AKB48 – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 09 Dec 2024 10:59:39 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 BNK48 Original Stage “WHISPER ROAR” การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในวงการเพลงไทยของ BNK48 https://thestandard.co/bnk48-original-stage-whisper-roar/ Mon, 09 Dec 2024 10:59:39 +0000 https://thestandard.co/?p=1017741 BNK48 Original Stage “WHISPER ROAR”

“เฌออยากให้สเตจนี้เป็นที่กล่าวขานในกลุ่มคนทั่วไป อยากให […]

The post BNK48 Original Stage “WHISPER ROAR” การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในวงการเพลงไทยของ BNK48 appeared first on THE STANDARD.

]]>
BNK48 Original Stage “WHISPER ROAR”

“เฌออยากให้สเตจนี้เป็นที่กล่าวขานในกลุ่มคนทั่วไป อยากให้เห็นถึงความเจ๋งของทุกๆ ภาคส่วนจากสเตจนี้ ที่เป็นฝีมือของคนไทยเกือบทั้งหมด”

 

นี่คือความรู้สึกของ เฌอปราง อารีย์กุล ชิไฮนิน (ผู้จัดการ) วง BNK48 ถึงความรู้สึกและเป้าหมายที่มีต่อสเตจ WHISPER ROAR อีกหนึ่งผลงานออริจินัลที่เตรียมเปิดตัวให้แฟนๆ ได้ชมกันในวันที่ 20 ธันวาคมนี้

 

สำหรับการทำเพลงแบบ ‘ออริจินัล’ หรือการไม่ยึดโยงกับวัฒนธรรมที่เป็นต้นขั้วจากญี่ปุ่นอย่าง AKB48 ให้อยู่ในสไตล์ไทยๆ ของวง BNK48 ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายเพลง เช่น โดดดิด่ง เพลง Ost. ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ ที่ตอนนี้มียอดวิวทางยูทูบทะลุ 213 ล้านวิวไปแล้ว

 

แต่กับการบิลต์เพลงประกอบสเตจขึ้นใหม่ทั้งหมด นับเป็นเรื่องใหม่และน่าท้าทายของ BNK48 อยู่ไม่น้อย เพราะหากมองข้ามไปถึงกลุ่มแฟนคลับในตลาด T-Pop ทั่วไป การมาของสเตจ WHISPER ROAR กับ 15 บทเพลงออริจินัลจากปลายปากกาโปรดิวเซอร์ระดับประเทศ จะมัดใจแฟนเพลงและทำให้ชื่อของ BNK48 กลับมาเป็นที่พูดถึงแบบที่ครั้งหนึ่ง คุกกี้เสี่ยงทาย เคยโด่งดังจนพาให้วงมาไกลถึงปัจจุบันได้หรือไม่…

 

BNK48 Original Stage “WHISPER ROAR”

 

THE STANDARD POP ได้ไปร่วมงาน ‘WHISPER ROAR Sneak Preview’ ที่เล่าถึงความเป็นมาเป็นไปของสเตจดังกล่าว ซึ่งทำให้เราทราบว่าโปรเจกต์นี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของ เฌอปราง อารีย์กุล ที่ปัจจุบันขยับจากเมมเบอร์ มาสู่เก้าอี้ชิไฮนิน (ผู้จัดการ) แห่งวง BNK48

 

เฌอปรางเล่าให้ฟังว่า เดิมทีการมีอยู่ของสเตจต่างๆ ในวง BNK48 เช่น สเตจ PARTY ga Hajimaru yo (ปาร์ตี้ในฝัน), Saishuu Bell ga Naru (เสียงระฆังแห่งความฝัน), Theater no Megami (เทพธิดาเธียเตอร์), Ganbare! Kenkyuusei และ Shinjitsu wa Yume no Naka ni… (ความจริงที่อยู่ในความฝัน…) ที่เคยเปิดรอบการแสดงแบบจำหน่ายเป็นตั๋วเข้าชม 400 บาทต่อที่นั่ง

 

นอกจากจัดทำขึ้นเพื่อความบันเทิงและเป็นการพบปะกับเมมเบอร์ของวงแล้ว ยังเป็นการฝึกฝนและพัฒนาทักษะการร้อง การเต้น รวมถึงการเป็นพื้นที่ให้เมมเบอร์ได้ลองทำอะไรที่แตกต่างจากแนวที่ตัวเองถนัด ค้นหาความชอบและตัวตนของเหล่าสาวๆ BNK48 เช่นกัน

 

มารอบนี้เฌอปรางจึงเกิดไอเดียและมีความตั้งใจที่จะทำสเตจของ BNK48 ให้เป็น Made in Thailand แบบออริจินัลที่เริ่มจากศูนย์ใหม่เกือบทั้งหมด และเริ่มต้นด้วยการจับมือกับ Music Producer ชื่อดังของประเทศไทยอย่าง

 

  • บอย โกสิยพงษ์
  • ฟองเบียร์-ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม
  • รัฐ TATTOO COLOUR
  • ละอองฟอง X B-Rock
  • ติ๊ก Playground
  • กอล์ฟ Superbaker
  • บอย-ตรัย x ก้อ ณฐพล
  • เก่ง ธชย
  • กร อัตตา
  • กอล์ฟ F.HERO

 

BNK48 Original Stage “WHISPER ROAR”

 

โดยทุกคนจะร่วมแต่งบทเพลงขึ้นมาใหม่ ร่วมกับทีมออกแบบท่าเต้นหลากหลายรูปแบบ เช่น ‘วิทย์ AF1’ พชรพล จั่นเที่ยง ซึ่งจะทำผลงานเพลงเหล่านี้สำหรับสเตจ WHISPER ROAR ของ BNK48 โดยเฉพาะ

 

สเตจ WHISPER ROAR จะมีเพลงแต่งใหม่ประมาณ 10 เพลง ส่วนอีกหลายๆ เพลงจะเป็นการนำเพลงออริจินัลที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลงเป็นเวอร์ชันสเตจนี้

 

นอกเหนือจากที่มาที่ไปแล้ว… ในงาน WHISPER ROAR Sneak Preview ยังให้ 12 เมมเบอร์ของสเตจนี้ร่วมแสดง 3 บทเพลงอย่าง WHISPER ROAR, บัวลอยไข่หวาน และ ไกลไม่ไกล ให้รับชมและฟังกัน

 

ภาพรวมของทั้ง 3 เพลงถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจ ทั้งตัวเพลง รวมถึงท่าเต้นที่ดีไซน์ออกมาเข้ากับท่วงทำนองเพลงอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะในเพลงบัวลอยไข่หวาน ที่มีการนำท่ารำแบบไทยไปผสมกับท่าเต้นอื่นๆ ในโชว์ เคล้ากับเสียงดนตรีไทยที่ซ่อนอยู่ในเพลงตามแบบฉบับของ เก่ง ธชย

 

3 เพลงที่ถูกโชว์ในงานอาจจะไม่ได้เยอะมากจนทำให้คาดเดาได้ว่าโชว์ภาพรวมแบบเต็มรูปแบบ 15 เพลงจะออกมาปังขนาดไหน แต่เท่านี้ก็เป็นการบ่งบอกได้แล้วว่าเพลงในเซ็ตลิสต์ของสเตจนี้ทุกเพลงจะมีความโดดเด่นในตัวเอง และน่าติดตามต่อไม่น้อยสำหรับสเตจ WHISPER ROAR ว่าในรูปแบบ Full Show จะออกมาเป็นอย่างไร

 

 

หลังจบงานเฌอปรางบอกกับ THE STANDARD POP เกี่ยวกับการนำเพลงลงสู่ Music Streaming ที่เชื่อว่าแฟนๆ จำนวนไม่น้อยอยากให้เพลงในสเตจนี้กระจายไปสู่แฟนเพลงในกลุ่มอื่นๆ ซึ่งการปล่อยเพลงออริจินัลเหล่านี้นอกจากเวทีสเตจนับเป็นช่องทางที่น่าสนใจและน่าจะตกแฟนเพลงได้อีกไม่น้อย

 

“ในช่วงแรกคิดว่าจะมีเพลงชูโรงของสเตจอย่างเพลง WHISPER ROAR ออกมาให้ทุกคนได้ฟังกันในปีหน้าอย่างเป็นทางการผ่านแพลตฟอร์ม Music Streaming

 

“ในส่วนของเพลงอื่นๆ เฌออยากให้ทุกคนได้ฟังเพลงในสเตจด้วยการมาดูสดๆ ด้วยตัวทุกท่านเอง ซึ่งดีที่สุด เพราะเป็นการแสดงที่ใกล้ชิดกับเมมเบอร์มากๆ หรือใครไม่สะดวกเดินทางมาในวันที่มีการแสดง ก็สามารถดูผ่านไลฟ์ใน IAM48 Application ได้ค่ะ

 

“ที่เรามีเพลงดีๆ มาอยู่ในสเตจได้ขนาดนี้ต้องขอบคุณ Music Producer ทุกๆ ท่านมากๆ ค่ะ ที่เต็มที่และสร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้ออกมา เชื่อว่าคนที่มาดูสเตจจะชื่นชอบสักหนึ่งเพลงในชุดการแสดงนี้แน่ๆ ค่ะ”

 

อย่างไรก็ตาม เฌอปรางไม่ได้ปิดโอกาสที่จะนำเพลงในสเตจอื่นๆ ออกมาปล่อยทาง Music Streaming เพราะถ้าเพลงไหนที่เข้าตา เป็นที่นิยม เป็นกระแสหรือถูกพูดถึงกันบ่อยๆ ในโอกาสที่เหมาะสม ทีมงานของวงก็มีแพลนอยากจะทำเพลงออกมาในช่วงที่พร้อมโปรโมตเพลงนั้นๆ อย่างเต็มที่เช่นกัน

 

สุดท้าย… เมื่อเราชวนคุยถึงเรื่องของความคาดหวังที่มีต่อสเตจ WHISPER ROAR ในฐานะสเตจโปรดิวเซอร์ เฌอปรางบอกว่า “อยากให้สเตจนี้เป็นที่กล่าวขานในกลุ่มคนทั่วไป อยากให้เห็นถึงความเจ๋งของทุกๆ ภาคส่วนจากสเตจนี้ ที่เป็นฝีมือของคนไทยเกือบทั้งหมด รวมถึงวัฒนธรรมไทยที่แฝงอยู่ในสเตจนี้

 

“โดยเฉพาะคนที่เป็นตัวแทนขึ้นไปแสดงบนสเตจนี้ อย่างเมมเบอร์ที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กไทย ผู้ที่พยายามพัฒนาตัวเอง ฝึกซ้อม และเรียนรู้ทักษะต่างๆ อย่างหนัก เวลากว่าครึ่งชีวิตนอกเหนือจากการเรียนของเมมเบอร์ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่การฝึกซ้อมทักษะการแสดงบนเวทีต่างๆ จนเขาสามารถขึ้นไปแสดงบนสเตจได้อย่างมั่นใจและภูมิใจในความสามารถของตัวเองที่ฝึกฝนมาด้วยตัวเอง รวมถึงมีคนเข้ามาชื่นชม มาดู มาติดตามเขา อยากให้สเตจนี้ได้ทำหน้าที่นั้นให้แก่เมมเบอร์ และเป็นพื้นที่ที่ให้ผู้คนได้เห็นความสามารถของเมมเบอร์ BNK48 ที่พร้อมเปล่งประกายค่ะ 😀

The post BNK48 Original Stage “WHISPER ROAR” การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในวงการเพลงไทยของ BNK48 appeared first on THE STANDARD.

