Victoria Beckham เปิดใจถึงการเป็นโรคการกินผิดปกติหลังจากคลอดลูกคนแรก Brooklyn Beckham ในปี 1999 โดยขณะนั้นเธออยู่ในวัย 24 ปี และกำลังได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากคนทั่วโลก

Victoria Beckham เผยผ่านซีรีส์สารคดีของตัวเองที่เพิ่งเปิดตัวบน Netflix ว่า สื่อทั้งหลายต่างพากันวิจารณ์และเพ่งเล็งรูปร่างของเธออย่างหนักในตอนที่ Brooklyn อยู่ในวัยเพียง 6 เดือนจนทำให้เธอมีภาวะของโรคการกินผิดปกติ และมันก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัวของเธอเป็นอย่างมาก
“พวกเขาจะพูดกับฉันว่า ‘ไปชั่งน้ำหนักดูซะ’ หรือ ‘ลดน้ำหนักบ้างหรือยัง?’ ซึ่งเราก็ขำไปด้วยกันและล้อเล่นกับเรื่องนี้บนรายการโทรทัศน์ แต่ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก และมันทำให้ฉันเจ็บปวด

“ฉันเริ่มสงสัยในตัวเองและไม่ชอบตัวเองที่ปล่อยให้มันมาส่งผลกับจิตใจ ฉันไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่าเห็นอะไรเวลาส่องกระจกเพราะฉันสูญเสียการรับรู้ความเป็นจริง ฉันเป็นมาหมดแล้วตั้งแต่ ‘Posh หมูตอน’ ไปจนถึง ‘Posh ผอมแห้ง’”

ทางด้านสามี David Beckham ก็ได้แสดงความคิดเห็นต่อการที่ผู้หญิงโดนวิพากษ์วิจารณ์ทุกแง่มุมในช่วงต้นยุค 2000 ว่า “เวลานั้นผู้คนรู้สึกว่ามันโอเคที่จะวิจารณ์ผู้หญิงเรื่องน้ำหนัก การใช้ชีวิตของพวกเธอ และสิ่งที่พวกเธอสวมใส่ หลายสิ่งหลายอย่างนี้เกิดขึ้นบนรายการทีวีในแบบที่สมัยนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้”

ภาพ: Samir Hussein/WireImage

อ้างอิง:
https://people.com/victoria-beckham-rare-comments-eating-disorder-new-docuseries-11826446

The post Victoria Beckham เปิดใจถึงการเป็นโรคการกินผิดปกติ หลังคลอดลูกคนแรก appeared first on THE STANDARD.

หลังจากที่ David Beckham ได้มีมินิซีรีส์สารคดีของตัวเองเรื่อง Beckham บน Netflix ไปแล้วเมื่อปี 2023 ล่าสุดทางแพลตฟอร์มก็เตรียมเปิดตัวสารคดีของ Victoria Beckham ที่ใช้ชื่อว่า Victoria Beckham ในวันที่ 9 ตุลาคมนี้

Victoria Beckham เป็นสารคดีซีรีส์ที่มาพร้อมกับ 3 เอพพิโซด และได้รับการกำกับโดย Nadia Hallgren เจ้าของผลงานสารคดีเกี่ยวกับอดีตสตรีหมายเลข 1 แห่งสหรัฐฯ อย่าง Michelle Obama เรื่อง Becoming โดยในเรื่องจะมีการสัมภาษณ์ของทั้ง Victoria และ David Beckham ซึ่งก็เป็นที่น่าจับตาว่าสารคดีจะมีโมเมนต์ไวรัลเหมือนเรื่อง Beckham หรือไม่ ดังเช่นเหตุการณ์ที่ฝ่ายสามีเข้ามาขัดภรรยาที่กำลังให้สัมภาษณ์ว่าเธอมาจากครอบครัวชนชั้นแรงงาน และให้ยอมรับแต่โดยดีว่าพ่อของเธอขับรถ Rolls-Royce ไปรับส่งที่โรงเรียนในช่วงยุค 80

