Central Embassy – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 22 Oct 2025 12:10:32 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 AMI CENTRAL EMBASSY ร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่กรุงเทพฯ https://thestandard.co/ami-central-embassy-flagship-store/ Wed, 22 Oct 2025 12:10:01 +0000 https://thestandard.co/?p=1134209 AMI CENTRAL EMBASSY ร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่ กรุงเทพฯ

Ami Paris เปิดร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ ณ ศูนย์การค้า เ […]

The post AMI CENTRAL EMBASSY ร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่กรุงเทพฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>
AMI CENTRAL EMBASSY ร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่ กรุงเทพฯ

Ami Paris เปิดร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ ณ ศูนย์การค้า เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ชั้น 1 ซึ่งสะท้อนคาแรกเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ให้ความรู้สึกถึงความ effortless แต่หรูหรา ในเวลาเดียวกัน เปี่ยมด้วยกลิ่นอายของกรุงปารีส โดยร้านถูกตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ล่าสุด ถ่ายทอดความรู้สึกเสมือนอยู่ในห้องนั่งเล่นปารีสที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของความเรียบหรูและโรแมนติก อีกทั้งยังมีหอไอเฟลจำลอง ที่ถูกตีความออกมาผ่านไอคอนิค Ami de Coeur ที่มีความสูงกว่า 4 เมตร ตั้งอยู่ที่ Central Embassy แห่งนี้เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของแบรนด์

 

นอกจากนี้ทาง AMI ยังมีโปรเจ็ค Le Café Ami ที่ได้ร่วมสร้างสรรค์ประสบการณ์ ณ Sarnies Roastery ในซอยต้นสน ที่จัดขึ้นถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน เพื่อเป็นอีกหนึ่งการเฉลิมฉลองให้กับย่านเพลินจิต ให้ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

 

AMI CENTRAL EMBASSY ร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่ กรุงเทพฯ 1 AMI CENTRAL EMBASSY ร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่ กรุงเทพฯ 2 AMI CENTRAL EMBASSY ร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่ กรุงเทพฯ 3 AMI CENTRAL EMBASSY ร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่ กรุงเทพฯ 4 AMI CENTRAL EMBASSY ร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่ กรุงเทพฯ 5 AMI CENTRAL EMBASSY ร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่ กรุงเทพฯ 6 AMI CENTRAL EMBASSY ร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่ กรุงเทพฯ 7 AMI CENTRAL EMBASSY ร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่ กรุงเทพฯ 8 AMI CENTRAL EMBASSY ร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่ กรุงเทพฯ 9

The post AMI CENTRAL EMBASSY ร้านแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ที่กรุงเทพฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bottega Veneta เปิดร้านดูเพล็กซ์แห่งแรกในประเทศไทย ณ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี https://thestandard.co/bottega-veneta-first-thai-duplex/ Thu, 25 Sep 2025 00:40:07 +0000 https://thestandard.co/?p=1122529

ก่อนที่เราจะได้เห็นผลงานคอลเล็กชันแรกของ Louise Trotter […]

The post Bottega Veneta เปิดร้านดูเพล็กซ์แห่งแรกในประเทศไทย ณ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี appeared first on THE STANDARD.

]]>

ก่อนที่เราจะได้เห็นผลงานคอลเล็กชันแรกของ Louise Trotter ที่ Bottega Veneta ในฐานะครีเอทีฟไดเรกเตอร์วันที่ 27 กันยายนนี้ ล่าสุดทางแบรนด์อิตาลีชื่อดังภายในเครือ Kering ก็ได้ฤกษ์เปิดร้านใหม่ ณ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ที่มาในรูปแบบดูเพล็กซ์แห่งแรกในประเทศไทย ด้วยพื้นที่รวม 519 ตารางเมตร

 

ความพิเศษของร้าน Bottega Veneta แห่งนี้คือได้รับแรงบันดาลใจจากแคว้นเวเนโต (VENETO) ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี ซึ่งถือเป็นเมืองที่เป็นจุดกำเนิดของแบรนด์ โดยบริเวณด้านหน้าบูติกพื้นและบันได ก็ใช้เทคนิคการปูกระเบื้องแบบเทอร์ราซโซ (TERRAZZO) ซึ่งเป็นงานปูกระเบื้องแบบดั้งเดิมที่พบได้บ่อยในพระราชวังเมืองเวนิส

 

นอกจากนี้ ร้าน Bottega Veneta ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ก็ยังเพียบพร้อมไปด้วยไอเท็มเอ็กซ์คลูซีฟ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋ารุ่น Small Lauren และ Mini Jodie ในวัสดุหนังกลับ หรือจะเป็นกระเป๋า Andiamo Clutch สี Amber เป็นต้น ส่วนใครที่ชอบเครื่องประดับก็ห้ามพลาดกับคอลเลกชัน Fine Jewelry ที่มีขายครั้งแรกในประเทศไทย ณ ร้านแห่งนี้ โดยเครื่องประดับทุกชิ้นได้รับการรังสรรค์ขึ้นด้วยมืออย่างประณีตในเมืองวิเชนซา (VICENZA) เมืองประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งทองคำ”

 

ภาพ: Bottega Veneta

The post Bottega Veneta เปิดร้านดูเพล็กซ์แห่งแรกในประเทศไทย ณ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี appeared first on THE STANDARD.

]]>
A.P.C. IN BANGKOK ร้านใหม่อย่างเป็นทางการ ณ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี https://thestandard.co/apc-in-bangkok/ Sun, 07 Sep 2025 08:00:51 +0000 https://thestandard.co/?p=1116463

A.P.C. เปิดตัวร้านใหม่อย่างเป็นทางการที่ชั้น 2 เซ็นทรัล […]

The post A.P.C. IN BANGKOK ร้านใหม่อย่างเป็นทางการ ณ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี appeared first on THE STANDARD.

