Babylon – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 19 Jan 2023 04:46:17 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.3.1 Babylon ทุกสรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงเสมอ แม้ดวงดาวประดับฟ้า วันหนึ่งก็ต้องมอดดับ https://thestandard.co/spotlight-babylon-damien-chazelle/ Thu, 19 Jan 2023 04:46:17 +0000 https://thestandard.co/?p=739285

Babylon คือผลงานการกำกับและเขียนบทเรื่องล่าสุดของผู้กำก […]

The post Babylon ทุกสรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงเสมอ แม้ดวงดาวประดับฟ้า วันหนึ่งก็ต้องมอดดับ appeared first on THE STANDARD.

]]>

Babylon คือผลงานการกำกับและเขียนบทเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ Damien Chazelle ที่คอภาพยนตร์รู้จักเขาเป็นอย่างดีจากภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมอย่าง Whiplash (2014) และ La La Land (2016) พร้อมได้ทีมนักแสดงระดับแนวหน้าของฮอลลีวูดมาร่วมรับบทนำ ได้แก่ Margot Robbie, Diego Calva, Brad Pitt, Jean Smart, Jovan Adepo, Li Jun Li และ Tobey Maguire

 

โดยครั้งนี้ Damien Chazelle จะพาผู้ชมย้อนเวลากลับไปสัมผัสกับวงการฮอลลีวูดในช่วงทศวรรษ 1920 ที่คับคั่งไปด้วยแสงสีและความบ้าคลั่ง ควบคู่ไปกับการฉายภาพให้เราเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของวงการฮอลลีวูดในช่วงเปลี่ยนผ่านจากภาพยนตร์เงียบสู่ภาพยนตร์เสียงในฟิล์ม ผ่านมุมมองของตัวละครหลักอย่าง Nellie LaRoy (Margot Robbie) นักแสดงหญิงโนเนมผู้พยายามหาบทบาทสำคัญที่จะส่งให้ชื่อของเธอโด่งดัง ควบคู่ไปกับการข้ามผ่านปัญหาอันหนักหนาสาหัสที่ประดังเข้ามาไม่หยุด และ Manny Torres (Diego Calva) นักล่าฝันหนุ่มผู้พยายามทำทุกอย่างเพื่อขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างภาพยนตร์ 

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง:

 


 

 

ในความรู้สึกของผู้เขียน เราคิดว่า Babylon มีองค์ประกอบหลายส่วนที่คล้ายคลึงกับผลงานก่อนหน้าของ Damien Chazelle อย่าง Whiplash และ La La Land อยู่พอสมควร เริ่มตั้งแต่เรื่องราวของตัวละครหลักที่กำลังดิ้นรนกระเสือกกระสนเพื่อไล่ตามความฝันของแต่ละคน จังหวะจะโคนในการนำเสนอที่มีเอกลักษณ์ และมีดนตรีประกอบของ Justin Hurwitz (Whiplash, La La Land) ที่เปรียบเสมือนตัวกำหนดจังหวะหัวใจของเรื่อง 

 

ขณะที่ Babylon ดูจะเป็นผลงานที่ Damien Chazelle พยายามอัปสเกลองค์ประกอบเด่นๆ ของสองเรื่องแรกให้ใหญ่ขึ้น หวือหวามากขึ้น มีลูกบ้าเยอะขึ้น ทั้งในแง่สเกลเนื้อเรื่อง งานโปรดักชัน และความยาวของภาพยนตร์ที่ยาวถึง 3 ชั่วโมงเศษ ซึ่งในความรู้สึกของผู้เขียน ผลงานของ Damien Chazelle เรื่องนี้มีจุดเด่นหลายอย่างที่เราชื่นชอบมากๆ และข้อสังเกตที่เราแอบเสียดายอยู่เช่นเดียวกัน  

 

 

เริ่มต้นที่งานโปรดักชัน Babylon ยังคงเป็นภาพยนตร์จากฝีมือของผู้กำกับ Damien Chazelle ที่อุดมไปด้วยศิลปะภาพยนตร์และชั้นเชิงการนำเสนอเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นการจัดองค์ประกอบภาพ จังหวะการตัดต่อ ฉากหลังสุดอลังการ และดนตรีประกอบที่ถูกร้อยเรียงเข้าด้วยกันอย่างลื่นไหล เพื่อพาผู้ชมไปสัมผัสกับความยิ่งใหญ่ เวอร์วัง และบ้าคลั่งของวงการฮอลลีวูดในยุครุ่งเรือง ซึ่งหากใครที่ชื่นชอบกลวิธีนำเสนอของ Damien Chazelle อยู่แล้ว เราคิดว่าคุณน่าจะชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไม่ยาก 