Netflix เผยว่าสารคดี Victoria Beckham จะเล่าเรื่องราวชีวิตตั้งแต่ที่เธอมีชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นสมาชิกวง Spice Girls มาจนถึงตอนที่เธอได้พบรักกับนักฟุตบอลซูเปอร์สตาร์แห่งยุคอย่าง David Beckham และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักทรงอิทธิพลแห่งวงการบันเทิง แน่นอนว่าในสารคดียังพูดถึงสถานะการเป็นแฟชั่นไอคอนของ Victoria Beckham และการเปิดแบรนด์เสื้อผ้าเข้าสู่วงการแฟชั่นชั้นสูงของเธอด้วย โดยสารคดีจะติดตาม Victoria Beckham ในช่วงที่เธอกำลังทำงานเตรียมโชว์สำหรับรันเวย์ Paris Fashion Week และถ่ายทอดชีวิตหลากหลายมิติทั้งอดีตและปัจจุบันของเธอ

ภาพ: Dave Hogan/Getty Images

อ้างอิง:

• https://www.nme.com/news/tv/victoria-beckham-documentary-coming-to-netflix-from-the-makers-of-davids-miniseries-3891717

The post สารคดี Victoria Beckham เตรียมฉายบน Netflix วันที่ 9 ตุลาคมนี้ appeared first on THE STANDARD.

adidas เปิดตัวรองเท้าฟุตบอล Predator Elite by David Beckham ผลงานการออกแบบร่วมกับ เดวิด เบ็คแฮม เป็นครั้งที่ 2 โดยมาในโทนสีชมพูเป็นหลัก ตกแต่งด้วยสีขาวและสีดำ ได้แรงบันดาลใจจากสีของสโมสรอินเตอร์ ไมอามี พร้อมสกรีนตัวอักษร ‘BECKHAM’ บริเวณลิ้นรองเท้าและพื้นรองด้านใน

นักเตะระดับโลกที่จะสวมรองเท้ารุ่นนี้ อาทิ เปดรี, อเลสเซีย รุสโซ, ไมลส์ ลูวิส-สเกลลี, โรดริโก เด ปอล, เอแดร์ มิลิเตา และไอตานา บอนมาติ

เบ็คแฮมเผยถึงแรงบันดาลใจว่า “ผมรู้ทันทีว่ารองเท้าคู่นี้ต้องเป็นสีชมพู เพราะมันไม่ใช่แค่การออกแบบ แต่คือการแสดงตัวตนและความมั่นใจที่แตกต่าง รองเท้ารุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากความรักที่ผมมีต่อไมอามี ผสมผสานประสิทธิภาพ ความสวยงาม และรสนิยมส่วนตัว ทำให้ผมตื่นเต้นเป็นพิเศษกับการเปิดตัวครั้งนี้”

สำหรับรองเท้าฟุตบอล Predator Elite by David Beckham วางจำหน่ายวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ในจำนวนจำกัด ราคา 11,000 บาท ที่ อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์, แอปพลิเคชันและออนไลน์สโตร์ www.adidas.co.th, ไลน์ @adidasthailand และร้าน อาริ ฟุตบอล

The post adidas เปิดตัวรองเท้าฟุตบอล Predator Elite by David Beckham appeared first on THE STANDARD.

หนึ่งในเรื่องสนุกของแฟนฟุตบอลทั่วโลกในวันวานคือการ ‘จัดทีม’ ต่อเติมจินตนาการของตัวเอง

ถ้าเอาเพลย์เมคเกอร์คนนี้มาปั้นเกมให้กองหน้าคู่นี้ โดยมีปีกสองข้างเป็นแบบนี้ แล้วในเกมรับกองหลังไลน์แบ็กโฟร์กับผู้รักษาประตูชุดนี้แกร่งพอจะท้าชนทุกทีมได้หรือยังนะ?

หลายคนบันทึกสิ่งเหล่านี้เอาไว้บนหน้ากระดาษเปล่า (ที่บางทีต้องแอบเอาไว้เพราะกลัวเพื่อนมาเห็นแล้วจะโดนเกทับหรือค่อนแคะว่าทีมของมันเจ๋งกว่า) หรือหากมีโอกาสก็จะพยายามสร้างทีมในแบบของเราเองที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ในเกมอย่าง Championship Manager ที่เราจะสามารถซื้อผู้เล่นคนไหนก็ได้มาร่วมทีม

แต่แล้ววันหนึ่งเราก็ได้เห็นซูเปอร์สตาร์ลูกหนังของโลกมาใส่เสื้อทีมเดียวกันเฉยเลย

เดวิด เบ็คแฮม, โรแบร์โต คาร์ลอส, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร, ฮริสโต สตอยช์คอฟ, ดาวอร์ ซูเคอร์ และอีกมากมายเต็มไปหมด

นี่คือ ‘Team Pepsi’ ทีมฟุตบอลในความทรงจำของแฟนฟุตบอลรุ่นเด็กหนวดทุกคน

แต่ก่อนจะกดอ่านเรื่องราวเพิ่มเติม มีใครจำอะไรเกี่ยวกับทีมนี้ได้บ้างไหมครับ?

