Apple Watch – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 25 Dec 2024 10:26:06 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 20 Gadgets ใช้แล้วชีวิตดีในปี 2024 https://thestandard.co/life/20-gadgets-2024 Wed, 25 Dec 2024 10:24:55 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1023732 Gadget 2024

Gadget ชิ้นไหนน่าสนใจบ้างในปี 2024   ปี 2024 มี Ga […]

The post 20 Gadgets ใช้แล้วชีวิตดีในปี 2024 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Gadget 2024

Gadget ชิ้นไหนน่าสนใจบ้างในปี 2024

 

ปี 2024 มี Gadget หรือนวัตกรรมหลายชิ้นถูกปล่อยออกมาให้เราได้เป็นเจ้าของกัน เช่น โทรศัพท์ กล้อง หูฟัง หรือแม้กระทั่งรถไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดที่เกริ่นมาล้วนเป็น Gadget ที่ถูกคิดมาให้เราใช้ชีวิตง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นช่วงสิ้นปีแบบนี้ เราจะมาสรุปและแอบป้ายยา 20 Gadgets ใช้แล้วชีวิตดีในปี 2024 เผื่อใครที่กำลังหาของขวัญที่ทำให้ชีวิตสบายขึ้นในปีหน้า

 

Gadget 2024

 

Galaxy Ring

คือสมาร์ทริงตัวใหม่จาก Samsung ที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลสุขภาพของผู้สวมใส่ มีน้ำหนักเบา ใส่ง่าย สามารถเก็บข้อมูลได้ในทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะช่วงเวลาปกติหรือช่วงออกกำลังกาย เช่น การนอนหลับ อัตราการเต้นของหัวใจ การเคลื่อนไหว หรือการหายใจที่ผิดปกติ 

 

 

iPhone 16 Series

iPhone 16 Series ในปีนี้แบ่งออกเป็น 4 รุ่นย่อย นั่นคือ iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max โดยทั้งหมดจะมาพร้อมกับ Apple Intelligence ที่เป็นเหมือน AI ของ Apple และปุ่มควบคุมกล้อง Camera Control ปุ่มช่วยให้การถ่ายรูปสะดวกขึ้น

 

 

Apple Watch Series 10

Apple Watch Series 10 รอบนี้บางลง จอใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา แถมจอโค้งทำให้เราเหลือบดูเวลาได้ง่ายแบบไม่ต้องยกแขนขึ้นมา มีฟีเจอร์ตรวจจับการออกกำลังกายในน้ำได้ ชาร์จไว 30 นาทีชาร์จได้ถึง 80% รอบนี้มีให้เลือก 2 วัสดุ คือ อะลูมิเนียม ซึ่งมีสีใหม่อย่างสีดำ Jet Black และไทเทเนียมที่แข็งแกร่งและน้ำหนักเบา มี 2 ขนาดคือ 42 และ 46 มิลลิเมตร ราคาเริ่มต้น 14,900 บาท 

 

Gadget 2024

 

OPPO Find X8 Series

มือถือเรือธงจากค่าย OPPO ที่นอกจากจะโดดเด่นเรื่องกล้องถ่ายภาพซูมไกลได้สูงสุดถึง 120 เท่า ยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการ ColorOS 15 ที่มีฟังก์ชัน AI มากมายให้คุณใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น โดยครั้งนี้ OPPO เปิดตัวมือถือ 2 รุ่นในซีรีส์ ได้แก่ OPPO Find X8 และ OPPO Find X8 Pro สุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือกล้องยังคงพัฒนาร่วมกับ Hasselblad 

 

 

Samsung Galaxy S24 

Samsung Galaxy S24 Series เปิดตัวรอบนี้นอกจากจะปรับกล้องและ CPU ให้แรงขึ้น Samsung ยังแสดงวิสัยทัศน์และทิศทางของมือถือในอนาคต ด้วยการเปิดตัว Galaxy AI ฟีเจอร์ใหม่ที่พา Samsung ก้าวข้ามจากโทรศัพท์ยุค Smartphone สู่ยุค Mobile AI แบบเต็มตัว

 

 

iPad Pro 

iPad Pro ตัวใหม่ที่มีให้เลือก 2 ขนาด คือ 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว แบรนด์ยืนยันว่ารุ่นนี้บางที่สุดตั้งแต่เคยทำมา 13 นิ้วบางเพียง 5.1 มิลลิเมตร และรุ่น 11 นิ้วบางเพียง 5.3 มิลลิเมตร แถมได้ชิปตัวใหม่อย่าง M4 ที่แรงขึ้น จอสีชัดขึ้น แถมปรับมุมกล้องทำให้ตอนประชุมมุมกล้องจะเป็นธรรมชาติเหมือนใช้แล็ปท็อป

 

 

FUJIFILM instax mini Link 3

FUJIFILM instax mini Link 3 สมาร์ทโฟนพรินเตอร์รุ่นใหม่ที่ใส่ฟีเจอร์สนุกๆ เพิ่มเข้ามามากขึ้น คือแต่งรูปด้วย AR แบบสามมิติ และทำภาพถ่ายหลายช็อตเหมือนโฟโต้บูธได้ เหมือนคุณกลายเป็นตู้โฟโต้บูธเคลื่อนที่ ช่วยให้งานปาร์ตี้สนุกยิ่งขึ้น

 

Gadget 2024

 

Roborock Qrevo Curv

Roborock Qrevo Curv คือหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่พร้อมรับจบในทุกพื้นที่ของบ้าน เพราะตัวนี้สามารถทำความสะอาดได้ละเอียด ทั้งมุมห้อง ดูดฝุ่นบนพรมได้ แถมยังมี AI หลบสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ มีความสามารถปีนพื้นต่างระดับได้ถึง 4 เซนติเมตร และช่วยดูแลสัตว์เลี้ยงได้ด้วย

 

 

CMF Phone 1

Nothing สร้างเซอร์ไพรส์เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ CMF Phone 1 ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่สามารถถอดประกอบ ปรับแต่งโทรศัพท์ได้แบบโมดูลาร์ เพิ่มแอ็กเซสซอรีได้เยอะ เช่น ขาตั้งโทรศัพท์ สายคล้อง ช่องใส่บัตร เป็นต้น แถมราคาจับต้องได้

 

Gadget 2024

 

JBL Soundgear Frames

JBL Soundgear Frames แว่นกันแดดที่ฟังเพลงได้! การทำงานของมันก็ง่ายๆ คือตัวกรอบแว่นจะมีลำโพงเล็กๆ อยู่ใกล้หู ทำให้เมื่อใส่แว่นเราจะได้ยินเสียงเพลง ภายนอกเป็นแว่นที่ไม่ได้หนักมากจนเกินไป มีน้ำหนักอยู่ที่ 52 กรัม ตัวกรอบมีทั้งทรงกลมและเหลี่ยม เหมาะกับทุกโครงหน้า มี 3 สีให้เลือก คือ Amber, Pearl และ Onyx

 

 

Transparent Turntable

Transparent Turntable เครื่องเล่นแผ่นเสียงดีไซน์มินิมัลที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ในการฟังเพลงรูปแบบเก่าให้สมบูรณ์แบบมากกว่าที่เคย แถมยังเหมาะจะเป็นศิลปะชิ้นเอกประดับบ้าน Transparent Turntable ถูกออกแบบบนแนวคิดที่ยั่งยืนด้วยคอนเซปต์โมดูลาร์เช่นเดียวกับลำโพง โดยสามารถถอดแยกชิ้นส่วนและเปลี่ยนส่วนประกอบได้ง่าย เพื่อการอัปเกรดและซ่อมแซมในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกทาง

 

 

Dyson Airstrait™ 

Dyson Airstrait™ เครื่องหนีบผมไร้แผ่นความร้อนที่ใช้เวลากว่า 6 ปีในการพัฒนา เจ้าเครื่องนี้สามารถยืด เป่าแห้ง และจัดแต่งทรงให้ผมเรียบลื่นได้ ใช้ได้กับทุกสภาพเส้นผม แม้กระทั่งขณะผมเปียก (Wet-to-Dry) ด้วยกระแสลมโดยไม่ใช้แผ่นความร้อน เท่ากับว่าหลังสระผมคุณไม่ต้องใช้ไดร์แยกก่อนหนีบ ไม่ต้องรีดผมจนกรอบแห้ง สะดวกสบาย ประหยัดเวลา และช่วยรักษาเส้นผมอีกด้วย

