ได้รับการยืนยันเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า T Moment ค่ายผู้สร้างภาพยนตร์น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้เพียง 2 ปี 8 เดือนจะยุติการสร้างภาพยนตร์ไว้เพียงเท่านี้ สาเหตุเนื่องมาจากบริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้ร่วมหุ้นหลักของ T Moment อาจจะต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจในเครือของตัวเองครั้งใหญ่

ข่าวนี้เริ่มเป็นที่พูดถึงหลังจาก tvdigitalwatch.com ได้นำข้อมูลรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/2562 ของโมโน เทคโนโลยี ซึ่งแจ้งไว้กับตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่ามีผลประกอบการขาดทุนราว 95.21 ล้านบาท จากที่เคยกำไร 13.66 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว 

ทำให้บริษัทต้องมีการปรับโครงสร้างบริษัท เช่น การยุติสายธุรกิจนิตยสาร เกม และการร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในนาม T Moment เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของบริษัท โดยเฉพาะบางบริษัทในเครือที่มีผลประกอบการติดลบ

และด้วยเหตุนี้เองที่จะส่งผลให้ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ภายใต้ชื่อ T Moment จะต้องยุติไว้เพียงเท่านี้ หลังจากตลอด 2 ปีที่ผ่านมาค่ายได้ผลิตผลงานออกสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย 3 เรื่องคือ โอเวอร์ไซส์..ทลายพุง, App War แอปชนแอป และ The Pool นรก 6 เมตร 

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ค่ายภาพยนตร์น้องใหม่ T Moment ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2559 โดยเกิดจากการจับมือกันของสองบริษัทชั้นนำผู้คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมบันเทิงไทยอย่าง ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และโมโน เทคโนโลยี ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ลงขันกันแบบ 50/50 และถือเป็นการกลับมาเป็นผู้บริหารค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์อีกครั้งของ วิสูตร พูลวรลักษณ์ หลังการปิดตัวของค่าย GTH ซึ่งเขารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารมานานกว่า 11 ปี 

1 ปีต่อมา T Moment เปิดตัวผลงานแรกด้วย โอเวอร์ไซส์..ทลายพุง (2560) ภาพยนตร์แนวแอ็กชัน-คอเมดี้ กำกับโดย ชานนท์ ยิ่งยง และภูวนิตย์ ผลดี และแม้จะเป็นภาพยนตร์ไทยในแนวทางที่วิสูตรค่อนข้างถนัดในการทำตลาด พร้อมด้วยเสียงตอบรับจากผู้ชมและนักวิจารณ์ที่มีทั้งบวกและลบ ที่สุดก็เก็บรายได้หลังเข้าฉายไปได้เพียง 15.38 ล้านบาท ถือเป็นการประเดิมก้าวแรกของค่ายที่ยังต้องทำการบ้านอีกพอสมควร 

เข้าสู่ปี 2561 ข่าวของสองโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ T Moment อย่าง App War แอปชนแอป และ The Pool นรก 6 เมตร ถูกจับตามองตั้งแต่ยังไม่เข้าฉายว่างานนี้น่าจะถึงเวลาแจ้งเกิดของค่ายเสียที! 

App War แอปชนแอป ภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้ กำกับโดย ยรรยง คุรุอังกูร (2538 อัลเทอร์มาจีบ) ว่าด้วยเรื่องราวของหนุ่มสาวยุค Gen-C ที่ต้องแข่งขันกันสู่ความสำเร็จในแวดวงสตาร์ทอัพด้วยการพัฒนา ‘แอปพลิเคชัน’ 

ภาพยนตร์โดดเด่นน่าจับตาด้วยทีมนักแสดงนำคลื่นลูกใหม่ 7 คน หนึ่งในนั้นคือ อร-พัศชนันท์ เจียจิรโชติ ที่หลายคนเชื่อว่ากระแสความโด่งดังของ BNK48 น่าจะยิ่งช่วยส่งให้ภาพยนตร์กลายเป็นกระแสได้ไม่ยาก 

แต่แล้วเมื่อเข้าฉายผลกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด เพราะภาพยนตร์ทำรายได้เปิดตัวไปเพียง 1.3 ล้านบาท และเก็บรายได้เข้ากระเป๋าหลังปิดโปรแกรมฉายเพียง 17.8 ล้านบาท 

ในปีเดียวกัน T Moment ยังคงมีลุ้นอีกหนกับผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ พิง ลำพระเพลิง กับ The Pool นรก 6 เมตร ที่มาพร้อมพล็อตแนวระทึกขวัญสุดท้าทายภายใต้สถานการณ์โลเคชันเดียว แถมยังได้พระเอกแถวหน้าอย่าง เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ มาแสดงแบบแทบจะแบกไว้ทั้งเรื่อง 

หลังเข้าฉาย นอกจากจะเก็บเสียงชื่นชมจากผู้ชมและนักวิจารณ์ไปได้พอสมควร ขณะเดียวกันแม้จะเก็บรายได้ไปกว่า 53.9 ล้านบาท ซึ่งมากที่สุดในจำนวนผลงานภาพยนตร์ทั้งหมดของค่าย แต่ภาพรวมผลประกอบการของ T Moment ตลอด 2 ปีกว่านับตั้งแต่เปิดตัวก็ต้องถือว่า ‘ประสบความสำเร็จ’ 

นับจากนี้คงต้องจับตาดูกันต่อ เพราะแม้  T Moment จะยุติบทบาทในฐานะค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์ลง แต่ THE STANDARD POP เชื่อเหลือเกินว่านี่จะไม่ใช่ก้าวสุดท้ายและบทบาทสุดท้ายของ วิสูตร พูลวรลักษณ์ อดีตผู้บริหาร  GTH และผู้ร่วมก่อตั้ง ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่คลุกคลีอยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยด้วยความรักมากว่า 30 ปี 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

The post 2 ปี 3 เรื่อง ย้อนไทม์ไลน์หลัง T Moment ยุติการสร้างภาพยนตร์ไทย appeared first on THE STANDARD.

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา THE STANDARD POP มีโอกาสเกาะติด เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร ผู้กำกับ และ จิงจิง-วริศรา ยู, พัศชนันท์ เจียจิรโชติ หรือ อร BNK48 สองนักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่อง App War แอปชนแอป ในฐานะตัวแทนภาพยนตร์ไทยที่ได้ร่วมงานเปิดตัวเทศกาลภาพยนตร์นานาชาตินครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai International Film Festival 2019 หรือ SIFF) ซึ่งนับว่าเป็นเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน

และ THE STANDARD POP เก็บภาพบรรยากาศก่อนเริ่มงาน ที่ทั้ง 3 ตัวแทนจากประเทศไทย มีโอกาสกระทบไหล่ ร่วมเดินพรมแดงเดียวกับทีมสร้างละครโทรทัศน์-ภาพยนตร์ นักแสดงชื่อดังจากประเทศจีน, ทีมโปรดิวเซอร์จากต่างประเทศ ไปจนถึง ‘ฮายาชิ โยชิกิ’ หัวหน้าวงระดับตำนานของญี่ปุ่น X-Japan ที่มาร่วมสร้างสีสันให้กับงานครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี

การเดินทางครั้งนี้ได้รับความมือจากกระทรวงการต่างประเทศร่วมกับสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ และสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเผยแพร่ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ไทย ณ นครเซี่ยงไฮ้ ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 9 ปี

นอกจากงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาตินครเซี่ยงไฮ้แล้ว ยังมีการจัดฉายภาพยนตร์เรื่อง App War แอปชนแอป พร้อมกับเสวนาถามตอบระหว่างผู้ชมชาวจีนและทีมงานชาวไทย และงาน Film Market ระดับนานาชาติ ที่ทีมงานจากหลายค่ายในประเทศไทย มีโอกาสมาปิดบูธขายหนังและโปรเจกต์ให้กับทีมงานชาวจีนและชาวต่างชาติที่ให้ความสนใจ

ซึ่ง THE STANDARD POP จะมารายงานความเคลื่อนไหว ภาพบรรยากาศ และกระบวนการขายหนังบนเวทีระดับนานาชาติให้ชมกันอีกครั้งเร็วๆ นี้

เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร ผู้กำกับ, จิงจิง-วริศรา ยู และ พัศชนันท์ เจียจิรโชติ หรือ อร BNK48 สองนักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่อง App War แอปชนแอป ณ พรมแดงงานเปิดตัว Shanghai International Film Festival 2019

ฮายาชิ โยชิกิ หัวหน้าวงระดับตำนานของญี่ปุ่น X-Japan ที่ขโมยซีนแย่งแสงแฟลชจากนักแสดงชาวจีนได้แบบเต็ม ในขณะที่คนอื่นๆ เร่งรีบเดินผ่านพรมแดงให้ไวที่สุด (ถ้าไม่ถูกนักข่าวเรียกให้ถ่ายรูป) แต่ป๋าโยชิกิค่อยๆ ใช้เวลาละเลียดเดินพรมแดงนานที่สุด และน่าจะเป็นคนเดียวที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเซลฟีตัวเองเก็บไว้ด้วย

ฮันนาห์ ควินลิแวน นักแสดงชาวไต้หวัน จาก Skyscraper

โยชิโมโต้ มิยู และ ชิไรชิ ยูอะ 2 นักแสดงสาวจากญี่ปุ่น

อีเลน จง ฉู่ซี นักแสดงสาวชาวจีน จากภาพยนตร์เรื่อง Youth

จาง จื่ออี้ (เสื้อขาว) หนึ่งในตัวแม่แห่งวงการภาพยนตร์จีน จากผลงาน 2046, Memoirs of a Geisha และ Godzilla: King of the Monsters ที่ยังคงความงามอมตะไม่เสื่อมคลาย

ดาร์เรน หวัง นักแสดงชาวไต้หวัน จากภาพยนตร์เรื่อง Our Times

ผู้สื่อข่าวจากประเทศจีนที่มาสแตนด์บายตั้งแต่ช่วงบ่าย ก่อนที่งานจะเริ่มในเวลา 18.00 น.