ความทรงจำจากช่วงยุค 1990 ยังคงงดงามเสมอสำหรับหลายคน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่สิ่งที่คิดไปเอง แต่มีการพยายามค้นหาคำตอบกันมาไม่น้อยว่าทำไมทศวรรษนั้นถึงเป็นช่วงเวลาที่แสนดี และมีคำตอบปรากฏออกมามากมาย

ส่วนหนึ่งคือหลายอย่างที่เกิดขึ้นในยุคนั้นถือเป็นของใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน มีการแข่งขันทางความคิดสูง

หนึ่งในสนามที่มีความสำคัญคือพื้นที่สีเขียวขนาดความกว้าง 50 หลาและยาวอีกราว 100 หลาโดยที่แต่ละฝั่งจะมีเส้นกรอบประตูที่วัดจากเส้นหลังได้ความยาวราว 18 หลา 

สนามที่เราเรียกกันว่าสนามฟุตบอลนั่นเอง

เกมฟุตบอลในยุค 90 ถือเป็น ‘ยุคทอง’ ในเชิงของคุณภาพที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากในยุค 80 และ 70 แต่นอกเหนือจากนั้นคือเรื่องของความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความเป็นเกมกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดของโลก มีจำนวนผู้ชมฟุตบอลในฟุตบอลโลกแต่ละครั้งสูงถึงระดับหลัก ‘พันล้าน’ คน

จำนวนสายตามากมายขนาดนี้คือสิ่งที่ทำให้แบรนด์ต่างๆ เริ่มทำการตลาดอย่างจริงจังในเกมที่นักเตะ 22 คนต้องวิ่งไล่แย่งลูกฟุตบอลแค่ลูกเดียว ซึ่งในยุค 90 ก็มีงานโฆษณาและแคมเปญการตลาดเกิดขึ้นมากมายที่น่าจดจำ

แต่หากถามคนที่เคยใช้จ่ายวันเวลาในช่วงดังกล่าวว่าจดจำอะไรได้บ้าง

สิ่งที่ทุกคนน่าจะจดจำได้ไม่เคยลืมคือ ‘Team Pepsi’ 

Team Pepsi ที่ว่านั้นไม่ใช่ทีมฟุตบอลจริงๆ แต่เป็นแคมเปญการตลาดระดับตำนานของ Pepsi ยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องดื่มที่สร้างปรากฏการณ์ในระดับตำนานขึ้นในปี 1998

‘Generation Next’ คือแคมเปญใหญ่ของเป๊ปซี่ในเวลานั้น ซึ่งพวกเขาตัดสินใจว่าจะต้องลงสนามฟุตบอลด้วย เพราะในปีดังกล่าวเป็นปีฟุตบอลโลกที่จะมีขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศสพอดี ซึ่ง Coca-Cola หรือ​ ‘โค้ก’ เป็นสปอนเซอร์หลักของการแข่งขัน

กลยุทธ์การตลาดแบบกองโจร (Ambush marketing) ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากเป๊ปซี่จะใช้ คำถามคือพวกเขาจะ ‘ทำถึง’ หรือเปล่า?

ว่าแล้วสิ่งที่ ‘เป๊ปซี่’ ทำในเวลานั้นคือการรวบรวมเอานักฟุตบอลในระดับซูเปอร์สตาร์ (ย้ำคำว่าซูเปอร์สตาร์) ของโลกมารวมเป็นทีมเดียวกัน 

เดวิด เบ็คแฮม ดาวดังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและทีมชาติอังกฤษ ซึ่งนับตั้งแต่แจ้งเกิดด้วยลูกยิงไกลครึ่งสนามในเกมกับวิมเบิลดันในปี 1996 และยิ่งดังขึ้นไปอีกเมื่อปลูกต้นรักกับวิกตอเรีย เบ็คแฮม (หรือ Posh Spice) นักร้องสาวคนดังแห่งวง ‘Spice Girls’ ที่หากจะเปรียบเทียบความดังของพวกเธอกับวงสาวๆ ในยุคนี้ ต้องบอกว่าอยู่ในระดับปรากฏการณ์ไม่แพ้ Blackpink ในเวลานี้