 

 

อีกหนึ่งความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือการพาผู้ชมไปสัมผัสกับบรรยากาศการถ่ายทำภาพยนตร์เงียบในช่วงทศวรรษ 1920 กันอย่างใกล้ชิด ไปจนถึงช่วงเวลาสำคัญต่างๆ ในยุคเปลี่ยนผ่านจากภาพยนตร์เงียบไปสู่ภาพยนตร์เสียงในฟิล์ม เพื่อฉายภาพให้เราเห็นว่าเมื่อภาพยนตร์เสียงในฟิล์มมาถึง มันทำให้เกิดปรากฏการณ์อะไรบ้าง ทีมงานเบื้องหลังและนักแสดงต้องปรับตัวกับการถ่ายทำอย่างไร และความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันส่งผลกระทบต่อตัวละครต่างๆ อย่างไร ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความสนุกของตัวภาพยนตร์ที่เราจะได้ไปท่องประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ฉบับย่อ และเป็นลายแทงให้เราได้ไปศึกษาหาข้อมูลต่อหลังจากดูจบได้อีกด้วย 

 

อีกแง่หนึ่ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็กำลังทำหน้าที่สะท้อนภาพให้เราเห็นถึงความมหัศจรรย์ของภาพยนตร์ที่ไม่ได้เป็นเพียงสื่อที่สร้างความบันเทิงเท่านั้น แต่มันยังอัดแน่นไปด้วยความหลงใหลและแรงกายแรงใจของเหล่าทีมงานเบื้องหลังที่ต่างก็ทุ่มเททุกอย่างให้กับมัน เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะที่ชื่อว่าภาพยนตร์ให้ออกไปโลดแล่นสู่สายตาผู้ชมและกลายเป็นที่จดจำไปตลอดกาล

 

 

นอกจากงานสร้างสุดเวอร์วังและการพาผู้ชมไปสำรวจประวัติศาสตร์ภาพยนตร์กันพอสังเขป อีกหนึ่งส่วนสำคัญของภาพยนตร์ที่เราชื่นชอบมากๆ คือแกนหลักสำคัญของเรื่องที่สะท้อนภาพให้เราเห็นว่า ‘ทุกสรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาเสมอ’ ทั้งเทคโนโลยีที่พัฒนาก้าวหน้าขึ้นทุกวัน รสนิยมของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หรือแม้กระทั่ง ‘ชีวิต’ ที่ไม่แน่ไม่นอนเท่าไรนัก เช่น Nellie LaRoy หญิงสาวที่อยากจะหลีกหนีจากชีวิตอันยากลำบากและคำสบประมาทของผู้คน เธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองประสบความสำเร็จในวงการฮอลลีวูด กระทั่งเธอก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งดาวเด่นของวงการโดยที่ไม่มีใครคาดคิด 

 

หรือจะเป็นเรื่องราวของ Jack Conrad (ซึ่งเป็นตัวละครที่เราชอบมากที่สุด) นักแสดงภาพยนตร์เงียบชื่อดังที่ชีวิตกำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ที่สุด แต่เมื่อโลกภาพยนตร์ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน 

 

ซึ่งแม้ว่าเรื่องราวเหล่านี้จะถูกนำเสนอผ่านบริบทของผู้คนในช่วงทศวรรษ 1920 ก็ตาม แต่ประเด็นดังกล่าวก็มีจุดที่เชื่อมโยงกับผู้คนและบริบทสังคมในยุคปัจจุบันที่ทุกสิ่งอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งก็อาจเร็วเกินไป หรือบางทีความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นก็อาจกำลังสร้างบาดแผลและทอดทิ้งใครหลายคนไว้ด้านหลังโดยไม่รู้ตัว 

 

 

