โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาสนับสนุ […]
The post ‘ทรัมป์’ สนับสนุนให้โอกาสควอเตอร์แบ็ก โคลิน เคเปอร์นิก ลงแข่ง NFL อีกครั้ง ถ้ามีความสามารถเพียงพอ appeared first on THE STANDARD.
]]>โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาสนับสนุนการมอบโอกาสให้กับ โคลิน เคเปอร์นิก อดีตควอเตอร์แบ็กของทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ ไนน์เนอร์สให้กลับมาลงแข่งขันในศึกอเมริกันฟุตบอล NFL อีกครั้งหนึ่ง หากเคเปอร์นิกมีศักยภาพเพียงพอในการกลับมาลงเล่น
ควอเตอร์แบ็กวัย 32 ปีว่างงานมาเป็นเวลามากกว่า 3 ปี หลังจากที่เขาตัดสินใจคุกเข่าระหว่างการร้องเพลงชาติสหรัฐฯ ก่อนเกม เพื่อเป็นการประท้วงต่อความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและความไม่ยุติธรรมในสังคม
โดยที่ผ่านมามีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการประท้วงและได้ทำการโจมตี เคเปอร์นิกเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาไม่ควรทำการประท้วงต่อธงชาติ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ โดยเฉพาะทรัมป์ ที่ต่อต้านการประท้วงของนักกีฬาทุกคนที่คุกเข่าระหว่างการร้องเพลงชาติ โดยครั้งหนึ่งในปี 2017 ได้เรียกนักกีฬาที่คุกเข่าว่า ‘Son of bitches’
แต่ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 17 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวสอบถามทรัมป์ว่า เคเปอร์นิกควรได้รับโอกาสกับศึก NFL อีกครั้งหรือไม่ ซึ่งทรัมป์ได้กลับลำให้การสนับสนุนโอกาสของเคเปอร์นิกอีกครั้ง
“ถ้าเขาควรได้รับโอกาส เขาก็สมควรที่จะได้ ถ้าเขามีทักษะความสามารถในการเล่น
“คำตอบชัดเจนคือผมเห็นด้วย แม้ว่าจะมีเรื่องของการคุกเข่า ผมอยากเห็นเขาได้รับโอกาสอีกครั้ง แต่แน่นอนเขาต้องมีความสามารถที่จะเล่นได้ดี ถ้าเขาไม่สามารถเล่นได้ดี ผมก็คิดว่าคงจะไม่ยุติธรรมนัก”
โดยช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทาง NFL ได้ออกแถลงยอมรับผิดที่ไม่รับฟังความคิดเห็นของนักกีฬาอย่างเคเปอร์นิกก่อนหน้านี้ รวมถึงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โรเจอร์ กูแดล ประธานศึกอเมริกัน NFL ได้ออกมาเรียกร้องให้และสนับสนุนทีมในศึก NFL หันมาเซ็นสัญญากับเคเปอร์นิก
“ฟังนะ ถ้าเขาอยากจะกลับมาลงแข่งขันในศึก NFL แน่นอน การตัดสินใจนั้นขึ้นอยู่กับทีมต่างๆ แต่ผมสนับสนุนสิ่งนั้น สนับสนุนให้ทีมตัดสินใจ และรณรงค์ให้พวกเขาทำแบบนั้น”
สำหรับข้อถกเถียงของเคเปอร์นิกร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เกิดการประท้วงและการถกเถียงเป็นวงกว้างเกี่ยวกับความรุนแรงจากการกระทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่นำไปสู่การเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
The post ‘ทรัมป์’ สนับสนุนให้โอกาสควอเตอร์แบ็ก โคลิน เคเปอร์นิก ลงแข่ง NFL อีกครั้ง ถ้ามีความสามารถเพียงพอ appeared first on THE STANDARD.
]]>NFL ลีกอเมริกันฟุตบอล ได้จัดคิวฝึกซ้อมโชว์ให้กับ โคลิน […]
The post ‘เคเปอร์นิก’ ลุ้นหวนคืนสนาม หลัง NFL จัดคิวฝึกซ้อมโชว์ พร้อมเชิญ ทีม NFL 32 ทีมร่วมชม appeared first on THE STANDARD.
]]>NFL ลีกอเมริกันฟุตบอล ได้จัดคิวฝึกซ้อมโชว์ให้กับ โคลิน เคเปอร์นิก อดีตควอเตอร์แบ็กของทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ ไนน์เนอร์ส ในวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายนนี้ พร้อมเชิญตัวแทนจาก 32 ทีมในศึก NFL ให้เข้าร่วมชมการฝึกซ้อม
โดยอดีตควอเตอร์แบ็กวัย 32 ปี ว่างงานมาตั้งแต่ปี 2017 หลังจากที่เขาตัดสินใจคุกเข่าระหว่างการเคารพเพลงชาติก่อนเกม เพื่อแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านความรุนแรง และความไม่ยุติธรรมทางสังคมต่อคนผิวสีในสหรัฐอเมริกา
ซึ่งการฝึกซ้อมครั้งนี้ในแอตแลนตาจะเป็นการซ้อมทั้งในสนาม รวมถึงการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ 32 ทีม แต่จะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าทำข่าวในระหว่างการฝึกซ้อมครั้งนี้
ทาง NFL ได้เผยว่า หลายทีมในศึก NFL แสดงความสนใจด้วยการสอบถามถึงความพร้อมในการกลับมาลงสนามแข่งขันของเคเปอร์นิก ซึ่งทางเจ้าตัวเองก่อนหน้านี้อัดคลิปเปิดเผยว่า เขาฝึกซ้อม 5 วันต่อสัปดาห์ วันละ 3 ชั่วโมง โดยเริ่มต้นซ้อมตั้งแต่เวลา 05.00 น. ด้วยความหวังที่จะหวนคืนสู่สนามอเมริกันฟุตบอลได้
“ผมอยู่ในสภาพที่ดีและพร้อมตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ผมรอไม่ไหวที่จะได้พบกับหัวหน้าโค้ชและผู้จัดการทั่วไปของแต่ละทีมในวันเสาร์นี้” เคเปอร์นิกได้ทวีตข้อความหลังทราบข่าวการจัดโปรแกรมซ้อม
สำหรับการฝึกซ้อมในครั้งนี้ ทาง NFL จะร่วมงานกับทีมสเกาท์และอดีตโค้ชของ NFL โดยมีวิดีโอไฮไลต์การฝึกซ้อมจากในสนามและบทสัมภาษณ์ส่งให้กับทั้ง 32 ทีม รวมถึงทีมที่สนใจยังสามารถนัดสัมภาษณ์กับเคเปอร์นิกได้เองอีกด้วย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
The post ‘เคเปอร์นิก’ ลุ้นหวนคืนสนาม หลัง NFL จัดคิวฝึกซ้อมโชว์ พร้อมเชิญ ทีม NFL 32 ทีมร่วมชม appeared first on THE STANDARD.
