CRG – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 04 Apr 2025 03:18:53 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เป้าหมาย CRG อยากเปิดร้านชาบูเสริมพอร์ตธุรกิจ ย้ำไม่ง่าย! ต้องทำการบ้านหนัก หวังท้าชนเจ้าตลาด https://thestandard.co/crg-eyes-shabu-market-expansion/ Fri, 04 Apr 2025 03:55:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1060521

ถึงวันนี้ตลาดร้านอาหารในไทยยังแข่งขันกันอย่างดุเดือด หล […]

The post เป้าหมาย CRG อยากเปิดร้านชาบูเสริมพอร์ตธุรกิจ ย้ำไม่ง่าย! ต้องทำการบ้านหนัก หวังท้าชนเจ้าตลาด appeared first on THE STANDARD.

]]>

ถึงวันนี้ตลาดร้านอาหารในไทยยังแข่งขันกันอย่างดุเดือด หลังแบรนด์จีนยกทัพเข้ามาไม่หยุด แต่ CRG เชนร้านอาหารรายใหญ่ไม่เคยหวั่น เพราะวันนี้มูลค่าตลาดยังโตแถมช่องว่างยังมี พร้อมลงทุนหาแบรนด์ใหม่เสริมพอร์ต แย้มอยากทำร้านชาบูมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ด้วยตลาดมีคู่แข่งรายใหญ่อยู่แล้วจึงไม่ง่าย

 

ณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) กล่าวว่า หนึ่งในแผนการดำเนินงานของ CRG ในแต่ละปีคือการหาแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเสริมพอร์ตธุรกิจ โดยตลาดที่เรามองว่าน่าสนใจและศึกษามาตั้งแต่ปีที่แล้วคือร้านชาบูสุกี้ ตามด้วยร้านสตรีทฟู้ด และร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ซึ่งจะต้องเป็นร้านที่แตกต่างจากคู่แข่งเดิมในตลาด ราคาไม่สูงมากและต้องขยายสาขาได้อย่างคล่องตัว

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

“ยอมรับว่าการหาแบรนด์ใหม่ๆ คือความท้าทาย จากประสบการณ์ที่ผ่านมาบริษัทเคยพัฒนาแบรนด์ขึ้นมาเอง ภายใต้ชื่ออร่อยดี เป็นแบรนด์ร้านอาหารไทยจานเดียว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะสู้การแข่งขันในตลาดสตรีทฟู้ดไม่ไหว จากการแข่งขันที่รุนแรงมาก ประกอบกับผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายจึงต้องหยุดทำ”

 

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างกังวลคือ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แบรนด์จีนเข้ามาเปิดในไทยจำนวนมาก เช่น ร้านชาบูหม่าล่า ซึ่งไม่ใช่แค่อาหาร แม้แต่บริษัทก่อสร้างเองก็เช่นกัน แต่ต้องยอมรับว่าแบรนด์จีนมี Economy of Scale ทำให้ต้นทุนต่ำและสามารถขายได้ราคาถูก ผู้ประกอบการรายเล็กอาจสู้ไม่ไหว

 

ดังนั้นความเคลื่อนไหวของบริษัทจะเดินหน้าตามเทรนด์อุตสาหกรรมร้านอาหารในประเทศไทย ซึ่งในปีนี้คาดว่าภาพรวมตลาดจะเติบโต 5-7% มีมูลค่ารวม 572,000 ล้านบาท จากการศึกษาอินไซต์พบว่าเทรนด์สำคัญ คือ ความท้าทายในการบริหารจัดการต้นทุนทั้งความผันผวนของวัตถุดิบและค่าแรงที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

 

อีกทั้งแบรนด์ร้านอาหารจะต้องตั้งรับแบรนด์หน้าใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดอีกเป็นจำนวนมาก หากสังเกตจะเห็นว่าแบรนด์ใหม่ที่เข้ามาจะใช้สื่อทำการตลาดอย่างหนัก บางแบรนด์เปิดตัวกระแสแรงมาก แต่ผ่านไปไม่นานก็หายไปจากตลาด ยิ่งไปกว่านั้น เทรนด์ผู้บริโภคจะนิยมการบริการระดับพรีเมียมมากขึ้น

 

ดังนั้นแบรนด์ร้านอาหารจะต้องปรับตัวให้เร็ว ยกตัวอย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่เพิ่งเกิดขึ้นในไทย ซึ่งกระทบต่อยอดขายของร้านแค่เพียง 1 วัน แต่ช่วงนั้นสิ่งที่เราต้องรีบทำคือสื่อสารให้ผู้บริโภครู้สึกมั่นใจถึงความปลอดภัยอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อมาดูภาพรวมในปี 2024 ที่ผ่านมาบริษัทมียอดขาย 15,800 ล้านบาท เติบโต 9% ปัจจุบัน CRG มีร้านอาหารรวม 21 แบรนด์ ยอดขายส่วนใหญ่มาจากแบรนด์เรือธง เคเอฟซี, อานตี้ แอนส์, โอโตยะ, มิสเตอร์โดนัท, สลัดแฟคทอรี่ และกลุ่มร้านของชินคันเซ็น ส่วนแบรนด์บราวน์ยังน่าเป็นห่วง เพราะแบรนด์เครื่องดื่มแข่งขันกันแรงมาก จึงตัดสินใจไม่ขยายต่อและปิดร้านจาก 10 สาขาเหลือแค่ 2 สาขา

 

สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้วางงบประมาณไว้ที่ 1,200 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายสาขาแบรนด์ เคเอฟซี, โอโตยะ และ ชินคันเซ็น ควบคู่กับการพัฒนาระบบหลังบ้านโดยงบดังกล่าวยังไม่รวม M&A

 

ปีนี้คาดว่าจะมีแบรนด์ใหม่เพิ่มอีก 2-3 แบรนด์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 17,900 ล้านบาท เติบโต 13% ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมาบรรยากาศการจับจ่ายมีสัญญาณที่ดี เห็นได้จากร้านอาหารในเครือเติบโตเฉลี่ย 8%

 

ส่วนกลยุทธ์ปีนี้จะโฟกัสไปที่การรักษา Quality จากปีที่ผ่านมาเราสร้างการเติบโต ด้วยวิธีการรับประทานใหม่ๆ เช่นการรับประทาน Tonkatsu Nabe ทั้งแบบ Sukiyaki, Cheese sauce โดยปีนี้ จะชูจุดแข็งของคุณภาพวัตถุดิบต่อไป และ พยายามทำให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าในวงกว้าง ด้วยการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ

 

การใช้วัตถุดิบพรีเมี่ยม หรือนำเข้าโดยเป็นรสชาติ และ Taste profile ที่ลูกค้ารับรู้อยู่แล้วว่าเป็นของดีของแพง แต่ราคาเข้าถึงได้ง่ายซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่ามากขึ้นกว่าเดิม

 

“เป้าการเติบโตปีนี้ถือว่าสูงและท้าทายมากท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ยังลำบาก แต่ยังพอมีวิธีการทำกำไรให้มากขึ้น จากการพัฒนาเมนูใหม่ๆเข้ามา ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค ยกตัวอย่างเมนูใหม่ ไวท์ พอน เดอ ริง ของมิสเตอร์โดนัท กระแสตอบรับดีมาก หลังจากเปิดตัวขายได้กว่า 3.6 ล้านชิ้น ตอนนี้กลายเป็นโปรดักต์ฮีโร่ที่ช่วยกอบกู้ให้ร้านกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง” หัวเรือใหญ่ CRG ย้ำ

The post เป้าหมาย CRG อยากเปิดร้านชาบูเสริมพอร์ตธุรกิจ ย้ำไม่ง่าย! ต้องทำการบ้านหนัก หวังท้าชนเจ้าตลาด appeared first on THE STANDARD.