สิ่งที่น่าสนใจนอกจากบรรดานักแสดงที่มาร่วมงานคือ วัฒนธรรมการทำงานของนักข่าว (โดยเฉพาะช่างภาพ) ชาวจีนที่เข้มแข็งมาก ทุกคนจะแย่งชิงพื้นที่ในการถ่ายภาพแบบไม่มีใครยอมใคร และสามารถตะโกนสั่งให้ดารามองกล้องหรือยืนในตำแหน่งที่ตัวเองต้องการ ชนิดที่ว่าถ้ายังไม่ได้ภาพที่ต้องการ ก็จะไม่ปล่อยให้นักแสดงเดินผ่านไปอย่างเด็ดขาด โดยที่ดาราทุกคนพร้อมที่จะทำตามอย่างไม่มีทีท่าอิดออดหรือตกใจแต่อย่างใด

ภาพ: ณัฐนันท์ เฉลิมพนัส / SIFF

The post เก็บตกบรรยากาศ อร BNK48, จิงจิง วริศรา และ เสือ ยรรยง จากภาพยนตร์ ‘App War’ บนงานพรมแดงเปิดเทศกาล Shanghai International appeared first on THE STANDARD.

App War แอปชนแอป หนังโรแมนติกคอเมดี้กระแสแรงที่สุดในตอนนี้ เอาเป็นว่าการต่อสู้บนเส้นทาง ‘สตาร์ทอัพ’ ของหนุ่ม-สาวจากทีม INVITER และ AMJOIN จะจบลงตรงไหน แฟนหนังต้องรีบไปดูในโรงภาพยนตร์ ส่วนนาทีนี้ เวลานี้ 6 นักแสดงวัยรุ่นจะขอพักรบ! เพื่อพรีเซนต์แฟชั่นเซตกับ THE STANDARD  

แบบโดย

• นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต
• ทู-สิราษฎร์ อินทรโชติ
• จิงจิง-วริศรา ยู
• ธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์
• เติร์ท-ธนาภพ อยู่วิจิตร
• หรั่ง-อภิวิชญ์ เรียร์ดอน
• และ อร-พัศชนันท์ เจียจิรโชติ

เสื้อผ้าจาก

• Calvin Klein
• T and T
• P.Mith

The post Connected Generation แฟชั่นเซตจาก 7 นักแสดงวัยรุ่นจาก App War แอปชนแอป appeared first on THE STANDARD.

THE STANDARD Daily ประจำวันที่ 2 สิงหาคม 2561 เวลา 20.00 น. 

• คุยสดๆ กับทีมนักแสดงนำ อร BNK48, ทู สิราษฏร์, หรั่ง อภิวิชญ์ จาก App War แอปชนแอป เมื่อสตาร์ทอัพจับจอเงิน ภาพยนตร์ไทยเรื่องใหม่ล่าสุดที่น่าจับตา
• พร้อมประเด็นน่าสนใจวันนี้ ทุจริตคนไร้ที่พึ่งล็อตแรก ไล่ออก 11 ข้าราชการ ปลด 5 สอบอีก 200 คน
• จับตาสถานการณ์น้ำอยู่ระดับสีเหลือง เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 11 แห่ง

สามารถติดตาม THE STANDARD Daily ได้เป็นประจำทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ที่ Facebook Live และ Youtube Live ของ thestandardth

The post คุยสดๆ กับทีมนักแสดงนำ อร BNK48, ทู สิราษฏร์, หรั่ง อภิวิชญ์ จาก App War แอปชนแอป – THE STANDARD Daily 2 สิงหาคม 2561 appeared first on THE STANDARD.

เมษายนที่ผ่านมา จิงจิง-วริศรา ยู เพิ่งผ่านขวบปีที่ 21 ของตัวเองไปหมาดๆ และถ้ามองให้ลึกมากไปกว่าเลขวัยที่เปลี่ยนผ่าน หน้าฝนปีที่ 21 ยังเป็นขวบปีที่ท้าทายและเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิตของเธอ นับตั้งแต่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางแฟชั่นอย่างรวดเร็ว หลังคว้าตำแหน่ง Thai Supermodel 2012

1 สิงหาคมนี้ จิงจิงกำลังจะมีผลงานภาพยนตร์ไทยครั้งแรกในชีวิตกับ APPWAR แอปชนแอป บทบาทการแสดงที่ทีมงานเคยบอกไว้ว่า “ต้องเป็นเธอเท่านั้น”

ในช่วงแรกจิงจิงสารภาพว่ายังไม่เข้าใจ ยังไม่ค้นพบว่าทำไม ‘จูน’ มาร์เก็ตติ้งและหัวหน้าทีม AMJOIN ถึงต้องเป็นเธอ แต่เมื่อยิ่งอ่านบท ยิ่งแสดง ยิ่งเข้าฉาก เธอก็ค่อยๆ ค้นพบว่าคาแรกเตอร์ที่ภายนอกดูเป็นผู้หญิงเก่ง ดูมั่นใจมาก แต่ความจริงกลับเป็นคนอ่อนแอ ร้องไห้บ่อย และไม่มั่นใจในตัวเอง ซึ่งนั่นคือตัวตนที่แท้ของจิงจิงด้วยเหมือนกัน

จูนเขามีปมในใจ เพียงแต่ถ้าดูจากภายนอก จูนดูเป็นผู้หญิงเก่ง ดูมั่นใจมาก แต่ใครจะรู้ว่าความจริงเขาร้องไห้บ่อยมาก เขาเป็นคนอ่อนแอมาก และเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลย นั่นคือตัวจูน และคือตัวหนูเองด้วยเหมือนกัน   

จูน มาร์เก็ตติ้งทีม AMJOIN ตัวละครแรก และ APPWAR ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกของจิงจิง  

หนังเรื่องนี้เป็นโรแมนติกคอเมดี้ แต่มันมีดราม่าด้วยนะ ตัวละครทั้ง 7 คนมีปมหมดเลย ปมของจูนคืออยากทำตามความฝัน แต่โดนคุณพ่อกดดัน คือที่ผ่านมาจูนแข่งขันมา 12 ครั้ง แต่ไม่เคยชนะเลย ครั้งนี้คุณพ่อเลยบอกว่าถ้าไม่ชนะก็จะไม่สนับสนุนแล้ว และต้องยอมกลับไปทำงานกับที่บ้าน ในเรื่องเราก็เลยเป็นคนที่มุ่งมั่นมาก แต่ในระหว่างที่กำลังทำแอปพลิเคชันร่วมกับเพื่อนสนิทอีก 2 คน มันมีอุปสรรคอย่างหนึ่งที่สุดท้ายแล้วจูนจะต้องเลือกระหว่าง ‘ความฝัน’ กับ ‘ความรัก’

จากนางแบบสู่นักแสดงครั้งแรกบนจอภาพยนตร์

หนูเป็นนางแบบมา 6 ปีแล้ว เลยคิดว่าน่าจะลองทำอย่างอื่นบ้าง แล้วพอได้ลองมาอ่านบทดู เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่หนังวัยรุ่นทั่วไป อีกอย่างเพราะเขาสนใจเรา พี่ๆ ทีมงานบอกเลยว่านางเอกต้องเป็นหนู บทนี้มันคือหนู พอได้ยินคำยืนยันขนาดนั้นเราก็เลยไปแคสต์ พี่เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร ผู้กำกับก็ชอบ เขาอยากให้เรามาเล่น ทั้งที่ความจริงแอ็กติ้งหนูไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่ทำไมเขาถึงเชื่อในตัวหนูขนาดนี้ โอเค เล่นก็เล่นค่ะ! (หัวเราะ)   

เขาเลือกเรา แต่ทำไมเราถึงต้องเลือกเขา ทั้งที่เส้นทางนางแบบก็กำลังไปได้ดี  

ก่อนหน้านี้อีกงานที่ชอบมากคือเล่นมิวสิกวิดีโอ แล้วมิวสิควิดีโอมันคือการใช้แอ็กติ้งเหมือนกัน อีกอย่างหนูเป็นคนขี้เบื่อด้วย เป็นนางแบบมา 6 ปี ได้ทำงานในต่างประเทศแล้ว เลยอยากลองทำอะไรใหม่ๆ บ้าง เมื่อโอกาสมาแล้วทำไมจะไม่ลองทำในสิ่งที่เราอยากทำ เราอาจจะเคยผ่านงานมิวสิกวิดีโอ ผ่านงานหนังสั้น แต่ส่วนตัวคิดว่ามันยังไม่ได้ใช้ความสามารถของเราอย่างเต็มที่เท่าหนังเรื่องนี้

ความมั่นใจหนูมีนะ แต่หนูมีแค่บางครั้ง และในเรื่องที่หนูมั่นใจอย่างการทำงานแฟชั่น หนูมั่นใจว่าตัวเองทำได้ แต่กับบางเรื่องหนูรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดีพอ …และบางทีหนูก็ไม่ชอบตัวเอง

ความท้าทายใหม่กับบทที่ถูกการันตีมาว่าต้องเป็นจิงจิงเท่านั้น!  