]]>

A.P.C. เปิดตัวร้านใหม่อย่างเป็นทางการที่ชั้น 2 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี พร้อมนำเสนอเสื้อผ้าทั้งคอลเล็กชันผู้หญิงและผู้ชาย พร้อมแอคเซสซอรี่ครบครัน 

 

ภายในร้านถูกออกแบบโดยบริษัท Laurent Deroo Architecte ผู้เป็นพันธมิตรด้านความคิดสร้างสรรค์ที่ร่วมมือกับแบรนด์มาอย่างยาวนาน ซึ่งจะเน้นไปในด้านการจัดวางสินค้าที่จะต้องชัดเจน และมีความกลมกลืนที่สอดคล้องไปกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์ ทั้งในเรื่องเส้นสายที่เรียบหรู สัดส่วนที่แม่นยำ และโทนสีที่เรียบง่าย

 

วัสดุภายในร้านมีการใช้ไม้เชอร์รีเนื้อแข็ง เรซินสีเทาเงา หินโอนิกซ์สีฟ้าอ่อน และโทนสีบนผ้าที่ช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับพื้นที่ต่างๆ ซึ่งก็เพิ่มความมินิมัล และช่วยสร้างบรรยากาศแสนอบอุ่นให้กับลูกค้า

 

และความพิเศษของสาขานี้คือกระเป๋าประจำเมือง A.P.C. Bangkok Tote ไอเทมเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของช่วงเฉลิมฉลองการเปิดร้านใหม่จาก A.P.C. ที่จะมีการเปิดตัวกระเป๋าผ้าประจำเมือง ซึ่งประเทศไทยก็มีกับเขาแล้วด้วยเช่นกัน

 

 

ภาพ: A.P.C. Bangkok

The post A.P.C. IN BANGKOK ร้านใหม่อย่างเป็นทางการ ณ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี appeared first on THE STANDARD.

]]>
LONGCHAMP AT CENTRAL EMBASSY ร้านใหม่ขนาด 150 ตรม. พร้อมบริการแสตมป์ชื่อบนสินค้า https://thestandard.co/longchamp-at-central-embassy/ Tue, 19 Aug 2025 12:45:33 +0000 https://thestandard.co/?p=1109073 LONGCHAMP

Longchamp เปิดร้านสาขาใหม่ในกรุงเทพที่บนชั้น 1 ของศูนย์ […]

The post LONGCHAMP AT CENTRAL EMBASSY ร้านใหม่ขนาด 150 ตรม. พร้อมบริการแสตมป์ชื่อบนสินค้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
LONGCHAMP

Longchamp เปิดร้านสาขาใหม่ในกรุงเทพที่บนชั้น 1 ของศูนย์การค้า Central Embassy ด้วยพื้นที่ขนาดกว่า 150 ตารางเมตรและการตกแต่งร้านที่ผสมความเป็นไทยและปารีสเข้าด้วยกัน

 

โดยการตกแต่งร้านแห่งนี้ยังมาในดีไซน์อพาร์ตเมนต์แบบปารีสเช่นเดียวกับร้านอื่น ๆ ของแบรนด์ ผสมกับโทนสีเขียวและการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน และได้ร่วมกับศิลปินไทยอย่าง พีท-ธีรพจน์ ธีโรภาส นักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ฆิด-ตา-โขน พร้อมกับสินค้าตั้งแต่กระเป๋า และเสื้อผ้าที่จะถูกวางบนชั้นวางแบบเป็นกันเอง

 

นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกในประเทศไทยกับบริการ Hot Stamping Personalization หรือการปั้มตัวอักษาลงบนกระเป๋า โดยเฉพาะกระเป๋า Le Pliage รุ่นคลาสสิก และแอ็กเซสซอรีให้ลูกค้าได้สนุกกับการเป็นเจ้าของสินค้าในรูปแบบของตัวเอง

 

 

ภาพ: Longchamp

The post LONGCHAMP AT CENTRAL EMBASSY ร้านใหม่ขนาด 150 ตรม. พร้อมบริการแสตมป์ชื่อบนสินค้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
Hermès เผยรายได้ครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นถึง 8% รวมกว่า 3 แสนล้านบาท https://thestandard.co/hermes-half-year-2025-revenue-growth/ Wed, 30 Jul 2025 11:55:12 +0000 https://thestandard.co/?p=1101720 Hermès รายงานรายได้ครึ่งปีแรกปี 2025 เติบโต 8% จากยอดขายทั่วโลก

Hermès เปิดเผยรายได้ของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 […]

The post Hermès เผยรายได้ครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นถึง 8% รวมกว่า 3 แสนล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
Hermès รายงานรายได้ครึ่งปีแรกปี 2025 เติบโต 8% จากยอดขายทั่วโลก

Hermès เปิดเผยรายได้ของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 กับรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นถึง 8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ที่ 8 พันล้านยูโรหรือราว 3 แสนล้านบาท

 

โดยตัวเลขรวมนี้มีผลมาจากยอดขายของบริษัทในไตรมาส 2 ก็พุ่งสูงถึง 3.9 พันล้านยูโร (1.4 แสนล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ซึ่งรายงานครั้งนี้ก็ได้ระบุภูมิภาคที่มาแรงที่สุดได้แก่ประเทศญี่ปุ่น กับยอดขายที่เพิ่มขึ้น 16% ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีตัวเลขเพิ่มมากที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย ที่มีการเติบโตอยู่ที่ 3% ในไตรมาส 2 ส่วนทวีปยุโรปที่ไม่รวมฝรั่งเศสมีการเติบโตอยู่ที่ 13% ตามด้วยอเมริกาอยู่ที่ 12% ซึ่งมากกว่าประเทศฝรั่งเศสเพียง 3% และสำหรับภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงตะวันออกกลางก็มีการเติบโตโดยรวมที่ 17%

 

ซึ่งการเติบโตครั้งนี้ เป็นผลมาจากร้านค้าเปิดใหม่ พร้อมกับอีเวนต์ที่แบรนด์ได้จัดขึ้น อย่างเช่นการกลับมาเปิดร้าน Hermès ในห้างสรรพสินค้า Central Embassy ในเดือนมกราคมที่ใหญ่ขึ้น หรืออีเวนต์ Hermès in the Making ในเซินเจิ้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

 

และเมื่อแยกยอดขายตามหมวดหมู่ของประเภทสินค้าและบริการ หมวดหมู่เครื่องหนังมีการเติบโตสูงสุดที่ 12% โดยส่วนใหญ่มาจากความสนใจในคอลเล็กชันกระเป๋าใหม่ อย่างกระเป๋า Faubourg Express, P’tit Arçon, Médor และ Bolide Messenger

 

ตามมาด้วยหมวดหมู่กลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของแบรนด์ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องประดับและของใช้ในบ้าน กับยอดขายที่เพิ่มขึ้นที่ 10% โดยคอลเล็กชันเครื่องใช้ในบ้านที่เปิดตัวในงาน Salone del Mobile เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมาก็เป็นส่วนหนึ่งในตัวเลขครั้งนี้ ส่วนกลุ่มเสื้อผ้าเรดี้ทูแวร์และเครื่องประดับเพิ่มขึ้น 6% ตามด้วยกลุ่มผ้าไหมและสิ่งทอที่เติบโต 4%

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีกลุ่มสินค้าที่มียอดขายที่ลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สองของปีที่แล้ว จากกลุ่มน้ำหอมและสินค้าบิวตี้ที่ลดลง 4% และกลุ่มนาฬิกาที่ 8%