อย่างไรก็ตาม Babylon ก็มีจุดที่ส่วนตัวผู้เขียนรู้สึกติดขัดและแอบเสียดายอยู่เช่นกัน ประการแรกคือความตลกขบขันที่ถูกใส่เข้ามาเยอะเกินไป อีกทั้งผู้กำกับยังใช้เวลาขยี้มุกต่างๆ มากเกินความจำเป็น มันจึงทำให้มุกตลกที่ควรจะสร้างความขำขันให้กับเราระหว่างทาง กลายเป็นฉากที่ส่งผลให้ภาพยนตร์ยืดเยื้อเกินไป และไม่ช่วยให้เรื่องราวขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างที่ควรจะเป็น  

 

อีกทั้งด้วยความที่ภาพยนตร์มีตัวละครที่ต้องการนำเสนอหลายตัวด้วยกัน แต่กลับไม่สามารถกระจายบทบาทให้ตัวละครต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ทั้งยังมีบางตัวละครที่เรารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเล่าหรือไม่ต้องใส่เข้ามาเลย ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบกับเส้นเรื่องหลักเท่าไร และมีหลายๆ ฉากที่เรารู้สึกว่าผู้กำกับสามารถรวบรัดตัดตอนให้ภาพยนตร์มีความกระชับมากกว่านี้ได้ ดังนั้นแล้ว ด้วยมุกตลกขบขันที่ถูกสอดแทรกเข้ามามากเกินไป รวมถึงการใส่ตัวละครเข้ามามากเกินความจำเป็น มันจึงส่งผลให้ภาพยนตร์ที่มีความยาวถึง 3 ชั่วโมง ดูจะเป็นความยาวที่นานเกินไป  

 

 

ในภาพรวมแล้ว แม้ว่า Babylon จะมีข้อสังเกตในแง่ของการใส่มุกตลกและตัวละครที่มากเกินไป แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานของผู้กำกับ Damien Chazelle ที่ยังคงอัดแน่นไปด้วยชั้นเชิงการนำเสนอที่มีเอกลักษณ์ และประเด็นของเรื่องที่ผู้ชมสามารถเชื่อมโยงและมีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครได้ไม่ยากนัก 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความหลงใหลในโลกภาพยนตร์อย่างสุดขั้วหัวใจของ Damien Chazelle ที่ถ่ายทอดมาถึงผู้ชมอย่างแจ่มชัด เพื่อบอกให้เรารู้ว่า ‘ภาพยนตร์’ นั้นยิ่งใหญ่และเปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์มากขนาดไหน 

 

Babylon มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 19 มกราคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ 

 

รับชมตัวอย่างได้ที่ 

 

The post Babylon ทุกสรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงเสมอ แม้ดวงดาวประดับฟ้า วันหนึ่งก็ต้องมอดดับ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Babylon กับ 3 เกร็ดน่าสนใจจากภาพยนตร์สุดทะเยอทะยานของผู้กำกับ Damien Chazelle https://thestandard.co/babylon-3-interesting-facts/ Fri, 13 Jan 2023 09:00:06 +0000 https://thestandard.co/?p=736667 Babylon

แม้ว่า Damien Chazelle จะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ไม่ได้ม […]

The post Babylon กับ 3 เกร็ดน่าสนใจจากภาพยนตร์สุดทะเยอทะยานของผู้กำกับ Damien Chazelle appeared first on THE STANDARD.

]]>
Babylon

แม้ว่า Damien Chazelle จะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ไม่ได้มีผลงานการกำกับออกมาให้เราได้ติดตามมากมายนัก แต่ทุกผลงานการกำกับของเขาต่างก็เป็นภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์และได้รับคำชื่นชมจากผู้ชมอย่างล้นหลาม และล่าสุดเขากลับมาพร้อมกับผลงานเรื่องใหม่อย่าง Babylon ภาพยนตร์สุดทะเยอทะยานที่จะพาผู้ชมย้อนเวลาไปสัมผัสกับวงการฮอลลีวูดในช่วงทศวรรษ 1920 ที่คับคั่งไปด้วยแสงสีและบ้าคลั่ง โดยมีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 19 มกราคมนี้ THE STANDARD POP จึงถือโอกาสรวบรวม 3 เกร็ดน่าสนใจของ Babylon มาให้ผู้ชมได้อุ่นเครื่องกัน

 

Babylon

 

1. Babylon โปรเจกต์ในฝันของ Damien Chazelle ที่ใช้เวลาปลุกปั้นมานานกว่า 15 ปี

 