]]>“จงเชื่อมั่นในอะไรบางอย่าง แม้ว่าจะต้องเสียสละทุกอย่างก […]
The post แคมเปญโฆษณา Colin Kaepernick จาก Nike คว้ารางวัลโฆษณายอดเยี่ยมบนเวที Creative Arts Emmy appeared first on THE STANDARD.
]]>“จงเชื่อมั่นในอะไรบางอย่าง แม้ว่าจะต้องเสียสละทุกอย่างก็ตาม”
แคมเปญโฆษณาของ Nike ที่มีชื่อว่า Dream Crazy ได้รับรางวัล Outstanding Commercial จากการประกาศรางวัล Creative Arts Emmy หลังจากที่แบรนด์ได้ปล่อยแคมแปญโฆษณาดังกล่าวเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ในโอกาสครบรอบ 30 ปีของแบรนด์ โดยชิ้นที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากคือการเลือกใช้ภาพของ โคลิน เคเปอร์นิก นักอเมริกันฟุตบอล สังกัดทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนน์เนอร์ส ที่เคยสร้างวีรกรรมโดยการคุกเข่าขาเดียวในช่วงร้องเพลงชาติก่อนเริ่มต้นการแข่งขันเมื่อปี 2016 เพื่อประท้วงต่อการเหยียดสีผิวและความไม่เท่าเทียมในสังคมอเมริกัน
และทันทีที่โฆษณาชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นทางอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย และบิลบอร์ด มันก็ได้สร้างกระแสวิพากษณ์-วิจารณ์ ทั้งเดือดดาลและสนับสนุนในหมู่ชนสังคมอเมริกันในวงกว้าง
ไม่ว่าจะเป็นการออกมาตอบโต้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์, การเผาสินค้า Nike จากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย แต่ถึงอย่างนั้นราคาหุ้นของ Nike กลับพุ่งสูงขึ้นถึง 5% หลังจากเผยแพร่ภาพโฆษณาดังกล่าวไปเพียงไม่กี่วัน
นอกเหนือจาก โคลิน เคเปอร์นิก โฆษณาตัวดังกล่าวยังได้นักกีฬาชั้นนำของโลก อาทิ เลอบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอล NBA ระดับตำนาน, เซเรนา วิลเลียมส์ อดีตนักเทนนิสสาวมือวางอันดับ 1 ของโลก และเหล่านักฟุตบอลหญิงทีมชาติอเมริกันที่เพิ่งคว้าชัยชนะถ้วย FIFA Women’s World Cup เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาร่วมถ่ายแคมเปญนี้เช่นเดียวกัน
และไม่ใช่เพียงแค่โคลินเท่านั้นที่ออกมาประท้วง NFL นักร้องสาวอย่าง ริฮานนา ก็ได้ปฏิเสธคำทาบทามจากผู้จัดงานใหญ่ประจำปี อย่างการแสดงในช่วงพักครึ่ง
‘Superbowl Halftime Show’ ของการแข่งขัน National Football League ครั้งที่ 53 รอบชิงชนะเลิศ เพราะเธอไม่เห็นด้วยกับการที่สมาคมกีดกันโคลินออกจากการแข่งขัน
สำหรับงาน Creative Arts Emmy จัดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการประกาศรางวัลที่จัดแยกขึ้นมาโดยเฉพาะรางวัลที่มอบให้กับกลุ่มคนเบื้องหลังและนักสร้างสรรค์ผลงานส่วน Prime Time Emmy Awards ครั้งที่ 71 เวทีใหญ่แห่งปีของวงการโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกาที่หลายคนรอชม จะจัดขึ้นที่ Microsoft Theatre นครลอสแอนเจลิส ในเช้าวันที่ 23 กันยายนตามเวลาบ้านเรา
ภาพ: Robert Alexander / Getty Images
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
The post แคมเปญโฆษณา Colin Kaepernick จาก Nike คว้ารางวัลโฆษณายอดเยี่ยมบนเวที Creative Arts Emmy appeared first on THE STANDARD.
]]>แม้การแสดงช่วงพักครึ่งของงานมหกรรมอเมริกันฟุตบอลซูเปอร์ […]
The post Rihanna สร้างจุดยืน ไม่ขึ้นโชว์ Super Bowl ปีหน้าเพื่อสนับสนุน Colin Kaepernick appeared first on THE STANDARD.
