Alaska LNG – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 09 Jul 2025 05:27:39 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 EGCO ลุย ‘ขุมทรัพย์พลังงาน’ สหรัฐฯ เล็งลงทุน ‘โรงไฟฟ้า-LNG อะแลสกา’ วางแผนทุ่ม 3 หมื่นล้าน/ปี สู่ Global Company https://thestandard.co/egco-invests-in-us-energy-targets/ Wed, 09 Jul 2025 05:27:39 +0000 https://thestandard.co/?p=1094643

เอ็กโก กรุ๊ป หรือ EGCO เตรียมปรับยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ มุ […]

The post EGCO ลุย ‘ขุมทรัพย์พลังงาน’ สหรัฐฯ เล็งลงทุน ‘โรงไฟฟ้า-LNG อะแลสกา’ วางแผนทุ่ม 3 หมื่นล้าน/ปี สู่ Global Company appeared first on THE STANDARD.

]]>

เอ็กโก กรุ๊ป หรือ EGCO เตรียมปรับยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ มุ่งเป้าขยายการลงทุนในต่างประเทศอย่างเต็มกำลัง โดยปักหมุดที่ ‘สหรัฐอเมริกา’ เป็นหนึ่งในหัวหอกหลัก พร้อมทั้งแสวงหาโอกาสในแหล่งพลังงานแห่งอนาคตอย่างอะแลสกา เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นบริษัทระดับโลก (Global Company) ภายใต้งบลงทุนที่ตั้งไว้ปีละประมาณ 30,000 ล้านบาท รุกขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียน 7 ประเทศ

 

ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO เปิดเผยกับสื่อมวลชนในระหว่างการเยี่ยมชมโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ที่ไต้หวัน ว่า การปรับทิศทางครั้งนี้เกิดขึ้นหลังพอร์ตการลงทุนของบริษัทเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

 

“ปัจจุบันกำไรจากต่างประเทศได้เติบโตจนมีสัดส่วนมากกว่าในประเทศ (กำไรในประเทศประมาณ 40-45%) นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าเราต้องมุ่งสู่การเป็น Global Company อย่างจริงจัง เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว”

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

‘สหรัฐอเมริกา’ ขุมทรัพย์แห่งใหม่ในตลาดพลังงานโลก

 

การที่เอ็กโก กรุ๊ป ให้ความสำคัญกับตลาดสหรัฐฯ มาจากตัวเลขการสร้างผลกำไร โดยปัจจุบันกำไรของบริษัทประมาณ 16-17% มาจากสหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียว ประกอบกับโอกาสทางธุรกิจที่หาได้ยากในตลาดอื่น

 

ดร.จิราพร ชี้ให้เห็นถึงสัญญาณการลงทุนที่น่าสนใจว่า “เราเห็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งในตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะราคาค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นจากเดิมที่เคยเป็นตัวเลขสองหลักในระดับ 50-60 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ทะยานขึ้นไปถึงกว่า 200 เซนต์ฯ ในปีนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เปิดโอกาสให้เราเข้าไปลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม”

 

ด้วยเหตุนี้ ทีมพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศจึงกำลังมองหาการลงทุนในสหรัฐฯ โดยมุ่งเป้าไปที่โรงไฟฟ้าสองประเภทหลัก คือ โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ (เช่น ประเภท Combined Cycle) และ โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ซึ่งลงทุนต่อเนื่องผ่านโครงการ Apex ที่มีโครงการย่อยอยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนาอีก 6-8 โครงการ

 

นอกจากผลตอบแทนทางการเงิน การเข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศกลุ่ม ‘Investment Grade’ ยังมีมิติเชิงยุทธศาสตร์ที่เอื้อประโยชน์ต่อประเทศไทย โดย ดร.จิราพร อธิบายว่า “การที่บริษัทไทยเข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ และเป็นเหตุผลที่ภาครัฐมักให้เราร่วมเดินทางไปด้วยเพื่อแสดงศักยภาพของเอกชนไทยในการเจรจาการค้า โดยเฉพาะเมื่อมีประเด็นเรื่องภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff)”

 

อะแลสกาและ LNG จิ๊กซอว์สู่ความมั่นคงทางพลังงาน

 

นอกเหนือจากโรงไฟฟ้า เอ็กโก กรุ๊ป ยังให้ความสนใจ โครงการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากรัฐอะแลสกา ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานสำรองขนาดใหญ่และมีศักยภาพสูงในอนาคต ประกอบกับประเทศไทยยังคงต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้า

 

โดยแผนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากได้ร่วมกับกระทรวงพลังงานและ บมจ.ปตท. ในการหารือกับบริษัทจากอะแลสกาเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการลงทุนและซื้อขายก๊าซภายใต้โครงการ Alaska LNG ในระหว่างการเยือนสหรัฐฯ ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา

 

“สำหรับอะแลสกา เรามองสองมิติควบคู่กันไป คือความเป็นไปได้ในการนำเข้า LNG หากราคาและค่าขนส่งแข่งขันได้ และที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือโอกาสในการเข้าไปลงทุนธุรกิจท่อส่งก๊าซจากทางเหนือลงสู่ตอนใต้ของรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขนส่งก๊าซในภูมิภาคนั้น” ดร.จิราพร กล่าว

 

ทั้งนี้ บริษัทได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ LNG (Shipper) จากสำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำเข้า LNG มาใช้ในโรงไฟฟ้าของบริษัทได้ ทั้งในประเทศไทย เกาหลีใต้และฟิลิปปินส์ อีกทั้ง การนำเข้าในปริมาณมากอาจช่วยให้ได้ราคาที่ถูกลง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ

 

“ตะวันออกกลาง” โอกาสใหม่และความท้าทาย

 

นอกจากสหรัฐฯ แล้ว บริษัทมีการลงทุนในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีความน่าเชื่อถือ (Investment Grade) รวมถึงตะวันออกกลาง ที่ถึงแม้จะมีสถานการณ์ความขัดแย้งในบางพื้นที่ แต่ประเทศที่บริษัทเข้าไปลงทุนในตะวันออกกลางยังคงมีศักยภาพและมีเสถียรภาพทางการเมือง จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการลงทุนของบริษัท

 

โดยเมืองใหญ่ๆ ในตะวันออกกลางมีความต้องการพลังงาน โดยเฉพาะไฟฟ้าสูงมาก ทำให้เป็นตลาดที่น่าสนใจและมีโอกาสที่ดีในการลงทุนในโรงไฟฟ้า

 

สำหรับแผนการลงทุนในปี 2568 แม้ในช่วงครึ่งปีแรกจะยังไม่มีการปิดดีลใดๆ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเจรจา แต่บริษัทคาดว่าจะสามารถปิดดีลใหม่ได้ประมาณ 4-5 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะกระจายอยู่ในสหรัฐอเมริกาและตะวันออกกลาง

 

ทิศทางการลงทุนของบริษัท จะมุ่งเน้นการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซและพลังงานหมุนเวียนเท่านั้น และบริษัทจะไม่มีการลงทุนในโรงไฟฟ้าถ่านหินอีกต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและความยั่งยืน

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงประเมินความท้าทายรอบด้านอย่างใกล้ชิดในทุกเดือน ทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองทั่วโลกที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนพลังงาน และปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญ

 

ดร.จิราพร กล่าวทิ้งท้ายถึงมุมมองในการบริหารงานว่า “เรามองว่าสิ่งที่มีความแน่นอนแล้วไม่ใช่ความเสี่ยง แต่ ‘ความไม่แน่นอน’ ต่างหากคือความเสี่ยงที่แท้จริง”

The post EGCO ลุย ‘ขุมทรัพย์พลังงาน’ สหรัฐฯ เล็งลงทุน ‘โรงไฟฟ้า-LNG อะแลสกา’ วางแผนทุ่ม 3 หมื่นล้าน/ปี สู่ Global Company appeared first on THE STANDARD.

]]>
รู้จัก ‘Alaska LNG’ ขุมทรัพย์พลังงานใต้วาฬขาว กับความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น และไทย? https://thestandard.co/wealth-in-depth-alaska-lng/ Wed, 28 May 2025 10:30:44 +0000 https://thestandard.co/?p=1079551

ท่อส่งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ LNG ที่ผูกขาดความสัมพันธ์มาตั […]

The post รู้จัก ‘Alaska LNG’ ขุมทรัพย์พลังงานใต้วาฬขาว กับความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น และไทย? appeared first on THE STANDARD.