Babylon นับว่าเป็นโปรเจกต์ในฝันของผู้กำกับ Damien Chazelle ที่เขาใช้เวลาในการค้นคว้าหาข้อมูลและวางแผนการสร้างมานานกว่า 15 ปี โดยจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากความสนใจส่วนตัวของ Damien Chazelle ที่อยากจะสำรวจเรื่องราวของวงการฮอลลีวูดและการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1920 ทั้งในแง่มุมของสังคมและผู้คนในยุคสมัยนั้น

 

ไล่เลียงตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงของนครลอสแอนเจลิสที่เคยเป็นเพียงเมืองกลางทะเลทรายที่ตั้งอยู่ในแถบชนบท สู่การเป็นนครอันยิ่งใหญ่ที่ผู้คนต่างเดินทางมาเยือนอย่างเนืองแน่น การก่อร่างสร้างตัวของวงการฮอลลีวูดในยุคแรกเริ่มและการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลมาถึงปัจจุบัน รวมถึงความวุ่นวายและแง่มุมดำมืดที่สร้างบาดแผลและทำให้เกิดความสูญเสียของผู้คนมากมาย

 

Babylon

 

โดยในปี 2009 หลังจากที่ Damien Chazelle ได้นั่งแท่นกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกอย่าง Guy and Madeline on a Park Bench เขาก็ได้มีโอกาสพบกับ Matthew Plouffe ผู้บริหารจาก Focus Features เพื่อเสนอโปรเจกต์สุดทะเยอทะยานของตัวเอง ที่อยากจะเล่าเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงของฮอลลีวูดซึ่งเกิดขึ้นในช่วงท้ายของยุคภาพยนตร์เงียบ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านเงินทุน ทั้งคู่จึงค่อยๆ พัฒนาโปรเจกต์ดังกล่าวต่อไปควบคู่ไปกับการทำงานในเส้นทางของแต่ละคน

 

Damien Chazelle ใช้เวลาหลายปีในการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของฮอลลีวูด ไล่เลียงตั้งแต่บทสัมภาษณ์ คลิปของภาพยนตร์ในยุคสมัยดังกล่าว รูปถ่ายของเมืองลอสแอนเจลิสในช่วงแรกเริ่ม ไปจนถึงการบันทึกเสียงเพลงที่ได้รับความนิยมในสมัยนั้น เพื่อที่จะสามารถถ่ายทอดเรื่องราวอันน่าตื่นตาตื่นใจ และความชุลมุนวุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นออกมาได้อย่างครบถ้วนรอบด้าน

 

หลังจากใช้เวลาในการค้นคว้าหาข้อมูลและปรับแก้บทภาพยนตร์มานานหลายปี ในที่สุด Damien Chazelle ก็ได้บทภาพยนตร์ฉบับสมบูรณ์ในปี 2019 แต่ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด จึงทำให้เขาได้เริ่มต้นถ่ายทำภาพยนตร์อย่างเป็นทางการในปี 2021

 

BABYLON

 

2. เรื่องราวของเหล่านักล่าฝันภายใต้ยุคสมัยอันบ้าคลั่ง

 

Babylon จะพาผู้ชมย้อนเวลากลับไปในช่วงทศวรรษ 1920 เพื่อสำรวจเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงการฮอลลีวูดที่จะส่งผลมาถึงโลกภาพยนตร์ในปัจจุบัน ผ่านเรื่องราวของหลากหลายตัวละครที่โลดแล่นอยู่ภายใต้แสงสีและความบ้าคลั่ง

 

ทั้ง Nellie LaRoy (Margot Robbie) นักแสดงหญิงโนเนมผู้พยายามหาบทบาทสำคัญที่จะส่งให้ชื่อของเธอโด่งดัง ควบคู่ไปกับการข้ามผ่านปัญหาอันหนักหนาสาหัสที่ประดังเข้ามาไม่หยุด Manny Torres (Diego Calva) นักล่าฝันหนุ่มผู้พยายามทำทุกอย่างเพื่อแจ้งเกิดในวงการฮอลลีวูด Jack Conrad (Brad Pitt) นักแสดงภาพยนตร์เงียบผู้โด่งดัง

 