]]>แม้การแสดงช่วงพักครึ่งของงานมหกรรมอเมริกันฟุตบอลซูเปอร์โบวล์จะเป็นเวทีที่สำคัญสุดสำหรับอุตสาหกรรมดนตรี เพราะอิทธิพลและเรตติ้งที่ถล่มทลายจากจำนวนคนดูกว่าพันล้านคนทั่วโลก แต่มีรายงานว่าล่าสุดนักร้องสาวริฮานนาได้ปฏิเสธการแสดงเวทีนี้ เพราะต้องการสนับสนุน โคลิน เคเปอร์นิก นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลผิวสีที่โดน NFL แบนในปี 2016 โทษฐานคุกเข่าระหว่างเพลงชาติอเมริกาจากปัญหาการเหลื่อมล้ำและไม่เท่าเทียมต่อคนผิวสีในสังคม โดยเฉพาะกับตำรวจ
นิตยสาร Us Weekly ได้รายงานว่าทาง NFL และ CBS ช่องที่ถือลิขสิทธ์ถ่ายทอดสดงานซูเปอร์โบวล์ในอเมริกาอยากให้ริฮานนามาแสดงในช่วงพักครึ่งเป็นอย่างมาก โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ปีหน้าที่ Mercedes-Benz Stadium ในเมืองแอตแลนตา แต่เมื่อเธอปฏิเสธ Maroon 5 จึงกลายเป็นตัวเลือกที่สอง
ถึงแม้จะยังไม่มีการคอนเฟิร์มอย่างเป็นทางการจาก NFL แต่เมื่อหลายสื่อและสำนักข่าวได้รายงานว่า Maroon 5 จะขึ้นเวทีแทนก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยหนึ่งในประเด็นคืองานจะจัดขึ้นที่เมืองแอตแลนตา ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่บ่มเพาะเพลงฮิปฮอปของคนผิวสีให้เป็นที่รู้จักจนทุกวันนี้เป็นแนวเพลงอันดับหนึ่งในตลาดอเมริกา แต่ทาง NFL มักเลือกศิลปินป๊อปกระแสหลักมาพร้อมกับโชว์แสงสีเสียงที่มีโปรดักชันอลังการ
ล่าสุดเมื่อมีรายงานข่าวว่าริฮานนาจะไม่ขึ้นโชว์ที่งานซูเปอร์โบวล์ หนึ่งในนักแสดงตลกที่ทรงอิทธิพลที่สุดของฮอลลีวูดอย่าง เอมี ชูเมอร์ ก็ได้ออกมาประกาศผ่านอินสตาแกรมของตัวเอง @amyschumer ว่าเธอสนับสนุนการตัดสินใจของริฮานนา และเธอเองก็ได้บอกกับทางผู้จัดการว่าจะไม่ลงโฆษณาช่วงงานซูเปอร์โบวล์ที่จะถึงนี้ ซึ่งตามปกติหลายบริษัทจะจองพื้นที่โฆษณาในราคาสูงถึง 5 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับครึ่งนาที โดยนักแสดงและศิลปินเองก็จะได้รับค่าตัวมหาศาล เพราะโฆษณาช่วงซูเปอร์โบวล์ได้กลายเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของงานและสร้างโมเมนต์สำคัญในป๊อปคัลเจอร์มาโดยตลอด นอกเหนือจากนั้นเอมียังลงภาพและแท็กหาวง Maroon 5 รวมถึงนักร้องนำ อดัม เลวีน ว่าควรปฏิเสธการแสดงในงานซูเปอร์โบวล์เช่นกัน
ประเด็นนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการบันเทิง เพราะในหลายปีที่ผ่านมา ปัญหาทางสังคมต่างๆ ในอเมริกาทำให้เราได้เห็นศิลปินออกมาสร้างจุดยืนอย่างมากมาย และไม่กลัวที่จะเอาชื่อเสียงตัวเองมาเดินอยู่บนเส้นด้ายบางๆ
เราต้องติดตามดูต่อไปว่าทาง NFL จะออกมาแถลงการณ์เรื่องนี้อย่างไร Maroon 5 จะตัดสินยกเลิกการแสดงไหม และกระแสจะรุนแรงขึ้นขั้นไหน เพราะเชื่อได้ว่าหากริฮานนากล้าปฏิเสธขนาดนี้ คนดังคนอื่นๆ ก็น่าจะสนับสนุนและเดินตามรอยเธอไม่มากก็น้อย
https://www.instagram.com/p/BpHod5bl0TJ/?utm_source=ig_share_sheet&igshid=1mhjwfzxkzcyp
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
The post Rihanna สร้างจุดยืน ไม่ขึ้นโชว์ Super Bowl ปีหน้าเพื่อสนับสนุน Colin Kaepernick appeared first on THE STANDARD.
]]>ทันทีที่แบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ตัดสินใจเลือก โคลิ […]
The post หุ้นร่วง บอยคอต ทรัมป์แช่ง เปิดตัวเคเปอร์นิกครบ 30 ปี Just Do It กับการมองเกมขาดของ Nike appeared first on THE STANDARD.
