BBIK – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 14 Mar 2023 09:51:43 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ทรานส์ฟอร์มธุรกิจไม่หยุด! ‘บลูบิค’ เปิดกลยุทธ์ ‘Growth at Scale’ เร่งขยายฐานธุรกิจไทย-เทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ปี 66 เติบโต 120% https://thestandard.co/bluebik-growth-at-scale/ Tue, 14 Mar 2023 03:13:53 +0000 https://thestandard.co/?p=762515

‘บลูบิค กรุ๊ป’ กางกลยุทธ์ ‘Growth at Scale’ เร่งผนึกบริ […]

The post ทรานส์ฟอร์มธุรกิจไม่หยุด! ‘บลูบิค’ เปิดกลยุทธ์ ‘Growth at Scale’ เร่งขยายฐานธุรกิจไทย-เทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ปี 66 เติบโต 120% appeared first on THE STANDARD.

]]>

‘บลูบิค กรุ๊ป’ กางกลยุทธ์ ‘Growth at Scale’ เร่งผนึกบริษัทในเครือขยายการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจผ่านกิจการร่วมค้า-ควบรวมกิจการ โฟกัสธุรกิจที่มีศักยภาพ เข้าเสริมทัพบริการ ตั้งเป้าสร้างรายได้ปี 2566 โต 120% 

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิกฤตโควิดสร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกของธุรกิจและดิจิทัลอย่างมาก มิหนำซ้ำยังส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคให้มีความซับซ้อนมากขึ้น จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ ‘บลูบิค กรุ๊ป’ ที่ปรึกษาผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ต้องทรานส์ฟอร์มธุรกิจอยู่เป็นระยะๆ 

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK กล่าวว่า ที่ผ่านมายุทธศาสตร์หลักของบลูบิค กรุ๊ป มุ่งเดินหน้าให้ความสำคัญในการขยายฐานลูกค้าผ่านการทำตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงการควบรวมกิจการ Tech Company ได้แก่ บริษัท วัลแคน ดิจิทัล เดลิเวอรี่ จำกัด (VDD) และบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด (Innoviz) เข้ามาเสริมพอร์ตโฟลิโอ เพื่อสร้างความแกร่งให้กับกลุ่มบริการ แน่นอนว่าได้สะท้อนมูลค่างานในมือรวมทั้งหมด 979 ล้านบาท

 

สำหรับกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานปี 2566 บริษัทให้ความสำคัญกับการเติบโตแบบ ‘Growth at Scale’ ผ่านกลยุทธ์ 3 วางแนวทาง เริ่มตั้งแต่ การจับมือกับบริษัทในเครือ ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่เป็นองค์กรขนาดกลางและภาครัฐ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว

 

ตามด้วยการเพิ่มน้ำหนักในการพัฒนาโซลูชันและแอปพลิเคชันที่สามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานระดับหลายร้อยล้านคน ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรับงานขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านบาทได้ ทั้งนี้ถือว่ามีโอกาสอย่างมาก เพราะตลาดดังกล่าวยังมีการแข่งขันน้อย โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่มีขนาดใหญ่กว่าไทยหลายเท่าตัว 

 

ทั้งนี้บริษัทมีข้อได้เปรียบด้านโครงสร้างราคา ซึ่งจะทำให้บลูบิคกลายเป็นผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสัญชาติไทยที่สามารถเข้าไปแข่งขันกับบริษัทต่างชาติได้ 

 

นอกจากนี้ยังเตรียมขยายธุรกิจผ่านกิจการร่วมค้า (Joint Venture) และการควบรวมกิจการ (Mergers & Acquisitions: M&A) โฟกัสธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตและส่งเสริมบริการหลักให้แข็งแกร่งขึ้น อาทิ Big Data การพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มและโซลูชันที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรมได้

 

พร้อมยังมีแผนการขยายธุรกิจไปต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาโอกาสทางธุรกิจในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ผ่านมาได้เข้าไปเปิดตลาดในเวียดนามและอินเดียเพื่อรองรับโอกาสโตระยะยาว 

 

ยิ่งไปกว่านั้น กลยุทธ์ข้างต้นจะสามารถสอดรับกับแนวคิดการทำธุรกิจแห่งโลกอนาคต Digital-First Company ที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นกลไกในการขับเคลื่อน เพื่อให้ลูกค้าสามารถรับมือการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจ และพร้อมเผชิญหน้ากับ New World Order หรือระเบียบโลกใหม่ โดย Digital-First Company จะช่วยเชื่อมโยงระบบนิเวศของธุรกิจยุคใหม่ที่ประกอบด้วย องค์กร ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคม ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้มากขึ้น

 

พชรยังกล่าวต่อถึงการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงขึ้นต่อเนื่อง หลังจากมีผู้เล่นรายใหม่ๆ กระโดดเข้ามาอยู่เป็นระยะๆ จึงทำให้บลูบิคต้องเร่งขยายธุรกิจและบริการให้สอดรับกับเทรนด์การทำธุรกิจใหม่ๆ โดยปี 2566 เตรียมงบไว้ราว 100 ล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีต่างๆ และการพัฒนาบุคลากร ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

 

อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีแรกของปี 2566 หลังปิดดีลควบรวมกิจการ VDD และ Innoviz เสร็จสิ้น ทำให้สามารถบันทึกรายได้และกำไรของทั้งสองบริษัทได้ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2566 และยังได้รับอานิสงส์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI ทำให้บริษัทฯ ประเมินว่าผลประกอบการปี 2566 จะสามารถเติบโตได้ถึง 120% 

 

ขณะที่ผลประกอบการปี 2565 มีรายได้รวม 564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% มีกำไรสุทธิ 131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96% โดยสัดส่วนรายได้แบ่งเป็น ในประเทศ 90% ต่างประเทศอยู่ที่ 10% 

The post ทรานส์ฟอร์มธุรกิจไม่หยุด! ‘บลูบิค’ เปิดกลยุทธ์ ‘Growth at Scale’ เร่งขยายฐานธุรกิจไทย-เทศ ตั้งเป้าสร้างรายได้ปี 66 เติบโต 120% appeared first on THE STANDARD.