ด้วยภาพลักษณ์ของเบ็คแฮมที่มี ‘ออร่า’​ ของความเป็นซูเปอร์สตาร์เต็มเปี่ยม ทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ทำการตลาดได้สูง ทำให้เป๊ปซี่เลือกเขาขึ้นเป็นหนึ่งใน ‘Frontman’ ของแคมเปญ 

แต่เบ็คแฮมไม่ได้มาคนเดียว เพราะไอเดียของเป๊ปซี่คือฟุตบอลนั้นเล่นเป็นทีม พวกเขาไม่ได้อยากได้ซูเปอร์สตาร์แค่คนเดียวพวกเขาอยากได้ทั้งทีม ว่าแล้วก็ไปรวบรวมเอาซูเปอร์สตาร์ในช่วงนั้นมาไว้ในทีมเดียวกัน ใส่เสื้อของเป๊ปซี่เหมือนกัน

อเลสซานโดร เดล ปิเอโร , โรแบร์โต้ คาร์ลอส, คาร์ลอส วัลเดอร์รามา, ดาวอร์ ซูเคอร์, เปแดร็ก มิยาโตวิช, ฮริสโต สตอยช์คอฟ, เปาโล มัลดินี และอีกมากมายที่ล้วนเป็นซูเปอร์สตาร์ลูกหนังของยุคสมัยที่เป็นระดับเวิลด์คลาสทุกคน

ไม่มีใครบอกได้ชัดเจนครับว่าตกลงแล้วมีนักฟุตบอลใน Team Pepsi ทั้งหมดกี่คน บ้างก็บอกว่ามีแค่ 23 คน แต่มีข้อมูลสนุกๆ อันหนึ่งที่พอจะเป็นหลักฐานได้คือ ‘การ์ดสะสม’

ในช่วงแคมเปญนั้นเป๊ปซี่ได้ทำการตลาดครั้งใหญ่ทั่วโลก ซึ่งแต่ละประเทศหรือภูมิภาคก็ทำการตลาดแตกต่างกันออกไปในการผลิตของที่ระลึกออกมา เช่น เสื้อทีมเป๊ปซี่, กระป๋องลายพิเศษที่พิมพ์รูปนักฟุตบอลระดับซูเปอร์สตาร์

แต่ของสะสมที่เป็นหลักฐานความทรงจำที่ชัดที่สุดในวันนั้นคือการ์ดสะสมที่ว่ากันว่ามีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น! โดยมีจำนวนนักฟุตบอลในการ์ด Team Pepsi มากถึง 99 คนเลยทีเดียว! (จะขาดไปก็แค่ซีเนอดีน ซีดาน และโรนัลโด R9) ซึ่งก็จำไม่ได้แน่ชัดว่าวิธีการแลกต้องทำแบบไหน แต่เข้าใจว่าต้องนำฝาจีบไปแลก

แน่นอนครับว่าแคมเปญนี้กลายเป็นหนึ่งในแคมเปญที่ประสบความสำเร็จที่สุดตลอดกาลของเป๊ปซี่ในเกมฟุตบอล กลายเป็นความจดจำของแฟนฟุตบอลได้มากกว่าแคมเปญของสปอนเซอร์หลักของคู่แข่งอย่างโค้กด้วยซ้ำไป

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้นคือ ‘ความคาดหวัง’ จากแฟนๆ ที่อยากจะเห็นอะไรแบบนี้อีกจากเป๊ปซี่ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยโฆษณาระดับตำนานอีกหลายชิ้นในยุคปี 2000

ไม่ว่าจะเป็นชุด ‘Sumo’ เพื่อโปรโมตฟุตบอลโลกปี 2002 ที่คราวนี้คัดซูเปอร์สตาร์มาแบบเน้นๆ อย่าง เบ็คแฮม (เจ้าเก่า), คาร์ลอส (เจ้าเดิม) นอกจากนี้คือ ราอูล กอนซาเลซ, รุย คอสตา, จันลุยจิ บุฟฟอน (ที่ยังหนุ่มอยู่มาก) และริวัลโด เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ในปี 1999 และเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลกเวลานั้น