Elinor St. John (Jean Smart) คอลัมนิสต์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในฮอลลีวูด จนสามารถส่งนักแสดงคนหนึ่งให้โด่งดังหรือทำลายชีวิตของนักแสดงสักคนได้ไม่ยาก Sidney Palmer (Jovan Adepo) นักดนตรีทรัมเป็ตที่สร้างสีสันให้กับงานปาร์ตี้สุดเวอร์วัง และ Lady Fay Zhu (Li Jun Li) นักแสดงสาวผู้ได้รับฉายามรกตแห่งตะวันออกและเครื่องประดับแห่งแดนตะวันออก

 

Babylon

 

โดยหนึ่งในนักแสดงนำอย่าง Margot Robbie เล่าว่าเธอได้รับแรงบันดาลใจในการสวมบทบาทเป็น Nellie LaRoy จากการศึกษาเรื่องราวของนักแสดงในยุคภาพยนตร์เงียบหลายคนด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือนักแสดงชื่อดังอย่าง Clara Bow

 

Clara Bow เคยมีวัยเด็กที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาเลยค่ะ พ่อแม่ของ Clara ไม่เคยทำใบเกิดให้เธอ เพราะว่าพวกเขาเคยเสียลูกไปแล้วสองคน พวกเขารู้สึกว่าเธอเองก็คงจะไม่สามารถรอดชีวิตพ้นวัยเด็กไปได้ ตอนที่ฉันอ่านเรื่องราวนี้ ตัวละคร Nellie ก็เริ่มมีความสมเหตุสมผลสำหรับฉัน ฉันจินตนาการได้เลยว่าเธอคงจะรู้สึกว่าทุกๆ วันที่เธออยู่บนโลกใบนี้ เธอเหมือนใช้เวลาที่ถูกหยิบยืมมา ดังนั้นเธอจึงใช้ชีวิตแบบพังพินาศทุกวันค่ะ”

 

Babylon

 

3. ทีมงานเบื้องหลังและนักแสดงนำระดับแถวหน้าที่มาร่วมรังสรรค์สู่จอภาพยนตร์

 

Babylon เรียกว่าเป็นภาพยนตร์สุดเวอร์วังที่รวบรวมเหล่าทีมงานเบื้องหลังมากฝีมือไว้อย่างคับคั่ง เพื่อมาร่วมรังสรรค์เรื่องราวของผู้กำกับ Damien Chazelle ให้ออกมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์

 

นำโดย Linus Sandgren ผู้กำกับภาพที่ร่วมงานกับ Damien Chazelle มาแล้วใน La La Land (2016) และ First Man (2018) โดยครั้งนี้ Linus Sandgren เลือกใช้กล้องฟิล์ม 35 มม. ในรูปแบบอนามอร์ฟิกสำหรับการถ่ายทำ เพื่อให้ได้มุมภาพที่กว้างกว่ารูปแบบอื่นๆ และสามารถฉายทิวทัศน์อันกว้างใหญ่และโกลาหลของเมืองลอสแอนเจลิสในยุคแรกเริ่มได้อย่างครบถ้วน Mandy Moore ผู้ออกแบบท่าเต้นจาก La La Land ที่จะกลับมาร่วมงานกับ Damien Chazelle อีกครั้ง

 

Florencia Martin โปรดักชันดีไซเนอร์เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Blonde (2022) ที่จะมาสร้างสรรค์เมืองลอสแอนเจลิสในช่วงทศวรรษ 1920 ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง Tom Cross มือตัดต่อคู่บุญของ Damien Chazelle เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Whiplash (2014) และ Justin Hurwitz คอมโพเซอร์เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Whiplash และ La La Land ที่จะมาแต่งแต้มแสงสีผ่านบทเพลงให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้

 

Babylon

 

เสริมทัพด้วยทีมนักแสดงระดับแถวหน้าที่จะมาร่วมประชันบทบาท นำโดย Margot Robbie จาก I, Tonya (2017) มาสวมบทเป็น Nellie LaRoy นักแสดงสาวผู้ทะเยอทะยาน Diego Calva จาก Narcos: Mexico (2018) มาสวมบทเป็น Manny Torres หนุ่มนักฝันที่อยากมีชื่อเสียงในฮอลลีวูด Brad Pitt นักแสดงมาดเท่เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Once Upon a Time in Hollywood (2019) มารับบทเป็น Jack Conrad นักแสดงภาพยนตร์เงียบชื่อดัง