]]>
KFC ครองแชมป์ไก่ทอด! ยอดขาย 2.1 หมื่นล้าน ทิ้งห่างคู่แข่ง ฟาก CRG เล็งบุกสถานีรถไฟฟ้า เปิดโมเดล Grab & Go เจาะคนเดินทาง https://thestandard.co/kfc-is-the-fried-chicken-champion/ Thu, 04 Jul 2024 12:32:26 +0000 https://thestandard.co/?p=954182

แม้จะมีทั้งแบรนด์ไทยและต่างชาติตบเท้าเข้าสู่สังเวียนไก่ […]

The post KFC ครองแชมป์ไก่ทอด! ยอดขาย 2.1 หมื่นล้าน ทิ้งห่างคู่แข่ง ฟาก CRG เล็งบุกสถานีรถไฟฟ้า เปิดโมเดล Grab & Go เจาะคนเดินทาง appeared first on THE STANDARD.

]]>

แม้จะมีทั้งแบรนด์ไทยและต่างชาติตบเท้าเข้าสู่สังเวียนไก่ทอดหมื่นล้าน แต่ที่สุดแล้วก็ยังไม่มีใครสามารถสู้เจ้าตลาดอย่าง KFC ที่กวาดยอดขายราว 2.1 หมื่นล้านบาท จากภาพรวมที่มีมูลค่าประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นเซ็กเมนต์ที่ใหญ่สุดในตลาด QSR หรืออาหารจานด่วนอันประกอบไปด้วย ไก่ทอด พิซซ่า และเบอร์เกอร์ ที่มีมูลค่ารวม 4.5 หมื่นล้านบาท

 

ที่เป็นอย่างนั้นเพราะ “คนไทยชอบไก่ทอด เป็นเมนูที่ซื้อง่ายขายคล่อง โดยมีลูกค้าหลักส่วนใหญ่เป็นเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็กินได้เช่นกัน ซึ่งสามารถกินได้คนเดียว หรือสั่งมากินกับเพื่อได้” ปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส QSR & Western Cuisine ผู้บริหารแบรนด์ เคเอฟซี ภายใต้การบริหารโดย บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด อธิบาย

 

ในประเทศไทย KFC สาขาแรกก่อตั้งขึ้นในปี 2528 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ปัจจุบันมีร้าน KFC 1,100 สาขาทั่วประเทศ (ณ พฤษภาคม 2567) บริหารแบรนด์และแฟรนไชส์โดย บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด

 

และบริหารร้าน KFC โดยแฟรนไชส์ซีจำนวน 3 ราย ที่ประกอบด้วย บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG), บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (RD) และ บริษัท เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (QSA)

 

เมื่อไม่นานมานี้ CRG รีโนเวตร้านสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งเป็นการปรับปรุงใหญ่ในรอบ 10 ปี ด้วยการแต่งร้านในคอนเซปต์ Colonel’s Legacy ที่มาในสไตล์เรโทร ซึ่งเป็นที่นิยมในการแต่งร้านช่วงนั้น ตลอดจนถ่ายทอดบรรยากาศของย่านลาดพร้าวผ่านภาพกราฟิกต่างๆ

 

“KFC ถือเป็นร้านที่ทำรายได้หลักให้กับพอร์ตของ CRG โดยปีที่ผ่านมามียอดขายอยู่ราว 7,050 ล้านบาท” ปิยะพงศ์กล่าว “ภาพรวมในปีนี้เราต้องการเติบโต 11% ด้วยกัน”

 

การเติบโตจะมาจากหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการเร่งขยายสาขาใหม่ ตั้งเป้าเปิดสาขาจำนวน 23 สาขาในปี 2567 โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขา 338 สาขา (ข้อมูล ณ 31 พฤษภาคม 2567) รวมไปถึงการขยายสาขาร่วมกับบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล เช่น CPN และ CRC อย่างศูนย์การค้าเซ็นทรัล และโรบินสันไลฟ์สไตล์ ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง

 

สิ่งที่น่าจับตามองคือการพัฒนาโมเดลใหม่ๆ อีกหลากหลายโมเดล เพื่อการเข้าถึงลูกค้าที่ง่ายขึ้น อาทิ เร็วๆ นี้จะมีการเปิดตัว Grab & Go Model ร้านขนาดเล็กที่จะเน้นการจัดจำหน่ายในช่องทาง Takeaway เป็นหลัก และสามารถเปิดโอกาสให้ KFC สามารถขยายตัวเข้าไปอยู่ในที่ที่ไม่เคยเข้าไปได้ เช่น ในสถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT เป็นต้น

 

“ปีนี้น่าจะได้เห็น 1 สาขาที่จะเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง” ปิยะพงศ์กล่าว พร้อมกับเสริมว่า “ด้วยความที่เป็นร้านขนาดเล็ก จึงทำให้ใช้งบลงทุนน้อยกว่าสาขาปกติราว 20% ด้วยกัน”

 

และอีกโมเดลที่ในปีนี้จะโฟกัสเป็นพิเศษคือ คีออสโมเดล (Kiosk Model) ที่จะเน้นการเปลี่ยนประสบการณ์ของลูกค้าจากที่ต้องสั่งอาหารที่หน้าเคาน์เตอร์ให้เป็นการสั่งผ่านตู้คีออสแทน ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าได้อย่างอิสระมากขึ้น โดยจะขยายเพิ่มอีก 35 สาขาในปีนี้ รวมถึงการเพิ่ม Digital Billboard ให้ครบ 70 สาขา ข้อดีคือการสามารถเปลี่ยนโปรโมชันตามช่วงเวลาได้

 

ในส่วนของภาพรวมเชนธุรกิจร้านอาหารในปี 2567 มีอัตราการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีผู้เล่นเพิ่มขึ้นในทุกปี และหากมองไปถึงกลุ่มเชนร้านอาหาร QSR ก็พบว่ายิ่งท้าทายมากขึ้น เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมา ทำให้กระทบถึงราคาขายซึ่งขัดแย้งกับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีกำลังบริโภคค่อนข้างหดตัว

 

ปิยะพงศ์ฉายภาพว่า สำหรับ KFC ภายใต้ CRG มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 180-200 บาทต่อบิล ซึ่งเป็นตัวเลขที่แทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลยเพราะไม่ได้ปรับเพิ่มราคามากนัก แต่ส่วนใหญ่จะมาโฟกัสที่ยอด Transaction มากกว่า เพราะเมื่อไรที่น้อยลงแปลว่ายอดขายจะยอดลงตาม และจะส่งผลต่อธุรกิจในระยะยาว แต่ปัจจุบัน Transaction ของ CRG เติบโตประมาณ 6%

 

ด้านข่าวเรื่องการปรับค่าแรงเป็น 400 บาทต่อวัน ปิยะพงศ์ระบุว่า กระทบนิดเดียวด้วยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นราว 1% เท่านั้น และส่วนใหญ่ CRG จ่ายมากกว่าอัตราขั้นต่ำอยู่แล้ว แต่ความท้าทายในตอนนี้คือการขาด ‘แรงงาน’ ซึ่งตอนนี้อุตสาหกรรมร้านอาหารส่วนใหญ่ก็ได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด

The post KFC ครองแชมป์ไก่ทอด! ยอดขาย 2.1 หมื่นล้าน ทิ้งห่างคู่แข่ง ฟาก CRG เล็งบุกสถานีรถไฟฟ้า เปิดโมเดล Grab & Go เจาะคนเดินทาง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชิมลางตลาดปิ้งย่างไปแล้ว CRG แย้มยังขาดร้านชาบู-สุกี้ ปีนี้จ่อเปิด 2 แบรนด์ใหม่เป็น JV เลือกจากแบรนด์ที่มียอดขาย 500 ล้านขึ้น! https://thestandard.co/crg-new-2-brands-joint-ventures/ Tue, 19 Mar 2024 05:51:29 +0000 https://thestandard.co/?p=912760 CRG แย้ม ยังขาด ร้านชาบู-สุกี้

แม้ CRG เจ้าของธุรกิจร้านอาหารในเครือเซ็นทรัล จะมีร้านอ […]

The post ชิมลางตลาดปิ้งย่างไปแล้ว CRG แย้มยังขาดร้านชาบู-สุกี้ ปีนี้จ่อเปิด 2 แบรนด์ใหม่เป็น JV เลือกจากแบรนด์ที่มียอดขาย 500 ล้านขึ้น! appeared first on THE STANDARD.

