Apple Events – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sun, 05 May 2024 07:56:32 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 นักวิเคราะห์คาด iPad รุ่นใหม่ที่ Apple จะเปิดตัวในงานอีเวนต์ Let Loose วันที่ 7 พ.ค. นี้ อาจแพงขึ้น (เล็กน้อย) https://thestandard.co/apple-new-ipad-let-loose-7-may/ Sun, 05 May 2024 07:56:32 +0000 https://thestandard.co/?p=930206 iPad รุ่นใหม่ ที่จะเปิดตัวใน Let Loose

ตั้งตารอ iPad รุ่นใหม่ที่ ‘ทิม คุก’ ซีอีโอ Apple เตรียม […]

The post นักวิเคราะห์คาด iPad รุ่นใหม่ที่ Apple จะเปิดตัวในงานอีเวนต์ Let Loose วันที่ 7 พ.ค. นี้ อาจแพงขึ้น (เล็กน้อย) appeared first on THE STANDARD.

]]>
iPad รุ่นใหม่ ที่จะเปิดตัวใน Let Loose

ตั้งตารอ iPad รุ่นใหม่ที่ ‘ทิม คุก’ ซีอีโอ Apple เตรียมเปิดตัวความพิเศษในงาน Apple Event 2024 ‘Let Loose’ ในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ด้านฝั่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะมีราคาแพงขึ้น หลังมีข่าวลือว่าเปลี่ยนมาใช้จอแสดงผล OLED

 

ใกล้เข้ามาแล้วกับงาน Apple Event 2024 ‘Let Loose’ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 เวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงเว็บไซต์และ Apple TV

 

สิ่งที่น่าสนใจภายในงานหลายคือสื่อต่างคาดว่าจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่ม iPad ถึง 2 โมเดล ได้แก่ iPad Air และ iPad Pro รวมถึงอุปกรณ์เสริมของแท็บเล็ตเวอร์ชันใหม่ๆ เพราะหากย้อนไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Apple ยังไม่มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดังกล่าวออกมาเลย

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

มีข่าวลือว่าทั้ง iPad Air และ iPad Pro จะมาพร้อมกับจอแสดงผล OLED เริ่มจากจุดเด่นของ iPad Pro รุ่นใหม่จะมี 2 โมเดล ขนาดหน้าจอจะอยู่ที่ 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว มาพร้อมการออกแบบหน้าจอที่คมชัดขึ้น และจะเป็น iPad เครื่องแรกที่มีจอแสดงผล OLED ทำงานภายใต้ชิปเซ็ต Apple M3 ที่ยกระดับจาก Apple M2 รูปแบบเครื่องบางลงและมีน้ำหนักเบา รองรับการชาร์จแบบไร้สาย

 

ส่วน iPad Air อาจมีถึง 2 โมเดล ทั้งขนาดหน้าจอ 10.9 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดหน้าจอเดิม และที่จะเพิ่มมาใหม่คือขนาดหน้าจอ 12.9 นิ้ว มีแนวโน้มได้รับการอัปเดตชิปมาใช้ Apple M2

 

ถึงกระนั้นต้องรอจับตาดูอีกครั้ง ขณะที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ถึงราคา iPad Air และ iPad Pro อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะต้นทุนวัสดุของจอแสดงผล OLED มีราคาค่อนข้างสูง

 

รวมถึงจะมีการเปิดตัวอุปกรณ์เสริม Apple Pencil มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการเสริมฟีเจอร์ Find My เข้าไป โดยเป็นการค้นหาอุปกรณ์ Apple ของคนอื่นๆ ในกรณีที่ iPhone หาย และต้องการค้นหา iPhone ของเพื่อน แฟน หรือคนในครอบครัวนั่นเอง

 

นับว่า Apple มีความพยายามที่จะรุกหนักในธุรกิจ iPad อีกครั้ง เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPad ลดลง 17% ถ้าเทียบกับช่วงโควิดระบาด ความต้องการของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะผู้คนไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน iPad จึงเป็นทางเลือกที่จะเสพความบันเทิงของคนรุ่นใหม่

 

อ้างอิง:

The post นักวิเคราะห์คาด iPad รุ่นใหม่ที่ Apple จะเปิดตัวในงานอีเวนต์ Let Loose วันที่ 7 พ.ค. นี้ อาจแพงขึ้น (เล็กน้อย) appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชิป M3, ยกเครื่อง iMac ในรอบ 3 ปี และ MacBook Pro มีสีดำสเปซแบล็กที่ใช้งานได้สูงสุด 22 ชั่วโมง สรุป Apple Event ที่ใช้เวลานำเสนอเพียง 33.30 นาที https://thestandard.co/apple-event-summary-m3-mac/ Tue, 31 Oct 2023 02:35:02 +0000 https://thestandard.co/?p=860727 คนนั่งทำงานริมแม่น้ำ

จบไปแล้วสำหรับ Apple Event ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 30 ตุลาค […]

The post ชิป M3, ยกเครื่อง iMac ในรอบ 3 ปี และ MacBook Pro มีสีดำสเปซแบล็กที่ใช้งานได้สูงสุด 22 ชั่วโมง สรุป Apple Event ที่ใช้เวลานำเสนอเพียง 33.30 นาที appeared first on THE STANDARD.

]]>
คนนั่งทำงานริมแม่น้ำ

จบไปแล้วสำหรับ Apple Event ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 30 ตุลาคม เวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นช่วง 07.00 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม ตามเวลาในประเทศไทย ต่างจากปกติที่มักจะจัดขึ้นในช่วงเวลา 10.00 น. หรือ 13.00 น.

 

รวมทั้งต่างจากงาน Apple ที่ผ่านมา ธีมงาน ‘Scary Fast’ จะเป็นงานออนไลน์ ซึ่งทุกคนสามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ผ่านทางเว็บไซต์ของ Apple, YouTube และ Apple TV รวมแล้วใช้เวลาเพียง 33.30 นาทีเท่านั้นในการบอกเล่าผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ของ Apple

 

การเปิดตัวครั้งนี้เป็นไปตามข่าวลือที่ว่า Apple กำลังเตรียม iMac ใหม่พร้อมชิป M3 เช่นเดียวกับ MacBook Pro ใหม่พร้อมชิป M3 Pro และ M3 Max แต่ที่เซอร์ไพรส์คือการที่ MacBook Pro มีสีใหม่ที่อาจถูกใจใครหลายคนนั้นคือ ‘สีดำสเปซแบล็ก’

 

THE STANDARD WEALTH สรุปมาให้แล้วว่าในงาน Apple Event ครั้งนี้มีอะไรที่เป็นเรื่องเด่นๆ บ้าง

 

ชิปแรกของอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตร

 

Apple เปิดตัวชิป M3, M3 Pro และ M3 Max ซึ่งถูกระบุว่าเป็นชิปแรกของอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตรสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

 

โดยชิปตระกูล M3 มีทรานซิสเตอร์ 2.5 หมื่นล้านตัว หรือมากกว่าชิป M2 ถึง 5,000 ล้านตัว มาพร้อม GPU เจเนอเรชันถัดไปที่ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับ Apple Silicon ในด้านสถาปัตยกรรมกราฟิก ซึ่งนอกจากจะเร็วขึ้นแล้ว GPU ยังประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย

 

ชิป M3

 

อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีใหม่ในชื่อ Dynamic Caching รวมถึงคุณสมบัติด้านการเรนเดอร์ใหม่ๆ อย่าง Ray Tracing ที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์และการให้แสงเงาแบบเมซ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับ Mac ทำให้วันนี้สามารถเรนเดอร์ได้เร็วกว่าชิปตระกูล M1 สูงสุด 2.5 เท่า โดยมี GPU แบบ 10 Core ที่ใช้สถาปัตยกรรมเจเนอเรชันถัดไปที่เร็วกว่าชิป M1 ถึง 65% ในด้านประสิทธิภาพกราฟิก

 

ส่วนคอร์ด้านประสิทธิภาพและคอร์ด้านประหยัดพลังงานของ CPU นั้นก็เร็วขึ้น 30% และ 50% ตามลำดับเมื่อเทียบกับชิป M1 โดยที่ใช้พลังงานน้อยมากเพียงครึ่งเดียว และมีประสิทธิภาพสูงกว่าถึง 35% เมื่อทำงานที่ระดับสูงสุด ในขณะที่ Neural Engine เร็วขึ้น 60% เมื่อเทียบกับ Neural Engine ในชิปตระกูล M1

 

Apple ยังบอกด้วยว่าชิปตระกูล M3 นั้นรองรับหน่วยความจำสูงสุดถึง 128GB และยังเป็นการปลดล็อกเวิร์กโฟลวที่ไม่เคยทำได้มาก่อนบนแล็ปท็อป

 

รวมถึงเคลมว่าประสิทธิภาพที่ประหยัดพลังงานของชิป M3, M3 Pro และ M3 Max ทำให้ MacBook Pro ใหม่มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน Mac สูงสุด 22 ชั่วโมง จึงไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊กบ่อยๆ และยังใช้พลังงานน้อยลงด้วยตลอดอายุการใช้งาน

 

สเปค M3

 

iMac รุ่น 24 การยกเครื่องในรอบ 3 ปี

 

ย้อนกลับไปในเดือนเมษายน 2021 ทาง Apple ได้เปิดตัว iMac รุ่น 24 ที่มาพร้อมชิป M1 มีดีไซน์บางเฉียบแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งมีให้เลือกหลายสีไม่ซ้ำใคร อย่างไรก็ตาม iMac ขนาด 24 นิ้วยังไม่ได้รับการอัปเดตตั้งแต่นั้นมา

