Bluebik Technology Center – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 11 Nov 2022 08:16:09 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 บลูบิค แนะองค์กรยกระดับเทคโนโลยี Cloud Computing เพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการทำงาน พร้อมลดค่าใช้จ่ายรับมือภาวะ https://thestandard.co/bluebik-bbik-cloud-computing/ Thu, 06 Oct 2022 07:54:41 +0000 https://thestandard.co/?p=691993

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำ ผู้ให้บริการ […]

The post บลูบิค แนะองค์กรยกระดับเทคโนโลยี Cloud Computing เพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการทำงาน พร้อมลดค่าใช้จ่ายรับมือภาวะ appeared first on THE STANDARD.

]]>

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำ ผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร แนะองค์กรยกระดับเทคโนโลยี Cloud Computing ด้วยการออกแบบ ‘Cloud Architecture’ หรือสถาปัตยกรรมคลาวด์ 5 ประการ ครอบคลุมตั้งแต่การดำเนินงาน ความปลอดภัย ค่าใช้จ่าย ความน่าเชื่อถือ และความเสถียรของระบบ ซึ่งหลักการดังกล่าวจะทำให้การบริหารจัดการระบบเซิร์ฟเวอร์ (Server) ขององค์กรมีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และรองรับการทำงานรูปแบบใหม่ๆ ในอนาคต เพื่อปูทางสู่การเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

 

พิพัฒน์ ประภาพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการและหัวหน้าทีม Big Data and Advanced Analytics บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK กล่าวว่า ปัจจุบันระบบ Cloud Computing กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สอดรับกับผลการสำรวจของ Gartner ภายใต้หัวข้อ Cloud Shift ที่ระบุว่า ในปี 2568 การใช้จ่ายมากกว่าครึ่งด้านไอทีขององค์กรจะเกี่ยวข้องกับระบบคลาวด์ และมีหลายเทคโนโลยีหลักที่จะย้ายไปใช้บริการระบบคลาวด์มากขึ้น เช่น ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน และระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


จากกระแสดังกล่าวทำให้มีการคาดการณ์ว่า ระบบคลาวด์จะเป็นอีกเทรนด์สำคัญในโลกธุรกิจแห่งอนาคตที่เข้ามารองรับการใช้งานขององค์กรทุกขนาด และสามารถรองรับระบบการทำงานในรูปแบบใหม่ เช่น Work from Anywhere – Any Time

 

นอกจากนี้ ระบบคลาวด์ยังช่วยให้การบริหารค่าใช้จ่ายขององค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ลดการลงทุนด้านเซิร์ฟเวอร์แบบ On-Premises และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบเอง และยังมีระบบการชำระเงิน ‘แบบใช้ก่อนจ่ายทีหลัง และระบบจ่ายตามการใช้งานจริง’ ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับองค์กร อีกทั้งผู้ให้บริการระบบคลาวด์หลายรายมีการพัฒนาแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น

 

ในปัจจุบันการประยุกต์ใช้ Cloud Computing มีอยู่ 3 รูปแบบ คือ

 

  1. การให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและระบบจัดเก็บข้อมูล หรือทำหน้าที่แทนเซิร์ฟเวอร์ (Infrastructure-as-a-Service หรือ IaaS)

 

  1. การให้บริการด้านแพลตฟอร์มสำหรับซอฟต์แวร์ (Platform-as-a-Service หรือ PasS) เช่น เว็บแอปพลิเคชัน (Web Application) ระบบประมวลผลกลางขององค์กรขนาดใหญ่ (Database Server) หรือระบบ API ที่มีการรักษาความปลอดภัยสูง

 

  1. การให้บริการซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน (Software-as-a-Service หรือ SaaS) ที่ส่วนใหญ่จะคิดค่าบริการตามการใช้งาน

 

“โดยทั่วไปแล้ว Cloud Computing มีพื้นฐานการออกแบบด้านสถาปัตยกรรมที่ไม่ต่างจากระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบ On-Premises ที่มีระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเป็นของตนเอง เพียงแต่อุปกรณ์หรือเซิร์ฟเวอร์ของระบบคลาวด์นั้นจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ให้บริการแทน ซึ่งสามารถใช้งานผ่านระบบต่างๆ เช่น หน้าเว็บไซต์ (Portal) หรือด้วยคำสั่ง Command-Line Interface (CLI) ผ่านคอนโซล โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการและระบบต่างๆ ได้ง่าย ด้วยการเลือกแพ็กเกจและตั้งค่าใช้งาน จากนั้นระบบจะบริหารจัดการให้เอง และสามารถยกเลิกการใช้งานได้ตามต้องการ แต่การออกแบบ ‘Cloud Architecture’ ให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงของแต่ละองค์กรที่มีรูปแบบธุรกิจและกระบวนการทำงานที่แตกต่างกันนั้น จำเป็นต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งด้านธุรกิจและเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน” พิพัฒน์กล่าว

 

โดยบลูบิคเปิดเผยถึงหลักการออกแบบ ‘Cloud Architecture’ หรือสถาปัตยกรรมคลาวด์ ตามแนวทางปฏิบัติงานที่ดี หรือ Best Practice ของบริษัทฯ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบที่ออกแบบนั้นสามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืน ตอบโจทย์การใช้งานจริง และพร้อมสำหรับการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ 

 

โดยหลักการออกแบบแบ่งออกเป็น 5 ประการ ดังนี้ 

 