นักเตะเหล่านี้ในนาม ‘Pepsi All Stars’ ถูกจับเอามาแข่งขันในสนาม เตะบอลกับเหล่านักซูโม่ร่างยักษ์ เพื่อชิงเป๊ปซี่ที่แช่เอาไว้เย็นเจี๊ยบในกระติกขนาดเล็ก

ตามมาด้วยโฆษณาชุด ‘Wild West’ ในปี 2003 ที่คราวนี้จับเอาซูเปอร์สตาร์มาดวลกันในสไตล์คาวบอยเวสเทิร์น แต่เปลี่ยนจากการดวลปืนมาเป็นการดวลกันด้วยเชิงลูกหนังแทน ซึ่งก็ได้เบ็คแฮม (ตลอดไป), ริวัลโด, อิเคร์ คาซิญาส มาร่วมกันสร้างสีสัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผลงานที่ได้รับการจดจำมากที่สุดอีกชิ้นหนึ่งเพราะเท่จริงๆ

นอกจากนี้ยังมีเพลง ‘Right Now’ (Taste the Victory) ของนักร้องสาว Britney Spears ที่เป็นเบอร์หนึ่งของยุคนั้นออกมาด้วย ซึ่งหากไปค้นดูก็จะพบภาพของเธอถ่ายภาพทีมร่วมกับเหล่าออลสตาร์ของเป๊ปซี่ เป็นภาพที่เกินจินตนาการอย่างมาก

เป๊ปซี่ยังสานต่อผลงานฟุตบอลแบบนี้ในปี 2004 กับโฆษณาในชุด ‘Football Battle’ ที่นำนักเตะมารบกันในแบบสงครามยุคกลาง (Medieval) ซึ่งนอกจากเบ็คแฮม (ตลอดกาล) แล้วยังมีโรนัลดินโญ, ฟรานเชสโก ต็อตติ (รบแบบกลาดิเอเตอร์จะขาดคนนี้ได้ไง ) และในปี 2005 กับโฆษณาชุด ‘Surfers’ เอานักฟุตบอลมาประยุกต์ใช้สกิลในเกมลูกหนังกับการเล่นเซิร์ฟตะลุยท้องคลื่นกัน

แม้ว่าหลังจากนั้นเราจะไม่ค่อยได้เห็นผลงานในระดับปรากฏการณ์แบบนี้อีก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม (และถึงจะพยายามอีกกี่ครั้งก็ทำไม่ได้เท่าเดิมแล้ว) แต่แรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นได้ส่งผลต่อโลกฟุตบอลไม่น้อย

ไม่ว่าจะในเชิงของวัฒนธรรม (Cultural) หรือแคมเปญ ‘Pepsi World Challenge’ ที่เปิดประตูมิติสานฝันให้เด็กๆ ทั่วโลกได้ไปสัมผัสประสบการณ์ระดับโลก ซึ่งเด็กไทยเราก็มีโอกาสด้วย อย่าง อนาวิน จูจีน และวิสูตร บุญเป็ง ที่ผ่านการคัดเลือก

ไปจนถึงการกำเนิด ‘กาลาติกอส’ (Galacticos) เหล่านักรบดวงดาวของเรอัล มาดริด ในช่วงปี 2000 ที่คิดไปคิดมาบางทีอาจจะได้แรงบันดาลใจมาจาก Team Pepsi ก็เป็นไปได้

ร่องรอยของสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ที่ยังประทับอยู่ในความทรงจำของผู้คนเสมอ

ส่วนคุณผู้อ่านมีความทรงจำเฉพาะตัวเกี่ยวกับทีมรวมดาราในตำนานชุดนี้อย่างไร แบ่งปันเล่าให้ฟังกันได้นะครับ

The post Team Pepsi ทีมรวมตำนานในความทรงจำของแฟนบอลยุคคลาสสิก appeared first on THE STANDARD.

