Claire Danes – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 16 May 2022 02:59:36 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ชมคลิป: สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ Tom Hiddleston และ Claire Danes จากซีรีส์ The Essex Serpent https://thestandard.co/tom-hiddleston-and-claire-danes-interview/ Tue, 17 May 2022 13:00:21 +0000 https://thestandard.co/?p=629265 สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ Tom Hiddleston และ Claire Danes จากซีรีส์ The Essex Serpent

คุณเชื่อในเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตในตำนานหรือไม่? จะทำอย […]

The post ชมคลิป: สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ Tom Hiddleston และ Claire Danes จากซีรีส์ The Essex Serpent appeared first on THE STANDARD.

]]>
สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ Tom Hiddleston และ Claire Danes จากซีรีส์ The Essex Serpent

คุณเชื่อในเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตในตำนานหรือไม่? จะทำอย่างไรถ้าหมู่บ้านของคุณมีสิ่งมีชีวิตลี้ลับอาศัยอยู่ด้วย? THE STANDARD POP จะพาคุณไปพบกับโปรเจ็กต์ใหม่ของ Apple TV+ อย่าง The Essex Serpent ซีรีส์แนวพีเรียดดราม่าที่สร้างจากนวนิยายระดับรางวัลของอังกฤษ พร้อมบทสัมภาษณ์จากสองนักแสดงนำจากซีรีส์เรื่องนี้ ทั้ง Claire Danes และ Tom Hiddleston ที่จะมาร่วมพูดคุยกับเราแบบเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ

The post ชมคลิป: สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ Tom Hiddleston และ Claire Danes จากซีรีส์ The Essex Serpent appeared first on THE STANDARD.

]]>
27 ตุลาคม 1996 – ครบรอบ 25 ปี Romeo + Juliet ฉายครั้งแรก https://thestandard.co/pop-onthisday27101996/ Wed, 27 Oct 2021 01:00:28 +0000 https://thestandard.co/?p=550319 Romeo_Juliet

แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมากว่า 25 ปีแล้วนับตั้งแต่ Romeo + […]

The post 27 ตุลาคม 1996 – ครบรอบ 25 ปี Romeo + Juliet ฉายครั้งแรก appeared first on THE STANDARD.

]]>
Romeo_Juliet

แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมากว่า 25 ปีแล้วนับตั้งแต่ Romeo + Juliet ออกฉายรอบปฐมทัศน์ ณ Mann’s Chinese Theatre เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 1996 แต่ทุกวันนี้มันยังคงถูกผู้คนหยิบมาพูดถึงอยู่เรื่อยๆ ในฐานะภาพยนตร์สุดคลาสสิกที่นำเสนอภาพวัฒนธรรมป๊อปแห่งยุค 90 ทั้งด้านศิลปะ ดนตรี แฟชั่น ฯลฯ ออกมาได้อย่างงดงามน่าหลงใหล

 

Romeo + Juliet คือภาพยนตร์โศกนาฏกรรมโรแมนติกที่ผู้กำกับสุดเท่ชาวออสเตรเลียอย่าง Baz Luhrmann ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมขึ้นหิ้งของ William Shakespeare มันบอกเล่าเรื่องราวความรักอันทุกข์ระทมของ โรมิโอ มอนทากิว (Leonardo DiCaprio) และ จูเลียต คาปูเล็ต (Claire Danes) หนุ่มสาวจากตระกูลคู่แค้นแห่ง Verona Beach 

 

ในแง่ของการเป็นผลงานที่ขับเคลื่อนวัฒนธรรมป๊อปต้องบอกว่า Romeo + Juliet นั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก ความยอดเยี่ยมของมันคือการหยิบเอาเรื่องราวความรักแสนดราม่าที่หลายคนอิน แต่หลายคนก็เบือนหน้าหนีของโรมิโอและจูเลียตมาตีความภายใต้บริบทสังคมสมัยใหม่ได้อย่างโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์

 