]]>
BBIK ฮอต! กองทุนชั้นนำไทย-ต่างประเทศ แห่จองหุ้น PP ล้น รับเงินระดมทุนมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท https://thestandard.co/bbik-hot-buy-pp-stocks-overflowing/ Tue, 14 Feb 2023 09:42:03 +0000 https://thestandard.co/?p=750258

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK เตรียมเร่งเครื่องขยายธุรกิจผ […]

The post BBIK ฮอต! กองทุนชั้นนำไทย-ต่างประเทศ แห่จองหุ้น PP ล้น รับเงินระดมทุนมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK เตรียมเร่งเครื่องขยายธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการ (M&A) เต็มสูบ สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดตามแผน หลังนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศมั่นใจจองหุ้น PP แน่น มูลค่ารวมกว่า 1,075 ล้านบาท 

 

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่าน มติที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 1/2566 ของ BBIK ไฟเขียวให้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 8,882,400 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement: PP) ที่ราคาหุ้นละ 121 บาท รวมมูลค่าเสนอขายทั้งสิ้น 1,075 ล้านบาท โดยกรอบระยะเวลาการเสนอขายและการชำระค่าหุ้นอยู่ระหว่างวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์นี้ คาดปิดดีลเสร็จสมบูรณ์ภายในสัปดาห์หน้า 

 

พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK ระบุว่า การเสนอขายหุ้น PP ครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากกองทุนดีเยี่ยม จำนวนเงินทุนที่ได้เป็นไปตามเป้าและเพียงพอสำหรับแผนการลงทุน โดยประเมินว่านักลงทุนสถาบันมั่นใจในบริษัท สะท้อนผ่านราคา 121 บาทต่อหุ้นที่เป็นไปตามแผน

 

พชรกล่าวว่า การเพิ่มทุนในครั้งนี้ยังเป็นก้าวสำคัญเพื่อสร้างการเติบโตในระดับเท่าตัวทั้งในฝั่งรายได้และกระแสเงินสดรองรับการขยายธุรกิจผ่านดีล M&A พร้อมสร้างโอกาสเติบโตด้วยการรุกธุรกิจใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ปักหมุดผลประกอบการปีนี้โตกว่าเท่าตัว แย้มข่าวดียังมีต่อเนื่อง เพราะบลูบิคตั้งเป้าสร้างการเติบโตก้าวกระโดด เพื่อส่งต่อผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นกันแบบยาวๆ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

The post BBIK ฮอต! กองทุนชั้นนำไทย-ต่างประเทศ แห่จองหุ้น PP ล้น รับเงินระดมทุนมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
BBIK แจง ซีอีโอ-บอร์ด 3 รายขายหุ้น Big Lot 2.15 ล้านหุ้น แค่ปรับโครงสร้างถือหุ้น หวังรับประโยชน์ทางภาษี ยันยังถือสัดส่วนหุ้นเท่าเดิม https://thestandard.co/bbik-clarified-boards-sold-their-shares/ Tue, 07 Feb 2023 05:28:52 +0000 https://thestandard.co/?p=746992

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป ชี้แจงรายการขายหุ้น Big Lot ของ 3 ผู้บ […]

The post BBIK แจง ซีอีโอ-บอร์ด 3 รายขายหุ้น Big Lot 2.15 ล้านหุ้น แค่ปรับโครงสร้างถือหุ้น หวังรับประโยชน์ทางภาษี ยันยังถือสัดส่วนหุ้นเท่าเดิม appeared first on THE STANDARD.

]]>

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป ชี้แจงรายการขายหุ้น Big Lot ของ 3 ผู้บริหาร 2.15 ล้านหุ้น มูลค่าเฉียด 300 ล้านบาท วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นการปรับโครงสร้างการถือหุ้น โอนบริษัท บลูบิค กรุ๊ป โฮลดิ้ง เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี 

 

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK ระบุว่า การทำ Big Lot จำนวน 2,153,000 หุ้น ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 139 บาท หรือคิดเป็น 2.15% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เป็นการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ด้วยการโอนหุ้นระหว่างกัน แต่ยังคงสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ 52.56% เช่นเดิม โดย 3 ผู้บริหาร ได้แก่ พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, ปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 และกรรมการบริษัทฯ และ พิพัฒน์ ประภาพรรณพงศ์ กรรมการบริษัทฯ ได้โอนหุ้นบริษัทฯ ให้แก่บริษัท บลูบิค กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด

 

โดยหลังทำรายการ Big Lot ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัท บลูบิค กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด มีสัดส่วนการถือหุ้น บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK เพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 27.5% ในขณะที่สัดส่วนการถือครองหุ้นของพชรลดลงจาก 16.86% เป็น 15.01%, ปกรณ์ลดลงจาก 10% เป็น 9.78% และพิพัฒน์จาก 0.70% เป็น 0.62% ตามลำดับ 

 

และจากการถือครองหุ้นเกิน 25% ของบริษัท บลูบิค กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล ทำให้เข้าเกณฑ์ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษี 10% จากเงินปันผลที่ได้รับจาก BBIK 

 

ทั้งนี้ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทย เพื่อประกอบธุรกิจการถือหุ้นบริษัทอื่น (Holding Company) ที่มีผู้ถือหุ้นคือ พชร, ปกรณ์ และพิพัฒน์ ในสัดส่วน 61.50, 35.90 และ 2.60% ตามลำดับ หรือรวมกันทั้งสิ้น 100% ที่สำคัญช่วงนี้ยังเป็น Silent Period ของกรรมการและผู้บริหาร เพราะใกล้ปิดงบปี 2565 โดยสะท้อนว่า 3 ผู้บริหารยังคงถือหุ้น BBIK ในสัดส่วนเดิม


บทความที่เกี่ยวข้อง


 

The post BBIK แจง ซีอีโอ-บอร์ด 3 รายขายหุ้น Big Lot 2.15 ล้านหุ้น แค่ปรับโครงสร้างถือหุ้น หวังรับประโยชน์ทางภาษี ยันยังถือสัดส่วนหุ้นเท่าเดิม appeared first on THE STANDARD.

]]>
บลูบิค สยายปีกสู่เวียดนาม ดักอานิสงส์รัฐบาลเร่งส่งเสริมเทคฯ ในประเทศ ดันดีมานด์ Digital Transformation https://thestandard.co/bbik-vietnam/ Tue, 10 Jan 2023 08:37:33 +0000 https://thestandard.co/?p=735146 บลูบิค

บลูบิค สยายปีกขยายธุรกิจเวียดนาม ปักหมุดเป็นยุทธศาสตร์ส […]

The post บลูบิค สยายปีกสู่เวียดนาม ดักอานิสงส์รัฐบาลเร่งส่งเสริมเทคฯ ในประเทศ ดันดีมานด์ Digital Transformation appeared first on THE STANDARD.

]]>
บลูบิค

บลูบิค สยายปีกขยายธุรกิจเวียดนาม ปักหมุดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญสร้างรายได้ต่างประเทศ รับดีมานด์เทคฯ ทะลัก หลังรัฐบาลเวียดนามประกาศเร่งเครื่องสนับสนุนการทำ Digital Transformation 

 

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร เดินเกมรุกต่อเนื่องในตลาดต่างประเทศ ล่าสุดจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศเวียดนาม รับความต้องการทำ Digital Transformation เติบโตสูง หลังรัฐบาลเวียดนามประกาศแผนพัฒนา Digital Transformation อย่างจริงจัง พร้อมผลักดันการใช้งานระบบเครือข่าย 5G ภายในปีหน้า บริษัทสบช่องเห็นโอกาสรับงานต่อเนื่อง ผนวกกับอัตราบุคลากร Tech Talent ของหน่วยงาน Digital Delivery จาก MFEC เข้ามาเสริมทัพ จึงปักหมุดเวียดนามเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการสร้างรายได้ให้กับบริษัท โดยตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทในปี 2023

 

พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK เปิดเผยว่า ในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างก้าวกระโดด บริษัทจึงให้ความสำคัญในการขยายฐานลูกค้าผ่านการทำตลาด ทั้งแบบแนวตั้งที่มุ่งขยายฐานลูกค้าขนาดใหญ่สู่ขนาดกลาง และแบบแนวนอนด้วยการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ ผ่านการให้บริการที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจะเห็นว่าใน 1 ปีที่ผ่านมา บลูบิคมีการขยายตลาดสู่ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในประเทศอังกฤษ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย จนมาถึงเวียดนาม 

 

ทั้งนี้ เวียดนามเป็นประเทศที่กำลังถูกจับตามองจากนักลงทุนทั่วโลก สะท้อนผ่านจำนวนเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่อยู่ระดับสูง อีกทั้งภาพรวมของเศรษฐกิจเวียดนามยังคงเติบโตท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดย GDP ของประเทศเวียดนามในปี 2022 เติบโตถึง 8.02% นอกจากนี้ การสนับสนุนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันจากภาครัฐที่มีเป้าหมายนำเทคโนโลยีและดิจิทัลเข้าไปพัฒนาระบบของทุกอุตสาหกรรม รวมถึงการขยายเครือข่ายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตระดับครัวเรือนให้ครอบคลุม 80% ของประเทศนั้น จะเป็นกลไกสำคัญที่กระตุ้นให้ความต้องการนำเทคโนโลยีไปใช้งานทั้งภาครัฐและเอกชนในเวียดนามเป็นไปอย่างน่าสนใจ   

 

“บริษัทได้ศึกษาโอกาสทางธุรกิจในประเทศเวียดนาม ผ่านการรับงานในโครงการออกแบบสถาปัตยกรรมระบบให้กับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง จึงพบว่าประเทศเวียดนามยังมีความต้องการในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันอีกมากจากปัจจัยสนับสนุนของภาครัฐและภาคเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสของบริษัทในการเข้าไปจับตลาดในประเทศเวียดนาม โดยเฉพาะบริการส่วนงานด้านพัฒนาซอฟต์แวร์และระบบดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งอยู่ภายใต้หน่วยงาน Digital Excellence & Delivery โดยเชื่อว่า บริษัท บลูบิค (เวียดนาม) จำกัด ที่เพิ่งจัดตั้งไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 อีกทั้งการเข้าซื้อหน่วยงาน Digital Delivery ของ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จะสามารถรองรับความต้องการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี” พชรกล่าว

 

จากประสบการณ์การทำงานระดับสากลของบลูบิคที่ผ่านมา ผนวกกับจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นจาก 350 คน เป็น 780 คน หลังบรรลุผลสำเร็จตามแผนการควบรวมกิจการ 2 บริษัทเทคฯ ขนาดใหญ่ช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้แก่ หน่วยธุรกิจของ MFEC ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และดิจิทัลแพลตฟอร์ม และบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด (Innoviz Solutions) ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญการวางระบบ Microsoft Dynamics 365 – ERP อันดับหนึ่งของไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ทำให้บริษัทมีความพร้อมในการให้บริการและรุกตลาดเวียดนามอย่างจริงจัง และเชื่อมั่นว่าการขยายธุรกิจในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้จากตลาดต่างประเทศของบริษัท ที่คาดว่าจะมีสัดส่วน 10-20% ของรายได้รวมในปี 2023 

 

สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2022 (YoY) บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 425 ล้านบาท เติบโตขึ้นราว 115% และมีกำไรสุทธิแตะ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 119% โดยมีรายได้จากต่างประเทศมากกว่า 42 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนราว 10% ของรายได้รวม ซึ่งการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้ง 3 ไตรมาส ผนวกกับยอดรอรับรู้รายได้จาก Backlog สะสมอีก 431 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบริษัท และความสำเร็จจากการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ 3 ปี ที่ต้องการเติบโตอย่างน้อยปีละ 70% อย่างต่อเนื่อง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

The post บลูบิค สยายปีกสู่เวียดนาม ดักอานิสงส์รัฐบาลเร่งส่งเสริมเทคฯ ในประเทศ ดันดีมานด์ Digital Transformation appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘บลูบิค ไททันส์’ ลุยตลาด Cybersecurity ครบวงจร รองรับความต้องการภาคธุรกิจ หลังมูลค่าความเสียหายทั่วโลกจ่อแตะ 8 ล้านล้านดอลลาร์ https://thestandard.co/bbik-titans-cybersecurity/ Wed, 14 Dec 2022 09:50:37 +0000 https://thestandard.co/?p=723718

‘บลูบิค ไททันส์’ เดินหน้าให้บริการ Cybersecurity ครบวงจ […]

The post ‘บลูบิค ไททันส์’ ลุยตลาด Cybersecurity ครบวงจร รองรับความต้องการภาคธุรกิจ หลังมูลค่าความเสียหายทั่วโลกจ่อแตะ 8 ล้านล้านดอลลาร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

‘บลูบิค ไททันส์’ เดินหน้าให้บริการ Cybersecurity ครบวงจร หลังความหวาดหวั่นต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ของภาคธุรกิจพุ่ง คาดมูลค่าความเสียหายจากการโจมตีทางไซเบอร์ทั่วโลกจ่อแตะ 8 ล้านล้านดอลลาร์

 

พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK กล่าวว่า ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา Cybersecurity เป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรต้องหันมาให้ความสำคัญในการวางกลยุทธ์เพื่อรับมือกับปัจจัยลบรอบด้าน เพราะปัจจุบันเทคโนโลยี อาทิ ระบบคลาวด์ ตามด้วยบล็อกเชน และปัญญาประดิษฐ์ ที่นอกจากจะสร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ ยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจเกิดช่องโหว่หรือจุดอ่อนให้อาชญากรทางไซเบอร์เข้ามาโจรกรรมทางทรัพย์สินได้

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

สอดคล้องกับแนวโน้มความเสียหายจากภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มขึ้น โดยในปี 2023 World Economic Forum คาดการณ์ถึงมูลค่าความเสียหายจากการโจมตีทางไซเบอร์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 15% ต่อปี หรืออยู่ที่ราวๆ 8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการใช้จ่ายด้าน Cybersecurity ที่จะเพิ่มขึ้น 12% ต่อปี เป็น 1.94 แสนล้านดอลลาร์ ดังนั้นองค์กรต้องยกระดับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อป้องกันความเสียหาย 

 

สำหรับอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงตกเป็นเป้าหมายการโจมตีสูงสุด เริ่มตั้งแต่ธุรกิจการเงิน โรงพยาบาล ค้าปลีก และโรงแรม โดยมีภัยคุกคามทางไซเบอร์ประกอบด้วย

 

  1. มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) ขณะนี้แฮกเกอร์มีการพัฒนา Ransomware-as-a-Service ด้วยการขายมัลแวร์ที่ฝังตัวอยู่ในระบบของเป้าหมายในตลาดมืด และตกลงซื้อขายภายใต้เงื่อนไขการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันหากผู้ซื้อสามารถเรียกค่าไถ่ได้สำเร็จ ทำให้การใช้มัลแวร์เรียกค่าไถ่จะทำได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น 

 