ROYAL BOX สถานที่ดูเทนนิสแบบ VVIP ของ วิมเบิลดัน ให้การต้อนรับบรรดาราชวงศ์และคนดังมากมายตลอดการแข่งขันในแต่ละปี โดยในปีนี้ ผ่านครึ่งทางของการแข่งขันไปแล้ว มีคนดังมากมายแวะเวียนมาชมการแข่งขันที่นี่

โดยล่าสุดเป็น โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ อดีตราชาของคอร์ตแห่งนี้ แวะเวียนมาเยี่ยมชมเมื่อคืนที่ผ่านมา (7 กรกฎาคม) โดยก่อนหน้านั้นก็มีดาวเด่นอย่าง เซอร์เดวิด เบ็คแฮม, เซอร์แกเร็ธ เซาธ์เกต, รอย ฮอดจ์สัน, โธมัส ทูเคิล, จอห์น ซีนา, บิลลี จีน คิง, แกรี ลินิเกอร์ ที่เป็นสายกีฬา

ส่วนสายดารา เซเลบริตี้ ก็นำมาโดย โอลิเวีย โรดริโก, รัสเซลล์ โครว์ และ เคต บลันเซตต์ ก็แวะมาเยี่ยมเยียนออลอิงแลนด์คลับในปีนี้เช่นกัน

ภาพ: Shi Tang, Julian Finney, Karwai Tang, Visionhaus / Getty Images

The post Checklist! คนดังเยือน Royal Box หลังผ่านครึ่งทาง วิมเบิลดัน appeared first on THE STANDARD.

ในโลกของเสียงเพลงมีหูฟังไม่กี่รุ่นที่กล้าเคลมว่าเสียงดี และให้ประสบการณ์ระดับเดียวกับเครื่องเสียงบ้านไฮเอนด์ และ ‘Bowers & Wilkins Px7 S2e’ คือหูฟังดังกล่าว

Bowers & Wilkins Px7 S2e ไม่ใช่หูฟังที่เพิ่งเปิดตัว แต่เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของ Bowers & Wilkins ในประเทศไทย ทำให้เกิดโปรโมชั่นดีๆ เราเลยถือโอกาสหามาใช้ หูฟังไร้สายแบบครอบศรีษะจากบ้าน Bowers & Wilkins แบรนด์เครื่องเสียงจากเกาะอังกฤษที่มีประวัติยาวนานกว่า 59 ปีรุ่น S2e เป็นรุ่นต่อยอดจาก Px7 S2 ที่เน้นปรับปรุงคุณภาพเสียงและการจูนเสียงใหม่ให้มีมิติมากขึ้น

ดีไซน์เรียบหรู ใส่สบายอย่างน่าประหลาดใจ

หูฟังรุ่นนี้มาในดีไซน์ที่ดูพรีเมียม ทั้งวัสดุที่สัมผัสแล้วรู้สึกแน่นแต่ไม่หนักเกินไป ตัวครอบหูบุผ้านุ่มพิเศษที่ใส่นานๆ แล้วไม่รู้สึกอึดอัด น้ำหนักประมาณ 300 กรัม ถือว่าเบาสำหรับหูฟัง Full Size ใส่ทำงานในคาเฟ่ เดินทาง หรือแม้แต่ใส่ดูหนังนานๆ ก็ยังรู้สึกโอเค

เสียงที่ละเอียดและสมดุล

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือคุณภาพเสียง เสียงของ Px7 S2e ให้ความรู้สึก ‘เนียนละเอียด’ แบบที่หูฟังทั่วไปให้ไม่ได้ เบสมาเต็มแต่ไม่กลบเสียงกลาง เสียงนักร้องลอยชัดเจน และเสียงแหลมก็คมแบบไม่บาดหู ใครที่ชอบเพลงแนวอะคูสติก แจ๊ซ หรือคลาสสิกน่าจะถูกใจ และถึงแม้คุณจะเป็นสายเพลง Pop หรือ Electronic รุ่น Px7 S2e ก็ยังให้มิติและไดนามิกที่น่าพอใจ

ตัดเสียงรบกวนได้แนบเนียน พร้อมแบตเตอรี่อึดใช้ได้ทั้งวัน

ระบบ Active Noise Cancellation ของรุ่นนี้ทำงานได้ดี เงียบแต่ไม่อึดอัด และยังมีโหมด Transparency ที่ช่วยให้ได้ยินเสียงรอบข้างชัดในจังหวะที่ต้องการ การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.2 พร้อมรองรับ aptX Adaptive ทำให้เสียงมีความหน่วงต่ำ ใช้ดูหนังได้สบายๆ แบตเตอรี่ใช้งานนานถึง 30 ชั่วโมง และชาร์จเร็ว 15 นาทีได้เพิ่มอีก 7 ชั่วโมง