 

จากการรายงานครั้งนี้ Hermès ก็ถือเป็นบริษัทเดียวที่มีผลการขายในเชิงบวกภายในตลาดสินค้าลักซ์ชัวรี ซึ่งในปีนี้เอง Hermes ก็ได้นำเสนอส่วนแรกของคอลเลกชัน Fall/Winter 2025 สำหรับผู้หญิงในเดือนมีนาคมในงาน Paris Fashion Week ตามด้วยส่วนที่สองในเดือนมิถุนายนที่เซี่ยงไฮ้ รวมถึงการแสดงคอลเล็กชัน Summer 2026 สำหรับผู้ชายที่ปารีสในเดือนเดียวกัน

 

นอกจากนี้ แบรนด์ยังประกาศเมื่อต้นปีนี้ ถึงความตั้งใจในการเข้าร่วม Paris Haute Couture Week ภายในปี 2027 อีกด้วย

 

ภาพ: CFOTO/Future Publishing via Getty Images

อ้างอิง: 

The post Hermès เผยรายได้ครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นถึง 8% รวมกว่า 3 แสนล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
VERSACE CENTRAL EMBASSY แฟล็กชิปสโตร์โฉมใหม่บนพื้นที่กว่า 321 ตารางเมตร https://thestandard.co/versace-central-embassy/ Fri, 11 Jul 2025 10:56:44 +0000 https://thestandard.co/?p=1095532

Versace เปิดประตูต้อนรับสู่แฟล็กชิปสโตร์โฉมใหม่ ณ ห้างส […]

The post VERSACE CENTRAL EMBASSY แฟล็กชิปสโตร์โฉมใหม่บนพื้นที่กว่า 321 ตารางเมตร appeared first on THE STANDARD.

]]>

Versace เปิดประตูต้อนรับสู่แฟล็กชิปสโตร์โฉมใหม่ ณ ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล เอ็มบาสซี (Central Embassy) โดยพื้นที่ร้านได้รับการออกแบบให้เปรียบเสมือนสถานที่แห่งวัฒนธรรมและบทสนทนา สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของ Versace ที่กล้าท้าทาย และเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์บนพื้นที่กว่า 321 ตารางเมตร

 

แฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากความหรูหราและความเป็นส่วนตัวของคฤหาสน์ใจกลางเมืองมิลาน ถ่ายทอดสุนทรียภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของ Versace อย่างชัดเจน ผ่านการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างศิลปะแบบคลาสสิกและความทันสมัย เช่น การตกแต่งด้วยโลหะสีทอง ผ้าไหมลายพิเศษ และผนังหินอ่อนโมเสกที่รังสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะ สะท้อนถึงความงามเหนือกาลเวลาในแบบตำนานเทพเจ้ากรีก ซึ่งเป็นหัวใจของแบรนด์

 

พื้นที่ใหม่แห่งนี้นำเสนอคอลเลกชั่นแฟชั่นหรูจากอิตาลีในแบบฉบับของ Versace อย่างครบถ้วน ทั้งเสื้อผ้า Ready-to-wear สำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เครื่องหนังขนาดเล็ก จิวเวลรี กระเป๋า รวมถึงเครื่องประดับอื่นๆ ที่ล้วนถ่ายทอดสไตล์อันโดดเด่นเพื่อส่งเสริมการแสดงออกอย่างมั่นใจ

 

 

ภาพ: Versace

The post VERSACE CENTRAL EMBASSY แฟล็กชิปสโตร์โฉมใหม่บนพื้นที่กว่า 321 ตารางเมตร appeared first on THE STANDARD.

]]>
BALMAIN HAIR เปิด Pop-up Store หรูใจกลางกรุง ได้แรงบันดาลใจจาก 44 Rue de François Premier https://thestandard.co/balmain-hair-pop-up-store-central-embassy/ Sat, 31 May 2025 06:05:16 +0000 https://thestandard.co/?p=1080629

แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับโลก BALMAIN HAIR เปิดตัว […]

The post BALMAIN HAIR เปิด Pop-up Store หรูใจกลางกรุง ได้แรงบันดาลใจจาก 44 Rue de François Premier appeared first on THE STANDARD.

]]>

แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับโลก BALMAIN HAIR เปิดตัว Pop-up Store สุดหรูที่เซ็นทรัลเอ็มบาสซี ความน่าสนใจคือการออกแบบสโตร์ได้รับแรงบันดาลใจจาก 44 Rue de François Premier อาคารสไตล์ปารีเซียงที่เป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ BALMAIN เพื่อสะท้อนความหรูหราแบบฝรั่งเศสในใจกลางกรุงเทพฯ

 

เมื่อแวะภายในสโตร์ เราจะได้พบกับการจัดแสดงไอเท็มปังๆ แบบครบไลน์ ทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลผม อุปกรณ์จัดแต่งทรงผม และแอ็กเซสซอรีแบบมีให้เลือกจุใจ พร้อมกันนี้ยังมีการเปิดตัวคอลเล็กชันพิเศษ Muse du Printemps ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฤดูใบไม้ผลิเป็นครั้งแรกในประเทศไทยอีกด้วย 

 

คอลเล็กชันดังกล่าวประกอบด้วยเครื่องประดับผมลิมิเต็ดเอดิชัน 4 ชิ้น ได้แก่ Printemps Floral Ponytail Clip, Printemps Leaf Barrette Pour Cheveux, Printemps Leaf Slide และ Printemps Leather Snap Hair Clip นอกจากการจำหน่ายสินค้าแล้ว Pop-up Store ยังจัดกิจกรรมพิเศษหลายรูปแบบ อาทิ Glam Station ที่ให้บริการจัดแต่งทรงผมโดยช่างผู้เชี่ยวชาญทุกวันศุกร์-เสาร์ตลอดเดือนมิถุนายน และกิจกรรมแจกของที่ระลึกสำหรับลูกค้าที่เข้าร่วม

 

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชม BALMAIN HAIR Pop-up Store ได้ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น 2 ระหว่างวันที่ 19 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2568 หรือซื้อสินค้าได้ที่สาขาคิง เพาเวอร์หลายแห่ง รวมถึงช่องทางออนไลน์ต่างๆ 

The post BALMAIN HAIR เปิด Pop-up Store หรูใจกลางกรุง ได้แรงบันดาลใจจาก 44 Rue de François Premier appeared first on THE STANDARD.