เห็นได้จากรายงานของหน่วยงาน Cybersecurity ของประเทศในทวีปอเมริกา ระบุว่า ในไตรมาส 3 ปี 2022 ค่าเฉลี่ยของจำนวนเงินค่าไถ่ทางไซเบอร์อยู่ที่ราว 2.5 แสนดอลลาร์ และพบว่ามีองค์กรกว่า 58% ต้องตกเป็นเหยื่อมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ขณะที่ 14% ขององค์กรเหล่านี้ต้องจ่ายค่าไถ่มากกว่า 1 ครั้ง    

 

  1. การโจมตีในซัพพลายเชนหรือห่วงโซ่อุปทาน แฮกเกอร์ปรับเปลี่ยนรูปแบบการโจมตี โดยมุ่งเป้าไปเป็นการเจาะระบบของผู้ให้บริการภายนอกที่มีการให้บริการกับหลายๆ องค์กร และมีช่องทางการเข้าสู่ระบบหลังบ้านขององค์กรลูกค้าต่างๆ อยู่แล้ว แฮกเกอร์จึงเจาะระบบของผู้ให้บริการภายนอก เพื่อใช้เป็นช่องทางที่จะเข้าไปสู่ระบบขององค์กรเป้าหมาย

 

จากผลสำรวจของ Ponemon Institute พบว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีองค์กรกว่า 54% ถูกโจมตีทางไซเบอร์ผ่านซัพพลายเชนหรือผู้ให้บริการภายนอก โดยมีเพียง 34% ที่มีความมั่นใจว่าตนเองจะได้รับการแจ้งเตือนจากบริษัทผู้ให้บริการ

 

  1. การโจรกรรมข้อมูล มีเป้าหมายหลักเป็นผลประโยชน์ทางการเงิน และพุ่งไปที่ข้อมูลสำคัญ ความลับทางการค้า ทรัพย์สินทางปัญญา โดยความเสียหายจากเหตุการณ์โจรกรรมข้อมูลมีมูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6,000 บาทต่อ 1 รายการข้อมูล

 

โดยรายงานของ IBM ประเมินว่า ในปี 2023 ความเสียหายจากการโจรกรรมทางข้อมูลขององค์กรในภูมิภาคอาเซียนจะมีมูลค่าเฉลี่ยสูงถึง 2.87 ล้านดอลลาร์ต่อครั้ง และมีองค์กรกว่า 83% ตกเป็นเหยื่อมากกว่า 1 ครั้ง โดย 45% เป็นการโจรกรรมข้อมูลบนระบบคลาวด์ซึ่งองค์กรมีการใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ด้าน พลสุธี ธเนศนิรัตศัย ผู้อำนวยการ บริษัท บลูบิค ไททันส์ จำกัด กล่าวต่อว่า การเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันและรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องหันมาให้ความสำคัญ เพราะการโจมตีทางไซเบอร์สร้างความเสียหายทั้งด้านการเงินและความน่าเชื่อถือขององค์กร 

 

สำหรับการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ต้องใช้แนวคิด ‘Cyber Resilience’ ที่ประกอบด้วย 5 แนวทาง 

 

  1. การพิจารณาด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ออกมาในรูปแบบของความเสี่ยง รวมถึงผลกระทบในมุมมองต่างๆ เช่น ความเสียหายทางการเงิน การละเมิดกฎหมาย ความเชื่อมั่นจากลูกค้าและคู่ค้า เพื่อเลือกวางแผนยกระดับควบคุมความเสี่ยง

 

  1. ผู้บริหารระดับสูงควรสนับสนุนให้มีการกำกับดูแลความเสี่ยงทางไซเบอร์ และส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังภัย 

 

  1. ผู้บริหารระดับสูงควรกำกับดูแลสถานะความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างใกล้ชิด โดยการตรวจสอบภาพรวมของสถานะความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และแผนกลยุทธ์เพื่อการยกระดับมาตรฐาน 

 

  1. กำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อบังคับทางกฎหมายด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงติดตามการออกกฎหมายลูกฉบับใหม่ๆ

 

  1. ให้ความสำคัญกับเรื่องพื้นฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ที่อาจสร้างความเสียหายต่อธุรกิจ อย่างน้อยองค์กรควรให้ความสำคัญกับเรื่องสำคัญพื้นฐาน เช่น การจัดการทะเบียนสินทรัพย์สารสนเทศที่ถูกต้อง

 

อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการ Cybersecurity ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากหากมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์บริหารจัดการ 

 

ดังนั้น ‘บลูบิค ไททันส์’ บริษัทย่อยของ บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) หลังจากเปิดให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แบบครบวงจรเมื่อช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลากหลาย ทั้งสถาบันการเงิน โรงพยาบาล ค้าปลีก และรัฐวิสาหกิจ 

 

และจากนี้ไปบริษัทวางแผนเพิ่มน้ำหนักออกแบบบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ และกรอบการบริหารจัดการ เพื่อยกระดับมาตรการป้องกันการละเมิดความมั่นคงปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้องค์กรและคู่ค้า โดยปี 2023 ตั้งเป้ารายได้กว่า 60 ล้านบาท 

 

The post ‘บลูบิค ไททันส์’ ลุยตลาด Cybersecurity ครบวงจร รองรับความต้องการภาคธุรกิจ หลังมูลค่าความเสียหายทั่วโลกจ่อแตะ 8 ล้านล้านดอลลาร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘บลูบิค’ เผยกำไรไตรมาส 3 โต 146% อานิสงส์ตลาดดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันขยายตัว เดินหน้ารุกเวียดนาม หลังบอร์ดไฟเขียวตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ https://thestandard.co/bbik-q3-profit/ Fri, 11 Nov 2022 06:45:58 +0000 https://thestandard.co/?p=707734 บลูบิค

บลูบิค กรุ๊ป สร้างสถิติกำไรสูงสุดครั้งใหม่ หลังไตรมาส 3 […]

The post ‘บลูบิค’ เผยกำไรไตรมาส 3 โต 146% อานิสงส์ตลาดดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันขยายตัว เดินหน้ารุกเวียดนาม หลังบอร์ดไฟเขียวตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
บลูบิค

บลูบิค กรุ๊ป สร้างสถิติกำไรสูงสุดครั้งใหม่ หลังไตรมาส 3 โกยกำไร 38 ล้านบาท หรือเติบโตถึง 146% ดัน 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท แถมบอร์ดไฟเขียวจัดตั้งบริษัทย่อยเพิ่มในต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าควบรวมกิจการ ปูทางสู่การเติบโตแบบก้าวกระโดด

 

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร เผยผลประกอบการไตรมาส 3/65 โตเกินคาดทั้งรายได้และกำไร โดยมีรายได้รวม 181 ล้านบาท เติบโตถึง 155% และกำไรสุทธิ 38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังเติบโตที่อย่างต่อเนื่อง และการขยายรูปแบบการให้บริการของบริษัทที่ครอบคลุมมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


จากปัจจัยบวกข้างต้นหนุนให้ผลประกอบการ 9 เดือนแรกปีนี้เติบโตทุบสถิติอีกครั้ง โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115% และกำไรสุทธิพุ่งแตะ 100 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 119% (YoY) และมียอดรอรับรู้รายได้แบบประจำ (Recurring Income) อีกกว่า 50% ของรายได้ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