ถ้าคุณกำลังมองหาหูฟังไร้สายที่ให้ประสบการณ์เสียงที่เหนือกว่าทั่วไปจริงๆ ในรูปลักษณ์ที่เรียบเท่ มีรสนิยม และใช้งานได้ยาวนาน Px7 S2e คือหูฟังที่คู่ควรกับทั้งการฟังเพลงจริงจังและการใช้ชีวิตที่ไม่ประนีประนอมเรื่องคุณภาพ

สำหรับที่อยากครอบครอง Bowers & Wilkins Px7 S2e ตอนนี้ทางแบรนด์มีแคมเปญพิเศษ ในโอกาสครบรอบ 10 ปีของ Bowers & Wilkins ในประเทศไทย กับส่วนลดสูงสุดถึง 12,000 บาท สำหรับสินค้า 3 รุ่นเรือธง ได้แก่ หูฟัง รุ่น Pi6, Px7 S2e และลำโพง Zeppelin โดยแคมเปญนี้จำกัดจำนวนเพียง 200 ชิ้น เท่านั้น และจัดเฉพาะในช่วง มิถุนายน – กรกฎาคม 2568 นี้ 

รายละเอียดเพิ่มเติมเชิญได้ที่  www.facebook.com/bowerswilkins.thailand.official

ภาพ: ณัฐนิชา หมั่นหาดี

The post Bowers & Wilkins Px7 S2e หูฟังไร้สายหรูเท่ ที่แม้แต่ David Beckham ก็ยังชอบ appeared first on THE STANDARD.

หลังปี 2010 เป็นต้นมา เซอร์เดวิด เบ็คแฮม เข้าชมเทนนิส วิมเบิลดัน โดยได้นั่งใน Royal Box เกือบทุกครั้ง และนั่นทำให้เราได้เห็นการแต่งตัวสุดเนี้ยบของเขา เพื่อมาดูเทนนิส เพราะอย่างที่ทราบกันว่า Royal Box มีกฎการแต่งกายที่เข้มงวด แต่ถึงอย่างนั้น ลุคที่ออกมาของเขา ก็ทำให้หลายคนประทับใจได้เสมอ

แล้วคุณชอบลุคในปีไหนของ เซอร์เดวิด มากที่สุด?

ภาพ: Karwai Tang, Julian Finney, Pool / Getty Images

The post รวมการแต่งตัวไปชมวิมเบิลดันใน Royal Box ของ เซอร์เดวิด เบ็คแฮม appeared first on THE STANDARD.

การแข่งขัน วิมเบิลดัน 2025 เปิดฉากอย่างเป็นทางการ พร้อมบรรยากาศสุดคลาสสิกบนอัฒจันทร์ Royal Box ที่ปีนี้ยังคงเต็มไปด้วยเหล่าคนดังและบุคคลสำคัญจากหลากหลายวงการ

เซอร์ เดวิด เบ็คแฮม ปรากฏตัวตั้งแต่วันแรกของการแข่งขัน นับเป็นการชมเกมแกรนด์สแลมที่ลอนดอนครั้งแรกของเขาหลังได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “เซอร์” อย่างเป็นทางการ

เบ็คแฮมนั่งชมเกมเคียงข้าง เซอร์แกเร็ธ เซาธ์เกต อดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเพิ่งได้รับบรรดาศักดิ์เช่นกัน โดยทั้งสองเซอร์ร่วมแบ่งปันช่วงเวลาบนอัฒจันทร์ท่ามกลางสายตาแฟนเทนนิสทั่วโลก

นอกจากสองเซอร์แล้ว Royal Box ยังมีแขกรับเชิญคนดังอีกหลายคน เช่น เอ็ดดี เรดเมย์น นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์จาก Fantastic Beasts โรแนน คีตติ้ง อดีตนักร้องนำวง Boyzone ต่างมาร่วมชมเกมในวันแรกของการแข่งขันปีนี้

The post เบ็คแฮมนำทัพคนดังนั่งชมวิมเบิลดันใน Royal Box วันแรก appeared first on THE STANDARD.