]]>
THE INTERVIEW: Izurina CGM48 บันทึกการเดินทาง 14 ปีของเด็กสาวจากไซตามะ สู่ตำนาน 48 Group https://thestandard.co/izurina-cgm48-saitama-to-48-group/ Fri, 29 Nov 2024 09:31:34 +0000 https://thestandard.co/?p=1014278 Izurina CGM48

“ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าเราจะมาไกล (14 ปี) แค่เราอยากทำหน […]

The post THE INTERVIEW: Izurina CGM48 บันทึกการเดินทาง 14 ปีของเด็กสาวจากไซตามะ สู่ตำนาน 48 Group appeared first on THE STANDARD.

]]>
Izurina CGM48

“ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าเราจะมาไกล (14 ปี) แค่เราอยากทำหน้าที่ของเราในทุกๆ วันให้ดีที่สุด”

 

รินะ อิซึตะ หรือ อิซึรินะ เมมเบอร์และชิไฮนินคนเก่งแห่งวง CGM48 อธิบายความรู้สึกก่อนที่เธอจะแกรด (จบการศึกษา) ออกจากวงหลังวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้

 

THE STANDARD POP มีโอกาสพูดคุยกับอิซึรินะในช่วงโค้งสุดท้ายของการเป็นไอดอล ก่อนปิดฉากเส้นทางนี้ที่เธอยึดถือเอาไว้เป็นเวลากว่า 14 ปี 

 

พร้อมนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาทบทวนความทรงจำและความรู้สึกในช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิต ตั้งแต่วันที่เป็นเด็กสาวธรรมดาๆ ที่รักในการเต้นคนหนึ่ง จนนำมาสู่การเป็นตำนานของวงไอดอลแห่ง 48 Group 

 

 

การเดินทางของเด็กสาวจากไซตามะ

 

“ชีวิตในวัยเด็กของรินะเป็นแบบไหนเหรอน่ะเหรอ…”

 

เธอหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเล่าออกมาเสมือนทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

 

“รินะเป็นคนที่ชื่นชอบการเต้นมาก จำได้ว่าเรียนเต้นตั้งแต่ตอนอายุ 11-12 ขวบ โดยมีน้องสาวเข้าไปเรียนก่อน แล้วตัวรินะค่อยตามเข้าไป ตอนนั้นรินะเป็นเด็กชอบทำกิจกรรม ชมรมเต้นคือสิ่งที่โปรดปรานสำหรับรินะมาก

 

“แต่ในเวลาเดียวกันน้องสาวของรินะเป็นคนที่ทั้งเต้นและเรียนเก่งกว่ารินะมากๆ แต่ติดนิดเดียวตรงที่น้องสาวจะออกแนวเกเร ติดดื้อไปหน่อย (หัวเราะ) ส่วนตัวของรินะคนจะมองเราเป็นคนที่นิสัยดีกว่า เป็นคนเฟรนด์ลีกับทุกคน เป็นเด็กน้อยสดใสสมวัยปกติทั่วไป แต่ยอมรับว่าเคยมีช่วงเวลาที่แอบน้อยใจน้องสาวบ้าง เพราะเรื่องการเต้นเราไม่เคยชนะน้องสาวเลย” 

 

นั่นคือชีวิตในวัยเด็กช่วงมัธยมต้นของรินะ ชีวิตที่ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าการเข้าเรียนหนังสือและเรียนเต้นตามประสาเด็กทั่วไป เธอทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนสิ่งที่เธอชอบเริ่มพาเธอไปรู้จักกับโลกใบใหม่ที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

 

เพลงจาก AKB48 ที่เต้นครั้งแรกคือ Aitakatta

 

ช่วงเวลานั้น AKB48 ถือเป็นวงไอดอลที่โด่งดังมากๆ ในญี่ปุ่น และเป็นครั้งแรกๆ ที่เธอได้รู้จักและเริ่มเต้นเพลงของ AKB48

 

รินะเล่าว่าตอนอยู่ ม.2 เธอได้รับมอบหมายให้ทำกิจกรรมของโรงเรียน นั่นคืองานอำลารุ่นพี่ ม.3 ที่กำลังจะจบการศึกษาจากโรงเรียน ซึ่งเป็นเหมือนธรรมเนียมที่ทำเพื่อขอบคุณรุ่นพี่ที่คอยดูแลกันมา

 

ระหว่างนั้นเธอและเพื่อนๆ ก็นั่งคิดกันว่าจะทำอะไรให้กับรุ่นพี่ จนเธอไปรู้ข้อมูลสำคัญมา 1 อย่างว่ารุ่นพี่ของเธอชอบวง AKB48 นั่นจึงทำให้เธอกับเพื่อนๆ เลยตกลงกันว่าจะเต้นเพลงของ AKB48 อย่าง Aitakatta เป็นของขวัญอำลารุ่นพี่

 

“พวกเราก็ไปซ้อมแกะท่าเต้นเพลง Aitakatta จาก YouTube กันมา และงานเต้นครั้งนี้คุณครูก็เลือกรินะให้เป็นเซ็นเตอร์หรือลีดเดอร์ของกิจกรรมนี้ ก็รู้สึกตกใจมาก เพราะตั้งแต่ตอนเรียนเต้นจากข้างนอกหรืองานโรงเรียน รินะไม่เคยมายืนเซ็นเตอร์อยู่ข้างหน้าเลย เพราะอย่างที่เคยบอกไปว่าน้องสาวเต้นเก่งกว่า ก็จะได้อยู่ข้างหน้าเรามาตลอด

 

“รินะยังจำความรู้สึกนั้นได้เลย มันเป็นการซ้อมที่สนุกมาก เพลง Aitakatta ก็เป็นเพลงที่เต้นสนุกด้วย และช่วงที่เราซ้อม Aitakatta เพลงอื่นๆ ของวงก็ขึ้นมาให้ฟังอีกหลายเพลง เลยเป็นจุดที่ทำให้เริ่มสนใจ AKB48”

 

หลังงานแสดงอำลา ตามธรรมเนียมจะมีรุ่นพี่ที่เขียนจดหมายมาติดบอร์ดในโรงเรียนเพื่อขอบคุณกิจกรรมที่รุ่นน้องทำให้ และหนึ่งในจดหมายนั้นมีข้อความที่ทำให้รินะถึงกับยิ้มไม่หุบไปตลอดทั้งวัน คือคำชื่นชมจากรุ่นพี่เกี่ยวกับทักษะการเต้นที่เธอโชว์เพอร์ฟอร์แมนซ์ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ รวมถึงคนอื่นๆ ในโรงเรียนก็เริ่มพูดถึงทักษะการเต้นที่เธอเป็นเซ็นเตอร์ในงานเต้นวันนั้นด้วย 

 

Izurina CGM48

 

10 นาทีสุดท้ายที่เปลี่ยนชีวิตอิซึรินะไปตลอดกาล

 

จากงานโรงเรียนวันนั้นทำให้รินะดีใจเป็นอย่างมาก จนต้องหอบความประทับใจไปบอกคุณแม่และเริ่มศึกษาว่าแท้จริงแล้วเจ้าของเพลง Aitakatta อย่าง AKB48 ที่เธอนำมาเต้นคือวงอะไรกันแน่

 

ปรากฏว่าบนหน้าเว็บไซต์ของ AKB48 ที่เธอและแม่กำลังเปิดอยู่นั้นเป็นช่วงที่วงกำลังเปิดรับสมัครสมาชิกรุ่นที่ 10 และอีกเพียง 10 นาทีก่อนที่เวลาการเปิดรับสมัครออดิชันจะปิดลง

 

คุณแม่ที่เห็นแบบนั้นก็หันมามองรินะด้วยสายที่มาพร้อมคำถามกลายๆ ว่า รินะสนใจสมัครหรือเปล่า และแน่นอนว่าเธอตอบตกลงสมัครไปในทันที!