 

โดยบริษัทจะเดินหน้าขยายกิจการผ่านการควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions: M&A) กิจการร่วมค้า (Joint Venture) และจัดตั้งบริษัทย่อยอย่างต่อเนื่อง มุ่งเสริมแกร่งด้านบริการและรองรับงานทั้งในและต่างประเทศ หลังจากที่ล่าสุดคณะกรรมการได้อนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยเพิ่มเติม ได้แก่ บริษัท บลูบิค (เวียดนาม) จำกัด ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อเตรียมขยายการให้บริการในประเทศเวียดนาม

 

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ที่มีรายได้รวม 181 ล้านบาทนั้น มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 38% และมีกำไรสุทธิที่ 38 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 (QoQ) โดยไตรมาสนี้มีรายได้ต่างประเทศจากการให้บริการโครงการในสหราชอาณาจักร จำนวน 12 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด อีก 6.9 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงสัญญาณบวกแรงของตลาดในและต่างประเทศ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3 มียอดรอรับรู้รายได้จากแบ็กล็อก (Backlog) สะสม 431 ล้านบาท 

 

พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBIK กล่าวว่า การเติบโตอย่างโดดเด่นของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลมาจากภาพรวมอุตสาหกรรมที่อยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเป็นหัวใจหลักของการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่ไร้พรมแดน อีกทั้งการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องทำอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับการเพิ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้ตามเป้าหมาย ทำให้สามารถรองรับงานได้ตามแผนที่วางไว้ โดยสิ้นไตรมาส 3 บริษัทมีจำนวนบุคลากรทั้งหมดกว่า 330 คน และคาดว่าจะมีบุคลากรมากกว่า 350 คนภายในสิ้นปีนี้

 

นอกจากนี้ การขยายบริการใหม่ที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ บริการที่ปรึกษาด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ บริการที่ปรึกษาระบบ ERP CRM และดิจิทัลแพลตฟอร์ม เช่น บล็อกเชน เป็นต้น รวมถึงการรุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจังทั้งในยุโรปและอาเซียน เริ่มทยอยส่งผลบวกต่อภาพรวมการเติบโต ผนวกกับความแข็งแกร่งของบริการหลักที่นำโดยบริการธุรกิจการให้คำปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีให้กับองค์กร (Digital Excellence & Delivery) ธุรกิจการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big Data & Advanced Analytics) ธุรกิจการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) และธุรกิจบริหารโครงการเชิงกลยุทธ์ (Strategic PMO) ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าบริษัทยังมีโอกาสเติบโตอีกมหาศาลในระยะยาว

 

“การเติบโตของบลูบิคในปีนี้เป็นที่น่าพอใจ ถือว่าเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ 3 ปี ที่มุ่งเน้นทั้งการเติบโตแบบ Organic Growth ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างรายได้จากกลุ่มบริการหลัก ควบคู่กับการเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วย Inorganic Growth ผ่านการควบรวมกิจการ กิจการร่วมค้า และการลงทุนเปิดบริษัทย่อยเพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการและการเติบโตอย่างมั่นคงของบลูบิค ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการกับพันธมิตรทางธุรกิจ” พชรกล่าว

 

จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าว ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถเติบโตตามแผนกลยุทธ์ 3 ปี ที่ 70% ต่อปีได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะปี 2566 จะเป็นอีกปีที่น่าจับตามองของบลูบิค ทั้งในแง่ของผลประกอบการและการขยายธุรกิจผ่านดีลใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อตอกย้ำการเป็น Truly End-to-End Digital Transformation Partner และเป้าหมายในการเป็น Growth Partner ให้กับลูกค้า ครอบคลุมตั้งแต่การวางกลยุทธ์ การติดตั้งเทคโนโลยี ไปจนถึงการร่วมทุนทางธุรกิจ เพื่อสร้างโอกาสเติบโตร่วมกันในอนาคต

The post ‘บลูบิค’ เผยกำไรไตรมาส 3 โต 146% อานิสงส์ตลาดดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันขยายตัว เดินหน้ารุกเวียดนาม หลังบอร์ดไฟเขียวตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
บลูบิค แนะองค์กรยกระดับเทคโนโลยี Cloud Computing เพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการทำงาน พร้อมลดค่าใช้จ่ายรับมือภาวะ https://thestandard.co/bluebik-bbik-cloud-computing/ Thu, 06 Oct 2022 07:54:41 +0000 https://thestandard.co/?p=691993

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำ ผู้ให้บริการ […]

The post บลูบิค แนะองค์กรยกระดับเทคโนโลยี Cloud Computing เพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการทำงาน พร้อมลดค่าใช้จ่ายรับมือภาวะ appeared first on THE STANDARD.

]]>

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำ ผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร แนะองค์กรยกระดับเทคโนโลยี Cloud Computing ด้วยการออกแบบ ‘Cloud Architecture’ หรือสถาปัตยกรรมคลาวด์ 5 ประการ ครอบคลุมตั้งแต่การดำเนินงาน ความปลอดภัย ค่าใช้จ่าย ความน่าเชื่อถือ และความเสถียรของระบบ ซึ่งหลักการดังกล่าวจะทำให้การบริหารจัดการระบบเซิร์ฟเวอร์ (Server) ขององค์กรมีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และรองรับการทำงานรูปแบบใหม่ๆ ในอนาคต เพื่อปูทางสู่การเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

 

พิพัฒน์ ประภาพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการและหัวหน้าทีม Big Data and Advanced Analytics บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK กล่าวว่า ปัจจุบันระบบ Cloud Computing กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สอดรับกับผลการสำรวจของ Gartner ภายใต้หัวข้อ Cloud Shift ที่ระบุว่า ในปี 2568 การใช้จ่ายมากกว่าครึ่งด้านไอทีขององค์กรจะเกี่ยวข้องกับระบบคลาวด์ และมีหลายเทคโนโลยีหลักที่จะย้ายไปใช้บริการระบบคลาวด์มากขึ้น เช่น ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน และระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


จากกระแสดังกล่าวทำให้มีการคาดการณ์ว่า ระบบคลาวด์จะเป็นอีกเทรนด์สำคัญในโลกธุรกิจแห่งอนาคตที่เข้ามารองรับการใช้งานขององค์กรทุกขนาด และสามารถรองรับระบบการทำงานในรูปแบบใหม่ เช่น Work from Anywhere – Any Time

 

นอกจากนี้ ระบบคลาวด์ยังช่วยให้การบริหารค่าใช้จ่ายขององค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ลดการลงทุนด้านเซิร์ฟเวอร์แบบ On-Premises และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบเอง และยังมีระบบการชำระเงิน ‘แบบใช้ก่อนจ่ายทีหลัง และระบบจ่ายตามการใช้งานจริง’ ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับองค์กร อีกทั้งผู้ให้บริการระบบคลาวด์หลายรายมีการพัฒนาแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น

 