]]>
CRG แย้ม ยังขาด ร้านชาบู-สุกี้

แม้ CRG เจ้าของธุรกิจร้านอาหารในเครือเซ็นทรัล จะมีร้านอาหารมากถึง 21 แบรนด์​แล้ว แต่ยังไม่พอ ยังขาดร้านชาบู-สุกี้ แย้มปีนี้จะเปิดตัว 2-3 แบรนด์ใหม่ ร่วมทุน Joint Venture แต่ต้องเป็นร้านยอดฮิตที่ทำยอดขายได้ถึง 500 ล้านบาทเท่านั้น ถึงจะได้มาอยู่บนพอร์ตโฟลิโอ 

 

ณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) กล่าวว่า ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ล้วนเป็นความท้าทายของธุรกิจร้านอาหาร แต่ยังมีอานิสงส์ของการท่องเที่ยวที่คึกคักมากขึ้น ทำให้ธุรกิจร้านอาหารมูลค่า 4.8 แสนล้านบาท ในปี 2566 ที่ผ่านมาเติบโต 5-7% 

 

ยิ่งไปกว่านั้นการแข่งขันของธุรกิจร้านอาหารนับวันยิ่งสูงขึ้น เห็นได้จากปีที่ผ่านมา มีร้านอาหารเปิดใหม่ 1 แสนร้าน แต่ในทางกลับกันก็มีทั้งแบรนด์ที่สำเร็จและแบรนด์ที่ไปต่อไม่ไหวต้องปิดตัวไปตั้งแต่เปิดให้บริการปีแรก สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายเล็กหรือรายใหญ่ก็ต้องเรียนรู้และพัฒนาไปเรื่อยๆ เพราะทุกปีมีความท้าทายแตกต่างกันไป 

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

เช่นเดียวกับ CRG ในปีที่ผ่านมาทำรายได้อยู่ที่ 1.46 หมื่นล้านบาท เติบโต 13% ส่วนใหญ่มาจากแบรนด์ฮีโร่อย่าง KFC, Mister Donut และ Shinkanzen Sushi ที่สร้างยอดขายผ่านการลอนช์เมนูใหม่ตามเทรนด์ความต้องการผู้บริโภค 

 

ที่สำคัญในปีที่ผ่านมาได้เปิดสาขาใหม่มากกว่า 140 สาขา ภายใต้ 21 แบรนด์กระจายกันไป พร้อมกับการนำเทคโนโลยีมาใช้จัดการร้านอาหาร ทั้งให้ผู้บริโภคสั่งอาหารผ่าน QR Code และนำเครื่องมือใช้วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าทำให้เราสามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้อย่างตรงจุด

 

และอีกหนึ่งใน Key Driver ที่ช่วยสร้างการเติบโต คือการขยายสาขาร้านอาหาร 2 แบรนด์ ได้แก่ นักล่าหมูกระทะ จนปัจจุบันทั้งหมด 6 สาขา รวมถึงร้านอาหารเกาหลีร่วมกับพาร์ตเนอร์ภายใต้แบรนด์คีอานิ ประเดิมเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัล พระราม 9 ที่พบว่ามีกระแสตอบรับอย่างมาก 

 

หัวเรือใหญ่ CRG ฉายภาพถึงทิศทางการเติบโตต่อจากนี้ สิ่งที่หยุดทำไม่ได้เลย คือการพัฒนาโปรดักต์ในทุกๆ แบรนด์ เริ่มตั้งแต่จัดเซ็ตเมนูมาขายเฉพาะช่วงเวลา เริ่มจาก KFC ที่เปิดตัวเมนูหนังไก่แซ่บ ต่อด้วยอานตี้ แอนส์ ได้เปิดตัวเมนูพรีเมียม พร้อมโฟกัสการลงทุนในแบรนด์ที่สร้างกำไรเท่านั้น 

 

โดยปีนี้วางแผนจะเปิดร้านไม่น้อยกว่า 100 สาขา ส่วนสาขาที่ไม่ทำกำไรอาจต้องพิจารณาปิดให้บริการ อย่าง ร้านอร่อยดี ปีที่แล้วปิดไป 30 สาขา เพราะเทรนด์เดลิเวอรีเริ่มไม่หวือหวาเหมือนช่วงโควิดแล้ว 

 

รวมถึงเดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอ มองหาแบรนด์ใหม่เข้ามาเสริมธุรกิจ ในปี 2567 นี้เตรียมเปิดตัว 2-3 แบรนด์ใหม่ อาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นร้านชาบูและสุกี้ร่วมทุนในรูปแบบ Joint Venture นำจุดแข็งและนำความเชี่ยวชาญมาสร้างโอกาสเติบโตไปพร้อมกัน หลังจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้เข้าไปร่วมลงทุนกับแบรนด์ Salad Factory, Brown ชานมไข่มุก, ส้มตำนัว และ Shinkanzen Sushi ซึ่งทุกๆ แบรนด์ก็เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ และในปีนี้ตั้งเป้าขยายร้านของทุกๆ แบรนด์รวมกันมากกว่า 25 สาขา

 

จากกลยุทธ์ทั้งหมดจะช่วยให้สิ้นปี 2567 บริษัททำรายได้เติบโต 14% หรือประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ก็ยังต้องบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ควบคู่กับบริหารกระแสเงินสดเพื่อให้การลงทุนมีความคล่องตัวเหมือนที่ผ่านมา

The post ชิมลางตลาดปิ้งย่างไปแล้ว CRG แย้มยังขาดร้านชาบู-สุกี้ ปีนี้จ่อเปิด 2 แบรนด์ใหม่เป็น JV เลือกจากแบรนด์ที่มียอดขาย 500 ล้านขึ้น! appeared first on THE STANDARD.

]]>
CRG ทุ่มขยายร้าน KFC อีก 30 แห่ง รองรับธุรกิจฟื้นตัว แย้มปี 66 เตรียมจำหน่ายแอลกอฮอล์ในสาขาทัวริสต์ https://thestandard.co/crg-kfc/ Wed, 14 Dec 2022 00:59:43 +0000 https://thestandard.co/?p=723382

ธุรกิจร้านอาหารรับสัญญาณบวกหลังโควิดคลี่คลาย CRG ทุ่ม 4 […]

The post CRG ทุ่มขยายร้าน KFC อีก 30 แห่ง รองรับธุรกิจฟื้นตัว แย้มปี 66 เตรียมจำหน่ายแอลกอฮอล์ในสาขาทัวริสต์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ธุรกิจร้านอาหารรับสัญญาณบวกหลังโควิดคลี่คลาย CRG ทุ่ม 400 ล้านบาท เร่งขยายร้าน KFC อีก 30 แห่ง เน้นทำเลที่มีศักยภาพ พร้อมจัดเซ็ตเมนูอาหารราคาเข้าถึงง่าย ตอบโจทย์ลูกค้า แย้มปี 2566 เตรียมจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสาขาแหล่งท่องเที่ยว 