 

แต่วันนี้ Apple ทำการยกเครื่องพร้อมกับอ้างว่า iMac รุ่น 24 นิ้ว นั้นคือคอมพิวเตอร์แบบออลอินวันที่ดีที่สุดในโลกรุ่นนี้น่าใช้มากขึ้นไปอีกด้วยชิป M3 และมีประสิทธิภาพดีขึ้นสูงสุด 2 เท่า

 

Apple บอกว่าด้วยความสามารถของ Apple Silicon ในด้านการประหยัดพลังงาน iMac รุ่นใหม่จึงมีประสิทธิภาพเหนือกว่าเดิมแบบก้าวกระโดด มาพร้อมกับดีไซน์บางเฉียบสะดุดตาใน 7 สีสันสดใส ได้แก่ สีเขียว, สีเหลือง, สีส้ม, สีชมพู, สีม่วง, สีฟ้า และสีเงิน

 

iMac M3 หลากสี

 

iMac ที่มี M3 ทำงานได้เร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นเดิมที่มี M1 และสำหรับผู้ที่อัปเกรดมาจาก iMac ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel เครื่อง iMac รุ่นใหม่นี้ทำงานได้เร็วขึ้นสูงสุด 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่น 27 นิ้วที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และเร็วขึ้น 4 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นที่ทรงพลังที่สุดของขนาด 21.5 นิ้ว

 

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับจอภาพ Retina 4.5K ที่ใหญ่เต็มตาในความละเอียด 11.3 ล้านพิกเซล ขอบเขตสีกว้างแบบ P3 และรองรับสีสันมากกว่า 1,000 ล้านสี รวมไปถึงมีความสว่างถึง 500 นิต

 

iMac รุ่นใหม่นี้ถูกบอกว่าเหมาะสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้คนทั่วไป ผู้ทำธุรกิจขนาดเล็ก นักเรียน หรือเกมเมอร์ โดยเพิ่มประสิทธิภาพเมื่อเปรียบเทียบกับ iMac 24 นิ้วรุ่นก่อนหน้า โดยมีการยกตัวอย่างเช่น

 

  • Safari สามารถทำงานได้เร็วขึ้นอีกสูงสุด 30 เปอร์เซ็นต์
  • แอปที่ใช้ทำงานอย่าง Microsoft Excel สามารถทำงานได้เร็วขึ้นอีกสูงสุด 30 เปอร์เซ็นต์
  • เกมต่างๆ โหลดเร็วขึ้น และผู้ใช้จะได้สัมผัสเฟรมเรตที่เร็วขึ้นสูงสุด 50 เปอร์เซ็นต์

 

การวางขายในไทยยังไม่ได้กำหนด แต่มีการระบุราคาว่า iMac ที่มี GPU แบบ 8 คอร์ ราคาเริ่มต้นที่ 49,900 บาท ส่วน iMac ที่มี GPU แบบ 10 คอร์ ราคาเริ่มต้นที่ 56,900 บาท

 

สเปค iMac M3

 

MacBook Pro มี ‘สีดำสเปซแบล็กใหม่’ ให้เลือกด้วย

 

Apple บอกว่า MacBook Pro พร้อมชิป M3 คือแล็ปท็อปที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่อยากทำในสิ่งที่ตนเองรัก ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือเจ้าของธุรกิจ จนถึงนักดนตรีและนักตัดต่อวิดีโอไฟแรง

 

นั่นเป็นเพราะ MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว พร้อมชิป M3 เร็วกว่า MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว พร้อมชิป M1 สูงสุด 60% ซึ่ง MacBook Pro พร้อมชิป M3 มีประสิทธิภาพดังนี้

 

  • ประสิทธิภาพการเรนเดอร์ใน Final Cut Pro เร็วขึ้นสูงสุด 7.4 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว ที่ใช้ Core i7 และเร็วขึ้นสูงสุด 60% เมื่อเทียบกับ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว พร้อมชิป M1
  • ประสิทธิภาพการคอมไพล์โค้ดใน Xcode เร็วขึ้นสูงสุด 3.7 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว พร้อม Core i7 และเร็วขึ้นสูงสุด 40% เมื่อเทียบกับ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว พร้อมชิป M1
  • ประสิทธิภาพด้านสเปรดชีตใน Microsoft Excel เร็วขึ้นสูงสุด 3.5 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว พร้อม Core i7 และเร็วขึ้นสูงสุด 40% เมื่อเทียบกับ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว พร้อมชิป M1

 

MacBook Pro สีดำสเปซแบล็กใหม่

 

ส่วน MacBook Pro พร้อมชิป M3 Pro มีประสิทธิภาพดังนี้

 

  • ประสิทธิภาพของฟิลเตอร์และฟังก์ชันต่างๆ ใน Adobe Photoshop เร็วขึ้นสูงสุด 3 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเร็วขึ้นสูงสุด 40% เมื่อเทียบกับ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว พร้อมชิป M1 Pro
  • การแปลงข้อมูลลำดับเบสเพื่อหาลำดับ DNA ใน Oxford Nanopore MinKNOW เร็วขึ้นสูงสุด 20 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเร็วขึ้นสูงสุด 36% เมื่อเทียบกับ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว พร้อมชิป M1 Pro
  • ประสิทธิภาพการตัดต่อแบบอิงข้อความใน Adobe Premiere Pro เร็วขึ้นสูงสุด 1.7 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเร็วขึ้นสูงสุด 30% เมื่อเทียบกับ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว พร้อมชิป M1 Pro4

 

ด้าน MacBook Pro พร้อมชิป M3 Max มีประสิทธิภาพดังนี้

 

  • การจำลองระบบพลวัตใน MathWorks MATLAB เร็วขึ้นสูงสุด 5.5 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว พร้อมชิป M1 Max
  • ประสิทธิภาพการเรนเดอร์ใน Maxon Redshift เร็วขึ้นสูงสุด 5.3 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเร็วขึ้นสูงสุด 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว พร้อมชิป M1 Max
  • การลดนอยซ์ใน Blackmagic DaVinci Resolve Studio เร็วขึ้นสูงสุด 2.7 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเร็วขึ้นสูงสุด 65% เมื่อเทียบกับ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว พร้อมชิป M1 Max

 

สเปค MacBook Pro M3

 

สำหรับ MacBook Pro พร้อมชิป M3 Pro และ M3 Max มีจำหน่ายในสีดำสเปซแบล็ก ซึ่งเป็นสีใหม่โดยมีการใช้ศาสตร์ด้านเคมีในการชุบผิวด้วยวิธีอะโนไดซ์ ซึ่งช่วยลดรอยนิ้วมือได้มาก นอกจากนี้รุ่นที่ใช้ชิป M3 Pro และ M3 Max ยังมีสีเงินให้เลือกด้วยเช่นกัน ส่วน MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว พร้อมชิป M3 มีให้เลือกระหว่างสีเงินและสีเทาสเปซเกรย์

 

เช่นเดียวกับ iMac ตัว MacBook Pro ยังไม่ได้ระบุวันที่วางจำหน่ายในไทย แต่มีการเปิดเผยราคาออกมาแล้วคือ MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว พร้อมชิป M3 ราคาเริ่มต้นที่ 59,900 บาท, MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว พร้อมชิป M3 Pro ราคาเริ่มต้นที่ 79,900 บาท และ MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 94,900 บาท

The post ชิป M3, ยกเครื่อง iMac ในรอบ 3 ปี และ MacBook Pro มีสีดำสเปซแบล็กที่ใช้งานได้สูงสุด 22 ชั่วโมง สรุป Apple Event ที่ใช้เวลานำเสนอเพียง 33.30 นาที appeared first on THE STANDARD.

]]>
iPhone 15 พอร์ต USB-C ใช้สายแบบถัก กับราคาที่ ‘แพงขึ้น’ และ Apple Watch Series 9 สีชมพู ข่าวลือที่อาจได้เห็นใน Apple Event 12 ก.ย. นี้ https://thestandard.co/apple-event-12-september-2023/ Wed, 30 Aug 2023 05:53:12 +0000 https://thestandard.co/?p=835475

Apple ได้ร่อนจดหมายถึงสื่อมวลชนเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. […]

The post iPhone 15 พอร์ต USB-C ใช้สายแบบถัก กับราคาที่ ‘แพงขึ้น’ และ Apple Watch Series 9 สีชมพู ข่าวลือที่อาจได้เห็นใน Apple Event 12 ก.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

Apple ได้ร่อนจดหมายถึงสื่อมวลชนเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) สำหรับการจัดงาน Apple Event ในวันที่ 12 กันยายนนี้ ณ สำนักงานใหญ่ในเมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย

 

แม้จะไม่บอกว่าในงานจะมีอะไรบ้าง แต่ข่าวลือที่ออกทุกวันในช่วงนี้ก็ชี้ให้เห็นว่า เหล่าแฟนๆ น่าจะได้เห็น iPhone รุ่นใหม่ โดยสโลแกนของงาน ‘Wonderlust’ ทำให้คาดเดาว่า โทนสีน้ำเงินและสีเทาอาจเป็นคำแนะนำในการเลือกสีของ Apple สำหรับ iPhone 15 ตลอดจนสินค้าอื่นๆ ที่คาดว่าจะได้รับการเปิดตัวในงานดังกล่าว

 

9to5mac สรุปสิ่งที่คาดว่าจะได้เห็นในงานดังกล่าว ได้แก่

 

  • Dynamic Island ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกใน iPhone 14 Pro เมื่อปีที่แล้ว จะขยายเป็น iPhone 15 รุ่นที่ไม่ใช่ Pro

 

