CPALL – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 27 Dec 2024 07:21:43 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เปิด 5 บจ.ไทย ที่คาดว่าจะมีรายได้มากที่สุด ประจำปี 2024 https://thestandard.co/highest-earning-companies-in-thailand-2024/ Wed, 25 Dec 2024 07:38:40 +0000 https://thestandard.co/?p=1023641

ประเทศไทย หนึ่งในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ […]

The post เปิด 5 บจ.ไทย ที่คาดว่าจะมีรายได้มากที่สุด ประจำปี 2024 appeared first on THE STANDARD.

]]>

ประเทศไทย หนึ่งในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน แต่ประเทศไทยกลับมีแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่เกาะตัวอยู่ในอุตสาหกรรมยุคเก่า เช่น อสังหา ค้าปลีก ท่องเที่ยว ธนาคาร และน้ำมันและปิโตรเคมี และขาดบริษัทยุคใหม่ๆ ที่มาจากอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีตามกระแสการเติบโตของโลก

 

ในบทความนี้ทีมงาน THE STANDARD WEALTH จะพาไปสำรวจ 5 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (บจ.) ที่คาดว่าจะมีรายได้มากที่สุดในประเทศไทย ว่าเป็นบริษัทใดบ้าง และทำธุรกิจในอุตสาหกรรมประเภทใด รวมไปถึงกำไรและมูลค่าของกิจการของบริษัทเหล่านั้น

 

ทั้งนี้ ข้อมูลนี้เป็นเพียงการประเมินล่วงหน้า จากผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2024 ที่ประกาศออกมาเท่านั้น

 

 

ภาพประกอบ: ธิดามาศ เขียวเหลือ

The post เปิด 5 บจ.ไทย ที่คาดว่าจะมีรายได้มากที่สุด ประจำปี 2024 appeared first on THE STANDARD.

]]>
CPALL – การเติบโตได้แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น https://thestandard.co/market-focus-cpall-sales-margin-growth/ Sun, 08 Dec 2024 12:08:05 +0000 https://thestandard.co/?p=1017360 CPALL - การเติบโตได้แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น

เกิดอะไรขึ้น   InnovestX Research ประเมินการดำเนิน […]

The post CPALL – การเติบโตได้แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
CPALL - การเติบโตได้แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น

เกิดอะไรขึ้น

 

InnovestX Research ประเมินการดำเนินงานของ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ว่า ใน 4Q67TD การเติบโตของยอดขายสาขา (SSS Growth) ที่ธุรกิจ CVS เติบโตสูงกว่า 4%YoY เร่งตัวขึ้นจาก 3.3%YoY ใน 3Q67 โดยตัวเลข SSS Growth แข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน และตัวเลขเป็นบวกในสาขาทุกรูปแบบ

 

ซึ่งเป็นผลมาจากบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้น นักท่องเที่ยวในประเทศและต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และปัจจัยบวกจากวันหยุดยาวของปีนี้ โดยมีกิจกรรมที่คึกคักมากขึ้นในช่วงเทศกาลกินเจและงานทอดกฐิน (การถวายผ้ากฐินหลังวันออกพรรษา)

 

และแคมเปญแสตมป์ที่ประสบความสำเร็จในปีนี้ โดยจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม – 23 พฤศจิกายน (ลูกค้าสามารถนำแสตมป์ที่ได้จากการซื้อครั้งแรกมาใช้เป็นส่วนลดสำหรับการซื้อครั้งต่อไป หรือสามารถสะสมแสตมป์เพื่อแลกรับสินค้าตัวการ์ตูนโดราเอมอนได้ภายในวันที่ 15 ธันวาคม)

 

ขณะเดียวกัน CPALL คาดว่าการที่รัฐบาลเริ่มแจกเงิน 10,000 บาทให้แก่กลุ่มผู้เปราะบางจำนวน 14.5 ล้านคนในช่วงปลายเดือนกันยายน ช่วยหนุนให้ Sentiment ตลาดปรับตัวดีขึ้น โดยส่งผลบวกทางอ้อมต่อ SSS ของบริษัท ในส่วนของน้ำท่วม บริษัทพบว่ามีผลกระทบต่อยอดขายไม่มากนัก โดยยอดขายลดลงจากการปิดสาขาบางแห่งในพื้นที่น้ำท่วมเพียงไม่กี่วัน ขณะที่ยอดขายในบางสาขาเพิ่มขึ้นจากความต้องการกักตุนมากขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียงน้ำท่วม

 

ด้านการขยายสาขา CVS ประเทศไทย ในปี 2567 CPALL ยังคงเป้าเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 700 สาขาจาก 14,545 สาขา ณ สิ้นปี 2566 (เทียบกับที่เปิดไปแล้ว 508 สาขาใน 9M67) โดยส่วนใหญ่จะเป็นสาขาขนาดใหญ่ (140-150 ตร.ม.) พร้อมที่จอดรถ ซึ่งสามารถนำเสนอสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น อายุการใช้งานสินทรัพย์นานขึ้น (เลื่อนระยะเวลาการปรับปรุงออกไปได้) และใช้ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าสาขาแบบเดิม

 

ทั้งนี้ เพื่อดึงดูดลูกค้าในบางพื้นที่ที่ยังไม่พัฒนา ภายในสิ้นปี 2567 CPALL จึงวางแผนเพิ่มร้าน 7-Eleven ใหม่มาแตะระดับเกือบ 1,000 สาขา ภายใต้คอนเซปต์ ‘ชุมชน’ โดยมีพื้นที่ให้เช่าสำหรับผู้ขายอาหารริมทาง (Street Food), บริการซักรีด พร้อมที่จอดรถ (เทียบกับ 400 สาขา ณ สิ้นปี 2566)

 

ส่วนในต่างประเทศ ร้านค้าส่วนใหญ่ถึงจุดคุ้มทุนที่ระดับสาขาแล้ว แต่บริษัทจำเป็นต้องเร่งขยายสาขา เพื่อให้ถึงจุดคุ้มทุนของรูปแบบธุรกิจ โดยตั้งเป้าทยอยเปิดสาขาใหม่ในหลักสิบสาขาในประเทศกัมพูชา และตัวเลขหลักเดียวใน สปป.ลาว ในปี 2567 จากเดิม 82 สาขาในประเทศกัมพูชา และ 3 สาขาใน สปป.ลาว ณ สิ้นปี 2566 (เทียบกับที่เปิดไปแล้ว 16 สาขาในประเทศกัมพูชา และ 6 สาขาใน สปป.ลาว ใน 9M67)

 

