Craig Federighi – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 10 Jun 2025 05:45:39 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Apple เปิดตัวงาน WWDC 2025 ด้วยคลิปโปรโมต F1 The Movie https://thestandard.co/apple-wwdc-2025-f1-the-movie/ Tue, 10 Jun 2025 05:45:39 +0000 https://thestandard.co/?p=1083579 Apple WWDC 2025

งาน WWDC 2025 ซึ่งเป็นงานประชุมประจำปีของบริษัท Apple เ […]

The post Apple เปิดตัวงาน WWDC 2025 ด้วยคลิปโปรโมต F1 The Movie appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple WWDC 2025

งาน WWDC 2025 ซึ่งเป็นงานประชุมประจำปีของบริษัท Apple เพื่อแสดงสินค้า ซอฟต์แวร์ และผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยในปีนี้เริ่มต้นด้วยวิดีโอที่น่าสนใจของ Craig Federighi รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ที่กำลังขับรถ F1 อยู่บนหลังคาของ Apple Park

 

แม้เนื้อหาวิดีโอจะเป็นการปั่นแบบสนุกสนาน แต่คลิปวิดีโอนี้ก็เป็นที่พูดถึงอย่างมาก ซึ่ง Apple ตั้งใจเปิดงานด้วยวิดีโอนี้เพื่อโปรโมตภาพยนตร์ F1 The Movie ที่ผลิตโดย Apple ซึ่งกำลังจะเข้าโรงภาพยนตร์ในวันที่ 26 มิถุนายนนี้

 

The post Apple เปิดตัวงาน WWDC 2025 ด้วยคลิปโปรโมต F1 The Movie appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple Intelligence กับ ChatGPT ใน Siri มาตรฐานใหม่ของ AI ที่เป็นส่วนตัวและปลอดภัย แต่อาจไม่ใช่กับ ChatGPT Plus https://thestandard.co/apple-intelligence-chatgpt-in-siri/ Tue, 02 Jul 2024 06:14:03 +0000 https://thestandard.co/?p=952653

แม้ว่าการประกาศเปิดตัว Apple Intelligence ในงาน WWDC 20 […]

The post Apple Intelligence กับ ChatGPT ใน Siri มาตรฐานใหม่ของ AI ที่เป็นส่วนตัวและปลอดภัย แต่อาจไม่ใช่กับ ChatGPT Plus appeared first on THE STANDARD.

]]>

แม้ว่าการประกาศเปิดตัว Apple Intelligence ในงาน WWDC 2024 จะจบลงแล้ว แต่สิ่งที่ยังคงเป็นคำถามก่อนซอฟต์แวร์จะถูกปล่อยให้ลองใช้งานก็คือเรื่องของการรักษาความเป็นส่วนตัว ที่ Apple เน้นพูดถึงเป็นหลักระหว่างงาน แบบที่ใช้เวลาไม่แพ้กับในส่วนของคุณสมบัติว่า Apple Intelligence จะเข้ามาช่วยให้ชีวิตของผู้ใช้งานง่ายขึ้นอย่างไร

 

THE STANDARD WEALTH จึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีที่ Apple ใช้เพื่อรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานมาสรุปให้ตามนี้

 

On-Device และ PCC สองกลไกรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

 

The Verge รายงานว่า ความเป็นส่วนตัวในการใช้ Apple Intelligence จะแบ่งได้ออกเป็นสองวิธีหลักๆ อย่างแรกเป็นการประมวลผลบนอุปกรณ์ (On-Device) ที่ฝังลึกอยู่ในทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของเครื่อง โดยสิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มี A17 Pro หรือชิป M-Series ที่เป็นรากฐานของ Apple Intelligence ให้สามารถทำงานบนอุปกรณ์ได้ โดยการประมวลผลบนอุปกรณ์จะใช้สำหรับฟังก์ชันงานที่ไม่ซับซ้อนมาก เช่น การจัดตารางชีวิตประจำวัน หรือปรับแต่งรูปภาพ

 

ในขณะเดียวกันบางคำสั่งของผู้ใช้งานอาจซับซ้อน ซึ่ง Apple เลือกแก้ไขปัญหานี้ด้วยอีกวิธีคือการประมวลผลผ่านคลาวด์ แต่ความพิเศษของคลาวด์ที่ถูกนำมาใช้งานในกรณีนี้คือ Private Cloud Compute (PCC) ที่จะเป็นเพียงการเลือกใช้ข้อมูลที่จำเป็นผ่านการตัดสินใจของอุปกรณ์ Apple เพื่อนำมาประมวลผลหาคำตอบเท่านั้น และเมื่อประมวลบนคลาวด์เสร็จ ข้อมูลจะถูกลบออกทันทีแบบไม่มีการเก็บไว้ใช้ทีหลัง ไม่มีใครแม้กระทั่ง Apple ที่จะเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้