]]>
แวะคุยกับ Tom Dixon ในรอบ 13 ปี จากแรงบันดาลใจช่วงโควิดสู่ Groove คอลเล็กชันกลางแจ้งตัวแรก https://thestandard.co/life/tom-dixon-interview-groove-outdoor-collection-bangkok/ Sun, 09 Mar 2025 12:44:42 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1050227 Tom Dixon ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอังกฤษเปิดตัวคอลเล็กชัน Groove เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี

เป็นเวลากว่า 13 ปีที่เราได้เห็นผลงานของดีไซเนอร์ชื่อดัง […]

The post แวะคุยกับ Tom Dixon ในรอบ 13 ปี จากแรงบันดาลใจช่วงโควิดสู่ Groove คอลเล็กชันกลางแจ้งตัวแรก appeared first on THE STANDARD.

]]>
Tom Dixon ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอังกฤษเปิดตัวคอลเล็กชัน Groove เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี

เป็นเวลากว่า 13 ปีที่เราได้เห็นผลงานของดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง Tom Dixon วางจำหน่ายที่ร้าน MOTIF แต่ไม่เคยได้เจอตัวจริงของเขาในเมืองไทยสักที จนล่าสุด Tom Dixon ได้เดินทางมาเยือนกรุงเทพฯ ในฐานะจุดแรกของงาน ‘Tom Dixon’s 48 Hours in Bangkok’ ทัวร์เอเชียที่จะพาเขาไปเยือน 5 ประเทศ ใน 9 วัน ทั้งไทย ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ 

 

วันนี้เราเลยได้พบกับเขาที่ Tom Dixon Experience แห่งใหม่ในเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ซึ่งนับเป็นแห่งที่ 2 ในทวีปเอเชีย 

 

ครั้งนี้นอกจากเราจะได้คุยกับเขาเรื่องอีเวนต์ที่เกิดขึ้นแล้ว เรายังถามถึงคอลเล็กชันเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งอย่าง Groove ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2024 ซึ่งเขาใช้เวลาพัฒนายาวนานถึง 10 ปี

 

บทสนทนาครั้งนี้จะพาเราไปค้นพบแนวคิด Expressive Minimalism ที่ซ่อนอยู่ในคอลเล็กชัน Groove ความท้าทายในการออกแบบที่ใช้เวลาถึง 10 ปี และเหตุใดดีไซเนอร์ชื่อดังถึงมองข้ามเมืองแฟชั่นอย่างมิลานและลอนดอน เพื่อเลือกเปิดตัวในเมืองร้อนๆ อย่างกรุงเทพฯ 

 

ช่วยเล่าให้ฟังถึงงาน Tom Dixon’s 48 Hours in Bangkok หน่อยว่ามันคืออะไร

 

Tom Dixon: ไอเดียคือผมมีแผนเดินทางไปทั่วเอเชีย อย่างเช่น พรุ่งนี้เราจะอยู่ที่ไต้หวัน เราเลยอยากจัดงานที่มีรูปแบบคล้ายกันในหลายๆ ที่ เลยเป็นที่มาของงานนี้ หรือเช่น เมื่อคืนเรามีงานเลี้ยงดื่มสำหรับเพื่อนและอินฟลูเอ็นเซอร์ วันนี้เป็นการสัมภาษณ์สื่อ ช่วงเย็นจะมีทอล์กในโรงภาพยนตร์ที่มีนักออกแบบภายใน สถาปนิก และลูกค้า VIP จากนั้นก็จะมีปาร์ตี้กันต่อ เราอยากให้งานนี้มันพิเศษมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายในระยะเวลาสองวันก่อนเดินทางไปไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น และสิงคโปร์

 

แล้วทำไมคุณถึงเลือกกรุงเทพฯ เป็นสถานที่แรกของอีเวนต์นี้ในเอเชีย

 

Tom Dixon: อันนี้ต้องถามคริสเตียน เขาเป็นผู้จัดการของเราในเอเชีย เขาเข้าใจเรื่องนี้ดีกว่าผม (ยิ้ม) ผมคิดว่ามีปัจจัย ทั้งเรื่องเส้นทางการเดินทาง จังหวะเวลา และใครพร้อมที่จะโชว์ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของเรา ซึ่งผมต้องบอกว่าทาง MOTIF มีความกระตือรือร้นมากที่สุดอย่างเห็นได้ชัด

 

 

ล่าสุด MOTIF เปิด Tom Dixon Experience ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ด้วย มันต่างจากปกติอย่างไร

 

Tom Dixon: ตอนนี้ทุกแบรนด์พยายามสร้างพื้นที่เล็กๆ ของตัวเองที่สามารถสร้างจักรวาลของแบรนด์ สำหรับเรามันง่ายกว่าแบรนด์อื่นๆ เพราะเรามีสไตล์ที่คนจดจำได้ง่าย พื้นที่แห่งนี้เป็นเหมือนชุดส่วนประกอบเลโก้ที่ยืดหยุ่น ทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงสินค้าได้บ่อย เพราะเรามีแนวคิดใหม่ๆ ตลอดเวลา มันเลยเป็นเรื่องสำคัญที่ร้านจะต้องยืดหยุ่นมากพอสำหรับการปรับเปลี่ยนสินค้า เราตั้งใจทำให้มันเป็นโมดูลาร์ เพื่อให้เราสามารถปรับและพัฒนาพื้นที่ได้บ่อยๆ เพราะคนเราเบื่อเร็วมาก รวมถึงตัวผมเองด้วย แถมเรายังมีสินค้าที่หลากหลาย ทั้งเฟอร์นิเจอร์ โคมไฟ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่พร้อมจัดวาง

 

Tom Dixon ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอังกฤษเปิดตัวคอลเล็กชัน Groove เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี

 Tom Dixon Experience

 

และที่นี่ยังมี Groove เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งคอลเล็กชันแรกของแบรนด์ วางโชว์ด้วย ซึ่งเรากำลังนั่งมองมันอยู่เลย ช่วยเล่าให้ฟังถึงคอลเล็กชันนี้หน่อย 

 

Tom Dixon: เรื่องยาวมาก ผมเริ่มจากงานโลหะ เก้าอี้โลหะคือจุดเริ่มต้นของผมก่อนที่จะพัฒนาเป็นสินค้าอื่นๆ อาทิ โคมไฟ แต่ตอนนี้ผมได้กลับมาทำงานโลหะอีกครั้ง เพราะช่วงโควิดทำให้ร้านอาหารทั้งหมดย้ายโต๊ะออกไปข้างนอก ผมเลยได้ไอเดียเรื่องการดีไซน์ที่มีความยืดหยุ่นและการย้ายสิ่งต่างๆ ออกไปข้างนอก ผมอยากให้เรามีเฟอร์นิเจอร์ที่ตอบโจทย์สิ่งนั้น ผมคิดว่าการออกแบบจะน่าสนใจยิ่งขึ้นเมื่อคนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หรือเมื่อเทคโนโลยีเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง

 

ผมพยายามทำเฟอร์นิเจอร์โลหะมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ผมได้เรียนรู้วิธีเสริมความแข็งแรงให้กับโลหะที่บางมากๆ โดยใช้ร่องและลอน และสุดท้ายผมปรับแต่งดีไซน์เพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถผลิตสินค้าเหล่านี้ได้ในราคาที่เหมาะสม สิ่งที่ยากจึงไม่ใช่การออกแบบ แต่เป็นการนำบางสิ่งบางอย่างเข้าสู่การผลิตที่ยังคงรักษาแนวคิดแบบดั้งเดิมไว้ ในขณะที่ราคายังจับต้องได้และใช้งานได้จริง

 

 

คุณใช้เวลาถึง 10 ปีในการสร้างคอลเล็กชันนี้ อยากรู้ว่าอะไรคืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด

 

Tom Dixon: อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดคือการทำให้ราคาเหมาะสำหรับคนที่ซื้อหลายๆ ชิ้น ผมอยากเห็นมันในคาเฟ่ ร้านอาหาร ลานเบียร์ และในที่อยู่อาศัย การทำสิ่งที่ดูน่าทึ่งบนปกนิตยสารแต่ไม่มีใครซื้อเป็นเรื่องง่าย ความยากคือการทำให้สิ่งนั้นน่าสนใจและขายได้ การหาจุดสมดุลนี้ค่อนข้างยาก 

 

บางครั้งคนคิดว่าเฟอร์นิเจอร์ภายนอกควรมีราคาที่ถูกกว่าภายในอาคาร แต่ความจริงคือภายนอกมีสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายกว่า นอกจากนี้อะลูมิเนียมยังแตกต่างจากเหล็ก มันเลยเป็นความท้าทายที่ต่างจากงานชิ้นก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง

 

แต่เราจะยังคงเห็นลายเซ็นของ Tom Dixon ในคอลเล็กชัน Groove บ้างไหม

 

Tom Dixon: มันมีสิ่งที่ผมเรียกว่า Expressive Minimalism (ความเรียบง่ายที่แสดงออก) ผมไม่ใส่การตกแต่งอะไรเพิ่มเติม ถ้าคุณดูงานของ Dolce & Gabbana จะเห็นว่ามีรายละเอียดตกแต่งบนพื้นผิวมากมาย แต่ผมชอบให้วัสดุโดดเด่นและให้โครงสร้างเป็นตัวตกแต่ง คุณจะเห็นรูปทรงที่ไม่ซับซ้อนและมอบฟังก์ชันไปพร้อมๆ กัน ผมพยายามทำให้สิ่งต่างๆ ให้เรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

Groove 

 

ทำไมคุณถึงเลือกใช้สี Moss และ Putty สำหรับคอลเล็กชันนี้

 

Tom Dixon: เราคุยกันหนักเรื่องสี เพราะคนเรามักจะมีอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับสี เมื่อทำเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง ผมคิดว่ามันควรมีสีหนึ่งที่กลมกลืนกับธรรมชาติ และอีกสีหนึ่งที่กลมกลืนกับพื้นที่กลางแจ้งในเมือง

 

สี Moss มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นสีที่กลมกลืนกับหญ้าและต้นไม้ สีเขียวอ่อนนี้ใช้งานได้ดีมากกับพื้นที่นอกอาคารทั้งในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ส่วนสี Putty เหมาะกับคอนกรีตมากกว่า เช่น คาเฟ่ในพิพิธภัณฑ์ ลานกว้าง หรือระเบียง ผมต้องการหนึ่งสีสำหรับเมืองและอีกหนึ่งสีสำหรับธรรมชาติ

 

ในอนาคตผมอยากทำอะลูมิเนียมสีธรรมชาติ เพราะมันสวยมากเมื่อเป็นโลหะล้วนๆ และเราจะมีสีเข้มออกมาด้วย ซึ่งยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นสีอะไร

 

Tom Dixon ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอังกฤษเปิดตัวคอลเล็กชัน Groove เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี

 

ตื่นเต้นไหมกับการเปิดตัวคอลเล็กชัน Groove ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทย

 

Tom Dixon: ผมคิดมาตลอดว่าแทนที่จะเปิดตัวในลอนดอนช่วงเดือนกันยายนหรือในมิลานเดือนเมษายน มันจะดีกว่าถ้าเราจะเปิดตัวในเมืองร้อนและไม่ใช่ศูนย์กลางการออกแบบ ดังนั้นเราจึงเปิดตัวในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และคาซาบลังกาในโมร็อกโก หลังจากนี้เราจะไปลอสแอนเจลิสด้วย ผมว่าการเปิดตัวในเมืองที่ร้อนตลอดเวลาเป็นวิธีที่ดีกว่าในการทำคอลเล็กชันนี้

 

 

คุณมีแผนจะร่วมงานกับนักออกแบบจากเมืองไทยบ้างไหม

 

Tom Dixon: สิ่งที่น่าสนใจของเมืองไทยคือมีวัฒนธรรมด้านงานคราฟต์ที่เข้มแข็งมาก ผมสนใจที่จะทำงานร่วมกับช่างฝีมือมากกว่านักออกแบบ เช่น เซรามิกหรือสิ่งทอ ฯลฯ มันเป็นทักษะที่กำลังจะหายไปอย่างรวดเร็วในโลกสมัยใหม่ และเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องอนุรักษ์เอาไว้ ดังนั้นแนวคิดในการทำงานกับช่างฝีมือไทยเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากสำหรับผมในฐานะนักออกแบบ

 

 

ภาพ: MOTIF

The post แวะคุยกับ Tom Dixon ในรอบ 13 ปี จากแรงบันดาลใจช่วงโควิดสู่ Groove คอลเล็กชันกลางแจ้งตัวแรก appeared first on THE STANDARD.

]]>
BLANCPAIN AT CENTRAL EMBASSY บูติกป๊อปอัพแห่งแรกขนาด 120 ตารางเมตร https://thestandard.co/blancpain-popup-boutique-central-embassy/ Tue, 18 Feb 2025 12:15:53 +0000 https://thestandard.co/?p=1043460 Blancpain บูติกป๊อปอัพที่ Central Embassy ตกแต่งสไตล์สวิส พร้อมคอลเล็กชันนาฬิกาหรูและรุ่นลิมิเต็ด

แบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์อย่าง Blancpain เปิดร้านบู […]

The post BLANCPAIN AT CENTRAL EMBASSY บูติกป๊อปอัพแห่งแรกขนาด 120 ตารางเมตร appeared first on THE STANDARD.