]]>

ท่อส่งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ LNG ที่ผูกขาดความสัมพันธ์มาตั้งแต่ปี 1998 เริ่มกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง และกำลังเป็น ‘ไพ่’ ใบสำคัญในการต่อรองเจรจาภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

 

ขุมทรัพย์พลังงานขั้วโลกเหนือแห่งนี้ ผลักดันให้พันธมิตรทางการค้าไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย และอีกหลายประเทศในเอเชีย พิจารณาลงทุนในโครงการพลังงานขนาดใหญ่ รวมถึง ‘ไทย’

 

 

“แม้ต้องข้ามเทือกเขา 3 แห่งและแม่น้ำ 800 สายมายังญี่ปุ่นและเส้นทางเอเชีย”

 

Alaska LNG พัฒนาโดย AGDC ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐอลาสก้า มีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตและส่งก๊าซธรรมชาติเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ก๊าซในเชิงพาณิชย์จากพื้นที่ ‘North Slope’ ที่ได้รับอนุญาตส่งจากคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการพลังงานของรัฐบาลกลาง

 

โครงการนี้ ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ การสร้างท่อส่งก๊าซความยาว 800 ไมล์ข้ามรัฐ โรงงานแปรรูปก๊าซ และโรงงานแปรสภาพก๊าซให้เป็นของเหลวเพื่อการส่งออก

 

โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า ปัจจุบันญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ต่างก็สนใจที่จะลงทุน แม้ว่าจะล้มเหลวมาแล้วหลายครั้งก็ตาม ทว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องหาวิธีที่จะดึงประเทศในเอเชียอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วม “โดยใช้ประโยชน์จากโครงการนี้ให้สำเร็จ”

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

‘อลาสก้า’ ซ่อนขุมทรัพย์น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ

 

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1998 หรือ 27 ปีที่แล้ว สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า Marubeni วางแผนศึกษาความเป็นไปได้กับบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ และพันธมิตรอื่นๆ

 

สำหรับการผลิต LNG ในแหล่งก๊าซธรรมชาติทางตอนเหนือของอลาสก้า นั้นมีเป้าหมายเพื่อสร้างท่อส่งไปยังชายฝั่งแปซิฟิก ซึ่งก๊าซจะแปลงให้เป็นของเหลวและส่งออกไปยังญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน

 

ในเวลานั้น การผลิตควรจะเริ่มต้นในปี 2007 แต่โครงการนี้ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ

 

แหล่งข่าวรายหนึ่ง ที่รายงานแผนของ Marubeni ระบุว่า เวลาผ่านไปนานหลายปี วันนี้รู้สึกราวกับเคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อ LNG ของอลาสก้าถูกหยิบยกขึ้นมาในการประชุมสุดยอดระหว่างนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชิเงรุ อิชิบะ และทรัมป์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์

 

Alaska LNG ทางเลี่ยง ‘ภูมิรัฐศาสตร์’ ลำเลียงพลังงานสู่ตลาดเอเชีย?

 

เมื่อพูดถึง “ขุมทรัพย์” เทียบกับแหล่งพลังงานญี่ปุ่น เรียกได้ว่า โครงการนี้ แต่ละปีจะมีกำลังการผลิต 20 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของการบริโภคทั้งหมดของญี่ปุ่น

 

”แน่นอนว่า แนวคิดนี้มีประโยชน์มากมาย แม้ได้มีการหยิบยกซึ่งเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทว่า อลาสก้าไม่ได้มีแค่ฉลามวาฬขาวหรือหุบเขาน้ำแข็ง แต่กลับซ่อนไปด้วยน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อีกล้นเหลือ”

 

ก๊าซธรรมชาติเหลวที่สกัดได้จากที่นั่นจะใช้เวลาเดินทางถึงญี่ปุ่นถึง 7 วัน ซึ่งใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวของการขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวจากอ่าวเม็กซิโกผ่านคลองปานามา และไม่จำเป็นต้องผ่านจุดคอขวดทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ช่องแคบฮอร์มุซ หรือทะเลจีนใต้

 

แต่ผู้ที่ทราบเรื่องนี้ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ “เป็นความท้าทาย” เนื่องจากบริเวณเนินเหนือตั้งอยู่บนมหาสมุทรอาร์กติกซึ่งมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด

 

“การขนส่งก๊าซธรรมชาติไปยังชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาต้องใช้ท่อส่งก๊าซยาว 1,300 กิโลเมตร ซึ่งแหล่งข่าวของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าต้องข้าม “เทือกเขา 3 แห่งและแม่น้ำ 800 สาย”

 

อีกทั้ง โครงการนี้คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายประมาณสูงถึง 44,000 ล้านดอลลาร์ และราคาอุปกรณ์และวัสดุก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการตอบสนองที่ไม่สู้ดีจากบริษัทเอ็กซอน โมบิล บริษัทโคโนโคฟิลลิปส์ และบริษัทพลังงานอื่นๆ ที่มีผลประโยชน์ใน ‘North Slope’

 