ตัวหนังเต็มไปด้วยสุนทรียภาพด้านองค์ประกอบศิลป์ ไม่ว่าจะเป็นบทสนทนาที่สวยงามราวบทกวี ฉากอันตื่นตาตระการใจ ซาวด์แทร็กเจ๋งๆ ที่ได้ศิลปินตัวท็อปยุค 90 อาทิ The Cardigans, Garbage, Des’ree, Radiohead มาร่วมงาน ไปจนถึงคอสตูมอันโดดเด่น ที่ปัจจุบันยังคงมีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่น และสร้างแรงบันดาลใจมากมายแก่แบรนด์เสื้อผ้าหลายแบรนด์

 

ตลอดโปรแกรมฉาย Romeo + Juliet กวาดเงินทั่วโลกไป 151 ล้านดอลลาร์จากทุนสร้างเพียง 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขา Best Production Design ในปี 1997 พร้อมส่งให้ผู้กำกับ Baz Luhrmann ชนะรางวัล Best Direction และ Best Adapted Screenplay จากเวที BAFTA Film Awards นอกจากนี้หลายคนยังยกให้มันเป็นภาพยนตร์ Romeo + Juliet ฉบับดัดแปลงที่ดีที่สุดอีกด้วย

 

ภาพ: 20th Century Fox

The post 27 ตุลาคม 1996 – ครบรอบ 25 ปี Romeo + Juliet ฉายครั้งแรก appeared first on THE STANDARD.

]]>
Romeo + Juliet (1996) การจัดฉากแกล้งตายอันวายวอด (ทว่างดงาม) ที่สุดครั้งหนึ่งในโลกภาพยนตร์ https://thestandard.co/romeo-juliet-1996/ Fri, 30 Jul 2021 08:57:30 +0000 https://thestandard.co/?p=519398 Romeo + Juliet

ท่ามกลางฉากอันงดงามสะกดตา แสงเทียนสว่างไสวสลับกับแสงไฟจ […]

The post Romeo + Juliet (1996) การจัดฉากแกล้งตายอันวายวอด (ทว่างดงาม) ที่สุดครั้งหนึ่งในโลกภาพยนตร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Romeo + Juliet

ท่ามกลางฉากอันงดงามสะกดตา แสงเทียนสว่างไสวสลับกับแสงไฟจากนีออนรูปกางเขนอันเป็นลักษณ์แทนโลกแห่งความตาย พ่อหนุ่มตาคม Romeo (Leonardo DiCaprio) แห่งตระกูล Montague มองสภาพไร้ลมหายใจของหญิงสาวคนรัก Juliet Capulet (Claire Danes) ด้วยใจอันแหลกสลาย… ก่อนจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย โดยไม่ได้รู้เลยว่า แท้จริงนั่นเป็นเพียงผลจากยาวิเศษที่ทำให้คนรักของเขาอยู่ในสภาพ ‘เหมือนตาย’ และตื่นขึ้นในอีกไม่กี่นาทีต่อมาเพื่อ ‘ตายตาม Romeo ไปจริงๆ’ 

 

เพราะความบาดหมางแค้นเคืองไม่รู้จักจบสิ้นในอดีตจากรุ่นปู่ย่า รุ่นพ่อแม่โดยแท้! 

 

ที่ส่งผลสืบต่อมาจนถึงคนรุ่นลูก กระทั่งสุดท้ายกว่าทั้งสองแก๊งจากตระกูลคู่ปรับแห่ง Verano Beach จะได้บทเรียน ก็เมื่อถึงวันที่เกิดโศกกรรมอันเนื่องมาจากการจัดฉากความตาย จนชีวิตของ Romeo Montague และ Juliet Capulet ต้องวายวอดอย่างไม่น่าวอดวายไปเสียก่อน

 

 

Romeo + Juliet (1996) คือผลงานภาพยนตร์ของผู้กำกับ Baz Luhrmann เนื้อหาดัดแปลงอย่างร่วมสมัย จากวรรณกรรมดั้งเดิมระดับคลาสสิกของ William Shakespeare ว่าด้วยโศกนาฏกรรมความรักหนุ่มสาวจากสองแก๊ง ตระกูลคู่แค้นแห่ง Verano Beach ที่มาพร้อมกับบรรยากาศและองค์ประกอบศิลป์ที่งดงามน่าตื่นตา อีกทั้งงานคอสตูมที่ออกแบบได้อย่างโดดเด่นร่วมสมัย