  • iPhone 15 จะมีพอร์ต USB-C ซึ่งจะมาแทนที่ Lightning สำหรับการชาร์จและถ่ายโอนข้อมูล ซึ่ง CNBC ชี้ว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังสหภาพยุโรปผ่านกฎหมายสำคัญในเดือนตุลาคม กำหนดให้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และกล้อง ทั้งหมดที่ขายในสหภาพยุโรปต้องใช้ USB-C สำหรับการชาร์จแบบมีสาย โดยมีกำหนดเส้นตายคือวันที่ 28 ธันวาคม 2024

 

  • มีข่าวลือว่า iPhone 15 จะมีสาย USB-C แบบถักเข้ากันมาให้ในกล่อง สายเคเบิลนั้นอาจยาว 1.5 เมตร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสาย Lightning ยาว 1 เมตรที่มีอยู่ในกล่อง iPhone

 

  • สีของ iPhone 15: สีดำ, เขียว, น้ำเงิน, เหลือง และชมพู

 

iPhone 15 และ iPhone 15 Plus มีแนวโน้มที่จะเริ่มต้นในราคาเดียวกันกับรุ่นก่อน โดยมีราคาอยู่ที่ 799 ดอลลาร์ และ 899 ดอลลาร์ ตามลำดับ คาดว่าจะเริ่มสั่งซื้อล่วงหน้า iPhone 15 ในวันที่ 15 กันยายนนี้ และการจัดส่งครั้งแรกจะมาถึงลูกค้าในวันที่ 22 กันยายนนี้

 

ขณะที่ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max นั้นคาดว่า

 

  • กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 15 Pro จะมีกรอบรอบจอแสดงผลที่เล็กลงอย่างเห็นได้ชัด, iPhone 14 Pro มีกรอบที่มีความหนา 2.17 มิลลิเมตร ในขณะที่ iPhone 15 Pro มีรายงานว่าจะตัดขอบให้เหลือ 1.5 มิลลิเมตร

 

  • เช่นเดียวกับ iPhone 15 รุ่น iPhone 15 Pro จะสลับไปใช้ USB-C สำหรับการชาร์จและถ่ายโอนข้อมูล อย่างไรก็ตาม iPhone 15 Pro สามารถให้ความเร็วในการชาร์จที่เร็วขึ้นสูงสุด 35W เทียบกับ iPhone 14 Pro ที่ 27W

 

  • ตัวเครื่องของ iPhone 15 Pro จะทำมาจากไทเทเนียม แทนที่ขอบสเตนเลสในปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์จะเบากว่า iPhone 14 Pro และให้สัมผัสแบบด้านมากกว่าจะมันวาว

 

  • ชิป A17 Bionic ใหม่ที่สร้างขึ้นด้วยกระบวนการผลิตขนาด 3 นาโนเมตร ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างมาก นี่จะเป็นชิป 3 นาโนเมตรตัวแรกของ Apple

 

  • เฉพาะ iPhone 15 Pro Max จะมีระบบกล้องที่ได้รับการอัปเกรด ที่จะให้การซูมแบบออปติคอลเพิ่มขึ้นสูงสุด 5x หรือ 6x ปัจจุบันออปติคอลซูมของ iPhone 14 Pro Max ถูกจำกัดไว้ที่ 3 เท่า

 

  • สีของ iPhone 15 Pro: สีดำสเปซแบล็ก, เงิน, ฟ้า และเทา

 

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้มีค่าใช้จ่าย iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max คาดว่าจะมีราคาแพงกว่ารุ่นก่อน นักวิเคราะห์อย่างน้อยหนึ่งคนแนะนำว่า iPhone 15 Pro อาจเริ่มต้นที่ 1,099 ดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 100 ดอลลาร์) และ iPhone 15 Pro Max อาจเริ่มต้นที่ 1,299 ดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 200 ดอลลาร์)

 

คาดว่า iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 15 กันยายน แต่รายงานนักวิเคราะห์ล่าสุดระบุว่า iPhone 15 Pro Max อาจเผชิญกับความล่าช้าในการจัดส่งเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ เนื่องจากปัญหาส่งผลต่อฮาร์ดแวร์กล้องใหม่

 

Apple Watch Series 9 คาดว่าจะมีการอัปเดตซ้ำโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากมาย ข่าวลือคือจะใช้โปรเซสเซอร์ใหม่ที่ให้การปรับปรุงประสิทธิภาพและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ รวมถึงอาจจะได้เห็นสีชมพูเข้ามาด้วย

 

ขณะเดียวกันคาดว่า Apple Watch Ultra จะได้รับการอัปเดตในปีนี้โดยใช้โปรเซสเซอร์ S9 แบบเดียวกัน พร้อมประสิทธิภาพและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น โดย Bloomberg รายงานว่า Apple ทดสอบสีไทเทเนียมสีดำสำหรับ Apple Watch Ultra เมื่อปีที่แล้ว แต่ไม่ได้วางขาย ดังนั้นจึงคาดว่าจะได้รับการเปิดตัวในปีนี้

 

นอกจากนี้เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนไปใช้ USB-C ของ iPhone 15 มีรายงานว่า Apple จะเปิดตัว AirPods Pro เวอร์ชันใหม่พร้อมเคสชาร์จ USB-C ขณะเดียวกัน Apple อาจมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เวอร์ชัน USB-C ในงาน เช่น MagSafe Battery Pack, MagSafe Duo และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ สำหรับ Mac

 

โดยทั่วไปแล้ว Apple จะเผยแพร่ iOS เวอร์ชันใหม่สำหรับ iPhone ในงานเดือนกันยายนปีนี้ ซอฟต์แวร์ iOS 17 มีการแสดงหมายเลขผู้โทรแบบเห็นภาพมากขึ้นที่เรียกว่าโปสเตอร์รายชื่อติดต่อ การแก้ไขอัตโนมัติที่ดีขึ้น และแอปบันทึกรายการใหม่

 

ทั้งหมดนี้ยังเป็นแค่ข่าวลือ (แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะจริง) ส่วนของจริงจะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องติดตามในวันที่ 12 กันยายนนี้

 

อ้างอิง:

The post iPhone 15 พอร์ต USB-C ใช้สายแบบถัก กับราคาที่ ‘แพงขึ้น’ และ Apple Watch Series 9 สีชมพู ข่าวลือที่อาจได้เห็นใน Apple Event 12 ก.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
มาแล้ว iPhone รุ่นใหม่! เช่นกันกับ Apple Watch และ AirPods Pro พร้อมราคา https://thestandard.co/apple-events-2022/ Thu, 08 Sep 2022 04:00:25 +0000 https://thestandard.co/?p=678024 Apple

วันนี้ (8 กันยายน) Apple เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สาวกตั้ […]

The post มาแล้ว iPhone รุ่นใหม่! เช่นกันกับ Apple Watch และ AirPods Pro พร้อมราคา appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple

วันนี้ (8 กันยายน) Apple เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สาวกตั้งตาคอยในงาน Far Out ที่จัดขึ้นที่ Steve Jobs Theatre เมืองแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีทั้ง iPhone, Apple Watch และ AirPods ตัวใหม่ ที่น่าสนใจไม่น้อย

 

Apple

 

iPhone 14 ราคา 32,900 บาท / iPhone 14 Plus ราคา 37,900 บาท  

หน้าตายังคงเหมือนกับ iPhone 13 และใช้หน่วยประมวลผลเดียวกันอย่าง A15 จอภาพเป็นเทคโลยี Super Retina XDR ขนาด 6.1 และ 6.7 นิ้ว กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่ถ่ายภาพตอนกลางคืนได้ดีขึ้น ส่วนกล้องหน้ามาพร้อมกับระบบ Auto Focus เทคโนโลยี Photonic Engine จะช่วยปรับแต่งภาพให้ดีขึ้นอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีความสามารถใหม่ๆ อีก เช่น ฟังก์ชัน Always-On Display พร้อมกับการปรับแต่ง Lock Screen แบบใหม่ๆ ฟังก์ชันตรวจจับอุบัติเหตุรถชนพร้อมโทรขอความช่วยเหลือ ไปจนถึงการสามารถเชื่อมต่อกับระบบดาวเทียมเพื่อขอความช่วยเหลือได้แม้จะไม่มีสัญญาณมือถือหรือสัญญาณ WiFi

 

Apple

 

iPhone 14 Pro ราคา 41,900 บาท / iPhone 14 Pro Max ราคา 44,900 บาท

ดีไซน์ที่เปลี่ยนชัดเจนคือรอยบากหน้าจอที่เล็กลงและถูกทำให้เป็น Dynamic Island ซึ่งจะเปลี่ยนหน้าตาและขนาดไปเรื่อยตามฟังก์ชันที่ใช้งาน ส่วนหน่วยประมวลผลก็ใช้ชิปใหม่ล่าสุดอย่าง A16 Bionic ที่ทำงานได้เร็วกว่าเดิม ส่วนจอภาพถูกพัฒนาให้ดีขึ้น โดยจะสว่างกว่าเดิมถึง 2 เท่าเมื่ออยู่กลางแดด ขณะที่กล้อง คราวนี้ถูกอัปเกรดให้แจ่มกว่าเดิมด้วยกล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้น 65% เมื่อเทียบกับ iPhone 13 Pro แถมยังเอาใจมืออาชีพด้วยการถ่ายฟอร์แมต ProRAW และเพิ่มเทเลโฟโต้ 2 เท่ามาให้สำหรับการถ่ายรูปคนสวยๆ 

 