 

 

RYDEKART

RYDEKART เป็นแบรนด์จักรยานไฟฟ้าสัญชาติไทยที่อยากเปลี่ยนภาพลักษณ์และสร้างคัลเจอร์การปั่นจักรยานในบ้านเราให้เฟื่องฟู โดยเน้นผลิตจักรยานแบบ e-Bike ที่ผสมผสานงานดีไซน์เข้ากับฟังก์ชัน ครอบคลุมทุกกลุ่มคนใช้งานไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง สามารถขับขี่ออกไปในวันว่างได้ หรือจะใช้ปั่นออกกำลังกายก็ได้เช่นกัน

 

 

AirPods 4

AirPods 4 ปล่อยออกมา 2 รุ่นย่อย คือ รุ่นธรรมดา ราคา 4,990 บาท และรุ่นที่มีระบบตัดเสียงรบกวน ราคา 6,990 บาท โดยรุ่นที่มีระบบตัดเสียงรบกวนถือเป็นรุ่นที่น่าสนใจมาก เพราะโดยปกติถ้าจะมีระบบนี้ หูฟังมักต้องเป็นแบบ In Ear ที่หลายคนบ่นว่าเจ็บหู หรือต้องเป็น Headphone ไปเลย แต่ความใส่สบายก็เกิดจากการดีไซน์ตัวหูฟังใหม่เล็กน้อย ให้เกาะกับหูได้ดีขึ้น แถมยังสามารถสั่งงานโดยการพยักหน้าหรือส่ายหน้าได้ 

 

Gadget 2024

 

CAKE

CAKE เป็นแบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสัญชาติสวีเดนที่ยึดแนวคิดหลักคือ Light, Quiet & Clean คำว่า ‘Light’ มาจากการเลือกใช้วัสดุที่ดีและเบา เช่น เฟรมอะลูมิเนียมเกรดพรีเมียม หรือใช้วัสดุแฮนด์รถเป็นเกรด Aerospace Materials ส่วน ‘Quiet’ คือรถคันนี้เงียบมากเวลาขับขี่ ไม่ก่อมลพิษทางเสียงแน่นอน สามารถขับเข้าไปในเขตชุมชนได้แบบไม่ต้องกลัว สุดท้ายคือ ‘Clean’ หมายถึงงานดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ 

 

 

Volvo EX30

รถคันนี้เป็น SUV ขนาดเล็ก มีความคล่องตัวสูง จุดเด่นคือระบบช่วยการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อทั้งคนขับและเพื่อนร่วมทาง ซึ่งเรื่องนี้ Volvo ถนัดมากอยู่แล้ว แต่มากไปกว่านั้น รถคันนี้ยังเป็นมิตรกับโลก เพราะตัวรถถูกออกแบบให้สร้าง Carbon Footprint น้อยที่สุด และยังใช้วัสดุรีไซเคิลมาเป็นส่วนประกอบอีกด้วย

 

 

MINI Cooper SE

MINI Cooper SE รถไฟฟ้าคันเล็กน้องใหม่ที่รุ่นนี้แบตเตอรี่วิ่งได้ไกลขึ้น การขับขี่มีความสนุก กระฉับกระเฉงเหมาะกับวัยรุ่น มีโหมดการขับที่เพิ่มมากขึ้น แถมมีลูกเล่นใหม่ๆ ทำให้คุณไม่อยากจะลงจากรถเลย แถมเปิดราคามาได้เร้าใจมากที่ 1,699,000 บาท

 

Gadget 2024

 

Hyundai IONIQ 5 N

ไฮไลต์ของรถคันนี้คือสมรรถนะและการขับขี่ที่ทีม N ตั้งใจให้ไม่เหมือนรถ EV ทั่วไป ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 609 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร ทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.4 วินาที (ใช้โหมด NGB) และทำความเร็วสูงสุดได้ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมอีกหนึ่งความพิเศษคือ มีโหมด NGB (N Grin Boost) ที่กดแล้วรถจะบู๊ตความแรงขึ้น 10 วินาที

 

 

DENZA D9 

DENZA D9 คือรถ MPV ไฟฟ้า 7 ที่นั่งจากแบรนด์ DENZA ที่อยู่ในเครือของ BYD จุดเด่นอยู่ที่ความพรีเมียมของวัสดุตัวรถ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งเบาะนวดที่เป่าลมเย็นและลมร้อนได้ โต๊ะทำงาน และตู้เย็น ซึ่งให้มาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น

 

 

Tesla Model 3 Rear-Wheel Drive

Tesla Model 3 รุ่นปัจจุบันถือว่ามีการพัฒนาจากรุ่นก่อนค่อนข้างหลายจุด แถมมีระบบช่วยอำนวยความสะดวกให้การขับขี่เป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยมากขึ้น และเราแอบสังเกตว่าเขาดีไซน์หลายอย่างมาให้ผู้ขับขี่สามารถพาสัตว์เลี้ยงนั่งรถไปได้ทุกที่!

 

ภาพ: แบรนด์ / THE STANDARD / shutterstock

The post 20 Gadgets ใช้แล้วชีวิตดีในปี 2024 appeared first on THE STANDARD.

]]>
5 เทคนิคใช้ Apple Watch รักษาสุขภาพไม่ให้พังในช่วงวันหยุดยาว https://thestandard.co/life/5-apple-watch-tips-to-stay-healthy Tue, 17 Dec 2024 08:58:49 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1020529

ช่วงเทศกาลหยุดยาวแบบนี้ หลายคนคงกำลังเตรียมตัวพักผ่อน ท […]

The post 5 เทคนิคใช้ Apple Watch รักษาสุขภาพไม่ให้พังในช่วงวันหยุดยาว appeared first on THE STANDARD.

]]>

ช่วงเทศกาลหยุดยาวแบบนี้ หลายคนคงกำลังเตรียมตัวพักผ่อน ท่องเที่ยว หรือกลับบ้านต่างจังหวัด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องทิ้งเป้าหมายสุขภาพไว้ที่บ้าน วันนี้เราเลยอยากนำเสนอ 5 เทคนิคเด็ดในการใช้ Apple Watch ให้เป็นผู้ช่วยดูแลสุขภาพของคุณแม้ในช่วงวันหยุดมาฝากกัน

 

1. ปรับเป้าหมายให้เข้ากับตารางวันหยุด

 

รู้ไหมว่า Apple Watch สามารถตั้งเป้าหมายกิจกรรมแยกรายวันได้ ลองนึกภาพดูว่าวันจันทร์คุณอาจกำลังนั่งเครื่องบิน แต่วันอังคารอาจเดินอยู่แถวชินจูกุทั้งวัน การตั้งเป้าหมายเดียวกันทุกวันอาจไม่เหมาะสมเท่าไรนัก

 

วิธีการง่ายๆ แค่เข้าไปที่แอปพลิเคชัน Activity แล้วกดปุ่ม +/- ที่มุมขวาล่าง คุณก็สามารถปรับแต่งเป้าหมายการเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย และการยืน ให้สอดคล้องกับกิจกรรมในแต่ละวันได้แล้ว!

 

2. เริ่มวันใหม่ด้วยการเช็กสัญญาณชีพ

 

 

แอป Vitals บน Apple Watch เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจมาก ลองนึกถึงตอนที่คุณปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนๆ หรือครอบครัวจนดึกดื่น พอตื่นเช้ามาแอปนี้จะช่วยบอกคุณได้ว่าร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ การหายใจ และอุณหภูมิร่างกาย

 

ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ มันจะเรียนรู้พื้นฐานร่างกายของคุณและแจ้งเตือนเมื่อมีค่าผิดปกติ พร้อมบอกสาเหตุที่เป็นไปได้ เช่น อาจเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้คุณปรับพฤติกรรมได้ทันท่วงที

 

3. ออกกำลังกายอุ่นใจด้วย Check In

 

สำหรับคนที่ชอบวิ่งหรือปั่นจักรยานคนเดียว ฟีเจอร์ Check In จะช่วยให้คุณรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น โดยสามารถแชร์สถานะการออกกำลังกายให้เพื่อนหรือครอบครัวรู้ได้

 

ถ้าระหว่างออกกำลังกายมีอะไรผิดปกติ เช่น ความเร็วเปลี่ยนแปลงกะทันหัน Apple Watch จะถามเช็กกับคุณก่อน และถ้าคุณไม่ตอบก็จะแจ้งเตือนไปยังคนที่คุณเลือกไว้ให้ช่วยเช็ก คุณจึงออกกำลังกายได้อย่างอุ่นใจแม้ไม่ได้มีใครไปด้วย