โดยคาดว่า EBIT Margin ใน 4Q67 ของ CPALL จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นและการควบคุมอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย อัตรากำไรขั้นต้นสินค้าของบริษัทมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น YoY อย่างต่อเนื่อง (เพิ่มขึ้น 70bps YoY ใน 9M67, สูงกว่าเป้าของบริษัทที่ 20-30bps ต่อปี) จากการผสมผสานสินค้าที่ดีขึ้น โดยมีบุหรี่ที่มีมาร์จิ้นต่ำลดลง และมีสินค้ามาร์จิ้นสูงมากขึ้นจากการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น อาหารพร้อมรับประทาน (ของหวาน, แซนด์วิช, สลัด, ผลไม้, อาหารเกาหลีและญี่ปุ่น ,อาหารไทยแบรนด์พรีเมียม และ All Café), ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว (Travel Kit, เครื่องสำอาง) และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (วิตามิน อาหารเสริม) บริษัทไม่มีความกังวลเกี่ยวกับอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย เนื่องจากสามารถควบคุมค่าไฟฟ้าและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายพนักงานและการตลาดได้ท่ามกลางยอดขายที่เพิ่มขึ้น

 

กระทบอย่างไร

 

ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น CPALL ปรับขึ้น 3.64% สู่ 64 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 1.43% สู่ 1,450.82 จุด

 

แนวโน้มผลประกอบการระยะสั้น

 

InnovestX Research คาดว่ากำไร 4Q67 จะเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ โดยจะเพิ่มขึ้น YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นทั้งจากธุรกิจ CVS และ CPAXT และ QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ความคืบหน้าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 2 และ 3 ของรัฐบาลจะช่วยสนับสนุน Sentiment และเพิ่ม Upside ให้กับกำไร

 

ทั้งนี้ คาดการณ์ EPS Growth ปี 2568 ที่ 16%YoY โดย 11% จะมาจากผลการดำเนินงานของธุรกิจ CVS ที่ดีขึ้น (ยอดขายและมาร์จิ้นดีขึ้น) และ 5% มาจากกำไรของ CPAXT ที่แข็งแกร่งขึ้น

 

กลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ CPALL โดยให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2568 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7%, การเติบโตระยะยาว 2.5%) ที่ 81 บาทต่อหุ้น

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือการเปลี่ยนแปลงในนโยบายรัฐบาลและกำลังซื้อ ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือการบริหารจัดการพลังงานและของเสีย, ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และการบริหารจัดการคุณภาพผลิตภัณฑ์, แนวปฏิบัติด้านแรงงาน และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (S)

 

Cafe Invest แหล่งรวมข้อมูลการลงทุน และบทวิเคราะห์คุณภาพ โดย InnovestX

🚀 คลิกเลย 👉 CPALL – การเติบโตได้แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น

The post CPALL – การเติบโตได้แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
CPALL – คาดเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ใน 2H67 https://thestandard.co/market-focus-cpall-8/ Tue, 08 Oct 2024 10:24:55 +0000 https://thestandard.co/?p=993356 CPALL

เกิดอะไรขึ้น:   ใน 3Q67 InnovestX Research ประเมิน […]

The post CPALL – คาดเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ใน 2H67 appeared first on THE STANDARD.

]]>
CPALL

เกิดอะไรขึ้น:

 

ใน 3Q67 InnovestX Research ประเมิน SSS Growth ที่ธุรกิจ CVS ของ CPALL ได้ที่ 3%YoY และ CPAXT ได้ที่ 2%YoY ในธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C ดีกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มพาณิชย์ที่ลดลง 1%YoY โดยเฉลี่ย สำหรับธุรกิจ CVS นั้น SSS จะได้แรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การซื้อแบบไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเพิ่มมากขึ้น 

 

และกระแสตอบรับที่น่าพอใจต่อแคมเปญแสตมป์ในปีนี้ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม – 23 พฤศจิกายน 2567 (ลูกค้าสามารถสะสมแสตมป์ในการซื้อครั้งแรกเพื่อใช้เป็นส่วนลดสำหรับการซื้อครั้งต่อไป หรือสามารถสะสมแสตมป์เพื่อแลกรับสินค้าตัวการ์ตูน ‘โดราเอมอน’ ได้ในภายหลัง) 

 

สำหรับ CPAXT คาดว่า SSS เติบโตเร่งตัวขึ้นสู่ 2-5%YoY ในเดือนกันยายน (เทียบกับ 2%YoY ใน 3Q67) โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการแจกเงินสด 10,000 บาทให้แก่กลุ่มเปราะบางจำนวน 14.5 ล้านคน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา โดยยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารฟื้นตัวดีขึ้นท่ามกลางยอดขายสินค้าอาหารที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงยอดขายที่ดีขึ้นในสาขาขนาดใหญ่และต่างจังหวัด 

 

สำหรับกำไร 3Q67 คาดว่า CPALL จะรายงานกำไรปกติที่ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 39%YoY แต่ลดลง 3%QoQ โดยจะเติบโต YoY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดยอิงกับปัจจัยดังต่อไปนี้ 

 

ปัจจัยที่ 1 คือ ยอดขายของธุรกิจ CVS จะปรับเพิ่มขึ้นผ่านทาง SSS ที่เพิ่มขึ้นและการขยายสาขา (เพิ่มขึ้น 150 สาขาเป็น 15,000 สาขา, เพิ่มขึ้น 4%YoY และ 1%QoQ) 

 

ปัจจัยที่ 2 คือ อัตรากำไรขั้นต้นจากการผสมผสานของสินค้าภายในร้านของธุรกิจ CVS จะอยู่ที่ 27.5% เพิ่มขึ้น 50 bps YoY ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวและ Ready-to-Eat ที่ให้มาร์จิ้นสูง ซึ่งสูงขึ้นจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวและการซื้อแบบไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเพิ่มมากขึ้น และยอดขายบุหรี่ที่ให้มาร์จิ้นต่ำที่ลดลง แต่ลดลง 20 bps QoQ จากปัจจัยฤดูกาล 

 

ปัจจัยที่ 3 คือ อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขาย ของธุรกิจ CVS จะอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ โดยมีค่าไฟฟ้าลดลงและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มขึ้นช้ากว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้น 

 

ปัจจัยสุดท้ายคือ ส่วนแบ่งกำไรจาก CPAXT จะเพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์กำไรปกติ 3Q67 ที่ 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24%YoY จากยอดขายและ EBIT Margin ที่ดีขึ้น (อัตรากำไรขั้นต้นกว้างขึ้น, เพิ่มขึ้น 20-40 bps, จากธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C โดยมียอดขายที่มีอัตรากำไรสูงเพิ่มขึ้น รวมถึงมีอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่ลดลง) แต่ลดลง 3%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล

 

ทั้งนี้ ยังไม่ได้รวม Upside จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการแจกเงินสด 10,000 บาทให้แก่กลุ่มเปราะบางจำนวน 14.5 ล้านคน เริ่มวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา หรือการแจกเงิน 10,000 บาทที่รัฐบาลตั้งเป้าแจกให้กับประชาชน 30 ล้านคนที่เหลือภายใต้โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งยังไม่มีรายละเอียดและระยะเวลาของมาตรการที่ชัดเจน รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเข้ามาไว้ในประมาณการ 

 

โดยสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจประเมินว่า SSS Growth ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1% ในธุรกิจ CVS และ CPAXT จะหนุนให้กำไรของ CPALL เพิ่มขึ้น 0.7% และ 0.4% สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเมินว่า การลดอัตราดอกเบี้ยลงทุกๆ 25 bps จะหนุนให้กำไรของ CPALL เพิ่มขึ้น 0.7% 

 

ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ของ InnovestX คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลง 100 bps ในระยะ 12 เดือนข้างหน้า (เริ่มด้วยการปรับลง 50 bps ใน 4Q67 และปรับลงอีก 50 bps ใน 1H68) ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น กำไรของ CPALL จะมี Upside 3%

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น CPALL ปรับขึ้น 5.35% อยู่ที่ 64.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 5.84% อยู่ที่ 1,444.25 จุด

 

แนวโน้มผลประกอบการระยะสั้น:

 

InnovestX Research คาดว่ากำไร 4Q67 จะเติบโต YoY โดยได้แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS และ CPAXT และเพิ่มขึ้น QoQ สู่ระดับสูงสุดของปีนี้จากปัจจัยฤดูกาล มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและแนวโน้มที่จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลง จะเพิ่ม Upside ให้กับกำไรของ CPALL นอกจากนี้ Valuation ของ CPALL ก็น่าสนใจด้วย (เทรดที่ P/E ปี 2567 ระดับ 25 เท่า หรือ -2 S.D. จาก P/E เฉลี่ย 10 ปี)

 

กลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ CPALL โดยให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2568 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7% และการเติบโตระยะยาว 2.5%) ที่ 80 บาทต่อหุ้น

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในนโยบายรัฐบาลและกำลังซื้อ ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ การบริหารจัดการพลังงานและของเสีย ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และการบริหารจัดการคุณภาพผลิตภัณฑ์ แนวปฏิบัติด้านแรงงาน และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (S)

The post CPALL – คาดเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ใน 2H67 appeared first on THE STANDARD.

]]>
CPALL – คาดกำไร 2H67 แข็งแกร่ง https://thestandard.co/cpall-expect-strong-2h67-profits/ Tue, 10 Sep 2024 07:32:37 +0000 https://thestandard.co/?p=981764

เกิดอะไรขึ้น:   ใน 3Q67TD ยอดขายสาขา (SSS) ธุรกิจ […]

The post CPALL – คาดกำไร 2H67 แข็งแกร่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>

เกิดอะไรขึ้น:

 

ใน 3Q67TD ยอดขายสาขา (SSS) ธุรกิจ CVS ของ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) (เพิ่มขึ้น 2.5-3%YoY) และ CPAXT (เพิ่มขึ้น 2-3%YoY ในธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C) ดีกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มพาณิชย์ InnovestX Research คาดว่ากำไร 3Q67 ของ CPALL จะเติบโต YoY โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล สำหรับธุรกิจ CVS คาดการณ์ถึงยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น YoY โดยได้แรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น 

 

การซื้อแบบไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเพิ่มมากขึ้น กระแสตอบรับที่น่าพอใจต่อแคมเปญแสตมป์ในปีนี้ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม – 23 พฤศจิกายน (ลูกค้าสามารถสะสมแสตมป์ในการซื้อครั้งแรกเพื่อใช้เป็นส่วนลดสำหรับการซื้อครั้งต่อไป หรือสามารถสะสมแสตมป์เพื่อแลกรับสินค้าตัวการ์ตูน ‘โดราเอมอน’ ได้ในภายหลัง) และยอดขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น สินค้า RTE และ RTD ที่เพิ่มขึ้น สำหรับ CPAXT คาดว่ายอดขายและมาร์จิ้นจะปรับตัวดีขึ้น YoY โดยได้แรงหนุนทั้งจากธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C กำไร 4Q67 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ สู่ระดับสูงสุดของปีนี้

 

ด้านรายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลใหม่กำลังพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ โดย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี แถลงเมื่อวันที่ 9 กันยายน ว่า ภายใต้มาตรการแจกเงิน 10,000 บาทให้กับคนไทย 50 ล้านคน วงเงินรวม 4.5 แสนล้านบาท ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งคาดว่าจะเดินหน้าต่อ (ตั้งเป้าแจกเป็นเงินสดหรือดิจิทัลวอลเล็ตคนละ 5,000 บาทใน 4Q67 และส่วนที่เหลืออีก 5,000 บาทจะแจกเป็นดิจิทัลวอลเล็ตในปี 2568) 

 

รัฐบาลใหม่กำลังพิจารณาออกมาตรการใหม่เร่งด่วนคือ การแจกเงินสด 10,000 บาทให้แก่กลุ่มเปราะบางภายใต้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.5 ล้านคน วงเงินรวม 1.45 แสนล้านบาทก่อน โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2567 หรือภายในเดือนกันยายน 2567 

 

ทั้งนี้ เงื่อนไขการใช้จ่ายมีแนวโน้มที่จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยไม่มีการจำกัดประเภทสินค้าและร้านค้า รวมถึงสถานที่ตั้งร้านค้า รายละเอียดของมาตรการจะต้องรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติในวันที่ 17 กันยายน 2567 โดยหากพิจารณาจากเงื่อนไขการใช้จ่ายตามข่าวล่าสุด มาตรการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการค้าปลีก รวมถึง CPALL ด้วย 

 

ทั้งนี้ ยังไม่ได้รวม Upside จากมาตรการเหล่านี้เข้ามาไว้ในประมาณการกำไร การวิเคราะห์ความอ่อนไหวบ่งชี้ว่า SSS ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1% จะหนุนให้กำไรของ CPALL ปรับเพิ่มขึ้นได้อีก 1% 

 