“ในแง่การค้าขาย คงไม่มีใครอยากซื้อ LNG ในราคาที่สูงกว่า แม้ว่าการทำเช่นนี้จะมีประโยชน์ต่อความมั่นคงด้านพลังงานก็ตาม”

 

ประธานฝ่ายการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ทัตสึโอะ ยาสึนางะ กล่าวในการแถลงข่าวว่า “เราจะประเมินอย่างรอบคอบว่า LNG นั้นมีความสามารถในการทำกำไรและยั่งยืนหรือไม่”

 

อย่างไรก็ตาม การหยิบยก Alaska LNG เข้าไว้ในการเจรจาภาษีศุลกากร ระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ทำให้สถานการณ์ ‘มีความซับซ้อนมากขึ้น’

 

 

อีกหนึ่งข้อต่อรองที่ต้องกลับมาพูดถึง อีกมิติ จะพบว่า ในปี 2024 อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์คิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของการส่งออกของญี่ปุ่นไปยังสหรัฐฯ ที่ 7 ล้านล้านเยน (49,000 ล้านดอลลาร์)

 

“คาดว่าการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ของทรัมป์จะกระทบถึงล้านล้านเยน การชะลอตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตเหล็ก สารเคมี และวัสดุอื่นๆ เช่นกัน”

 

ไม่ใช่แค่นั้น ทรัมป์ยังประกาศภาษี “ตอบโต้” แยกต่างหากสำหรับพันธมิตรทางการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงญี่ปุ่นอีกด้วย เมื่อมีผลบังคับใช้แล้ว ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงของญี่ปุ่นอาจลดลง 0.6%

 

การซื้อ LNG ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นและการลงทุนในโครงการอลาสก้าเป็นเพียงส่วนเล็กๆ น้อยๆ ที่ญี่ปุ่นใช้ในการเจรจาภาษีศุลกากร รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องชั่งน้ำหนักความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโครงการ LNG กับความเป็นไปได้ในการหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

 

เบื้องหลังที่ทรัมป์อยากได้กรีนแลนด์ เพราะ LNG?

 

มีข้อมูลน่าสนใจว่า ก๊าซธรรมชาติที่ยังไม่ถูกค้นพบของโลก 30% อยู่ใต้ทะเลอาร์กติก ทำให้ทรัมป์แสดงความสนใจที่จะซื้อกรีนแลนด์ โดยอาจพิจารณาทรัพยากรในอาร์กติกและวางเป็น ‘เส้นทางเดินเรือเชิงยุทธศาสตร์’

 

ขณะเดียวกัน รัสเซียเป็นผู้นำในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและเส้นทางเดินเรือในอาร์กติก โดยผลิต LNG ในภูมิภาคทางตอนเหนือของอาร์กติก และขนส่งเชื้อเพลิงไปยังยุโรปและเอเชียโดยใช้เรือตัดน้ำแข็ง

 

เมื่ออาร์กติกกลายเป็นสมรภูมิการครอบงำด้านพลังงานระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย “การพัฒนา LNG ในอลาสก้าอาจมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์มากยิ่งขึ้น”

 

“ทำให้สหรัฐใช้ LNG อลาสก้า เพื่อต่อรองภาษี และเพื่อความมั่นคงด้วย”

 

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการเยือนเอเชียในเดือนมีนาคม “Mike Dunleavy” ผู้ว่าการรัฐอลาสก้าได้ลงนามในจดหมายแสดงเจตจำนงกับประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ของไต้หวัน เพื่อขาย LNG เกาะแห่งนี้ปีละ 6 ล้านตัน

 

ไต้หวันไม่สามารถหันหลังให้กับสหรัฐอเมริกาได้ง่ายๆ เมื่อพิจารณาถึงภัยคุกคามของวิกฤตที่กำลังปะทุขึ้นในช่องแคบไต้หวัน

 

“มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ อาจผูก LNG จากอลาสก้าเข้ากับประเด็นต่างๆ เช่น การซื้ออุปกรณ์ป้องกันประเทศและการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศในการติดต่อกับญี่ปุ่น”

 

ทั้งนี้ พลังงานและการป้องกันประเทศเป็น ‘เหรียญสองด้าน’ เมื่อโลกต่างแสวงหาการค้าเสรี อุปทานและอุปสงค์ของพลังงาน และราคาจะถูกกำหนดโดยตลาด ทว่า ทรัมป์เป็นผู้เขย่าสงครามการค้าให้ปะทุอีกครั้ง

 

“ท่ามกลางดีลแหล่งพลังงาน ที่นับวันจะมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมีความสำคัญทั้งเชิงยุทธศาสตร์ ที่เชื่อมโลกเข้าด้วยกัน”