 

Craig Federighi รองประธานอาวุโสฝ่ายซอฟต์แวร์ประจำ Apple ประกาศว่า รูปแบบการทำงานของ Apple Intelligence คือ “มาตรฐานใหม่ของการใช้งาน AI อย่างเป็นส่วนตัว”

 

 

ข้อมูลจากงานวิจัยจาก Apple ระบุว่า “เมื่อ PCC มีการเปิดให้ใช้งานจริง เราตั้งใจที่จะปล่อยโครงสร้างการทำงานของซอฟต์แวร์นี้สู่สาธารณะให้ทุกคนสามารถตรวจสอบระบบได้” หากพูดอีกนัยหนึ่ง Apple กำลังบอกว่า ไม่ต้องเชื่อคำพูดของบริษัทก็ได้ แต่ทุกคนสามารถเข้ามาตรวจสอบสิ่งที่ Apple สร้างขึ้นได้อย่างโปร่งใส

 

เข้าใจและเข้าถึงข้อมูล แต่ไม่สูญเสียความเป็นส่วนตัว

 

จุดขายของ Apple Intelligence ที่ทำให้เทคโนโลยีนี้ต่างจาก AI อื่นในตลาด คือความเข้าใจผู้ใช้งาน เพราะแม้ ChatGPT หรือ Gemini จะรอบรู้ในเรื่องต่างๆ แต่แชตบอตเหล่านี้ยังขาดความเข้าใจผู้ใช้งานในระดับ ‘บุคคล’

 

สำหรับ Apple พวกเขามีสิ่งที่เรียกว่า Semantic Index หรือเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์และจัดเก็บข้อมูลการใช้งานอุปกรณ์ Apple ไม่ว่าจะเป็นอีเมล รูปภาพ การเข้าเว็บไซต์ หรือการใช้แอปพลิเคชันต่างๆ บนเครื่อง เพื่อให้ Apple Intelligence เข้าใจบริบทชีวิตและกิจกรรมของผู้ใช้งาน โดย Apple ย้ำว่าข้อมูลเหล่านี้จะอยู่แค่บนตัวเครื่องของผู้ใช้งานเท่านั้น

 

แต่นั่นทำให้กลุ่มคนที่ใส่ใจเรื่องความเป็นส่วนตัวเกิดคำถามว่า การให้ Apple Intelligence เข้าถึงแอปต่างๆ ในอุปกรณ์ จนเข้าใจชีวิตส่วนตัวเราแบบนี้ มันจะกระทบกับความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลอย่างไรบ้าง?

 

ประเด็นนี้บริษัทเขียนบทความอธิบายเอาไว้ว่า “Apple ฝึกโมเดลพื้นฐาน (Foundation Models) จากข้อมูลที่ได้รับความยินยอมการใช้งานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งข้อมูลสาธารณะที่ Applebot หรือเครื่องมือค้นหาข้อมูลตามอินเทอร์เน็ตของบริษัทสามารถหามาได้”

 

นอกจากนี้ Apple ยืนยันว่าข้อมูลส่วนตัวและบทสนทนาของผู้ใช้งานที่ประมวลผลบนเครื่องหรือส่งเข้าไปประมวลผลบน PCC จะไม่ถูกนำมาใช้ฝึก Apple Intelligence อย่างแน่นอน แถม Apple ยังให้ข้อมูลว่าบริษัทใช้ตัวกรองข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขบัตรประชาชน หรือเลขบัตรเครดิต ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตออกไปจากระบบ รวมถึงข้อมูลที่ไม่มีคุณภาพ ก่อนนำข้อมูลที่ได้มาตรฐานการคัดแล้วมาใช้

 

แม้ว่า Apple Intelligence จะมีกลยุทธ์การรักษาความเป็นส่วนตัวบนระบบนิเวศที่ตนสร้างขึ้น แต่บททดสอบอีกหนึ่งอย่างคือการจับมือกับ OpenAI เพื่อใช้ ChatGPT ร่วมกับ Siri เพราะ ChatGPT เองก็เป็นประเด็นข่าวบ่อยครั้งในความหละหลวมของการรักษาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน ทำให้หลายคนสงสัยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของ Apple จะส่งผลกับคำมั่นสัญญาของบริษัทอย่างไร

 

หรือผู้ใช้งาน Apple จะเป็นส่วนตัวน้อยลงเมื่อ OpenAI เข้ามาเอี่ยว?