  1. หลักการออกแบบด้านการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ (Operational Excellence) 

 

  1. หลักการออกแบบด้านความปลอดภัย (Security) ที่จะต้องป้องกันตั้งแต่การแลกเปลี่ยนข้อมูล การเชื่อมต่อ และการจัดเก็บข้อมูล 

 

  1. หลักการออกแบบด้านค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ (Cost Optimization) 

 

  1. หลักการออกแบบด้านความน่าเชื่อถือของระบบ (Reliability) ที่ให้ความสำคัญในการทำ Backup และ Restore รวมถึงการทำสำเนาข้อมูลจัดเก็บไว้ในหลายแหล่ง

 

  1. หลักการออกแบบด้านเสถียรภาพและประสิทธิภาพในการทำงาน (Performance Efficiency) เน้นการออกแบบให้ระบบสามารถทำการพัฒนาและทดสอบได้เหมือนกับการใช้งานจริงบนโปรดักชัน

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

The post บลูบิค แนะองค์กรยกระดับเทคโนโลยี Cloud Computing เพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการทำงาน พร้อมลดค่าใช้จ่ายรับมือภาวะ appeared first on THE STANDARD.

]]>
บลูบิค คว้างานพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านสุขภาพที่อังกฤษ หวังดันรายได้ต่างประเทศโต 15-20% ตามเป้า https://thestandard.co/bluebik-technology-center/ Thu, 04 Aug 2022 06:51:01 +0000 https://thestandard.co/?p=662762 บลูบิค

บลูบิค หรือ BBIK บุกตลาดยุโรป คว้างานพัฒนาซอฟต์แวร์ด้าน […]

The post บลูบิค คว้างานพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านสุขภาพที่อังกฤษ หวังดันรายได้ต่างประเทศโต 15-20% ตามเป้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
บลูบิค

บลูบิค หรือ BBIK บุกตลาดยุโรป คว้างานพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านสุขภาพที่อังกฤษคาดดันรายได้ต่างประเทศปีนี้โต 15-20% ตามเป้า พร้อมเดินหน้าศึกษาตลาดต่างประเทศ หวังชิงส่วนแบ่งตลาดดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในยุโรป-สหรัฐอเมริกา

 

พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร กล่าวว่า เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทได้เซ็นสัญญารับงานพัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับบริษัทพัฒนาแอปพลิเคชันด้านสุขภาพรายใหญ่ในประเทศอังกฤษ โดยงานดังกล่าวจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์แข็งตัว และเป็นปัจจัยสนับสนุนด้านรายได้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ช่วยดันสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศให้โตตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 15-20% ในปีนี้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ตลาดดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของยุโรปและสหรัฐฯ มีขนาดใหญ่ เนื่องจากองค์กรจำนวนมากเล็งเห็นประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อปรับปรุงการทำงานของภาคธุรกิจและภาครัฐ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ส่งผลให้ความต้องการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ แอปพลิเคชัน และซอฟต์แวร์ต่างๆ อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง 

 

ทั้งนี้ อ้างอิงจาก Maximize Market Research ได้ประเมินมูลค่ารวมของตลาดดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในยุโรป พบว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนมากถึง 899,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2027 เพิ่มขึ้นจากปี 2020 ซึ่งอยู่ที่ 185,400 ล้านดอลลาร์เท่านั้น 

 

จากแนวโน้มด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันนี้ ทำให้บลูบิคเล็งเห็นโอกาสขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคดังกล่าว และมั่นใจว่าจะสามารถชิงส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาคนี้ โดยอาศัยข้อได้เปรียบของบริษัททั้งในแง่ความสามารถและประสบการณ์ในการพัฒนาเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ระดับมืออาชีพ ที่เสริมทัพด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีชาวต่างชาติจาก Bluebik Technology Center ในประเทศอินเดีย

 

พชรกล่าวว่า นอกจากตลาดยุโรปและสหรัฐฯ บริษัทยังมีแผนขยายฐานลูกค้าในประเทศแถบอาเซียนที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแรง ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมด้านการเงิน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของบลูบิค ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญางานด้านการพัฒนาระบบเทคโนโลยีภายในองค์กร (Digital Excellence & Delivery) และที่ปรึกษาด้านงานกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) เพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้น คาดการณ์รายได้จากตลาดต่างประเทศในครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

 

สำหรับแผนรองรับการขยายตัวในตลาดต่างประเทศ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีชาวต่างประเทศอย่างน้อย 50 ตำแหน่งภายในปีนี้ จากปัจจุบันมีอยู่แล้วราว 30 ตำแหน่ง โดยผ่านกระบวนการสรรหาบุคลากรภายใต้ Bluebik Technology Center ซึ่งมีหน้าที่เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี และศูนย์ฝึกอบรมและคัดเลือกบุคลากรด้านไอที เพื่อรองรับการให้บริการของบลูบิคทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

 

“บริษัทมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดี และเป็นช่วงเวลาแห่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบลูบิคทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายผลดำเนินงานโดยรวมเติบโตมากกว่า 70% เนื่องจากการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจทั่วโลก และจะต้องมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท” พชรกล่าวทิ้งท้าย

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

The post บลูบิค คว้างานพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านสุขภาพที่อังกฤษ หวังดันรายได้ต่างประเทศโต 15-20% ตามเป้า appeared first on THE STANDARD.

]]>