Baiyoke Sky Hotel – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 04 Jun 2020 00:32:27 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ทุเรียนไม่อั้นและวิวกรุงเทพฯ แบบ 360 องศา กับใบหยก บุฟเฟต์ https://thestandard.co/baiyoke-buffet-unlimited-durian/ Thu, 04 Jun 2020 00:32:27 +0000 https://thestandard.co/?p=369291

หลังจากการผ่อนปรนระยะที่ 3 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่า […]

The post ทุเรียนไม่อั้นและวิวกรุงเทพฯ แบบ 360 องศา กับใบหยก บุฟเฟต์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

หลังจากการผ่อนปรนระยะที่ 3 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา หลายกิจการทยอยกลับมาเปิดอีกครั้งภายใต้มาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวด และในส่วนของกิจการด้านร้านอาหารก็มีการผ่อนปรนให้สามารถนั่งโต๊ะเดียวกันได้ แต่ยังคงต้องเว้นระยะห่าง 1 เมตร

 

หากพูดถึงอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารบุฟเฟต์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมทั้งลูกค้าไทยและต่างชาติ หนึ่งในนั้นก็คือ ใบหยก บุฟเฟต์ ที่ขึ้นชื่อทั้งอาหารจีนและทุเรียนที่กินได้แบบไม่อั้น ซึ่งหลังจากการผ่อนปรนมาตรการ ทางโรงแรมใบหยกก็กลับมาเปิดบุฟเฟต์ในรูปแบบ New Normal ที่มีการปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด มีฉากกั้นระหว่างคนประกอบอาหารกับคนเสิร์ฟ ทำความสะอาดทุกครั้งที่ลูกค้าใช้บริการเสร็จ และแจกสเปรย์แอลกอฮอล์ฟู้ดเกรดขนาดพกพาให้กับลูกค้าทุกคน

 

ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดที่ชั้น 79 เราเดินออกมาตามกลิ่นทุเรียนที่หอมโชยไปทั้งชั้น ที่นี่ขึ้นชื่อทั้งอาหารเหลา ซึ่งเป็นฝีมือเชฟจีนระดับโรงแรม พร้อมบุฟเฟต์ทุเรียนแบบไม่อั้น ซึ่งถือเป็นไม้เด็ดของที่นี่ นอกจากนี้ยังมีออร์เดิร์ฟทั้งร้อนและเย็น ติ่มซำ ของทอดร้อน ส้มตำ เมนูเป็ดหลากหลายชนิด ซึ่งนอกจากอาหารที่มีมากมายให้เลือกสรร อีกหนึ่งไฮไลต์คือ วิวชั้น 79 ที่เราสามารถมองเห็นกรุงเทพฯ ได้แบบ 360 องศา

 

ก่อนหน้านี้ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โรงแรมใบหยกเลือกที่จะแบกรับพนักงานทุกคนโดยไม่มีการลดเงินเดือนและปลดออก ทั้งยังปรับบริการเป็นแบบเดลิเวอรี เพื่อให้พนักงานมีงานทำ และมีรายได้เข้ามาหล่อเลี้ยงโรงแรมด้วย

 

The post ทุเรียนไม่อั้นและวิวกรุงเทพฯ แบบ 360 องศา กับใบหยก บุฟเฟต์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กินอยู่เหนือเมฆ กับ 10 อันดับโรงแรมระฟ้า สูงที่สุดในโลก (ฉบับอัปเดตล่าสุด) https://thestandard.co/world-s-new-tallest-hotel/ https://thestandard.co/world-s-new-tallest-hotel/#respond Fri, 16 Feb 2018 18:00:47 +0000 https://thestandard.co/?p=71134

หลังการเปิดตัวของ Gevora Hotel อย่างเป็นทางการเมื่อวันท […]

The post กินอยู่เหนือเมฆ กับ 10 อันดับโรงแรมระฟ้า สูงที่สุดในโลก (ฉบับอัปเดตล่าสุด) appeared first on THE STANDARD.