 

 

Alaska LNG มีความสำคัญกับไทย

 

ถามว่า Alaska LNG เกี่ยวข้องกับไทยอย่างไร นั้น กระทรวงพลังงาน ให้ข้อมูลกับ THE STANDARD WEALTH ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย ปตท. กฟผ. เดินทางไปเจรจาโครงการก๊าซธรรมชาติเหลวที่อลาสก้า

 

เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเยือนไทยของ Mike Dunleavy ผู้ว่าการรัฐอลาสก้า เมื่อเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งสหรัฐอเมริกา ได้เสนอข้อริเริ่มความร่วมมือกับไทยในการพัฒนาโครงการ Alaska LNG เพิ่มเติมจากความร่วมมือเดิมที่ไทยได้มีการนำเข้าน้ำมันและรับซื้อ LNG จากสหรัฐอเมริกามาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว

 

จากการสำรวจและหารือได้ข้อสรุปเบื้องต้น พบว่า “แหล่งอลาสก้าถือเป็นแหล่งผลิตปิโตรเลียมที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ มีปริมาณก๊าซสำรองที่พิสูจน์แล้วในพื้นที่ North Slope กว่า 40 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ที่สามารถผลิตและส่งออก LNG ได้กว่า 40 ล้านตันต่อปี”

 

อีกทั้งส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียได้อย่างสะดวกผ่านทางมหาสมุทรแปซิฟิกในราคาที่แข่งขันได้

 

“เนื่องจากเป็นแหล่งก๊าซที่มีขนาดใหญ่ ต้นทุนเนื้อก๊าซต่ำ และสหรัฐฯ มีการใช้เครื่องจักรในการผลิตและการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าจะสามารถขนส่ง LNG มายังไทยได้ภายใน 10-15 วัน ในขณะที่ขนส่งจากแหล่งในตะวันออกกลางใช้ระยะเวลาถึง 25-30 วัน” ประเสริฐ กล่าว

 

ความร่วมมือเชิงธุรกิจของภาคเอกชนไทย-สหรัฐฯ ด้านพลังงาน ในช่วงปี 2022-2024 ที่ผ่านมา ปตท. มีการซื้อ LNG จากสหรัฐ ประมาณ 60 cargoesเป็นปริมาณ 1 ล้านตันจากหลายแหล่ง เช่น Corpus, Christi, Cameron LNG, Freeport

 

ขณะที่ ล่าสุด คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มองว่า โครงการ Alaska LNG มีความน่าสนใจ เนื่องจากระยะทางใกล้กว่าแหล่งอื่นในสหรัฐฯ มีความยืดหยุ่น ทันสมัย

 

“อนาคต ปตท. อาจจะเข้าไปซื้อแต่จะไม่เข้าไปลงทุน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กลุ่ม ปตท. มีความร่วมมือกับสหรัฐในหลายโครงการ มีการลงทุนไปแล้วกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐ เช่น โครงการในรัฐเท็กซัส อลาสก้า มีการทำสัญญาซื้อขายด้านปิโตรเคมี ปิโตรเลียม รวมถึงการซื้อน้ำมันดิบ ประมาณ 10% อีกด้วย”

 

ท้ายสุด คงกระพันย้ำว่า ไทย โดยบริษัท ปตท. ยังคงตั้งเป้าวิชั่นเป็นศูนย์กลางการซื้อขาย LNG ในภูมิภาค ให้สำเร็จ

 

ภาพ: Harvey Meston / Archive Photos / Getty Images, Blue Poppy / Getty Images, Construction Photography / Avalon / Contributor / Getty Images

 

อ้างอิง:

The post รู้จัก ‘Alaska LNG’ ขุมทรัพย์พลังงานใต้วาฬขาว กับความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น และไทย? appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปตท. เปิด 5 แผนรับมือภาษีทรัมป์ ห่วงเศรษฐกิจโลกถดถอย พร้อมเดินหน้าเจรจานำเข้า Alaska LNG https://thestandard.co/ptt-5-strategies-trump-tariffs/ Wed, 21 May 2025 12:26:44 +0000 https://thestandard.co/?p=1076828

“ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้เราคงไม่ได้มองเพียงแค่ประเด็นภาษีสห […]

The post ปตท. เปิด 5 แผนรับมือภาษีทรัมป์ ห่วงเศรษฐกิจโลกถดถอย พร้อมเดินหน้าเจรจานำเข้า Alaska LNG appeared first on THE STANDARD.