 

“ตอนนั้นรินะสมัครไปแบบที่เราเองก็ไม่เคยออดิชันที่ไหนมาก่อนด้วย และตอนนั้นน่าจะเป็นการสมัครที่ยากมาก เพราะมีคนสมัคร 3-4 หมื่นกว่าคน แต่ด้วยความเป็นเด็กเลยไม่ได้คิดมากขนาดนั้น (หัวเราะ) สุดท้ายก็มีคนติดต่อมาว่าผ่านรอบแรกแล้ว เราก็ต้องไปออดิชันรอบ 2 ต่อหน้ากรรมการ

 

“จำได้ว่ารอบ 2 กรรมการก็ยิงคำถามปกติทั่วไป แต่ที่น่าแปลกใจคือตอนนั้นมันมีแต่การถาม-ตอบ พูดคุยปกติ ไม่มีคิวให้มาร้องเพลงหรือเต้นเลย ก็มีแอบคิดในใจว่าที่เขาให้ทำแค่นี้หมายความว่าเราจะไม่ติดหรือเปล่า? ตอนนั้นรินะเลยไม่ได้คาดหวังแล้ว ถือว่าได้มาลองดูเฉยๆ”

 

ทว่าไม่นานหลังจากตอบคำถามรอบ 2 เธอก็มีชื่อติดอยู่ในลิสต์ที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบ Final แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสิ่งที่ทำให้เธอดีใจได้ไม่เต็มที่ เมื่อทีมงานให้ข้อมูลการเตรียมตัวสำหรับรอบสุดท้าย เพราะนอกจากเธอจะต้องเต้น (ซึ่งเป็นสิ่งที่ถนัดอยู่แล้ว) เธอก็ยังต้องร้องเพลงด้วย รินะบอกว่ามันยากสำหรับเธอมากในตอนนั้น 

 

“รินะไม่ค่อยมีความมั่นใจในการร้องเพลงเลย เพราะชีวิตหลังเลิกเรียนของเราคือเรียนเสร็จกลับบ้านเลย ไม่ได้รวมตัวกับเพื่อนไปร้องเพลงคาราโอเกะเหมือนคนอื่นๆ เต็มที่คือเปิดเพลงจากโทรศัพท์แล้วร้องตามเท่านั้นเลย

 

“จากนั้นเราพยายามฝึกร้องเพลงนะ เราหาเพลงของ AKB48 เพื่อจะมาฝึกร้อง ซึ่งเพลงที่เราฟังแล้วชอบมากที่สุดคือ Iiwake Maybe เลยตัดสินใจเลือกเพลงนี้มาออดิชันรอบสุดท้าย ส่วนการเต้นรินะเลือกเป็น Oogoe Diamond

 

“แต่ในความน่าตื่นเต้นนั้น สำหรับรินะถือว่ามีความโชคดีอยู่ไม่น้อย เพราะการเต้นออดิชันรอบนั้นถือเป็นประตูบานแรกของรอบ Final หรือพูดง่ายๆ ถ้าใครไม่ผ่านการเต้นจะมีโอกาสน้อยมากที่จะเข้าสู่รอบโชว์พลังเสียงร้องเพลงต่อไป 

 

“นับเป็นโชคดีของรินะมากที่เขาให้เต้นก่อน (หัวเราะ) เพราะถ้าร้องเพลงก่อนอาจไม่ได้เข้ารอบแน่ๆ แต่รินะก็รวบรวมความกล้าแล้วเข้าไปร้องเพลงแบบเน้นให้สนุกไปกับเพลงให้มากที่สุด แล้ววันนั้นโปรดิวเซอร์อากิโมโตะซังที่อยู่ในห้องออดิชันก็ถามว่าทำไมถึงเลือกเพลงนี้ รินะก็ตอบตรงว่าๆ เพราะเป็นที่เพลงความหมายดีและไพเราะด้วย”

 

ผลสุดท้ายในวันเดียวกันของการออดิชันรอบ Final รินะมีชื่อติดอยู่ในกลุ่มประมาณ 20 คนที่ผ่านออดิชันเพื่อเข้าไปเป็นแคนดิเดตรุ่น 10 (แต่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกของ AKB48 อย่างเป็นทางการ) 

 

“หลังผ่านเข้ามาเป็นแคนดิเดต ทางวงก็มีงานของรุ่นพี่ให้เราได้ลองขึ้นไปเป็นแดนเซอร์ให้รุ่นพี่ในเธียเตอร์ ก่อนจะมีการสอบภายในอีกครั้ง แล้วก็เหลือประมาณ 10 คนที่ได้มาเป็น AKB48 รุ่น 10”

 

ภาพ: Izurina CGM48 / Facebook

 

เด็กคนนี้คือใคร? การปรากฏตัวครั้งแรกของรินะต่อหน้าแฟนคลับ

 

ถึงตอนนี้การออดิชันจะเป็นเพียงสงครามด่านแรกของรินะที่เวลานั้นมีอายุได้เพียง 13 ปี

 

เพราะหลังจากสมาชิก AKB48 รุ่น 10 ตบเท้าเข้าสู่วงแบบไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ นั่นทำให้เหล่ารุ่น 10 ยังไม่มีพื้นที่ได้แนะนำตัวกับแฟนๆ หากแต่มีเพียงช่องทางเดียวคือการได้ขึ้นสเตจเธียเตอร์ไปเต้นต่อหน้าแฟนเพลง และถือโอกาสแนะนำชื่อให้แฟนๆ ได้รู้จักกัน

 

“ของรินะ (รุ่น 10) ไม่มีงานเปิดตัวด้วย ไม่มีโอกาสแนะนำตัวกับแฟนๆ พร้อมกันอย่างเป็นทางการ แต่ทุกคนจะมีสถานะเป็น Trainee (เด็กฝึกหรือเคงคิวเซ) ที่ต้องคอยฝึกร้องเพลงและท่าเต้นเพลงของสเตจ เรียกว่าถ้าใครพร้อมก็ขึ้นไปแสดงบนเธียเตอร์เลย”

 

เวลานั้นรินะและเพื่อนๆ ยังคงมุ่งมั่นฝึกซ้อมที่เบื้องหลังเวทีอย่างหนักหน่วง จนโอกาสวิ่งเข้าเธอแบบที่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะทักษะการเต้นที่ดี เธอถูกชื่นชมเสมอว่าเป็นเมมเบอร์ที่จดจำท่าเต้นของวงได้เก่งสุดๆ จนเธอถูกยกให้เป็น Ace ประจำรุ่น 10 

 

“รินะได้รับเลือกให้ขึ้นเวทีเปิดตัวต่อหน้าแฟนๆ ที่เธียเตอร์แทนรุ่นพี่คนหนึ่งที่ติดภารกิจขึ้นทีมไม่ได้ และสุดท้ายเป็นรินะที่กลายเป็นคนแรกของรุ่นที่ได้ขึ้นสเตจวันนั้น แถมยังได้เป็นเซ็นเตอร์อีกด้วย

 

“สเตจนั้นรินะขึ้นไปเต้นและร้องเพลงแบบที่แฟนๆ ก็ยังไม่รู้ว่าเราคือใคร บางคนอาจจะคุ้นหน้าเราจากตอนเป็นแคนดิเดต แต่ก็ไม่มีใครทราบชื่อเรา จนได้แนะนำตัวกับทุกคนในสเตจวันนั้น แล้วก็เป็นจุดเริ่มที่ทำให้รินะมีแฟนคลับและเริ่มถูกจับตามองในฐานะสมาชิกคนใหม่ของ AKB48”

 

 

ชีวิตใน AKB48 ที่ไม่ง่าย แต่คำว่า ‘ยอมแพ้’ ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของรินะ

 

หลังเข้ามาเป็นสมาชิกวงในช่วงแรกๆ รินะเล่าให้ฟังว่าตัวเธอเองก็เป็นเหมือนกับเด็กสาวคนอื่นๆ ที่ต้องออกเดินทางตามหาตัวตนของตัวเองทันทีที่ชีวิตในวงการไอดอลเริ่มต้นขึ้น 

 

ไม่เท่านั้น ความจริงที่โหดร้ายของระบบ ‘เซ็มบัตสึ’ จากวงไอดอล 48 Group เริ่มสร้างบทเรียนและรอยน้ำตาให้กับตัวของรินะ เพราะในวันที่เธอได้รับการยกย่องว่าเป็นคนเก่งของรุ่น 10 แต่เธอกลับไม่เคยไปถึงการติดเซ็มเพลงหลักของวงเลยสักครั้ง เมื่อเงื่อนไข ‘ความนิยม’ เข้ามาเป็นตัวแปรด้วย

 

“การเป็นศิลปินไอดอลของ AKB48 ทุกคนจะอยู่ภายใต้ระบบ ‘เซ็มบัตสึ’ และตัวรินะไม่เคยติดสักครั้งเลยค่ะ รินะคือคนที่อยู่ระดับกลางๆ ไม่ได้เป็นคนที่มีความนิยมเยอะสักเท่าไร เคยติดแค่เพลงรอง เป็นเซ็นเตอร์เพลง Reborn ครั้งเดียว ส่วนการติดทีมสเตจรินะก็ใช้เวลานานกว่าเพื่อนคนอื่นด้วย บางคนเป็น Trainee 1 ปีก็ได้ติดทีม แต่รินะก็ใช้เวลา 2 ปีเพื่อขึ้นไปติดทีมหลัก

 

“ตอนนั้นรินะเป็นคนร้องไห้ง่ายมาก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางมันเคยทำให้เรารู้สึกผิดหวังบ้าง แต่รินะไม่เคยยอมแพ้ต่อสิ่งที่ทำเลยนะ เพราะการเข้ามาอยู่ในวงนี้มันคือสิ่งที่เราชอบ อยากลงมือทำไปเรื่อยๆ แถมบางครั้งที่เราได้สเตจแทนรุ่นพี่ เราก็ได้รับคำชื่นชมกลับมาเสมอ

 

เรื่องการยอมแพ้จึงไม่เคยอยู่ในหัวของรินะ และไม่เคยมีวันไหนที่คิดอยากออกจากตรงนี้เลย 

 

“รินะคิดเสมอว่าต่อให้เราไปไม่ถึงเซ็มบัตสี แต่เราก็ยังมีพื้นที่ส่วนอื่นๆ ในวงเป็นของเราเองที่สามารถมอบความสุขและรอยยิ้มให้แฟนๆ ได้ไม่น้อยกว่าตำแหน่งไหนในวง

 

“รินะเลยไม่ยึดติดว่าต้องติดเซ็มและไปให้ถึงเซ็นเตอร์ขนาดนั้น ถ้าวันนี้ไม่ใช่วันของเรา เราก็แค่ต้องสู้ต่อไปและทำให้ดีขึ้นในโอกาสต่อไป”

 

Izurina CGM48

 

‘ทำหน้าที่ของตัวเอง-โฟกัสกับคนที่รักเรา’ เป้าหมายเดียวในชีวิตไอดอลของรินะ

 

เมื่อคุยกันมาถึงตรงนี้ เราจึงถามย้ำแบบตรงๆ ว่าตอนเข้าวงมาไม่มีเป้าหมายใหญ่ อย่างการก้าวขึ้นไปเป็นเซ็นเตอร์หรือยืนในตำแหน่งแถวหน้าของวงเลยเหรอ

 