]]>
Blancpain บูติกป๊อปอัพที่ Central Embassy ตกแต่งสไตล์สวิส พร้อมคอลเล็กชันนาฬิกาหรูและรุ่นลิมิเต็ด

แบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์อย่าง Blancpain เปิดร้านบูติกแบบป๊อปอัพแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่บริเวณชั้น 1 ของศูนย์การค้า Central Embassy

 

โดยร้านขนาด 120 ตารางเมตรแห่งนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากห้องเวิร์กช็อปผลิตเรือนเวลาที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา Vallée de Joux ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กับบรรยากาศเหมือนห้องรับแขกที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เชอร์รีสีน้ำตาลและวัสดุโครงสร้างเหล็กขัดเงา

 

ซึ่งแน่นอนว่าภายในพื้นที่นี้นอกจากจะมีคอลเล็กชันไอคอนิกทั้งสี่อย่าง Villeret, Fifty Fathoms, Ladybird และ Air Command แล้วยังมีนาฬิการุ่นพิเศษแบบลิมิเต็ดอื่นๆ ให้ลูกค้าลองและเลือกชม ทั้ง Carrousel Phases de Lune ที่มีเพียง 88 เรือนในโลก, Calendrier Chinois Traditionnel 2025 ฉลองตรุษจีน และ Ladybird Colors Saint-Valentin 2025 ที่ผลิตขึ้นมาเพียง 14 เรือนเท่านั้น

 

ร้านแห่งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Blancpain เคยมาเปิดร้านป๊อปอัพแบบชั่วคราวเมื่อปลายปี 2023 ซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงพื้นที่ขนาดย่อมที่ไม่ได้มีพื้นที่ส่วนตัวมากนัก เพื่อจัดแสดงนาฬิการุ่นหลักจาก 4 คอลเล็กชัน

 

Blancpain บูติกป๊อปอัพที่ Central Embassy ตกแต่งสไตล์สวิส พร้อมคอลเล็กชันนาฬิกาหรูและรุ่นลิมิเต็ด

 

ภาพ: Blancpain

The post BLANCPAIN AT CENTRAL EMBASSY บูติกป๊อปอัพแห่งแรกขนาด 120 ตารางเมตร appeared first on THE STANDARD.

]]>
สัมภาษณ์พิเศษ โอ ธีรวัฒน์ เกี่ยวกับการออกแบบ Window Display ใหม่ของ Hermès ที่ Central Embassy https://thestandard.co/hermes-display-terawat/ Tue, 11 Feb 2025 02:00:17 +0000 https://thestandard.co/?p=1040512 hermes-display-terawat

ไม่ว่าคุณจะเดินผ่านร้าน Hermès ที่ปารีส, นิวยอร์ก, โซล, […]

The post สัมภาษณ์พิเศษ โอ ธีรวัฒน์ เกี่ยวกับการออกแบบ Window Display ใหม่ของ Hermès ที่ Central Embassy appeared first on THE STANDARD.

]]>
hermes-display-terawat

ไม่ว่าคุณจะเดินผ่านร้าน Hermès ที่ปารีส, นิวยอร์ก, โซล, โตเกียว หรือกรุงเทพฯ สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือทุกร้านจะมี Window Display ที่ถูกรังสรรค์แตกต่างกัน กับงานฝีมือขั้นเทพและสะท้อนความเหนือจินตนาการด้านกรอบความคิดสร้างสรรค์ โดยล่าสุดกับร้าน Hermès ณ ห้าง Central Embassy ที่ถูกขยายและต่อเติมใหม่ก็มีไฮไลต์อยู่ที่ Window Display เช่นกัน ซึ่งทางแบรนด์ก็ได้ Commission ให้ศิลปินชาวไทยอย่าง โอ-ธีรวัฒน์ เฑียรฆประสิทธิ์ มาออกแบบอีกครั้งหลังร่วมงานกันมาหลายปี

 

อะไรคือแรงบันดาลใจ กระบวนการคิด และแง่มุมด้านความยั่งยืนของ โอ-ธีรวัฒน์ เฑียรฆประสิทธิ์ ในการดีไซน์สอง Window Display ของร้าน Hermès ที่ Central Embassy ทาง THE STANDARD POP ได้ไปสัมภาษณ์ พร้อมถามเรื่องมุมมองต่อการเป็นศิลปินในยุคนี้ และความฝันว่าในอนาคตอยากทำงานกับ Hermès ถึงขั้นไหน

 

โอ-ธีรวัฒน์ เฑียรฆประสิทธิ์

โอ-ธีรวัฒน์ เฑียรฆประสิทธิ์

 

อยากให้เล่าถึงแรงบันดาลใจกับการดีไซน์ Window Display ใหม่ของ Hermès ที่ Central Embassy

 

โอ ธีรวัฒน์: มันเริ่มมาจาก Theme of the Year ที่ต้องเกี่ยวข้องกับการวาด ซึ่งเอาจริงๆ อย่างแรกที่ผมประทับใจเกี่ยวกับ Hermès มาจากผ้าพันคอ เพราะผมเป็นนักวาดภาพประกอบ ดังนั้นเลยหลงใหลกับการวาด แล้วปรากฏว่าผ้าพันคอ Hermès ที่เคยเห็นมามันสวยจับใจมาตลอด เราดูผ้าพันคอ Hermès มานานมากแล้ว เนื่องจากธีมมันเกี่ยวข้องกับการวาด เลยรู้สึกการวาดที่อิมแพ็กต์มากที่สุดของ Hermès คือด้านผ้าพันคอ จึงเอาผ้าพันคอผืนที่เราเห็นครั้งแรกแล้วชอบเลย มันคือผ้าพันคอ Mon Petit Cheval Mexicain ซึ่งจริงใจมากเลย เป็นม้าที่ใส่อานม้าสไตล์เม็กซิกัน แล้วยืนอยู่ตัวเดียวเลย กรอบภาพก็เป็นสี Solid ธรรมดา รู้สึกว่ามันงดงามและซื่อสัตย์มากๆ  ดูเป็น Hermès ได้แบบหมดจด ทุกอย่างถูกที่ถูกใจไปหมดเลย ก็เลยมีภาพนั้นติดในหัวมาโดยตลอด รู้สึกว่าชอบผ้าพันคอผืนนั้นมาก จนพอมารู้ธีมในการทำ Window เราเลยดึงความประทับใจแรกที่เห็นผ้าพันคอผืนนั้นมาตีความเป็น Window Display มันจะต้องธีมของการวาดมาด้วย ผ้าพันคอพอถูกมาทำเป็น Window Display เราก็ใส่กิมมิกของการวาด การปาดสี ที่ทำให้รู้สึกว่าผ้าพันคอนี้มีการเคลื่อนไหวอยู่ในนั้นตลอดเวลา 