 

ปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส QSR & Western Cuisine ผู้บริหารแบรนด์เคเอฟซี ภายใต้การบริหารโดยบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) กล่าวว่า เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ผู้คนออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น ประกอบกับการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายเริ่มฟื้นตัว  

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

เช่นเดียวกับภาพรวมธุรกิจร้านอาหารในไทยเติบโตขึ้น 12.9% โดยเฉพาะช่องทางไดรฟ์-อิน ส่วนช่องทางเดลิเวอรียอดขายเริ่มลดลงถ้าเทียบกับช่วงโควิด ทั้งนี้ตลาดอาหารจานด่วนในเซ็กเมนต์ไก่ทอดมีมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ยังมีการแข่งขันสูงเหมือนเดิม ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีผู้เล่นรายใหม่ๆ กระโดดเข้ามาในตลาด 

 

โดยหลักๆ จะเน้นแข่งขันในแง่ของการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ เพราะอาหารประเภทไก่ทอดยังเป็นเมนูยอดนิยมที่คนไทยเลือกรับประทาน โดยเฉพาะในช่วงโอกาสและวันสำคัญ ซึ่งพบว่าคนไทยที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ไก่ทอดรับประทานไก่มากสุดเฉลี่ย 10 ครั้งต่อเดือน ไปจนถึง 3 ครั้งต่อเดือน และมียอดค่าใช้จ่ายต่อบิลประมาณ 300 บาท

 

สำหรับ CRG ในไตรมาส 1-3 มียอดขายเติบโตมากกว่า 25% แบ่งสัดส่วนเป็นไดรฟ์-อิน 75% และเดลิเวอรี 25% คาดว่าปี 2565 จะกลับมาเทียบเท่ากับปี 2562 

 

ปัจจัยสำคัญที่เข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตคือ การขยายสาขาของแบรนด์ KFC ในช่วงไตรมาส 4 ที่วางแผนไว้ 30 แห่ง ตอนนี้เพิ่งเปิดไป 12 แห่ง ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยสิ้นปี 2565 ทำยอดขายได้ 6.3 พันล้านบาท ถือว่ามากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 3-5% 

 

เรียกได้ว่า KFC ทำสัดส่วนยอดขายกว่า 40% ในพอร์ตใหญ่ของ CRG และมีสัดส่วนยอดขาย 35% ในบริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์ KFC ในประเทศไทย 

 

ส่วนแผนการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทเตรียมงบประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายสาขาร้าน KFC จำนวน 30 สาขา หรือประมาณ 10% ของจำนวนสาขาเดิม ที่ปัจจุบันมีทั้งหมด 320 สาขา 

 

การขยายสาจาจะโฟกัสไปที่โมเดลร้าน Park and Go และร้านช็อปเฮาส์มีที่นั่ง 30-50 ที่นั่ง เปิด 24 ชั่วโมงในรูปแบบสแตนด์อโลน เข้าไปในทำเลที่มีศักยภาพใหม่ๆ เพื่อเอื้อให้กับธุรกิจเดลิเวอรี และ Omni-Channel ซึ่งสามารถขยายเวลาการให้บริการได้มากขึ้น 

 

ขณะเดียวกันล่าสุดได้เปิดให้บริการ KFC Green Store สาขาโรบินสัน ราชพฤกษ์ ถือเป็นร้านสแตนด์อโลนคอนเซปต์ใหม่สาขาแรก ขนาด 180 ตารางเมตร ลงทุนไปประมาณ 17 ล้านบาท ออกแบบร้านในคอนเซปต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีโครงสร้างร้านวัสดุมาจากการรีไซเคิลและกระจกประหยัดพลังงาน เพื่อสร้างความยั่งยืนภายใต้แนวคิด Journey to Zero และอนาคตอาจจะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง 

 

พร้อมเตรียมรีโนเวตร้านสาขาเดิมอีก 30 สาขา เปลี่ยนคอนเซปต์ใหม่ให้ทันสมัยขึ้น

โดยจะศึกษาในหลายๆ มิติ โดยบางสาขาหากมีขนาดใหญ่ไปอาจปรับให้เล็กลงตามเทรนด์ผู้บริโภคนย่านนั้นๆ

 

นอกจากนี้ยังเดินหน้าพัฒนาเมนู และเครื่องดื่ม KFC Cafe’ by Arigato เพิ่มประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าในราคาที่ไม่ได้สูงมาก ซึ่งได้ปรับเซ็ตเมนูอาหาร The BOX เริ่มต้น 69 บาท เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในเรื่องความคุ้มค่าและราคาที่เข้าถึงง่าย และอยู่ระหว่างการศึกษาและพูดคุยกับพาร์ตเนอร์ เพื่อจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสาขา KFC แหล่งท่องเที่ยว คาดว่าจะได้เห็นในปี 2566

 

“เราให้ความสำคัญทุกๆ ช่องทาง ทั้งนั่งรับประทานที่ร้าน ซื้อกลับบ้าน และเดลิเวอรี เราเชื่อว่าเดลิเวอรีเป็นอีกช่องทางที่มาพร้อมกับโอกาสใหม่ๆ ถ้าร้านขยายเวลาได้มากขึ้นก็จะเพิ่มการขายได้มากขึ้น เห็นได้จากช่วงฟุตบอลโลก ในบางสาขามียอดขายเพิ่มขึ้น 10%” ปิยะพงศ์กล่าว “แต่อีกด้านยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน ค่าเงิน อัตราแลกเปลี่ยน มีผลต่อการนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบบางรายการ ต้องบริหารให้มีประสิทธิภาพให้มากที่สุด”

 

ปิยะพงศ์กล่าวต่อไปว่า ในปี 2566 KFC ตั้งเป้ารายได้มากกว่า 7 พันล้านบาท เติบโต 15% ประเมินว่าปีหน้าช่องทางไดรฟ์-อินจะเติบโตมาก โดยเฉพาะช่วงไฮซีชันที่ผู้คนพบปะสังสรรค์กัน และยิ่งถ้าจีนเปิดประเทศ ก็จะทำให้ภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับสัญญาณบวกอย่างมาก

The post CRG ทุ่มขยายร้าน KFC อีก 30 แห่ง รองรับธุรกิจฟื้นตัว แย้มปี 66 เตรียมจำหน่ายแอลกอฮอล์ในสาขาทัวริสต์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
มองเกมรบ CRG เปิด KFC ในตึกแถว, ปั้น Virtual Brand, เตรียมงบ 500 ล้าน ทำ M&A หวังรายได้ 12,100 ล้านบาท https://thestandard.co/crg-opened-kfc-in-commercial-building-build-virtual-brand/ Thu, 31 Mar 2022 10:08:29 +0000 https://thestandard.co/?p=612716 มองเกมรบ CRG เปิด KFC ในตึกแถว, ปั้น Virtual Brand, เตรียมงบ 500 ล้าน ทำ M&A หวังรายได้ 12,100 ล้านบาท

ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารปี 2565 มีแนวโน้มสดใสมากขึ้น จากปั […]

The post มองเกมรบ CRG เปิด KFC ในตึกแถว, ปั้น Virtual Brand, เตรียมงบ 500 ล้าน ทำ M&A หวังรายได้ 12,100 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
มองเกมรบ CRG เปิด KFC ในตึกแถว, ปั้น Virtual Brand, เตรียมงบ 500 ล้าน ทำ M&A หวังรายได้ 12,100 ล้านบาท

ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารปี 2565 มีแนวโน้มสดใสมากขึ้น จากปัจจัยผู้บริโภคมีความมั่นใจในการออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน กินอาหารที่ร้านมากขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้เห็นการฟื้นตัวประมาณ 10% จากปี 2564 ตลาดมูลค่ามากกว่า 300,000 ล้านบาท ติดลบมากกว่า 10% 