ในปัจจุบันการประยุกต์ใช้ Cloud Computing มีอยู่ 3 รูปแบบ คือ

 

  1. การให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและระบบจัดเก็บข้อมูล หรือทำหน้าที่แทนเซิร์ฟเวอร์ (Infrastructure-as-a-Service หรือ IaaS)

 

  1. การให้บริการด้านแพลตฟอร์มสำหรับซอฟต์แวร์ (Platform-as-a-Service หรือ PasS) เช่น เว็บแอปพลิเคชัน (Web Application) ระบบประมวลผลกลางขององค์กรขนาดใหญ่ (Database Server) หรือระบบ API ที่มีการรักษาความปลอดภัยสูง

 

  1. การให้บริการซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน (Software-as-a-Service หรือ SaaS) ที่ส่วนใหญ่จะคิดค่าบริการตามการใช้งาน

 

“โดยทั่วไปแล้ว Cloud Computing มีพื้นฐานการออกแบบด้านสถาปัตยกรรมที่ไม่ต่างจากระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบ On-Premises ที่มีระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเป็นของตนเอง เพียงแต่อุปกรณ์หรือเซิร์ฟเวอร์ของระบบคลาวด์นั้นจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ให้บริการแทน ซึ่งสามารถใช้งานผ่านระบบต่างๆ เช่น หน้าเว็บไซต์ (Portal) หรือด้วยคำสั่ง Command-Line Interface (CLI) ผ่านคอนโซล โดยผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการและระบบต่างๆ ได้ง่าย ด้วยการเลือกแพ็กเกจและตั้งค่าใช้งาน จากนั้นระบบจะบริหารจัดการให้เอง และสามารถยกเลิกการใช้งานได้ตามต้องการ แต่การออกแบบ ‘Cloud Architecture’ ให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงของแต่ละองค์กรที่มีรูปแบบธุรกิจและกระบวนการทำงานที่แตกต่างกันนั้น จำเป็นต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งด้านธุรกิจและเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน” พิพัฒน์กล่าว

 

โดยบลูบิคเปิดเผยถึงหลักการออกแบบ ‘Cloud Architecture’ หรือสถาปัตยกรรมคลาวด์ ตามแนวทางปฏิบัติงานที่ดี หรือ Best Practice ของบริษัทฯ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบที่ออกแบบนั้นสามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืน ตอบโจทย์การใช้งานจริง และพร้อมสำหรับการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ 

 

โดยหลักการออกแบบแบ่งออกเป็น 5 ประการ ดังนี้ 

 

  1. หลักการออกแบบด้านการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ (Operational Excellence) 

 

  1. หลักการออกแบบด้านความปลอดภัย (Security) ที่จะต้องป้องกันตั้งแต่การแลกเปลี่ยนข้อมูล การเชื่อมต่อ และการจัดเก็บข้อมูล 

 

  1. หลักการออกแบบด้านค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ (Cost Optimization) 

 

  1. หลักการออกแบบด้านความน่าเชื่อถือของระบบ (Reliability) ที่ให้ความสำคัญในการทำ Backup และ Restore รวมถึงการทำสำเนาข้อมูลจัดเก็บไว้ในหลายแหล่ง

 

  1. หลักการออกแบบด้านเสถียรภาพและประสิทธิภาพในการทำงาน (Performance Efficiency) เน้นการออกแบบให้ระบบสามารถทำการพัฒนาและทดสอบได้เหมือนกับการใช้งานจริงบนโปรดักชัน

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

The post บลูบิค แนะองค์กรยกระดับเทคโนโลยี Cloud Computing เพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการทำงาน พร้อมลดค่าใช้จ่ายรับมือภาวะ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘บลูบิค’ กับแผนเติบโตให้ทันความคาดหวังของนักลงทุน หลังเข้าตลาดครบ 1 ปี https://thestandard.co/bluebik-plan/ Thu, 01 Sep 2022 10:02:37 +0000 https://thestandard.co/?p=675084 บลูบิค

เมื่อ 16 กันยายน 2021 หุ้นของ บมจ.บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) เ […]

The post ‘บลูบิค’ กับแผนเติบโตให้ทันความคาดหวังของนักลงทุน หลังเข้าตลาดครบ 1 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
บลูบิค

เมื่อ 16 กันยายน 2021 หุ้นของ บมจ.บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นวันแรก ผ่านการขายหุ้น IPO ที่ราคา 18 บาท ผ่านมาเกือบ 1 ปี ราคาหุ้นของ BBIK เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าตัว ทำสถิติสูงสุดที่ 98.5 บาท เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

 

ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นตลอด 1 ปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงความคาดหวังที่ค่อนข้างสูงของนักลงทุน ด้วยอัตราส่วนการเงินอย่างอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ที่ยังสูงเกือบ 100 เท่า แม้ว่ากำไรของบริษัทจะเติบโตเท่าตัวในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้

 

แม้ BBIK จะสร้างรายได้เติบโตเฉลี่ย 70% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยความคาดหวังที่สูงเช่นนี้ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า บริษัทจะสามารถสร้างการเติบโตได้ทันกับราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นหรือไม่

 

“ตอนนี้บริษัทเร่งทำกำไรเต็มที่ หากทำได้ก็จะเติบโตได้ทันกับความคาดหวัง แต่ต้องบอกว่าตอนนี้ทุกอย่างคือแผน ซึ่งต้องลงมือทำให้เกิดขึ้นจริง และหากเราอยากทำให้ได้ เราต้องหา Inorganic Growth เพื่อตอบแทนความเชื่อใจของนักลงทุนที่ให้ Valuation กับเรา” พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBIK ให้คำตอบเกี่ยวกับข้อสงสัยดังกล่าว

 

พชรกล่าวต่อว่า ภาพของบลูบิคกำลังจะเปลี่ยนไป จากที่เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี เราต้องการจะก้าวไปสู่การเป็น Global Company พร้อมกับเปลี่ยนผ่านตัวเองไปสู่การเป็นพันธมิตรเพื่อช่วยสร้างการเติบโตในระยะยาวให้กับบริษัทต่างๆ

 

“เราอยากเป็นพันธมิตรที่อยู่กับลูกค้าในทุกมิติ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ปรึกษา แต่สามารถร่วมลงทุนไปกับเขาได้”

 

ธุรกิจที่ปรึกษาจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของบริษัทในอนาคต หลังจากที่บริษัทจัดโครงสร้างธุรกิจใหม่ แบ่งเป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่

 

  1. ธุรกิจที่ปรึกษา เช่น Ingenio, Addenda, BBIK Titans
  2. ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม เช่น IT-CAT, BBIK Nexus
  3. ธุรกิจร่วมทุน เช่น Orbit ซึ่งร่วมทุนกับ OR
  4. ธุรกิจต่างประเทศ เช่น BBIK Technology Center ในอินเดีย, BBIK UK

 

นอกจากนี้เพื่อรักษาการเติบโตในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าให้ไม่ต่ำกว่าในอดีตที่ผ่านมา บริษัทจำเป็นจะต้องสร้างการเติบโตแบบ Inorganic Growth ผ่านการซื้อกิจการหรือร่วมทุน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาหลายดีล และน่าจะเริ่มเห็นการปิดดีลได้ในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า

