Bitcoin – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 07 Apr 2025 05:54:09 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘ราชาคริปโต’ เสียท่า Bitcoin ร่วงต่ำกว่า 78,000 ดอลลาร์ นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงหวั่นภาษี Trump https://thestandard.co/bitcoin-falls-below-78000-investors-sell-trump-tariff-fears/ Mon, 07 Apr 2025 05:54:09 +0000 https://thestandard.co/?p=1061404 กราฟแสดงการร่วงลงของราคา Bitcoin ต่ำกว่า 78,000 ดอลลาร์หลังความกังวลเรื่องภาษีของทรัมป์

กระแสความตื่นตระหนกในตลาดการเงินโลกเริ่มส่งผลกระทบถึงวง […]

The post ‘ราชาคริปโต’ เสียท่า Bitcoin ร่วงต่ำกว่า 78,000 ดอลลาร์ นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงหวั่นภาษี Trump appeared first on THE STANDARD.

]]>
กราฟแสดงการร่วงลงของราคา Bitcoin ต่ำกว่า 78,000 ดอลลาร์หลังความกังวลเรื่องภาษีของทรัมป์

กระแสความตื่นตระหนกในตลาดการเงินโลกเริ่มส่งผลกระทบถึงวงการสกุลเงินดิจิทัลแล้ว หลังจาก Bitcoin ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงสู่ระดับต่ำกว่า 78,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับนโยบายภาษีนำเข้าใหม่ของ Donald Trump ประธานาธิบดี ที่อาจนำไปสู่สงครามการค้าโลก

 

ล่าสุดราคา Bitcoin ดิ่งลง 6% มาอยู่ที่ 77,730.03 ดอลลาร์ ตามรายงานของ Coin Metrics ซึ่งนับเป็นการทิ้งดิ่งจากจุดสูงสุดตลอดกาลในเดือนมกราคมถึง 28% แม้ว่าก่อนหน้านี้ราคาจะยืนเหนือระดับ 80,000 ดอลลาร์มาเกือบตลอดทั้งปี ยกเว้นในช่วงผันผวนสั้นๆ ไม่กี่ครั้ง

 

ที่น่าสนใจคือในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ตลาดหุ้นจะดิ่งหนัก แต่ Bitcoin กลับแสดงความแข็งแกร่งโดยรักษาระดับราคาไว้ได้ระหว่าง 82,000-83,000 ดอลลาร์ และยังปิดสัปดาห์ด้วยแนวโน้มบวกในขณะที่ทั้งตลาดหุ้นและทองคำต่างร่วงลง สวนทางกับธรรมชาติที่มักเคลื่อนไหวคล้ายหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่และถูกมองว่าเป็น ‘สัญญาณเตือนล่วงหน้า’ ของความรู้สึกตลาด

 

อย่างไรก็ตาม สกุลเงินคริปโตอื่นๆ ไม่ได้โชคดีเท่า โดย Ether และโทเค็นของ Solana ต่างทรุดหนักถึงประมาณ 12% ในช่วงข้ามคืน

 

การร่วงลงของ Bitcoin ครั้งนี้ได้กระตุ้นให้เกิดคลื่นการ ‘ล้างพอร์ต’ ของนักลงทุนที่เดิมพันว่าราคาจะสูงขึ้น โดยพวกเขาถูกบังคับให้ขายสินทรัพย์ของตัวเองเพื่อนำเงินมาชดเชยส่วนที่ขาดทุน 

 

ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการล้างพอร์ตของนักลงทุน Bitcoin ที่เดิมพันขาขึ้นเป็นมูลค่ากว่า 247 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Ether ก็มีการล้างพอร์ตในลักษณะเดียวกันเป็นมูลค่า 217 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกัน อ้างอิงจากข้อมูลของ CoinGlass

 

ความกังวลเรื่องนโยบายภาษีนำเข้าใหม่ของ Trump ที่ครอบคลุมทั้งภาษีทั่วไปสำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดและภาษีพิเศษสำหรับคู่ค้ารายใหญ่ ได้จุดชนวนความหวาดกลัวเรื่องสงครามการค้าที่อาจลุกลามเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทุกประเภท รวมถึงเหรียญคริปโตที่ซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงสุดสัปดาห์

 

ผลกระทบจากประกาศมาตรการภาษีรุนแรงถึงขนาดทำให้มูลค่าตลาดหุ้นทั่วโลกหายไปถึง 7.46 ล้านล้านดอลลาร์เพียงแค่สองวันทำการ โดยแบ่งเป็นการสูญเสียในตลาดหุ้นสหรัฐฯ 5.87 ล้านล้านดอลลาร์ และในตลาดหลักทั่วโลกอื่นๆ อีก 1.59 ล้านล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก S&P Dow Jones Indices

 

ปัจจุบัน Bitcoin ติดลบ 15% ในปี 2025 และหากไม่มีปัจจัยหนุนเฉพาะสำหรับวงการคริปโตเกิดขึ้น คาดว่าราชาแห่งคริปโตนี้จะยังคงเคลื่อนไหวไปพร้อมกับตลาดหุ้น ขณะที่ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกได้บดบังความคาดหวังเชิงบวกจากการผ่อนคลายกฎระเบียบที่วงการคริปโตเคยหวังว่าจะได้รับในปีนี้

 

อ้างอิง: 

The post ‘ราชาคริปโต’ เสียท่า Bitcoin ร่วงต่ำกว่า 78,000 ดอลลาร์ นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงหวั่นภาษี Trump appeared first on THE STANDARD.

]]>
SAAM จ่อขายหุ้นกู้แปลงสภาพ 350 ล้านบาท ใช้ซื้อ Bitcoin ลุยธุรกิจให้บริการสภาพคล่อง https://thestandard.co/saam-convertible-bonds-bitcoin-liquidity-provider/ Tue, 01 Apr 2025 09:52:21 +0000 https://thestandard.co/?p=1059316 SAAM เตรียมออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 350 ล้านบาทเพื่อซื้อ Bitcoin ทำธุรกิจให้บริการสภาพคล่องในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

เอสเอเอเอ็ม (SAAM) เตรียมออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 350 ล้านบาท […]

The post SAAM จ่อขายหุ้นกู้แปลงสภาพ 350 ล้านบาท ใช้ซื้อ Bitcoin ลุยธุรกิจให้บริการสภาพคล่อง appeared first on THE STANDARD.