ตอนอ่านบทครั้งแรก หนูไม่รู้ว่าคนนี้มันต้องเป็นหนูยังไง (หมายถึงคาแรกเตอร์จูนใน APPWAR) แต่พอได้เล่นไปสักพัก เออ…จูนก็คือเราเลยนี่ เพราะจูนเขามีปมในใจ เพียงแต่ถ้าดูจากภายนอก จูนดูเป็นผู้หญิงเก่ง ดูมั่นใจมาก แต่ใครจะรู้ว่าความจริงเขาร้องไห้บ่อยมาก เป็นเขาเป็นคนอ่อนแอมาก และเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลย นั่นคือตัวจูน และคือตัวหนูเองด้วยเหมือนกัน   

จิงจิง ผู้หญิงที่ไม่มั่นใจในตัวเอง

ทุกคนจะคิดว่าหนูต้องเป็นคนเก่งแน่เลย แต่เพื่อนที่สนิทจะรู้เลยว่าเราเป็นคนไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แล้วยิ่งเวลาไปเกาหลีมันยิ่งต้องพรีเซนต์ความมั่นใจ

ความมั่นใจหนูมีนะ แต่มีแค่บางครั้ง และในเรื่องที่หนูมั่นใจอย่างการทำงานแฟชั่น หนูมั่นใจว่าตัวเองทำได้ แต่บางเรื่องกลับรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดีพอ และบางทีก็ไม่ชอบตัวเอง ไม่มั่นใจในตัวเอง อีกอย่างหนูจะเป็นคนที่แคร์เสียงพูดคนอื่นมากกว่าความรู้สึกตัวเอง มันเลยยิ่งทำให้เรากลายเป็นคนขี้กังวล คิดเยอะ ไม่กล้าจะทำอะไรสักเท่าไร

บางทีเวลามีความรู้สึกว่าไม่ชอบตัวเอง หนูต้องยกมือไหว้ตัวเองแล้วย้อนกลับไปคิดว่า เฮ้ย ทำไมเราถึงต้องทำตามความฝันของตัวเองตั้งแต่เด็ก ความฝันที่ปูทางให้เป็นตัวเราแบบในวันนี้ และทำไมเราจึงมาถึงจุดนั้นได้

ว่ากันว่าวัยรุ่นยุคใหม่แคร์ความรู้สึกของตัวเองเป็นหลักและอยากจะประสบความสำเร็จเร็วๆ

ถ้าเป็นเรื่องงาน เรื่องความฝัน ถามว่าแคร์ตัวเองไหม หนูก็ยังแคร์ตัวเองเป็นหลักนะ เช่น อยากจะดรอปเรียนก็ดรอปเลย เพราะหนูไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองเรียนไปวันๆ โดยที่ยังไม่เคยผ่านงาน ครั้งหนึ่งเคยเจอดรอปเรียนโดยอัตโนมัติ เพราะมีกฎว่าจะขาดเรียนเกิน 3 ครั้งไม่ได้ แต่ช่วงนั้นมันคือโอกาสของหนู งานถ่ายแบบเดินแบบเยอะมาก และมันเป็นงานที่เราอยากทำมาก สุดท้ายเราคิดว่าขอเราทำงานเถอะ เรากลัวว่าพอเรียนจบไปแล้วจะไม่ได้โอกาสตรงนี้ หนูก็ตัดสินใจดรอปเลย

ความฝันคือนางแบบโกอินเตอร์

หนูมีความฝัน ถ้าใครได้อ่านบทสัมภาษณ์เมื่ออายุประมาณ 15-18 ปี หนูจะพูดตลอดว่าอยากเป็นนางแบบโกอินเตอร์ค่ะ คนถามว่าทำไมถึงอยากโกอินเตอร์ หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าต้องโกอินเตอร์ หนูอยากโกอินเตอร์ และรู้สึกว่าถ้าเราได้อยู่ตรงจุดนั้น เราจะมีความสุขมากๆ

วันหนึ่งพอได้ไปอยู่ตรงจุดนั้นจริงๆ คุณมีความสุขอย่างที่คิดไว้ไหม

มีความสุขมากค่ะ เฮ้ย นี่เราทำได้แล้วจริงๆ เหรอวะ

ไม่ใช่ทุกคนด้วยนะที่มีความฝันแล้วจะไปถึงตรงจุดที่ฝันได้

ใช่ค่ะ บางทีเวลามีความรู้สึกว่าไม่ชอบตัวเอง หนูต้องยกมือไหว้ตัวเองแล้วย้อนกลับไปคิดว่า เฮ้ย ทำไมเราถึงต้องทำตามความฝันของตัวเองตั้งแต่เด็ก ความฝันที่ปูทางให้เป็นตัวเราแบบในวันนี้ และทำไมเราจึงมาถึงจุดนั้นได้

ตอนไปเกาหลีแรกๆ ตอนนั้นเป็นหน้าใหม่มาก ใครจะไปรู้ว่าหนูจะได้ถ่ายแบบกับแบรนด์ดังของเกาหลีอย่าง 8 seconds กับ NONAGON ที่ถ้าใครได้ถ่ายกับแบรนด์นี้ทุกคนก็จะเป็นที่รู้จัก ใครจะนึกว่าวันหนึ่งเราจะได้ถ่ายกับศิลปินดังของเกาหลีใต้ ได้ถ่ายกับ iKON ได้ถ่ายกับลิซ่า BLACKPINK นึกไม่ถึงว่าเราจะได้รับโอกาสขนาดนี้ และกลับกลายเป็นว่าวงการแฟชั่นเกาหลีพูดกันแบบปากต่อปากจนทำให้มีคนรู้จัก

หนูได้ทำงานในจุดที่คนวัยเดียวกันอาจจะไม่ได้ทำเท่าหนู แต่ขณะเดียวกันหนูก็ขาดความสัมพันธ์กับเพื่อน ขาดความสัมพันธ์กับครอบครัว และอาจจะไม่ได้ทำอะไรที่เด็กวัยนี้ควรจะทำ ซึ่งหนูตัดขาดจากตรงนั้นไปตั้งแต่วัยมัธยมปลาย

มีแต่ความสำเร็จและภาพสวยงามอย่างเดียวเลยเหรอ มีข้อเสียบ้างไหม

มันเหงาค่ะ เพราะเราอยู่ตัวคนเดียว ก่อนหน้านี้หนูไม่เคยจากบ้านไปไหนเลย แต่หนูไปเกาหลีโดยเริ่มต้นจากศูนย์ ภาษาเกาหลีก็พูดไม่ได้ หนูเป็นคนที่ไม่ฉลาดเรื่องภัยรอบตัว ไม่ฉลาดเรื่องการดูแลตัวเองคนเดียว ช่วงแรกๆ มีปัญหากับชีวิตเยอะมาก ร้องไห้เยอะมาก แต่มันคือความฝันเนอะ พอย้อนกลับมานั่งคิดดู ตอนปีแรกๆ มีหลายเรื่องมากที่เราทำแบบนั้นไปได้ยังไงวะ (หัวเราะ)  

คุณต่างจากนางแบบสาวไทยคนอื่นอย่างไร ทำไมจึงสามารถทะลุออกมาได้

มันไม่เกี่ยวเลยค่ะ มันเกี่ยวกับความตั้งใจและตามฝันของแต่ละคน ถ้าเกิดคุณมีความฝัน คุณก็ทำ ทุกคนสามารถทำได้หมด ขึ้นอยู่กับว่าจะทำหรือเปล่า

คิดว่างานเดินแบบและถ่ายแบบต่างกับงานแสดงในมุมไหนบ้าง

ต่างกันค่ะ การถ่ายแบบก็ต้องใช้อินเนอร์ งานเดินแบบก็ต้องใช้อินเนอร์ ไม่ใช่ว่าโพสๆ เดินๆ ไปอย่างนั้นแหละ ไม่รู้สึกอะไร เพราะว่าทุกการเดินแบบ ทุกการโพส เขาจะมีโจทย์มาให้เรา ก็เหมือนว่าเราฝึกมาตั้งแต่ตอนนั้น

งานนางแบบสามารถนำมาปรับใช้กับการแสดงได้ไหม อย่างการแสดงใน APPWAR

หนูว่าอาชีพนางแบบไม่สามารถนำมาใช้กับอาชีพนักแสดงได้ แต่อาชีพนักแสดงสามารถนำมาใช้กับงานนางแบบได้มากกว่า เช่น อินเนอร์

จริงๆ แล้วหนูมองว่าคนที่เคยเป็นนางแบบมาก่อนแล้วมาเป็นนักแสดงนี่ยากนะ เพราะการที่เราต้องแสดงเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่เราคิดทุกอย่างที่เราเคยเป็นนางแบบ แล้วทำยังไงเราจึงจะสามารถสลัดคราบนางแบบแล้วกลับไปเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งให้ได้

ถ้ามีคนบอกว่าทำไมชีวิตจิงจิงถึงได้ดีจังเลย คุณจะบอกเขาว่า…

ทุกคนพูดหมดเลยว่าชีวิตดีจัง เราก็จะตอบว่าไม่ได้ดีขนาดนั้นนะมึง (หัวเราะ) กูก็เหงาเหมือนกัน พูดจริงๆ ถ้าถามว่าชีวิตหนูแลกอะไรกับคนวัยเดียวกัน หนูได้ทำงานในจุดที่คนวัยเดียวกันอาจจะไม่ได้ทำ แต่ขณะเดียวกันหนูก็ขาดความสัมพันธ์กับเพื่อน ขาดความสัมพันธ์กับครอบครัว และอาจจะไม่ได้ทำอะไรที่เด็กวัยนี้ควรจะทำ ซึ่งหนูตัดขาดจากตรงนั้นไปตั้งแต่วัยมัธยมปลาย

แล้วมันมีเอฟเฟกต์กับตัวเราไหม

มีเอฟเฟกต์ค่ะ บางทีหนูอยากทำตัวเป็นวัยรุ่นตามวัยแบบเพื่อนบ้างเหมือนกัน บางทีก็แอบคิดน้อยใจว่าเราเลือกทางเดินนี้ถูกไหม แต่ทุกวันนี้ก็คิดว่าที่เราเลือกทางเดินนี้มามันดีแล้ว ถูกแล้ว

หลังจากนี้คุณออกแบบเส้นทางแฟชั่นและงานแสดงไว้อย่างไรบ้าง

ตอนนี้หนูเป็นเหมือนจูน นางเอกของเรื่อง APPWAR แล้ว คือมีสองทางให้เลือก ทางหนึ่งคือตอนนี้หนูเหลือสัญญาที่เกาหลีอีก 1 ปี แล้วทางค่ายเขาบอกว่าจะให้หนูไปนิวยอร์กต่อ ซึ่งนั่นก็เป็นความฝันของเราอีก แต่พอได้มาเล่นหนัง เราก็รู้สึกว่าชอบทางนี้ด้วยเหมือนกัน ล่าสุดตอนนี้เริ่มมีงานแสดงติดต่อเข้ามาเพิ่ม หนูก็เลยยังอยู่ในระหว่างตัดสินใจว่าจะเลือกเส้นทางไหนดี

The post จิงจิง-วริศรา ยู การค้นพบตัวตนบนเส้นทางใหม่ กับการแสดงเรื่องแรกในหนัง APPWAR appeared first on THE STANDARD.

นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต คือหนุ่มเซอร์ จบสถาปัตย์ ที่กำลังจะมีผลงานภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก APPWAR แอปชนแอป แต่ถ้าได้ลองลูบเคราอ่อนๆ บุคลิกเรียบนิ่ง แววตาขี้เล่นของเขา แล้วย้อนกลับไปดูผลงานก่อนหน้า โดยเฉพาะภาพยนตร์โฆษณาหลายต่อหลายชิ้นอย่าง Heartbeat…จังหวะจะรัก ครบรอบ 70 ปีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, RiAeDo ของ Eversense Thailand และ CAN The Series ของ KTC เชื่อว่าหลายคนจะรู้สึกตรงกันว่าเขาคือ ‘พระเอก’ ที่เปลี่ยนแปลงคาแรกเตอร์ในงานแสดงแต่ละเรื่องได้อย่างน่าสนใจ

ระหว่างนั่งคุยเพื่อทำความรู้จักกับ ‘บอมบ์’ ตัวละครล่าสุดที่เพิ่งสวมบทบาทจบไปใน APPWAR เขาได้เล่าถึงเงื่อนปมบางอย่างที่ดูเหมือนว่าระหว่าง ‘บอมบ์’ และตัวจริงของ ‘นัท’ ต่างก็เคยเจอกับประสบการณ์ ‘ชีวิตที่ไม่ฟิตอินกับผู้คนและสังคมรอบตัว’ มาเหมือนกัน ตรงจุดนี้นี่เองที่ทำให้ THE STANDARD รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีมุมน่าสนใจ ควรจะทำความรู้จักกับเขาไว้ ก่อนที่หนังเรื่องแรกในชีวิตของเขาจะเข้าฉายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 สิงหาคมนี้

ภาพยนตร์โฆษณา Heartbeat…จังหวะจะรัก ครบรอบ 70 ปีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล

บอมบ์คือกระจกที่สะท้อนตัวละครทุกคน เพราะคนส่วนใหญ่พยายามจะปรับความชอบของตัวเองเพื่อให้เข้ากับคนในสังคม แต่ทางที่บอมบ์เลือกคือ กูมีหลายสังคมได้ ไม่ซีเรียส

ตอนนี้ APPWAR แอปชนแอป การแสดงชิ้นล่าสุดของคุณกำลังมีคนจับตารอชมเยอะมาก เล่าให้ฟังหน่อยว่าสำหรับคุณมันคือหนังแบบไหน และต้องการจะสื่อสารอะไร  

“APPWAR เป็นหนัง Coming of Age ของคน 7 คนที่แบกปมในใจอยู่คนละปม บางคนหนัก บางคนเบา แต่ทุกคนจะมีปมของตัวเอง ในเรื่องทั้ง 7 คนจะแยกกันเป็น 2 ทีม พวกเขาอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่งหนังจะพูดถึง ‘การประสบความสำเร็จ’ ในมุมที่แตกต่างกันคนละแบบ คนบางคนมองอะไรที่มันเป็นรูปธรรมหน่อย อย่างเงินหรือชื่อเสียง แต่บางคนอาจจะมองแค่เรื่องเล็กๆ อย่างการมีที่ยืนในกลุ่มเพื่อน การมีที่ยืนในสังคม ซึ่งเรื่องพวกนี้อาจจะไม่ได้เล่าโดยตรงผ่านไดอะล็อก แต่มันจะถูกเล่าผ่านเรื่องราวในหนัง”  

ถ้าตัวละคร ‘บอมบ์’ ที่คุณแสดงคือเพื่อน ช่วยเล่าถึงเพื่อนคนนี้หน่อย

“สำหรับผม บอมบ์ก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป เพียงแต่ความชอบของเขาหลายๆ อย่างมันไม่ฟิตอินกับคนในสังคมรอบตัว ยกตัวอย่างเราอยู่ในกลุ่มเพื่อนเดียวกัน แต่ผมชอบเล่นบันจี้จัมป์อยู่คนเดียว  

“การที่บอมบ์มีปัญหาอย่างนี้ มันทำให้บอมบ์ต้องมีหลายสังคม ซึ่งไม่ได้หมายความว่าแปลกหรือไม่ดีนะครับ เพราะถ้าได้ติดตามทั้งเรื่อง บอมบ์คือกระจกที่สะท้อนตัวละครทุกคน เพราะคนส่วนใหญ่พยายามจะปรับความชอบของตัวเองเพื่อให้เข้ากับคนในสังคม แต่ทางที่บอมบ์เลือกคือ กูมีหลายสังคมได้ ไม่ซีเรียส”

คิดว่า ‘บอมบ์’ กับตัวจริงของคุณ เหมือนหรือต่างกันยังไงบ้าง

“ความคล้ายอย่างเดียวของผมกับบอมบ์คือตั้งแต่เรียนมัธยมต้น ผมรู้ตัวตั้งแต่ตอนนั้นว่าชอบวาดรูป แต่ด้วยความที่เป็นสังคมโรงเรียนชายล้วน เพื่อนเขาก็จะเล่นกีฬา ดนตรี เตะบอล ฯลฯ ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เริ่มแบ่งสังคมของผม คือทั้งวันเราก็เล่นกับเพื่อนตามปกติ แต่ตอนเย็นแทนที่พ่อแม่จะมารับลูกตอนบ่ายสาม ก็กลายเป็นต้องมารับตอน 5 โมงเย็น เพราะเราต้องนั่งติวศิลปะเพิ่ม นั่นคือการแบ่งสังคม

“พอเข้ามหาวิทยาลัย เราเรียนคณะสถาปัตยกรรม คนในคณะจะ value กับงานอีกแบบหนึ่ง ชอบเสพงาน ชอบงานศิลป์ แต่เราดันมีโลกของการแสดงอีก ซึ่งถามว่าเพื่อนเขาอินไหม เขาก็อิน แต่อินบางๆ ไม่ได้มีความสุขกับการแสดงเหมือนเรา ฉะนั้นทางเลือกในการใช้ชีวิตของผมเลยคล้ายกับบอมบ์ (คาแรกเตอร์ใน APPWAR) นั่นคือการที่เรามีอีกสังคม ไปพร้อมกับอีกสังคมซึ่งจะชอบอะไรเหมือนกัน เพราะเรามีหลายบทบาทในชีวิต…มันไม่ใช่ว่าเราใส่หน้ากากนะครับ แต่มันคือเหลี่ยมที่เราต้องการจะหันเข้าไปเฉยๆ”

ภาพยนตร์โฆษณา RiAeDo ของ Eversense Thailand

พอเข้ามหาวิทยาลัย เราเรียนคณะสถาปัตยกรรม คนในคณะจะ value กับงานอีกแบบหนึ่ง ชอบเสพงาน ชอบงานศิลป์ แต่เราดันมีโลกของการแสดงอีก ซึ่งถามว่าเพื่อนเขาอินไหม เขาก็อิน แต่อินบางๆ ไม่ได้มีความสุขกับการแสดงเหมือนเรา

ถ้าทุกตัวละครใน APPWAR มีปม แสดงว่าปมของบอมบ์คือการไม่ฟิตอินกับสังคมรอบตัว…

“ผมว่าบอมบ์ไม่ได้คิดว่ามันเป็นปม แต่บอมบ์คือตัวแทนของคนที่เป็นแบบนี้ เขารู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสียความชอบด้านใดด้านหนึ่งไป เพราะเขาหาที่อยู่ให้กับความชอบทุกอย่างของตัวเองได้”  

ตัวคุณเองล่ะ ในชีวิตจริงมองว่ามันเป็นปมหรือเปล่า

“มองนะครับ มันเป็นปมสำหรับผม เพราะย้อนกลับไปเรื่องที่ตอนเด็กๆ ผมชอบวาดรูป เราจะโดนอาจารย์ศิลปะส่งไปแข่งขันที่โน่นที่นี่ สมมติไปแข่งแล้วได้รางวัล มันไม่มีใคร value ศิลปะชิ้นนี้ร่วมกับเรา ฉะนั้นเราทำดีแค่ไหนเราก็รู้สึกคนเดียว มันไม่เหมือนกับถ้าไปเตะบอลชนะมาคือมึงเก่ง ด้วยความที่สังคมชอบอะไรแบบนั้น