 

ส่วนอีก Window Display หนึ่งเลือกใช้เป็นลายอะไร และ Process เป็นอย่างไรบ้าง

 

โอ ธีรวัฒน์: หลังจากผ้าผืนแรกได้รับการ Approve ไปแล้ว เราก็ต้องไปหาว่าอีก Window Display หนึ่งควรจะต้องเป็นผ้าพันคอผืนไหน ซึ่งเราก็คิดถึงผ้าพันคอรุ่น Brides de Gala ที่เรามีความข้องใจเสมอมาว่าคือลายอะไร ซึ่งมันคือบังเหียน (Bridle) ความยากคือทั้งสอง Window อันหนึ่งเป็นม้าตัวเดียว อีก Window หนึ่งเป็นเหมือนเลย์เอาต์ที่มีบังเหียนครอบม้าสองอันวางคู่กัน เราจะทำเป็นสามมิติอย่างไร ก็ต้องมีการ Develop รูปด้านในเพื่อให้ Depth มันมีความแมตชิ่งกับความกว้างของตู้ Window มี Depth ที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องนึกถึงว่าเราจะ Install โปรดักต์อย่างไรให้ดูโอเค ถูกเชิดชูในแบบที่ควรจะเป็น ควรจะกลมกลืนกับ Window 

 

พอได้แบบปุ๊บ ก็มีการพัฒนาวัสดุที่เรารู้สึกว่าขั้นตอนนี้ใช้เวลานานที่สุด เรามีวัสดุในใจแล้ว แต่เป็นลักษณะที่คิดแบบคนที่วาดภาพ ซึ่งจะคิดว่าตรงขอบอยากให้เป็นปาดสี ตรงขอบอีกฝั่งหนึ่งอยากให้เป็นซี่ๆ เพราะว่าเราอยากได้ฟีลลิ่งของงานคราฟต์ที่เป็นงานท้องถิ่นลงไปใน Window นี้ โดยเราก็ต้องออกไปเฟ้นหาวัสดุเองตามสิ่งที่คิดออก ซึ่งจริงๆ ใกล้ตัวมากเลย เราออกไปก็เจอด้วยความบังเอิญ หรือจะเป็นโชคชะตาไม่รู้ รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันใช่ก็เลยเอามา

 

หลังจากนั้นเราก็ต้องเวิร์กกับทีม Production ให้เขาพัฒนา ซึ่งเราว่า Process นี้นาน เพราะว่าทั้งเราและทีม Production ยังไม่คุ้นเคยกับวัสดุเหล่านี้ ก็ต้องพัฒนาตรงนี้ แล้วก็มีการตรวจเช็กระหว่างทางไปเรื่อยๆ จน Window ออกมาเสร็จเรียบร้อย

 

Window Display ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผ้าพันคอ Mon Petit Cheval Mexicain

Window Display ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผ้าพันคอ Mon Petit Cheval Mexicain

Window Display ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผ้าพันคอ Mon Petit Cheval Mexicain

 

แล้วมีวัสดุไหนของ Window Display ที่เน้นเรื่องความยั่งยืนไหม

 

โอ ธีรวัฒน์: จริงๆ พาร์ตหนึ่งที่ใช้เป็นหลักเลยก็คือการนำหนังจริงๆ ของ Hermès ที่นอกเหนือจากการผลิตสินค้าเอามาใช้ตกแต่ง Window ซึ่งถือว่าเป็นพาร์ตใหญ่ของ Window รอบนี้เลย Hermès เองก็มีสีหนังจาก Petit H ให้เลือกใช้ และสีมันก็ตรงกับมู้ด Window ที่เลือกไว้อยู่แล้ว ก็เลยคุยกับทีมไทยแลนด์เลยว่าสเปกในพาร์ตนี้ขอเป็นหนัง เพราะว่าเราจะได้มีการนำสิ่งนั้นมาใช้ซ้ำได้ และบางพาร์ตของ Window จะมีฟีลลิ่งดูเป็นกระดาษ​ ส่วนพวกวัสดุท้องถิ่นอย่างไม้ไผ่หรือลูกปัดไม้เราก็ใช้ แต่จะพยายามหลีกเลี่ยงอะไรที่ดูเป็น Chemical มากๆ

 

อีกวัสดุก็คือใยสับปะรดที่เราเอามาทำเป็นหางม้า เป็นวัสดุท้องถิ่นที่มาจากการรีไซเคิล โดยนำใยสับปะรดมาตีกันจนเป็นเส้นใยไฟเบอร์ แล้วก็ทำเป็นรูปทรงของหางม้าและแผงคอ ส่วนเรื่องความยั่งยืนฝั่งคน เราก็ใช้ช่างฝีมือท้องถิ่นทั้งหมด เราไม่ได้มีการให้ศิลปินจากเมืองนอกมาที่ไทยเลย

 

ทุกครั้งที่ดีไซน์ Window มีกระบวนความคิดอะไร หรือสิ่งที่คนเห็นแล้วทราบว่าคุณโอคือผู้ออกแบบ Window นี้ 

 

โอ ธีรวัฒน์: ผมเอา Theme of the Year เป็นหลักก่อน แล้วค่อยๆ หาทางปรับแบบให้มันเข้ากับแบรนด์ ซึ่งผมจะแอด Element ที่ตัวผมเองรู้สึกว่าเป็น Hermès และ Hermès ก็จะคิดแบบนี้แน่เลย เขาน่าจะใช้ Element นี้แน่ๆ แต่ผมพยายามไม่ลืมซิกเนเจอร์ของตัวเอง เนื่องจากผมเป็น Illustrator ที่ใส่ใจเรื่อง Silhouette ของ Window Composition กับ Silhouette ของแต่ละ Object มันต้องมาเป็นอย่างที่ผมคิด ผมคิดว่าภาพจำมันน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Composition, Silhouette แล้วก็ภาพรวมของ Window ที่ต้องแตกต่างกัน แล้วธีมถูกแตกเป็น Direction อีก ด้วยความที่มันต้องเปลี่ยนทั้ง Material และ Style เนื่องจากเข้าใจว่าแบรนด์ไม่อยากให้ Window ดูซ้ำกันทั้งปี ผมก็พยายามคีพซิกเนเจอร์ตัวเองลงไปใน Direction ที่มันแตกต่างกัน 

 