]]>

“ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้เราคงไม่ได้มองเพียงแค่ประเด็นภาษีสหรัฐฯ หรือสงครามการค้า แต่เราประเมินแล้วว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะขยายตัวลดลง ซึ่งเราต้องรักษาวินัยทางการเงิน ดูกลยุทธ์ ปรับปรุงกำไร กระแสเงินสด ลดค่าใช้จ่าย ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน” คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าว

 

คงกระพันยอมรับว่า ปี 2568 ภาพรวมตลาดเศรษฐกิจโลกไม่ดี การเจรจาการค้าต่างๆ ค่อนข้างท้าทายและมีความเสี่ยง เศรษฐกิจโดยรวมน่าจะปรับตัวลดลง ขณะที่ตลาดน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี ก็คาดว่าไม่น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะยังคงจับตานโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ที่ไม่แน่นอน

 

 

ประกอบกับช่วงปลายไตรมาส 1 ปริมาณการผลิตน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดโลก และความต้องการใช้พลังงานที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้เกิดความท้าทายหลายมิติ ความไม่แน่นอนของลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) กระทบต่อขีดความสามารถการแข่งขันอุตสาหกรรมไทยและกระทบต่อนโยบายรัฐ

 

ตั้งวอร์รูมปรับแผนธุรกิจ 5 ด้าน หวังเพิ่ม EBITDA 2 หมื่นล้าน

 

  1. Strategy ทบทวนกลยุทธ์เดิม พร้อมพิจารณาความท้าทายใหม่ที่จะเข้ามากระทบ พบว่ากลยุทธ์กลุ่ม ปตท. มาถูกทาง เหมาะสม สามารถรับมือกับปัจจัยภายนอกและความท้าทายจากเรื่องสงครามการค้าได้ เพียงแต่บางเรื่องต้องเร่งให้เร็วขึ้น เช่น การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับความร่วมมือภายในกลุ่ม ปตท.

 

  1. Financial Management รักษาวินัยการเงิน บริหารต้นทุนการเงิน เสริมสภาพคล่องกระแสเงินสด รักษาระดับ Credit Rating

 

  1. Supply Chain & Customer ดูแลคู่ค้า ลูกค้า เพื่อสร้างความต่อเนื่องตลอด Supply Chain พร้อมเร่งดำเนินโครงการสร้างมูลค่าเพิ่ม

 

  1. Project Management ทบทวนความเป็นไปได้ของโครงการและการลงทุน โดยต้องพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ รวมถึงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (Asset Monetization) ของ Flagship

 

  1. Communication สื่อสารและสร้างความเข้าใจการดำเนินธุรกิจแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างทั่วถึง

 

อย่างไรก็ตาม ไตรมาสแรกปีนี้ ปตท. มีกำไรสุทธิ 23,315 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษจะใกล้เคียงกับปี 2567 ทั้งนี้ในปี 2568 ปตท. ตั้งเป้าหมาย EBITDA หรือกำไรก่อนหักค่าเสื่อมวงเงิน เพิ่มขึ้นอีก 20,000 ล้านบาท

 

‘รัดเข็มขัด’ ลดต้นทุนกว่าหมื่นล้าน ‘แปลงสินทรัพย์เป็นทุน’

 

นอกจากนี้ยังปรับ Asset Portfolio เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นคงในระยะยาว โดยแสวงหาโอกาสเพื่อเพิ่มผลกำไรกว่า 8,000 ล้านบาท และให้ความสำคัญกับการ ‘แปลงสินทรัพย์เป็นทุน’ ราว 15,000 ล้านบาท

 

ขณะเดียวกัน ปตท. ยังเดินหน้าลดต้นทุนค่าใช้จ่าย โดยจะทยอยรับรู้จากโครงการกลุ่ม ปตท. เช่น โครงการ MissionX ยกระดับ Operational Excellence เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างมูลค่าทั้งกลุ่ม ปตท. ราว 30,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งภายในปี 2570 จะเห็นความชัดเจน

 

อีกทั้งยังมีโครงการ Axis ที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งตั้งเป้าจะสร้างมูลค่าได้อีก 11,000 ล้านบาทต่อปีภายในปี 2572

 

 

บุกลงทุนต่างประเทศ เร่งกระจายพอร์ต ลดความเสี่ยง นำเข้าอีเทน LNG Alaska สหรัฐฯ

 

คงกระพันกล่าวอีกว่า สำหรับความร่วมมือการเจรจาด้านพลังงานของรัฐบาลไทยกับสหรัฐฯ ที่จะต้องนำเข้า LNG รวมกันประมาณ 1 ล้านตันต่อปีนั้น จะเป็นสัญญายาว 15 ปี มูลค่ากว่า 7,000 ล้านดอลลาร์