“เช่นกันกับพาร์ตการแสดงของผม มันไม่ใช่ว่าเพื่อนดูถูกหรืออะไรนะครับ แค่เขาไม่อิน อย่างสมมติผมไปถ่ายงานกลับมาตีสอง ตีสาม เราทำงานเหนื่อยมาก รอจนถึงวันที่งานจะออนแอร์ ฟีดแบ็กทางโซเชียลเน็ตเวิร์กดีมาก แต่เพื่อนผมจะเฉยๆ ทั้งที่คนที่ผมอยากให้อินไปกับผมมากที่สุดคือเพื่อนพวกนี้ พอเป็นแบบนั้นความรู้สึกมันเลยแบบ ถ้ามันอินสักนิด เฮ้ย กูได้ดูงานโฆษณาเซ็นทรัลของมึงแล้วว่ะ (Heartbeat…จังหวะจะรัก ครบรอบ 70 ปีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล) ผมจะแฮปปี้มากเลย คือผมไม่ได้นอยด์นะครับ ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันหนักหนามาก เพียงแต่ถ้าวันหนึ่งงานของเราถูกยอมรับสักนิดหนึ่งจากคนที่เราต้องการให้เขายอมรับ มันจะทวีคูณความดีใจ”

ตัวอย่างภาพยนตร์ App War แอปชนแอป

ตอนเด็กๆ ผมชอบวาดรูป เราจะโดนอาจารย์ศิลปะส่งไปแข่งขันที่โน่นที่นี่ สมมติไปแข่งแล้วได้รางวัล มันไม่มีใคร value ศิลปะชิ้นนี้ร่วมกับเรา ฉะนั้นเราทำดีแค่ไหนเราก็รู้สึกคนเดียว มันไม่เหมือนกับถ้าไปเตะบอลชนะมาคือมึงเก่ง ด้วยความที่สังคมชอบอะไรแบบนั้น

ยังมีความไม่ฟิตอินอื่นๆ อีกไหมที่คุณเจอในชีวิตจริง  

“ยังมีอีกนะครับ ย้อนกลับไปผมเคยเป็นศิลปินฝึกหัดของบริษัทหนึ่ง ซึ่งสเตอริโอไทป์ของศิลปินที่เขาต้องการมันไม่ฟิตอินกับเรา แล้วพอไปอยู่ตรงนั้น บวกกับความที่เราใหม่ มันเลยกลายเป็นปมทางการแสดงของผม เพราะเราจะถูกแหย่ตลอดว่า ‘เตี้ย’ ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจ  

“จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าอยู่ตรงนั้นแล้วไม่แฮปปี้ ผมก็เลยขอเขายกเลิกสัญญา แล้วหลังจากนั้นมาหนึ่งปีผมไม่มีงานเลย แต่ผมก็ยังไม่ลงเรียนการแสดง  ผมโชคดีมากเพราะตลอดปีนั้นผมได้เจอกับเพื่อนร่วมคลาสที่พลังงานดีมาก และมันทำให้ความเข้าใจเรื่องแอ็กติ้งของผมมันเปลี่ยน ผมเริ่มซื่อสัตย์กับตัวเองได้มากขึ้น ชิลกับตัวเองมากขึ้น

“เรามีทรัพยากรทางกายภาพแค่นี้ แต่ถ้าเราถูกนำเสนอเฉพาะเรื่องแอ็กติ้ง เราจะใส่เต็ม สิ่งเหล่านี้มันเริ่มพิสูจน์ตัวเอง เพราะหลังจากนั้นเริ่มกลับมาได้งาน เราเริ่มได้ร่วมงานกับผู้กำกับเก่งๆ อย่าง พี่โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล ได้เจอกับ พี่อั๋น-วุฒิศักดิ์ อนรรฆพร ได้เจอ พี่เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร (ผู้กำกับ APPWAR แอปชนแอป)

“เรามีโอกาสทำงานกับคนที่มีแพชชันด้านการแสดงล้วนๆ คนเหล่านี้เขามองข้ามเรื่องกายภาพไปเลยนะ เพราะทุกครั้งผมจะโดนคอมเมนต์แต่เรื่องแอ็กติ้ง โดนคอมเมนต์แต่เรื่องงาน ลงท้ายฟีดแบ็กของผลงานไม่ว่าจะหนังสั้นหรือหนังโฆษณาหลายชิ้นก็เริ่มดี มันช่วยเสริมความมั่นใจของเราให้กลับมาว่า ต้องโฟกัสให้ถูกที่ เราเป็นนักแสดง เราควรโฟกัสที่แอ็กติ้ง แล้วพอเราโฟกัสกับมันชัดขึ้น ทุกอย่างก็เริ่มชิล ผมเริ่มชอบตัวเองมากขึ้น ซื่อสัตย์มากขึ้น

“นึกภาพชีวิตคือวงกลมใหญ่ๆ ผมเริ่มชัดแล้วว่าใครควรอยู่ในวงกลม ผมรู้แล้วว่าใครคือคนที่ผมต้องแคร์ และใครคือคนที่ควรอยู่วงกลมรอบนอก ซึ่งมันต้องจัดลำดับให้ถูก”

พูดได้ไหมว่าเราเรียนรู้เรื่องพวกนี้จากการแสดง

“พูดได้เลยครับว่าเป็นเพราะการแสดงจริงๆ”

ได้ยินคุณพุดเรื่องแวดวงนักเรียนสถาปัตย์ น่าสนใจเหมือนกันว่าการเรียนออกแบบตึกหรืออาคาร มันสามารถนำมาปรับใช้กับการแสดงได้บ้างไหม  

“สิ่งที่ดีที่สุดเลยนะของการเรียนสถาปัตย์ ในความคิดผมคือเรื่องของความละเอียด สอง เราสามารถทำงานได้ทน สาม คือหลักการวิเคราะห์

“สถาปนิกหนึ่งคนจะทำสักหนึ่งโปรเจกต์ นั่นหมายความว่าเขาต้องเรียนรู้ใหม่ทุกโปรเจกต์ เพราะไซต์งานในการออกแบบแต่ละพื้นที่ย่อมไม่เหมือนกัน ลักษณะตึกไม่เหมือนกัน บริบทในการสร้างและออกแบบในเชิงสถาปัตยกรรมย่อมไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกันการแสดงที่แต่ละตัวละครก็มีความตื้น ลึก หนา บางของตัวละครที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นเวลาที่เราได้รับโจทย์การแสดงมา เราจะรู้แล้วว่าเดี๋ยวเราต้องเริ่มต้นใหม่ นั่นคือกลับไปทำความเข้าใจตัวละคร และเวิร์กไปข้างหน้าพร้อมกับตัวละครนั้น”

The post ณัฏฐ์ กิจจริต พระเอก APPWAR กับชีวิตที่ไม่ฟิตอินกับผู้คนและสังคมรอบตัว appeared first on THE STANDARD.

หลังรอคอยกันมานาน TMoment ค่ายหนังน้องใหม่โดย วิสูตร พูลวรลักษณ์ ร่วมกับโรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ จัดแถลงข่าว ‘ถอดรหัส’ A8 P9 เปิดตัวภาพยนตร์ทีเดียว 2 เรื่อง คือ App War แอปชนแอป และ The Pool นรก 6 เมตร

เริ่มต้น A8 ถอดรหัสที่ว่าคือ App War แอปชนแอป ที่เตรียมตัวเข้าฉายวันที่ 1 สิงหาคมนี้ พร้อมเปิดตัวผู้กำกับ เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร (2538 อัลเทอร์มาจีบ) และทีมนักแสดงนำทั้ง 7 คือ นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต, ทู-สิราษฎร์ อินทรโชติ, จิงจิง-วริศรา ยู, หรั่ง-อภิวิชญ์ เรียร์ดอน, ธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์, เติร์ด-ธนาภพ อยู่วิจิตร และ พัศชนันท์ เจียจิรโชติ (อร BNK48) ทิ้งท้ายรหัส A8 ด้วยการปล่อยตัวอย่างเป็นทางการของ App War แอปชนแอป

ถอดรหัส A9 กันต่อกับหนังไทยที่หลายคนกำลังรอคอย หลังจากมีข่าวลือมาตั้งแต่งานฟิล์มมาร์เก็ตที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ที่ผ่านมา คือหนังระทึกขวัญ The Pool นรก 6 เมตร พร้อมเปิดตัว เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ที่จะกลับคืนสู่จอภาพยนตร์อีกครั้ง แถมเรื่องนี้แว่วว่าเขาแทบจะแบกหนังไว้ทั้งเรื่อง! ร่วมด้วย รัชย์ณมนทร์ รัชย์จิราธรรม (เกรซ The Star 6) กำกับและเขียนบทโดย พิง ลำพระเพลิง จาก โคตรรักเอ็งเลย  

หนังแนวระทึกขวัญ The Pool จะเล่าถึงเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อทีมงานฝ่ายศิลป์ของกองโฆษณาคนหนึ่งเผลอหลับไปบนแพลมสระน้ำ หลังเหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก ก่อนเขาจะตื่นมาและพบว่า น้ำในสระถูกปล่อยออกหมดและไม่สามารถขึ้นจากสระที่มีความลึกถึง 6 เมตรได้

ระหว่างที่กำลังพยายามหาทางรอดโดยไร้บันได ไร้ทางออก เขาก็ค่อยๆ ค้นพบว่า กำลังมีบางสิ่งบางอย่างคลืบคลานเข้ามาหา…

พระเอกหล่อลูกติดที่ห่างหายจากจอภาพยนตร์ไปนานถึง 9 ปี นับตั้งแต่ รถไฟฟ้ามาหานะเธอ ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่ตัดสินใจรับเล่นหนังเรื่องนี้ว่า เพราะบทที่มีความแปลกใหม่และท้าทาย ตัวเองไม่เคยมีโอกาสได้เล่นมาก่อน เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตกลงรับบทนี้

นอกจากความยากระหว่างถ่ายทำแล้ว เคน ธีรเดช ยังต้องลดน้ำหนักตัวถึง 10 กิโลกรัม เพื่อให้เหมาะสมกับคาแรกเตอร์ตัวละครที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ

ทิ้งท้ายโปรเจกต์ A9 พิง ลำพระเพลิง ในฐานะผู้กำกับยังเผยอีกว่า “The Pool เป็นหนังที่ผมภูมิใจที่สุด ที่เราสามารถกำหนดให้ตัวละครอยู่แค่ในสระว่ายน้ำ ไม่ไปไหนเลยแต่ยังสนุกได้ สถานการณ์มันปัง ปัง ปังตลอด รับรองเลยว่า 90–100 นาทีของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้ชมจะเอาใจช่วยพระ-นางให้ขึ้นจากสระกระโดดความลึก 6 เมตร ไม่มีบันได ไม่มีทางขึ้นให้ได้” อีกทั้งยังกล่าวขอบคุณ วิสูตร พูลวรลักษณ์ ที่ให้โอกาสเขาได้ผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ หลังจากใช้เวลาหาทุนนานถึง 10 ปี ***The Pool นรก 6 เมตร มีโปรแกรมเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 27 กันยายนนี้

The post TMoment ก้าวสู่ปีที่ 2 ด้วย APPWAR และ THE POOL เข้าฉายต่อเนื่อง สิงหาคม-กันยายนนี้ appeared first on THE STANDARD.