“รินะไม่เคยคิดแบบนั้นเลย เต็มที่คืออยากได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ให้เราได้ทำงานกับวงเยอะๆ มากกว่า ถึงแม้ว่าตอนเราไปออกงานแล้วมีแฟนคลับ 1 จาก 100 คนมาหา หรือมีรินะเป็นโอชิ รินะก็อยากจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ทำให้แฟนๆ มีความสุข 

 

“แต่ถ้ามีคนมาแอนตี้เรา เขาแสดงออกว่าไม่ชอบเรา แล้วถ้าเรามัวแต่ไปโฟกัสกับคนที่ไม่ชอบเรา ฝั่งคนที่เขารักและซัพพอร์ตเราเขาจะรู้สึกอย่างไร ดังนั้นในช่วงชีวิตการเป็นไอดอลทำให้รินะอยากใช้เวลาไปกับแฟนๆ ที่รักเราดีกว่า”

 

นับแต่นั้นรินะเริ่มมีนิยามชีวิตในวงสั้นๆ ว่า ‘เริ่มอยู่ตัว’ บวกกับชีวิตไอดอลที่ทำให้เธอเข้าใจโลกแห่งความจริง เลือกใช้เวลาไปกับสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขอย่างการออกรายการวาไรตี้ AKBINGO! รายการที่ทำให้เธอปรากฏตัวทางจอทีวีแทบทุกสัปดาห์ จนกำเนิดสมญานาม ‘เจ้าแม่วาไรตี้’ เป็นจุดที่เริ่มมีคนจำหน้าได้และรู้จักมากขึ้น 

 

“การทำหน้าที่ในรายการทำให้รินะรู้สึกสบาย รู้สึกสนุกดี เป็นช่วงที่ชอบการใช้ชีวิตแบบไอดอลและควบคู่กับการเอ็นเตอร์เทนในรายการวาไรตี้ ทำให้ผู้คนหัวเราะและมีความสุข รินะเองก็ชอบมากๆ บางทีรินะก็เคยคิดนะว่าถ้าอยู่กับ AKB48 แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็น่าจะดีเหมือนกันนะ เพราะส่วนตัวชอบที่มาทำงานตรงนี้ด้วย”

 

ภาพ: JAPAN EXPO THAILAND

 

สวัสดีประเทศไทย ฉันชื่อ รินะ อิซึตะ ค่ะ

 

ชีวิตของรินะในการเป็นไอดอลของ AKB48 ไม่มีอะไรมากไปกว่าการติดเซ็มบัตสึเพลงรอง ขึ้นสเตจ ออกรายการวาไรตี้ และฝึกซ้อมอย่างมุ่งมั่นแบบที่เคยทำมา 

 

จนโอกาสใหญ่ครึ่งหนึ่งในชีวิตมาหารินะอีกครั้ง รอบนี้เธอได้มาออกอีเวนต์ในประเทศไทยอย่าง JAPAN EXPO THAILAND 2016 งานที่จะทำให้เธอได้ออกไปโชว์ศักยภาพต่างแดนเป็นครั้งแรกในชีวิต

 

“ตอนนั้นก็มีแอบคิดนะว่าผู้ใหญ่เขาเลือกเรามาทำไม (หัวเราะ) แทนที่จะเป็นเมมเบอร์ระดับท็อปคนอื่น เพราะคิดว่าถ้ามาเมืองไทยคงไม่มีใครรู้จักรินะแน่ๆ

 

“แต่พอมาถึงวันโชว์เราเห็นแฟนๆ ชูป้ายชื่อเราเชียร์อยู่ข้างล่างเวที ก็รู้สึกสับสนว่าทำไมเขารู้จักเราด้วยนะ? แถมยังร้องเพลง 365nichi no Kamihikouki, Koisuru Fortune Cookie ที่เป็นภาษาญี่ปุ่นได้ด้วย เลยทำให้งานแรกของเราในเมืองไทยมันสนุก เอ็นจอย และประทับใจแฟนคลับที่ไทยมากๆ”

 

Izurina CGM48

ภาพ: Izurina CGM48 / Facebook

 

เพราะประทับใจเมืองไทย จึงตัดสินใจอำลา AKB48 เพื่อออกเดินทางครั้งใหม่กับ BNK48

 

ความประทับใจครั้งนั้นมันฝังอยู่ในความรู้สึกของรินะอย่างยาวนาน เรียกว่าตัวอยู่ญี่ปุ่น แต่ใจอยู่เมืองไทยแล้ว 

 

และตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เธอทราบข่าวการตั้งวง BNK48 เป็นวงน้องสาวที่เมืองไทย พร้อมไฮไลต์สำคัญอย่างการนำเมมเบอร์จาก AKB48 ไปอยู่กับวงที่เมืองไทยด้วย

 

“ตอนนั้นผู้ใหญ่ในวงมีการคุยกับเมมเบอร์รุ่นพี่คนอื่นๆ เกี่ยวกับการย้ายมาอยู่กับวง BNK48 ที่เมืองไทย ซึ่งตอนแรกไม่มีชื่อรินะในลิสต์เลย ทั้งที่เราเริ่มเกิดความรู้สึกสนใจงานนี้ (หัวเราะ) 

 

“จนวันที่มีการประกาศทางการว่า BNK48 จะถือกำเนิดในเมืองไทย บวกกับตอนนั้นยังไม่มีรุ่นพี่ตอบรับมาทำงานที่เมืองไทย แต่ตัวรินะเวลานั้นคือตื่นเต้นสุดๆ ในหัวคิดถึงแต่ภาพตอนที่เรามาขึ้นแสดงที่ไทย เราอยากทำให้คนไทยรู้จัก AKB48 มากขึ้น และคิดถึงแฟนคลับคนไทยด้วย อยากพบกับทุกคนอีกครั้ง เลยไปคุยปรึกษากับทีมงานที่ดูแลงานวงต่างประเทศถึงความเป็นไปได้ที่รินะจะมาทำงานในเมืองไทย”

 

เวลานั้นเลยกลายเป็นช่วงที่ทำให้เธอคิดหนักอย่างมาก เสมือนทางแยกของชีวิต ระหว่าง ‘ญี่ปุ่น’ กับ ‘เมืองไทย’ มาจ่ออยู่เบื้องหน้าของเธอ

 

ใจหนึ่งเธอก็รู้สึกโอเคกับสถานะที่เป็นอยู่ในวง AKB48 ทุกอย่างมันกำลังดีสำหรับเธอแล้วในตอนนั้น แล้วก็ไม่มีความคิดที่จะแกรดด้วย แต่อีกใจหนึ่งเธอก็มองว่ามันคือ ‘Now or Never’ แค่เธอจินตนาการภาพว่าจะได้มาทำงานในเมืองไทย ก็แทบจะทำให้เธอใจเต้นจนนอนไม่หลับเลย 

 

แม้ใช้เวลาอยู่นาน แต่ในที่สุดรินะก็ตอบตกลงเข้าร่วมเป็นสมาชิก BNK48 

 

“ตอนมางาน JAPAN EXPO THAILAND 2017 ซึ่งเป็นรอบ 2 ของรินะในการมาเมืองไทย ตอนนั้นรินะรู้ตัวแล้วว่าเราจะมาอยู่ BNK48 เพียงแต่ยังไม่ได้ประกาศออกมา พี่ๆ ในวง AKB48 ที่มาวันนั้นก็ไม่มีใครรู้ด้วย แล้วเป็นวันที่มีการเปิดตัว BNK48 รุ่น 1 พอดี

 

“ช่วงนั้นรินะก็เรียนภาษาไทยมาเล็กน้อย เอามาพูดกับแฟนคลับด้วย และวันนั้นรินะทิ้งคำใบ้กับทุกคนหลังจบโชว์ว่า ‘แล้วเจอกันใหม่นะ’ ฝั่งเมมเบอร์ BNK48 บางคนก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเราถึงใช้คำว่าแล้วเจอกันใหม่ เหมือนจะได้เจอกันอีก ซึ่งเราจงใจสปอยล์ไว้ก่อน (หัวเราะ)”

 

เมื่อเราถามรินะว่าอะไรคือสิ่งที่เธอประทับใจในเมืองไทย เธอบอกว่าเธอชอบอาหารของเมืองไทยที่มีรสชาติอร่อย ชีวิตในกรุงเทพฯ ก็สนุกดี บรรยากาศคอนเสิร์ตก็สนุก 

 

และสำคัญคือเธอชอบที่ได้เห็นแฟนๆ เอ็นจอยไปกับโชว์ รวมถึงรอยยิ้มและเสียงเชียร์ที่แฟนคลับชาวไทยมอบให้ มันทำให้รู้สึกอบอุ่นและมีคุณค่ากับตัวเธอเองด้วย ทำให้ทุกครั้งที่บินกลับญี่ปุ่นไป เธอก็อยากกลับมาที่ไทยอีกรอบเสมอ นั่นจึงทำให้รินะตัดสินใจลองก้าวออกมาทำสิ่งที่ใจต้องการ อย่างเช่น การเข้ามาเป็นสมาชิก BNK48

 

วันที่ 13 เมษายน 2017 ในงาน KOJIMA FINAL COUNTDOWN 2nd Kojima Haruna「KOUKANDO BAKUAGE」รินะประกาศอำลา AKB48 ที่อยู่มานานกว่า 7 ปี เพื่อย้ายออกมาอยู่กับวง BNK48 ที่ประเทศไทย ก่อนมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา

 

 

การมาของรินะและปรากฏการณ์ ‘คุกกี้เสี่ยงทาย’ จุดประกายให้ BNK48 ดังเป็นพลุแตก

 

เดิมทีรินะประกาศเข้ามาอยู่ BNK48 ตอนช่วงซิงเกิลแรก Aitakatta (อยากจะได้พบเธอ) แต่ตอนนั้นด้วยภาระงานบางอย่างที่ทำอยู่กับ AKB48 ยังไม่เสร็จ ส่งผลให้รินะจะได้เข้ามาทำงานกับวงใหม่แบบเต็มตัวคือเพลง Koisuru Fortune Cookie (คุกกี้เสี่ยงทาย) ที่เธอได้ติดเซ็มบัตสึของ BNK48 ด้วย

 