 

โดย ปตท. ได้ดำเนินการเจรจาในรายละเอียดของโครงการและพิจารณาความเหมาะสมในเชิงธุรกิจสำหรับการผลักดันความร่วมมือในโครงการ Alaska LNG ร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯ ต่อเนื่อง

 

“แหล่งก๊าซ Alaska เป็นพื้นที่น่าสนใจในแง่พื้นที่มากกว่าแหล่งอื่นในสหรัฐฯ รวมทั้งยังมีความยืดหยุ่นในสัญญาการซื้อขายว่าไม่จำกัดพื้นที่ขนส่ง สามารถนำไปขายได้ที่อื่นด้วย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มเติมอื่นๆ”

 

โดยความร่วมมือในโครงการดังกล่าวยังเป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือในการลงทุนและผลิตก๊าซธรรมชาติ เพื่อสร้างเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของไทยอีกด้วย

 

คงกระพันระบุอีกว่า ปตท. จะเป็นศูนย์กลางการซื้อขาย LNG ในภูมิภาค พร้อมนำเข้า LNG ปริมาณ 11 ล้านตันระยะยาว และสัญญาซื้อขายแบบ Spot LNG Hub”

 

นอกจากเจรจาแผนการนำเข้า LNG สหรัฐฯ ปตท. ได้ขยายการเติบโตของธุรกิจปัจจุบันในต่างประเทศ โดยเข้าถือหุ้น 10% ใน Ghasha หนึ่งในแหล่งก๊าซธรรมชาติใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

 

รวมทั้งบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) มีการขยายพอร์ตธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศอินเดียและไต้หวัน สอดรับกับความต้องการใช้พลังงานสะอาด

 

ย้ำ ‘ปิโตรเคมี’ ธุรกิจเรือธง คาดดีลหาพาร์ตเนอร์ TOP-PTTGC-IRPC ชัดเจนปีนี้

 

ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่มีความท้าทายจาก Industry Landscape ที่เปลี่ยนไป จึงต้องเร่งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบปิโตรเคมีในระยะยาว โดยบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) จะนำเข้าอีเทนจากสหรัฐฯ ปริมาณ 400,000 ตันต่อปี 

 

ปตท. ยังมองว่าธุรกิจดังกล่าวเป็น ‘ธุรกิจเรือธง’ ของ ปตท. และยังต้องถือหุ้นใหญ่ ซึ่งผู้ที่เข้ามาร่วมพัฒนาจะต้องมีความแข็งแรง ซึ่งความคืบหน้าการเจรจาหาพาร์ตเนอร์ร่วมลงทุนกับ TOP(ไทยออยล์) – PTTGC – IRPC คาดว่าจะชัดเจนภายในปี 2568

 

ขณะที่บริษัท อินโนบิก(เอเชีย) จำกัด ปัจจุบันก็มีการเจรจากันอยู่และมีความก้าวหน้า

 

คงกระพันย้ำว่า “ส่วนตัวบริษัทก็มีการออกไปหาพาร์ตเนอร์ที่มีศักยภาพในแวดวงเดียวกันเช่นกัน ทุกบริษัทลูก หากมีสินทรัพย์อะไรที่ต้องแปลงเป็นทุนได้ก็ต้องช่วยกันดู อันไหนดีควรขายก็ขายหรือหาคนมาช่วยดูแล”

The post ปตท. เปิด 5 แผนรับมือภาษีทรัมป์ ห่วงเศรษฐกิจโลกถดถอย พร้อมเดินหน้าเจรจานำเข้า Alaska LNG appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปลัดพลังงาน-ปตท. เยือนสหรัฐฯ ลุยเจรจานำเข้าก๊าซแหล่ง Alaska LNG 3-5 ล้านตันต่อปี https://thestandard.co/thailand-us-talks-alaska-lng/ Wed, 07 May 2025 06:45:36 +0000 https://thestandard.co/?p=1071964

กระทรวงพลังงานเยือนอลาสก้า เร่งเจรจาโครงการความร่วมมือด […]

The post ปลัดพลังงาน-ปตท. เยือนสหรัฐฯ ลุยเจรจานำเข้าก๊าซแหล่ง Alaska LNG 3-5 ล้านตันต่อปี appeared first on THE STANDARD.