 

 

4. เช็กฟอร์มง่ายๆ ด้วยกล้องรีโมต

 

ใครที่ชอบเช็กท่าทางการออกกำลังกายของตัวเองต้องลองใช้ฟีเจอร์นี้ แทนที่จะต้องวิ่งไปวิ่งมาระหว่างตั้งกล้อง iPhone คุณสามารถควบคุมทุกอย่างผ่าน Apple Watch ได้เลย ทั้งดูภาพพรีวิว ถ่ายภาพ และคุมการบันทึกวิดีโอ

 

ข่าวดี ตอนนี้คุณสามารถกดหยุดและเล่นวิดีโอจากนาฬิกาได้แล้ว ทำให้การบันทึกวิดีโอการออกกำลังกายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก

 

5. ติดตามความฟิตด้วย Cardio Fitness

 

สุดท้ายแต่สำคัญไม่แพ้กัน การติดตามสมรรถภาพหัวใจและปอดผ่าน Cardio Fitness ในแอป Health จะช่วยให้คุณรู้ว่าร่างกายใช้ออกซิเจนได้ดีแค่ไหน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสุขภาพโดยรวมที่สำคัญมาก แต่ก่อนการวัดค่านี้ต้องไปทำในห้องแล็บพิเศษ แต่ตอนนี้ Apple Watch วัดให้คุณได้แล้ว ลองติดตามดูว่าช่วงหยุดยาวนี้ค่า Cardio Fitness ของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

 

สรุปแล้ว แม้จะเป็นช่วงพักผ่อน แต่ Apple Watch ก็พร้อมเป็นผู้ช่วยดูแลสุขภาพของคุณได้อย่างครบครัน ลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปใช้กันดู รับรองว่าหลังหยุดยาวกลับมาคุณจะยังคงความฟิตได้เหมือนเดิมแน่นอน

 

ภาพ: Apple

The post 5 เทคนิคใช้ Apple Watch รักษาสุขภาพไม่ให้พังในช่วงวันหยุดยาว appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple Watch Ultra เตรียมเชื่อมต่อดาวเทียม พร้อมฟีเจอร์วัดความดันโลหิต คาดได้เห็นปี 2025 https://thestandard.co/apple-watch-ultra-satellite-blood-pressure-2025/ Sat, 14 Dec 2024 08:00:07 +0000 https://thestandard.co/?p=1019540 apple-watch-ultra-satellite

Apple กำลังวางแผนเพิ่มฟีเจอร์เชื่อมต่อดาวเทียมและระบบวั […]

The post Apple Watch Ultra เตรียมเชื่อมต่อดาวเทียม พร้อมฟีเจอร์วัดความดันโลหิต คาดได้เห็นปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
apple-watch-ultra-satellite

Apple กำลังวางแผนเพิ่มฟีเจอร์เชื่อมต่อดาวเทียมและระบบวัดความดันโลหิตใน Apple Watch รุ่นใหม่ โดยมุ่งเน้นกลุ่มนักปีนเขาและผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ

 

Bloomberg รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าววงในที่เปิดเผยว่า Apple Watch Ultra รุ่นปี 2025 จะมาพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อดาวเทียม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความในพื้นที่ห่างไกลผ่านดาวเทียมของ Globalstar, Inc. ได้

 

ส่วนฟีเจอร์วัดความดันโลหิตนั้นมีแผนจะเปิดตัวในปี 2025 เช่นกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะถูกเลื่อนออกไปจากกำหนดการเดิมที่วางไว้ในปีที่แล้ว

 

เทคโนโลยีนี้เป็นส่วนสำคัญในวิสัยทัศน์ของ Apple ภายใต้การนำของ Tim Cook ซีอีโอ ที่ต้องการเสริมความแข็งแกร่งด้านสุขภาพและความปลอดภัย โดยวางตำแหน่งนาฬิกาและโทรศัพท์ของตนเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิต

 

Apple เริ่มใช้เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียมครั้งแรกใน iPhone 14 เมื่อปี 2022 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อบริการฉุกเฉินได้แม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล

 

Apple Watch Ultra จะเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นบุกเบิกที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อดาวเทียม ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์สื่อสารผ่านดาวเทียมแบบแยกชิ้น เช่น Garmin inReach อีกต่อไป

 

Apple และ Globalstar ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดย Apple ลงทุนประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ใน Globalstar เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และถือหุ้น 20% ในบริษัท

 

Apple มุ่งหวังที่จะกระตุ้นยอดขายสมาร์ทวอทช์ด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ หลังจากที่ยอดขายชะลอตัวลง โดยรายได้จากธุรกิจ Wearables, Home and Accessories ซึ่งรวมถึงนาฬิกานั้น มีแนวโน้มลดลงในช่วงสองปีที่ผ่านมา

 

ฟังก์ชันเชื่อมต่อดาวเทียมจะเป็นจุดขายสำคัญของ Apple Watch Ultra ซึ่งมีราคา 799 ดอลลาร์ แทนที่จะเลือกรุ่นที่ราคาถูกกว่า

 

ขณะที่ฟีเจอร์วัดความดันโลหิตได้รับการออกแบบให้ทำงานในลักษณะเดียวกับเครื่องตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับของ Apple โดยจะแจ้งเตือนผู้ใช้หากพบความเสี่ยงของภาวะความดันโลหิตสูงแทนที่จะแสดงค่าที่เฉพาะเจาะจง

 

ทั้งนี้ Samsung Electronics คู่แข่งรายใหญ่ของ Apple วางจำหน่ายอุปกรณ์ที่วัดความดันโลหิตแล้ว แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความแม่นยำและจำเป็นต้องเปรียบเทียบกับเครื่องวัดแบบดั้งเดิม

 

อ้างอิง:

The post Apple Watch Ultra เตรียมเชื่อมต่อดาวเทียม พร้อมฟีเจอร์วัดความดันโลหิต คาดได้เห็นปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple Watch Ultra 2 ไทเทเนียมดำ รีวิวฉบับผู้ใช้งานจริง: อัปเกรดหรือรอรุ่นหน้าดี? https://thestandard.co/life/apple-watch-ultra-2 Mon, 11 Nov 2024 15:04:35 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1007490 Apple Watch Ultra 2

ในฐานะคนที่ใช้ Apple Watch Ultra มาตั้งแต่รุ่นแรก และมี […]

The post Apple Watch Ultra 2 ไทเทเนียมดำ รีวิวฉบับผู้ใช้งานจริง: อัปเกรดหรือรอรุ่นหน้าดี? appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple Watch Ultra 2

ในฐานะคนที่ใช้ Apple Watch Ultra มาตั้งแต่รุ่นแรก และมีโอกาสทดลองใช้ Apple Watch Ultra 2 ไทเทเนียมดำ รุ่นใหม่ เราต้องบอกว่านี่คือการอัปเกรดที่น่าสนใจ แม้จะไม่ใช่ในแง่ความสามารถ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์และความพึงพอใจที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชื่นชอบความเรียบหรูแบบสปอร์ต

 

หมายเหตุ: เนื่องจาก Apple Watch Ultra 2 ไทเทเนียมดำ ไม่มีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมเรื่องความสามารถ ดังนั้นคนที่อ่านเรื่องฟีเจอร์ต่างๆ สามารถคลิกอ่านได้ที่: thestandard.co/apple-watch-ultra-2-5-must-knows

 

 

  1. ใหม่แค่เป็นสีดำเลยใช่ไหม?

 

ใช่ มีแค่สีของบอดี้ที่เปลี่ยน ไส้ในเหมือนเดิม แต่ต้องบอกว่า Apple Watch Ultra 2 ไทเทเนียมดำเป็นทางเลือกใหม่ที่หลายคนรอคอย ด้วยวัสดุไทเทเนียมเกรดเดียวกับรุ่นเดิม แต่ผ่านกระบวนการเคลือบสีดำพิเศษที่ทนทานต่อรอยขีดข่วน ตัวเรือนขนาด 49 มม. ยังคงความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบา แต่ด้วยสีดำที่ดูลึกลับ เคร่งขรึม ให้ความรู้สึกที่เท่ โฉบเฉี่ยว กว่าไทเทเนียมธรรมชาติหรือรุ่นก่อนหน้านี้ จากการใช้งานมากว่า 2 เดือนเราพบว่า Apple Watch Ultra 2 เข้ากันได้กับเกือบทุกลุคมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นชุดเที่ยว ชุดทำงาน หรือชุดออกกำลังกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัดกับปุ่มสีส้มแล้วยิ่งมองยิ่งสวย ในความคิดเห็นส่วนตัวเรามองว่าสีดำทำให้นาฬิกาดูบางลงกว่ารุ่นสีไทเทเนียมเดิม และด้วยขอบสีดำที่กลมกลืนกับหน้าจอ ทำให้รู้สึกว่าหน้าจอดูใหญ่กว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อใช้หน้าปัดสีเข้ม

 

 

 

 

  1. ใช้งานร่วมกับสายของรุ่นก่อนได้ไหม?