“ตอนที่มาเป็น BNK48 วงก็มีเพลง Aitakatta (อยากจะได้พบเธอ) แล้วเป็นช่วงที่เราเคลียร์ตัวเองเพื่อมาทำงานเมืองไทย แล้วก็ได้ร่วมติดเซ็มบัตสึ Koisuru Fortune Cookie (คุกกี้เสี่ยงทาย) เพลงที่ก่อนหน้านั้นดังมากในญี่ปุ่น แต่ส่วนตัวยังไม่รู้ว่าคนไทยนิยมฟังเพลงแนวไหนกัน เลยพยายามเดินหน้าทำงานให้เต็มที่สมกับโอกาสเราได้รับมา”

 

หลังจากเพลง Koisuru Fortune Cookie (คุกกี้เสี่ยงทาย) เปิดตัวสู่คลื่นเพลงของเมืองไทยไม่นาน เพลงนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ศิลปินและประชาชนทั่วประเทศต่างพากันเต้นท่า ‘โอนิกิริ’ ความสนใจของผู้คนที่มีต่อ BNK48 เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ งานจับมือที่คนมาต่อแถวกันแบบยาวเหยียด สมาชิกได้ออกอีเวนต์กันแบบฉ่ำๆ เช่นเดียวกับตัวของรินะ ในฐานะเมมเบอร์จากญี่ปุ่นขนานแท้ ก็ได้รับความสนใจการเป็น BNK48 ด้วยเช่นกัน

 

“ตอนเพลงคุกกี้ดังขึ้นมาเรื่อยๆ รินะตกใจและดีใจมาก (หัวเราะ) เพราะไม่คิดว่าจะดังได้ขนาดนั้น เป็นช่วงแรกของชีวิตที่รินะได้ทำงานต่างประเทศ แล้วก็วุ่นวายมากๆ เวลาไปออกรายการต่างๆ ก็จะมีคนแบบ ‘โหหห มีคนญี่ปุ่นในวงด้วยเหรอ

 

“แต่รินะก็แอบเกรงใจด้วยที่มีคนให้ความสนใจเยอะ แต่เรากลับพูดภาษาไทยไม่ได้เลย ตอนนั้นมีเพื่อนๆ และน้องๆ ในวงช่วยกันเยอะมาก เราเองก็มีเรียนของเราด้วย พอนึกย้อนไปแบบนี้ก็อดที่จะขอบคุณ BNK48 รุ่น 1 ไม่ได้เลย ทุกคนช่วยรินะเยอะมาก”

 

Izurina CGM48

ภาพ: BNK48 / Facebook

 

จาก BNK48 สู่ CGM48 บทบาทใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิม

 

ชีวิตภายใต้นามสกุล BNK48 ของรินะดำเนินไปด้วยสีสันของความสนุก เธอได้เรียนรู้การใช้ชีวิตภายใต้วัฒนธรรมที่แตกต่างจากญี่ปุ่น อาหารการกิน รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คน ไปจนถึงการเรียนภาษาไทยที่น่าจะยากกว่าสิ่งไหนที่เคยทำมา

 

เวลาล่วงเลยไปเกือบ 2 ปี BNK48 ที่ดังสุดๆ เริ่มมีทายาทรุ่น 2 เข้ามาสู่ทีม ส่วนตัวรินะดูเหมือนมีเรื่องที่ต้องคิดหนักอีกครั้ง เพราะเธอกำลังได้รับภารกิจใหม่ในการเป็นชิไฮนิน (ผู้จัดการ) ให้วงน้องสาวของ BNK48 อย่าง CGM48 

 

“ตอนที่ BNK48 ดังขึ้น รินะก็ได้ยินว่าจะมีการขยายฐานไปทำวงต่างจังหวัดด้วย แล้วเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่รินะไม่ค่อยได้ไป เต็มที่คืองาน Roadshow เล็กน้อย

 

“ตอนนั้นคิดอยู่ว่าฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับ CGM48 เลย (หัวเราะ) ไม่มีความคิดจะไปเลยในตอนแรก ฉันจะอยู่แค่ BNK48 นี่แหละ เพราะบางครั้งรินะก็เคยคิดว่า BNK48 จะเป็นวงสุดท้ายในชีวิตไอดอลของรินะด้วยซ้ำ”

 

รินะยืนยันว่าการสร้างวง CGM48 คือความท้าทายครั้งใหญ่ในชีวิต ในหัวเต็มไปด้วยเรื่องชวนกังวล เพราะเธอกลัวว่าหากทำมันออกมาไม่ดี จะกลายเป็นการทำให้ทุกคนผิดหวังหรือเปล่า 

 

“สิ่งที่ทำให้รินะตกใจไปอีกขั้นคือการได้รับบทบาทชิไฮนินของ CGM48 ด้วย มันตื่นเต้นมากๆ แต่ยังกังวลเรื่องภาษาไทยด้วย คือลำพังภาษาไทยปกติก็ยากแล้ว เจอภาษาเหนือเข้าไปอีก ยากกว่าเดิมเลย (หัวเราะ)”

 

อย่างไรก็ตาม การไปอยู่กับ CGM48 ครั้งนี้ วงตั้งเป้าหมายให้เธอไปเป็นชิไฮนินแบบเต็มตัว ไม่ใช่ในฐานะของเมมเบอร์ ประเด็นนี้ท้าทายใจคนอย่างรินะมาก เพราะเธอบอกกับผู้ใหญ่ไปตามตรงว่าเธอยังต้องการเป็นเมมเบอร์ต่อไป เช่นเดียวกับตำแหน่งชิไฮนินที่เธอจะรับมันไว้ทั้งคู่เอง!

 

“ตัวรินะตอนนั้นยังรักการเป็นไอดอลของวงมากกว่า ยังไม่เคยวาดภาพตัวเองที่เคยยืนบนเวทีมาตลอด 7-8 ปีแล้ววันหนึ่งต้องไปเป็นเบื้องหลัง เราจะมีความสุขกับการทำงานไหมก็ยังไม่รู้เลย

 

“รินะเลยยืนยันว่าถ้าจะไป CGM48 รินะอยากลองทำงานชิไฮนินคู่กับการเป็นเมมเบอร์มากกว่า ฝั่งผู้ใหญ่ก็ถามย้ำนะว่า ถ้าเป็นแบบนั้นเราจะเหนื่อยมากๆ แต่รินะคิดไว้แล้วคือ ต่อให้เหนื่อยก็คุ้มที่จะได้ทำค่ะ สุดท้ายก็ตกลงกันแบบนั้น”

 

วันที่ 10 กรกฎาคม 2019 ในงาน CGM48 We Need You ตัวของ รินะ อิซึตะ ได้รับการประกาศย้ายสมาชิกจากวง BNK48 สู่ CGM48 ในตำแหน่งชิไฮนินและเมมเบอร์ (พร้อมกับ ออม-ปุณยวีร์ จึงเจริญ BNK48 รุ่น 2 ที่ไปพร้อมฐานะกัปตันวงเช่นกัน)

 

ภาพ: Izurina CGM48 / Facebook

 

CGM48 คือครอบครัว

 

“ในชีวิตนี้รินะไม่เคยดูแลเด็กเยอะขนาดนี้มาก่อน” รินะเล่าแบบติดตลกถึงประสบการณ์ในการทำงานกับวง CGM48 และดูแลสมาชิกวงรุ่นแรกถึง 23 ชีวิตที่เธอมีส่วนคัดเลือกมากับมือ

 

CGM48 มีความเป็นครอบครัวแบบขั้นสุด นั่นคือนิยามของวงน้องสาวจากเชียงใหม่ที่รินะยืนยันว่านิยามนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ปราศจากการปรุงแต่งใดๆ

 

“ถ้าพูดถึง CGM48 มันมีความน่ารักสดใสแบบธรรมชาติ มันมีความอบอุ่นแบบครอบครัวมากๆ เพราะถ้าเปรียบกับ AKB48 มันจะเป็นภาพของเมมเบอร์ที่เป็นเพื่อน-พี่-น้องที่พยายามไปด้วยกัน BNK48 ก็มีความเป็นครอบครัวที่สนิทกัน

 

“แต่กับ CGM48 มีความเป็นครอบครัวแบบขั้นสุด น้องๆ ที่เข้ามาเราก็เห็นกันตั้งแต่เด็กๆ ทีมงานที่นั่นก็สนิทกันมาก บางครั้งมันก็ได้ฟีลเหมือนเราเป็นแม่ที่มีน้องๆ เป็นลูกๆ เหมือนกันนะ (หัวเราะ)

 

“และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น CGM48 จะเป็นบ้านหลังสุดท้ายของรินะในฐานะเมมเบอร์”

 

 

ความสุขและบทเรียนจากชีวิตไอดอล 14 ปีของรินะ

 

หลังจากท่องอยู่ในห้วงเวลาของการเป็นไอดอลมาพอสมควร จากเมมเบอร์ธรรมดาคนหนึ่ง วันนี้เธอเดินมาไกลมากๆ มากกว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้นับตั้งแต่ตั้งส่งใบสมัครเข้า AKB48 เสียอีก รินะเผยถึงสิ่งที่เป็นความสุขของเธอตลอดช่วงเวลาของการเป็นไอดอลแห่ง 48 Group ภายหลังตัดสินใจจบเส้นทางไอดอลไว้ที่ 14 ปี

 

“ทุกช่วงเวลาที่ได้เป็นไอดอลมันคือความสุขทั้งหมดเลย ด้วยความที่เป็นคนชอบอยู่บนเวที ชอบร้องเพลงและเต้นอยู่แล้ว 

 

“แต่เวลาที่เจอกับผู้คน ได้พูดคุย คือถ้าเป็นเพื่อนสนิทคุยกันมันจะให้ความรู้สึกเป็นพวกพ้อง เขาก็จะรักเราอยู่แล้ว เวลาที่เรามีปัญหาอะไร คนกลุ่มนี้ก็จะช่วยเรา เป็นกำลังใจให้เราได้ทำแต่เรื่องที่ดีๆ

 

“แต่เวลาไปเจอผู้คนที่ไม่เคยรู้จักเราเลย มันจะได้บทสนทนาที่เราไม่คาดคิดกลับมาเสมอ มันทำให้เห็นว่าคนข้างนอกมองเราอย่างไร เวลาไปเจอแฟนคลับ ไปทำงาน หรือแม้แต่ไปช้อปปิ้ง พูดคุยกับพนักงาน ก็รู้สึกว่าเวลาได้พูดคุยกับผู้คนทำให้เรามีความสุขไปอีกแบบ”