แน่นอนว่าการถ่ายภาพกลางคืนก็ทำได้ดีขึ้นถึง 2 เท่า ส่วนกล้องหน้าก็มาพร้อมกับระบบ Auto Focus และรูรับแสงที่กว้างขึ้น ทำให้ถ่ายรูปตอนกลางคืนได้ดีขึ้นเช่นกัน ส่วนการถ่ายวิดีโอยังคงเป็นระดับ 4K แต่พัฒนาระบบกันสั่นให้ดีกว่าเดิม ทั้ง iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max มีฟังก์ชัน Always-On Display และฟังก์ชันตรวจจับอุบัติเหตุรถชนพร้อมโทรขอความช่วยเหลือ รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับดาวเทียมเพื่อขอความช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ส่วนเรื่องสีใหม่ ปีนี้เพิ่มสีม่วงเข้มเข้ามาให้เลือกอีกหนึ่งสี

 

Apple

 

Apple Watch SE ราคา ​​9,900 บาท 

รุ่นเล็กสุดในตระกูลที่ออกมาแทนรุ่นก่อนหน้าเมื่อปี 2020 คราวนี้ทำงานได้เร็วกว่าเดิม 20% นอกจากฟังก์ชันมาตรฐานอย่างการใช้งานเพื่อสุขภาพและฟิตเนสทั้งหลาย เช่น วัดอัตราการเต้นของหัวใจ วิเคราะห์การนอน ฯลฯ ยังมีฟังก์ชันใหม่คือการตรวจจับอุบัติเหตุรถชน หากเกิดขึ้นก็พร้อมที่จะโทรขอความช่วยเหลือทันที 

 

Apple

 

Apple Watch Series 8 ราคา 15,900 บาท 

มาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่อย่างการตรวจวัดอุณหภูมิ ที่จะช่วยให้ผู้หญิงสามารถติดตามรอบเดือนและคาดคะเนช่วงเวลาตกไข่ได้, การตรวจจับการชนกันจากอุบัติเหตุรถชนอย่างรุนแรง ซึ่งเมื่อเกิดเหตุขึ้นจะมีบริการติดต่อหน่วยฉุกเฉินให้อัตโนมัติ พร้อมบอกตำแหน่ง รวมถึงแจ้งเตือนผู้ที่อยู่ในรายชื่อติดต่อฉุกเฉินที่ตั้งไว้

 

Apple

 

Apple Watch Ultra ราคา 31,900 บาท 

รุ่นนี้เหมาะสำหรับนักผจญภัยและนักกีฬาทั้งหลาย เพราะออกแบบมาให้สามารถทำงานได้ในหลากหลายสภาพแวดล้อมและทนทานต่อทุกสภาพอากาศ โดยตัวเรือนทำมาจากไทเทเนียมที่แข็งแรง ทนทาน ป้องกันการกระแทก 

 

สามารถใช้งานได้ในสภาพอากาศเย็น -20 องศาไปจนถึงร้อนจัด 55 องศา, ลงน้ำได้ลึก 40 เมตร, มาพร้อมกับระบบ GPS ที่ระบุตำแหน่งได้แม่นยำกว่า GPS ทั่วไปถึง 2 เท่า, มีระบบตัดเสียงรบกวน เพื่อให้สามารถพูดคุยได้อย่างชัดเจน, ระบบเข็มทิศดิจิทัล รวมถึงฟังก์ชันส่งเสียงขอความช่วยเหลือที่สามารถส่งไปได้ไกลถึงระยะ 180 เมตร ส่วนแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานถึง 36 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

 

Apple

 

AirPods Pro 2 ราคา 8,990 บาท

หน้าตายังคงเหมือนเดิม แต่ Apple บอกว่าเสียงดีกว่าเดิมแน่นอน เพราะใช้ไดรเวอร์ใหม่ พร้อมตัวขยายสัญญาณ และชิปใหม่อย่าง H2 ซึ่งนอกจากจะช่วยให้คุณภาพเสียงเพลงดีกว่าเดิมแล้ว ยังช่วยให้ระบบตัดเสียงรบกวน หรือ Active Noise Cancellation ทำงานได้ดีมากขึ้นถึง 2 เท่าเลยทีเดียว ส่วนการควบคุม คราวนี้สามารถเพิ่ม-ลด Volume ได้แล้วด้วยการควบคุมผ่านก้านหูฟัง ขณะที่แบตเตอรี่ก็ถูกปรับให้สามารถใช้ฟังเพลงแบบยาวๆ ไปเลย 6 ชั่วโมงรวด 

 

ภาพ: Apple 

The post มาแล้ว iPhone รุ่นใหม่! เช่นกันกับ Apple Watch และ AirPods Pro พร้อมราคา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยขยับขึ้นเป็น Tier 1 แล้ว! Apple เปิดให้สั่งจอง ‘iPhone 14’ วันแรก 9 ก.ย. เริ่มวางจำหน่าย 16 ก.ย. https://thestandard.co/iphone-14-sale/ Thu, 08 Sep 2022 01:03:52 +0000 https://thestandard.co/?p=677920 iPhone 14

ในที่สุดประเทศไทยก็ขยับขึ้นเป็นกลุ่มประเทศ Tier 1 สำหรั […]

The post ไทยขยับขึ้นเป็น Tier 1 แล้ว! Apple เปิดให้สั่งจอง ‘iPhone 14’ วันแรก 9 ก.ย. เริ่มวางจำหน่าย 16 ก.ย. appeared first on THE STANDARD.

]]>
iPhone 14

ในที่สุดประเทศไทยก็ขยับขึ้นเป็นกลุ่มประเทศ Tier 1 สำหรับการวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ Apple ที่เพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ อย่าง ‘iPhone 14’ 

 

ข้อมูลบนเว็บไซต์ Apple ระบุว่า ลูกค้าคนไทยสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าสำหรับ iPhone 14 ในวันที่ 9 กันยายน เริ่มตั้งแต่เวลา 19‍.‍00 น. และเริ่มวางจำหน่าย 16 กันยายนนี้ โดย ‘ไทย’ เป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถซื้อเป็นกลุ่มแรกร่วมกับ ออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย, อิตาลี, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, สเปน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และอีกกว่า 30 ประเทศและภูมิภาคอื่นๆ

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

สำหรับ iPhone 14 ขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 32,000 บาท, iPhone 14 Plus หน้าจอ 6.7 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 37,000 บาท เฉพาะรุ่นนี้จะเริ่มวางจำหน่าย 7 ตุลาคม โดยรุ่นนี้มีกล้องหลักความละเอียด 12MP อัลตราไวด์ กล้องหน้า TrueDepth พร้อมออโต้โฟกัส มีชิป A15 Bionic พร้อม GPU แบบ 5-core

 

ส่วน iPhone 14 Pro หน้าจอ 6.1 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 41,900 บาท และสุดท้าย iPhone 14 Pro Max หน้าจอ 6.7 นิ้ว มีราคาเริ่มต้น 44,900 บาท และมีราคาแพงสุดอยู่ที่ 66,900 บาทสำหรับความจุ 1TB 

 

ที่น่าจับตาคือ iPhone 14 Pro ไม่ได้เป็นติ่งเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ถูกปรับเป็น Dynamic Island ซึ่งจะทำให้มีวิธีการแจ้งเตือนและกิจกรรมต่างๆ ในรูปแบบใหม่ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับมาพร้อมจอภาพแบบติดตลอด, กล้องความละเอียด 48MP ครั้งแรกบน iPhone, คุณสมบัติการตรวจจับการชนกัน คุณสมบัติ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม และชิป A16 Bionic ที่เคลมว่าเป็น ‘ชิปสมาร์ทโฟนที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา

 

สำหรับบริการ SOS ผ่านดาวเทียมวางแผนที่จะให้บริการฟรีเป็นเวลา 2 ปีแรก โดยเริ่มที่อเมริกาและแคนาดาในเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังจากพ้นช่วงฟรีแล้ว Apple จะคิดราคา 15 ดอลลาร์ หรือราว 550 บาทต่อเดือน

 

iPhone 14

 

เซอร์ไพรส์ ‘ไม่ขึ้นราคา’ (แต่ไม่ใช่ไทย)

อย่างไรก็ตามสื่อยักษ์ใหญ่ในอเมริกาต่างตีข่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า เรื่องที่น่าประหลาดใจที่สุดสำหรับการเปิดตัวสินค้าใหม่ในครั้งนี้คือการที่ Apple ไม่ได้มีการ ‘ขึ้นราคา’ สำหรับ iPhone รุ่นใหม่ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อประจำปีของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 8.5% ในเดือนกรกฎาคม 2022

 

ในอเมริกา iPhone 14 และ 14 Plus จะเริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์ และ 899 ดอลลาร์ ตามลำดับ ซึ่งเป็นราคาเริ่มต้นเดียวกับปีที่แล้ว ขณะที่ iPhone 14 Pro และ Pro Max เริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ และ 1,099 ดอลลาร์ ตามลำดับ อันเป็นราคาที่ไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน 

 

ราคาเดิมสวนทางกับก่อนหน้านี้ที่นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่า Apple จะขึ้นราคารุ่นพรีเมียมอีก 100 ดอลลาร์ หรือราว 3,600 บาท 

 

หากจะบอกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ผิดก็ได้ แต่นั่นเป็นในตลาดอเมริกา หากตลาดประเทศไทยได้มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นราว 2,000 บาทด้วยกัน อย่าง iPhone 13 Pro Max เริ่มต้น 42,900 บาท และแพงสุด 62,900 บาท ขณะที่ iPhone 14 Pro Max เคาะราคาเริ่มต้น 44,900 บาท และแพงสุดอยู่ที่ 66,900 บาท

 