 

ได้ เพราะขนาดเท่าเดิม สามารถใช้งานร่วมกันได้ แต่เพื่อให้แมตช์กันมากขึ้น Apple ได้เปิดตัวสายนาฬิการุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ Apple Watch Ultra 2 สีดำ ทั้ง Milanese Loop ที่ได้แรงบันดาลใจจากตาข่ายที่นักดำน้ำใช้ในอดีต, Alpine Loop สีเทาดำ ที่ใช้วัสดุถักทอพิเศษ, Trail Loop สีดำ/เทา ที่เบาและระบายอากาศได้ดี และ Ocean Band สีดำมิดไนต์ ที่ทนทานต่อน้ำเค็มและรังสี UV ซึ่งแต่ละรุ่นถูกออกแบบมาให้เข้ากับการใช้งานที่แตกต่างกัน ส่วนสายนาฬิกาสีกลางๆ อย่างสีดำที่มีอยู่แล้ว ก็เข้ากันได้ดีกับบอดี้ไทเทเนียมดำเช่นกัน

 

 

  1. สีดำใส่แล้วเป็นรอยง่ายหรือเปล่า?

 

คนที่กังวลเรื่องรอยขีดข่วนที่กลัวว่าจะเห็นชัด ต้องบอกว่าสีดำทนทานกว่าที่คิด พวกรอยขีดข่วนเล็กๆ แทบไม่เห็น หรือถ้ามีมันก็ไม่ได้เด่นหรือเห็นชัดกว่าเมื่อเทียบกับสีเดิม เราใส่แบบไม่ถนอม ทั้งออกกำลังกาย, วิ่ง, เล่นเทนนิส, ตีพิกเกิลบอล, เข้าคลาส HIIT และยกเวตหนักๆ มันย่อมมีการขีดข่วนและขูดขีด จะก็มีแค่ริ้วรอยเล็กๆ ที่มองแทบไม่เห็นถ้าไม่เพ่งหรือจับผิด

 

  1. เหมาะกับใคร? 

 

ถามว่าเหมาะกับใคร ก็ต้องบอกว่า Apple Watch Ultra 2 ไทเทเนียมดำ เหมาะสำหรับนักกีฬา คนรักการออกกำลังกาย และคนรักการผจญภัยที่ชอบสีดำ ต้องการลุคที่ดูโฉบเฉี่ยว อยากได้ Smart Watch ที่ดูหรูหราแต่ยังคงความสปอร์ต โดยเฉพาะเมื่อใส่กับสายรุ่นใหม่อย่าง Milanese Loop รวมถึงคนที่ชอบสไตล์มินิมัลและต้องการนาฬิกาที่เข้าได้กับทุกโอกาสโดยไม่ต้องถอดเปลี่ยนนาฬิกาไปมาบ่อยๆ 

 

 

  1. เป็นแฟน Apple Watch อยู่แล้วควรเปลี่ยนไหม?

 

สำหรับคำถามที่หลายคนสงสัยว่าควรเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้หรือไม่ เราขอแบ่งเป็น 2 กลุ่ม สำหรับผู้ใช้ Apple Watch Ultra รุ่นแรก หากคุณพอใจกับสีเดิม ความแตกต่างด้านฟังก์ชันอาจไม่คุ้มค่าพอที่จะอัปเกรด แต่ถ้าคุณเคยรู้สึกว่าสีเดิมดูเด่นเกินไปหรือต้องการลุคที่ดูหรูหรามากขึ้น การเปลี่ยนมาใช้รุ่นสีดำถือว่าคุ้มค่า โดยเฉพาะเมื่อมาพร้อมตัวเลือกสายใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดียิ่งขึ้น

 

ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยใช้ Apple Watch Ultra มาก่อน ถ้าคุณกำลังมองหา Smart Watch ที่ทนทาน มีฟังก์ชันครบครัน และดูดีในทุกโอกาส Apple Watch Ultra 2 สีดำ คือตัวเลือกที่ดี แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 36 ชั่วโมง และความแม่นยำในการติดตามการออกกำลังกายทำให้คุ้มค่ากับราคา ใส่แล้วเป็นรุ่นใหม่ด้วย 

 

 

แต่ด้วยราคาที่สูงกว่า Apple Watch Series รุ่นปกติ และขนาด 49 มม. อาจใหญ่เกินไปสำหรับข้อมือเล็ก อาจต้องไปลองที่ร้านก่อนว่าถนัดไหม เข้ากันได้กับข้อมือเราหรือเปล่า Apple Watch Ultra 2 ราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาท เท่ากันทั้งรุ่นไทเทเนียมธรรมชาติและไทเทเนียมดำ

 

 

ภาพ: ภัทรศยา เชาว์รัศมีกุล, Apple

The post Apple Watch Ultra 2 ไทเทเนียมดำ รีวิวฉบับผู้ใช้งานจริง: อัปเกรดหรือรอรุ่นหน้าดี? appeared first on THE STANDARD.

]]>
Mark Gurman แห่ง Bloomberg ถึงกับพูดว่า หาก iPhone 16 ประสบความสำเร็จในปีนี้ สาเหตุน่าจะมาจากปัจจัยอื่นๆ ทั้งหมด ยกเว้น AI https://thestandard.co/will-the-iphone-16-be-a-success/ Mon, 21 Oct 2024 09:24:50 +0000 https://thestandard.co/?p=998530

แม้ Apple จะพยายามโฆษณาว่าผลิตภัณฑ์ของตนมาพร้อมกับ ‘ปัญ […]

The post Mark Gurman แห่ง Bloomberg ถึงกับพูดว่า หาก iPhone 16 ประสบความสำเร็จในปีนี้ สาเหตุน่าจะมาจากปัจจัยอื่นๆ ทั้งหมด ยกเว้น AI appeared first on THE STANDARD.

]]>

แม้ Apple จะพยายามโฆษณาว่าผลิตภัณฑ์ของตนมาพร้อมกับ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ หรือ AI อันทรงพลัง แต่ความจริงกลับปรากฏว่ายักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีรายนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ความสามารถด้าน AI ได้อย่างแท้จริง 

 

ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าของ Apple เพียงเพราะหวังจะได้สัมผัสประสบการณ์ Apple Intelligence อาจต้องผิดหวัง เมื่อพบว่าเครื่องมือ AI ที่มีอยู่นั้นแทบไม่มีความหมายอะไรเลย

 

ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจคือ ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ AI มากแค่ไหนกันแน่? ปัจจุบันสิ่งที่ดึงดูดใจลูกค้าให้ซื้อ iPhone รุ่นใหม่กลับเป็นความก้าวหน้าของกล้องถ่ายรูปมากกว่า 

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

Apple เองตระหนักดีถึงจุดนี้ จึงทุ่มเทการอัปเกรดไปที่ความสามารถด้านการถ่ายภาพและวิดีโอ โดยเฉพาะปุ่ม Camera Control ที่เพิ่มเข้ามาในปีนี้

 

อย่างไรก็ตาม Apple ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการโน้มน้าวนักลงทุนให้เชื่อว่าตนกำลังเป็นผู้นำด้าน AI หุ้นของบริษัทพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของ Apple พุ่งทะลุ 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกว่า 120 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากความตื่นเต้นเกี่ยวกับ AI

 

นักวิเคราะห์บางรายถึงกับกล่าวอ้างว่า Apple Intelligence กำลังสร้าง ‘การปฏิวัติผู้บริโภคด้วย AI’ แต่ความจริงแล้วความรุ่งโรจน์ด้าน AI ของ Apple ยังคงห่างไกลอีกหลายปี 

 