 

นอกจากนั้นการทำหน้าที่ไอดอลที่เธออยู่มาแล้ว 3 วง (AKB48, BNK48 และ CGM48) ทำให้รินะได้มองเห็นและเรียนรู้วิถีชีวิตและการทำงานที่แตกต่างกันพอสมควร

 

“ต้องบอกก่อนว่าเมมเบอร์ญี่ปุ่นกับไทยมันจะเป็นคนละสไตล์กันมากๆ ถ้าเป็นญี่ปุ่นทุกคนจะช่วยกันทำงานให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด ทำงานคือทำงาน ส่วนตัวคือส่วนตัว จะไม่มีค่อยมีความเป็นครอบครัวแบบ BNK48 เท่าไร ซึ่งที่นี่จะมีความอบอุ่น มีการหยอกเล่นแบบเพื่อนเย้ากันมากกว่า ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายกว่า

 

“มันเลยทำให้การทำงานในเมืองไทยของรินะไม่ใช่การทำงานระหว่างเมมเบอร์ด้วยกันแบบปกติ แต่มันเป็นการทำงานแบบพี่แบบน้อง ทุกคนคอยช่วยเหลือกัน เลิกงานก็ไปหาอะไรกินด้วยกัน มีช่วงเวลาที่ทำให้ทุกคนได้เข้าใจกัน ได้รู้จักตัวตนของกันและกันมากขึ้น” 

 

ภาพ: Izurina CGM48 / Facebook

 

คำขอบคุณจาก ‘รินะ’ ถึง ‘รินะและอาจารย์ทุกคน’ ก่อนที่ชีวิตไอดอลกำลังจะหมดลง

 

คุยกันมาถึงตรงนี้ รินะทำให้เราได้เห็นถึงการเดินทางของช่วงเวลามหัศจรรย์บนเส้นทางแห่งไอดอลตลอด 14 ปีที่ถูกขับเคลื่อนด้วยแพสชันอันแรงกล้า และคงไม่ต้องถามต่อแล้วว่าเธอรักสิ่งนี้มากแค่ไหน

 

และมันคงจะดีไม่น้อย ถ้าเราเปิดโอกาสให้รินะที่เล่าเรื่องตัวเองยาวเหยียดมากกว่า 10 หน้ากระดาษ ได้ลองพูดถึงตัวเอง ได้ขอบคุณตัวเอง ก่อนชีวิตไอดอลจะหมดลงในอีกไม่ช้า

 

“ปกติรินะไม่ค่อยคิดถึงตัวเอง ไม่ค่อยดูแลตัวเองเท่าไหร่ ชอบโฟกัสที่คนอื่นก่อนตลอด ซึ่งมันเป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่อยู่ญี่ปุ่นแล้ว 

 

“สิ่งที่อยากจะขอบคุณตัวเองก็คือ ขอบคุณที่เป็นคนไม่ค่อยคิดเรื่องเครียด สนุกและเอ็นจอยกับงานตลอด ขอบคุณที่ตื่นเต้นกับความท้าทายหรือสิ่งใหม่ๆ ดีใจที่ตัวเองเป็นคนเฟรนด์ลี เข้ากับคนง่าย รู้ว่าตัวเองอยากหรือไม่อยากทำอะไร ถ้ารินะไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ติดตัว บางทีรินะอาจจะไม่กล้าตัดสินใจย้ายมาอยู่เมืองไทยก็ได้

 

“แล้วยิ่งการมาอยู่คนเดียวด้วยยิ่งน่าตื่นเต้นเข้าไปอีก เพราะตอนอยู่ญี่ปุ่นจะอยู่กับครอบครัว ไม่เคยต้องมาทำอาหาร หรือซักผ้าเองก็แทบไม่เคยทำ เพราะตอนเป็นเมมเบอร์ AKB48 คือใช้ชีวิตให้สนุกเฉยๆ 

 

“การมาอยู่ที่นี่คนเดียวต้องเรียนรู้ที่จะทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองหมดเลย แถมมาอยู่ต่างประเทศที่วัฒนธรรมไม่เหมือนญี่ปุ่นอีก (หัวเราะ) แต่ส่วนตัวเป็นคนชอบท้าทายตัวเองอยู่แล้ว รินะมองสิ่งเหล่านี้ในแง่บวกนะ เป็นเรื่องที่ขัดเกลาให้เราเติบโตขึ้น เลยทำให้รู้สึกว่าการมาเมืองไทยทำให้เราได้ท้าทายอะไรหลายอย่างเหมือนกัน 

 

“ขอบคุณและดีใจที่ผลักดันให้ตัวเองมาอยู่เมืองไทย สถานที่ที่ทำให้เราเรียนรู้ชีวิตและรู้จักกับผู้คนมากมายค่ะ”

 

ทันทีที่เธอกล่าวความรู้สึกถึงตัวเองจบ รินะไม่รอช้าที่จะยกมือขอใช้เวลาในช่วงท้ายของการสนทนากล่าวคำขอบคุณถึงบุคคลสำคัญที่อยู่ซัพพอร์ตเธอบนเส้นทางไอดอลตลอด 14 ปี นั่นคือ ‘แฟนคลับ’ ของรินะเอง

 

“ก่อนอื่นรินะอยากจะขอบคุณแฟนคลับของญี่ปุ่นมากๆ ตอนย้ายมาอยู่เมืองไทยรินะคิดว่าอาจจะมีแฟนคลับของเราที่ญี่ปุ่นผิดหวังหรือมีความคิดถึงกัน แต่ตอนกลับไปทำงานที่ญี่ปุ่นก็ได้เจอกับแฟนคลับบ้าง รวมถึงในโซเชียลก็มีแฟนๆ จากญี่ปุ่นที่ติดตามเสมอ

 

“เวลากลับไปญี่ปุ่นก็ยังมีคนจำได้ รู้สึกว่าดีใจที่ยังมีคนจำรินะได้ ถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้อยู่ประเทศเดียวกัน แต่รินะยังสัมผัสได้ว่าทุกคนยังมีความคิดถึงให้กันตลอดค่ะ 

 

“และอยากขอบคุณแฟนคลับของไทย ขอบคุณที่มาสนับสนุนและมอบความรักทำให้คนญี่ปุ่นคนหนึ่งได้อยู่ที่ไทยมานานขนาดนี้ ทุกคนที่รินะได้พบเจอและร่วมงานด้วยไม่ว่าจะเป็นเมมเบอร์ ทีมงาน หรือแม้แต่แฟนคลับ รินะรู้สึกว่าทุกคนเป็นอาจารย์ของรินะทั้งหมดเลย ทุกคนคอยสอนภาษา แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และส่วนหนึ่งที่ทำให้รินะอยู่ได้นานขนาดนี้ เพราะรินะรักประเทศไทยจริงๆ 

 

“ถึงจะมีช่วงที่น่าเป็นกังวล รู้สึกอยากท้อแท้บ้าง แต่เพราะมีแฟนคลับช่วยสนับสนุนรินะมาตลอด ทำให้รินะมีแรงใจลุกขึ้นสู้ได้ทุกครั้ง ดีใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเราได้รู้จักกันค่ะ

 

“จนกว่าจะพบกันใหม่

 

“ありがと” (อาริกาโตะ) 😀

The post THE INTERVIEW: Izurina CGM48 บันทึกการเดินทาง 14 ปีของเด็กสาวจากไซตามะ สู่ตำนาน 48 Group appeared first on THE STANDARD.

]]>
สำรวจความรู้สึก 5 สาว BNK48 #Sukinanda มิตรภาพ ความรัก และคำขอบคุณ https://thestandard.co/the-interview-bnk48-sukinanda/ Tue, 26 Nov 2024 11:39:59 +0000 https://thestandard.co/?p=1013079

เดินทางมาถึงอัลบั้มที่ 5 กันแล้วสำหรับวงไอดอลชื่อดังของ […]

The post สำรวจความรู้สึก 5 สาว BNK48 #Sukinanda มิตรภาพ ความรัก และคำขอบคุณ appeared first on THE STANDARD.

]]>

เดินทางมาถึงอัลบั้มที่ 5 กันแล้วสำหรับวงไอดอลชื่อดังของไทยอย่าง BNK48 กับเพลง #Sukinanda (แฮชแท็กสึกินันดะ) หนึ่งในเพลงที่ได้รับความนิยมจากต้นตำรับญี่ปุ่น (AKB48) ที่ถูกนำมาแปลเป็นเวอร์ชันภาษาไทยให้แฟนๆ ได้รับฟังกันแล้ว

 

เป็นอีกครั้งที่ THE STANDARD POP เปิดบ้านต้อนรับ 5 สาวสมาชิกวง BNK48 จากเพลง #Sukinanda นำทีมโดยเซ็นเตอร์ มารีน-กชพร พรโชคชัย พร้อมด้วยเมมเบอร์ แพนเค้ก-พิทยาภรณ์ เกียรติฐิตินันท์, โมเน่ต์-ภาริตา ริเริ่มกุล, ปาล์มมี่-ปุญญิสา แก้วสว่าง และ ซินดี้-กฤตชญา อุดมบุญดี

 

ที่นอกจากจะแวะเวียนมาฝากผลงานเพลงใหม่แล้ว พวกเธอยังร่วมพูดคุยถึงความประทับใจจากการทำงานในเพลงนี้ พร้อมถือโอกาสช่วงท้ายปีมาสรุปภาพรวมชีวิตตลอดปีและสิ่งที่ได้รับจากการเดินทางบนเส้นทางไอดอลแห่งนี้

 

และพิเศษสำหรับแฟนๆ ของทั้ง 5 สาว พวกเธอฝากจดหมายความรู้สึกและคำขอบคุณ (ที่เปรียบดังการ์ดอวยพรวันปีใหม่) พร้อมภาพถ่ายเซลฟีน่ารักๆ ถึงแฟนๆ ทุกคนผ่านบทสนทนานี้

 

 

ถามมารีนถึงความรู้สึกที่ได้มายืน Center เพลง #Sukinanda

 

Marine: รู้สึกว่าช็อกตั้งแต่วันแรกที่เขาประกาศเลยค่ะ แต่ก็ดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้เป็นเซ็นเตอร์เพลงนี้ เพราะว่าส่วนตัวชอบเพลงนี้เหมือนกัน 