]]>ทันทีที่แบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ตัดสินใจเลือก โคลิน เคเปอร์นิก นักอเมริกันฟุตบอลชื่อดังมาเป็นพรีเซนเตอร์ฉลองครบรอบ 30 ปี แคมเปญ Just Do It เมื่อวันจันทร์ที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา กระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาก็ถาโถมจู่โจมใส่พวกเขาแบบไม่ทันตั้งตัว
ใบหน้าของเคเปอร์นิกถูกวางหราหน้าบิลบอร์ดขนาดยักษ์ในสีขาวและดำ พร้อมโปรยข้อความว่า “จงเชื่อในบางสิ่ง แม้จะหมายถึงการสูญเสียทุกสิ่ง”
ภายหลังเปิดตัวเคเปอร์นิกในวันจันทร์ วันถัดมาหุ้นบริษัท Nike ก็ร่วงระนาว 3% จากประมาณ 82 เหรียญสหรัฐมาอยู่ที่ราว 79.66 เหรียญสหรัฐ เท่านั้นยังไม่พอ สินค้าของ Nike ยังถูกบอยคอตจากผู้ใช้จำนวนมากจนกลายเป็นกระแสเผาทำลายสินค้าทุกสิ่งอย่างของ Nike จนเครื่องหมายถูกอันเคยเป็นเอกลักษณ์บิดเบี้ยวไม่เหลือชิ้นดี พร้อมติดแฮชแท็ก #NikeBoycott บนโลกออนไลน์
Ripping my Nike Air Max to own the libs #BoycottNike pic.twitter.com/FYzpNoZiHX
— ✩ Tifa ✩ (@antifa_comrade) September 4, 2018
หุ้นตกระนาว สินค้าถูกบอยคอตยังไม่พอ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ ยังออกมาขยี้ประเด็น Nike ต่อเนื่องผ่านการทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ ใจความว่า
“ก็เหมือน NFL (สมาคมกีฬาอเมริกันฟุตบอล) นั่นแหละที่เรตติ้งความนิยมได้ถดถอยลง Nike ถูกปลิดชีพจากกระแสความโกรธเกลียดและการบอยคอต ผมสงสัยเหลือเกินว่าพวกเขาคิดไว้ไหมว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้ ตราบเท่าที่ NFL เป็นห่วงกับประเด็นนี้ ผมพบว่ามันยากมากๆ ที่จะทนดูต่อไปได้ เว้นเสียแต่พวกเขาจะยืนตรงเคารพธงชาติ!”
Just like the NFL, whose ratings have gone WAY DOWN, Nike is getting absolutely killed with anger and boycotts. I wonder if they had any idea that it would be this way? As far as the NFL is concerned, I just find it hard to watch, and always will, until they stand for the FLAG!
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) September 5, 2018
นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวอีกด้วยว่านักลงทุนของ Nike จำนวนมากรู้สึกไม่พอใจกับการตัดสินใจดึงเคเปอร์นิกมาเป็นพรีเซนเตอร์ฉลองครบรอบ 30 ปี แคมเปญ Just Do It
ทำไมกระแสต้านเคเปอร์นิกถึงแรง
โคลิน เคเปอร์นิก เป็นนักอเมริกันฟุตบอลสัญชาติอเมริกันจากรัฐวิสคอนซิน และเป็นอดีตควอเตอร์แบ็กของซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนน์เนอร์ส
ในวัย 30 ปี ปัจจุบันเคเปอร์นิกเป็นนักกีฬาไร้สังกัด หลังสร้างประเด็นข้อพิพาทเมื่อปี 2016 จากการตัดสินใจคุกเข่าหนึ่งข้างในช่วงบรรเลงเพลงชาติก่อนลงแข่งขันอเมริกันฟุตบอล โดยให้เหตุผลว่าการกระทำของเขาเป็นไปเพื่อต่อต้านการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อคนผิวสีในสังคม
การกระทำของเคเปอร์นิกทำให้หลายฝ่ายไม่พอใจ โดยเฉพาะกลุ่มชาตินิยมขวาจัดที่มองว่าการแสดงออกดังกล่าวสื่อไปในทางไม่เคารพประเทศ แฟนอเมริกันฟุตบอลบางส่วนบอยคอตกีฬาอเมริกันฟุตบอลโดยการเลิกดูเกมการแข่งขัน เดินออกจากสนาม และออกมากดดันจนในที่สุดเคเปอร์นิกก็ถูกเลิกจ้างงานตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา
ใช่ว่าจะมีแต่คนชังฝั่งเดียว เพราะคนที่รักและสนับสนุนอุดมการณ์ของเคเปอร์นิกก็ยังมีอยู่ นักกีฬาในประเทศบางคนเลือกแสดงออกเหมือนเคเปอร์นิกระหว่างเคารพเพลงชาติเช่นเดียวกับแฟนกีฬาบางส่วน
กระทั่งเมื่อเดือนเมษายน 2018 ที่ผ่านมา องค์การนิรโทษกรรมสากล หรือแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้มอบรางวัลทูตแห่งสามัญสำนึกให้กับเคเปอร์นิก เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปีที่แอมเนสตี้เริ่มเปิดหน่วยงานในสาขาต่างประเทศ
“รางวัลทูตแห่งสามัญสำนึกคือการเฉลิมฉลองเพื่อจิตวิญญาณของการเคลื่อนไหวและความกล้าหาญที่ไร้ข้อยกเว้น ซึ่งเป็นตัวตนของโคลิน เคเปอร์นิก เขาคือนักกีฬาที่กลายเป็นที่รู้จักจากการเคลื่อนไหวของเขา เพราะการปฏิเสธที่จะต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อคนผิวสีทุกกรณี” ซาลิล เช็ตติ เลขาธิการประจำแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว
ทำไม Nike จึงเลือกเคเปอร์นิกมาเป็นพรีเซนเตอร์