 

การที่มีสัญญาณบวกธุรกิจร้านอาหารกลับมาเติบโตอีกครั้ง สิ่งที่ตามมาคือ ภาคธุรกิจร้านอาหารจะเผชิญกับความท้าทายหลากหลายมิติ เช่น การแข่งขันจะรุนแรงขึ้น ผู้ประกอบการแบรนด์ใหม่ๆ จะเกิดเพิ่มขึ้น ตลอดจนต้นทุนที่สูงขึ้นจะสร้างแรงกดดันต่อกำไรสุทธิ รายได้ สภาพคล่อง และสถานะทางการเงิน ที่สำคัญคือ การหาพนักงานในร้านที่ยากขึ้นอย่างมาก

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง:

 


 

“จากทิศทางธุรกิจร้านอาหารคาดว่าปี 2565 ตลาดธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบจะพลิกกลับมาเติบโตและมีสีสัน โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนของผู้ให้บริการรายใหญ่ซึ่งถูกชะลอมาจากปี 2563 และการเร่งขยายพอร์ตอาหารให้ครอบคลุมประเภทอาหารมากยิ่งขึ้น” ณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG วิเคราะห์ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารในปีนี้

 

CRG นับเป็นหนึ่งในเชนร้านอาหารยักษ์ใหญ่ของไทย มีร้านอาหารทั้งสิ้น 17 แบรนด์ และมีสาขาให้บริการจำนวน 1,380 สาขาทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2564) โดยปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 9,370 ล้านบาท ซึ่งณัฐบอกว่า “เราพอใจกับตัวเลขดังกล่าว”

 

ปี 2565 CRG วางเป้าเติบโตเกือบ 30% ด้วยตัวเลขรายได้ 12,100 ล้านบาท ซึ่งมาจาก 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 

 

  1. การขยายสาขา
  2. ปรับโมเดลร้านแบบใหม่
  3. เร่งเครื่องบริการเดลิเวอรีและขยายคลาวด์คิทเช่น
  4. เพิ่มโอกาสลงทุน M&A และ Joint Venture 

 

ปีที่ผ่านมา CRG ขยายสาขาได้ไม่มากนัก แต่ปีนี้วางแผนเดินหน้าปูพรมขยายสาขาร้านอาหารในทำเลศักยภาพใหม่ๆ ทั่วประเทศจำนวนมากกว่า 200 สาขา โดยโฟกัสทำเลในห้างค้าปลีก ศูนย์การค้าต่างๆ (Mall) และทำเลนอกห้าง ร้าน Stand Alone ในปั๊มน้ำมัน (Non-Mall) ซึ่งทำเลนอกห้างนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจจากการที่ต้องถูกปิด

 

ตัวอย่างโมเดลที่ถูกทำขึ้นมาเพื่อเปิดนอกห้างคือ ร้าน KFC ที่เข้าไปเปิดในตึกแถว ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ใกล้มากขึ้น โดยสาขาแรกถูกเปิดปลายปี 2564 ที่อินทามระ 23 ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเปิดรูปแบบนี้อีก 2 สาขา เบื้องต้นจะอยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด นอกจากนี้สาขาใหม่ๆ ที่ CRG เปิดจะใช้พื้นที่น้อยลงประมาณ 30% ส่วนหนึ่งก็จะช่วยประหยัดงบลงทุนด้วย 

 

สิ่งที่ต้องจับตาคือ การขยายสาขาในปีนี้ส่วนหนึ่งจะมาจากแฟรนไชส์อย่าง ‘มิสเตอร์ โดนัท’ ซึ่งใช้งบลงทุน 6 แสน – 1 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดไปแล้วที่ยะลา CRG คาดว่าปีนี้จะมีแฟรนไชส์ราว 20 สาขา หลักๆ จะถูกเปิดในภาคใต้ ประเมินยอดขายไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท 

 

CRG ยังมองโอกาสการเติบโตของธุรกิจใหม่ จากการปรับตัว สร้างโมเดลร้านแบบใหม่ ทั้ง Shop in Shop การ Synergy แบรนด์ในเครือมาอยู่ในร้านเดียว รวมไปถึงร้านรูปแบบใหม่ ได้แก่ Container Store 

 

นอกจากนี้ยังเดินหน้าขยายบริการเดลิเวอรี ออนไลน์ ซึ่งทั้งปีคาดการณ์ผลักดันยอดขายในช่องทางเดลิเวอรีแตะ 3,500 ล้านบาท เติบโต 15% จากปี 2564 ซึ่งมียอดขาย 3,000 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 40% จากปี 2563 และจะขยายคลาวด์คิทเช่นให้ครบ 20 สาขา เพื่อครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่กรุงเทพฯ จากปัจจุบันมี 11 สาขา  

 

“เราได้ทำ Virtual Brand เพื่อขายในเดลิเวอรีโดยเฉพาะถึง 4 แบรนด์ ได้แก่ โจว ข้าวต้มแห้ง, บุกชน ข้าวมันไก่, คลั่งกะเพรา และคาโคมิ ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของโอโตยะ”

 

การซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) รวมถึงการร่วมทุน (Joint Venture) เป็นอีกหมากที่ถูกวางไว้สำหรับสร้างการเติบโตให้กับ CRG โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ได้ใช้งบในส่วนนี้ไปแล้ว 400 ล้านบาท โดยได้ 3 แบรนด์เข้ามาอยู่ในเครือคือ สลัดแฟคทอรี่, บราวน์ และส้มตำนัว 

 

“แต่ละปีเราวางงบสำหรับ M&A และ Joint Venture ไว้ที่ 500 ล้านบาท โดยเต็มที่จะมีปีละ 2 ดีล ซึ่งตอนนี้กำลังคุยๆ กันอยู่หลายดีล โดยแบรนด์ที่เราสนใจนั้นจะต้องเป็นแบรนด์ที่มีคอนเซ็ปต์ดี การตลาดใช้ได้ และเจ้าของมีแพสชันในธุรกิจ”

 

สำหรับ CRG เป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL โดย บล.เมย์แบงก์ ประเมินว่า แนวโน้มปี 2565 จากที่คาดว่าสถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลง จึงประเมินยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะเติบโต ซึ่งสอดคล้องกับผู้บริหารตั้งเป้าที่ 10-15% และจะทำให้ยอดขายของร้านอาหารในปีนี้มีรายได้ราว 1.14 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าระดับก่อนโควิดเพียง 6% ในปี 2562

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

The post มองเกมรบ CRG เปิด KFC ในตึกแถว, ปั้น Virtual Brand, เตรียมงบ 500 ล้าน ทำ M&A หวังรายได้ 12,100 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
CRG มองมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ในครั้งนี้จะกระทบ ‘ธุรกิจร้านอาหาร’ มากกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะเป็นการกระทบต่อเนื่องในระยะเวลานาน https://thestandard.co/crg-view-point-semi-lockdown-measures-impact-restaurant-business/ Tue, 29 Jun 2021 00:57:13 +0000 https://thestandard.co/?p=506086 ธุรกิจร้านอาหาร

จากที่ ‘ธุรกิจร้านอาหาร’ อยู่ในอาหาร ‘โคม่า’ อยู่แล้วจา […]

The post CRG มองมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ในครั้งนี้จะกระทบ ‘ธุรกิจร้านอาหาร’ มากกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะเป็นการกระทบต่อเนื่องในระยะเวลานาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธุรกิจร้านอาหาร