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา CPALL ออกหุ้นกู้ชุดใหม่มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท (ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 3.44% ต่อปี) เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิม (ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 5% ต่อปี) การประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้จะหนุนให้กำไรของ CPALL ปรับขึ้นได้อีก 160 ล้านบาท (กำไรเฉลี่ยต่อปีปรับขึ้นได้อีก 1%) ซึ่งยังไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการผลประกอบการ สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่มีโอกาสจะปรับลดลงในช่วงเวลา 1 ปีข้างหน้า การวิเคราะห์ความอ่อนไหวบ่งชี้ว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลงทุกๆ 25 bps จะหนุนให้กำไรเฉลี่ยต่อปีของ CPALL ปรับขึ้นได้อีก 1%

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มพาณิชย์ (SET COMM) ปรับขึ้น 15.6% ราคาหุ้น CPALL ปรับขึ้น 14.3% ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 10.3%

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:

 

กำไร 2H67 ของ CPALL มีแนวโน้มที่จะเติบโต YoY ดีกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มพาณิชย์ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมาร์จิ้นที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งจากธุรกิจ CVS และ CPAXT โดย SSS ใน 3Q67TD ที่ธุรกิจ CVS และ CPAXT ดีกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน 

 

ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลใหม่กำลังจะประกาศใช้ (โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและดิจิทัลวอลเล็ต, ปรับเงื่อนไขเป็นไม่มีการจำกัดประเภทสินค้าและร้านค้า รวมถึงสถานที่ตั้งร้านค้า, รอ ครม. พิจารณาอนุมัติในวันที่ 17 กันยายน 2567, กำหนดกรอบเวลาแจกเงินตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 – ปี 2568) และแนวโน้มที่จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลงจะสร้าง Upside ให้กับกำไรของ CPALL 

 

ปัจจุบันหุ้น CPALL ซื้อ-ขายในระดับที่น่าสนใจที่ P/E ปี 2567 ระดับ 25 เท่า (-2 S.D. จาก P/E เฉลี่ย 10 ปี) InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ CPALL โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7%, การเติบโตระยะยาว 2.5%) ที่ 77 บาทต่อหุ้น

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อและนโยบายของรัฐบาล ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญคือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และแนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน (S)

The post CPALL – คาดกำไร 2H67 แข็งแกร่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: Nikkei Asia ชี้ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต บริษัทใหญ่รับอานิสงส์ | THE STANDARD WEALTH https://thestandard.co/morning-wealth-04082024/ Sun, 04 Aug 2024 02:00:28 +0000 https://thestandard.co/?p=966528

Nikkei Asia ชี้ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต บริษัทใหญ่และมหาเ […]

The post ชมคลิป: Nikkei Asia ชี้ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต บริษัทใหญ่รับอานิสงส์ | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>

Nikkei Asia ชี้ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต บริษัทใหญ่และมหาเศรษฐีไทยที่มีธุรกิจครอบคลุมหลากหลายภาคส่วน ตั้งแต่ค้าปลีก อาหาร ไปจนถึงการเงิน จะได้รับอานิสงส์ คาด CPALL, BJC และ CRC เป็นหุ้นได้ประโยชน์จากโครงการ

 

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดอ่านหนังสือชี้ชวน และศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: Nikkei Asia ชี้ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต บริษัทใหญ่รับอานิสงส์ | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
ดิจิทัลวอลเล็ต 4.5 แสนล้าน บริษัทใหญ่-มหาเศรษฐีไทยรับอานิสงส์เต็มๆ คาด CPALL, BJC และ CRC เป็นหุ้นได้ประโยชน์ https://thestandard.co/digital-wallet-benefits-cpall-bjc-crc-stocks/ Thu, 01 Aug 2024 09:03:09 +0000 https://thestandard.co/?p=966094 ดิจิทัลวอลเล็ต

โครงการดิจิทัลวอลเล็ตมูลค่า 4.5 แสนล้านบาทของรัฐบาลไทยเ […]

The post ดิจิทัลวอลเล็ต 4.5 แสนล้าน บริษัทใหญ่-มหาเศรษฐีไทยรับอานิสงส์เต็มๆ คาด CPALL, BJC และ CRC เป็นหุ้นได้ประโยชน์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ดิจิทัลวอลเล็ต

โครงการดิจิทัลวอลเล็ตมูลค่า 4.5 แสนล้านบาทของรัฐบาลไทยเริ่มเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนแล้วในวันนี้ (1 สิงหาคม) และดูเหมือนว่าผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดในตลาดหุ้นอาจไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นกลุ่มบริษัทใหญ่และตระกูลมหาเศรษฐีของไทย ที่มีธุรกิจครอบคลุมหลากหลายภาคส่วน ตั้งแต่ค้าปลีก อาหาร ไปจนถึงการเงิน

 

รายงานของ Nikkei Asia ชี้ว่าราคาหุ้นของบริษัทมากกว่าสิบแห่ง เช่น CP ALL และ เมืองไทย แคปปิตอล ปรับตัวสูงขึ้นทุกครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับดิจิทัลวอลเล็ต นับตั้งแต่พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้ผลักดันนโยบายนี้จัดตั้งรัฐบาลผสมเมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน ทำให้หุ้นเหล่านี้ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นและสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าดัชนีหลักของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ซึ่งลดลง 15% ในช่วงปีที่ผ่านมา

 

โครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มกำลังซื้อของครัวเรือนท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว และลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ โดยคาดว่าจะมีผู้ใหญ่ประมาณ 50 ล้านคนที่มีอายุมากกว่า 16 ปี และมีรายได้ไม่เกิน 70,000 บาทต่อเดือน ได้รับเงิน 10,000 บาทผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่งสามารถนำไปใช้จ่ายที่ร้านค้าขนาดเล็กภายในเขตที่ลงทะเบียนเลือกตั้งได้

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ผู้บริโภคมีแผนที่จะใช้จ่ายเงินดิจิทัลประมาณ 40% ไปกับสินค้าจำเป็น เช่น อาหารและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับ CP ALL ผู้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven เนื่องจากสินค้าเกือบ 60% ที่จำหน่ายใน 7-Eleven เข้าเกณฑ์ที่สามารถซื้อได้ด้วยดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งปีที่ผ่านมา CP ALL มีรายได้กว่า 9.21 แสนล้านบาท

 

นอกจากนี้ CP Axtra บริษัทค้าส่งในเครือ CP Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยอยู่ภายใต้ตระกูลเจียรวนนท์ ตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย ก็ได้รับอานิสงส์จากนโยบายนี้เช่นกัน เนื่องจากสินค้ากว่า 20% ที่ CP Axtra จำหน่ายจะสามารถซื้อได้ด้วยเงินดิจิทัล เมื่อมีการอนุญาตให้ทำธุรกรรมระหว่างธุรกิจได้ในอนาคต