]]>

กระทรวงพลังงานเยือนอลาสก้า เร่งเจรจาโครงการความร่วมมือด้านก๊าซธรรมชาติเหลวร่วมกับรัฐอลาสก้า (Alaska LNG) เพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงานไทย 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) เดินทางไปรัฐอลาสก้า เพื่อพบหารือกับผู้ว่าการรัฐอลาสก้า กรรมาธิการด้านรายได้ และกรรมาธิการด้านทรัพยากรธรรมชาติรัฐอลาสก้า ประธานบริษัท Alaska Gasline Development Corporation และผู้แทนบริษัท Glenfarne ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สำคัญทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการลงทุนเพื่อผลิตและส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลวจากรัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา 

 

ทั้งนี้ การเดินทางไปเจรจาโครงการก๊าซธรรมชาติเหลวครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเยือนไทยของ Mike Dunleavy ผู้ว่าการรัฐอลาสก้า เมื่อเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดี Donald Trump ได้เสนอข้อริเริ่มความร่วมมือกับไทยในการพัฒนาโครงการ Alaska LNG เพิ่มเติมจากความร่วมมือเดิมที่ไทยได้มีการนำเข้าน้ำมันและรับซื้อ LNG จากสหรัฐอเมริกามาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ซึ่งการเจรจาครั้งนี้เป็นการสนับสนุนแนวนโยบายของกระทรวงพลังงานในการแสวงหาแหล่งเชื้อเพลิงเพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานของไทยที่เพิ่มขึ้นในอนาคต 

 

โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติซึ่งถือเป็นเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำที่มีบทบาทสำคัญในช่วงของการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน โดยความร่วมมือในโครงการดังกล่าวยังเป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือในการลงทุนและผลิตก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของไทยและผลักดันบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางการค้า LNG ในภูมิภาคเอเชียในอนาคตอีกด้วย

 

ขณะเดียวกัน การเจรจาในครั้งนี้จะช่วยเน้นย้ำความสนใจของไทยที่จะร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาในการพัฒนาโครงการ Alaska LNG ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการลงทุนในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม การร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในแหล่งดังกล่าว 

 

รวมถึงการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวระยะยาวจากสหรัฐอเมริกาในราคาที่เหมาะสม ซึ่งแหล่งอลาสก้าถือเป็นแหล่งผลิตปิโตรเลียมที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์และได้รับการสนับสนุนเชิงนโยบายจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี Trump รวมถึง มีศักยภาพของปริมาณก๊าซสำรองที่พิสูจน์แล้วในพื้นที่ North Slope กว่า 40 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ที่สามารถผลิตและส่งออก LNG ได้กว่า 40 ล้านตันต่อปี อีกทั้งส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียได้อย่างสะดวกผ่านทางมหาสมุทรแปซิฟิกในราคาที่แข่งขันได้ 

 

“เนื่องจากเป็นแหล่งก๊าซที่มีขนาดใหญ่ ต้นทุนเนื้อก๊าซต่ำ และสหรัฐฯ มีการใช้เครื่องจักรในการผลิตและการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าจะสามารถขนส่ง LNG มายังไทยได้ภายใน 10-15 วัน ในขณะที่ขนส่งจากแหล่งในตะวันออกกลางใช้ระยะเวลาถึง 25-30 วัน ”

 

นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้เข้าพบกับผู้บริหารท้องถิ่นของเมือง Keanu ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติของอลาสก้าที่ดำเนินการอยู่แล้ว พบว่าประชาชนในท้องถิ่นของรัฐอลาสก้าให้ความสำคัญและให้การยอมรับโครงการฯ โดยมองว่าเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน และยินดีที่จะร่วมมือกับนานาประเทศในการพัฒนาขยายการพัฒนาโครงการ Alaska LNG ในอนาคต 

 

สำหรับแนวทางการผลักดันความร่วมมือดังกล่าว กระทรวงพลังงานจะมีการพิจารณาปริมาณของการนำเข้าก๊าซจากแหล่ง Alaska LNG ที่มีความเหมาะสม ซึ่งอาจอยู่ที่ประมาณ 3-5 ล้านตันต่อปี โดยขึ้นอยู่กับราคาและเงื่อนไขต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการเจรจา ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ที่ได้รับใบอนุญาตการเป็นผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper) ของไทย ให้มีการเจรจาในรายละเอียดของโครงการและพิจารณาความเหมาะสมในเชิงธุรกิจสำหรับการผลักดันความร่วมมือในโครงการ Alaska LNG ร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯ ต่อไป

The post ปลัดพลังงาน-ปตท. เยือนสหรัฐฯ ลุยเจรจานำเข้าก๊าซแหล่ง Alaska LNG 3-5 ล้านตันต่อปี appeared first on THE STANDARD.

]]>