“เป็นเรื่องน่าประทับใจที่ Apple ยังคงรักษาระดับราคาเดิม” Leo Gebbie นักวิเคราะห์ของ CCS Insight กล่าว “เราคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิตและส่วนประกอบที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าขนส่งที่เพิ่ม จะทำให้ Apple ปรับราคาขายปลีกให้สูงขึ้น”

 

รายงานของ Nikkei Asia ระบุว่า ข้อจำกัดด้านซัพพลายเชนกระทบรายรับของ Apple ประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสเมษายน-มิถุนายน 2022 ส่วนใหญ่เกิดจากการปิดโรงงานในจีนภายใต้ข้อจำกัดที่เข้มงวดของโรคโควิด 

 

นอกจากนี้คลื่นความร้อนทำให้มีการปิดโรงงานซัพพลายเออร์ของ Apple หลายแห่งในภาคกลางของจีน รวมถึงเฉิงตูซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิต iPad และ MacBook ขณะที่ซัพพลายเออร์ในเซินเจิ้น ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตอีกแห่งหนึ่ง ก็กำลังประสบปัญหาขาดแคลนพนักงานอันเนื่องมาจากข้อจำกัดด้านโควิดที่เข้มงวด

 

กลัวลูกค้าจ่ายไม่ไหว

แม้ว่าราคาในสหรัฐฯ จะค่อนข้างคงที่ แต่ Apple กำหนดราคาที่ต่างกันในแต่ละประเทศ และบางครั้งอาจแตกต่างจากราคาอเมริกันที่แปลงเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตอนนี้เงินดอลลาร์สหรัฐกำลังแข็งค่า

 

เชื่อว่าที่ Apple ไม่ได้ขึ้นราคาเพราะกำลังเดิมพันคุณสมบัติใหม่ว่าจะเพียงพอที่ดึงดูดให้ลูกค้ายอมควักเงินออกจากกระเป๋าหรือไม่ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่กังวัลถึงภาวะถดถอย ซึ่งราคาที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ลูกค้าจ่ายไม่ไหว นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันที่รุนแรงจาก Samsung และผู้เล่นรายอื่นๆ 

 

ปัจจุบัน Apple คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 49% ของยอดขายสมาร์ทโฟนในสหรัฐฯ ซึ่งแซงหน้าสมาร์ทโฟน Android ในรอบหลายปี และ Insider Intelligence คาดว่าจะเพิ่มเป็น 50% ภายในปี 2024

 

 

“ในขณะที่คุณสมบัติหลายอย่างที่ประกาศในวันนี้ เป็นการปรับปรุงที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่จะเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ แต่เราเชื่อว่า Apple ได้ทำเพียงพอที่จะกระตุ้นความต้องการ โดยชักชวนให้ผู้บริโภคอัปเกรดและดื่มด่ำกับผลิตภัณฑ์ใหม่ของตน” Neil Saunders กรรมการผู้จัดการ บริษัทวิจัย GlobalData กล่าว

 

iPhone ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดของ Apple โดยสร้างยอดขายได้ประมาณ 50% และช่วยเพิ่มรายได้จากบริการต่างๆ เช่น App Store และ Apple TV+ นอกจากนี้ยังเกลี้ยกล่อมลูกค้าให้ซื้ออุปกรณ์เสริม เช่น AirPods และ Apple Watch

 

ทั้งนี้ IDC คาดว่าการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกจะลดลงกว่า 6% ในปีนี้ แม้ว่าตลาดส่วนใหญ่จะอยู่ในหมวดหมู่ระดับล่างสุดซึ่ง Apple ไม่ได้แข่งขันในตลาดดังกล่าว

 

หุ้นของ Apple เพิ่มขึ้นเกือบ 1% เป็น 155.96 ดอลลาร์ในนิวยอร์ก เมื่อเปิดตัวสินค้าใหม่ แต่ภาพรวมหุ้นยังคงลดลง 12% สำหรับในปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับหุ้นเทคโนโลยี

 

Apple Watch ใหม่

ในงานดังกล่าว Apple เปิดตัวสมาร์ทวอทช์ใหม่ 3 รุ่นในงาน ได้แก่ Series 8, SE และ Ultra

 

Apple Watch Series 8 มีการเพิ่มเซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิ ซึ่งหลักๆ จะเหมาะสำหรับผู้หญิง เพราะเซ็นเซอร์จะสามารถคาดคะเนช่วงไข่ตกได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และยังมีการตรวจจับการชนกันสำหรับเหตุรถชนอย่างรุนแรง

 

iPhone 14

 

ในสหรัฐฯ Series 8 เริ่มต้นที่ 399 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับสมาร์ทวอทช์ของ Apple รุ่นก่อน ส่วนราคาไทยเริ่มต้น 15,900 บาท สำหรับรุ่น GPS และเริ่มต้น 19,900 บาท สำหรับรุ่น GPS + Cellular ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 2,000 บาท เมื่อเทียบกับ Series 7 ที่มีราคา 13,900 บาท สำหรับรุ่น GPS และเริ่มต้น 17,500 บาท สำหรับรุ่น GPS + Cellular

 

ด้าน Apple Watch SE ได้อัปเดตให้เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 20% มีราคาเริ่มต้น 9,900 บาท แพงขึ้นราว 500 บาทเมื่อเทียบกับ 9,400 บาท ที่เปิดตัวในปี 2563 ส่วนรุ่น GPS + Cellular ที่มีราคาเริ่มต้น 10,900 บาท ขยับขึ้น 1,000 บาท เป็น 11,900 บาท 

 

ครั้งนี้ Apple ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่อย่าง Ultra สำหรับสายกิจกรรมเอ็กซ์ตรีม มาในตัวเรือนไทเทเนียม 49 มิลลิเมตร และด้านหน้าแบบผลึกแซฟไฟร์ 

 

นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานที่สุดในบรรดา Apple Watch โดยใช้งานได้นานสูงสุด 36 ชั่วโมง สำหรับการใช้งานปกติ และมีการตั้งค่าประหยัดพลังงานเพิ่มมาใหม่ ซึ่งสามารถยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ได้นานสูงสุดถึง 60 ชั่วโมง

 

iPhone 14

 

เคาะราคาเริ่มต้น 31,900 บาท โดยยังไม่ได้เปิดเผยวันที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

 

มาแล้ว AirPods Pro

ในงานนี้ Apple ยังได้อวด AirPods Pro รุ่นล่าสุด ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

 

AirPods Pro ใหม่จะมีเวลาฟังถึง 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งดีกว่ารุ่นดั้งเดิม หูฟังและเคสได้รับการติดตั้งให้ส่งเสียงเพื่อช่วยค้นหา และการปัดเบา ๆ ขึ้นและลงที่หูฟังจะเพิ่มหรือลดระดับเสียง

 

รุ่นใหม่นี้ AirPods Pro มาพร้อมกับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบไดนามิก และสามารถตัดเสียงรบกวนได้เป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นดั้งเดิม

 

iPhone 14

 

AirPods Pro 2 จะพร้อมให้สั่งซื้อในเร็วๆ นี้ในราคา 8,990 บาท ซึ่งน่าแปลกใจว่านี่เป็นราคาเปิดตัวที่ลดลงเมื่อเทียบกับ AirPods Pro ที่มีราคาเปิดตัว 9,490 บาท (ก่อนจะปรับราคาลงเหลือ 8,992 บาท)

 

สวนทางกับสินค้าอื่นๆ ที่ต่างขยับราคาขึ้นกันถ้วนหน้า

 

หมายเหตุ: เพิ่มเนื้อหาเมื่อเวลา 11.29 น.

 

อ้างอิง:

 

The post ไทยขยับขึ้นเป็น Tier 1 แล้ว! Apple เปิดให้สั่งจอง ‘iPhone 14’ วันแรก 9 ก.ย. เริ่มวางจำหน่าย 16 ก.ย. appeared first on THE STANDARD.

]]>
แม้ของใหม่ยังไม่ทันได้ซื้อ แต่ ‘ข่าวลือ’ มาอีกแล้ว Apple อาจเข็น MacBook Pro ที่มีชิป M2 Max และเปิดตัว MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว เป็นครั้งแรก https://thestandard.co/apple-rumors-about-new-macbook/ Sat, 11 Jun 2022 02:52:56 +0000 https://thestandard.co/?p=640684 Apple

เพียงไม่กี่วันหลังจาก Apple เปิดตัวชิปรุ่นใหม่ของตนเองท […]

The post แม้ของใหม่ยังไม่ทันได้ซื้อ แต่ ‘ข่าวลือ’ มาอีกแล้ว Apple อาจเข็น MacBook Pro ที่มีชิป M2 Max และเปิดตัว MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว เป็นครั้งแรก appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple

เพียงไม่กี่วันหลังจาก Apple เปิดตัวชิปรุ่นใหม่ของตนเองที่มีชื่อว่า ‘M2’ พร้อมทั้งการอัปเดตแล็ปท็อปอย่าง MacBook Air และ MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว และงาน WWDC 2022 จะจบลงไปแล้ว แต่ข่าวลือก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด โดยตอนนี้มีรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปของผลิตภัณฑ์ของ Apple และหลายๆ อย่างดูจะคุ้นมาก

 

รายงานล่าสุดจาก Bloomberg ของมาร์ก เกอร์มัน รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า MacBook Pro ขนาด 14 และ 16 นิ้วรุ่นใหม่ สามารถจัดส่งได้ภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปี 2023 สิ่งเหล่านี้จะมาพร้อมกับชิป M2 Max

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 


 

ที่น่าสนใจคือมีข้อความระบุว่าเราน่าจะได้เห็น MacBook Air รุ่น 15 นิ้วรุ่นแรกในฤดูใบไม้ผลิถัดไป พร้อมด้วยแล็ปท็อปขนาด 12 นิ้วใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และสามารถจัดส่งได้ภายในปลายปีหน้าหรือต้นปี 2024 