APPWAR แอปชนแอป หนังโรแมนติกคอเมดี้เรื่องใหม่จากค่าย TMoment ที่เต็มไปด้วยโปรไฟล์นักแสดงเลือดใหม่ น่าจับตามอง กำลังนับถอยหลังก่อนถึงวันฉายจริงในอีกเกือบหนึ่งเดือนข้างหน้า (1 สิงหาคมนี้)

หนึ่งในนั้นคือ อร-พัศชนันท์ เจียจิรโชติ หรือ อร BNK48 ที่เราเชื่อเหลือเกินว่าหลายคนกำลังจับตามองว่าการแสดงครั้งแรกบนจอภาพยนตร์ของเธอในบทบาท ‘มายด์’ นักศึกษาฝึกงานที่มาพร้อมภารกิจ ‘สายลับ’ ท่ามกลางการต่อสู้ ชิงไหวชิงพริบของ 2 ทีมสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ จะออกมาเป็นยังไง  

“ตอนเวิร์กช็อปเพื่อให้รู้ว่าตัวละครตัวนี้เป็นคนยังไง แอ็กติ้งโค้ชให้เราลองตั้งชื่อจริง นามสกุลจริง อายุจริง ว่าถ้ามายด์มีตัวตนจริงๆ เขาจะเรียนคณะอะไร ชอบสีอะไร ฟังเพลงอะไร ลงลึกตัวละครตัวนี้ ให้เหมือนเป็นชีวิตของเรา แล้วจากนั้นก็ใส่ความเป็นตัวเองเข้าไป” ไอดอลสาวเจ้าของตำแหน่ง ‘เซ็นเตอร์’ เพลง River พูดถึงการเตรียมตัวบนเวทีใหม่ เส้นทางใหม่ ที่ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมากบนเส้นทางการแสดงของตัวเอง ขณะเดียวกันน้ำเสียงมุ่งมั่น กล้าคิด กล้าพูด ก็ทำให้เรามั่นใจว่าเส้นทางสายการแสดงของเธอจะยังไปได้อีกไกลแน่ๆ หลังจากผ่านงานชิ้นนี้ไปได้

บทของมายด์แสดงถึงความเคว้งคว้างของวัยรุ่น เพราะมายด์เป็นนักศึกษาฝึกงานที่เพื่อนเรียนจบไปหมดแล้ว แต่ตัวเองยังเรียนไม่จบ มายด์อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้หลุดพ้นจากปมตรงนี้ แต่มายด์ไม่รู้จะทำอะไรในชีวิตจริงๆ

Appwar แอปชนแอป คือหนังแบบไหน เกี่ยวกับอะไร และมันน่าสนใจยังไง

“APPWAR เป็นเรื่องของคนยุคดิจิทัลที่หนุ่ม-สาววัยรุ่นมักจะไม่ค่อยอยากทำงานออฟฟิศ เหมือนเขาอยากจะทำอะไรขึ้นมาสักอย่างด้วยตัวเอง ตัวละครในเรื่องเลยอยากจะทำอะไรเกี่ยวกับสตาร์ทอัพขึ้นมา หนังเล่าถึงสองทีมที่จะต้องพัฒนาแอปพลิเคชันมาแข่งขัน เพื่อพรีเซนต์งานว่าแอปของใครจะดีกว่ากัน แต่ปรากฏว่าแอปตัวที่ทั้งสองทีมกำลังพัฒนามันเป็นแอปพลิเคชันไอเดียเดียวกัน ส่วนหนู ซึ่งเป็นนักศึกษาฝึกงาน ก็เลยต้องไปสืบราชการลับในทีมฝั่งผู้ชาย”

7 ตัวละครหลักกับ 7 ปมในชีวิตที่แตกต่าง

‘มายด์’ ตัวละครที่เติบโตจากความเคว้างคว้างของชีวิตวัยรุ่น  

“คาแรกเตอร์ของ มายด์ จะเป็นแนวเน็ตไอดอลที่ใช้หน้าตาในการหาสตางค์ แต่บทของมายด์ก็เป็นบทที่แสดงถึงความเคว้งคว้างของวัยรุ่นด้วย เพราะมายด์เป็นนักศึกษาฝึกงานที่เพื่อนเรียนจบไปหมดแล้ว แต่ตัวเองยังเรียนไม่จบ มายด์อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้หลุดพ้นจากปมตรงนี้ แต่มายด์ไม่รู้จะทำอะไรในชีวิตจริงๆ   จนวันหนึ่งก็จับพลัดจับผลูถูกเลือกให้ไปสืบราชการลับ หาข้อมูลของทีมฝั่งตรงข้าม สุดท้ายกลายเป็นว่ามายด์ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนทั้งสองทีม ตรงนั้นเองที่ทำให้มายด์รู้สึกว่าทั้งพระเอก (บอมบ์ รับบทโดย ณัฏฐ์ กิจจริต) และนางเอก (จูน รับบทโดย จิงจิง-วริศรา ยู) ต่างก็เป็นไอดอลของมายด์”

ความจริงมายด์มันเป็นคนฉลาด เป็นคนรู้จักเอาตัวรอด รู้ว่าฉันควรทำวิธีใดเพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ต้องการมา ไปแอ๊วผู้ชายก็มี ไปขโมยข้อมูลมาเลยก็มี แต่อย่าลืมว่ามายด์ไม่เคยเป็นขโมยมาก่อน เพราะฉะนั้นเวลาทำอะไรมันจะอ๋องๆ ตัวละครเลยมีความเป็นหนูเข้าไปด้วยนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นบทพูด คาแรกเตอร์ 

‘มายด์’ และ ‘อรอุ๋ง’ ในความเหมือนมีความต่าง ในความต่างมีความเหมือน

“เหมือนกันสัก 60% นะหนูว่า เหมือนตรงความเป็นคนอ๋องๆ และก็เป็นคนเอาตัวรอดเก่ง เป็นคนฉลาด อุ๊ย ชมตัวเองอะ (หัวเราะ) เป็นผู้หญิงแบบไม่ยอมคน

“ความจริงมายด์มันเป็นคนฉลาด เป็นคนรู้จักเอาตัวรอด รู้ว่าฉันควรทำวิธีใดเพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ต้องการมา ไปแอ๊วผู้ชายก็มี ไปขโมยข้อมูลมาเลยก็มี แต่อย่าลืมว่ามายด์ไม่เคยเป็นขโมยมาก่อน เพราะฉะนั้นเวลาทำอะไรมันจะอ๋องๆ ตัวละครเลยมีความเป็นหนูเข้าไปด้วยนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นบทพูด คาแรกเตอร์ หรือว่าการแสดงสีหน้า ส่วนมุมที่ไม่เหมือน เรื่องที่เคว้งคว้างในชีวิตมั้งคะ มุมนี้อาจจะเหมือนตอนหนูยังเด็กๆ แต่ตอนนี้ไม่ได้เคว้งคว้างแล้ว”

อรคิดว่าความเคว้งคว้างของวัยรุ่นมันสำคัญหรือน่าเป็นห่วงขนาดไหน

“คือวัยรุ่นยุคนี้เขาจะอดทนกับอะไรได้ไม่นาน เวลาเรียนจบ เขาจะคิดว่าไม่อยากทำงานออฟฟิศ หลายคนอยากจะเปิดธุรกิจเป็นของตัวเอง บางคนอยากเปิดร้านกาแฟ อยากเปิดร้านโน้น ร้านนี้ อย่างช่วงนี้สตาร์ทอัพก็เริ่มบูม แต่หนูมองว่าบางทีก็ต้องมานั่งดูกำลังของตัวเองด้วย เพราะบางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่คิด

“บางคนบอกว่าอยากเป็นเหมือน มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก) ที่เรียนไม่จบ แต่รวย งั้นออกจากโรงเรียนแม่งเลย (หัวเราะ) แบบนี้ก็ไม่ใช่นะเพราะยูต้องคิดด้วยว่ายูฉลาดเท่าเขาไหม ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ อยากออกจากโรงเรียนก็ออกเลย และสำหรับหนู ความอดทนความจริงก็เป็นสิ่งสำคัญ”

ส่วนตัวอรเป็นคนมีความอดทนขนาดไหน

“ตอนแรกหนูคิดว่าตัวเองเป็นคนความอดทนต่ำ แต่ตอนนี้ความอดทนสูงงง สูงมาก พอเข้ามาอยู่ใน BNK48 เราจะรู้เลยว่าความอดทนต้องสูงตาม เราจะความอดทนต่ำไม่ได้ เพราะถ้าต่ำปุ๊บ เราจะซวย (หัวเราะ)”  