 

หุ้นอื่นๆ ที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ หุ้นของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ผู้ดำเนินธุรกิจ Big C และ Central Retail Corporation ที่เพิ่งเข้าสู่ธุรกิจค้าส่งเมื่อปีที่แล้ว โดยเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ อยู่ภายใต้ตระกูลสิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้าง ส่วน CRC เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเซ็นทรัลของตระกูลจิราธิวัฒน์ 

 

แม้ว่าห้างสรรพสินค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ตจะไม่สามารถรับชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัลได้ แต่ร้านสะดวกซื้อบางแห่งที่มีขนาดใหญ่เกือบเท่าไฮเปอร์มาร์เก็ตสามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำหรับบริษัทที่มีธุรกิจค้าปลีกหลากหลายรูปแบบ

 

“คำจำกัดความระหว่างไฮเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อเริ่มไม่ชัดเจน และบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทที่มีธุรกิจค้าปลีกทุกประเภทอยู่ภายใต้การดูแลของตัวเอง” อาจารย์จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็น

 

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ที่เงินดิจิทัลสามารถใช้ได้เฉพาะในเขตเลือกตั้งของผู้รับ อาจเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จของโครงการ เนื่องจากประชากรจำนวนมากในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ มีทะเบียนบ้านอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งอาจทำให้การใช้จ่ายเงินดิจิทัลไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้

 

ผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังพบว่า หลังจากซื้อสินค้าจำเป็นแล้ว ผู้รับเงินดิจิทัลในเมืองมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเงินที่เหลือไปกับร้านขายอุปกรณ์รถยนต์ ในขณะที่ผู้รับเงินในชนบทมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายกับอุปกรณ์การเกษตรขั้นพื้นฐาน 

 

นอกจากนี้ตามผลสำรวจของ SCB EIC ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 80% ระบุว่าจะนำเงินสดของตัวเองไปชำระหนี้หรือลงทุนในธุรกิจ ซึ่งเป็นเหตุผลที่นักลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทสินเชื่อ เช่น เมืองไทย แคปปิตอล และเงินติดล้อ เนื่องจากคาดว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลจะช่วยเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้

 

แม้ว่าโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลอาจช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจขนาดเล็กขยายตัว แต่ผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนคาดว่าจะมีจำกัด โดยนักวิเคราะห์จาก UOB Kay Hian Securities มองว่าบริษัทส่วนใหญ่มักจะนำเงินที่ได้ไปชำระหนี้มากกว่าที่จะเพิ่มเงินปันผลหรือซื้อหุ้นคืน ซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นไม่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

 

กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าโครงการนี้จะช่วยเพิ่ม GDP ได้ 1.2-1.8% ในปี 2568 แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าผลกระทบจะน้อยกว่านั้น ขณะที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) มองว่าผลกระทบทางอ้อมของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้อาจมีจำกัด 

 

อ้างอิง:

The post ดิจิทัลวอลเล็ต 4.5 แสนล้าน บริษัทใหญ่-มหาเศรษฐีไทยรับอานิสงส์เต็มๆ คาด CPALL, BJC และ CRC เป็นหุ้นได้ประโยชน์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ลุ้นปลายปี 67 จุดเปลี่ยนหุ้นไทยกลับสู่ขาขึ้น คาด Fed ทยอยหั่นดอกเบี้ย เศรษฐกิจจีนฟื้น ดิจิทัลวอลเล็ตหนุนกำลังซื้อในประเทศ https://thestandard.co/end-of-2024-thai-stocks-turning-point/ Tue, 30 Jul 2024 08:32:24 +0000 https://thestandard.co/?p=964899 ปลายปี 67 หุ้นไทย

อินโนเวสท์ เอกซ์ เผยเดือนสิงหาคมนี้มี 2 คดีใหญ่การเมือง […]

The post ลุ้นปลายปี 67 จุดเปลี่ยนหุ้นไทยกลับสู่ขาขึ้น คาด Fed ทยอยหั่นดอกเบี้ย เศรษฐกิจจีนฟื้น ดิจิทัลวอลเล็ตหนุนกำลังซื้อในประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปลายปี 67 หุ้นไทย

อินโนเวสท์ เอกซ์ เผยเดือนสิงหาคมนี้มี 2 คดีใหญ่การเมืองที่ต้องจับตา ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดยุบพรรคก้าวไกล และแถลงอ่านคำวินิจฉัยคดียื่นถอดถอน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบกดดันภาพการลงทุนในตลาดหุ้น แต่ปลายปีมีลุ้นพลิกฟื้น หากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) หั่นดอกเบี้ย, เศรษฐกิจจีนฟื้นตัว และอานิสงส์ดิจิทัลวอลเล็ตปลุกชีพกำลังซื้อคนไทย

 

เอกภาวิน สุนทราภิชาติ นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นและตลาดอนุพันธ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Morning Wealth ว่า ภาพของตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีทิศทางการปรับตัวลงและทำจุดต่ำสุดใหม่มาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยบวกที่สนับสนุนและมีความต่อเนื่องในไทยยังมีไม่มากนัก

 

ขณะที่ภาพการเติบโตของเศรษฐกิจของไทยยังมีอัตราการเติบโตในระดับต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับการขยายตัวของประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงทิศทางกระแสเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ที่จะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังขาดความต่อเนื่อง

 

จับตา 2 คดีใหญ่การเมือง ป่วนหุ้นไทย

 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยกดดันจากประเด็นการเมืองในประเทศ โดยในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล และในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดแถลงอ่านคำวินิจฉัยคดียื่นถอดถอนเศรษฐา ซึ่งเป็นปัจจัยลบที่ยังคอยกดดันภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทย

 

อย่างไรก็ดี ภาพการลงทุนของตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะเห็นการเปลี่ยนแนวโน้มในช่วงปลายปีนี้ จากทิศทางขาลงไปสู่ขาขึ้นจากทิศทางดอกเบี้ยที่มีโอกาสเป็นขาลง โดยตลาดคาดว่าการประชุมของ Fed ในวันที่ 30-31 กรกฎาคมนี้ จะมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม แต่ในช่วงที่เหลือของปีมีโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยได้จำนวน 2-3 ครั้ง ทั้งนี้ คาดว่าจะยังเห็นภาพการผันผวนของตลาดหุ้นไทยได้บ้าง เพราะยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทั้งปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ

 

นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีนี้จะมีปัจจัยบวกจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่เริ่มมีเม็ดเงินทยอยออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ

 

ลุ้นหุ้นไทยเปลี่ยนทิศสู่ขาขึ้น?