 

Jean Smart จากซีรีส์ Hacks (2021) มารับบทเป็น Elinor St. John คอลัมนิสต์ผู้ทรงอิทธิพล Jovan Adepo จาก Watchmen (2019) มาสวมบทเป็น Sidney Palmer นักดนตรีมากฝีมือ Li Jun Li จาก The Exorcist (2017) มารับบทเป็น Lady Fay Zhu นักแสดงสาวเปี่ยมเสน่ห์ และ Tobey Maguire จาก Spider-Man (2002) มารับบทเป็น James McKay เจ้าของคาสิโนที่ใครๆ ต่างก็เกรงกลัว

 

Babylon มีกำหนดเข้าฉาย 19 มกราคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

รับชมตัวอย่างได้ที่นี่:

 

 

ภาพ: UIP Thailand

The post Babylon กับ 3 เกร็ดน่าสนใจจากภาพยนตร์สุดทะเยอทะยานของผู้กำกับ Damien Chazelle appeared first on THE STANDARD.

]]>
พัฒนาการภาพยนตร์เสียงในฟิล์ม อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลกภาพยนตร์ https://thestandard.co/development-of-film-sound-on-film/ Fri, 13 Jan 2023 02:00:54 +0000 https://thestandard.co/?p=736330

Babylon ภาพยนตร์สุดเวอร์วังจากฝีมือของผู้กำกับมากวิสัยท […]

The post พัฒนาการภาพยนตร์เสียงในฟิล์ม อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลกภาพยนตร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

Babylon ภาพยนตร์สุดเวอร์วังจากฝีมือของผู้กำกับมากวิสัยทัศน์อย่าง Damien Chazelle ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่น่าจับตามองของปี 2023 ด้วยงานโปรดักชันที่โดดเด่นสะดุดตา การรวมตัวกันของทัพนักแสดงระดับแถวหน้าอย่าง Brad Pitt, Margot Robbie, Diego Calva, Jean Smart ฯลฯ รวมถึงการหยิบนำประวัติศาสตร์ของวงการฮอลลีวูดในช่วงทศวรรษ 1920 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านจากภาพยนตร์เงียบไปสู่ภาพยนตร์เสียงในฟิล์มมาเป็นฉากหลังของเรื่อง  

 

ก่อนที่เราจะได้ไปรับชมผลงานล่าสุดของผู้กำกับ Damien Chazelle ในวันที่ 19 มกราคมนี้ THE STANDARD POP ขอพาผู้อ่านทุกท่านมาร่วมย้อนเวลากลับไปสำรวจเรื่องราวการเปลี่ยนผ่านของภาพยนตร์เงียบสู่ภาพยนตร์เสียงในฟิล์ม อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลกภาพยนตร์กัน

 

Kinetophone 

ภาพ: Wikipedia

 

ภาพยนตร์เสียงในฟิล์ม หรือการซิงก์เสียงและภาพเคลื่อนไหวให้ตรงกัน ถือเป็นระบบที่ถูกคิดค้นและพัฒนากันมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ โดยย้อนเวลากลับไปในช่วงประมาณปี 1894-1895 หลังจากที่ Thomas Edison นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ได้คิดค้นเครื่องฉาย Kinetoscope ที่มีลักษณะเป็นตู้ฉายที่มีช่องให้ผู้ชมได้ส่องดูภาพเคลื่อนไหว เขาได้ร่วมมือกับ William K.L. Dickson ในการทดลองระบบฉายที่สามารถเล่นภาพเคลื่อนไหวและเสียงได้พร้อมกันในชื่อ Kinetophone โดยการทดลองในช่วงแรก William K.L. Dickson ได้บันทึกเสียงไวโอลินลงในม้วนแว็กซ์ผ่านเครื่องบันทึกเสียงที่ผลิตโดยบริษัทของ Thomas Edison ก่อนที่จะนำมาเปิดให้ผู้ชมฟังควบคู่กับการฉายภาพเคลื่อนไหว และในเวลาต่อมาการทดลองที่ถูกบันทึกไว้ดังกล่าวรู้จักกันในชื่อ The Dickson Experimental Sound Film 

 

The Dickson Experimental Sound Film (1894)

 