Mark Gurman นักข่าวสายเทคโนโลยีชื่อดังจาก Bloomberg ถึงกับพูดว่า หาก iPhone 16 ประสบความสำเร็จในปีนี้ สาเหตุน่าจะมาจากปัจจัยอื่นๆ ทั้งหมด ยกเว้น AI

 

Apple มีกำหนดรายงานผลประกอบการในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะเปิดเผยตัวเลขในไตรมาสเดือนกันยายน ทำให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์เห็นภาพรวมการขาย iPhone 16 ในช่วงแรก

 

วอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า รายได้จะอยู่ที่ประมาณ 9.42 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.14 ล้านล้านบาท) ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของ Apple ในรายงานผลประกอบการครั้งก่อน ตัวเลขดังกล่าวแสดงถึงการเติบโต 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

 

ล่าสุด Apple เพิ่งเปิดตัว iPad mini รุ่นใหม่ โดยเน้น AI เป็นจุดขาย แต่ฟีเจอร์ Apple Intelligence ยังไม่พร้อมใช้งานจนกว่าจะถึง 5 วันหลังจากวางจำหน่าย ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าบางส่วนไม่พอใจ แต่ด้วยการอัปเดตระบบปฏิบัติการที่ง่ายของ Apple ในปัจจุบัน จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่

 

อุปสรรคที่ใหญ่กว่าคือ ฟีเจอร์ Apple Intelligence ในช่วงแรกยังไม่น่าประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Google, OpenAI และ Meta การเปิดตัว iPad mini ที่เน้น AI เป็นจุดขายแต่ฟีเจอร์ AI กลับยังไม่พร้อมใช้งาน อาจทำให้ลูกค้าบางส่วนเกิดความสับสนและผิดหวังได้

 

จากการศึกษาภายในของ Apple พบว่า ChatGPT ของ OpenAI มีความแม่นยำมากกว่า Siri ของ Apple ถึง 25% และสามารถตอบคำถามได้มากกว่า 30% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี AI ของ Apple ยังตามหลังผู้นำในอุตสาหกรรมอยู่มาก ยิ่งไปกว่านั้น ฟีเจอร์เด่นในช่วงแรกอย่างการสรุปการแจ้งเตือนยังขาดความน่าตื่นเต้นเมื่อเทียบกับสิ่งที่คู่แข่งนำเสนอ

 

อย่างไรก็ตาม ยังเร็วเกินไปที่จะตัด Apple ออกจากการแข่งขัน บริษัทมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ทรัพยากรที่ไร้ขีดจำกัด และประวัติศาสตร์ของการพลิกกลับมาประสบความสำเร็จ เช่น Apple Maps ที่ในอดีตเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่ปัจจุบัน Apple Maps ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นแอปพลิเคชันแผนที่ที่ได้รับความนิยม

 

นอกจากนี้ Apple ยังมีข้อได้เปรียบในการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้กับอุปกรณ์จำนวนมากอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยเร่งการใช้งาน AI ในวงกว้าง การที่ Apple สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้กับอุปกรณ์จำนวนมากได้พร้อมๆ กัน เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญที่ช่วยให้ Apple สามารถรักษาฐานผู้ใช้และสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งได้

 

รายงานของ Gurman ระบุว่า ในปี 2026 อุปกรณ์ Apple เกือบทุกรุ่นจะสามารถใช้งาน Apple Intelligence ได้ รวมถึง iPhone SE และ iPad รุ่นเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้ Apple สามารถเข้าถึงผู้ใช้และขยายฐานลูกค้า AI ได้มากขึ้น

 

Apple Watch ยังไม่รองรับ AI ในขณะนี้ แต่สามารถรับการแจ้งเตือนสรุปจาก iPhone ที่เชื่อมต่ออยู่ได้ และบริษัทกำลังพัฒนา AI สำหรับ Vision Pro ชุดหูฟัง AR/VR ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Apple ให้ความสำคัญกับการพัฒนา AI ในทุกแพลตฟอร์ม ไม่ใช่แค่ใน iPhone หรือ iPad

 

ถึงกระนั้น Apple ก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองในด้าน AI ในปัจจุบัน ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ Apple เพียงเพื่อ Apple Intelligence หากผู้บริโภคเชื่อคำโฆษณาของ Apple พวกเขาอาจผิดหวังที่พบว่ามีเครื่องมือ AI ที่มีประโยชน์น้อยมากเมื่อเริ่มใช้งานอุปกรณ์ใหม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและภาพลักษณ์ของ Apple ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรม

 

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร / THE STANDARD

อ้างอิง:

The post Mark Gurman แห่ง Bloomberg ถึงกับพูดว่า หาก iPhone 16 ประสบความสำเร็จในปีนี้ สาเหตุน่าจะมาจากปัจจัยอื่นๆ ทั้งหมด ยกเว้น AI appeared first on THE STANDARD.

]]>
ดำเงา (หรือดำด้าน?) Apple Watch Series 10 บางขึ้น สวยขึ้น ตอบโจทย์กว่าเดิม https://thestandard.co/apple-watch-series-10/ Tue, 15 Oct 2024 12:37:27 +0000 https://thestandard.co/?p=996243

เวลาผ่านไปไวอย่างไม่น่าเชื่อ จากวันเปิดตัว Apple Watch […]

The post ดำเงา (หรือดำด้าน?) Apple Watch Series 10 บางขึ้น สวยขึ้น ตอบโจทย์กว่าเดิม appeared first on THE STANDARD.

]]>

เวลาผ่านไปไวอย่างไม่น่าเชื่อ จากวันเปิดตัว Apple Watch ครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2014 วันนี้นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะที่ขายดีที่สุดในโลก เปลี่ยนชีวิตของใครหลายคนมานานถึง 10 ปีแล้ว และแน่นอนว่าด้วยความเป็น ‘รุ่นที่ 10’ เราย่อมอยากเห็นอะไรพิเศษๆ บ้าง

 

ปรากฏว่าไม่มี! เพราะการเปิดตัว Apple Watch Series 10 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นอะไรมากมายนัก (และเป็นเรื่องที่เราควรชินได้แล้วสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ Apple ในยุคหลัง) ในการฟังข้อมูลทางเทคนิคและฟีเจอร์ต่างๆ แล้ว ในความรู้สึกคิดว่าน่าจะไม่มีอะไรแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า (Series 9) มากเท่าไรนัก

 

แต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น และสิบตาเห็นก็ไม่เท่าการสัมผัสจริง ซึ่งต้องบอกว่า Apple Watch Series 10 ทำให้ประหลาดใจได้อยู่พอสมควรเลยทีเดียว

 

ความเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกชัดเจนที่สุดคือ ตัวเรือนบางลงแบบรู้สึกได้ โดย Apple บอกว่าตัวเรือนบางลง 10% จากเดิม ทำให้ไม่นูนเหมือนซีรีส์ก่อนๆ ซึ่งถ้าเป็นผู้ที่ใช้งาน Apple Watch อยู่แล้วจะรู้สึกถึงความแตกต่าง

 

และแน่นอน บางขึ้นก็ทำให้ตัวเรือนดูสวยและลงตัวมากขึ้นด้วย ยิ่งตัวเรือนสีใหม่ (แต่เป็นสีเก่าอันลือลั่นของ iPhone 7) อย่างสี Jet Black ที่เป็นสีดำเงาก็ทำให้รู้สึกถึงความหรูเล็กๆ

 

Apple Watch Series 10 ไม่ได้มีดีแค่ความบาง แต่ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่มีผลไม่น้อยคือขนาดจอที่ใหญ่ขึ้น 1 มิลลิเมตร จากรุ่นเดิม 41 มิลลิเมตร และ 45 มิลลิเมตร เป็น 42 มิลลิเมตร และ 46 มิลลิเมตร (ยังใช้สายของรุ่นก่อนได้ไม่มีปัญหา) ทำให้จอใหญ่ขึ้น (30% เมื่อเทียบกับ Series 4-6 และ 9% สำหรับ Series 7-9) สวยขึ้นและดูง่ายขึ้นมาก

 

ให้ประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีขึ้นกว่าเดิมแบบรู้สึกได้เลย เพราะมองเห็นชัดทุกมุมมอง โดยเฉพาะขนาด 46 มิลลิเมตร เมื่อทดลองใช้ดูจะรู้สึกได้ว่ามีผลต่อหัวใจ ชวนอยากให้อัปเกรดมากจริงๆ

 