]]>

หลังการเปิดตัวของ Gevora Hotel อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ทำให้ฉันคนหนึ่งล่ะที่ต้องอุทานในใจว่า “อีกแล้วเหรอ” ใช่แล้ว อีกครั้งแล้วที่เมืองดูไบ (Dubai) สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates) มีโรงแรมสูงเทียมฟ้าไว้ครอบครอง แถมยังทุบสถิติตัวเองด้วยการคว้าตำแหน่ง โรงแรมสูงที่สุดในโลกแทน JW Marriott Marquis Dubai ด้วยความสูงห่างกันเพียง 1 เมตร เท่านั้น

 

โรงแรมระฟ้ามักพบในแถบตะวันออกกลางและเอเชีย ชูประสบการณ์การพักผ่อนบนความสูงเทียมเมฆ ซึ่งแค่เหล่มองออกหน้าต่างก็เห็นก้อนปุยสีขาวๆ ปูพื้นราวกับพรมแดง ในยามที่ตึกสูงเทียมฟ้ามีเยอะแยะไปหมด อันดับต่างๆ ก็ดูจะอัปเดตไม่เท่าทัน มีทั้งตึกสูงที่สุดในโลก หอคอยสูงที่สุดในโลก โรงแรมสูงที่สุด และอยู่สูงที่สุด เอ๊ะ! ต่างกันอย่างไร THE STANDARD จัดคำตอบมาแล้ว พร้อมลิสต์ 10 อันดับโรงแรมระฟ้า สูงที่สุดในโลก ฉบับอัปเดตล่าสุดด้วย

 

 

10 อันดับโรงแรมระฟ้า สูงที่สุดในโลก

มาดูรายชื่อ 10 อันดับแรกของโรงแรมสูงที่สุดในโลก ฉบับอัปเดตล่าสุดกันดีกว่า

 

 

1. Gevora Hotel

ความสูง: 356 เมตร

จำนวนชั้น: 75 ชั้น

 

แน่นอนว่าสูงที่สุดยามนี้ต้องยกให้ Gevora Hotel ที่เฉือนเอาชนะ JW Marriott Marquis Dubai โรงแรมสูงที่สุดในโลกไปครอง ด้วยความสูงต่างกันเพียง 1 เมตร ทันสมัย หรูหรา และงดงามด้วยการใช้เฉดสีขาว-ทองในทุกรายละเอียด พื้นปูหินอ่อน เฟอร์นิเจอร์คุณภาพ เครื่องนอนนุ่มลื่นจากใยผ้าเนื้อดี 75 ชั้น บรรจุห้องพัก 528 ห้อง มีทั้งห้องดีลักซ์และสวีท รวมถึง 4 ห้องอาหาร สปาสุดหรูบนชั้น 71 และสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้า

 

 

2. JW Marriott Marquis Dubai

ความสูง: 355 เมตร

จำนวนชั้น: 77 ชั้น

 

อาคารตึกแฝดรูปทรงแปลกตาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากลำต้นปาล์ม ใหญ่โตโอ่อ่าสมราคาคุยด้วยห้องพักมากถึง 1,608 ห้อง แบ่งออกเป็นห้องสแตนดาร์ด 1,364 ห้อง ห้องสวีท 240 ห้อง ห้องเพรซิเดนเชียล สวีท 4 ห้อง มีหอประชุม 19 ห้องอาหาร สปา และร้านค้าอีกทั้งหมด 18 แห่ง

 

 

3. Rose Rayhaan by Rotana

ความสูง: 333 เมตร

จำนวนชั้น: 72 ชั้น

 

รู้จักกันดีในชื่อของตึกกุหลาบ หรือ Rose Tower เคยครองตำแหน่งโรงแรมสูงที่สุดในโลกมาแล้วในปี ค.ศ. 2009-2012 โครงสร้างเดิมมีขนาด 380 เมตร แต่ถูกปรับให้ลดลงเหลือ 333 เมตรตามที่เห็นในปัจจุบัน รูปแบบตัวอาคารด้านนอกประดับกระจกสีฟ้าและเงินทั่วทั้งหลัง ตัดกันเป็นรูปทรงเรขาคณิต มองดูละม้ายคล้ายคลึงกลีบดอกกุหลาบสมชื่อ นอกจากจะเป็นโรงแรมสูงระฟ้าระดับต้นของโลกแล้ว ที่นี่ยังเป็นโรงแรมแห่งแรกของดูไบที่ประกาศตนว่าไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เสิร์ฟให้บริการแก่แขกที่มาพัก

 

 

4. Burj Al Arab

ความสูง: 321 เมตร

จำนวนชั้น: 56 ชั้น

 

ที่พักหรูหราระดับ 7 ดาว บนเกาะเทียมที่ถูกถมขึ้น ห่างจากชายฝั่ง Jumeirah Beach ประมาณ 280 เมตร ตึก Burj Al Arab เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองดูไบ  ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่แพงที่สุดในโลก โดยราคาค่าที่พักเริ่มต้นที่ 1,000-15,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืน และห้องที่แพงสุดจะอยู่ที่ราคา 28,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืน ตัวอาคารเลียนแบบจากรูปร่างของเรือใบ เปิดให้บริการห้องสวีทคู่ 202 ห้อง ขนาดใหญ่ถึง 169-780 ตารางเมตร และมีห้องใต้ทะเลที่เผยโลกใต้น้ำให้เห็นแบบจุใจ