 

แต่ในความดีใจก็มีความรู้สึกกดดันในช่วงแรกว่าเราจะทำหน้าที่ (เซ็นเตอร์) ออกมาได้ดีไหม เพราะเชื่อว่าทุกคนน่าจะคาดหวังเยอะ ตอนถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเครียดมาก เพราะหนูต้องคิดท่าเต้นสำหรับตัวเองที่ใช้ถ่ายในมิวสิกวิดีโอนี้ ก็กลับไปคิดท่านั้นมาเกือบสัปดาห์เพื่อจะมาถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ 2 วัน เป็นงานที่รู้สึกว่าเราใส่ความตั้งใจลงไปเยอะมากๆ เพราะอยากทำให้ทุกคนชอบทุกอย่างที่อยู่ในเพลงนี้

 

พอหลังจากโชว์เปิดตัวเพลงอย่างเป็นทางการ ก็มีฟีดแบ็กกลับมาว่าเป็นเพลงที่น่ารัก พวกเราทำออกมาได้ค่อนข้างดี เลยรู้สึกว่าขอบคุณมากๆ ที่เห็นความพยายามของหนู ก็ดีใจที่ทุกคนชอบเหมือนกัน

 

เพลง #Sukinanda บอกเล่าเรื่องราวอะไร 

 

Marine: เพลงนี้ให้ความหมายประมาณว่าแอบชอบ แต่เขาไม่รู้ว่าเราแอบชอบเขาอยู่ ทั้งในเพลงและมิวสิกวิดีโอเลยที่เป็นการเล่าเรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่งที่อยากพิมพ์ข้อความลงบนโซเชียลมีเดียเล็กๆ น้อยๆ เหมือนใบ้ให้เขารู้ว่าเราแอบสนใจเธออยู่นะ เราแอบชอบเธออยู่นะ เธอเห็นบ้างหรือเปล่า รู้ตัวได้แล้ว ประมาณนี้ค่ะ

 

Palmmy: เพลงนี้สามารถตีความไปในมุมอื่นได้อีก อย่างเช่น การเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกันกับธีมซัมเมอร์ ความเป็นฤดูร้อน ไปเที่ยวทะเล แต่ความพิเศษจะอยู่ตรงที่เพื่อนคนหนึ่งของเราในกลุ่มแอบชอบเพื่อนอีกคนที่มาด้วยกัน มันก็จะไปพ้องกับท่อนเพลงที่ว่า “เจ้าพวกนิสัยไม่ดี ที่พอรู้เรื่องของพวกเรา ก็ส่งเสียงเชียร์กันไม่เบา เอาจนลั่นเลย” ก็จะมีการแบบแซวกรุบกริบเบาๆ ถ้าตามในมิวสิกวิดีโอก็จะแซวมารีนกับเอิร์น

 

 

บอกเล่าความประทับใจจากการทำงานเพลง #Sukinanda

 

Pancake: หนูชอบมิวสิกวิดีโอค่ะ ก่อนถ่ายทำเขาก็จะมาถามเราว่าเราชอบให้ตัวมิวสิกวิดีโอออกมาสไตล์แบบไหน เหมือนปกติเขาอาจจะมีการวางสตอรีไว้แล้ว แต่อันนี้เขาถามเมมเบอร์ทุกคนก่อนวางสตอรีบอร์ดว่าเราไลฟ์สไตล์เป็นอย่างไร ถ้าเราไปทะเลแล้วเราอยากทำอะไรไหม คือใส่ใจเราด้วยค่ะ แล้วส่วนตัวหนูชอบทะเล เลยรู้สึกว่าเหมือนได้ไปเที่ยว ได้ผ่อนคลายด้วยค่ะ

 

Marine: หนูชอบ Mood and Tone ของทุกคนค่ะ ทุกคนมีความน่ารักสดใสมาก เข้ากับเพลงนี้ คือทุกคนสดใสอยู่แล้ว พอมาอยู่ด้วยกันก็ยิ่งสดใสน่ารักรวมกันไปอีก

 

Sindy: ของหนูเป็นเรื่องกินค่ะ (ยิ้มเขินๆ) ตอนไปถ่ายทำก็มีคุยกันว่าชอบกินอะไรบ้าง แล้วทุกคนพูดเมนูต่างๆ ออกมาเยอะมาก กุ้งเผา, ปลาเผา เลยรู้สึกว่าเป็นกองที่ทำงานกันสนุก แล้วก็ได้กินอาหารทะเลหลังเสร็จงานด้วย

 

Palmmy: รู้สึกว่าเป็นการทำงานที่ชิลแล้วก็เป็นสิ่งที่เราชอบอยู่แล้ว เรียกว่าถ่ายได้กี่เทกก็ผ่านเลย และมิวสิกวิดีโอนี้มีโดรนถ่ายทำด้วย ตอนแรกก็มีกลัวกันนิดหน่อย (หัวเราะ) แต่สนุกดีค่ะ

 

Monet: หนูรู้สึกประทับใจในเมมเบอร์ที่อยู่ในเซ็มบัตสึนี้ค่ะ ด้วยความที่หนูอยู่รุ่น 3 เราอยู่มาตั้งแต่สมัยที่เมมเบอร์รุ่น 3 ติดเซ็มน้อยๆ ติดเซ็มแค่ 1-2 คน จนตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นรุ่น 3 แล้วก็มีรุ่น 4-5 เข้ามาเสริมด้วย ก็รู้สึกว่าเราต้องปรับตัวที่สมาชิกในเซ็มหน้าเปลี่ยนไปมากๆ เลย แต่ก็สนุกดี เพราะได้รู้จักคนใหม่ๆ ได้คุยกันมากขึ้น ได้มีโอกาสคุยกับพี่จิว, พี่อาหลี ก็รู้สึกว่าสนุกดี ถือว่าเป็นเรื่องดีที่เราจะได้สนิทกันเยอะๆ

 

 

เนื่องจากเพลงนี้แฝงความหมายว่าด้วยเรื่องของการ ‘แอบรัก-แอบชอบ’ เราจึงถือโอกาสนี้ให้สาวๆ ได้เผยความในใจว่า ถ้าให้บอกรักคนหรือแสดงความประทับใจต่อสมาชิกวง BNK48 ได้ 1 คน (สมาชิกปัจจุบันหรืออดีตก็ได้) เขาคนนั้นคือใคร

 

Marine: ถ้าตอนนี้ก็เป็นพี่หมูจิ๋ว, พี่เอิร์น BNK48 ค่ะ เมื่อก่อนหนูเคยเป็นบัดดี้กับเขา แต่หนูไม่กล้าคุยกับพี่เขา เพราะกลัวพี่เอิร์น (หัวเราะ) เขาดูเป็นคนดุ ดูเป็นคนนิ่งๆ แล้วเขาเป็นพี่คนโตของวงด้วย

 

แล้วหนูมีโอกาสมาคุยกับพี่เขาช่วงนี้ที่ได้ทำงานด้วยกันมากขึ้น ทำให้รู้และเห็นว่าเขาเป็นพี่ที่ไม่ได้ขรึมขนาดนั้นเลย เป็นพี่ตัวเล็กที่น่ารักที่คอยดูแลน้องๆ เขามีความเป็นผู้นำแต่ยังคงมีความงอแงแบบเด็กน้อยน่ารัก พอได้อยู่ด้วยก็รู้สึกว่าชอบเขา เพราะเต้นเก่ง แล้วก็ร้องเพลงเก่งด้วยค่ะ มีเสน่ห์เวลาอยู่บนเวที พอดูรวมๆ แล้วสวยดี เลยชื่นชอบและชื่นชมค่ะ

 

Palmmy: เอาเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดก็คือ แอล BNK48 รู้จักกันตอนแรกคือที่ห้องออดิชัน ได้จับคู่กันฝึกร้องเพลง ตอนแรกคิดว่าแอลเด็กกว่าเพราะตัวเล็ก แต่สรุปเป็นคนในรุ่น 4 ที่อายุเท่ากัน เลยรู้สึกสนิทกันง่าย

 

แอลเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ ไม่รู้จะพูดยังไง ก็รู้สึกดีใจที่ครั้งนี้เราได้มาทำงานด้วยกัน มาเต้นด้วยกัน เพราะนี่คือการติดเซ็มบัตสึครั้งแรกของหนู ปกติก็จะเห็นเพื่อนที่เป็นเซ็นเตอร์แยกไปซ้อมกัน เลยรู้สึกว่าถ้าสักวันหนึ่งเราได้มาทำงานด้วยกันก็น่าจะสนุกดี แล้วมันก็สนุกดีจริงๆ ค่ะ ก็ดีใจที่ได้มาอยู่กับเพื่อนตรงนี้

 

ตอนแรกที่นึกถึงคือนึกถึงรุ่น 4 ทุกคนเลย เพราะพวกเรามีกันแค่ 11 คน แล้วพวกเราก็สนิทกันจริงๆ เวลาเราทำอะไรก็จะนึกถึงทั้ง 11 คนตลอด

 

Pancake: ชอบพี่วี (อดีตเมมเบอร์ BNK48 รุ่น 2) ชอบที่ไลฟ์สไตล์ คาแรกเตอร์ของเขาดูเท่ ก็เลยชอบ พอเราชอบแล้วเราก็อยากออกไปเที่ยวกับพี่เขา ล่าสุดก็ไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน รู้สึกว่าตอนนี้เราสนิทกันแล้ว มีอะไรก็คุยกันได้ ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น สบายใจที่ได้อยู่กับพี่วีค่ะ

 

Sindy: หนูเคยเล่าไปในไลฟ์แล้ว แต่ก็อยากเล่าอีก คือจริงๆ ตอนออดิชันเข้ามาเป็น BNK48 หนูไม่รู้จักพี่โมเน่ต์เลย แล้ววันออดิชันก็มีพี่ป๊อปเป้อกับพี่โมเน่ต์มาสัมภาษณ์ แล้วหนูบอกว่า เฮ้ย พี่คนนี้ (โมเน่ต์) น่ารักจัง

 