รู้สึกอย่างไรที่ Hermès เน้นการทำ Window แบบ Craftsmanship แทนที่จะเป็นพวกจอ LED หรือนางแบบใส่หุ่นเหมือนแบรนด์อื่นๆ

โอ ธีรวัฒน์: ในฐานะของคนออกแบบ Window เราว่า Window ของ Hermès สะท้อนกับสิ่งที่ Hermès เป็น สินค้าเขาเหมือน Craftsmanship ทำมือแทบจะทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้นมันก็เหมาะสำหรับผมที่ Window เราจะเป็นคราฟต์เลเวลนี้ มันก็รีเลตกับความคราฟต์ของโปรดักต์​ รู้สึกว่าสิ่งที่เป็นดิจิทัลมากๆ มันก็ค่อนข้างจะเป็นอีกแบบหนึ่ง เราก็รู้สึกว่าความ Manual ความทำมือ ความงานฝีมือ แล้วก็การเคลื่อนไหวแบบ Kinetic ที่ไม่ใช่การใช้จอมันดูเป็น Hermès มากที่สุด

 

Window Display ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผ้าพันคอรุ่น Brides de Gala

Window Display ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผ้าพันคอรุ่น Brides de Gala

Window Display ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผ้าพันคอรุ่น Brides de Gala

 

ในฐานะศิลปินคนหนึ่งที่ใช้งานฝีมือเล่าเรื่อง รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับบทบาท AI

 

โอ ธีรวัฒน์: จริงๆ สิ่งนี้ถ้านอกเหนือจากงาน Hermès มันก็ Effect กับความรู้สึกของเราด้วยนะ ในฐานะของคนวาดรูปคนหนึ่ง ในฐานะคนทำ Window ก็อีกความคิดหนึ่ง เรามองว่าสำหรับเรา ถ้าเราวัดจากตัวเอง เราคิดว่าภาพศิลปินส่งถึงศิลปิน มันดูกันออกว่าสิ่งนี้มีความตั้งใจขนาดไหน เพราะฉะนั้นเรารู้สึกว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ AI ส่งไม่ถึงเรา และเราก็มั่นใจว่าศิลปินด้วยกันเองก็ดูออกว่าสิ่งนี้ AI ครีเอตขึ้นมา สิ่งนี้คนทำขึ้นมา พอถึงในระดับหนึ่งเราอาจจะต้องแคร์สายตาศิลปินด้วยกันมากกว่า

 

แล้วความทรงจำแรกของคุณกับแบรนด์ Hermès คืออะไร?

 

โอ ธีรวัฒน์: ก็กลับไปที่คำถามแรกเลยที่คุยกันเลยว่า เราจำได้เลยว่าเรายังไม่รู้จักแบรนด์เลย เรายังไม่ได้สนใจ Branding อะไรเลย แต่เราก็ไปเกาะ Window เพื่อดูผ้าพันคอผืนหนึ่ง เราจำไม่ได้ด้วยว่าปีไหน มันตั้งแต่ตอนเรายังเรียนอยู่เลย เรารู้สึกว่าโห สวยมาก Hermès เหมือนเปิดโลกของภาพวาดที่ไปปรากฏตรงผ้าพันคอให้เรา หลังจากนั้นพอเรารู้ว่ามันคือ Hermès เราก็ติดตามมาเรื่อยๆ เราเลยเป็นคนที่ส่องดูผ้าพันคอของเขาตลอดมา นั่นละครับ ความทรงจำแรกคืออันนี้

 

จำได้ไหมว่าเป็นดีไซน์ไหน?

 

โอ ธีรวัฒน์: เป็นสีส้ม ถ้าจำไม่ผิดเราว่าน่าจะเป็นสเกตช์ Pegasus สีส้ม ตัวม้าเป็นสีขาว ลายเส้นสเกตช์เห็นที่เมืองนอกครับ

 

ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับ Hermès ในมุมอื่นๆ อยากทำพาร์ตไหน?

 

โอ ธีรวัฒน์: อยากไปในเลเวล Hermès Horizon เลยครับ อยากไปเลเวลที่มีคนมา Made to Order สินค้า Hermès กับผลงานเรา เพราะแปลว่าเขาชื่นชอบผลงานเราจริงๆ เขาถึง Select ของเราเป็น Made to Order

 

ร้าน Hermès แบบ Duplex ที่ Central Embassy

ร้าน Hermès แบบ Duplex ที่ Central Embassy

 

แล้วเราอยากจะเห็นผลงานเราไปอยู่ในพาร์ตอะไรของสินค้า Hermès Horizon 

 

โอ ธีรวัฒน์: ผมชอบใบเรือครับ อยู่บนใบเรือ

 

ถ้าจะให้อธิบายแบรนด์ Hermès วันนี้ คุณจะพูดอย่างไร

 

โอ ธีรวัฒน์: ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แต่เอาเป็นว่าผมในฐานะศิลปินคนหนึ่ง ถ้าให้เลือกผมอยากทำให้ Hermès ที่สุดเสมอมา เพราะรู้สึกว่าดีไซน์ของเรามันจะถูกเอาไป Develop ให้สวยงามในแบบที่เราคาดไม่ถึง อยู่บนคุณภาพที่ดีที่สุด แต่ความเป็น Artistic ของ Hermès กับคุณภาพของ Hermès รู้สึกว่าทั้งสองอย่างมันดูเป็น Hermès ที่สุด 

 

แล้วคิดว่าแบรนด์ Hermès ช่วยส่งเสริมอะไรในการเป็นศิลปินคนหนึ่ง

 

โอ ธีรวัฒน์: เดิมผมเป็น Illustrator ทำงานสองมิติ และผมก็วาดรูปบนกระดาษ พอได้ทำงานกับ Hermès เหมือนทุกอย่างมันถูกพัฒนาขึ้นไปเอง คือทุกวันนี้ผมไม่ได้มองตัวเองเป็น Illustrator ขนาดนั้นแล้ว ทุกวันนี้ผมมองตัวเองว่าเป็นดีไซเนอร์ ผมจะวาด ผมจะออกแบบอะไรก็ตาม มันจะต้องมีที่มาที่ไป มีความเหมาะสมและ Realistic แต่ว่าในขณะที่ Hermès เหมือนเปิดกว้างทางความคิดให้มากๆ แบรนด์ Shape ในด้านการทำงานและเปิดกว้างผมในด้านจินตนาการ

 

ร้าน Hermès ที่ Central Embassy

ร้าน Hermès ที่ Central Embassy

The post สัมภาษณ์พิเศษ โอ ธีรวัฒน์ เกี่ยวกับการออกแบบ Window Display ใหม่ของ Hermès ที่ Central Embassy appeared first on THE STANDARD.

]]>