แล้วกับการเป็นนักแสดงล่ะ เราต้องอดทนขนาดไหน ต้องอดทนกับอะไรบ้าง

“หนูเป็นคนมีความรับผิดชอบอยู่แล้ว ทั้งเรื่องวินัย เรื่องความอดทน กัดฟันสู้ มีอยู่ครั้งหนึ่งเลิกกองตี 3 และต้องมาอีกที 6 โมงเช้า ความจริงนอนที่กองถ่ายเลยก็ได้ แต่ยังไงฉันก็ต้องมา หนูว่าเรื่องพวกนี้มันสำคัญ”  

คลาสเรียนต่างๆ ใน BNK48 โดยเฉพาะคลาสแอ็กติ้ง สุดท้ายแล้วเราได้นำมาใช้ประโยชน์ในการแสดงภาพยนตร์จริงๆ ขนาดไหน

“ความจริงคลาสแอ็กติ้งใน BNK48 ไม่ได้มีมานานแล้วนะคะ คือเคยมี แต่ก็เหมือนเป็นไอซ์ เบรกกิ้งเฉยๆ ไม่ได้เจาะเรื่องการแสดง

“ก่อนหน้านี้หนูเคยไปแคสติ้งมาเหมือนกัน เคยไปแคสฯ หนังเรื่องเดียวกับพี่เฌอปรางด้วย แต่คนละบท (หัวเราะ) หรือครั้งหนึ่งเคยไปแคสติ้งซีรีส์ ตอนแคสเขาก็พูดขึ้นมาว่ามีเด็ก BNK48 คนอื่นไหม โอ้โห ทั้งที่ยูยังไม่เคยแคสเราเลยเว้ย หนูก็เลยเฟลกับการแสดงมาก…หรือหนูไม่เป็นนักแสดงอาจจะดีกว่า

“แต่สุดท้ายสิ่งที่คิดว่าปลดล็อก และทำให้หนูกล้าที่จะแสดงมากขึ้นก็คือละครเวทีของ BNK48 ที่หนูต้องรับบทเป็นครูสอนเต้นที่ต้องดุเด็ก แต่ดุด้วยความรัก ตัวละครเขาจะมีข้อคิดสอนเด็กต่างๆ ซึ่งในเรื่องจะมีซีนที่ต้องโกรธเด็กจนร้องไห้ หนูก็เลยทำการบ้านกับตัวเอง เพื่อจะเรียนรู้ตัวละคร เดี๋ยวนี้โลกอินเทอร์เน็ตมันกว้างไกล มีคอร์สสอนแอ็กติ้งในยูทูบ เราก็เรียนรู้การพูดละครเวทีต้องทำยังไง แล้วนำมาปรับใช้กับตัวเอง ต้องขอบคุณพระเจ้าเลยนะที่เราทำได้ไม่แย่ จำบทยาวๆ ได้”    

ตอนแรกหนูคิดว่าตัวเองเป็นคนความอดทนต่ำ แต่ตอนนี้ความอดทนสูงมาก พอเข้ามาอยู่ใน BNK48 เราจะรู้เลยว่าความอดทนต้องสูงตาม เราจะความอดทนต่ำไม่ได้ เพราะถ้าต่ำปุ๊บ เราจะซวย (หัวเราะ)

แต่ภาพยนตร์เรื่องแรกก็ไม่น่าจะง่าย อยากรู้ว่าในกองถ่าย APPWAR อรเป็นคนที่ถูกสั่งเทกเยอะขนาดไหน

“ไม่เยอะ ไปถามพี่เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร ผู้กำกับได้เลย (หัวเราะ) จะมีบางซีนที่หนูรู้สึกว่าเทกเยอะสุดในชีวิต คือซีนที่หนูเข้าฉากกับ ‘พี่บอมบ์’ พระเอกของเรื่อง (นำแสดงโดย ณัฏฐ์ กิจจริต) ซึ่งบทยาวของซีนนั้นยาวถึงสามหน้า แล้วบทที่อ่านมา ทำการบ้านมากับตอนที่ถ่ายทำหน้าเซตก็ไม่เหมือนกัน เพราะมันถูกแก้ไขเพิ่ม เนื่องจากสภาพแวดล้อมบางอย่างทำให้เราแสดงตามบทเดิมไม่ได้ เราก็เลยต้องแก้ปัญหาในสิ่งที่ใกล้เคียงหรือดีที่สุด”

ตอนนี้คิดว่าการแสดงกับการเป็น BNK48 อย่างไหนยากกว่ากัน

“คิดว่ายากคนละแบบค่ะ การแสดงจะยากตรงที่เราต้องคิดมู้ด ณ ตอนนั้น อย่างฉากร้องไห้ก็ต้องคิดอารมณ์ตอนนั้น แล้วก็ต้องรักษาอารมณ์มู้ดนั้นไว้ให้ได้เท่ากันตลอดว่าเราต้องเศร้าเบอร์นี้นะ เพราะว่าการถ่ายหนังจะมีการถ่ายหลายมุม  

“สำหรับ APPWAR ที่ยากอีกอย่างของการแสดง เพราะพี่เสือ ผู้กำกับเขาต้องการให้นักแสดงลองทำออกมาหลายอารมณ์  เช่น ฉากร้องไห้ เขาก็อยากให้เราลองร้องไห้แบบฟูมฟาย ร้องไห้แบบเงียบๆ ร้องไห้แบบสวยๆ หรือว่าร้องไห้แบบที่อรเป็น เราก็ร้องไปให้หลายแบบ อย่างที่พี่เสือเขาต้องการ”  

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ ฯลฯ ถ้าเลือกได้ บทบาทแบบไหน ตัวละครแบบไหนที่อรอยากลองเล่นมากที่สุด

“ถ้าซีรีส์ Hormones วัยว้าวุ่น อยากเล่นเป็นสไปรท์ (แสดงโดย เก้า-สุภัสสรา ธนชาต) แต่ไม่ได้อยากแรงเรื่องผู้ชายแบบในซีรีส์นะ แค่อยากแสดงเป็นคนกล้าพูด กล้าคิด กล้าทำ”

แต่อรตัวจริงก็ดูเป็นคนกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ อยู่แล้วนะ

“ก็ใช่ ถึงอยากแสดงบทแบบนั้นไง (หัวเราะ)”  

The post ‘มายด์’ ตัวละครที่เติบโตจากความเคว้งคว้างของชีวิตวัยรุ่น งานแสดงแรกบนจอภาพยนตร์ของ อร BNK48 appeared first on THE STANDARD.

App War แอพชนแอพ หนังโรแมนติกคอเมดี้เรื่องใหม่จากค่าย TMoment กำกับโดย เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร (2538 อัลเทอร์มาจีบ) เพิ่งปล่อยตัวอย่างแรกไปเมื่อไม่กี่วันก่อน หนังว่าด้วยเรื่องราวของหนุ่มสาวยุค Gen-C (Connected Generation) ที่ต้องแข่งขันกันสู่ความสำเร็จในแวดวงสตาร์ทอัพ ด้วยการพัฒนา ‘แอปพลิเคชัน’

THE STANDARD เชื่อว่า นาทีนี้หลายคนกำลังรอลุ้นใจจดจ่อว่าตกลงแล้วเรื่องราวโรแมนติกคอเมดี้ใน App War จะสนุกเวย์ไหน คาแรกเตอร์ตัวละครที่นักแสดงวัยรุ่นเลือดใหม่ทั้ง 7 คนสวมบทบาทจะมีมุมน่าสนใจอย่างไรบ้าง ไม่ต้องเสียเวลารอช้า ไปฟังคำเฉลยแรกจากปากนักแสดงทั้ง 7 อุ่นเครื่องก่อนหนังฉายจริง 1 สิงหาคมนี้

ณัฏฐ์ กิจจริต

รับบท บอมบ์ โปรแกรมเมอร์ทีม INVITER

“สำหรับผม บอมบ์ก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป เพียงแต่ความชอบของเขาหลายๆ อย่างมันไม่ฟิตอินกับคนในสังคมรอบตัว ยกตัวอย่างเราอยู่ในกลุ่มเพื่อนเดียวกัน แต่ผมชอบเล่นบันจี้จัมป์อยู่คนเดียว  

“การที่บอมบ์มีปัญหาอย่างนี้ มันทำให้บอมต้องมีหลายสังคม ซึ่งไม่ได้หมายความว่าแปลกหรือไม่ดีนะครับ เพราะถ้าได้ติดตามทั้งเรื่อง บอมบ์คือกระจกที่สะท้อนตัวละครทุกคน เพราะคนส่วนใหญ่พยายามจะปรับความชอบของตัวเองเพื่อให้เข้ากับคนในสังคม แต่ทางที่บอมบ์เลือกคือ กูมีหลายสังคมได้ ไม่ซีเรียส

“App War เป็นหนัง Comming of Age ของคน 7 คนที่แบกปมในใจอยู่คนละปม บางคนหนัก บางคนเบา แต่ทุกคนจะมีปมของตัวเอง ในเรื่องทั้ง 7 คนจะแยกกันเป็น 2 ทีม พวกเขาอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่งหนังจะพูดถึง ‘การประสบความสำเร็จ’ ในมุมที่แตกต่างกันคนละแบบ คนบางคนมองอะไรที่มันเป็นรูปธรรมหน่อย อย่างเงินหรือชื่อเสียง แต่บางคนอาจจะมองแค่เรื่องเล็กๆ อย่างการมีที่ยืนในกลุ่มเพื่อน การมีที่ยืนในสังคม ซึ่งเรื่องพวกนี้มันอาจจะไม่ได้เล่าโดยตรงผ่านไดอะล็อก แต่มันจะถูกเล่าผ่านเรื่องราวในหนัง”  

ทู-สิราษฎร์ อินทรโชติ

รับบท ไต๋ กราฟิกดีไซเนอร์ทีม INVITER

“ไต๋เป็นกราฟิกดีไซเนอร์ของทีม INVITER ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันไว้ชวนเพื่อนไปทำกิจกรรมร่วมกัน ขณะเดียวกันในเรื่อง ผมคือคนที่ถูกส่งไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อไปเป็นสปาย เพราะว่าเพื่อนๆ มันยุให้เข้าไป แล้วเป็นคนยอมเพื่อนไง ถ้าอย่างนั้นทำให้ก็ได้ แต่ความจริงไม่ค่อยอยากทำ  