 

เอกภาวินประเมินว่า อีกปัจจัยบวกที่คาดว่าจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยคือภาพรวมทิศทางของเศรษฐกิจจีนที่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้น โดยปัจจัยทั้งหมดน่าจะหนุนให้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีหน้ามีโอกาสเติบโตได้ดีขึ้น ส่งผลให้ Fund Flow จะไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย

 

ดังนั้นจึงมีมุมมองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ต่ำกว่า 1,300 จุด เป็นโอกาสซื้อเข้าสะสมเพื่อรอรับการฟื้นตัว ซึ่งมีโอกาสที่จะเห็นในช่วงปลายปีนี้ โดยให้เป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยไว้ที่ระดับ 1,400 จุด และคาดว่ามีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นในปี 2568

 

แนะใช้จังหวะย่อทยอยซื้อ

 

สำหรับคำแนะนำการลงทุนในการเทรดดิ้ง แนะนำให้เก็งกำไรซื้อขายในระยะสั้น เพราะในเดือนสิงหาคมนี้ยังต้องติดตามภาพของการเมืองภายในประเทศที่มีคดีความสำคัญถึง 2 คดี ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น

 

ส่วนคำแนะนำสำหรับนักลงทุนระยะกลางและระยะยาว แนะนำให้ใช้โอกาสในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเป็นจังหวะในการเข้าทยอยซื้อ

 

ขณะที่กลุ่มนักลงทุนที่ขาดทุนหลังจากซื้อหุ้นในระดับราคาที่สูงก่อนหน้านี้ มองว่าหากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมา แนะนำให้สามารถช่วยได้ที่ระดับดัชนี 1,270 จุด หรือ 1,220 จุด เพื่อรองรับโอกาสในช่วงปลายปีนี้ที่ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเปลี่ยนแนวโน้มไปสู่ทิศทางขาขึ้น

 

สำหรับหุ้นที่แนะนำให้เทรดดิ้งระยะสั้นได้ แนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่น GULF และ INTUCH ที่มีประเด็นข่าวบวกจากการควบคุมกิจการ รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/67 ออกมาดี เช่น MINT จากปัจจัยสนับสนุนที่เป็นช่วงไฮซีซันของฤดูกาลท่องเที่ยวในยุโรปมาช่วยสนับสนุนภาพผลการดำเนินงานในกลุ่มธุรกิจโรงแรม

 

นอกจากนี้ ภาพการลงทุนในระยะยาวยังจะได้รับปัจจัยบวกจากเม็ดเงินของกองทุน ThaiESG ที่จะเข้ามาลงทุน ให้เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น AOT, ADVANC รวมทั้ง CPALL ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

The post ลุ้นปลายปี 67 จุดเปลี่ยนหุ้นไทยกลับสู่ขาขึ้น คาด Fed ทยอยหั่นดอกเบี้ย เศรษฐกิจจีนฟื้น ดิจิทัลวอลเล็ตหนุนกำลังซื้อในประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
CPALL – มีแรงหนุนจากกำไรที่โตแกร่งและความคืบหน้าดิจิทัลวอลเล็ต https://thestandard.co/market-focus-cpall-7/ Tue, 09 Jul 2024 13:34:32 +0000 https://thestandard.co/?p=955707

InnovestX Research คาดว่า บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) จะรายง […]

The post CPALL – มีแรงหนุนจากกำไรที่โตแกร่งและความคืบหน้าดิจิทัลวอลเล็ต appeared first on THE STANDARD.

]]>

InnovestX Research คาดว่า บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) จะรายงานกำไรสุทธิ 2Q67 ที่ 5.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 31%YoY แต่ลดลง 8%QoQ หากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรปกติ 2Q67 จะอยู่ที่ 5.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26%YoY แต่ลดลง 4%QoQ โดยกำไรปกติจะเติบโต YoY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ด้วยแรงหนุนจากปัจจัยดังต่อไปนี้

 

ปัจจัยแรก ยอดขายจากธุรกิจ CVS จะปรับตัวเพิ่มขึ้นผ่านการเติบโตของ SSS และการขยายสาขา (เพิ่มขึ้น 150 สาขา สู่ 14,880 สาขา)

 

ปัจจัยที่สอง อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจ CVS จะกว้างขึ้น YoY จากยอดขายสินค้ากลุ่มของใช้ส่วนตัว และ Ready to Eat (RTE) ที่มีมาร์จิ้นสูง ที่เพิ่มขึ้นสืบเนื่องมาจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวและการซื้อแบบไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเพิ่มมากขึ้น และการลดลงของยอดขายบุหรี่ที่มีมาร์จิ้นต่ำ

 

ปัจจัยที่สาม อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายจะอยู่ภายใต้การควบคุม ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ลดลง และการควบคุมต้นทุนอื่นๆ ท่ามกลางยอดขายที่เพิ่มขึ้น

 

ปัจจัยสุดท้าย ส่วนแบ่งกำไรจาก CPAXT จะเพิ่มขึ้น โดยประเมินกำไรปกติ 2Q67 ได้ที่ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20%YoY จากยอดขายและ EBIT Margin ที่ดีขึ้น (อัตรากำไรขั้นต้นกว้างขึ้นและอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายลดลง) แต่ลดลง 18%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล

 

สำหรับ 2H67 คาดกำไรเติบโตแข็งแกร่ง YoY โดดเด่นมากกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มพาณิชย์ โดยเกิดจากการเติบโตทั้งจากธุรกิจ CVS (ยอดขายและมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นจากการกลับมาของนักท่องเที่ยว การซื้อแบบไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเพิ่มมากขึ้น ประกอบการนำเสนอสินค้าใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น สินค้ากลุ่ม RTE และ RTD) และ CPAXT (ยอดขายและมาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเกิดจากทั้งธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C)

 

นอกจากนี้ CPALL ยังเป็น Proxy ของกลุ่มพาณิชย์ที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของไทยยืนยันว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังคงอยู่ในไทม์ไลน์ โดยจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการในวันที่ 10 กรกฎาคม เพื่อสรุปเงื่อนไข ตามด้วยการประชุมคณะกรรมการนโยบาย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 15 กรกฎาคม จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะแถลงรายละเอียดโครงการในวันที่ 24 กรกฎาคม ก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 30 กรกฎาคม การนำเรื่องปรึกษากับคณะกรรมการกฤษฎีกาจะเกิดขึ้นหลังจากวันที่ 30 กรกฎาคม