จากที่ ‘ธุรกิจร้านอาหาร’ อยู่ในอาหาร ‘โคม่า’ อยู่แล้วจากพิษวิกฤตโควิดที่ลากยาวมา 1 ปีกว่าๆ คำสั่งล่าสุดของรัฐบาลที่ห้ามนั่งกินในร้านตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม กลายเป็นสิ่งที่เข้ามาซ้ำเติมเข้าไปอีก เพราะ ‘การนั่งในร้าน’ ถือเป็นเส้นเลือดหลักที่หล่อเลี้ยงธุรกิจร้านอาหาร

 

ณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า มาตรการกึ่งล็อกดาวน์ในครั้งนี้กระทบต่อธุรกิจร้านอาหาร เนื่องด้วยช่องทาง Dine In เป็นช่องทางรายได้หลักของธุรกิจร้านอาหารทั้งรายเล็กไปจนถึงรายใหญ่ และมองว่าจะกระทบมากกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะเป็นการกระทบต่อเนื่องในระยะเวลานาน ซึ่งสำหรับ CRG มีร้านอาหารอยู่ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑลกว่า 50%

 

“ช่วงที่เปิดให้นั่งในร้าน 25% เฉพาะร้านในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มียอดขายเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2564 ที่มีมาตรการงดนั่งกินในร้านอาหาร”

 

แม่ทัพ CRG กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ผู้บริโภคค่อนข้างระมัดระวังการใช้จ่าย จึงน่าจะส่งผลต่อภาพรวมของกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง โดยภาพรวมของธุรกิจนั้นกระทบรุนแรงยืดเยื้อมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงครึ่งปีแรก ส่วนธุรกิจในครึ่งปีหลังคงอยู่ที่ความรวดเร็วในการกระจายวัคซีน ซึ่งคาดว่าน่าจะยืดยาวไปถึงสิ้นปี

 

อย่างไรก็ตามด้วยครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ให้ปิดบริการที่หน้าร้าน ทาง CRG ได้มีการวางแผนงานที่มีความยืดหยุ่น และปรับตัวรับสถานการณ์ เช่น การบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆให้เหมาะสม ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ผ่านมานับว่าสามารถจัดการต้นทุนให้สอดคล้องกับยอดขายได้ดี 

 

นอกจากนี้ยังได้เพิ่มการหารายได้จากหลายๆ ช่องทาง ซึ่งแน่นอนว่าเดลิเวอรีเป็นส่วนสำคัญที่จะเข้ามาช่วยตรงนี้ รวมไปถึงเพิ่มช่องทางอื่นๆ เช่น ช่องทางออนไลน์ต่างๆ 

 

ขณะที่ความช่วยเหลือจากภาครัฐที่กำลังจะออกมานั้น ณัฐกล่าวว่า “เรามองทุกความช่วยเหลือที่มาจากภาครัฐมีประโยชน์ สามารถช่วยสนับสนุนได้ไม่มากก็น้อย แต่เนื่องจากร้านอาหารได้รับผลกระทบมากต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จึงอยากให้ภาครัฐช่วยหามาตรการช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้น” 

 

โดยรัฐบาลควรออกมาตรการช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรมในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องการจัดการร้านอาหาร และกระตุ้นการใช้จ่าย ที่มุ่งตรงกับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ อาทิ อุตสาหกรรมร้านอาหาร เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ต่างได้รับผลกระทบมากและต่อเนื่อง 

 

ตลอดจนเร่งจัดการเรื่องการจัดสรรวัคซีนให้ทั่วถึง โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ซึ่งเป็นส่วนงานที่ต้องสัมผัสกับบุคคลอื่น เพื่อความปลอดภัย สร้างความมั่นใจต่อผู้ใช้บริการ และช่วยให้ธุรกิจสามารถกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว

 

พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ

The post CRG มองมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ในครั้งนี้จะกระทบ ‘ธุรกิจร้านอาหาร’ มากกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะเป็นการกระทบต่อเนื่องในระยะเวลานาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
CRG ปรับทัพธุรกิจ เตรียมขายแฟรนไชส์ Mister Donut และ Auntie Anne’s ช่วงครึ่งปีหลัง วางราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 1 ล้านบาท https://thestandard.co/crg-adjust-business-strategy-selling-mister-donut-and-auntie-annes/ Tue, 08 Jun 2021 11:55:18 +0000 https://thestandard.co/?p=497852 CRG

นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของ ‘กลุ่มธุรกิจเบเกอรีแล […]

The post CRG ปรับทัพธุรกิจ เตรียมขายแฟรนไชส์ Mister Donut และ Auntie Anne’s ช่วงครึ่งปีหลัง วางราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 1 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
CRG

นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของ ‘กลุ่มธุรกิจเบเกอรีและเครื่องดื่ม’ (ประกอบด้วยแบรนด์ Mister Donut, Auntie Anne’s, Cold Stone Creamery และ Arigato รวมกับ 1 โรงงาน คือ ซีอาร์จี แมนูแฟคเจอริ่ง (CRGM)) ซึ่งทำรายได้ 1 ใน 4 ของบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) เมื่อ CRG ได้ตัดสินใจที่จะขายแฟรนไชส์ Mister Donut และ Auntie Anne’s ช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดยคาดว่าราคาจะอยู่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท 

 

สุชีพ ธรรมาชีพเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่ม Bakery & Beverage Cuisine ของ CRG อธิบายว่า การขายแฟรนไชส์ของทั้ง 2 แบรนด์จะทำให้ธุรกิจสามารถขยายได้อย่างรวดเร็วโดยที่บริษัทไม่ต้องลงทุนด้วยตัวเอง แถมบางครั้งยังสามารถเข้าไปยังโลเคชันบางแห่งที่เข้าถึงได้ยาก ผ่านแฟรนไชส์ที่มีคอนเน็กชันโลเคชันโดยตรง

 

“ช่วงนี้เราพบว่าบางอาชีพ เช่น นักบิน ซึ่งมีเงินเก็บแต่ยังไม่ได้ทำงาน เพราะการระบาดของโรคโควิด-19 สนใจที่จะทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ประกอบกับโอกาสอื่นๆ เราเลยปรึกษากับบริษัทแม่ของทั้ง 2 แบรนด์เพื่อเปิดแฟรนไชส์ในช่วงเวลานี้”

 

เบื้องต้นคาดว่า Mister Donut จะเริ่มขายแฟรนไชส์ได้ในช่วงไตรมาส 3 ส่วน Auntie Anne’s จะเป็นช่วงไตรมาส 4 ส่วนราคายังไม่ได้ข้อสรุป แต่คาดว่าจะไม่เกิน 1 ล้านบาท ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับโมเดลธุรกิจด้วย เพราะทั้ง 2 แบรนด์มีโมเดลธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งร้านที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า, Shop Stand Alone, Delco รวมไปถึง Mobile Tuk Tuk 

 

สำหรับทำเลนั้นจะมีทั้งที่ CRG จัดหาให้ รวมไปถึงที่แฟรนไชส์จัดหามา แต่ทาง CRG ต้องเข้าไปศึกษาก่อนว่าคุ้มที่จะเปิดไหม โดยจะยกเว้นร้านที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าและห้างของเครือเซ็นทรัลซึ่ง CRG จะเข้าไปเปิดเอง คาดว่าภายในปีนี้จะมีร้านที่เป็นแฟรนไชส์มากกว่า 20 ร้าน โดยภายใน 2-3 ปีแรก จะมีสัดส่วนแฟรนไชส์ 20-30% และภายใน 5 ปีจะเพิ่มเข้ามาเป็น 40% 

 

‘กลุ่มเบเกอรีและเครื่องดื่ม’ เป็น 1 ใน 4 ธุรกิจหลักของ CRG ซึ่งนอกจากกลุ่มนี้แล้วอีก 3 กลุ่มที่เหลือได้แค่ KFC, ร้านอาหารญี่ปุ่น และร้านอาหารไทย