 

 

5. Jumeirah Emirates Towers Hotel

ความสูง: 309 เมตร

จำนวนชั้น: 56 ชั้น

 

หนึ่งในอาคารฝาแฝดนาม Emirates Tower Two ที่ตึกหนึ่งถูกใช้เป็นสำนักงาน Emirates และอีกหนึ่งเป็นโรงแรมนามว่า Jumeirah Emirates Towers อาคาร 56 ชั้น เปิดให้บริการห้องสวีทล้วน 40 ห้อง ดำเนินการโดย Jumeirah International Group โรงแรมเชนดังที่มีสาขาไปทั่วโลก โดยมีพื้นที่ค้าปลีก The Boulevard เชื่อมต่อทั้งสองตึกเข้าไว้ด้วยกัน

 

 

6. Baiyoke Sky Hotel

ความสูง: 304 เมตร

จำนวนชั้น: 85 ชั้น

 

ตึกระฟ้าสูง 85 ชั้น เคยเป็นหนึ่งไม่เป็นสองในไทย จนกระทั่งตึกมหานครเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2016 แต่ยังคงรั้งตำแหน่งโรงแรมสูงที่สุดในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นเดิม เปิดให้บริการทั้งหมด 673 ห้อง ในย่านการค้าส่งประตูน้ำ โดดเด่นด้วยห้องพักหรูหราพร้อมทิวทัศน์เส้นขอบฟ้ากรุงเทพมหานคร และ Rooftop Bar บาร์ชั้นดาดฟ้าที่ตราตรึงแขกด้วยวิวที่มองเห็นทั่วทั้งเมือง

 

Photo: ajbest

 

7. Wuxi Maoye City – Marriott Hotel

ความสูง: 303.8 เมตร

จำนวนชั้น: 68 ชั้น

 

อาคารสูงระฟ้าแห่งแรกในเมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ที่มีรูปร่างธรรมดามากถึงมากที่สุด ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูงชะลูด ไร้ลูกเล่นและกิมมิกใดๆ ซึ่งแสดงถึงความฟุ้งเฟ้อตามฉบับคอมมิวนิสต์ โครงสร้างทำจากเหล็กกรุด้วยกระจกทั้งหลัง มี Belt Truss หรือโครงสร้างรับแรงลมในชั้น 26 และ 46

 

 

8. Millennium Plaza Hotel Dubai

ความสูง: 294 เมตร

จำนวนชั้น: 66 ชั้น

 

โรงแรมลำดับที่ 6 ของดูไบที่ติดท็อปลิสต์ ตั้งอยู่บนถนน Sheikh Zayed ละแวกเดียวกับที่พักตัวแม่ทั้งหลาย ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Emirates Towers Metro Station เพียงไม่กี่นาที ภายนอกสวยงามด้วยเฉดเหลืองทอง ยามต้องแสงไฟระยิบระยับอะร้าอร่าม ด้านในหรูหราคุมโทนด้วยสีเบจ เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม มีสระว่ายน้ำแบบ Infinity Pool อยู่บนชั้นดาดฟ้า แหวกว่ายสายน้ำท่ามกลางวิวเมืองแบบ 270 องศา

 

 

9-10. Pullman Zamzam Makkah และ Mövenpick Hotel & Residence Hajar Tower Makkah

ความสูง: 279 และ 276 เมตร

จำนวนชั้น: 58 และ 54 ชั้น

 

สองอันดับสุดท้ายเป็นสองโรงแรมที่อยู่ในกลุ่มตึก Abraj Al Bait เมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ในนครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ประกอบไปด้วยตึกสูงเทียมฟ้าทั้งหมด 7 หลัง มีดาวเด่นเป็นหอนาฬิกา ซึ่งเป็นอาคารแบบมิกซ์ยูส มีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า ทว่าอาคารที่ติดโผเป็นตึกแฝด ซึ่งตั้งประกบอยู่ด้านข้าง ได้แก่ Zamzam Tower คุ้นหูในชื่อ Pullman Zamzam Makkah และ Hajar Tower ในนามของ Mövenpick Hotel & Residence

 

Photos: Courtesy of Brands, Shutterstock

อ้างอิง:

The post กินอยู่เหนือเมฆ กับ 10 อันดับโรงแรมระฟ้า สูงที่สุดในโลก (ฉบับอัปเดตล่าสุด) appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/world-s-new-tallest-hotel/feed/ 0