อย่างไรก็ตาม Kinetophone ของ Thomas Edison และ William K.L. Dickson นั้นทำได้เพียงการเปิดเสียงที่บันทึกไว้ควบคู่ไปกับการฉายภาพเคลื่อนไหว แต่ยังไม่สามารถซิงก์เสียงและภาพเคลื่อนไหวให้ตรงกันได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงคุณภาพของเสียงที่ยังไม่มีคุณภาพมากนัก แต่นี่ก็ถือเป็นหนึ่งในก้าวแรกๆ ของการพยายามสร้างระบบภาพยนตร์เสียงในฟิล์มขึ้นมา

 

Lee de Forest 

ภาพ: Wikipedia

 

นักประดิษฐ์อีกหนึ่งคนที่พยายามผลักดันระบบเสียงในฟิล์มให้ก้าวหน้าไปอีกขั้นคือ Lee de Forest นักประดิษฐ์ชาวอเมริกันและหนึ่งในผู้บุกเบิกด้านอิเล็กทรอนิกส์ โดยในช่วงประมาณปี 1919-1920 Lee de Forest ได้คิดค้นวิธีบันทึกเสียงที่เรียกว่า Phonofilm โดยใช้ระบบการบันทึกเสียงด้วยการกะพริบของแสงแบบอนาล็อกลงบนแผ่นฟิล์มโดยตรง เพื่อซิงก์เสียงและภาพเคลื่อนไหวให้ตรงกัน

 

ต่อมาในปี 1923 Lee de Forest ได้จัดงานแถลงข่าวเพื่อสาธิตประสิทธิภาพของ Phonofilm โดยฉายภาพยนตร์สั้นจำนวน 18 ตอนให้สื่อมวลชนได้ชม และติดตั้งระบบ Phonofilm ในโรงภาพยนตร์อีกหลายแห่ง แต่ด้วยคุณภาพของเสียงที่ยังไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนัก บวกกับการขาดเงินทุนในการสร้างภาพยนตร์ของตนเอง จึงทำให้ระบบ Phonofilm ของ Lee de Forest ไม่ได้รับความสนใจจากสตูดิโอภาพยนตร์รายใหญ่ และไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากนัก

 

Vitaphone System

ภาพ: Warner Bros.

 

Don Juan (1926)

 

ภายหลังการทดลองเพื่อทำให้ภาพยนตร์อันเงียบงันสามารถส่งเสียงได้กันมาอย่างยาวนาน ในที่สุดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญก็มาถึง เมื่อสตูดิโอ Warner Bros. ที่ ณ เวลานั้นเป็นเพียงสตูดิโอผลิตภาพยนตร์ขนาดเล็ก ได้ตัดสินใจเซ็นสัญญากับบริษัท Western Electric ที่ทำงานเกี่ยวกับการบันทึกเสียงลงในแผ่นเสียง เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Vitaphone หรือระบบฉายที่นำเครื่องฉายภาพยนตร์และเครื่องเล่นแผ่นเสียงมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เพื่อซิงก์ภาพเคลื่อนไหวและเสียงให้เล่นพร้อมกัน ซึ่งแตกต่างไปจากการฉายภาพยนตร์เงียบหลายๆ เรื่องที่จะฉายภาพยนตร์ควบคู่ไปกับการแสดงดนตรีประกอบหรือพากย์เสียงแบบสดๆ

 

โดยภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกที่นำเทคโนโลยี Vitaphone มาใช้คือ Don Juan (1926) ผลงานจากผู้กำกับ Alan Crosland ที่บันทึกเสียงประกอบและดนตรีประกอบไว้ในแผ่นเสียง เพื่อนำมาซิงก์ให้เข้ากับภาพเคลื่อนไหว ซึ่งมีคุณภาพเสียงที่ชัดเจนกว่าและซิงก์ภาพและเสียงตรงกว่าหลายๆ ระบบที่เคยมีมา เพียงแต่ยังไม่มีการบันทึกไดอะล็อกของตัวละครลงไปด้วย

 

The Jazz Singer (1927) 

ภาพ: IMDb

 

The Jazz Singer (1927) 

 