 

ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา บลูบิคเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ทั้งในแง่จำนวนบุคลากรที่เพิ่มขึ้นจาก 101 คน เมื่อปี 2020 มาเป็น 315 คน ในปัจจุบัน ซึ่งบุคลากรที่เพิ่มขึ้นส่วนมากจะเป็นกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญ

 

“อีก 3 ปีถัดจากนี้ เราคาดหวังว่าจะสร้างรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่าในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งโตเฉลี่ยปีละ 70% ขณะที่ 6 เดือนแรกของปีนี้ทำได้ดีกว่าเป้าที่วางไว้ ปัจจุบันเรายังเป็นผู้เล่นรายเล็กมากๆ ในอุตสาหกรรม แต่เรามั่นใจว่าขีดความสามารถของเราไม่แพ้”

 

สำหรับการลงทุนใน Digital Transformation ทั่วโลก คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 16.5% ระหว่างปี 2022-2024 ขณะที่ในประเทศไทยน่าจะเติบโตได้สูงกว่าในระดับ 30-40% โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Cloud, Data Analytic และ AI นอกจากนี้ยังมีการประเมินว่าสัดส่วน GDP ของโลกจะเกี่ยวข้องกับดิจิทัลถึง 65%

 

ขณะที่การบุกตลาดต่างประเทศก่อนหน้านี้บริษัทมีลูกค้าอยู่บ้างแล้ว เช่น บริษัทในสิงคโปร์ ก่อนที่บริษัทจะตั้ง BBIK UK เพื่อขยายฐานลูกค้าในยุโรป นอกจากนี้บริษัทยังมี Technology Center ในอินเดีย เพื่อช่วยสนับสนุนด้านบุคลากร และใน 3 ปีข้างหน้า เชื่อว่ารายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นจาก 12% ในปัจจุบันเป็น 15-20% เติบโตราว 70% ต่อปี ในอัตราส่วนเดียวกันกับธุรกิจในประเทศ

 

“เราเชื่อว่าศักยภาพบุคลากรของเราไม่ได้ด้อยไปกว่าบริษัทต่างชาติ และด้วยประสบการณ์ที่เคยทำให้กับบริษัทต่างชาติมาแล้ว ทำให้เราเริ่มมีลูกค้าในอังกฤษแล้ว นอกจากนี้เรายังมีจุดแข็งในเรื่องต้นทุนที่แข่งขันได้”

 

ส่วนการขยายตลาดในประเทศ นอกเหนือจากลูกค้าที่เป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ บลูบิคต้องการจะขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม SMEs ผ่านการให้บริการดิจิทัล แพลตฟอร์มสำเร็จรูป ซึ่งลูกค้า SMEs สามารถเข้าถึงได้ในวงกว้าง เช่น LISMA, HumanOS มากไปกว่านั้นบริษัทยังได้ขยายการให้บริการใหม่ๆ เช่น เรื่องของความปลอดภัยทางไซเบอร์ ผ่านบริษัทใหม่คือ BBIK Titans

 

อย่างไรก็ดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BBIK มองว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่จะทำให้บริษัทไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ คือเรื่องของบุคลากรที่อาจจะไม่เพียงพอทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ

 

ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทตัดสินใจตั้ง Technology Centel ที่อินเดีย และอาจจะเปิดเพิ่มเติมในบริเวณยุโรปตะวันออก ขณะเดียวกัน บริษัทพยายามแก้ปัญหาด้วยการเป็นพันธมิตรกับสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนหลักสูตรและผลิตคนให้ตรงกับความต้องการ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของโปรแกรมพัฒนาทักษะพนักงานให้ตรงกับความต้องการของตลาด

The post ‘บลูบิค’ กับแผนเติบโตให้ทันความคาดหวังของนักลงทุน หลังเข้าตลาดครบ 1 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
BBIK เตรียมใช้สิทธิประโยชน์ภาษีเต็มสิทธิ์ปีหน้า มุ่งยกระดับความสามารถทำกำไร https://thestandard.co/bbik-tax/ Thu, 25 Aug 2022 06:31:32 +0000 https://thestandard.co/?p=671793 BBIK

บมจ.บลูบิค หรือ BBIK เผยบริษัทร่วมทุนอย่าง ‘ออร์บิท ดิจ […]

The post BBIK เตรียมใช้สิทธิประโยชน์ภาษีเต็มสิทธิ์ปีหน้า มุ่งยกระดับความสามารถทำกำไร appeared first on THE STANDARD.

]]>
BBIK

บมจ.บลูบิค หรือ BBIK เผยบริษัทร่วมทุนอย่าง ‘ออร์บิท ดิจิทัล’ ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลนานถึง 8 ปี ส่งผลให้บริษัทจ่ายภาษีลดลงตั้งแต่ปีนี้ และเตรียมใช้สิทธิ์เต็มปี 2566 เดินหน้ายกระดับขีดความสามารถการทำกำไร 

 

บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร รับข่าวดีต่อเนื่อง BOI อนุมัติสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลนานถึง 8 ปี หลังบริษัทร่วมทุนอย่าง ‘ออร์บิท ดิจิทัล’ ได้รับสิทธิและใช้สิทธิประหยัดภาษีไปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 1/65 ที่ผ่านมา ส่งผลบวกต่อความสามารถในการทำกำไรของทั้งกลุ่มบริษัท ซึ่งสิทธิประโยชน์เพื่อการประหยัดภาษีนี้จะทำให้บริษัทจ่ายภาษีลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2565 และจะสามารถใช้สิทธิทางภาษีอย่างเต็มที่ในปี 2566

 

พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBIK กล่าวว่า การเพิ่มความสามารถในการทำกำไรเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญของบริษัท เพราะเมื่อปัจจัยเหล่านี้ผนวกกับแผนการดำเนินงานและการขยายกิจการเชิงรุก จะทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในระยะยาวได้ ซึ่งสะท้อนจากผลประกอบการที่ผ่านมาของบริษัท ที่สามารถทำนิวไฮต่อเนื่องติดต่อกันมาหลายปี 

 

โดยสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับการยกเว้นจะครอบคลุมในส่วนบริการออกแบบระบบสถาปัตยกรรมด้านดิจิทัลและการบริหารจัดการทางดิจิทัล บริการด้านพัฒนาซอฟต์แวร์-แพลตฟอร์ม เพื่อให้บริการดิจิทัลหรือดิจิทัลคอนเทนต์ และบริการในการพัฒนาและให้บริการซอฟต์แวร์ด้านวิเคราะห์และเชื่อมโยงเพื่อบริหารจัดการข้อมูลด้าน Big Data

 

สำหรับปี 2565 นี้ BBIK ยังมั่นใจเดินหน้าทุบสถิติรายได้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 70% อย่างแน่นอน และเตรียมโกยรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท แม้จะอยู่ท่ามกลางความท้าทายและปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยและโลก 

 

สำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2565 บริษัททำรายได้และกำไรเติบโตมากกว่า 90% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยมีรายได้ 243.19 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 61.58 ล้านบาท ขณะนี้เดียวกัน บริษทมีแบ็กล็อกรอรับรู้รายได้อีก 448 ล้านบาท 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

The post BBIK เตรียมใช้สิทธิประโยชน์ภาษีเต็มสิทธิ์ปีหน้า มุ่งยกระดับความสามารถทำกำไร appeared first on THE STANDARD.