แต่การอัปเกรดของรุ่นที่ 10 ไม่ได้จบแค่ตัวเรือนและขนาดหน้าจอเท่านั้น สิ่งที่ Apple ใส่เข้ามายังมีเรื่องของลำโพงที่ทำให้เราฟังเพลง ฟังรายการ Podcasts หรือกระทั่งการอ่านหนังสือก็ทำได้ ซึ่งจริงๆ ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักกับลำโพงเล็กๆ ที่ติดมากับนาฬิกา

 

แต่เท่าที่ลองใช้ดูก็ถือว่าใช้ได้อยู่ วิ่งไปฟังเพลงคลอไปเบาๆ โดยไม่ต้องใส่หูฟังก็ใช้ได้เหมือนกัน และแน่นอนว่าใช้คุยโทรศัพท์ได้ดีขึ้นด้วยระบบแยกเสียงสนทนา ที่แยกระหว่างเสียงพูดและเสียงพื้นหลังได้ อันนี้อยากบอกว่าฉลาดมาก

 

และที่ชอบอีกอย่างคือ สายแบบ Link Bracelet สายแบบใหม่ที่ให้ความหรูหรา ใส่ออกงานทางการได้เลย (แต่คุณต้องจ่ายเพิ่มอีก 14,500 บาท) ซึ่ง Apple บอกว่ามีชิ้นส่วนมากกว่า 100 ชิ้นที่ผลิตจากโลหะผสมสเตนเลสสตีล 316L ใช้เวลาเกือบ 9 ชั่วโมงในการตัดข้อต่างๆ สำหรับสายนาฬิกาเพียงเส้นเดียว โดยมีตัวล็อกแบบปีกผีเสื้อที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะพับติดอยู่กับตัวสาย

 

นอกจากนี้ตรงข้อหลายข้อยังมีปุ่มปลดล็อกที่กดง่าย ให้ใส่ข้อเพิ่มหรือถอดออกได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษให้ยุ่งยาก ซึ่งเราลองแล้วปรากฏว่าจริงแม้จะขลุกขลักไปบ้างในตอนแรก แต่ในที่สุดก็เรียนรู้เรื่องการถอดและใส่ได้แล้วในเวลาสั้นๆ

 

สิ่งที่น่าติงสำหรับ Apple Watch Series 10 ยังเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ที่ไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ชดเชยด้วยระบบการชาร์จใหม่ ที่ชาร์จเร็วจาก 0-80% ได้ในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง

 

สำหรับคนที่ชอบลืมชาร์จตอนกลางคืน (เช่น ผู้เขียน) การชาร์จไวแบบนี้ช่วยประหยัดเวลาและลดความตึงเครียดในยามเช้าที่เร่งรีบได้มาก และน่าจะดีสำหรับผู้ที่ใช้งานหนักจนอาจทำให้แบตเตอรี่หมดไวก่อนครบวัน (ชาร์จ 15 นาทีใช้ได้ 8 ชั่วโมง)

 

ยังมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน Depth และ Tides สำหรับผู้ที่ชอบกิจกรรมทางน้ำ แอป Vitals ที่เป็นเหมือนตัวสรุปข้อมูลด้านสุขภาพประจำตัวของเรา ไปจนถึงการเพิ่มประเภทกีฬาใน Workout (มีฟุตบอลด้วย!) และ Sleep Apnea ฟีเจอร์ที่จะตามมาในอนาคต ซึ่งสามารถตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้

 

รวมๆ แล้ว Apple Watch Series 10 เป็นการอัปเกรดที่ดีกว่าความคาดหวังพอสมควร อย่างน้อยแค่เรื่องขนาดตัวเรือนที่บางลง และหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ชัดขึ้น ก็มีผลต่อหัวใจแล้ว เพียงแต่แนะนำให้ไปลองจับของจริงก่อน จะช่วยตอบความรู้สึกได้ดีที่สุด

 

โดย Apple Watch Series 10 มี 2 รุ่นหลักคือ รุ่น Aluminum ราคาเริ่มต้น 14,900 บาท (สำหรับ GPS) มี 3 สีด้วยกันคือ Jet Black, Rose Gold และ Silver ขณะที่รุ่น Titanium (ที่สวยและหรูขึ้นไปอีก) ราคา 25,900 บาท มี 3 สีคือ Natural, Gold และ Silver โดยทุกรุ่นมี 2 ขนาดคือ 42 มิลลิเมตร และ 46 มิลลิเมตร

 

ทีนี้จะดำเงาหรือดำด้าน ก็ลองถามใจตัวเองกันดู!

 

เมธา พันธุ์วราทร

The post ดำเงา (หรือดำด้าน?) Apple Watch Series 10 บางขึ้น สวยขึ้น ตอบโจทย์กว่าเดิม appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดตัวทั้งที นอกจาก iPhone มีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง? https://thestandard.co/life/new-apple-watch-and-airpods Wed, 11 Sep 2024 11:49:15 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=982372

นอกจาก iPhone ใหม่ นาฬิกาและหูฟังก็น่าสนใจ   เมื่อ […]

The post เปิดตัวทั้งที นอกจาก iPhone มีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง? appeared first on THE STANDARD.

]]>

นอกจาก iPhone ใหม่ นาฬิกาและหูฟังก็น่าสนใจ

 

เมื่อคืนวันที่ 9 เข้าวันที่ 10 กันยายน Apple จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งไฮไลต์ที่หลายคนจับตาดูคงหนีไม่พ้น iPhone 16 Series แต่เอาเข้าจริงนอกจาก iPhone ตัวใหม่ ยังมีสินค้าอีกหลายหมวดที่เปิดตัวและมีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ทั้ง Apple Watch และ AirPods ส่วนรายละเอียดมีอะไรบ้าง เดี๋ยวเรามาสรุปกัน

 

 

Apple Watch

 

มาเริ่มกันที่ Apple Watch ก่อนเลย มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพราะเขาเปิดตัว Apple Watch Series 10 ออกมา ที่รอบนี้บางลง จอใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา แถมจอโค้ง ทำให้เราเหลือบดูเวลาได้ง่ายแบบไม่ต้องยกแขนขึ้นมา มีฟีเจอร์ตรวจจับการออกกำลังกายในน้ำได้ ชาร์จไว 30 นาทีชาร์จได้ถึง 80% รอบนี้มีให้เลือก 2 วัสดุ คือ อะลูมิเนียม ซึ่งมีสีใหม่อย่างสีดำ Jet Black และไทเทเนียมที่แข็งแกร่งและน้ำหนักเบา มี 2 ขนาดคือ 42 และ 46 มิลลิเมตร ราคาเริ่มต้น 14,900 บาท

 

 

ส่วนใครที่ตั้งหน้าตั้งตารอการเปลี่ยนแปลงของ Apple Watch Ultra 2 อาจต้องผิดหวังเล็กน้อย เพราะเขาไม่ได้อัปเกรดสเปกอะไรใหม่ มีเพียงตัวเรือนสีดำใหม่และสายวัสดุไทเทเนียม ลักษณะเหมือนสายนาฬิกาดำน้ำ โดยรุ่นนี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 29,900 บาท 

 

 

AirPods

 

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะ Apple เปิดตัว AirPods 4 รุ่นนี้เขาเคลมว่าใส่สบายที่สุดตั้งแต่เคยมีมา เคสมีขนาดเล็กลง ช่องชาร์จเป็น USB-C แถมแบตเตอรี่ใช้ยาวได้ถึง 30 ชั่วโมง ใช้คุยโทรศัพท์ได้ เสียงรบกวนจะลดลง รุ่นนี้สั่งการโดยการพยักหน้าหรือส่ายหน้าก็ได้ มีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่นที่มีระบบตัดเสียงรบกวน หรือ Active Noise Cancellation (ANC) ราคา 6,490 บาท และรุ่นปกติ ราคา 4,990 บาท

 

 

 

ในหมวดหูฟังยังไม่หมด เพราะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยคือ AirPods Max มาพร้อมสีใหม่อย่างสีส้ม และเปลี่ยนช่องชาร์จเป็น USB-C แล้ว แต่ราคายังเท่าเดิม

 

ภาพ: Apple

The post เปิดตัวทั้งที นอกจาก iPhone มีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง? appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple Watch ไม่ใช่แค่แฟชั่น! แต่กำลังก้าวสู่เครื่องมือแพทย์แห่งอนาคต แพทย์ใช้ตรวจจับ-ดูแลโรคหัวใจ แม้ยังไม่ได้รับรองจาก FDA https://thestandard.co/apple-watch-medical-device-future/ Fri, 26 Jul 2024 02:34:59 +0000 https://thestandard.co/?p=963060

Apple Watch กำลังก้าวข้ามจากการเป็นเพียงอุปกรณ์เสริมที่ […]

The post Apple Watch ไม่ใช่แค่แฟชั่น! แต่กำลังก้าวสู่เครื่องมือแพทย์แห่งอนาคต แพทย์ใช้ตรวจจับ-ดูแลโรคหัวใจ แม้ยังไม่ได้รับรองจาก FDA appeared first on THE STANDARD.