]]>
SAAM เตรียมออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 350 ล้านบาทเพื่อซื้อ Bitcoin ทำธุรกิจให้บริการสภาพคล่องในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

เอสเอเอเอ็ม (SAAM) เตรียมออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 350 ล้านบาท ระดมทุนซื้อ Bitcoin ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่คล้ายคลึงกับบริษัท MicroStrategy บริษัทจดทะเบียนที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุดในโลก 

 

พดด้วง คงคามี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอเอเอ็ม ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้แปลงสภาพให้กับนักลงทุน 2 กลุ่ม ทั้งชาวไทยและต่างชาติ มูลค่า 350 ล้านบาท แบบไม่มีดอกเบี้ยเพื่อรองรับแผนการดำเนินธุรกิจผู้ให้บริการ เพิ่มสภาพคล่อง (Liquidity Provider)’ ให้กับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ส่วนราคาแปลงสภาพอยู่ระหว่างการประเมิน คาดว่าจะอยู่ที่ราว 10-12 บาทต่อหุ้น มีระยะเวลาในการแปลง 1 ปี

 

สำหรับเงินระดมทุนดังกล่าวจะนำไปซื้อ Bitcoin เพื่อใช้เป็นสินทรัพย์ในการสร้างสภาพคล่อง โดยไม่ใช่เพียงแค่การถือครองเหรียญเพื่อเก็งกำไร

 

“เราไม่ได้เข้ามาเพื่อถือเหรียญ แต่กำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ที่จะช่วยให้ตลาดเติบโต และมีรายได้กลับคืนมาอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่ต่างจาก การลงทุน ในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบไฟฟ้า หรือท่อส่งน้ำในโลกจริง” พดด้วงกล่าว

 

ทั้งนี้ ผู้ให้บริการเพิ่มสภาพคล่องในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล คือผู้ที่วางสินทรัพย์ไว้ทั้งสองฝั่งของการเทรดในกระดานซื้อขาย โดยมีโมเดลรายได้ที่มาจาก

 

  1. ส่วนต่างของราคาซื้อขาย (spread) ซึ่งเมื่อมีผู้ซื้อและขาย ผู้ให้บริการเพิ่มสภาพคล่องจะได้ส่วนต่าง 
  2. ความแตกต่างของราคา ในแต่ละกระดานเทรด เมื่อราคาของคริปโต ในหลายกระดานมีค่าแตกต่างกัน ผู้ให้บริการ เสริม สภาพคล่อง  สามารถซื้อในที่ที่ราคาถูก และขายในที่ที่แพงกว่าได้ ผ่านระบบอัตโนมัติ
  3. ค่าธรรมเนียมที่เก็บจากกระดานซื้อขายประมาณ 0.1% – 0.2% ของมูลค่าการซื้อขายคริปโตทั้งอุตสาหกรรมประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อวัน 

 

พดด้วงคาดว่า รายได้จากธุรกิจใหม่นี้จะอยู่ที่ราว 300 – 400 ล้านบาทต่อปี ถือเป็นบริษัทจดทะเบียนเจ้าแรกของไทยที่รุกเข้าสู่ธุรกิจนี้ 

 

ล่าสุด SAAM ได้แต่งตั้ง ปรมินทร์ อินโสม ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างบล็อกเชน และการกำกับดูแล เป็นหนึ่งในกรรมการของบริษัท และเป็นบุคคลสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจนี้ และร่วมลงทุนเกือบ 100 ล้านบาทใน FWX แพลตฟอร์ม DeFi ที่มีเทคโนโลยี AI สำหรับการบริหารความเสี่ยง และเทรดแบบไร้ตัวกลาง

 

พดด้วงกล่าวต่อว่า ในปีนี้คาดว่ารายได้ของธุรกิจใหม่จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 50% ของธุรกิจเดิมซึ่งเป็นธุรกิจพลังงาน โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะย้ายหมวดจดทะเบียนจากพลังงานเป็นบริการในอนาคต

The post SAAM จ่อขายหุ้นกู้แปลงสภาพ 350 ล้านบาท ใช้ซื้อ Bitcoin ลุยธุรกิจให้บริการสภาพคล่อง appeared first on THE STANDARD.

]]>
IMF ประกาศให้ ‘Bitcoin’ และ ‘คริปโต’ เป็นหนึ่งใน Asset Class ของโลกอย่างเป็นทางการ https://thestandard.co/imf-bitcoin-crypto-asset-class/ Mon, 24 Mar 2025 11:48:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1056049

เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา International Monetary F […]

The post IMF ประกาศให้ ‘Bitcoin’ และ ‘คริปโต’ เป็นหนึ่งใน Asset Class ของโลกอย่างเป็นทางการ appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา International Monetary Fund หรือ IMF ประกาศให้ Bitcoin และ คริปโตเคอร์เรนซี เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ (Asset Class) ของโลกอย่างเป็นทางการใน BPM7 ฉบับล่าสุด หรือคู่มือบัญชีดุลการชำระเงินและสถานการลงทุนระหว่างประเทศฉบับบูรณาการ 

 

โดย IMF ได้พิจารณาให้ Bitcoin และเหรียญคริปโตที่ไม่มีสินทรัพย์ใดๆ หรือแพลตฟอร์มมารองรับ เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ใช่การเงินที่ไม่ได้เกิดจากการผลิต (Non-produced Non-financial Assets) ซึ่งอยู่ในประเภทเดียวกับทรัพย์สินประเภททรัพยากรธรรมชาติที่โอนกรรมสิทธิ์ได้หรือพวกกลุ่มทรัพย์สินทางปัญญา 

 

หากมีการทำธุรกรรมใน Bitcoin และเหรียญคริปโตประเภทนี้ระหว่างประเทศ (Cross boarder Transaction) ก็เทียบเคียงได้กับการทำธุรกรรมของทองคำหรือที่ดิน เป็นต้น

 

ในขณะที่เหรียญคริปโตที่มีแพลตฟอร์มมารองรับ เช่น Ethereum หรือ Solana ทาง BPM7 ก็พิจารณาว่าเป็นสินทรัพย์ประเภทคล้ายทุน (Equity-Like Holding) และจะพิจารณาคล้ายกับการถือครองหุ้นต่างประเทศหากถือครองสินทรัพย์ดังกล่าวบนคนละประเทศกับผู้พัฒนาเหรียญ

 

และท้ายที่สุด BPM7 ได้พิจารณาให้การถือเหรียญ Stablecoin ที่มีระบบการจ่ายดอกเบี้ยแบบ Staking อาทิ USDT ในฐานะเครื่องมือทางการเงินชนิดหนึ่ง (Financial Instrument) ที่หากมีการบันทึกสินทรัพย์จะบันทึกตามลักษณะของสินทรัพย์ที่ถูกนำมาค้ำประกัน

 

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากภายในกล่าวกันว่า IMF อาจมีแผนนำ Bitcoin เข้าไปคำนวณใน SDR หรือ Special Drawing Rights Index ซึ่ง SDR เป็นสินทรัพย์สำรองระหว่างประเทศที่ออกโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งมูลค่าของ SDR คำนวณจากตะกร้าสกุลเงินหลัก ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ (USD), ยูโร (EUR), หยวนจีน (CNY), เยนญี่ปุ่น (JPY) และปอนด์อังกฤษ (GBP)

 

ไม่เพียงเท่านั้น IMF ยังมีมุมมองที่เปลี่ยนไปในทิศทางเชิงบวกต่อ Bitcoin มากขึ้นในช่วงหลังมานี้ จากที่เคยเป็นหนึ่งในองค์กรที่เคยมีมุมมองเชิงต่อต้าน Bitcoin ในอดีต

 

อ้างอิง:

The post IMF ประกาศให้ ‘Bitcoin’ และ ‘คริปโต’ เป็นหนึ่งใน Asset Class ของโลกอย่างเป็นทางการ appeared first on THE STANDARD.