 

หากโครงการนี้ดำเนินการได้ใน 4Q67 InnovestX Research ประเมินได้ว่า CPALL จะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ เนื่องจากยอดขาย 56% ในงบการเงินรวมของ CPALL เชื่อมโยงกับโครงการนี้ผ่านทางร้านสะดวกซื้อของบริษัทและยอดขายจาก CPAXT ที่มาจากร้านค้าปลีกรายย่อยและร้านค้าส่งในธุรกิจ B2B และร้านค้าขนาดเล็กในธุรกิจ B2C ทั้งนี้ ยังไม่ได้รวม Upside ของกำไรที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเข้ามา

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น CPALL ปรับลง 2.59% สู่ระดับ 56.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.77% สู่ระดับ 1,322.50 จุด

 

กลยุทธ์และคำแนะนำการลงทุน:

 

InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ CPALL โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7%, การเติบโตระยะยาว 2.5%) ที่ 77 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันหุ้น CPALL ซื้อขายที่ PE ปี 2567 ระดับ 22 เท่า (-2S.D. จาก PE เฉลี่ย 10 ปี)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือการเปลี่ยนแปลงในกำลังและนโยบายของรัฐบาล ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญคือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และแนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน (S)

The post CPALL – มีแรงหนุนจากกำไรที่โตแกร่งและความคืบหน้าดิจิทัลวอลเล็ต appeared first on THE STANDARD.

]]>
CPALL – 1Q67: กำไรดีเกินคาด; แนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง https://thestandard.co/market-focus-cpall-6/ Mon, 13 May 2024 10:09:25 +0000 https://thestandard.co/?p=932860 CPALL

เกิดอะไรขึ้น:   ราคาหุ้น CPALL ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% […]

The post CPALL – 1Q67: กำไรดีเกินคาด; แนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
CPALL

เกิดอะไรขึ้น:

 

ราคาหุ้น CPALL ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% Outperform SET อยู่ 5% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนถึงการคาดการณ์ของตลาดว่ากำไร 1Q67 ของ CPALL จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ ในขณะเดียวกันคาดว่าราคาหุ้น CPALL จะปรับตัว Outperform ได้อย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากปัจจัยกระตุ้นดังต่อไปนี้

 

ปัจจัยกระตุ้น 1: กำไร 1Q67 ดีเกินคาดจากมาร์จิ้น เติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ กำไรสุทธิ 1Q67 อยู่ที่ 6.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 53%YoY และ 15%QoQ สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

โดยเกิดจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 298 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้นจากธุรกิจ CVS จากมาร์จิ้นสินค้าที่ดีขึ้นทั้งจากกลุ่มสินค้าอาหารและกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร มาร์จิ้นที่กว้างขึ้นจาก CPRAM (ยอดขายกลุ่ม RTE ดีขึ้นท่ามกลางต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง) และต้นทุนโลจิสติกส์ที่ลดลงท่ามกลางยอดขายที่สูงขึ้น

 

กำไรปกติ 1Q67 อยู่ที่ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 59%YoY และ 7%QoQ สูงกว่าคาด 20% กำไรปกติที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด YoY ได้รับการสนับสนุนจากเหตุผลดังต่อไปนี้

 

ประการแรก ยอดขายจากธุรกิจ CVS ปรับตัวเพิ่มขึ้นผ่านการเติบโตของ SSS ที่ 4.9%YoY และการขยายสาขา (เพิ่มขึ้น 185 สาขา สู่ 14,730 สาขา, เพิ่มขึ้น 5%YoY และ เพิ่มขึ้น 1%QoQ) โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้น (เพิ่มขึ้น 80bps YoY) สู่ 28.7% จากมาร์จ้นที่กว้างขึ้นจาก CPRAM ต้นทุนโลจิสติกส์ที่ลดลงท่ามกลางยอดขายที่สูงขึ้น

 

ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นการผสมผสานของสินค้าภายในร้านที่ดีขึ้น (เพิ่มขึ้น 80bps YoY โดยรวม สู่ 27.4%; เพิ่มขึ้น 70bps YoY สำหรับกลุ่มสินค้าอาหารจากการมียอดขายสินค้า RTE และ RTD ที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น 120bps YoY สำหรับกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่อาหารจากการมียอดขายสินค้ากลุ่มของใช้ส่วนตัว ของใช้ในครัวเรือน และสินค้าอื่นๆ ที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น ของเล่น สายชาร์จ ฯลฯ เพิ่มขึ้น และยอดขายบุหรี่ที่มีมาร์จิ้นต่ำลดลง)

 

ประการที่สอง กำไรปกติ 1Q67 ของ CPAXT อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%YoY จากยอดขายที่ดีขึ้น และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายที่ลดลง รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการรีไฟแนนซ์หนี้ แต่ ลดลง 24%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล

 

ปัจจัยกระตุ้น 2: เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 2Q67TD ซึ่งประเมินได้ว่า SSS ในธุรกิจ CVS ของ CPALL จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง (เติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์นับถึงปัจจุบัน) ที่ระดับใกล้เคียงกับ 1Q67 ที่ 4.9%YoY จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น วันหยุดยาว และสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น

 

ดังนั้นจึงคาดว่ากำไรปกติ 2Q67 จะเติบโต YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นธุรกิจ CVS ที่ดีขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจาก CPAXT ที่เพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่มีอัตราการเติบโตเป็นบวกใน 2Q67TD (เพิ่มขึ้นในอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ YoY สำหรับธุรกิจ B2B และอัตราเลขตัวเดียวระดับกลาง YoY สำหรับธุรกิจ B2C ในประเทศไทย) แต่ลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล

 

ทั้งนี้ยังไม่ได้รวม Upside ของกำไรที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเข้ามา หากโครงการนี้ดำเนินการได้ใน 4Q67 ประเมินได้ว่า CPALL จะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ เนื่องจากยอดขาย 56% ในงบการเงินรวมของ CPALL เชื่อมโยงกับโครงการนี้จากร้านสะดวกซื้อของบริษัท และยอดขายจาก CPAXT ที่มาจากร้านค้าปลีกรายย่อยและร้านค้าส่งในธุรกิจ B2B และร้านค้าขนาดเล็กในธุรกิจ B2C

 