ภายหลังจากที่ Don Juan ออกฉายและประสบความสำเร็จในแง่รายได้พอสมควร Warner Bros. ก็เริ่มเดินหน้าต่อด้วยภาพยนตร์เรื่องใหม่อย่าง The Jazz Singer ที่ออกฉายในปี 1927 พร้อมได้นักแสดงละครเวทีชื่อดังอย่าง Al Jolson มารับบทนำ โดย The Jazz Singer ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่มีการซิงก์เสียงไดอะล็อกของตัวละครให้ตรงกับภาพเคลื่อนไหว โดยมีความยาวประมาณ 2 นาที พร้อมกับประโยคสุดไอคอนิกอย่าง “Wait a minute, wait a minute I tell yer, you ain’t heard nothin’ yet.” และส่งให้ The Jazz Singer กลายเป็นภาพยนตร์พูด (Talking Picture หรือ Talkies) เรื่องแรกของโลกภาพยนตร์ 

 

ขณะที่ภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกที่มีการซิงก์เสียงไดอะล็อกตลอดทั้งเรื่องคือ Lights of New York ผลงานการกำกับของ Bryan Foy ที่ออกฉายในปี 1928 ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ระบบ Vitaphone ก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด โรงภาพยนตร์หลายแห่งเริ่มนำระบบ Vitaphone มาใช้มากขึ้น และสตูดิโอภาพยนตร์ก็เริ่มผลิตภาพยนตร์พูดออกมาอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดยุคสมัยของภาพยนตร์เงียบจึงได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการในปี 1929  

 

อ้างอิง:

 

The post พัฒนาการภาพยนตร์เสียงในฟิล์ม อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลกภาพยนตร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Babylon ผลงานสุดเวอร์วังจากผู้กำกับ La La Land ที่คับคั่งด้วยนักแสดงระดับแถวหน้า เตรียมฉายในไทย 19 ม.ค. 2023 https://thestandard.co/babylon/ Thu, 15 Sep 2022 04:50:21 +0000 https://thestandard.co/?p=681761 Babylon

Babylon ผลงานการกำกับและเขียนบทเรื่องล่าสุดจาก Damien C […]

The post Babylon ผลงานสุดเวอร์วังจากผู้กำกับ La La Land ที่คับคั่งด้วยนักแสดงระดับแถวหน้า เตรียมฉายในไทย 19 ม.ค. 2023 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Babylon

Babylon ผลงานการกำกับและเขียนบทเรื่องล่าสุดจาก Damien Chazelle (เดเมียน ชาเซล) ที่เคยสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ชมมาแล้วใน La La Land (2016) โดยครั้งนี้เขาจะขอพาผู้ชมมาร่วมย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านของฮอลลีวูด พร้อมด้วยทีมนักแสดงระดับแถวหน้าของฮอลลีวูด ภาพยนตร์มีกำหนดเข้าฉายในไทย 19 มกราคม 2023 

 

Babylon

 

Babylon ว่าด้วยเรื่องราวในช่วงทศวรรษ 1920 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านของฮอลลีวูดจากภาพยนตร์เงียบไปสู่ภาพยนตร์เสียงบนฟิล์ม ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของฮอลลีวูด โดยเราจะได้ไปติดตามเรื่องราวของเหล่าตัวละครที่เปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยานและพฤติกรรมสุดเหวี่ยงเกินพิกัด รวมถึงตัวละครจากหน้าประวัติศาสตร์ที่จะมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวสุดเวอร์วัง 

 

Babylon

Babylon

Babylon

 

ภาพยนตร์จะได้ Damien Chazelle เจ้าของรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมจาก La La Land มารับหน้าที่เขียนบทและกำกับ พร้อมด้วยทีมนักแสดงนำระดับแถวหน้า นำโดย Brad Pitt จาก Once Upon a Time in Hollywood (2019), Margot Robbie จาก The Suicide Squad (2021), Diego Calva จาก Narcos: Mexico (2021), Jean Smart จาก Hacks (2021), Jovan Adepo จาก Watchmen (2019) และ Tobey Maguire จาก Spider-Man (2002)

 

รับชมตัวอย่างได้ที่นี่ 

 

 

อ้างอิง:

 

The post Babylon ผลงานสุดเวอร์วังจากผู้กำกับ La La Land ที่คับคั่งด้วยนักแสดงระดับแถวหน้า เตรียมฉายในไทย 19 ม.ค. 2023 appeared first on THE STANDARD.

]]>