 

ในปีที่ผ่านมากลุ่มเบเกอรีและเครื่องดื่มทำรายได้ 2.43 พันล้านบาท จาก 630 สาขา โดยการระบาดของโรคโควิด-19 บวกกับการเปิดโมเดลร้านใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ช่องทางขายแบบเดลิเวอรี เช่น Delco ซึ่งเป็นร้านขนาดเล็กที่ในปั๊มน้ำมัน, ไทวัสดุ เป็นต้น ทำให้ยอดขายจากช่องทางเดลิเวอรีเติบโต 210% เป็น 240 ล้านบาท 

 

สำหรับปี 2564 ตั้งเป้ารายได้ 2.9 พันล้านบาท เติบโต 18-20% จากปีก่อน ซึ่งครึ่งปีแรกทำรายได้ไปแล้ว 1.2 พันล้านบาท ขณะเดียวกัน ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา เดลิเวอรีได้รับความนิยมอย่างมาก มียอดการสั่งเติบโตจากก่อนโควิด-19 มากกว่า 300% จึงได้วางเป้ายอดขายจากช่องทางเดลิเวอรีรวมกว่า 500 ล้านบาทในปีนี้

 

ในแง่ของการขยายสาขา ปีนี้ได้วางงบลงทุน 220 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าตัว ด้วยปีที่ผ่านมาขยายสาขาได้ด้วย ในปีนี้จะมีการเปิดรูปแบบร้าน Delco มากกว่า 70 สาขา Mobile Tuk Tuk มากกว่า 5 สาขา (CRG อธิบายว่า 2 โมเดลนี้จะทำให้ระยะเวลาการขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเช้าที่ห้างยังไม่เปิด ในอนาคตจะมีการขยายช่วงเวลาขายกลางคืนด้วย) และ Shop in Shop ของแบรนด์ Arigato ที่เปิดคู่ไปกับแบรนด์ Mister Donut มากกว่า 100 สาขา จึงคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปี กลุ่มเบเกอรีและเครื่องดื่มจะมีร้านอยู่ทั้งสิ้น 720 สาขา

 

ขณะเดียวกัน CRG ยังเจาะช่องทางออนไลน์ โดยมีทั้งดีลต่างๆ สั่งอาหารได้ทั้งแบบเดลิเวอรี และคลิก แอนด์ คอลเล็ก (Click and Collect) บน LINE OA, เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านมาร์เก็ตเพลส และระบบแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำ

 

รวมไปถึง ช่องทาง C2C หรือ Customer to Customer ซึ่งเป็นช่องทางใหม่ที่น่าสนใจ เพราะเป็นโมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แบบผู้บริโภคไปยังผู้บริโภคที่สามารถขยายและต่อยอดการขายในวงกว้างมากขึ้น โดยใช้กลยุทธ์เปิดร้านขายบนแพลตฟอร์มของตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับสิทธ์จาก CRG ทั้งการขายปลีกและการขายส่ง  

 

โดยนอกจากช่องทางการขายแล้ว ในแง่ของสินค้าก็จะเพิ่มเช่นเดียวกัน เช่น กลุ่ม Plant-Based สำหรับแบรนด์ Auntie Anne’s และสินค้ากลุ่ม Ready to Eat ของแบรนด์ Arigato เป็นต้น 

 

ในภาพรวมของตลาดเบเกอรีได้รับอานิสงส์จากความฮอตฮิต ของ ‘ครัวซองต์’ ทำให้อุตสาหกรรมเบเกอรีมีการเปลี่ยนแปลงแบบมีนัยสำคัญ โดยในปี 2563 มูลค่าตลาดเบเกอรีรวมสูงเฉียด 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นขนมปัง  53% ขนมเค้ก 22% และขนมอบ (เช่น พาย ครัวซองต์ คุกกี้) 25% คาดว่าครัวซองต์ทำให้สัดส่วนขนมอบเพิ่มมูลค่ามากขึ้น


พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

The post CRG ปรับทัพธุรกิจ เตรียมขายแฟรนไชส์ Mister Donut และ Auntie Anne’s ช่วงครึ่งปีหลัง วางราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 1 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไม่รอให้ลูกค้าเดินมาหา! Mister Donut เปิดร้านแบบใหม่ ‘รถสามล้อโมเดล’ ลงทุนแค่ 6 แสน คาดมียอดขาย 1.2 ล้านบาทต่อปี https://thestandard.co/mister-donut-tricycle-model/ Mon, 12 Apr 2021 06:43:56 +0000 https://thestandard.co/?p=475209 ไม่รอให้ลูกค้าเดินมาหา! Mister Donut เปิดร้านแบบใหม่ ‘รถสามล้อโมเดล’ ลงทุนแค่ 6 แสน คาดมียอดขาย 1.2 ล้านบาทต่อปี

ยุคนี้การจะอยู่เฉยๆ แล้วรอให้ผู้บริโภคเดินเข้าไปหาคงไม่ […]

The post ไม่รอให้ลูกค้าเดินมาหา! Mister Donut เปิดร้านแบบใหม่ ‘รถสามล้อโมเดล’ ลงทุนแค่ 6 แสน คาดมียอดขาย 1.2 ล้านบาทต่อปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไม่รอให้ลูกค้าเดินมาหา! Mister Donut เปิดร้านแบบใหม่ ‘รถสามล้อโมเดล’ ลงทุนแค่ 6 แสน คาดมียอดขาย 1.2 ล้านบาทต่อปี

ยุคนี้การจะอยู่เฉยๆ แล้วรอให้ผู้บริโภคเดินเข้าไปหาคงไม่ใช่วิธีที่ดีอีกแล้ว ดังนั้นสิ่งที่แบรนด์ต้องทำท่ามกลางคู่แข่งมากมายที่เพิ่มขึ้นมาไม่หยุดหย่อนคือ ต้องเป็นฝ่ายที่เดินเข้าหาผู้บริโภคก่อน จึงไม่แปลกหากในช่วงที่ผ่านมาเราจะเห็นโมเดลร้านแบบเคลื่อนที่กันมากขึ้น ซึ่ง Mister Donut ของเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป หรือ ​CRG ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ขยับตัวเช่นเดียวกัน

 

การออกไปหาลูกค้าของ Mister Donut จะเกิดขึ้นผ่าน ‘รถสามล้อโมเดล (Mobile Tuk Tuk Model)’ โดยมีจุดแข็งอยู่ที่ความเป็นโมเดลขนาดเล็ก จึงมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นสูง สามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น

 

“ที่สำคัญยังเป็นการขยายโลเคชันในรูปแบบของโมบายล์สโตร์ ที่สามารถสับเปลี่ยนไปตามย่านต่างๆ ที่เป็นทำเลเป้าหมาย เช่น ตามสถานศึกษา มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล และชุมชนต่างๆ เพื่อการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น” สุชีพ ธรรมาชีพเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่-ปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าว

 

เบื้องต้นรถสามล้อโมเดลของ Mister Donut จะใช้งบลงทุนอยู่ราว 6 แสนบาท น้อยกว่าสาขาแบบปกติที่จะใช้งบลงทุน 1.3 ล้านบาทแล้วแต่พื้นที่ โดยคาดว่าต่อคันนั้นจะสามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 1.2 ล้านบาทต่อปี ซึ่ง Mister Donut วางเป้าไกลถึงการต่อยอดเป็นแฟรนไชส์อีกด้วย

 

สำหรับคันแรกนั้นได้มีการเผยโฉมแล้วที่งาน ‘เมืองโบราณ ไลท์ เฟส’ เริ่มจัดแสดงตั้งแต่ 1 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. ณ เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