 

หลังจาก Romeo + Juliet ออกฉาย ทำเงินไปเกือบ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก จากต้นทุนคาดการณ์ราว 14 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขา Best Production Design ในปี 1997 ด้าน Leonardo DiCaprio เองก็สามารถเก็บรางวัลหมีทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก Berlin International Film Festival มาครองได้อย่างสวยงาม

 

 

ขณะเดียวกันในแง่ป๊อปคัลเจอร์ ภาพจำของภาพยนตร์รวมไปถึงภาพการแสดงของ Leonardo DiCaprio ในวัย 21 ปีที่หล่อใส แตกเนื้อหนุ่มลั่นดังเปรี๊ยะ และนางเอกสาว Claire Danes ส่งผลให้จนถึงปัจจุบันนี้ Romeo + Juliet ยังคงเป็นหนึ่งในผลผลิตแห่งยุค 90 ที่แฟนๆ จดจำและหลงรักมากที่สุดเรื่องหนึ่งของโลกภาพยนตร์ 

 

อ้างอิง: 

The post Romeo + Juliet (1996) การจัดฉากแกล้งตายอันวายวอด (ทว่างดงาม) ที่สุดครั้งหนึ่งในโลกภาพยนตร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Going 90s: ทำไม Romeo + Juliet ฉบับ บาซ เลอห์มานน์ จึงเป็นผลงานขึ้นหิ้ง https://thestandard.co/culture-film-going-90s-series-romeo-and-juliet/ https://thestandard.co/culture-film-going-90s-series-romeo-and-juliet/#respond Mon, 05 Jun 2017 07:56:30 +0000 http://thestandard.co:8000/?p=1024

  ความคลาสสิกของ Romeo + Juliet อยู่ตรงไหน  & […]

The post Going 90s: ทำไม Romeo + Juliet ฉบับ บาซ เลอห์มานน์ จึงเป็นผลงานขึ้นหิ้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>

 

ความคลาสสิกของ Romeo + Juliet อยู่ตรงไหน

    พูดได้ว่าการที่ทุกวันนี้คนยังเอาภาพจากหนังที่ฉายเมื่อ 21 ปีก่อนไปปักหมุดอยู่ใน Pinterest เป็นประจำ แชร์อินสตาแกรมกับแคปชัน #Vibes หรือ #Mood หรือเอาเพลงประกอบหนังไปโพสต์บนเฟซบุ๊กอยู่เรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงพลังของ Romeo + Juliet ที่ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชันวิดีโอเทป หรือไฟล์ดาวน์โหลด (อย่างถูกกฎหมายไม่พึ่งพาบิตทอร์เรนต์) ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีวันหมดอายุ กลายเป็นผลงานคลาสสิกที่เราจะได้เห็นและนึกย้อนไปถึงภาพในยุค 90s ตลอดกาล

 

Photo: FRANCOIS GUILLOT, AFP/Profile

กำกับ

    บาซ เลอห์มานน์ (Baz Luhrmann) เป็นผู้กำกับภาพยนต์ชาวออสเตรเลียที่ไม่ได้มีมิติเดียว เขากำกับและขับเคลื่อนภูมิทัศน์ของป็อปคัลเจอร์จากหนังไปสู่ผลกระทบต่อสังคม โดยเฉพาะภาพยนตร์ลำดับที่ 2 ของเขาเรื่อง Romeo + Juliet ในปี ค.ศ. 1996 บาซไม่ได้เอาแค่บทประพันธ์ของ วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) มาดัดแปลง แต่เขาได้สร้างโลกใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยสีสัน สัญลักษณ์อันหลากหลาย การสะท้อนเรื่องเพศ และแทรกมนต์เสน่ห์ของดนตรี แฟชั่น และศิลปะแบบร่วมสมัยเข้าไปด้วย

 

 