]]>
วิศวกรไฟฟ้าใช้บ้านร้างเป็นฐานที่ตั้งดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า สร้างเหมืองบิทคอยน์เถื่อน ความเสียหายกว่า 11 ล้านบาท https://thestandard.co/cib-operation-miner-strike/ Sat, 15 Mar 2025 06:23:40 +0000 https://thestandard.co/?p=1052455 วิศวกรไฟฟ้า

วันนี้ (15 มีนาคม) ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการ […]

The post วิศวกรไฟฟ้าใช้บ้านร้างเป็นฐานที่ตั้งดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า สร้างเหมืองบิทคอยน์เถื่อน ความเสียหายกว่า 11 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
วิศวกรไฟฟ้า

วันนี้ (15 มีนาคม) ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการ CIB Operation Miner Strike ปฏิบัติการสายฟ้าล่าเหมืองเถื่อน บุกจับขบวนการลักลอบใช้ไฟฟ้าขุดเหมืองบิทคอยน์ ความเสียหายกว่า 11 ล้านบาท

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ตรวจค้น 4 จุด ในพื้นที่ จังหวัดปทุมธานี และ กรุงเทพมหานคร ดังนี้

 

  1. อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 
  2. บ้านพักภายในหมู่บ้านย่าน รามอินทรา 65 กทม.

 

ตรวจยึด

  1. อุปกรณ์ขุดสินทรัพย์ดิจิทัล จำนวน 63 เครื่อง
  2. ชุดควบคุมอุปกรณ์ขุดสินทรัพย์ดิจิทัล จำนวน 3 เครื่อง
  3. แผงวงจรไฟฟ้า จำนวน 3 เครื่อง
  4. เราเตอร์ TP Link จำนวน 3 เครื่อง
  5. อุปกรณ์กระจายสัญญาณ HUB จำนวน 3 เครื่อง
  6. มิเตอร์ไฟฟ้าดัดแปลง จำนวน 3 เครื่อง
  7. คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 1 เครื่อง
  8. โทรศัพท์มือถือ IPHONE 14 PROMAX จำนวน 1 เครื่อง
  9. คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน 1 เครื่อง
  10. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 2 เล่ม

 

พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนในพื้นที่คลอง 6 ตำบลรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ว่ามีบ้านร้างหลายหลังถูกใช้เป็นแหล่งขุดเหมืองบิทคอยน์เถื่อน โดยพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้ามาดัดแปลงหม้อแปลงไฟฟ้าและมิเตอร์ไฟฟ้า เมื่อเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบอาคารพาณิชย์ 3 หลังที่มีลักษณะดัดแปลงระบบไฟฟ้าเพื่อขุดบิทคอยน์ จึงประสานงานกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าและดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติม

 

จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มขบวนการลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อขุดบิทคอยน์ มีการแบ่งหน้าที่กันทำงานเป็นระบบ นอกจากนี้ การตรวจสอบเส้นทางการเงินยังพบว่ามีบุคคลที่น่าเชื่อว่าเป็นหัวหน้าขบวนการดังกล่าวอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งย่านรามอินทรา 65 เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายทั้ง 3 หลัง และบ้านพักของบุคคลที่คาดว่าเป็นหัวหน้าขบวนการ พบว่าแต่ละอาคารถูกดัดแปลงเป็นสถานที่ขุดบิทคอยน์ มีการติดตั้งเครื่องขุดจำนวนมาก พร้อมระบบระบายความร้อนและอุปกรณ์ควบคุมที่สามารถจัดการเหมืองจากระยะไกล

 

รวมถึงมีการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อต่อไฟตรงจากหม้อแปลง ซึ่งจากการตรวจค้นพบเครื่องขุดบิทคอยน์รวมกว่า 63 เครื่อง และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการขุดเหมือง รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท

 

ระหว่างการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบว่าเกิดไฟฟ้าขัดข้องและมีควันลอยขึ้นจากอุปกรณ์ที่ต่อไฟตรง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการลักลอบใช้ไฟฟ้าในลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและอาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ จากการตรวจสอบพบว่ามูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการไฟฟ้าจากบ้านทั้ง 3 หลัง อยู่ที่กว่า 11 ล้านบาท

 

จากการตรวจค้นบ้านพักของบุคคลที่คาดว่าเป็นหัวหน้าขบวนการ พบว่าบุคคลดังกล่าวจบวิศวกรไฟฟ้า ทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง พร้อมอุปกรณ์ควบคุมเหมืองขุดบิทคอยน์แบบออนไลน์ โดยให้การยอมรับว่าตนเองมีหน้าที่ดูแลระบบทั้งหมด ทั้งการหาสถานที่ตั้งเหมือง การนำเข้าเครื่องขุด การติดตั้งอุปกรณ์ รวมถึงการตั้งค่าระบบการขุดแบบออนไลน์ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดของกลาง และอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดดำเนินคดีต่อไป

 

ทั้งนี้ การลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อขุดเหมืองบิทคอยน์นับเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อระบบพลังงานและเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นการใช้ทรัพยากรโดยผิดกฎหมาย ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จำนวนมาก อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรและอัคคีภัยที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเข้มงวดในการตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดลักษณะนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่า การลักลอบใช้ไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะเพื่อกระทำความผิดหรือใช้ในกิจการใดๆ ก็ตาม เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและมีบทลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา ในข้อหา ลักทรัพย์ โดยผู้กระทำความผิดอาจต้องรับโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้การขุดเหมืองบิทคอยน์เพื่อนำมาใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็นปกติธุระ อาจเข้าข่ายความผิดในข้อหา ฟอกเงิน ตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งมีบทลงโทษรุนแรง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของขบวนการที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง

 

การลักลอบใช้ไฟฟ้าไม่เพียงแต่ผิดกฎหมายเท่านั้น แต่ยัง ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยการดัดแปลงหม้อแปลงไฟฟ้าหรือมิเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร เสี่ยงต่อการเกิด อัคคีภัย ซึ่งอาจสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง

 