]]>

Apple Watch กำลังก้าวข้ามจากการเป็นเพียงอุปกรณ์เสริมที่ทันสมัย สู่การเป็นเครื่องมือสำคัญในการวินิจฉัยและดูแลรักษาโรคของแพทย์ แม้ว่าจะยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจาก FDA หรือหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ ก็ตาม

 

ตัวอย่างเช่นคุณแม่ของ Christopher Mims ผู้เขียนบทความนี้ลงใน The Wall Street Journal ซึ่งมีประวัติภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้ซื้อ Apple Watch SE และพบว่ามันเป็นเครื่องมือที่ช่วยชีวิตเธอได้อย่างแท้จริง โดยสามารถส่งข้อมูลสุขภาพไปให้แพทย์ได้โดยตรงเพื่อช่วยในการจัดการวิถีชีวิตและการใช้ยา

 

Apple Watch ในงานวิจัยทางการแพทย์

 

มีงานวิจัยจำนวนมากที่ศึกษาถึงการนำ Apple Watch มาใช้ในการดูแลสุขภาพอย่างไม่เป็นทางการ ตัวอย่างเช่น Dr.Rod Passman กำลังทำการศึกษาที่ได้รับทุนจาก National Institutes of Health (NIH) เพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลจาก Apple Watch สามารถนำมาใช้ในการลดระยะเวลาที่ผู้ป่วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะต้องใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดได้หรือไม่

 

นอกจากนี้ยังมีแพทย์อีกหลายคนที่แนะนำให้คนไข้ซื้อ Apple Watch เพื่อตรวจจับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ แม้ว่าจะยังไม่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration: FDA) ก็ตาม

 

ทำไมแพทย์ถึงเลือกใช้ Apple Watch?

 

เหตุผลหลักที่แพทย์เลือกใช้ Apple Watch คือความเรียบง่าย ราคาไม่แพง และการใช้งานที่แพร่หลาย โดยในปี 2023 Apple มียอดขาย Apple Watch ประมาณ 40 ล้านเครื่อง 

 

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังมีแนวโน้มที่จะสวมใส่นาฬิกาเป็นประจำ ทำให้ได้ข้อมูลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการวิจัยและการดูแลสุขภาพ

 

ข้อมูลจาก Apple Watch ถูกนำมาใช้ในการวิจัยด้านสุขภาพอย่างกว้างขวาง เช่น การประเมินระดับความเครียด การติดตามและปรับปรุงการฟื้นตัวหลังการผ่าตัด และการตรวจสอบสุขภาพหัวใจของเด็ก

 

ตัวอย่างเช่น Pedro Velmovitsky ได้ศึกษาถึงการใช้ Apple Watch และอุปกรณ์ตรวจสุขภาพอื่นๆ ในการประเมินระดับความเครียด และเชื่อว่าอุปกรณ์เหล่านี้อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในการศึกษาและพัฒนามาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อช่วยรักษาความเครียดได้ในอนาคต

 

ความท้าทายและอนาคตของ Apple Watch ในวงการแพทย์

 

อย่างไรก็ตาม การนำ Apple Watch มาใช้ในทางการแพทย์ยังคงมีความท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความแม่นยำของเซ็นเซอร์และปัญหาเรื่องสิทธิบัตร นอกจากนี้การแจ้งเตือนสุขภาพที่ผิดพลาด (False Positive) ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข

 

แม้ว่า Apple จะยังไม่ได้เปิดเผยงานวิจัยเกี่ยวกับการนำ Apple Watch มาใช้ในทางการแพทย์โดยตรง แต่บริษัทก็ได้ลงทุนอย่างมากในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านสุขภาพ

 

โดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจและระบบประสาททำงานร่วมกับทีมวิศวกร เพื่อพัฒนาคุณสมบัติใหม่ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามและจัดการสุขภาพของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น

 

ในอนาคตหาก Apple สามารถพัฒนาเซ็นเซอร์ที่มีความแม่นยำและหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องสิทธิบัตรได้ ข้อมูลจาก Apple Watch อาจถูกนำมาใช้ในการวินิจฉัยและติดตามอาการของโรคต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งจะช่วยยกระดับการดูแลสุขภาพให้มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

ภาพ: Michael M. Santiago / Getty Images

อ้างอิง:

The post Apple Watch ไม่ใช่แค่แฟชั่น! แต่กำลังก้าวสู่เครื่องมือแพทย์แห่งอนาคต แพทย์ใช้ตรวจจับ-ดูแลโรคหัวใจ แม้ยังไม่ได้รับรองจาก FDA appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple Pay ต้องมีคู่แข่ง! EU บังคับ Apple เปิดทางให้แอป Wallet อื่นใช้ NFC บน iPhone ในยุโรป https://thestandard.co/eu-apple-pay-wallet-apps-allow-nfc/ Fri, 12 Jul 2024 05:23:29 +0000 https://thestandard.co/?p=956800

คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) หน่วยงานบริหาร […]

The post Apple Pay ต้องมีคู่แข่ง! EU บังคับ Apple เปิดทางให้แอป Wallet อื่นใช้ NFC บน iPhone ในยุโรป appeared first on THE STANDARD.

]]>

คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) หน่วยงานบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ระบุว่า Apple ตัดสินใจที่จะอนุญาตให้บริการกระเป๋าเงินมือถือและการชำระเงินของบุคคลที่สามใช้เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังแอปพลิเคชัน Apple Pay ได้ ซึ่งเป็นการแก้ไขข้อกังวลด้านการต่อต้านการผูกขาดของ EU และยุติการสอบสวนที่ยาวนาน ซึ่งอาจทำให้ Apple ถูกปรับเงินจำนวนมาก

 

เจ้าหน้าที่ของยุโรปมีความกังวลว่า Apple กำลังขัดขวางการแข่งขันโดยไม่ให้คู่แข่งเข้าถึงระบบนิเวศการชำระเงินของตน โดยในปี 2020 คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนอย่างเป็นทางการ เพื่อพิจารณาว่านโยบายของ Apple ในการจำกัดการเข้าถึง NFC (Near Field Communication) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่ช่วยให้อุปกรณ์พกพาสามารถสื่อสารกับเครื่องชำระเงินได้นั้น ละเมิดกฎการแข่งขันหรือไม่

 

Margrethe Vestager หัวหน้าฝ่ายการแข่งขันของสหภาพยุโรป กล่าวว่า “จากนี้ไปคู่แข่งจะสามารถแข่งขันกับ Apple Pay ได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการชำระเงินผ่านมือถือด้วย iPhone ในร้านค้า ผู้บริโภคจะมีกระเป๋าเงินมือถือที่ปลอดภัยและเป็นนวัตกรรมให้เลือกมากขึ้น”

 

เพื่อตอบสนองต่อความกังวลของสหภาพยุโรป Apple กล่าวเมื่อต้นปีนี้ว่า จะอนุญาตให้แอปของบริษัทอื่นชำระเงินแบบไร้สัมผัสบน iPhone และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS

 

Margrethe Vestager กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นการสิ้นสุดการสอบสวนของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับ Apple Pay ซึ่งตัว Apple จะต้องทำตามสัญญา ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงต่อการถูกปรับสูงสุด 10% ของรายได้ต่อปี หรือ 5% ของรายได้ต่อวันสำหรับทุกวันที่ไม่ปฏิบัติตาม

 

ภายใต้ข้อตกลงนี้ นักพัฒนาแอปกระเป๋าเงินมือถือของบุคคลที่สามจะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี NFC ที่ใช้สำหรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัสด้วย iPhone ได้ฟรี Apple จะอนุญาตให้ผู้ใช้ iPhone เลือกได้ว่าจะใช้กระเป๋าเงินมือถือใดเป็นกระเป๋าเงินเริ่มต้นบนโทรศัพท์ของตน