นักแสดง

    คู่พระนางของหนังเรื่องนี้ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ (Leonardo DiCaprio) และ แคลร์ เดนส์ (Claire Danes) ได้กลายเป็นอีกหนึ่งขวัญใจของยุค 90s อย่างรวดเร็ว เคมีของทั้งคู่ถือว่ากลมกล่อม และระหว่างถ่ายทำก็มีการสปาร์กเกิดขึ้น จนทั้งคู่จำใจต้องแยกจากกันหลังสั่งคัต เดิมทีบทจูเลียตต้องตกเป็นของ นาตาลี พอร์ตแมน (Natalie Portman) แต่เนื่องจากตอนนั้นเธอเพิ่งอายุ 13 ปี และด้วยเนื้อหาของหนัง จึงทำให้การเล่นคู่กับลีโอที่อยู่ในวัย 21 ปี อาจดูไม่เหมาะสม

 

https://youtu.be/lvtWalmjqRM

 

    ตัวละครบาทหลวงลอเรนซ์ ก็มีการเปลี่ยนตัวนักแสดงเช่นกัน ก่อนที่บทจะมาถึงมือ พีต พอเซิลธ์เวต (Pete Postlethwaite) บทนี้เคยเป็นของ มาร์ลอน แบรนโด (Marlon Brando) หนึ่งในนักแสดงอมตะของฮอลลีวูดจากภาพยนตร์ไตรภาค The Godfather โดยมาร์ลอนให้เหตุผลในการไม่รับงาน เพราะปัญหาภายในครอบครัว

 

 

ดนตรี

    แค่ลิสต์ชื่อศิลปินที่รวมอยู่ในอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถือว่าที่สุดของยุค 90s อาทิ The Cardigans, Garbage, Des’ree และ Radiohead โดยเฉพาะเพลง Exit Music (For a Film) ที่ใช้ในฉากจบโศกนาฏกรรม บาซได้ขอให้ Radiohead ช่วยแต่งเพลงพิเศษนี้ให้ แต่เราก็เกือบไม่ได้ยินเพลงนี้ในหนัง เพราะทางวงส่งเพลงเข้ามาช้า จนทีมภาพยนตร์ต้องเตรียมเพลงสำรองไว้ใช้แทน

 

 

แฟชั่น

    ตลอด 120 นาทีของหนังเรื่องนี้ คิม บาร์เรตต์ (Kym Barrett) คนออกแบบเครื่องแต่งกายได้รังสรรค์เสื้อผ้าที่ทุกวันนี้ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้หลายแบรนด์ เริ่มจาก Gucci หลายไอเท็มในคอลเล็กชันที่ผ่านๆ มา ผ่านการดีไซน์โดย อเลสซานโดร มิเคเล (Alessandro Michele) ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของแบรนด์ มันทำให้เรานึกถึงหนังเรื่องนี้กับกลิ่นอายความโรแมนติกแบบอิตาเลียน ส่วน Prada เราก็ยังจะเห็นสูทสีน้ำเงินสุดคลาสสิกเหมือนที่โรมิโอใส่ในฉากแต่งงาน เพราะตัวที่เห็นในหนังนั้นดีไซน์โดย มิวเซีย ปราด้า (Miuccia Prada) เช่นกัน

    แต่หากเราต้องหยิบยกแค่หนึ่งไอเท็มจากหนังที่มีบทบาทสำคัญที่สุด ก็เห็นจะเป็นเสื้อเชิ้ตลายปรินต์สีสันจัดจ้านทรงฮาวายที่โรมิโอและเพื่อนๆ ในแก๊งมอนตะคิวใส่ ซึ่งมักกลับมาได้รับความนิยมอยู่เสมอ อย่างล่าสุดคอลเล็กชันสุภาพบุรุษ Spring/Summer 2017 ของแบรนด์ Saint Laurent ก็มีเสื้อเชิ้ตเวอร์ชันชื่อ ‘Love’ ที่มาด้วยลายปรินต์ดอกไม้และงู

 

อ้างอิง:

  • www.glamourmagazine.co.uk/gallery/leonardo-dicaprio-girlfriends-dating
  • www.etonline.com/features/201731_romeo_juliet_leonardo_dicaprio_claire_danes_on_edge_of_worldwide_stardom/

The post Going 90s: ทำไม Romeo + Juliet ฉบับ บาซ เลอห์มานน์ จึงเป็นผลงานขึ้นหิ้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/culture-film-going-90s-series-romeo-and-juliet/feed/ 0