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือจากประชาชน โดยเฉพาะเจ้าของและผู้พักอาศัยในอาคารพาณิชย์ให้ช่วยสังเกตพื้นที่โดยรอบ หากพบ สถานที่ต้องสงสัย หรือ มีการใช้ไฟฟ้าในลักษณะที่ผิดปกติ ขอให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอันตรายและช่วยรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจะเดินหน้าขยายผลการสืบสวนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อปราบปรามและป้องกันการกระทำผิดในลักษณะเดียวกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

The post วิศวกรไฟฟ้าใช้บ้านร้างเป็นฐานที่ตั้งดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า สร้างเหมืองบิทคอยน์เถื่อน ความเสียหายกว่า 11 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐบาลควรหนุน Tokenization หลังทรัมป์ตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์ https://thestandard.co/opinion-govt-and-tokenization/ Wed, 12 Mar 2025 06:00:49 +0000 https://thestandard.co/?p=1051251

คำสั่งจัดตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์ของประธานาธิบดีทรัมป์ช่ […]

The post รัฐบาลควรหนุน Tokenization หลังทรัมป์ตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

คำสั่งจัดตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์ของประธานาธิบดีทรัมป์ช่วยการันตี-สนับสนุนการเงินดิจิทัล ถือเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดคริปโตทั่วโลก แนะรัฐบาลไทยหันมาสนใจกระบวนการแปลงสินทรัพย์สู่รูปแบบดิจิทัล ช่วยลดต้นทุน-อำนวยความสะดวกทำธุรกรรม ปัจจุบันเอกชน-หน่วยงานพร้อมแล้ว เหลือแค่สัญญาณเชิงบวกจากรัฐ

 

ศ. ดร.อาณัติ ลีมัคเดช คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวถึงกรณีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงนามในคำสั่งจัดตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์ทางยุทธศาสตร์ หรือ Strategic Bitcoin Reserve Fund และประกาศแผนผลักดันให้สหรัฐฯ กลายเป็น ‘ศูนย์กลางคริปโตของโลก’ ตอนหนึ่งว่า สิ่งที่ชัดเจนและสำคัญจากการจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve Fund ของสหรัฐฯ คือส่งสัญญาณถึงการยอมรับและส่งเสริมระบบการเงินดิจิทัล คริปโต เทคโนโลยีบล็อกเชน และนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบต่างๆ ซึ่งจะตามมาอีกมาก

 

ศ. ดร.อาณัติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาภูมิรัฐศาสตร์ของโลกเกิดความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก โดยอำนาจของสหรัฐฯ เริ่มถูกสั่นคลอน เช่นเดียวกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะเงินสกุลหลักของโลกก็เกิดความท้าทาย

 

นอกจากนี้ จุดเปลี่ยนหนึ่งที่สำคัญคือการเกิดประเด็นที่ว่า ในอนาคตเงินดอลลาร์สหรัฐอาจไม่ถูกใช้ในการซื้อขายน้ำมันทั่วโลก นั่นจึงกลายเป็นความสำคัญเร่งด่วนที่สหรัฐฯ จำเป็นต้องรื้อฟื้นความเชื่อมั่นต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขึ้นมา ซึ่งการจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve Fund แม้จะมีส่วนช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในค่าเงินสหรัฐฯ ไม่มากนัก แต่จะส่งผลกระทบสำคัญในความเชื่อมั่นทิศทางการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินด้วยเทคโนโลยี Blockchain ให้กับสหรัฐฯ

 

“เมื่อทรัมป์เข้าสู่ตำแหน่งจึงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเรื้อรังมานาน อย่างการขาดดุลการค้า หรือปัญหาเงินเฟ้อ การต่อสายไปคุยกับมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียเพื่อฟื้นความสัมพันธ์ ทั้งหมดถือเป็นการเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ” ศ. ดร.อาณัติ กล่าว

 

ศ. ดร.อาณัติ กล่าวต่อไปว่า เมื่อกลับมาดูท่าทีของทรัมป์จะพบว่าไม่ใช่คนที่สนับสนุนคริปโตมาตั้งแต่ต้น แต่ภายหลังเมื่อได้เห็นภาพว่าคริปโตไม่ใช่เพียงการเก็งกำไร แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างนวัตกรรมทางการเงิน และหัวใจการค้าของสหรัฐฯ คือความเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ทรัมป์จึงหันกลับมาสนับสนุนคริปโต และเมื่อมาเป็นประธานาธิบดีก็ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาอย่างน้อย 2 คณะ เพื่อสนับสนุนการใช้ AI และคริปโต รวมถึงการมีประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐฯ คนใหม่ จากคนเดิมที่ออกแนวต่อต้านกลายมาเป็นคนที่สนับสนุนคริปโต

 

ผนวกกับการส่งสัญญาณแรงว่าจะมีการถอนฟ้องคดีต่างๆ ที่ค้างคาระหว่าง ก.ล.ต.สหรัฐฯ กับตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตรายใหญ่ ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลในทางบวกให้กับตลาดคริปโตทั่วโลก

 

“เราจึงได้เห็นว่าในช่วงที่ทรัมป์ขึ้นมาเป็นผู้นำ ราคาบิทคอยน์กระโดดขึ้นพรวดพราด รวมถึงหุ้นของบริษัทต่างๆ ที่ลงทุนในคริปโต แม้ช่วงนี้จะมีกระแสที่เริ่มดรอปลง ราคาดิ่งลง อะไรต่างๆ มองว่าเป็นเพราะที่ผ่านมาตลาดเกิด Overreact ขึ้นไปจนสูงแล้วลดลง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของตลาดที่ตอบรับกับข่าวดี แต่เชื่อว่าสิ่งที่สำคัญคือการส่งสัญญาณชัดเจน ว่าอย่างน้อยในช่วงที่ทรัมป์อยู่ในตำแหน่ง การซื้อ-ขายคริปโตจะไม่ได้ถูกมองแบบจ้องจับผิด แต่จะจ้องจับถูก เกิดความพยายามในการเสนอนโยบายที่เป็นการสร้างนวัตกรรมขึ้นมาแทน” ศ. ดร.อาณัติ กล่าว

 

ศ. ดร.อาณัติ กล่าวอีกว่า ดังนั้นเมื่อสหรัฐฯ มีการขยับตัวแรงเช่นนี้ ก็เป็นจุดน่าสนใจที่ประเทศต่างๆ จะกลับมามอง อย่างในส่วนของประเทศไทยเอง ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เคยมีการศึกษาโครงการสกุลเงินดิจิทัล (CBDC) ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็เชื่อว่าการศึกษาอีกหลายอย่างจากหน่วยงานกำกับ ธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ โบรกเกอร์ ก.ล.ต. ฯลฯ ต่างมีแนวคิดการเตรียมตัวที่พร้อมไว้อยู่แล้ว