]]>
BBIK โชว์กำไรงวดครึ่งปีแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เดินหน้าขยายงานเต็มที่หลังบอร์ดไฟเขียวตั้ง 3 บริษัทลูก https://thestandard.co/bbik-business-results/ Mon, 15 Aug 2022 11:31:56 +0000 https://thestandard.co/?p=667294 บลูบิค

บมจ.บลูบิค หรือ BBIK อวดผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก ทั้งรา […]

The post BBIK โชว์กำไรงวดครึ่งปีแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เดินหน้าขยายงานเต็มที่หลังบอร์ดไฟเขียวตั้ง 3 บริษัทลูก appeared first on THE STANDARD.

]]>
บลูบิค

บมจ.บลูบิค หรือ BBIK อวดผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก ทั้งรายได้และกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยรายได้เติบโต 92% ขณะที่กำไรสุทธิโต 105% รับอานิสงส์ธุรกิจดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันขยายตัวต่อเนื่องตามเทรนด์องค์กรเร่งปรับตัว เผย Backlog ล่าสุด 448 ล้านบาทรอรับรู้ในปีนี้ ครึ่งปีหลังเร่งเครื่องขยายงานเต็มสูบหลังจากบอร์ดอนุมัติตั้ง 3 บริษัทลูก 

 

บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2565 ทั้งรายได้และกำไรสุทธิสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีรายได้รวม 243.19 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 61.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) ที่มีรายได้รวมจำนวน 126.92 ล้านบาท หรือเติบโต 92% และกำไรสุทธิที่ 30 ล้านบาท หรือ\เพิ่มขึ้นถึง 105% โดยมีสัดส่วนการรับรู้รายได้แบบประจำ (Recurring Income) สูงถึง 46% ของรายได้รวม 

 

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/65 (QoQ) มีรายได้รวมที่ 131.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% และมีกำไรสุทธิที่ 32.94 ล้านบาท เติบโต 15% โดยแนวโน้มความต้องการด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันทั้งในและนอกประเทศยังคงส่งสัญญาณแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้มียอดรอรับรู้รายได้จาก Backlog สะสมอีก 448 ล้านบาท 

 

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ลงทุนในบริษัทย่อย 3 แห่ง เพื่อรุกขยายงานในประเทศด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ดิจิทัลแพลตฟอร์ม และบล็อกเชน รวมทั้งงานต่างประเทศ เพื่อให้บริการในภูมิภาคยุโรป มั่นใจผลประกอบการปี 2565 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 70%

 

พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BBIK กล่าวว่า ผลประกอบในช่วง 6 เดือนแรกออกมาเป็นที่น่าพอใจ เป็นผลมาจากคุณภาพการส่งมอบงานที่ดี จึงทำให้เกิดความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าเดิมและขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญหลังจัดตั้ง บริษัท บลูบิค โกลบอล จำกัด เพื่อเปิดตลาดต่างประเทศเมื่อต้นปี ซึ่งในปีนี้กลุ่มบริษัทสามารถสร้างรายได้จากต่างประเทศแล้วมากกว่า 30 ล้านบาท หรือ 12% ของรายได้รวม ดังนั้นบริษัทเชื่อมั่นว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 15-20% 

 

นอกจากนี้ การกลับมาดำเนินการตามปกติของภาคธุรกิจหลังรัฐบาลประกาศมาตรการผ่อนคลายการล็อกดาวน์เมื่อต้นปีที่ผ่านมายังเป็นปัจจัยเสริมให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในทุกกลุ่มธุรกิจ นำโดยบริการธุรกิจการให้คำปรึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีให้กับองค์ (Digital Excellence & Delivery) ตามด้วยธุรกิจการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) ธุรกิจการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big Data & Advanced Analytics) และธุรกิจบริหารโครงการเชิงกลยุทธ์ (Strategic PMO) ตามลำดับ

 

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/65 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) นั้นเป็นไปตามที่บริษัทคาดการณ์ไว้ โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 131.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 32.94 ล้านบาท โตขึ้น 86% และยังมีส่วนแบ่งกำไร 3.2 ล้านบาท จากกิจการร่วมค้า บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด รวมถึงการเริ่มใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment หรือ BOI) ที่ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายได้เป็นระยะเวลา 8 ปี โดยบริษัทได้เริ่มใช้สิทธิ์ดังกล่าวตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเต็มปีตั้งแต่ปีหน้า 

 

“นับจากนี้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญของบริษัท เพราะบลูบิคเตรียมขยายธุรกิจใหม่ๆ ผ่านการควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions: M&A) กิจการร่วมค้า (Joint Venture) และการลงทุนเปิดบริษัทย่อยเพิ่มเติม เพื่อเสริมแกร่งให้กับบริษัทในทุกมิติ ดังนั้นการเติบโตของบริษัทนับจากนี้จะเป็นไปอย่างก้าวกระโดดและน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม อีกทั้งการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันนั้นต้องทำอย่างต่อเนื่องและจริงจัง จึงทำให้มีความต้องการจากตลาดอยู่ตลอดเวลา เพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ทันกับการแข่งขัน” พชรกล่าว

 

ทั้งนี้ ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ลงทุนในบริษัทย่อยอีก 3 แห่ง คือ 

 

  1. บริษัท บลูบิค ไททันส์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจด้านพัฒนาระบบและให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security and Solution Implementation Services) และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

 

  1. บริษัท บลูบิค (สหราชอาณาจักร) จำกัด ซึ่งเป็นการจดทะเบียนในสหราชอาณาจักร เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งเน้นการให้บริการในภูมิภาคยุโรป

 

  1. บริษัท บลูบิค เน็กซัส จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจด้านพัฒนาระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลและบล็อกเชนโซลูชัน (Digital Platform and Blockchain Solutions) และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

“บริษัทย่อยทั้ง 3 แห่งจัดตั้งขึ้นเพื่อรับรองการขยายธุรกิจของบริษัท และเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน สำหรับแผนรองรับการขยายตัวนั้น บริษัทเตรียมเพิ่มบุคลากรอย่างน้อยอีก 50 ตำแหน่งภายในปีนี้ จากปัจจุบันที่มีจำนวนทั้งสิ้น 320 ตำแหน่ง ซึ่งจะอาศัยความได้เปรียบจากการทำงานร่วมกันของผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ชาวต่างชาติและชาวไทย เพื่อส่งมอบงานคุณภาพระดับสากลให้กับลูกค้าได้” พชรกล่าว

 

The post BBIK โชว์กำไรงวดครึ่งปีแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เดินหน้าขยายงานเต็มที่หลังบอร์ดไฟเขียวตั้ง 3 บริษัทลูก appeared first on THE STANDARD.

]]>