 

หากเราข้อไปดูในเมนูตั้งค่า (Settings) ของ ChatGPT จะพบว่าแชตบอตนี้สามารถนำข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อความ เสียง หรือรูปภาพ จากการสนทนาของเรา ไปฝึกพัฒนาศักยภาพของโมเดล AI ได้ หากผู้ใช้งานไม่เลือกที่จะปิดการเข้าถึงข้อมูลโดย ChatGPT ตามภาพด้านล่าง

 

 

อย่างไรก็ดี Apple ย้ำว่า Apple Intelligence เป็นโมเดลที่บริษัทพัฒนาขึ้นเองและไม่ได้อาศัยความร่วมมือกับบุคคลที่สามใดๆ แต่ในส่วนของการประกาศนำ ChatGPT เข้ามาอยู่ในระบบนิเวศของ Apple นั้น จะถูกใช้กับ 2 ฟีเจอร์หลักอย่าง Siri และเครื่องมือช่วยงานเขียน (Writing Tools) ที่อาจมีคำสั่งซับซ้อนและต้องอาศัยการเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ครบถ้วนกว่า เพื่อสร้างผลลัพธ์ให้ได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งเกินขีดความสามารถที่ Apple Intelligence จะทำให้เกิดขึ้นได้โดยอาศัยการประมวลผลบนอุปกรณ์เพียงลำพัง

 

ทั้งนี้ Siri และ Writing Tools จะถามผู้ใช้งานทุกครั้งก่อนส่งข้อมูลไปให้ ChatGPT ประมวลผล รวมทั้งจะแสดงพรีวิวชุดข้อมูลที่จะถูกส่งไปยัง ChatGPT เช่น เอกสาร ข้อความ หรือรูปภาพ ว่ามีส่วนไหนที่ต้องส่งออกไปด้านนอก ซึ่งผู้ใช้งานจำเป็นต้องเลือกยินยอมด้วยตัวเองให้ฟีเจอร์ทั้งสองทำงานร่วมกับ ChatGPT ได้

 

นอกจากนี้ การประมวลผลโดยใช้ ChatGPT จะอยู่ในสถานะ Log Out นั่นหมายความว่า การใช้งานที่ถูกส่งมาจากอุปกรณ์ Apple จะไม่ถูกโยงกับบัญชีใดๆ และ Apple ยังใช้วิธีปิด IP Address ของผู้ใช้งานไม่ให้ OpenAI รู้ได้ว่าข้อมูลที่ส่งมานั้นมาจากเครื่องของใคร

 

สำหรับผู้ที่ยังกังวลว่าแม้ ChatGPT จะไม่รู้ว่าข้อมูลส่งมาจากใคร แต่บริษัทก็ยังสามารถนำข้อมูลไปใช้ฝึก AI ได้อยู่ดีหรือไม่

 

Apple ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า ทั้งสองบริษัทตกลงร่วมกันผ่านสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะไม่เก็บข้อมูลของผู้ใช้งาน Apple ไปฝึก ChatGPT อย่างเด็ดขาด

 

แต่…หากผู้ใช้งานเลือกที่จะใช้ ChatGPT Plus ที่เป็นแบบจ่ายเงินรายเดือนเพื่อเข้าถึงโมเดลล่าสุดของ OpenAI การปกป้องความเป็นส่วนตัวที่ Apple พูดมาก็จะหายไป และกฎระเบียบการดูแลจะถูกโอนย้ายไปขึ้นตรงกับข้อตกลงของ OpenAI แทน

 

อีกหนึ่งข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ ตอนนี้หากเราใช้ ChatGPT แบบ Log Out โมเดลที่เรากำลังคุยด้วยนั้นไม่ใช่โมเดลล่าสุดอย่าง GPT-4o แต่เป็น GPT-3.5 ที่เก่ากว่า ทำให้ผู้ใช้งานต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการรักษาความเป็นส่วนตัวและการเข้าถึงโมเดลที่มีความฉลาดต่างกัน ในขณะที่ด้าน Apple เองก็กำลังหาสมดุลระหว่างความปลอดภัยของลูกค้าและการให้บริการนวัตกรรมที่ล้ำหน้าที่สุดแก่พวกเขา

 

อ้างอิง:

The post Apple Intelligence กับ ChatGPT ใน Siri มาตรฐานใหม่ของ AI ที่เป็นส่วนตัวและปลอดภัย แต่อาจไม่ใช่กับ ChatGPT Plus appeared first on THE STANDARD.

]]>