 

ฉะนั้นเมื่อใดที่รัฐบาลไทยมีความพร้อมหรือมีสัญญาณเชิงบวกต่อเรื่องนี้ ก็จะเข้าสู่กระบวนการที่เรียกว่า Tokenization หรือการแปลงสินทรัพย์ไปสู่รูปแบบดิจิทัล ได้มากขึ้น

 

“ตัวอย่างเช่น การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ปัจจุบันเรายัง T+2 คือต้องใช้เวลาในการดำเนินการ 2 วัน แต่เมื่อไรหากเราแปลงเงินบาทเข้าสู่ระบบดิจิทัลได้ มันจะกลายเป็น T+0 เพราะเงินกับหุ้นสามารถโอนไปแบบเรียลไทม์ได้ทันที ทั้งช่วยลดความเสี่ยงและลดต้นทุนที่จะเกิดขึ้นได้พร้อมกัน และหากเราขยายความคิดต่อ ไม่ได้ทำแค่หุ้น แต่ไปสู่พันธบัตร ทองคำ หรือแม้แต่กระบวนการภาครัฐก็ทำได้ อย่างการซื้อขายที่ดิน ต่อไปการโอนซื้อขายกันอาจไม่จำเป็นต้องไปสำนักงานที่ดินแล้ว แต่สแกนโอนจ่ายกันได้ทันทีเหมือนเวลาไปซื้อของในตลาด พวกนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะจะเป็นการลดต้นทุนและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมได้อย่างมหาศาล” ศ. ดร.อาณัติ กล่าว

 

ศ. ดร.อาณัติ กล่าวสรุปว่า สัญญาณจากสหรัฐฯ นั้นจึงช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยี โดยกระบวนการ Tokenization อาจเป็นเพียงพื้นฐาน แต่การประยุกต์ใช้ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นผ่านระบบที่ไม่มีตัวกลาง หรือ Decentralized Finance (DeFi) คือสิ่งที่จะช่วยสร้างให้เกิดนวัตกรรมและช่องทางการเงินที่ตามมาอีกมากมาย หากต่อไปเมื่อนักธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย การเติบโตทางธุรกิจทำได้ง่ายขึ้น ก็จะส่งผลรวมไปถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยเช่นกัน

 

ภาพ: Flavio Coelho / Getty Images

The post รัฐบาลควรหนุน Tokenization หลังทรัมป์ตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กองทุนสำรองบิทคอยน์ของทรัมป์ สร้างความผิดหวังต่อตลาดและกดดันคริปโต https://thestandard.co/trump-bitcoin-reserve-fund-market-disappointment/ Mon, 10 Mar 2025 03:59:00 +0000 https://thestandard.co/?p=1050302 กองทุนสำรองบิทคอยน์

ความตึงเครียดในอุตสาหกรรมคริปโตกลับมาปะทุอีกครั้ง หลัง […]

The post กองทุนสำรองบิทคอยน์ของทรัมป์ สร้างความผิดหวังต่อตลาดและกดดันคริปโต appeared first on THE STANDARD.

]]>
กองทุนสำรองบิทคอยน์

ความตึงเครียดในอุตสาหกรรมคริปโตกลับมาปะทุอีกครั้ง หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งจัดตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์ (BTC) เชิงยุทธศาสตร์ พร้อมเพิ่มปริมาณสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทอื่น ๆ

 

แม้ผู้บริหารในวงการคริปโตหลายรายออกมาแสดงความชื่นชมต่อมาตรการดังกล่าวผ่านโซเชียลมีเดีย แต่บิทคอยน์กลับร่วงลงถึง 5.1% โดยซื้อขายที่ระดับ 81,885 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ณ เวลา 05.00 น. ตามเวลาไทย

 

แรงกดดันต่อสินทรัพย์ดิจิทัลยังถูกซ้ำเติมจากการชะลอตัวของสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ โดยดัชนี Nasdaq 100 ดิ่งลงสู่ภาวะปรับฐาน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ มาตรการภาษี และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโตได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยหุ้น Coinbase Global Inc. ร่วงลงมากถึง 3.5% 

 

ขณะที่หุ้นของ Michael Saylor’s Strategy ดิ่งลงถึง 7.5% เหรียญคริปโตอีก 4 เหรียญที่ทรัมป์เคยกล่าวถึงก่อนหน้านี้ ได้แก่ Ether (ETH), Ripple (XRP), Cardano (ADA) และ Solana (SOL) ต่างก็เผชิญแรงเทขายและปรับตัวลดลงตามแนวโน้มของบิทคอยน์

 

QCP Capital ระบุในรายงานว่า “แม้คำสั่งนี้จะไม่ใช่ตัวกระตุ้นเชิงบวกแบบสุดโต่งอย่างที่หลายคนหวังไว้ แต่ก็ยังส่งผลดีต่อโครงสร้างตลาดคริปโต” 

 

นอกจากนี้บริษัทยังกล่าวว่า “ความกังวลเกี่ยวกับการเทขาย BTC จากคดี Silk Road ที่อาจสร้างความปั่นป่วนต่อตลาดได้หมดไปแล้ว และสหรัฐฯ ได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการวางกลยุทธ์คริปโตระยะยาว”

 

ทางด้านตัวเลขเศรษฐกิจ ตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยรวมยังคงแข็งแกร่ง แต่เริ่มมีสัญญาณบางอย่างที่อาจบ่งชี้ถึงความอ่อนแอลง ซึ่งจะสร้างความท้าทายให้กับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) หากภาวะเงินเฟ้อยังคงสูง และมาตรการภาษีของรัฐบาล Trump เพิ่มแรงกดดันด้านราคา

 

กระทรวงแรงงานรายงานว่า การเติบโตของงานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีการสร้างงานเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าระดับการเติบโตของการจ้างงานรายเดือนที่เจ้าหน้าที่ Fed Christopher Waller เคยกล่าวถึงในวันพฤหัสบดีว่าอาจอยู่ในระดับที่เขามองว่าเป็นการสร้างงานที่ดี (อยู่ที่ 80,000-100,000 ตำแหน่ง)

 

Waller และเจ้าหน้าที่ Fed คนอื่น ๆ กล่าวว่าตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งในปัจจุบันทำให้ธนาคารกลางสามารถคงอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนในช่วง 4.25-4.50% ได้ ขณะที่รอให้มีความคืบหน้าเพิ่มเติมในเรื่องของเงินเฟ้อ ซึ่งยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2%

 

แต่รายงานการจ้างงานล่าสุดยังแสดงให้เห็นว่าอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.1% และจำนวนผู้ที่ต้องทำงานแบบพาร์ตไทม์เพราะไม่สามารถหางานเต็มเวลาได้ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ดัชนีการว่างงานที่เรียกว่า U-6 ขึ้นไปอยู่ที่ 8% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2021