ปัจจัยกระตุ้น 3: การปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นจากตลาด InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปี 2567 ของ CPALL เพิ่มขึ้น 9% หลังจากปรับสมมติฐาน SSS และมาร์จิ้นในธุรกิจ CVS เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันประมาณการกำไรปี 2567 ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท สูงกว่าตัวเลขที่ตลาดประเมินไว้ที่ 2.1 หมื่นล้านบาทอยู่ 10% และคาดว่าตลาดจะปรับประมาณการเพิ่มขึ้นตามมา เพื่อสะท้อนผลประกอบการ 1Q67 และการดำเนินงาน 2Q67TD ที่แข็งแกร่ง

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น CPALL ปรับขึ้น 3.06% สู่ระดับ 59.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 2.58% สู่ระดับ 1,371.90 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:

 

ปัจจุบันหุ้น CPALL ซื้อขายที่ P/E ปี 2567 ระดับ 23 เท่า (-2.D. จาก P/E เฉลี่ย 10 ปี) โดย InnovestX Research คงคำแนะนำ Outperform โดยให้ราคาเป้าหมายใหม่สิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7%, การเติบโตระยะยาว 2.5%) ที่ 77 บาทต่อหุ้น (จาก 75 บาท)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังและนโยบายของรัฐบาล ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญคือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และแนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน (S)

The post CPALL – 1Q67: กำไรดีเกินคาด; แนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
CPALL – กำไร 4Q66 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ https://thestandard.co/cpall-4q23-profits-will-grow-best-in-the-commercial-group/ Fri, 12 Jan 2024 08:43:18 +0000 https://thestandard.co/?p=886999

เกิดอะไรขึ้น:   บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) หุ้น High C […]

The post CPALL – กำไร 4Q66 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

เกิดอะไรขึ้น:

 

บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) หุ้น High Conviction โดย InnovestX Research ด้วยปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น ดังนี้

 

ปัจจัยกระตุ้น 1: กำไร 4Q66 จะเติบโต YoY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดยคาดว่า CPALL จะรายงานกำไรสุทธิที่ 4.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 54%YoY และ 9%QoQ หากไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษ 3 ล้านบาทจากการขายสินทรัพย์ของ CPAXT กำไรปกติจะอยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 59%YoY และ 13%QoQ กำไรที่เติบโตก้าวกระโดด YoY จะได้แรงหนุนจากปัจจัยดังต่อไปนี้ 

 

ประการแรก คาดว่ายอดขายของธุรกิจ CVS จะเติบโตตามการเติบโตของยอดขายสาขา (SSS) (เพิ่มขึ้น 3.5%YoY) และการขยายสาขา (เพิ่มขึ้น 147 สาขา สู่ 14,538 สาขา, เพิ่มขึ้น 5%YoY และ 1%QoQ) พร้อมกับอัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้นที่ CPRAM จากต้นทุนวัตถุดิบ (ราคาสุกรและไก่เนื้อ) ที่ลดลง และมียอดขายสินค้ากลุ่มของใช้ส่วนตัวและสินค้ากลุ่ม Ready-to-Eat ที่ให้มาร์จิ้นสูงเพิ่มมากขึ้นจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวและการตัดสินใจซื้อแบบฉับพลันที่เพิ่มขึ้น 

 

ประการที่ 2 คาดว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A / ยอดขาย จะลดลงจากฐานค่าใช้จ่ายโบนัสที่สูงใน 4Q65 (ค่าใช้จ่ายโบนัสค้างจ่ายต่ำใน 9M65 เทียบกับการจัดสรรค่าใช้จ่ายโบนัสค้างจ่ายได้ดีขึ้นใน 9M66) และค่าไฟฟ้าที่ลดลง 

 

ประการที่ 3 คาดว่าส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นจาก CPAXT โดยประเมินกำไรปกติ 4Q66 จะอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%YoY และ 81%YoY จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้เสร็จ และยอดขายธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C ที่ดีขึ้น

 

ปัจจัยกระตุ้น 2: กำไรปี 2567 จะเติบโตแข็งแกร่งและมี Upside จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยประเมินกำไรปกติปี 2567 ของ CPALL ได้ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%YoY โดยการเติบโต 4% จะเกิดจากการเติบโตของ CPAXT ตามการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงใน 1H67 (หลังจากรีไฟแนนซ์หนี้เสร็จ) และ 13% จะเกิดจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ขยายตัวของธุรกิจ CVS จากนักท่องเที่ยวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น 

 

ทั้งนี้ ยังไม่ได้รวม Upside ของยอดขายในปี 2567 จากโครงการ Digital Wallet (การแจกเงิน 10,000 บาทให้กับคนไทยราว 50 ล้านคน) ที่คาดหวังว่าจะเริ่มโครงการได้ในเดือนพฤษภาคม 2567 โดยที่ได้มีการส่งร่าง พ.ร.บ.ฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว จากนั้นจะส่งต่อไปยังรัฐสภาเพื่อพิจารณาอนุมัติ CPALL มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์รายหลักในกลุ่มพาณิชย์ เนื่องจากบริษัทมีเครือข่ายร้านค้าครอบคลุมทุกอำเภอในประเทศไทย และเงินจากโครงการนี้จะถูกใช้ในร้านค้าที่ลงทะเบียนในอำเภอที่ผู้ได้รับสิทธิอาศัยอยู่

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น CPALL ปรับขึ้น 2.84% สู่ระดับ 54.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 1.97% สู่ระดับ 1,408.24 จุด 

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:

 

ราคาหุ้น CPALL ปรับตัวลดลง 9% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา Underperform SET อยู่ 6% โดยส่วนหนึ่งสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับกำไรของ CPAXT ที่ฟื้นตัวช้า ด้วยกำไร 4Q66 ของ CPAXT ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากยอดขายที่ดีขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง ยอดขายและมาร์จิ้นของธุรกิจ CVS ที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายโบนัสที่ลดลงจากฐานสูงของปีก่อน จึงคาดว่ากำไรปกติ 4Q66 ของ CPALL จะอยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 59%YoY และ 13%QoQ โดยจะเติบโต YoY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ 

 

ปัจจัยบวกนี้รวมกับกำไรที่คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 (เพิ่มขึ้น 17%YoY) จะช่วยสนับสนุนราคาหุ้น CPALL ในระยะสั้น โดยให้เรตติ้ง Outperform สำหรับ CPALL ด้วยราคาเป้าหมายกลางปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7.1% และการเติบโตระยะยาว 2.5%) ที่ 74 บาทต่อหุ้น

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ ต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายรัฐบาลใหม่ 

 

ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญคือ การบริหารจัดการพลังงานและของเสีย ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และแนวปฏิบัติด้านการจ้างงาน (S)

The post CPALL – กำไร 4Q66 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>