 

“Apple กำลังมอบทางเลือกให้กับนักพัฒนาในเขตเศรษฐกิจยุโรป เพื่อเปิดใช้งานการชำระเงินแบบไร้สัมผัส NFC และธุรกรรมแบบไร้สัมผัสสำหรับกุญแจรถยนต์ การขนส่งสาธารณะ บัตรพนักงาน กุญแจบ้าน กุญแจโรงแรม โปรแกรมสะสมคะแนน / รางวัลของร้านค้า และตั๋วเข้าชมงานต่างๆ จากภายในแอป iOS ของตน” Apple กล่าว “Apple Pay และ Apple Wallet จะยังคงให้บริการในเขตเศรษฐกิจยุโรปสำหรับผู้ใช้และนักพัฒนา”

 

คณะกรรมาธิการยุโรปได้คัดค้านการดำเนินการเกี่ยวกับการแตะเพื่อจ่ายของ Apple ครั้งแรกในปี 2022 หลังจากเปิดการสอบสวนการต่อต้านการผูกขาดอย่างเป็นทางการใน Apple Pay เมื่อ 2 ปีก่อน

 

หน่วยงานกำกับดูแลพบว่า Apple ใช้อำนาจเหนือตลาดในทางที่ผิด โดยจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี NFC ที่จำเป็นสำหรับการชำระเงินบนอุปกรณ์มือถือ นั่นหมายความว่า คู่แข่งที่ต้องการสร้างแอปหรือกระเป๋าเงินโดยใช้คุณสมบัติการแตะเพื่อจ่ายบน iPhone จะไม่สามารถทำได้ และผู้ใช้จะถูกบังคับให้ใช้ Apple Pay สำหรับการชำระเงินผ่านมือถือ

 

Margrethe Vestager กล่าวว่า “จากนี้ไป Apple จะไม่สามารถใช้การควบคุมระบบนิเวศของ iPhone เพื่อกันไม่ให้กระเป๋าเงินมือถือ (ที่แข่งขันกัน) ออกจากตลาดได้อีกต่อไป นักพัฒนา Wallet ที่แข่งขันกัน รวมถึงผู้บริโภค จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เป็นการเปิดโอกาสให้นวัตกรรมและเป็นทางเลือกในขณะที่ยังคงรักษาความปลอดภัยในการชำระเงิน”

 

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้ไม่ครอบคลุมถึง Apple Watch “ความเห็นของเราคือ จำนวนคนที่ใช้นาฬิกา Apple Watch ในการชำระเงินมีค่อนข้างน้อย” Margrethe Vestager กล่าว พร้อมเสริมว่า มี ‘อันตรายที่เกิดขึ้นอย่างจำกัด’ จากการยกเว้นอุปกรณ์เหล่านั้น

 

ภาพ: DenPhotos / Shutterstock

อ้างอิง:

The post Apple Pay ต้องมีคู่แข่ง! EU บังคับ Apple เปิดทางให้แอป Wallet อื่นใช้ NFC บน iPhone ในยุโรป appeared first on THE STANDARD.

]]>
watchOS 11 ใหม่มาแล้ว! เน้นฟีเจอร์สุขภาพและฟิตเนส https://thestandard.co/life/watchos-11-is-here Wed, 26 Jun 2024 03:00:54 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=949713

Apple Watch ฉลาดขึ้นอีกขั้นด้วย watchOS 11 ฟีเจอร์ใหม่เ […]

The post watchOS 11 ใหม่มาแล้ว! เน้นฟีเจอร์สุขภาพและฟิตเนส appeared first on THE STANDARD.

]]>

Apple Watch ฉลาดขึ้นอีกขั้นด้วย watchOS 11 ฟีเจอร์ใหม่เพื่อสุขภาพและฟิตเนสที่ไม่ควรพลาด

 

watchOS 11 แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยของ Apple ที่สามารถปรับปรุงสุขภาพและการฝึกซ้อมของผู้ใช้ได้อย่างเป็นทางการ เต็มไปด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่เน้นข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพและฟิตเนส การปรับแต่งที่มากขึ้น และการเชื่อมต่อที่สะดวกยิ่งขึ้น โดยมีพื้นฐานอยู่ที่เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ขั้นสูงและข้อมูลที่ตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะทางของผู้ใช้งาน

 

ว่าแล้วเรามาดูกันว่ามีสิ่งใหม่อะไรที่น่าสนใจบ้าง

 


 

1. แอป Vitals ใหม่

 

 

Vitals เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันใหม่ที่มาพร้อมกับ watchOS 11 ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวัดและติดตามข้อมูลสุขภาพต่างๆ ของผู้ใช้ ตั้งแต่อัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ ไปจนถึงการวัดออกซิเจนในเลือด แอปพลิเคชันนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจและติดตามข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 

 

นอกจากนี้ยังสามารถแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อตัวชี้วัดต่างๆ อยู่นอกเกณฑ์ปกติและมีข้อความแสดงรายละเอียด เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนี้ในสุขภาพของตนเอง ซึ่งเรามองว่ามันเป็นข้อมูลด้านสุขภาพที่ละเอียดและลึกยิ่งขึ้น

 


 

2. Training Load

 

 

มาป้องกันการโอเวอร์เทรนด้วยการวัดระดับความฟิตของร่างกายในการฝึกซ้อม (Training Load) ซึ่งเป็นคุณสมบัติใหม่ ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจระดับความเครียดที่ร่างกายได้รับจากการออกกำลังกาย โดย Apple Watch จะสร้าง Training Load ในช่วง 28 วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ใช้ทั้งระยะเวลาในการออกกำลังกายและ Effort Rating ของผู้ใช้มาคิดคำนวณ 

 

ผู้ใช้สามารถดูในแอปกิจกรรมได้ว่า Training Load ในช่วง 7 วันล่าสุดเป็นอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับ Training Load ในช่วง 28 วันที่ผ่านมา โดยจำแนกเป็น Well Below, Below, Steady, Above หรือ Well Above ซึ่งข้อมูลนี้จะช่วยบ่งชี้ระดับความเครียดของร่างกายว่าเพิ่มขึ้น คงเดิม หรือผ่อนคลายลง ซึ่งเราสามารถนำข้อมูลนี้มาปรับใช้กับการฝึกซ้อม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 


 

3. ติดตามการตั้งครรภ์ ข้อมูลครบครันสำหรับคุณแม่

 

 

ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จิตใจ แจ้งเตือนนัดหมายแพทย์ และอีกมากมาย หลังผู้ใช้บันทึกการตั้งครรภ์ในแอปสุขภาพบน iPhone หรือ iPad แอปการติดตามรอบเดือนบน Apple Watch จะแสดงอายุครรภ์และให้ผู้ใช้บันทึกอาการต่างๆ ที่พบบ่อยในระหว่างตั้งครรภ์ เกณฑ์การแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจที่สูง เนื่องจากอัตราการเต้นของหัวใจมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ ฯลฯ เพื่อให้มั่นใจว่าสุขภาพกายและใจของคุณแม่จะสมบูรณ์ที่สุด และรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ หากจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น 

 


 

 

4. ปรับแต่งได้ดังใจ

 

ลูกเล่นใหม่ที่เราสามารถปรับแต่งวงแหวนกิจกรรมได้แล้ว ไม่ว่าผู้ใช้จะวางแผนวันพักระหว่างการฝึกซ้อม ได้รับบาดเจ็บ หรือแค่ต้องการวันหยุด เราก็สามารถหยุดวงแหวนชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน หรือนานกว่านั้น โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการได้รับรางวัลสถิติต่อเนื่อง นอกจากนั้นเรายังสามารถปรับแต่งเป้าหมายวงแหวนกิจกรรมตามวันในสัปดาห์ เพื่อให้วงแหวนมอบแรงจูงใจที่เหมาะสมได้อีก 

 

ตอนนี้พร้อมให้ใช้งานเวอร์ชัน Beta ในเดือนหน้าที่เว็บไซต์ beta.apple.com ส่วน watchOS 11 พร้อมให้ดาวน์โหลดภายในปีนี้สำหรับ Apple Watch Series 6 หรือใหม่กว่า จับคู่กับ iPhone XS หรือใหม่กว่าที่ใช้ iOS 18

 

ภาพ: Apple

The post watchOS 11 ใหม่มาแล้ว! เน้นฟีเจอร์สุขภาพและฟิตเนส appeared first on THE STANDARD.

]]>