 

รายงานการจ้างงานในเดือนกุมภาพันธ์ยังแสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวในสภาวะตลาดแรงงาน แม้ก่อนที่จะได้รับผลกระทบจากการลดจำนวนพนักงานภาครัฐและการจ้างงานของผู้รับเหมา ซึ่งอาจไม่เห็นผลกระทบเต็มที่จนกว่าจะถึงเดือนมีนาคมหรือเมษายน

 

หลังจากรายงานการจ้างงานนี้ เทรดเดอร์ที่ซื้อขายฟิวเจอร์สอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นได้ปรับการคาดการณ์ว่า Fed จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน แทนที่จะเป็นพฤษภาคมตามการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ โดยยังคงมองว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้งในปี 2025 ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ Fed คาดว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยจะมีการอัปเดตการคาดการณ์เส้นทางการปรับอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายครั้งถัดไป

 

อ้างอิง:

The post กองทุนสำรองบิทคอยน์ของทรัมป์ สร้างความผิดหวังต่อตลาดและกดดันคริปโต appeared first on THE STANDARD.

]]>
วิเคราะห์คริปโต 2025 จะ To The Moon ในยุคทรัมป์? https://thestandard.co/crypto-2025-trump-era/ Wed, 05 Mar 2025 12:05:20 +0000 https://thestandard.co/?p=1048951 crypto-2025-trump-era

คริปโต กำลังจะกลับมาอีกครั้งหรือไม่ ภายใต้ยุคของ โดนัลด […]

The post วิเคราะห์คริปโต 2025 จะ To The Moon ในยุคทรัมป์? appeared first on THE STANDARD.

]]>
crypto-2025-trump-era

คริปโต กำลังจะกลับมาอีกครั้งหรือไม่ ภายใต้ยุคของ โดนัลด์ ทรัมป์?

 

ปี 2024 เป็นอีกหนึ่งปีที่วงการคริปโตต้องเผชิญกับความผันผวนและความท้าทายอย่างหนัก แม้ในช่วงต้นปี ตลาดคริปโตจะดูซบเซาและยังคงได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แครชในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้า 

 

แต่หลังจากนั้นไม่นาน กระแสของคริปโตก็เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ตลาดกลับมามีชีวิตชีวา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟื้นตัวของ Bitcoin ที่กลับมาทำ New High ได้อีกครั้ง ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคของการยอมรับคริปโตอย่างเต็มรูปแบบ แม้ว่าในเชิงราคาปัจจุบันจะยังมีความผันผวนเกิดขึ้นในระดับรายวินาทีก็ตาม

 

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากท่าทีสนับสนุนของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่เพียงแต่แสดงออกอย่างชัดเจนถึงขนาดที่ว่า Brian Armstrong CEO แห่งบริษัท Coinbase กล่าวว่าเขาอาจจะเป็น “First Crypto President” หรือประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่สนับสนุนคริปโตอย่างเปิดเผย ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความฮือฮาและความคาดหวังในวงการคริปโตเป็นอย่างมาก

 

ทั้งนี้ ทรัมป์ได้แสดงท่าทีสนับสนุนคริปโตอย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่แสดงออกในเชิงนโยบายเท่านั้น แต่ยังมีข่าวลือว่าเขากำลังผลักดันให้ Bitcoin กลายเป็น Strategic Reserve ของสหรัฐอเมริกา นโยบายนี้ได้จุดประกายความสนใจและสร้างความหวังให้กับนักลงทุนทั่วโลกว่า คริปโตอาจกลายเป็นทรัพย์สินสำรองที่มีมูลค่าในระดับโลก

 

โดนัลด์ ทรัมป์ กับนโยบายคริปโต

 

โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศนโยบายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตอย่างชัดเจน ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมอย่างมากในตลาด โดยหนึ่งในนโยบายที่ได้รับการจับตามองคือการผลักดันให้สหรัฐอเมริกามี Strategic Reserve ของ Bitcoin ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะเป็นครั้งแรกที่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ นำคริปโตมาเป็นสินทรัพย์สำรองของประเทศ การเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลก แต่ยังอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่นๆ หันมาให้ความสนใจและนำคริปโตมาใช้เป็นทรัพย์สินสำรองเช่นกัน

 

ประเด็นหนึ่งที่น่าจับตามองคือการต่อสู้ระหว่าง Stablecoin และ CBDC ซึ่งมีแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน 

 

โดย Stablecoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างโดยเอกชนและผูกมูลค่ากับสกุลเงินหลัก เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยให้มีเสถียรภาพมากขึ้น และสามารถใช้ในการชำระเงินหรือโอนเงินระหว่างประเทศได้อย่างรวดเร็วและต้นทุนต่ำ ซึ่งทรัมป์ได้แสดงจุดยืนสนับสนุน Stablecoin เป็นอย่างมาก

 

ในทางกลับกัน CBDC เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง ซึ่งทำให้รัฐสามารถควบคุมและติดตามการใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งขัดกับแนวคิดเสรีภาพทางการเงินที่คริปโตพยายามผลักดัน โดยทรัมป์และสหรัฐฯ เอง ก็ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าต่อต้าน CBDC เพราะมองว่าเป็นการละเมิดเสรีภาพทางการเงินของประชาชนมากเกินไป จึงสนับสนุนให้ใช้ Stablecoin มากกว่า

 

🟡 การเติบโตของตลาดคริปโตและความท้าทายในปี 2025

 

จากท่าทีสนับสนุนของทรัมป์ มีการคาดการณ์ว่าในปี 2025 ตลาดคริปโตจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักที่มีเม็ดเงินลงทุนมหาศาล การที่ทรัมป์สนับสนุนคริปโตอย่างเปิดเผยอาจทำให้บริษัทคริปโตในสหรัฐฯ กล้า IPO (Initial Public Offering) มากขึ้น เพื่อระดมทุนและขยายกิจการ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมคริปโตโดยรวม

 

นอกจากนี้ ทรัมป์เองก็พยายามที่จะผลักดัน Stablecoin Bill จะทำให้ Stablecoin เป็นสินทรัพย์ในการชำระเงินได้อย่างแพร่หลายมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นแผนการเพื่อที่จะชักจูงให้เหล่าบริษัทเป็นการดึงเอาบริษัทเทคฯ ที่ออก Stablecoin ของตัวเองมา (แต่ไม่ได้จดทะเบียนในสหรัฐฯ) เข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะเรื่องความชัดเจนในกฎระเบียบและนโยบายจากหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งในอดีตเคยเป็นปัญหาที่ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจและเกิดความผันผวนในตลาดคริปโต การที่ทรัมป์แสดงจุดยืนที่จะทำให้กฎระเบียบมีความชัดเจนมากขึ้น จึงเป็นความหวังของนักลงทุนที่ต้องการเห็นความมั่นคงและเสถียรภาพในตลาดนี้ 