“App War มันคือหนังรักวัยรุ่นดีๆ นี่เองครับ เพียงแต่มันถูกนำมาอยู่ในแพลตฟอร์มของสตาร์ทอัพ มีทีมนักธุรกิจวัยรุ่นมาแข่งกันสร้างแอปพลิเคชัน และแต่ละคนก็มีปม มีประเด็นของตัวเองที่จะต้องผ่านมันไปให้ได้ อย่างตัวผม ผมเลือกเพื่อน ผมจะตามใจเพื่อน งานมาทีหลัง เงินมาทีหลัง ขณะที่เพื่อนในทีม คนหนึ่งมีหัวด้านการตลาดมากๆ อยากได้งาน ต้องขายงานให้ได้ อยากได้เงิน ส่วนอีกคนเขาก็อยากจะประสบความสำเร็จ แต่ก็มีเรื่องความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง”

หรั่ง-อภิวิชญ์ เรียร์ดอน

รับบท บิ๊วด์ มาร์เก็ตติ้งทีม INVITER

“คาแรกเตอร์ของบิ๊วด์คือคนดูแลด้านมาร์เก็ตติ้ง ขอเงินทุนลูกค้า เรื่องพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของเขา บิ๊วด์จะเป็นคนมั่นอกมั่นใจหน่อย พูดจาฉะฉาน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่ง

“ผมรู้สึกว่าทีมของผม เป็นตัวละครที่มีความต้องการจะประสบความสำเร็จทางธุรกิจ เพียงแต่ทุกคนดูไม่ใส่เต็มร้อยเท่ากับบิ๊วด์ ซึ่งเป็นคนประเภทเป้าหมายมีไว้พุ่งชน มีร้อยให้ร้อย ใส่ลงไปร้อย นิสัยก็เลยเป็นคนห่าม เป็นคนพูดตรงๆ ยิ่งถ้าเพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว เรายอมแลกได้”

จิงจิง-วริศรา ยู

รับบท จูน มาร์เก็ตติ้งทีม AMJOIN

“หนังเรื่องนี้เป็นโรแมนติกคอเมดี้ แต่ถ้าถามหนู มันมีดราม่าด้วยนะ ตัวละครทั้ง 7 คนมีปมหมดเลย ปมของจูนคืออยากทำตามความฝัน แต่โดนคุณพ่อกดดัน คือที่ผ่านมาจูนแข่งขันมา 12 ครั้ง ไม่เคยชนะเลย ครั้งนี้คุณพ่อก็เลยบอกว่าถ้าไม่ชนะ พ่อจะไม่สนับสนุนแล้ว และเราจะต้องยอมกลับไปทำงานกับที่บ้าน ในเรื่องเราก็เลยเป็นคนที่มุ่งมั่นมาก แต่ขณะเดียวกันในระหว่างที่กำลังทำแอปพลิเคชัน มีอุปสรรคอย่างหนึ่งที่สุดท้ายแล้วจูนจะต้องเลือกว่าระหว่าง ‘ความฝัน’ กับ ‘ความรัก’ จูนจะเลือกทางไหน”

เติร์ท-ธนาภพ อยู่วิจิตร

รับบท บัน โปรแกรมเมอร์และดีไซเนอร์ทีม AMJOIN

“บันเป็นคนแรง! ในระดับหนึ่ง เป็นคนที่รักเพื่อน เป็นคนมั่นใจ ติสท์ แต่งตัวหลากหลายสไตล์มากเลย คือวันหนึ่งมาเป็นผู้ชาย วันหนึ่งมาเป็นผู้หญิง วันหนึ่งมาผมยาว วันหนึ่งมาผมสั้น เป็นคนเต็มที่กับชีวิต เพราะความเป็นคนรักเพื่อน เราโฟกัสเรื่องเพื่อน ซึ่งคาแรกเตอร์มันไม่ไกลจากตัวเติร์ทสักเท่าไร”  

อร-พัศชนันท์ เจียจิรโชติ

รับบท มายด์ นักศึกษาฝึกงานทีม AMJOIN

“App War เป็นเรื่องคนยุคดิจิทัลที่หนุ่ม-สาววัยรุ่นมักจะไม่ค่อยอยากทำงานออฟฟิศ เหมือนเขาอยากจะทำอะไรขึ้นมาสักอย่างด้วยตัวเอง ตัวละครในเรื่องเขาเลยยากจะทำอะไรเกี่ยวกับสตาร์ทอัพขึ้นมา

“คาแรกเตอร์ของมายด์ เขาจะเป็นแนวเน็ตไอดอลที่ใช้หน้าตาในการหาสตางค์ แต่บทของมายด์ก็เป็นบทที่แสดงถึงความเคว้งคว้างของวัยรุ่นด้วย เพราะมายด์เป็นนักศึกษาฝึกงานที่เพื่อนเรียนจบไปหมดแล้ว แต่ตัวเองยังเรียนไม่จบ มายด์อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้หลุดพ้นจากปมตรงนี้ แต่มายด์ไม่รู้จะทำอะไรในชีวิตจริงๆ  จนวันหนึ่งก็จับพลัดจับผลูถูกเลือกให้ไปสืบราชการลับ หาข้อมูลของทีมฝั่งตรงข้าม สุดท้ายกลายเป็นว่ามายด์ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนทั้งสองทีม ตรงนั้นเองที่ทำให้มายด์รู้สึกว่าทั้งพระเอก (บอมบ์) และนางเอก (จูน) ต่างก็เป็นไอดอลของมายด์”

ธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์

รับบท ฝ้าย โปรแกรมเมอร์ทีม AMJOIN

“ธิรับบทเป็นฝ้ายค่ะ ฝ้ายเป็นโปรแกรมเมอร์และเป็นเพื่อนกับจูน คาแรกเตอร์ของฝ้าย จะเป็นคนที่ตรงมาก รู้สึกแบบไหนจะแสดงออกไปเลย คือเป็นคนขวานผ่าซาก ตรงๆ เหวี่ยงๆ เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่รู้สึกว่าอยากจะมีอะไรเป็นของตัวเอง อยากจะเป็นเจ้านายตัวเอง อยากจะมีอะไรที่มันจับต้องได้ ไม่ได้อยากจะไปทำงานเป็นลูกน้องใครแล้ว เลยอยากมีธุรกิจส่วนตัว วันหนึ่งพอจูนมาชวนเข้าร่วมทีม เขาเลยเกิดไอเดียในการจะทำตามสิ่งที่ตัวเองตั้งใจร่วมกับเพื่อน”

The post 7 นักแสดงนำ App War เผยคาแรกเตอร์ 7 ตัวละครหลัก ก่อนสงครามจะเริ่มต้นขึ้น! appeared first on THE STANDARD.

เดือนสิงหาคมและกันยายนเป็นไทม์ไลน์ที่น่าจับตามองของค่ายหนัง T Moment ของ วิสูตร พูลวรลักษณ์ เพราะค่ายเตรียมหนังเข้าโปรแกรมฉายต่อกันถึง 2 เรื่องคือ App War และ The Pool (ที่ยังไม่มีชื่อภาษาไทย)

เรื่องแรกที่จะได้ชมกันก่อนคือ App War หนังโรแมนติกคอเมดี้ว่าด้วยเรื่องราวของหนุ่มสาวยุค Gen-C กำกับโดย เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร (2538 อัลเทอร์มาจีบ) และเต็มไปด้วยนักแสดงวัยรุ่นหน้าใหม่ที่ไล่รายชื่อแล้วล้วนแต่น่าสนใจ! เช่น

นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต (ซิตคอม คัพเค้ก รักล้นครีม, แม่จ๋าอย่าหักโหม และโฆษณา Heartbeat…จังหวะจะรัก ฉลอง 70 ปี เซ็นทรัล)  

ทู-สิราษฎร์ อินทรโชติ (นายแบบและนักแสดง โฆษณา The 1 Card, มิวสิกวิดีโอ ตัวปลอม ของ Potato-ลุลา และภาพยนตร์ Die Tomorrow)

จิงจิง-วริศรา ยู (นางแบบสาวไทย เธอแจ้งเกิดจากเวทีไทยซูเปอร์โมเดล 2012 และกำลังเป็นนางแบบเลือดใหม่ที่มาแรงทั้งในไทยและเกาหลี)

ธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์ (บิวตี้บล็อกเกอร์สาวเจ้าของบล็อกและแอ็กเคานต์ชื่อ thelittleteapot)

เติร์ท-ธนาภพ อยู่วิจิตร (The Face Men Thailand)

หรั่ง-อภิวิชญ์ เรียร์ดอน (พระเอกมิวสิกวิดีโอเพลง หลับลึก ของ TATTOO COLOUR)

และไอดอลสาว อร-พัศชนันท์ เจียจิรโชติ จาก BNK48 (ที่จะรับงานแสดงเป็นเรื่องแรก และดูเหมือนตอนนี้จะไม่ใช่แค่เรื่องเดียว)

คาดว่านี่จะเป็นหนี่งโปรเจกต์หนังไทยที่ถูกจับตามองมากที่สุดทันที่ที่เปิดตัวในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้ และหนังถูกวางโปรแกรมฉายจริงในเดือนสิงหาคม 2561

ขอบคุณภาพจาก: อินสตาแกรม jingjingyu36, 2bobsquarepants, natkitcharit, _thelittleteapot_

The post จับตา App War หนังโรแมนติกคอเมดี้ที่อัดแน่นนักแสดงวัยรุ่นเลือดใหม่ และหนังเรื่องแรกของอร BNK48 appeared first on THE STANDARD.