 

มีรายงานว่า Mac Pro และ Mac mini เวอร์ชันใหม่ยังอยู่ระหว่างการทดสอบพร้อมกับชิป M3 รุ่นต่อไป หากรายงานเหล่านี้เป็นจริง Apple จะมีแล็ปท็อปที่ค่อนข้างแออัดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

 

อีกที่หนึ่ง นักวิเคราะห์ รอสส์ ยัง ซีอีโอของ Display Supply Chain Consultants ทวีตว่า iPad Pro ขนาด 14.1 นิ้ว พร้อมไฟแบ็กไลต์ Mini LED และจอแสดงผล ProMotion อยู่ในระหว่างการพัฒนา โดยอาจเปิดตัวในต้นปีหน้า 

 

ขณะที่เกอร์มันแห่ง Bloomberg ยังกล่าวอีกว่า iPad Pro ขนาด 11 และ 12.9 นิ้ว กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อเปิดตัวในปลายปีนี้ พร้อมกับเวอร์ชันที่ใหญ่กว่า ซึ่งใช้ประโยชน์จากการปรับแต่ง Multi-Task ใหม่ของ iOS 16

 

MacBook Pro รุ่นใหม่ของปีที่แล้วที่ใช้ชิปแฟมิลี M1 ถูกขนานนามว่าเป็นรุ่นที่ชุบชีวิต Apple ซึ่งแม้จะยังมีราคาแพงและยังมีสิ่งที่น่ารำคาญอยู่บ้าง แต่เป็นการเปิดตัวต่อจาก MacBook Air ที่ใช้ชิป M1 ได้ดี

 

นี่เป็นตัวเลือกที่ถูกกว่าสำหรับผู้ใช้แล็ปท็อปขนาดใหญ่ โดยหากพวกเขาไม่ได้วางแผนที่จะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เหมือนจะเป็นทางเลือกที่ชัดเจน และเมื่อปัญหาด้านซัพพลายเชนของ Apple ได้รับการแก้ไข แล็ปท็อปรุ่นที่เล็กกว่าและราคาถูกกว่าก็สมเหตุสมผลกว่าในอดีต 

 

ในเวลาเดียวกัน การทำงาน Multi-Task ที่ได้รับการปรับปรุงที่เพิ่งเปิดตัวของ iPadOS 16 กำลังเรียกร้องหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเพื่อใช้งาน 

 

ภาพ: Justin Sullivan / Getty Images

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post แม้ของใหม่ยังไม่ทันได้ซื้อ แต่ ‘ข่าวลือ’ มาอีกแล้ว Apple อาจเข็น MacBook Pro ที่มีชิป M2 Max และเปิดตัว MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว เป็นครั้งแรก appeared first on THE STANDARD.

]]>
นโยบาย Zero COVID ของจีนอาจกระทบแผนเปิดตัวและวางจำหน่าย iPhone 14 ปีนี้ให้ล่าช้าออกไป https://thestandard.co/china-zero-covid-may-affect-iphone-launch-and-release-plans/ Thu, 26 May 2022 01:05:07 +0000 https://thestandard.co/?p=633851 iPhone

สำนักข่าว Nikkei รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า การล็อกดา […]

The post นโยบาย Zero COVID ของจีนอาจกระทบแผนเปิดตัวและวางจำหน่าย iPhone 14 ปีนี้ให้ล่าช้าออกไป appeared first on THE STANDARD.

]]>
iPhone

สำนักข่าว Nikkei รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า การล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดตามนโยบาย Zero COVID ของจีนในช่วงที่ผ่านมาอาจส่งผลกระทบให้การเปิดตัวและวางจำหน่าย iPhone รุ่นใหม่ในปีนี้ต้องล่าช้าออกไป

 

แหล่งข่าวของ Nikkei ระบุว่า ขณะนี้ Apple ได้แจ้งให้ซัพพลายเออร์ของตัวเองในประเทศจีนเร่งผลิตสินค้าที่เป็นส่วนประกอบของ iPhone เพื่อชดเชยการผลิตที่หายไปในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา 

 

“การเร่งพัฒนาสินค้าให้ทันตามแผนเดิมถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ Apple และ ซัพพลายเออร์กำลังพยายามอย่างเต็มที่” แหล่งข่าวกล่าว

 

แหล่งข่าวรายเดียวกันยังบอกอีกว่า แม้ปัจจุบันทางการจีนจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดแล้ว แต่การกลับสู่ภาวะปกติโดยเฉพาะในเซี่ยงไฮ้ยังเป็นไปอย่างล่าช้า ทำให้มีความเสี่ยงที่แผนการพัฒนาและผลิต iPhone รุ่นใหม่ในปีนี้จะได้รับผลกระทบ

 

Apple มีแผนที่จะเปิดตัวและวางจำหน่าย iPhone ในปีนี้ 4 รุ่น ได้แก่ iPhone 14, 14 Pro, 14 Max และ 14 Pro Max โดยคาดว่าจะมีอย่างน้อย 1 รุ่นที่การพัฒนาอาจต้องล่าช้าออกไป 

 

แหล่งข่าวอีกรายหนึ่งระบุว่า ปัจจุบันการผลิต iPhone ทั้ง 4 รุ่นนี้อยู่ในขั้นตอนที่เรียกว่า EVT (Engineering Verification Test) หรือ การทดสอบทางวิศวกรรม ซึ่งหากทีมพัฒนา iPhone สามารถเร่งความเร็วกระบวนการต่างๆ ให้แล้วเสร็จได้ทันปลายเดือนมิถุนายนหรือต้นเดือนกรกฎาคม ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่การผลิตเพื่อจำหน่ายในวงกว้างจะเป็นไปตามกำหนดการเดิมคือต้นเดือนกันยายน

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post นโยบาย Zero COVID ของจีนอาจกระทบแผนเปิดตัวและวางจำหน่าย iPhone 14 ปีนี้ให้ล่าช้าออกไป appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple เปิดตัว iPhone SE ใหม่ ใช้ 5G ได้ ราคาแพงขึ้น 1,000 บาท มาพร้อม iPad Air กับชิป M1 และแม้ชิป M2 จะยังไม่มา แต่แทนด้วย M1 Ultra https://thestandard.co/apple-peak-performance-2022-2/ Wed, 09 Mar 2022 04:26:44 +0000 https://thestandard.co/?p=603586 Apple

เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้วสำหรับงานเปิดตัวสินค้าครั้งแรกใ […]

The post Apple เปิดตัว iPhone SE ใหม่ ใช้ 5G ได้ ราคาแพงขึ้น 1,000 บาท มาพร้อม iPad Air กับชิป M1 และแม้ชิป M2 จะยังไม่มา แต่แทนด้วย M1 Ultra appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple

เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้วสำหรับงานเปิดตัวสินค้าครั้งแรกในปี 2022 ของเจ้าพ่อ Apple แม้ข่าวลือที่ว่าจะมีการเปิดตัว MacBook Pro หรือ MacBook Air รุ่นใหม่ที่จะมาพร้อมกับชิป M2 จะยังไม่มาตามนัด แต่ครั้งนี้ก็ไม่น้อยหน้าด้วย iPhone SE รุ่นใหม่ใช้ 5G ได้ มาพร้อม iPad Air กับชิป M1 และแม้ชิป M2 จะยังไม่มา แต่ทดแทนด้วย ‘M1 Ultra’ จัดเต็มด้วย CPU แบบ 20-core

 

งานนี้เป็นงานแรกที่คาดว่าจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลายอย่างในปีนี้ ซึ่งคิดว่า Apple จะเปิดตัว Mac และ iPad รุ่นใหม่ รวมถึง iPhone 14 และสมาร์ทวอทช์ใหม่ด้วย และเผยโฉมตัวอย่างชุดหูฟังแบบผสมและเสมือนจริงรุ่นแรกในปลายปีนี้

 

Apple

 

iPhone SE ใช้ 5G ได้แล้ว

เริ่มต้นด้วย iPhone SE ราคาประหยัดใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นต่อจากรุ่นปี 2020 แต่มาพร้อม 5G และโปรเซสเซอร์ iPhone รุ่นล่าสุด A15 ดูเผินๆ ก็ไม่แตกต่างจาก iPhone SE รุ่นก่อนที่มีหน้าจอสี่เหลี่ยมขนาด 4.7 นิ้ว และเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ Touch ID มาพร้อมกล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล

 

“iPhone SE รุ่นใหม่นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบโทรศัพท์ขนาดเล็ก” ทิม คุก ผู้เป็นแม่ทัพของ Apple กล่าว

 

iPhone SE รุ่นใหม่นี้ จะวางจำหน่ายในรุ่นความจุ 64GB, 128GB และ 256GB ในสีมิดไนท์ สตาร์ไลท์ และ (PRODUCT)RED ในราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท ซึ่งแพงกว่ารุ่นก่อนหน้าประมาณ 1,000 บาท ซึ่งเปิดตัวในราคา 14,900 บาท

 

Apple เคาะสั่งซื้อ iPhone SE ล่วงหน้าได้ตั้งแต่เวลา 09:00 น. ตามเวลาในประเทศไทยของวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม และจะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม

 

เชื่อว่ารุ่นใหม่นี้จะสามารถดึงดูดผู้ที่ใช้ Android ตลอดจนผู้ใช้ iPhone รุ่นเก่าที่ถึงเวลาเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้แล้ว ซึ่งสมาร์ทโฟนนั้นเป็นตัวหลักในการสร้างรายได้ให้กับ Apple โดยสร้างรายได้มากกว่าครึ่งในปีงบการเงินที่แล้ว หรือประมาณ 1.92 แสนล้านดอลลาร์ หรือกว่า 6.4 ล้านล้านบาท 