 

อนาคตของคริปโตและบทบาทของประเทศไทย

 

ในระดับโลก การที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์หันมาสนับสนุนคริปโตอย่างชัดเจน อาจทำให้ประเทศอื่นๆ ต้องปรับตัวตาม และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการนำคริปโตมาใช้เป็นทรัพย์สินสำรองของประเทศ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการเงินโลก

 

สำหรับประเทศไทย แม้ว่าจะมีความพยายามในการพัฒนากฎหมายและนโยบายที่สนับสนุนคริปโต แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องการสร้างสภาพคล่องและการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หากประเทศไทยสามารถปรับตัวและนำโอกาสจากกระแสคริปโตที่กำลังมาแรงนี้มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็อาจกลายเป็นศูนย์กลาง Digital Asset Hub ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ไม่ยาก

 

กล่าวคือ ปี 2025 จะเป็นปีที่น่าจับตามองอย่างยิ่งสำหรับตลาดคริปโต เพราะไม่เพียงแต่จะมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการสนับสนุนของทรัมป์เท่านั้น แต่ยังเป็นปีที่คริปโตต้องเผชิญกับความท้าทายจากกฎระเบียบและนโยบายต่างๆ ที่กำลังจะถูกปรับเปลี่ยนอีกด้วย

 

หากคุณเป็นนักลงทุนที่สนใจในคริปโต บทความนี้น่าจะเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของตลาดในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ การตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับนโยบายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด 

 

เพราะในโลกของคริปโต อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ

 


 

The post วิเคราะห์คริปโต 2025 จะ To The Moon ในยุคทรัมป์? appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรัมป์เดินหน้าแผนกองทุนสำรองคริปโต ย้ำเป้าหมาย ‘สหรัฐฯ ศูนย์กลางคริปโตโลก’ https://thestandard.co/trump-crypto-fund-us-global-center/ Mon, 03 Mar 2025 04:28:27 +0000 https://thestandard.co/?p=1047811

ตลาดคริปโตกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 […]

The post ทรัมป์เดินหน้าแผนกองทุนสำรองคริปโต ย้ำเป้าหมาย ‘สหรัฐฯ ศูนย์กลางคริปโตโลก’ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ตลาดคริปโตกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 มีนาคม) หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจัดตั้งกองทุนสำรองคริปโตเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะรวมการถือครองสองคริปโตที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Bitcoin และ Ether รวมทั้งเหรียญ XRP, โทเคน SOL ของ Solana และเหรียญ ADA ของ Cardano

 

“กองทุนสำรองคริปโตของสหรัฐฯ จะยกระดับอุตสาหกรรมที่สำคัญนี้ขึ้นมา หลังจากเผชิญกับการโจมตีจากรัฐบาลไบเดนมาหลายปี ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคำสั่งฝ่ายบริหารของผมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลจึงได้สั่งให้คณะทำงานของประธานาธิบดีเดินหน้าจัดตั้งกองทุนสำรองคริปโตที่รวม XRP, SOL และ ADA เข้าไปด้วย” ทรัมป์กล่าวในโพสต์บน Truth Social พร้อมย้ำว่า “ผมจะทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นศูนย์กลางคริปโตของโลก

 

“และแน่นอน BTC และ ETH ซึ่งเป็นคริปโตที่มีมูลค่าสูงจะอยู่ใจกลางของกองทุนสำรองนี้ ผมก็รัก Bitcoin และ Ethereum เช่นกัน” ทรัมป์ระบุ

 

ภายหลังการประกาศดังกล่าว ราคาของ XRP พุ่งขึ้น 33% ขณะที่โทเคนของ Solana กระโดดขึ้น 25% และเหรียญของ Cardano ทะยานขึ้นกว่า 60%

 

Bitcoin พุ่งขึ้น 10% แตะระดับ 94,343.82 ดอลลาร์ หลังจากร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนต่ำกว่า 80,000 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ (28 กุมภาพันธ์) ส่วน Ether ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาราคาปรับตัวลดลง ล่าสุดก็ปรับตัวขึ้นได้ 13%

 

ทรัมป์เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดคริปโตของทำเนียบขาวเป็นครั้งแรกในวันศุกร์นี้ (7 มีนาคม) โดยนักลงทุนจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางของแผนกองทุนสำรอง

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ทรัมป์สนับสนุน ‘กองทุนสำรอง’ แทนที่จะเป็น ‘คลังเก็บ’ โดยกองทุนสำรองหมายถึงการซื้อคริปโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ขณะที่คลังเก็บหมายถึงการไม่ขายคริปโตที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถืออยู่ในปัจจุบัน

 

ทรัมป์เคยเสนอแนวคิดเรื่องการสะสม Bitcoin เป็นคลังของรัฐบาลเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วที่งาน Bitcoin 2024 ในแนชวิลล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในการประชุมใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมคริปโต โดยในงานเดียวกันนี้ ซินเทีย ลัมมิส วุฒิสมาชิกจากรัฐไวโอมิง นำเสนอข้อเสนอของเธอเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin แห่งชาติ

 

อย่างไรก็ตาม ชุมชนคริปโตหลายกลุ่มเชื่อว่ากองทุนสำรองคริปโตควรถือเพียง Bitcoin เท่านั้น เนื่องจากเป็นเครือข่ายที่ผ่านการทดสอบและกระจายศูนย์มากที่สุด การรวมเหรียญอื่นๆ เข้าไปอาจทำให้รัฐบาลต้องเข้ามากำหนดว่าเหรียญใดเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ในตลาดคริปโต

 

อีกกลุ่มหนึ่งไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการจัดตั้งกองทุนสำรองคริปโตของสหรัฐฯ เนื่องจากอาจเป็นการบ่อนทำลายสถานะของเงินดอลลาร์ และยังสามารถถูกยกเลิกได้ง่ายโดยรัฐบาลชุดถัดไป

 

“การเลือกตั้งครั้งต่อไปอาจนำรัฐบาลใหม่เข้ามา ซึ่งอาจต้องการเงินเพื่อชำระหนี้ประกันสังคม พวกเขาอาจขายกองทุนสำรองนี้” อดัม บลัมเบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธานฝ่ายที่ปรึกษาของ Enclave Group กล่าว

 

“ผมไม่ชอบแนวคิดที่ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ หรือรัฐบาลใดๆ จะถือครองสินทรัพย์ที่กระจายศูนย์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา” เขากล่าวเสริม “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ Bitcoin ถูกสร้างขึ้นมา และมันทำให้รัฐบาลกลางมีอำนาจมากเกินไป ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ เองก็อยู่ในวัฏจักรการเลือกตั้งทุกๆ 4 ปี หรือแม้แต่ 2 ปี”