อันที่จริง Nike ก็คงรู้อยู่แล้วว่าผลพวงที่จะตามมาหลังเปิดตัวแคมเปญ 30 ปี Just Do It ด้วยโคลิน เคเปอร์นิก จะเป็นเช่นไร รวมถึงกระแสบอยคอตต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมายบนโลกโซเชียลก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินการคาดเดาของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
แม้หุ้นบริษัทจะร่วงกว่า 3% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่นับจนถึงวันนี้ หุ้นของ Nike ก็ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ที่ราว 80 เหรียญสหรัฐอยู่ตลอด ซึ่งถ้าไม่มีเหตุการณ์พลิกผันใดๆ เกิดขึ้นอีก หุ้นของ Nike ก็ไม่น่าจะรูดถอยไปมากกว่านี้แล้ว
คำถามก็คือหากรู้ว่าผลลัพธ์แคมเปญนี้จะออกมาเชิงลบแล้วเกิดกระแสต่อต้าน ทำไม Nike ถึงยังดันทุรังใช้โคลิน เคเปอร์นิก เป็นพรีเซนเตอร์
ข้อแรกสุด นอกจากสายสัมพันธ์อันดีที่ Nike และเคเปอร์นิกมีต่อกันในฐานะแบรนด์ผู้สนับสนุนและนักกีฬาในสังกัดมาตั้งแต่ปี 2011 การแสดงออกของเคเปอร์นิกที่ไม่ยินยอมต่อการเลือกปฏิบัติต่อคนต่างชาติพันธ์ุยังตรงกับสโลแกน Just Do it ของพวกเขาที่สนับสนุนให้ทุกคนลงมือทำในสิ่งที่ตนเชื่อ
ประการถัดมา The NPD Group ผู้ให้บริการปรึกษาข้อมูลการตลาดในแต่ละอุตสาหกรรมระบุว่า Nike ทราบดีว่า 2 ใน 3 ของลูกค้าในวันนี้เป็นลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี และเป็นลูกค้าที่มีความหลากหลายทางชาติพันธ์ุ
ฮาว เบิร์ช อดีตหัวหน้าแผนกการตลาดของ Reebok เชื่อว่า Nike รู้อยู่เต็มอกว่าจะต้องเสียลูกค้าบางกลุ่มไปใน ‘ระยะสั้น’ แต่ไม่ใช่กลุ่มลูกค้าที่จะเป็นผู้ขับเคลื่อนรายได้ขององค์กรในระยะยาวแน่นอน
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ Bloomberg ประเมินไว้ว่าแคมเปญนี้ของ Nike น่าจะกินพื้นที่สื่อทั่วโลกมูลค่ากว่า 163 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.34 พันล้านบาทเลย ในจำนวนนี้คิดเป็นพื้นที่สื่อเชิงบวก (กระแสชื่นชม) ที่ประมาณ 65.58 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนพื้นที่สื่อเชิงลบอยู่ที่ 49.08 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่พื้นที่สื่อแบบกลางๆ จะอยู่ประมาณ 48.84 ล้านเหรียญสหรัฐ
จีเตนดรา ซาห์เดฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ให้ความเห็นกับ Forbes ว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของ Nike นับเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดและมองขาดสุดๆ เพราะไม่ใช่แค่ประกาศสนับสนุนให้ผู้นำบนโลกนี้เริ่มคิดต่างกับวิธีการสร้างแบรนด์ แต่ยังเป็นการเปลี่ยนวัฒนธรรมในการสร้างแบรนด์ให้ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
“ความเกลียดชังในวันนี้เป็นแค่สถานะหนึ่งเท่านั้น (กระแสบอยคอตสินค้า Nike) หากคุณไม่ถูกเกลียด คุณก็ไม่อยู่ในเกมการแข่งขัน เป็นไปไม่ได้หรอกที่คุณจะไปคาดหวังใหัทุกๆ คนรักความเห็นของคุณ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือแบรนด์ต้องแสดงความเป็นตัวตนและจุดยืนของตัวเองออกมาให้โลกเห็น
“แน่นอนว่าทุกๆ การเคลื่อนไหวย่อมเกิดแรงกระเพื่อมตามมา แต่ในระยะยาว Nike จะมีตัวตนที่แข็งแรงขึ้น มีภูมิต้านทานที่ดีกว่าเก่า และเกิดลัทธิความคลั่งไคล้ในตัวแบรนด์ที่มากกว่าในปัจจุบันแน่นอน”
ถ้าให้สรุปง่ายๆ ถึงแคมเปญในครั้งนี้ของ Nike จะทำให้กระแสตอบรับที่มีต่อภาพลักษณ์แบรนด์แตกกระจายไปคนละทิศทาง แต่กระแสลบที่เกิดขึ้นก็จะมีอายุสั้นและไม่จีรังยั่งยืนสักเท่าไรเมื่อเทียบกับภาพลักษณ์การเป็นแบรนด์ที่เลือกยืนหยัดอยู่ข้างกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความหลากหลายทางด้านชาติพันธ์ุ ความเชื่อ และการไม่เลือกปฏิบัติ
‘ถ้าไม่ถูกเกลียด คุณก็ไม่อยู่ในเกม’ คำคำนี้บอกอะไรเราจากแคมเปญนี้ได้เป็นอย่างดี
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
The post หุ้นร่วง บอยคอต ทรัมป์แช่ง เปิดตัวเคเปอร์นิกครบ 30 ปี Just Do It กับการมองเกมขาดของ Nike appeared first on THE STANDARD.
]]>The post 30 ปีแห่ง Just Do It เมื่อ Nike ตัดสินใจลงมือทำ appeared first on THE STANDARD.
]]>The post 30 ปีแห่ง Just Do It เมื่อ Nike ตัดสินใจลงมือทำ appeared first on THE STANDARD.
]]>Nike บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาสหรัฐฯ ตัดสินใจเลือก โคลิ […]
The post Nike ฉลองครบรอบ 30 ปี Just Do it ชู โคลิน เคเปอร์นิก เป็นไอคอนของแคมเปญ appeared first on THE STANDARD.
