าถือสาโกรธเคืองรามีเลย

4. นี่ก็ไม่ใช่ข่าวดีเหมือนกัน แกเร็ธ เซาธ์เกท (Gareth Southgate) ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเผยว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด (Marcus Rashford) ศูนย์หน้าดาวรุ่งความเร็วสูงจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าระหว่างการฝึกซ้อมในเซกชันสุดท้ายของ ‘ทัพทรีไลออนส์’ ก่อนออกเดินทางมาถึงรัสเซีย

ล่าสุดแรชฟอร์ดต้องพลาดการลงฝึกซ้อมครั้งแรกที่รัสเซียแล้ว แต่เหลืออีก 6 วันกว่าอังกฤษจะลงสนามนัดแรกพบกับตูนีเซีย (วันอังคารที่ 19 มิถุนายน) ดูแล้วอย่างน้อยดาวรุ่งแมนคูเนียนวัย 20 ปีก็น่าจะมีลุ้นฟิตพอลงประเดิมสนามได้ไม่ยาก

5. เนสเตอร์ พิทานา (Nestor Pitana) ผู้ตัดสินชาวอาร์เจนตินาวัย 42 ปีได้รับเลือกให้เป็นผู้ตัดสินเกมฟุตบอลโลกเกมแรกนัดเปิดสนามระหว่างรัสเซียและซาอุดีอาระเบียในวันพฤหัสที่ 14 มิถุนายนนี้ เวลา 22.00 น.

The post เด้งฟ้าผ่าโลเปเตกี 3 ชาติอเมริกาเหนือคว้าสิทธิ์เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2026 ฝรั่งเศสวัดดวงเอ็มบัปเป้เจ็บตอนซ้อม สรุปข่าวบอลโลกประจำวันที่ 13 มิ.ย. 2561 appeared first on THE STANDARD.

     ในอังกฤษ อันโตนิโอ คอนเต (Antonio Conte) พาเชลซีเป็นแชมป์พร้อมทำสถิติแชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ชนะถึง 30 เกมจากทั้งหมด 38 เกมในหนึ่งฤดูกาล

     เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ ซีเนดีน ซีดาน (Zinédine Zidane) คว้าบัลลังก์แชมป์ลาลีกาสเปนเป็นสมัยที่ 33 และพาสโมสรเรอัล มาดริด ป้องกันแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จเป็นสโมสรแรกในประวัติศาสตร์

     ขณะที่ มัสซิโม คาร์เรรา (Massimo Carrera) ก็พาทีมสปาร์ตัก มอสโก คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของรัสเซีย

     ส่วน ดิดิเยร์ เดสชองส์ (Didier Deschamps) พาทีมชาติฝรั่งเศส จบอันดับที่หนึ่งของกลุ่มเอด้วยสถิติไร้พ่ายในฟุตบอลโลกปี ค.ศ. 2018 รอบคัดเลือกโซนยุโรป

     สิ่งหนึ่งที่กุนซือทั้ง 4 คนนี้มีเหมือนกันคือ พวกเขาเคยเป็นนักฟุตบอลสโมสรยูเวนตุสภายใต้การคุมทีมของ มาร์เชลโล ลิปปี (Marcello Lippi) กุนซือผู้เปลี่ยนโฉมวงการฟุตบอลอิตาลีในยุค 90s

     มาร์เชลโล ลิปปี ก้าวเข้ามาคุมยูเวนตุสครั้งแรกในปี ค.ศ. 1994 พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์เซเรียอา 5 สมัย แชมเปียนส์ลีก 1 สมัย และเข้าชิงยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกถึง 4 สมัย หลังจากนั้นยูเวนตุสก็ประสบความสำเร็จเรื่อยมาจากปรัชญาความสำเร็จที่ลิปปีได้มอบให้ในระหว่างการคุมทีมในช่วงปี ค.ศ. 1994-1999 และ ค.ศ. 2001-2004