 

iPhone SE คิดเป็น 12% ของยอดขาย iPhone นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2020 โดยมีความต้องการ 3 ใน 4 มาจากนอกสหรัฐอเมริกาตามข้อมูลของ Counterpoint แต่การเพิ่ม 5G ในครั้งนี้ทำให้คาดว่าจะสามารถึงดูดลูกค้าในยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเกาหลีใต้

 

Apple

 

iPhone 13 มีตัวเลือกใหม่เป็น ‘สีเขียว’

สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงปลายปีที่แล้วอย่าง iPhone 13 ก็ได้มีความเคลื่อนไหวจาก Apple เช่นกัน ด้วยการเปิดตัวสีใหม่เป็น ‘สีเขียว’

 

จากที่มีแค่สีเซียร์ร่าบลู, กราไฟต์, ทอง และเงิน ต่อไป iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max ก็จะมีตัวเลือกเพิ่มเป็น ‘สีเขียวอัลไพน์’ 

 

ส่วน iPhone 13 และ iPhone 13 mini จากที่มี (PRODUCT)RED, สีสตาร์ไลท์, มิดไนท์, น้ำเงิน และชมพู ก็ได้เพิ่มสีเขียวขึ้นมา

 

Apple ระบุว่า สามารถสั่งซื้อ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max ล่วงหน้าในสีเขียวอัลไพน์ และ iPhone 13 และ iPhone 13 mini ในสีเขียวได้ตั้งแต่เวลา 09:00 น. ตามเวลาในประเทศไทยของวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม และจะมีวางจำหน่ายตั้งแต่วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม

 

Apple

 

iPad Air ที่ได้ใช้ชิป M1 แล้ว

มาถึงคิว iPad Air ซึ่งได้รับการอัปเดตล่าสุดในปี 2020 มาครั้งนี้รุ่นใหม่คือ iPad Air ได้ใช้โปรเซสเซอร์ M1 ของ Apple ซึ่งเป็นชิปที่ใช้ในรุ่น iPad Pro และ MacBook Air นอกจากนี้ยังรองรับ 5G เสริมอีกด้วย

 

กล้องหน้าได้รับการอัปเกรดเป็นกล้องความละเอียด 12 เมกะพิกเซลพร้อมเลนส์มุมกว้าง ยังมาพร้อมกล้องหน้าอัลตราไวด์ใหม่พร้อมคุณสมบัติ ‘จัดให้อยู่ตรงกลาง’ เพื่อประสบการณ์การประชุมทางวิดีโอที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น, พอร์ต USB-C ที่มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า และ 5G ที่เร็วสุดแรงในรุ่นเซลลูลาร์ 

 

Apple ย้ำว่าทั้งหมดนี้มาในราคาเริ่มต้นที่เอื้อมถึงได้เช่นเดิม โดย iPad Air รุ่น WiFi จะเปิดให้สั่งซื้อในราคาเริ่มต้น 20,900 บาท และรุ่น WiFi + Cellular ในราคาเริ่มต้นที่ 25,900 บาท iPad Air ใหม่ รุ่นความจุ 64GB และ 256GB มาในสีเทาสเปซเกรย์, สตาร์ไลท์, ชมพู, ม่วง และฟ้า

 

ส่วนวันที่วางจำหน่ายนั้นยังไม่ได้เคาะอย่างเป็นทางการ

 

Apple

 

M1 Ultra ชิปที่ทรงพลังที่สุดในโลกสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

แม้จะผิดคาดกับการที่ไม่ได้เปิดตัวชิป M2 อย่างที่หลายคนคาดการณ์ แต่ครั้งนี้ Apple ได้เปิดตัวชิปที่เคลมว่า ‘ทรงพลังที่สุดในโลกสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล’

 

หากคุณคิดว่าชิป M1 Max นั้นทรงพลังและประหยัดพลังงานขั้นสูงแล้วล่ะก็ อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะ M1 Ultra นั้นมีการเชื่อมต่อแผ่นวงจรชิป M1 Max สองตัวเข้าด้วยกัน โดยใช้สถาปัตยกรรมการบรรจุชิปแบบเฉพาะที่ Apple พัฒนาขึ้นเองในชื่อ UltraFusion

 

ชิป M1 Ultra มาพร้อม CPU แบบ 20-core ที่ทรงพลังขั้นสุด โดยมีคอร์ประสิทธิภาพสูง 16 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานสูง 4 คอร์ 

 

สำหรับงานที่เน้นกราฟิกหนักๆ อย่างการเรนเดอร์ 3D และการประมวลผลภาพที่ซับซ้อนนั้น ชิป M1 Ultra ก็มี GPU แบบ 64-core ซึ่งใหญ่กว่าชิป M1 ถึง 8 เท่า จึงมีประสิทธิภาพเร็วยิ่งกว่า GPU ระดับสูงสุดใน PC แต่ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 200 วัตต์

 

“เรียกได้ว่าชิป M1 Ultra เข้ามาเติมเต็มผลิตภัณฑ์ตระกูล M1 ในฐานะของชิปที่ทรงพลังและมากความสามารถที่สุดในโลกสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล” Johny Srouji รองประธานอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ของ Apple กล่าว

 

ชิปรุ่นใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงมาหลายปีของ Apple ที่เลิกใช้โปรเซสเซอร์ Intel Corp. และหันมาใช้ชิปที่พัฒนาขึ้นมาด้วยตัวเอง

 

Apple

 

Mac Studio และ Studio Display แบบใหม่หมด

ผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่เปิดตัวและเรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควรคือ Mac Studio และ Studio Display ที่มาแบบใหม่หมด

 

Apple เปิดตัว Mac รุ่นใหม่รุ่นแรกในรอบหลายปีกับ Mac Studio ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปแบบไร้จอแสดงผล มันคือกล่องอะลูมิเนียมทรงลูกบาศก์ที่มีพอร์ต USB-C และช่องเสียบการ์ด SD ที่ด้านหน้า

 

โดยสูงกว่า Mac mini ที่มีอยู่ ซึ่งความสูงที่เพิ่มเข้ามานั้นใช้สำหรับพัดลมขนาดใหญ่เพื่อลดอุณหภูมิของคอมพิวเตอร์ และจับกลุ่มมืออาชีพโดยเฉพาะ

 

Mac Studio พร้อมชิป M1 Max และ M1 Ultra ซึ่ง Apple ได้เทียบประสิทธิภาพของ Mac Studio พร้อมชิป M1 Max นั้นเร็วกว่า iMac รุ่น 27 นิ้ว สูงสุด 2.5 เท่า กราฟิกเร็วกว่า สูงสุด 3.4 เท่า และแปลงวิดีโอได้เร็วกว่าสูงสุด 7.5 เท่า 

 

ส่วนรุ่นที่มาพร้อม M1 Ultra เร็วกว่า iMac รุ่น 27 นิ้ว สูงสุด 3.8 เท่า กราฟิกเร็วกว่าสูงสุด 4.5 เท่า และแปลงวิดีโอได้เร็วกว่าสูงสุด 7.5 เท่า สูงสุด 12 เท่า 

 

การเปิดตัวคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่นี้ยังมาพร้อมกับ Studio Display มาพร้อมหน้าจอ Retina 5K ขนาดใหญ่ 27 นิ้ว กล้องที่คุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลาง และระบบเสียงที่คมชัด

 

Mac Studio วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 69,900 บาท และ 62,900 บาท สำหรับราคาส่งเสริมการศึกษา โดยจะวางจำหน่ายเร็วๆ นี้ ส่วน Studio Display วางจำหน่ายในราคา 54,900 บาท และ 51,500 บาท สำหรับราคาส่งเสริมการศึกษา โดยพร้อมให้ซื้อแล้วในเว็บไซต์

 

Mac รุ่นใหม่นี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มโมเมนตัมให้กับสายผลิตภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของ Apple ซึ่งในไตรมาสล่าสุดที่สิ้นสุดในเดือนธันวาคม Apple รายงานรายรับจาก Mac 1.08 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.6 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดย Mac เป็นธุรกิจที่ใหญ่กว่าในแง่ของยอดขาย ซึ่งมากกว่า iPad ในปี 2021

 

อย่างไรก็ตาม รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า งานนี้มีเรื่องเซอร์ไพรส์อยู่ นั่นคือ หุ้นร่วงน้อยกว่า 1% มาอยู่ที่ 158 ดอลลาร์หลังจากจบงาน ขณะที่ภาพรวมของหุ้นได้ลดลง 10% ในปีนี้ซึ่งสอดคล้องกับการตกต่ำของหุ้นในวงกว้าง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

ภาพ: Apple 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post Apple เปิดตัว iPhone SE ใหม่ ใช้ 5G ได้ ราคาแพงขึ้น 1,000 บาท มาพร้อม iPad Air กับชิป M1 และแม้ชิป M2 จะยังไม่มา แต่แทนด้วย M1 Ultra appeared first on THE STANDARD.

]]>
นี่ปี 2022 แล้ว แต่ Magic Mouse สีดำรุ่นใหม่ ยังคงคอนเซปต์เดิมด้วยการ ‘พลิก’ เพื่อชาร์จอยู่ และต้องจ่ายเพิ่ม 700 บาทเมื่อเทียบกับสีขาว https://thestandard.co/apple-magic-mouse-black-edition/ Wed, 09 Mar 2022 03:41:12 +0000 https://thestandard.co/?p=603560 Magic Mouse

นอกจากเปิดตัว iPhone SE รุ่นใหม่ใช้ 5G ได้ มาพร้อม iPad […]

The post นี่ปี 2022 แล้ว แต่ Magic Mouse สีดำรุ่นใหม่ ยังคงคอนเซปต์เดิมด้วยการ ‘พลิก’ เพื่อชาร์จอยู่ และต้องจ่ายเพิ่ม 700 บาทเมื่อเทียบกับสีขาว appeared first on THE STANDARD.