]]>Nike บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาสหรัฐฯ ตัดสินใจเลือก โคลิน เคเปอร์นิก ผู้เล่นอเมริกันฟุตบอล NFL ในแคมเปญ Just Do It เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของสโลแกนนี้
โดยอดีตควอเตอร์แบ็กของซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนน์เนอร์ส เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก หลังแสดงจุดยืนต่อต้านความอยุติธรรมต่อสังคมที่เลือกปฏิบัติต่อคนผิวสีด้วยการคุกเข่าระหว่างที่เพลงชาติบรรเลงในสนาม การตัดสินใจของเขาทำให้รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ และประชาชนชาวสหรัฐฯ หลายฝ่ายออกมาแสดงความไม่พอใจ จนสุดท้ายเคเปอร์นิกก็ตกงานตั้งแต่ปีนั้น และพยายามต่อสู้เพื่อโอกาสในการกลับมาลงเล่นกีฬาอเมริกันฟุตบอลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ล่าสุดโปสเตอร์ของ Nike ได้ขึ้นภาพของเคเปอร์นิกพร้อมกับประโยค “จงเชื่อมั่นในอะไรบางอย่าง แม้ว่าจะต้องเสียสละทุกอย่าง” ซึ่งเป็นประโยคที่แสดงพลังการสนับสนุนการตัดสินใจของเคเปอร์นิกจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการกีฬา
“เราเชื่อว่าเคเปอร์นิกคือหนึ่งในนักกีฬาที่มีแรงบันดาลใจสำคัญต่อผู้คนในยุคนี้ เขาเป็นคนที่ตัดสินใจใช้ชื่อเสียงในวงการกีฬาเพื่อช่วยผลักดันโลกไปข้างหน้า” จีโน่ ฟิซานอตติ รองประธานแบรนด์ Nike ในอเมริกาเหนือ ให้สัมภาษณ์กับทาง ESPN ถึงการตัดสินใจครั้งนี้ของแบรนด์
แต่การตัดสินใจดังกล่าวของ Nike ได้จุดประกายกระแสสังคมที่มีทั้งออกมาสนับสนุน Nike และเคเปอร์นิก ขณะที่ฝั่งที่ไม่เห็นด้วยได้ออกมาโพสต์ข้อความพร้อมกับภาพถ่ายทำลายสินค้าต่างๆ ของ Nike ตั้งแต่ตัดโลโก้ออกจากรองเท้าจนถึงเผารองเท้าของแบรนด์กีฬาดังกล่าว
“ก่อนหน้านี้ NFL ให้เราเลือกระหว่างกีฬาอเมริกันฟุตบอลและเพลงชาติ วันนี้ Nike มาให้เราเลือกระหว่างรองเท้าโปรดกับเพลงชาติ ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ธงชาติอเมริกันและเพลงชาตินับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้คนไม่พอใจ” ฌอน แคลนซี หนึ่งในแฟนสินค้า Nike ที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของแบรนด์ และตัดสินใจออกมาเผารองเท้าพร้อมกับโพสต์ภาพบนโลกออนไลน์
ขณะที่ Hypebeast ได้รายงานว่าทาง Nike เตรียมออกสินค้าไลน์ของเคเปอร์นิกในอนาคตที่มีทั้งรองเท้า เสื้อ และเสื้อกีฬาภายในชื่อของเขาอีกด้วย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง
The post Nike ฉลองครบรอบ 30 ปี Just Do it ชู โคลิน เคเปอร์นิก เป็นไอคอนของแคมเปญ appeared first on THE STANDARD.
]]>ช่วงเวลาที่ผ่านมาสำหรับวงการกีฬาสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะศึ […]
The post สื่อสหรัฐฯ ยกย่อง ‘โคลิน เคเปอร์นิก’ ผู้คุกเข่าเคารพเพลงชาติ เป็นนักกีฬาเปลี่ยนโลกปี 2017 appeared first on THE STANDARD.
]]>ช่วงเวลาที่ผ่านมาสำหรับวงการกีฬาสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะศึกอเมริกันฟุตบอล NFL ที่ทุกคนกำลังลงสนามชิงชัยกันอย่างดุเดือด แต่หลายคนเกือบจะลืมไปแล้วว่ามีนักกีฬาคนหนึ่งที่ยังคงต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเองในการจะลงสนามแข่งขันให้ได้อีกครั้ง
คนคนนั้นคือ โคลิน เคเปอร์นิก นักกีฬาอเมริกันฟุตบอล ผู้ที่คุกเข่าเรียกร้องความยุติธรรมต่อคนผิวสีในสังคมสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 ที่เขาเลือกใช้พื้นที่ในสนามคุกเข่าต่อหน้าธงชาติสหรัฐฯ เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนว่าเขาจะไม่ยืนตรงเคารพธงชาติของประเทศที่ไม่ยุติธรรมต่อคนผิวสีในประเทศของตัวเอง
จุดยืนของเขาได้ปลุกกระแสสังคมในสหรัฐฯ ไปไกลถึงกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ถึงกับออกมากดดันให้เจ้าของทีมใน NFL แบนหรือไล่นักกีฬาที่ไม่ยอมยืนตรงเคารพธงชาติสหรัฐฯ ออกจากสนาม
เสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้ทีมในศึก NFL รวมใจกันเป็นหนึ่ง และแสดงสัญลักษณ์เช่นเดียวกันกับเคเปอร์นิกด้วยการคุกเข่าระหว่างการเคารพธงชาติ เพื่อแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการกีดกันสิทธิในการแสดงออก
แต่กระแสการคุกเข่าหรือแม้กระทั่งความสนใจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้ผ่านพ้นไปโดยไม่มีผู้ใดได้รับผลกระทบหนักเท่ากับเคเปอร์นิก ผู้จุดกระแสที่ต้องการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงในสังคม
ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เคเปอร์นิกได้รับรางวัลมูฮัมหมัด อาลี อวอร์ด ของ Sports Illustrated สำนักข่าวชื่อดังในสหรัฐฯ โดยรางวัลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการเชิดชูนักกีฬาอาชีพที่มีอุดมการณ์และมีอิทธิพลต่อการสร้างความเปลี่ยนแปลงบนโลก ซึ่งในถ้อยคำแถลง เคเปอร์นิกยังคงยืนยันว่าเขาจะต่อสู้เพื่อทุกคนต่อไป แม้ว่าจะมีหรือไม่มีพื้นที่ให้เขาในสนามอเมริกันฟุตบอล รวมถึงยังได้เชิดชูมูฮัมหมัด อาลี อดีตแชมป์โลกระดับตำนานว่าเป็นครูต้นแบบของเขา แม้จะไม่เคยมีโอกาสได้พบกันมาก่อน
“ต้นแบบที่อาลีได้ทิ้งไว้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความรัก ปัญญา บทเรียนชีวิต และจิตใจที่ดีงาม ผมได้แต่หวังว่าผมจะสามารถเดินตามรอยเขา และนำพาโลกของเราไปในเส้นทางนั้น”
บทเรียนราคาแพงที่เคเปอร์นิกและมูฮัมหมัด อาลี ได้รับจากจุดยืนทางการเมือง
การคุกเข่าของเคเปอร์นิกถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมสหรัฐฯ เนื่องจากที่ผ่านมาในศึกอเมริกันฟุตบอล ทุกทีมจะต้องยืนตรงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ต่อการเคารพธงชาติสหรัฐฯ รวมถึงยังเป็นสัญลักษณ์ของการให้เกียรติทหารผ่านศึก แต่การคุกเข่าของเคเปอร์นิกได้ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่าการเรียกร้องสิทธิด้วยการไม่ยืนเคารพธงชาตินั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่
หากย้อนเวลาไปถึงสมัยที่มูฮัมหมัด อาลี เป็นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวีเวทที่กำลังอยู่ในช่วงเตรียมก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของอาชีพ เขาได้ตัดสินใจขัดขืนอำนาจของรัฐบาล โดยอาลีเลือกที่จะไม่เกณฑ์ทหารเข้าร่วมกองทัพสหรัฐฯ ที่ไปรบในสงครามเวียดนามในเวลานั้น โดยให้เหตุผลว่าการไปรบกับเวียดนามเป็นสิ่งที่ขัดต่อความเชื่อตามหลักศาสนาอิสลามที่เขานับถือ นอกจากนี้อาลียังไม่สนับสนุนความรุนแรงที่สหรัฐฯ ใช้กับประเทศแถบอินโดจีน
“จิตสำนึกของผมจะไม่ปล่อยให้ผมไปยิงพี่น้องของผม คนผิวสี หรือผู้คนที่ยากจนเพื่อประเทศสหรัฐอเมริกา ผมจะยิงพวกเขาไปเพื่ออะไร? พวกเขาไม่เคยเรียกผมว่าคนดำ (Nigger) พวกเขาไม่เคยรุมประชาทัณฑ์ผม พวกเขาไม่เคยเอาหมามาไล่งับผม พวกเขาไม่เคยริบสัญชาติของผม ข่มขืน และฆ่าแม่กับพ่อของผม ผมจะยิงพวกเขาไปเพื่ออะไร? จะให้ผมยิงพวกเขาได้อย่างไร เอาผมไปเข้าคุกเลยจะดีกว่า”
ผลกระทบที่ตามมาจากการตัดสินใจครั้งนั้นส่งผลให้อาลีโดนจับกุมตัวและนำไปสู่การดำเนินคดี จนสุดท้ายอาลีโดนยึดเข็มขัดแชมป์และใบอนุญาตชกมวยในสหรัฐฯ นอกจากนี้อาลียังโดนกระแสต่อต้านจากบรรดาแฟนหมัดมวยในประเทศที่รู้สึกว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของเขาเสมือนเป็นการแสดงออกว่าอาลีไม่รักชาติ และไม่ภูมิใจที่ได้รับใช้ชาติด้วยการเป็นทหาร
อาลีโดนแบนจากการชกมวยเป็นเวลา 3 ปี แต่หลังการเรียกร้องสิทธิของคนผิวสีและต่อต้านสงคราม ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ได้ตัดสินให้เขาไม่มีความผิด และได้กลับมาขึ้นชกอีกครั้งหนึ่ง แต่ราคาของเวลา 3 ปีที่เขาต้องจ่ายไปส่งผลให้สภาพร่างกายที่กำลังเข้าสู่ช่วงที่สมบูรณ์ที่สุดเสื่อมสลายไปกับช่วงเวลานั้น และทำให้เขาพบกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกให้กับโจ เฟรเซอร์
เวลาที่เสียไปนั้น สำหรับแฟนหมัดมวยหลายๆ คนที่มีโอกาสได้ติดตามการชกของเขาย่อมเสียดายโอกาสที่ไม่ได้เห็นอาลีโลดแล่นบนสังเวียนในช่วงเวลาที่ควรจะเป็นจุดสูงสุดของชีวิต
แต่ก็เชื่อมั่นว่าตัวของมูฮัมหมัด อาลี เองนั้นคงไม่เสียดายกับการตัดสินใจที่จะแสดงจุดยืนและทำในสิ่งที่เขาเชื่อว่าถูกต้อง แม้จะต้องพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ และเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ได้รับการยกย่องจากบรรดานักกีฬารุ่นหลังๆ รวมถึงผู้คนนอกวงการที่นับถือในการแสดงจุดยืนโดยไม่กังวลต่ออาชีพของตนเอง
กลับมาที่โคลิน เคเปอร์นิก ในวัย 30 ปี เขาห่างจากการแข่งขันมาเป็นเวลาเกือบ 1 ปีเต็ม และได้รับคำวิจารณ์ไม่ต่างกับอาลีที่หลายคนมองว่าการคุกเข่าไม่เคารพธงชาติเป็นการดูหมิ่นชาติสหรัฐฯ และทหารที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพของประเทศ
ทางออกของโคลิน เคเปอร์นิก
ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกตินักสำหรับวงการอเมริกันฟุตบอล หลังจากที่เคเปอร์นิกได้มอบหมายให้ทีมงานฝ่ายกฎหมายร่างหนังสือฟ้องร้องแกมขอความเห็นใจจากบรรดาเจ้าของทีมในลีก NFL หลังจากที่เขายืนยันว่าได้ติดต่อทีมในลีกทั้งหมดและแสดงความต้องการที่จะลงเล่นในฤดูกาลนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีมใดตอบรับ
เคเปอร์นิกมีความรู้สึกว่าทีมใน NFL ทั้งหมดร่วมมือกันตัดสินใจไม่เซ็นสัญญากับเขา เนื่องจากการแสดงจุดยืนทางการเมือง รวมถึงเขาได้เห็นควอเตอร์แบ็กหลายคน รวมถึงบางคนที่ก้าวออกมาจากการเกษียณได้รับโอกาสก่อนเขา
โดยภายใต้มาตรา 17 ของการจ้างงานระหว่าง NFL และนักกีฬาระบุไว้ว่า การร่วมมือกันกีดกันนักกีฬาในทุกกรณีจะต้องถูกพิจารณาโดยผู้ตัดสินอิสระที่จัดตั้งโดย NFL และสหภาพนักกีฬา ซึ่งสตีเฟน เบอร์แบงค์ ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ได้ทำหน้าที่นี้มาเป็นเวลาหลายปี
ขณะที่การค้นหาหลักฐานนั้นจะทำการจ้างบริษัทเพื่อรวบรวมหลักฐาน เช่น การสื่อสารจากคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ เพื่อหาบทสนทนาที่เกี่ยวข้องกับเคเปอร์นิก และให้ผู้ตัดสินอิสระได้พิจารณาและตัดสิน
แต่การค้นหาหลักฐานนั้นเป็นไปได้ยาก โดยแมตต์ มิตเทน ผู้อำนวยการบริหาร ของสถาบันกฎหมายกีฬาระดับประเทศภายในมหาวิทยาลัย Marquette University Law School ได้ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ว่า แต่ละทีมมีสาเหตุในการเซ็นสัญญากับนักกีฬาที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นอายุ เงินเดือน และบทบาทในเกมรุกของแต่ละทีม รวมถึงหลักฐานการพูดคุยผ่านอีเมล ข้อความ หรือโทรศัพท์ที่ชี้ชัดว่าทีมร่วมมือกันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ยากเช่นกัน
สิ่งที่เคเปอร์นิกจะได้รับ หากเขาได้รับชัยชนะในครั้งนี้
จากข้อตกลงการจ้างงานระหว่าง NFL และนักกีฬา เคเปอร์นิกอาจได้รับเงินมากกว่าเดิมเกือบเท่าตัว เมื่อเทียบกับตอนที่เขายังลงเล่นให้กับทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนเนอร์ส แต่ทาง The New York Times ก็เชื่อว่าทาง NFL อาจหลีกเลี่ยงข้อถกเถียงทางสังคมจากการต่อสู้ครั้งนี้ และอาจเดินหน้าเจรจาตกลงกับเคเปอร์นิก แต่ตามกฎแล้ว ทาง NFL ไม่สามารถบังคับให้ทีมใดในลีกเซ็นสัญญากับเคเปอร์นิกได้
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ตามเวลาประเทศไทย โรเจอร์ กูเดลล์ ประธานศึก NFL ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง CNBC สื่อในสหรัฐฯ โดยยืนยันว่าเคเปอร์นิกนั้นไม่ได้ถูกกีดกั้น และประตูของการเจรจาพูดคุยกับทางลีกนั้นเปิดกว้างตลอด แต่การตัดสินใจเซ็นสัญญากับนักกีฬาเป็นการตัดสินใจภายใน เนื่องจากเป็นการตัดสินใจเพื่อประโยชน์สูงสุดของแต่ละทีม
ดูเหมือนว่าการต่อสู้ของเคเปอร์นิกยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเพียงเท่านั้น และสิ่งที่น่าติดตามต่อจากนี้ นักกีฬาหรือเจ้าของทีมต่างๆ ที่เคยร่วมแรงรวมใจกันคุกเข่าเพื่อแสดงจุดยืนเดียวกับเคเปอร์นิกจะปล่อยให้เขาต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบและราคาของจุดยืนทางการเมืองเพียงผู้เดียวหรือไม่ หรือจะมีทีมใดที่ตัดสินใจยืนหยัดข้างเคเปอร์นิกในวันที่ไม่มีใครยืนข้างเขา
รวมถึงสิ่งที่น่าสนใจคือการต่อสู้ของและจุดยืนของการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมในสังคมของเคเปอร์นิกจะสร้างผลกระทบหรือความเปลี่ยนแปลงในสังคมสหรัฐฯ ได้มากน้อยขนาดไหน หากสังคมยังคงติดอยู่ในข้อถกเถียงที่ว่า การคุกเข่าระหว่างการเคารพธงชาติเป็นการแสดงสัญลักษณ์เพื่อเรียกร้องสิทธิอย่างถูกต้อง หรือเป็นสิ่งที่เกินเลยสิทธิของผู้อื่นที่ให้ความเคารพในธงผืนเดียวกันนี้
สุดท้าย ไม่ว่าเคเปอร์นิกจะสามารถลงสนามแข่งขันได้อีกหรือไม่ แต่วันนี้เขาก็ได้ถูกบันทึกลงในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์กีฬาสหรัฐฯ ว่าเป็นอีกหนึ่งนักกีฬาผู้เลือกที่จะใช้ชื่อเสียงของตัวเองในการผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยพร้อมที่จะเสียสละแม้กระทั่งอาชีพของตัวเอง
อ้างอิง:
The post สื่อสหรัฐฯ ยกย่อง ‘โคลิน เคเปอร์นิก’ ผู้คุกเข่าเคารพเพลงชาติ เป็นนักกีฬาเปลี่ยนโลกปี 2017 appeared first on THE STANDARD.
]]>