The post ไม่รอให้ลูกค้าเดินมาหา! Mister Donut เปิดร้านแบบใหม่ ‘รถสามล้อโมเดล’ ลงทุนแค่ 6 แสน คาดมียอดขาย 1.2 ล้านบาทต่อปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
CRG จับ มิสเตอร์ โดนัท และอานตี้ แอนส์ แปลงโฉมเป็น ‘โมบายล์สโตร์’ ตั้งเป้ายอดขาย 500 ล้านในปี 2564 https://thestandard.co/crg-joined-mister-donut/ Fri, 04 Dec 2020 10:55:55 +0000 https://thestandard.co/?p=428743 CRG จับ มิสเตอร์ โดนัท และอานตี้ แอนส์ แปลงโฉมเป็น ‘โมบายล์สโตร์’ ตั้งเป้ายอดขาย 500 ล้านในปี 2564

จากจุดแข็งของโมเดล ‘Delco’ ที่จะช่วยเสริมในส่วนของการขย […]

The post CRG จับ มิสเตอร์ โดนัท และอานตี้ แอนส์ แปลงโฉมเป็น ‘โมบายล์สโตร์’ ตั้งเป้ายอดขาย 500 ล้านในปี 2564 appeared first on THE STANDARD.

]]>
CRG จับ มิสเตอร์ โดนัท และอานตี้ แอนส์ แปลงโฉมเป็น ‘โมบายล์สโตร์’ ตั้งเป้ายอดขาย 500 ล้านในปี 2564

จากจุดแข็งของโมเดล ‘Delco’ ที่จะช่วยเสริมในส่วนของการขยายฐานการส่งเดลิเวอรีให้ครอบคลุมและเข้าถึงทุกพื้นที่มากยิ่งขึ้น และยังเป็นการขยายโลเคชันในรูปแบบของโมบายล์สโตร์ ที่สามารถสับเปลี่ยนไปตามย่านต่างๆ ที่เป็นทำเลเป้าหมาย โดยจะเน้นตามปั๊มน้ำมัน แหล่งชุมชนใหญ่ และพื้นที่รอบนอก

 

ทำให้บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG ตัดสินใจขยายโมเดลธุรกิจแบบ Delco โดยประเดิมที่ 2 แบรนด์ ได้แก่ มิสเตอร์ โดนัท และอานตี้ แอนส์ เนื่องด้วยในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ยอดการสั่งเดลิเวอรีของทั้ง 2 แบรนด์นี้เติบโตจากปีที่แล้วมากกว่า 300%

 

“Delco มีการออกแบบให้ดูสดใส ทันสมัย และดึงดูดสายตา ซึ่งจะช่วยสร้างความแตกต่างและเพิ่มโอกาสการขายได้ดียิ่งขึ้น” ณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ CRG กล่าว 

 

เบื้องต้นเปิดแล้ว 1 สาขา ที่ปั๊ม ปตท.นวมินทร์ ในส่วนงบลงทุนต่อสาขาอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท โดยในช่วงแรกอัดงบลงทุนไปมากกว่า 30 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการขยายสาขา ซึ่งตั้งเป้าเปิดสาขาจำนวน 10 สาขาภายในปี 2564 หรือจำนวน 25 สาขา ภายในปี 2564 

 

นอกจากนี้ ในปี 2564 จำนวนสาขาใหม่ของแบรนด์มิสเตอร์ โดนัท กว่า 50% ที่จะเปิดให้บริการก็จะเป็นร้านในโมเดล Delco อีกด้วย 

 

นอกจากในเรื่องโลเคชันและคอนเซปต์ร้านแล้ว อีกความพิเศษของร้าน Delco มิสเตอร์ โดนัท และอานตี้ แอนส์ คือ มีการปรับเมนูที่จำหน่ายที่ร้าน Delco ให้เหมาะสมกับรูปแบบการบริการ เนื่องจากเป็นร้านที่ให้บริการในรูปแบบซื้อกลับ (Take Away) และเดลิเวอรี 100% ซึ่งมิสเตอร์ โดนัทจะเน้นเมนูอาหารเช้ามากขึ้น เช่น แซนด์วิช, ครัวซองต์, อาหารรองท้อง ส่วนอานตี้ แอนส์จะเน้นเมนูช่วงบ่ายหรือช่วงค่ำซึ่งเป็นมิกซ์แอนด์แมตช์ในรูปแบบ Bucket Party รวมทั้งเมนูซิกเนเจอร์อย่างเครื่องดื่มเลมอนเนดในรูปแบบบรรจุขวดและปาร์ตี้ไซส์

 

ในปี 2564 CRG ตั้งเป้ารายได้จากโมเดล Delco จำนวน 500 ล้านบาทด้วยกัน

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

The post CRG จับ มิสเตอร์ โดนัท และอานตี้ แอนส์ แปลงโฉมเป็น ‘โมบายล์สโตร์’ ตั้งเป้ายอดขาย 500 ล้านในปี 2564 appeared first on THE STANDARD.

]]>
เติมพอร์ตร้านชาไข่มุก! CRG ใช้เงิน 65-70 ล้านบาท ถือหุ้นใหญ่ร้าน Brown Café https://thestandard.co/brown-cafe-now-own-by-crg/ Tue, 01 Sep 2020 13:17:22 +0000 https://thestandard.co/?p=393678

ถึง เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป หรือ CRG จะมีร้านขนมและขอ […]

The post เติมพอร์ตร้านชาไข่มุก! CRG ใช้เงิน 65-70 ล้านบาท ถือหุ้นใหญ่ร้าน Brown Café appeared first on THE STANDARD.

]]>

ถึง เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป หรือ CRG จะมีร้านขนมและของหวานอยู่ในมือหลากหลายแบรนด์อยู่แล้ว ทั้ง Mister Donut, Auntie Anne’s, Cold Stone และล่าสุดกับร้านไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ Soft Air ที่เพิ่งเปิดตัวปลายปีที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าร้านที่มีอยู่ในมือจะยังไม่ครอบคลุมพอ ล่าสุดจึงหันมากระโดดสู่ ‘ร้านชาไข่มุก’ ซึ่งฮิตติดชาร์ตมาได้ 2-3 ปีแล้ว

 

โดย บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ CRG ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ได้มีมติให้ CRG ดำเนินการเจรจาเพื่อลงทุนในบริษัท บราวน์ ดีเซิร์ท จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจจำหน่ายของหวาน เบเกอรี และเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ Brown Café (บราวน์ คาเฟ่)

 

CRG จะเข้าซื้อทั้งหุ้นสามัญและหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งจะทำให้ต่อจากนี้ถือหุ้น 51% ในบริษัทบราวน์ ดีเซิร์ท ซึ่งปัจจุบันมีร้าน Brown Café ทั้งหมด 11 สาขาในประเทศไทย แบ่งเป็น 10 สาขาที่ลงทุนเอง และอีก 1 สาขาเป็นแฟรนไชส์ และเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งเซ็นสัญญาแฟรนไชส์ในมาเลเซียไป CRG คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในครั้งนี้ 65-70 ล้านบาท 

 

ต้องจับตาดูว่า หลังจากที่รายใหญ่อย่าง CRG กระโดดลงมาเล่นในตลาดชาไข่มุกแล้ว จะทำให้ตลาดที่เดิมดุเดือดอยู่แล้ว ดุเดือดขึ้นมาอีกมากน้อยแค่ไหน

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิงรูปภาพ: Facebook – Brown Café ブラウン

The post เติมพอร์ตร้านชาไข่มุก! CRG ใช้เงิน 65-70 ล้านบาท ถือหุ้นใหญ่ร้าน Brown Café appeared first on THE STANDARD.

]]>