 

อ้างอิง:

The post ทรัมป์เดินหน้าแผนกองทุนสำรองคริปโต ย้ำเป้าหมาย ‘สหรัฐฯ ศูนย์กลางคริปโตโลก’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตำรวจบุกจับเหมืองบิทคอยน์กลางเมืองแม่สอด ค้นสวนยางพาราริมเมย ซ่อนเสาส่งสัญญาณไปเมียนมา https://thestandard.co/illegal-bitcoin-mine-maesot-raid/ Thu, 13 Feb 2025 12:09:50 +0000 https://thestandard.co/?p=1041550 เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเครื่องขุดบิทคอยน์ที่ถูกยึดในอำเภอแม่สอด

วันนี้ (13 กุมภาพันธ์) พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชา […]

The post ตำรวจบุกจับเหมืองบิทคอยน์กลางเมืองแม่สอด ค้นสวนยางพาราริมเมย ซ่อนเสาส่งสัญญาณไปเมียนมา appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเครื่องขุดบิทคอยน์ที่ถูกยึดในอำเภอแม่สอด

วันนี้ (13 กุมภาพันธ์) พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) แถลงข่าวปฏิบัติการ ‘ฟ้าสางที่แม่สอด’ ทลายเหมืองบิทคอยน์เถื่อน ลอบใช้ไฟฟ้าเสียหายกว่า 4 ล้านบาท พร้อมจับอาวุธปืนผิดกฎหมายพร้อมกระสุน

 

สืบเนื่องจาก บช.สอท. สืบสวนพบข้อมูลว่ามีกลุ่มบุคคลใช้อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งเพื่อลักลอบเปิดกิจการขุดเหรียญบิทคอยน์ในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จึงประสานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สอด ทำให้ทราบว่าสถานที่ดังกล่าวมีการแจ้งหยุดใช้กระแสไฟฟ้าไปแล้ว จากการตรวจสอบย้อนหลังไปถึง พ.ศ. 2561 พบว่ามีปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้าจำนวนมาก รวมเป็นเงินค่าไฟฟ้าทั้งหมด 3,189,072 บาท แต่หลังจากนั้นไม่พบว่ามีการใช้กระแสไฟฟ้าอีกเลย

 

แต่จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่าในเวลากลางคืน อาคารพาณิชย์ดังกล่าวยังได้ยินเสียงการทำงานของอุปกรณ์ที่คาดว่าเป็นเครื่องขุดบิทคอยน์ดังออกมาจากตัวอาคารอยู่ตลอดเวลา และพบว่าที่บริเวณชั้น 2 ยังมีแสงไฟฟ้าจากหลอดไฟส่องสว่างอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติ เนื่องจากอาคารดังกล่าวมีการแจ้งหยุดการใช้กระแสไฟฟ้าไปแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชื่อว่าอาจมีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าของทางราชการในการประกอบกิจการเหมืองขุดบิทคอยน์

 

อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังสืบสวนทราบข้อมูลการกระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนผิดกฎหมายในพื้นที่อำเภอแม่สอดด้วย จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดแม่สอดเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จำนวน 6 จุดในคราวเดียวกัน

 

กระทั่งช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทั้ง 6 จุด สามารถยึดเครื่องขุดบิทคอยน์ อาวุธปืนหลายชนิด และเครื่องกระสุนปืน 

 

โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามผู้ก่อเหตุลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อทำเหมืองบิทคอยน์มาดำเนินคดี ซึ่งมีความผิดฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ซึ่งระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของ ซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ 

 

นอกจากนี้ตำรวจไซเบอร์ร่วมกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ นำหมายค้นเข้าตรวจสอบเสาเครื่องส่งสัญญาณโทรศัพท์กลางสวนยางพารา ใกล้ริมแม่น้ำเมย ในพื้นที่ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก 

 

จากการตรวจสอบพบเสาส่งสัญญาณและตู้สัญญาณ แต่แผงสัญญาณถูกถอดออกไปแล้ว เมื่อตรวจสอบไปยังการไฟฟ้าทราบว่าสายไฟที่จ่ายกระแสไฟฟ้ามายังจุดดังกล่าว การไฟฟ้าไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการและไม่มีการขออนุญาต รวมทั้งสัญญาณโทรศัพท์ที่ใช้ก็ไม่พบว่ามีการขออนุญาตจาก กสทช. แต่อย่างใด

 

โดยเสาสัญญาณโทรศัพท์ดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นไม้รกทึบในสวนยางพาราริมแม่น้ำเมย ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเมืองอพอลโล ตอนปลายของเมืองชเวโก๊กโก่ โดยก่อนการเข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยังพบว่ามีการปล่อยสัญญาณเต็มอยู่ และยังพบด้วยว่ามีแผงปล่อยสัญญาณหันไปยังฝั่งเมียนมาอยู่ แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว

 

นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงเสาสัญญาณดังกล่าวไม่มีบ้านเรือนประชาชนพักอาศัยอยู่แต่อย่างใด จึงคาดว่าเสาดังกล่าวถูกติดตั้งเพื่อลักลอบส่งสัญญาณข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสนับสนุนการกระทำผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเครื่องขุดบิทคอยน์ที่ถูกยึดในอำเภอแม่สอด

The post ตำรวจบุกจับเหมืองบิทคอยน์กลางเมืองแม่สอด ค้นสวนยางพาราริมเมย ซ่อนเสาส่งสัญญาณไปเมียนมา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: เจาะลึกแผนธุรกิจ ‘เหมืองบิทคอยน์’ กลุ่ม JAS โอกาสโตแข็งแกร่ง | THE STANDARD WEALTH https://thestandard.co/morning-wealth-05022025-4/ Wed, 05 Feb 2025 10:32:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1038365 เหมืองบิทคอยน์

เจาะลึกแผนธุรกิจ ‘เหมืองบิทคอยน์’ กลุ่ม JAS โอกาสโตแข็ง […]

The post ชมคลิป: เจาะลึกแผนธุรกิจ ‘เหมืองบิทคอยน์’ กลุ่ม JAS โอกาสโตแข็งแกร่ง | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
เหมืองบิทคอยน์
  • เจาะลึกแผนธุรกิจ ‘เหมืองบิทคอยน์’ กลุ่ม JAS โอกาสโตแข็งแกร่ง พูดคุยกับ ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JAS และ ซังโดลี กรรมการผู้จัดการ บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น หรือ JTS
  • การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดอ่านหนังสือชี้ชวน และศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 . ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: เจาะลึกแผนธุรกิจ ‘เหมืองบิทคอยน์’ กลุ่ม JAS โอกาสโตแข็งแกร่ง | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>