]]>
Magic Mouse

นอกจากเปิดตัว iPhone SE รุ่นใหม่ใช้ 5G ได้ มาพร้อม iPad Air กับชิป M1 ตลอดจนชิป M1 Ultra และ Mac Studio กับ Studio Display แล้ว งานเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Apple ยังมี Magic Mouse สีดำรุ่นใหม่ ที่ยังคงคอนเซปต์ด้วยการ ‘พลิก’ เพื่อชาร์จอยู่

 

รายงานของ The Verge ระบุว่า Magic Mouse ใหม่เป็นรุ่นสีดำที่ดูเรียบเนียน นอกจากนี้ยังมีพอร์ตชาร์จอยู่ที่ด้านล่าง ซึ่งหมายความว่าหลังจากเปิดตัวเป็นเวลา 6 ปีครึ่ง Apple ยังคงคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดในการชาร์จเมาส์คือการพลิกกลับด้าน (ซึ่งเป็นวิธีที่ไร้ประโยชน์) และเสียบชาร์จด้วยสาย Lightning

 

แม้ว่าเมาส์ไร้สายแบบใหม่จะสามารถใช้งานขณะชาร์จได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง Apple ไม่ยอมวางพอร์ตชาร์จไว้ที่ใดก็ได้ยกเว้นใต้ Magic Mouse แม้ที่ผ่านมา Apple จะแก้ไขการตัดสินใจด้านการออกแบบที่แปลกประหลาดอื่น ๆ เช่น Apple Pencil รุ่นใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องเสียบพอร์ต Lightning เพื่อชาร์จแล้วก็ตาม

 

ด้าน Mac Studio ใหม่ Apple ได้วางพอร์ต USB-C 2-3 พอร์ตและช่องเสียบการ์ด SDXC ที่ด้านหน้า แทนที่จะนำพอร์ตทั้งหมดไว้ที่ด้านหลัง ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจล่าสุดของ Apple ที่จะมอบพอร์ตที่ลูกค้าต้องการ แต่พอร์ตชาร์จด้านล่างของ Magic Mouse ยังคงมีอยู่

 

เพื่อความเป็นธรรม Apple อ้างในเว็บไซต์ว่า แบตเตอรี่ของ Magic Mouse จะ ‘จ่ายไฟให้กับ Magic Mouse ประมาณ 1 เดือนหรือมากกว่าระหว่างการชาร์จแต่ละครั้ง’ ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องเสียบเมาส์ทุกสัปดาห์

 

หากคุณยังคงต้องการ Magic Mouse สีดำทั้งๆ ที่มีสถานการณ์การชาร์จที่น่าผิดหวัง คุณสามารถสั่งซื้อได้จากเว็บไซต์ของ Apple ในขณะนี้ แต่คุณควรรู้ว่าเช่นเดียวกับ Trackpad สีดำตัวใหม่ ราคาจะแพงกว่าสีขาว (ซึ่งก็ยังไม่มีเหตุผลมาอธิบาย) โดยราคาไทยนั้นสีขาวอบู่ที่ 2,490 บาท แต่หากคุณอยากได้สีดำจะต้องจ่ายเพิ่มอีก 700 บาท เป็น 3,190 บาท 

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post นี่ปี 2022 แล้ว แต่ Magic Mouse สีดำรุ่นใหม่ ยังคงคอนเซปต์เดิมด้วยการ ‘พลิก’ เพื่อชาร์จอยู่ และต้องจ่ายเพิ่ม 700 บาทเมื่อเทียบกับสีขาว appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple เผยโฉม iPad Air และ iPhone SE พร้อม iPhone 13 สีใหม่ ในงาน Peak Performance https://thestandard.co/apple-peak-performance-2022/ Wed, 09 Mar 2022 00:42:39 +0000 https://thestandard.co/?p=603490 Apple Peak Performance

วันนี้ (9 มีนาคม) Apple เปิดตัว iPad Air และ iPhone SE […]

The post Apple เผยโฉม iPad Air และ iPhone SE พร้อม iPhone 13 สีใหม่ ในงาน Peak Performance appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple Peak Performance

วันนี้ (9 มีนาคม) Apple เปิดตัว iPad Air และ iPhone SE รุ่นใหม่ พร้อม iPhone 13 สีใหม่ตามคาด แถมมีโปรดักต์ใหม่ออกมาเอาใจคนทำคอนเทนต์อีกด้วย จะมีรายละเอียดอะไรบ้าง เราสรุปมาให้ดังนี้  

 

Apple Peak Performance

Apple Peak Performance

 

iPhone SE 

iPhone SE เจเนอเรชันใหม่ยังคงมีหน้าจอขนาด 4.7 นิ้วเท่าเดิม แต่คราวนี้อัปเกรดหน่วยประมวลผลเป็นชิป A15 เหมือนกับ iPhone 13 ที่ทำให้ iPhone รุ่นนี้ทำงานเร็วกว่า iPhone 8 ถึง 1.8 เท่า และเพิ่มอายุแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานกว่าเดิม ส่วนกล้องหลังก็มาแค่กล้องเดี่ยว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และยังใช้การปลดล็อกเครื่องแบบสแกนนิ้วเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม คราวนี้ iPhone SE มาพร้อมกับเทคโนโลยี 5G แล้ว และมาในราคาเริ่มต้น 15,900 บาท โดยมีให้เลือก 3 สีคือ ขาว ดำ และแดง

 

Apple Peak Performance

 

iPad Air 

iPad Air รุ่นใหม่ถูกอัปเกรดให้แกร่งกว่าเดิมด้วยซีพียู M1 ที่ใช้ใน iPad Pro รุ่นล่าสุดทำให้สามารถทำงานได้เร็วกว่า iPad Air รุ่นก่อนที่ใช้ซีพียู A14 ถึง 60 เท่า ส่วนเรื่องกราฟิก GPU ถูกอัปเกรดให้เป็นแบบ 8-core GPU ซึ่ง Apple อ้างว่าทำงานได้ดีกว่ารุ่นเก่าถึง 2 เท่า ส่วนกล้อง คราวนี้กล้องหน้าอัปเกรดจาก 7 ล้านพิกเซล เป็น 12 ล้านพิกเซลแล้ว และมีฟังก์ชัน Center Stage ที่จะคอยทำให้คุณอยู่ในเฟรมภาพอยู่เสมอตอนทำวิดีโอคอล ส่วนกล้องหลังยังคงเป็นกล้อง 12 ล้านพิกเซลเช่นเดิม iPad Air มีขนาดจอ 10.9 นิ้ว ความสว่าง 500 nits รองรับ HDR สามารถใช้งานกับ Apple Pencil และ Magic Keyboard ได้เช่นเดิม คราวนี้สามารถใช้งาน 5G ได้เหมือน iPhone SE รุ่นใหม่ มีให้เลือก 2 เวอร์ชันคือ WiFi Only  และ WiFi/Cellular โดยมีความจุอยู่ที่ 64 GB และ 256 GB

 

Apple Peak Performance

 

Mac Studio

Mac Studio คือ Desktop Computer ที่คล้ายกลับ Mac Mini แต่ทรงพลังกว่า ออกแบบมาเพื่อ Content Creator ทั้งหลาย มี 2 รุ่นคือ Mac Studio M1 Max ที่มาพร้อมกับ CPU M1 Max ที่ทำงานได้เร็วกว่า Mac Pro 50 เปอร์เซ็นต์ และเร็วกว่า iMac 27 นิ้ว 2.5 เท่า 

 

ส่วนอีกรุ่นคือ Mac Studio M1 Ultra ซึ่งเป็นสุดยอดคอมพิวเตอร์ที่ใช้ CPU ใหม่ (แรงกว่า M1 ถึง 8 เท่า) ทำให้ทำงานได้เร็วกว่า Mac Pro 60 เปอร์เซ็นต์ และเร็วกว่า iMac 27 นิ้ว 3.8 เท่า ทั้งสองรุ่นพร้อมให้คุณทำงานสร้างสรรค์ได้เต็มที่ด้วยขั้วต่อ Thunderbolt, Ethernet, USB-A, USB-C, ช่องเสียบ SD Card, HDMI, Bluetooth 5.0 และรองรับการเชื่อมต่อกับ Studio Display ซึ่งเป็นจอภาพขนาด 27 นิ้ว ความละเอียดระดับ 5K ส่วนเรื่องราคา Mac Studio M1 Max เริ่มต้นที่ 69,900 บาท Mac Studio M1 Ultra เริ่มต้นที่ 139,900 บาท และจอภาพ Studio Display เริ่มต้นที่ 54,900 บาท เริ่มจำหน่ายวันที่ 18 มีนาคมนี้ 

 

Apple Peak Performance

Apple Peak Performance

 

นอกจากนี้ในงาน Peak Performance Apple ยังได้ถือโอกาสเปิดตัว iPhone 13 สีใหม่อีก คือ สีเขียว (Alpine Green) เพื่อให้สาวกมีตัวเลือกเพิ่มอีกด้วย รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.apple.com/th/  

 

ภาพ: Courtesy of Apple

The post Apple เผยโฉม iPad Air และ iPhone SE พร้อม iPhone 13 สีใหม่ ในงาน Peak Performance appeared first on THE STANDARD.

]]>