     มาร์เชลโล ลิปปี ได้เผยถึงเคล็ดลับของเขาในการคุมทีมคือ การสื่อสารระหว่างนักเตะกับโค้ช โดยจะเลือกนำเอานักเตะที่มีความเข้าใจในสไตล์การทำทีมของเขามาร่วมงาน ส่งผลให้เขาผลิตกุนซือจากนักเตะชุดนั้นถึง 18 คน

     “ฟุตบอลยุคนี้ คุณจะชนะได้เพราะความแข็งแกร่งของทีม มันไม่สำคัญว่าคุณต้องมีนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในประเทศ ซึ่งเป็นไปได้ว่าหากนำนักเตะที่ดีที่สุดมารวมกัน ทีมอาจจะไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การคุมทีมก็เหมือนการสร้างภาพโมเสก คุณต้องรวมทุกองค์ประกอบให้ออกมาเป็นภาพที่สวยงามให้ได้”

     สไตล์เกมรับของลิปปีในช่วงที่อยู่กับยูเวนตุสนั้นคือ การเพลสซิงสูงและตัดช่องทางส่งบอลของคู่แข่ง ซึ่งนักเตะในสังกัดของเขาอย่างคอนเตและซีดานได้นำมาใช้อย่างสวยงามในฤดูกาลนี้

     “ผมชอบทีมที่ปรับตัวได้ตลอดเวลาแม้กระทั่งในระหว่างการแข่งขัน สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เชื่อคือปรัชญาฟุตบอลที่รักษาสไตล์การเล่นไว้เพียงรูปแบบเดียวตลอดเวลา”  ลิปปีกล่าวไว้ในช่วงที่เขาพาทีมเข้าชิงฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กับสโมสรอาแจกซ์ของหลุยส์ ฟาน กัล

     ปรัชญาของเขาแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศกับสโมสรอาแจกซ์ ในปี ค.ศ. 1996 ในครั้งนั้นลิปปีใช้แผนการเล่น 4-3-3 ซึ่งไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเน้นการครองบอล แต่กลับให้กองกลาง 2 คนนั้นคือ คอนเต กับเดสชองส์ บีบเกมรุกฝั่งตรงข้ามในแดนกลาง ขณะที่ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร ได้รับอิสระในการเล่นเกมรุกเต็มที่

     มาร์เชลโล ลิปปี ได้ให้ความสำคัญกับการปรับแท็กติกตามทรัพยากรของทีมที่มีอยู่ เห็นได้จากการเลือกใช้งาน เดล ปิเอโร ซึ่งคนที่นำบทเรียนนี้มาใช้ได้อย่างดีเยี่ยมคือคอนเต โดยในสมัยที่คอนเตคุมทีมยูเวนตุส เขาเลือกใช้แผน 4-2-4 แต่เมื่อได้เซ็นสัญญากับ อันเดรีย ปีร์โล จอมทัพจอมเก๋าจากเอซี มิลาน เขาก็ได้ปรับแผนการเล่นเป็น 3-5-2 โดยให้ปีร์โลอยู่เป็นจุดศูนย์กลางการสร้างสรรค์เกม ส่วนการคุมทีมเชลซีนั้น คอนเตเริ่มต้นด้วยแผน 4-1-4-1 แต่เมื่อแผนของเขาล้มเหลวด้วยการพ่ายให้กับลิเวอร์พูลและอาร์เซนอลในช่วงต้นฤดูกาล เขาก็ได้เปลี่ยนระบบเป็น 3-4-2-1 โดยเลือกใช้กองกลางตัวรับเป็น เอ็นโกโล ก็องเต และ เนมันยา มาติช 3 ประสานในแดนหน้าเป็น เอเด็น ฮาซาร์ และ วิลเลียน ส่วนหน้าเป้าเป็นดิเอโก คอสตา ผลคือเชลซีสามารถเก็บชัยชนะติดต่อกันถึง 13 นัด และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหลังจากเอาชนะเวสต์บรอมวิชไปเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา

     คุณสมบัติของคอนเตที่นักเตะเห็นพ้องต้องกันคือ ความทุ่มเท และความละเอียดในการวางหมาก

     “เมื่อคุณเล่นให้กับคอนเต ในวันที่ลงสนามคุณรู้สึกว่าคุณพร้อมสำหรับเกมนั้นมาก คอนเตทำให้คุณรู้สึกว่าคุณทำการบ้านมาดี และรู้ทุกอย่างสำหรับเกมนั้น” เลโอนาร์โด โบนุชชี กองหลังยูเวนตุสที่เคยร่วมงานกับคอนเตกล่าว

     “เรารู้ว่าต้องทำอะไรบ้างในแต่ละเกม นักเตะทุกคนก็รู้หน้าที่ของตัวเองหมด” เอเด็น ฮาซาร์ ที่ฤดูกาลนี้ยิงไป 15 ประตู พูดถึงคอนเต

     ขณะที่ลูกศิษย์ของเขาอีกคนหนึ่งอย่างซีเนดีน ซีดาน บริหารทีมเรอัล มาดริดที่มีขุมกำลัง ซึ่งเต็มไปด้วยนักฟุตบอลชื่อดังที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถและความทระนงให้สำเร็จได้ตามแนวทางของเขาเอง

     โดยเลือกใช้ความสามารถเฉพาะตัวของคริสเตียโน โรนัลโด ศูนย์หน้าชาวโปรตุเกสได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ ด้วยการเปลี่ยนปีกความเร็วสูงมาเป็นศูนย์หน้าหมายเลข 9 ผู้จบสกอร์ในเกมสำคัญโดยเฉพาะ 2 ประตูของเขาในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศ ก็เป็นหลักฐานสำคัญของการเลือกใช้นักฟุตบอลได้อย่างถูกที่ถูกเวลา

     แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ลิปปีได้มอบให้โลกฟุตบอลในปัจจุบันคือ ปรัชญาการทำทีมที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ตลอดเวลา อิตาลีเป็นลีกที่ขึ้นชื่อในเรื่องของเกมรับ แต่หลังจากลิปปีเข้ามาคุมทีม ยูเวนตุสก็เกิดการเปลี่ยนแปลงและกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้ ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดันมากกว่าทีมอื่นในอิตาลี และเมล็ดพันธ์ุที่ลิปปีได้ปลูกไว้ในความคิดของนักเตะยูเวนตุสในวันนั้น วันนี้เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นได้ออกดอกออกผลงดงาม และกลายเป็นรากฐานสำคัญของแท็กติกฟุตบอลในยุโรปไปแล้ว

     สิ่งหนึ่งที่โค้ชฟุตบอลไทยสามารถเรียนรู้ได้จากปรัชญาการทำทีมฟุตบอลของลิปปีคือ การเข้าใจทรัพยากรของทีมที่มีอยู่ และดึงแต่ละส่วนมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

     บทสรุปของฟุตบอลยุโรปที่บรรดากุนซืออดีตลูกหม้อของลิปปีพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุด น่าจะเป็นบทพิสูจน์ได้ดีว่า ทีมที่ดีที่สุดไม่จำเป็นต้องมีนักเตะที่ดีที่สุด แต่เป็นทีมที่ลงตัวที่สุด

อ้างอิง:

     – www.thesefootballtimes.co/2016/11/15/how-marcello-lippi-masterminded-the-resurgence-of-juventus-in-the-1990s

     – www.youtube.com/watch?v=05Fz0bQfiYQ

     – www.dailymail.co.uk/~/article-4480708/index.html

The post อาจารย์ของซีดาน ครูของคอนเต – มาร์เชลโล ลิปปี เบื้องหลังความสำเร็จโค้ชบอลยุโรป ปี 2017 appeared first on THE STANDARD.