เดวิด เบ็คแฮม อดีตนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ วัย 50 ปี ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ชั้นอัศวิน และขึ้นแท่นเป็น ‘เซอร์เดวิด เบ็คแฮม’ อย่างเป็นทางการในงานเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่สามแห่งสหราชอาณาจักร

เบ็คแฮมนับเป็นบุคคลสำคัญของวงการฟุตบอลและสังคมอังกฤษ ที่ได้รับการยกย่องทั้งในและนอกสนามมายาวนาน 

เขาได้รับเกียรตินี้ ซึ่งแสดงถึงการยอมรับจากสถาบันกษัตริย์และสังคมอังกฤษหลังจากถูกคาดหมายว่าจะได้รับตำแหน่งอัศวินมานานหลายปี 

ตำแหน่ง ‘เซอร์’ เป็นหนึ่งในเกียรติยศสูงสุดที่พลเรือนในสหราชอาณาจักรสามารถได้รับ โดยพระราชทานเพื่อยกย่องผู้ที่มีผลงานโดดเด่นในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกีฬา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ ธุรกิจ การกุศล หรือการรับใช้สาธารณะ ถือเป็นเกียรติยศที่แสดงถึงความสำเร็จและการรับใช้สังคมอย่างแท้จริง

ภาพ: WPA Pool, Stu Forster, Shaun Botterill / Getty Images

อ้างอิง:

• https://www.bbc.com/sport/articles/cly3jy68x35o

The post เซอร์เดวิด เบ็คแฮม ตำนานทีมชาติอังกฤษ ได้รับพระราชทานยศอัศวินอย่างเป็นทางการ appeared first on THE STANDARD.

เดวิด เบ็คแฮม ตำนานนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษและอดีตแข้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าของสโมสรอินเตอร์ ไมอามี เตรียมรับพระราชทานบรรดาศักดิ์ ‘เซอร์’ อย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า จากบัญชีพระราชทานเกียรติยศเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3

ตามรายงานของสื่อต่างประเทศระบุว่า เบ็คแฮมในวัย 50 ปี จะได้รับการยกย่องในฐานะบุคคลผู้มีคุณูปการต่อประเทศชาติ ทั้งในและนอกสนามฟุตบอล โดยเฉพาะบทบาทในการเป็นนักเตะทีมชาติอังกฤษถึง 115 นัด และผลงานในระดับนานาชาติ รวมถึงกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ที่เขาสนับสนุนตลอดหลายปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ เบ็คแฮมยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 โดยเฉพาะผ่านบทบาทในฐานะทูตของ The King’s Foundation ที่ทั้งสองมีความสนใจร่วมกันด้านงานสวนและสิ่งแวดล้อม 

หากการประกาศอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นครั้งแรกที่เบ็คแฮมได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ ‘เซอร์’ หลังจากเคยได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ OBE (Officer of the Order of the British Empire) จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อปี 2003 ที่พระราชวังบักกิงแฮม

การได้รับเกียรติครั้งนี้ยังรวมถึงภรรยาของเขา วิกตอเรีย เบ็คแฮม ดีไซเนอร์ชื่อดัง ที่จะได้รับการเรียกขานว่า ‘Lady Beckham’ ตามธรรมเนียมของคู่สมรสอัศวิน

ก่อนหน้านี้ เบ็คแฮมเคยถูกเสนอชื่อให้ได้รับตำแหน่งอัศวินตั้งแต่ปี 2011 หลังมีบทบาทในการผลักดันให้ลอนดอนได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2012 แต่ถูกเลื่อนออกไปจากปัญหาทางภาษีในช่วงนั้น

และเมื่อข่าวนี้ได้รับยืนยันอย่างเป็นทางการ เบ็คแฮมจะเป็นอีกหนึ่งนักฟุตบอลระดับตำนานของอังกฤษที่ได้รับบรรดาศักดิ์ ‘เซอร์’ ถัดจาก เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

อ้างอิง:

• https://www.goal.com/en/lists/sir-david-beckham-man-utd-inter-miami-owner-finally-awarded-knighthood-kings-birthday-honours-list/blt6746ea783e5ff194#cs4fc743f204979234 
• https://www.standard.co.uk/showbiz/david-beckham-awarded-knighthood-king-charles-victoria-b1231533.html

The post เดวิด เบ็คแฮม เตรียมรับพระราชทานยศ ‘เซอร์’ จากพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 appeared first on THE STANDARD.