พอกลับบ้านไปก็นั่งหา Instagram ของพี่เขา คือพี่เขาน่ารักมาก ทำให้เราอยากเข้า BNK48 ตั้งแต่นั้นก็ชอบพี่โมเน่ต์มาตลอด พี่เขาเป็นคนที่เต้นเก่งมาก ช่วงแรกที่ได้เข้าหอมาอยู่กับวงหนูชอบซื้อขนมมาให้พี่โมเน่ต์ด้วย

 

Monet: หนูไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าสักวันหนึ่งจะมีคนมาชอบ มามองเราเป็นต้นแบบ เพราะปกติเวลาสัมภาษณ์ (ช่วงออดิชัน) คนในวัยเดียวกันเขาจะไม่ได้ชอบหนูเลย พอรู้ว่าซินดี้มาชอบก็ยังคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตัวเราจะมีคนชื่นชอบแบบคนอื่นด้วย พอมาเป็น BNK48 ด้วยกันหนูจะชอบถามซินดี้ตลอดว่าเลิกชอบพี่หรือยัง? (หัวเราะ) เพราะคิดว่าน้องอาจจะหลงผิดในแวบแรก เลยคอยถามว่าเลิกชอบพี่หรือยัง? เพราะหนูรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรที่น้องน่าจะมาชอบเลย ก็งงๆ อยู่ ก็อยากขอบคุณซินดี้ที่ชื่นชอบในตัวเราเหมือนกัน

 

Monet: พี่มิโอริค่ะ (อดีตเมมเบอร์ BNK48 รุ่น 1) แต่หนูเพิ่งมาสนิทกับพี่มิหลังจากที่รุ่น 1 แกรดไปแล้ว เพิ่งมาสนิทตอนที่พี่เขาอยู่เป็นปีสุดท้ายของการเป็น BNK48

 

ตอนที่เข้าวงมาแล้วติดทีม BIII หนูจะอยู่เล่นกับพี่มิตลอดเลย ชอบติดสกินชิพกับพี่มิ แล้วพี่มิเขาเต้นเก่ง ก็ชอบดูพี่มิตอนเต้นเพื่อเป็นแบบอย่างด้วย แต่หนูไม่เคยคุยกับพี่เขาแบบจริงๆ จังๆ แค่คุยผ่านๆ จนถึงช่วงที่มีงาน AKB48 Group Circle Jam 2023

 

แล้วหนูต้องขึ้นเต้นโซโล่ในเพลง Rumor พอพี่มิรู้เขาก็เดินมาแสดงความยินดีกับหนูด้วย พี่เขาบอกว่ามันเหมาะสมกับหนู ก็เลยเกิดเป็นความประทับใจที่ไม่คิดเหมือนกันว่าพี่เขามองเห็นอะไรในตัวหนู เลยทำให้รู้สึกดีกับพี่มิมาก หลังจากนั้นเหมือนมันคลิกกันมาก ก็จะเป็นกลุ่มคอยเล่นกันตลอดเลยค่ะ ก็จะมีหนู พี่ฮูฟ แล้วก็พี่มิ ถึงพวกเขาจะมีช่วงวัยต่างกันมาก แต่ก็รู้สึกสนุกมากที่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ

 

 

ในฐานะไอดอลผู้ทำหน้าที่ส่งต่อความรัก ความสุข และกำลังใจ เราอยากใช้โอกาสนี้ฟีดแบ็กถึงความรู้สึกที่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้ ไปจนถึงพลังใจที่ได้รับกลับมาจากแฟนๆ นั้นดีต่อใจของพวกเธออย่างไรบ้าง

 

Palmmy: หนูไม่คิดว่าการมีอยู่ของหนูมันทำให้คนคนหนึ่งเขารู้สึกอยากมีชีวิตอยู่ต่อมากขนาดนี้ มีแฟนคลับคนหนึ่งเขาเป็นโรคซึมเศร้า แล้วเขาก็ต้องไปหาหมอ ต้องกินยาตลอด เวลาเขามางานจับมือเขาก็จะมาอัปเดตให้หนูฟังค่ะ เขาบอกหนูว่าการได้เจอหนูทำให้เขามีแรงใจในการใช้ชีวิตต่อ

 

หนูเลยเกิดความรู้สึกว่า ไม่คิดเหมือนกันว่าการมีอยู่ของเราที่เป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งมันมีค่ากับเขามากๆ หนูเลยอยากจะเป็นความสดใสให้แฟนๆ ทุกคน เขาอาจจะเห็นหรือได้พูดคุยกับหนูถึงแม้จะเป็นเวลาแค่ 8 วินาที แต่ถ้าทำให้แฟนคลับของหนูกลับไปพร้อมแรงใจที่ดี หนูก็จะดีใจมากๆ เลยค่ะ

 

Monet: ตอนที่หนูเข้ามาวงแรกๆ หนูเห็นพี่ๆ ในรุ่นได้รับความนิยมสูงๆ หนูก็คิดนะว่าเราก็อยากเป็นคนที่พอเปิดตัวมาก็ดังเลย เป็นที่หนึ่งเลย มันเลยเป็นช่วงที่ในหัวของหนูมัวแต่คิดว่าต้องทำอย่างไรให้คนเขามาชอบเราดีนะ ต้องน่ารัก ต้องสวย ต้องเท่ ต้องเป็นแบบไหนสักอย่าง แบบที่คนอยู่จุดสูงๆ เขาเป็นกัน

 

หนูรู้สึกว่าเราค้นหาตัวเองมานานมากๆ จนมารู้ว่าแฟนคลับของหนูเขาไม่ได้มาติดตามเพราะเราเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่เขามาติดตามหนูที่เป็นโมเน่ต์จริงๆ

 

มันทำให้หนูรู้สึกภูมิใจในแฟนคลับตัวเองมากๆ เวลาหนูถามทุกคนเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อย อย่างเช่น งานจับมือใส่ชุดอะไรดี ทุกคนก็จะตอบพร้อมกันว่าอะไรก็ได้เลย เอาที่เป็นโมเน่ต์ หรือ 2-Shot จะใส่ชุดอะไรก็ได้ที่โมเน่ต์อยากใส่ แต่ขอให้เป็นในแบบที่เราสบายใจ

 

สิ่งเหล่านี้มันทำให้หนูใจฟูมากๆ ตรงที่เราเข้ามาเป็นไอดอล เราก็อยากให้ทุกคนชื่นชมเราในแบบที่เราเป็นเราจริงๆ เลยรู้สึกภูมิใจกับแฟนคลับตัวเองมากๆ ที่เขาชอบหนูในแบบที่หนูเป็น

 

Sindy: ช่วงแรกๆ หนูเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองค่ะ เคยแอบคิดว่าจะมีคนมาชื่นชอบบ้างหรือเปล่าที่เป็นหนูแบบนี้ แล้วหนูเป็นคนที่พูดไม่ค่อยเก่ง แต่พอมีแฟนคลับ ทุกคนก็คอยช่วยซัพพอร์ตหนูมาเรื่อยๆ กับคำว่า ‘เก่งมากๆ’ ที่ส่งมาหา มันทำให้หนูดีใจมากจริงๆ ที่มีคนคอยซัพพอร์ต ทำให้หนูมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ได้เป็นตัวเองแบบเต็มที่ ก็อยากจะขอบคุณแฟนคลับทุกคนมากจริงๆ ค่ะ

 

Marine: ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับแฟนคลับมันเป็นช่วงเวลาความสุขของหนูค่ะ เวลาที่ได้เห็นเขาตั้งใจแต่งตัว ตั้งใจเดินทางมาหาเรา เวลาได้เจอเขาทำให้รู้สึกว่าพวกเขาส่งกำลังใจให้เรา มันยิ่งทำให้เราอยากส่งพลังใจกลับคืนไปหาทุกคนมากกว่าเป็นเท่าตัว

 

หนูก็เหมือนซินดี้เลย เป็นคนที่เข้ามาตอนแรกไม่มีอะไรเลย เป็นเด็กเด๋อๆ ตลกๆ (หัวเราะ) หนูเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเหมือนกัน มีความกลัวในใจ ไม่ค่อยกล้าลงมือทำสิ่งใหม่ๆ 

 

ส่วนตัวเป็นคนขี้เขินด้วย ช่วงแรกๆ เวลาไลฟ์หนูจำได้เลยว่าไลฟ์ครั้งแรกหนูไม่รู้จะพูดอะไรเลย จะยืนก็กลัว จะนั่งก็เกร็ง ไลฟ์แรกก็คือพูดไม่รู้เรื่องไปเลย แต่ทุกคนที่มาติดตามก็จะบอกว่าไม่เป็นไรนะ สู้ๆ มันเป็นคำที่น่ารักนะ เขาเชื่อว่าเราสามารถพัฒนาได้ มันรู้สึกมั่นใจมากขึ้น พยายามพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ หนูเลยตั้งใจว่าจะเป็นมารีนในแบบของตัวเองที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน

 

ตอนที่หนูเศร้าหนูก็แค่พิมพ์บอกตรงๆ ว่าหนูเครียดอะไร แฟนๆ ก็พิมพ์ให้กำลังใจมาเยอะมาก เลยเกิดเป็นความรู้สึกที่อยากขอบคุณทุกคนมากเลยค่ะ

 

Pancake: ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาหนูรู้สึกประทับใจในตัวแฟนคลับมากๆ ทั้งแฟนคลับหน้าใหม่และหน้าเก่า สิ่งที่ทำให้ภูมิใจในตัวแฟนคลับทุกคนเพราะเขาคอยเคียงข้างและสนับสนุนอยู่ตลอด พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางบนเส้นทางไอดอลของหนู ถ้าไม่มีพวกเขาหนูก็ไม่รู้ว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้มันออกมาดีได้อย่างไรหากปราศจากพลังใจจากทุกคน

 

ณ วันนี้หนูเลยรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราไปแล้ว เวลาที่หนูรู้สึกว่าหมดแพสชัน ท้อ หรือไม่มีกำลังใจ หนูก็สามารถขอกำลังใจจากพวกเขาได้เสมอเลย ส่วนตัวหนูก็จะคอยเป็นกำลังใจให้กับทุกคนเหมือนกัน ดีใจที่เราได้ซัพพอร์ตกันและกันเสมอมาค่ะ

 

 

เรื่องอะไรหรือสิ่งไหนในตัวเองที่ ‘ชอบที่สุด’ นับตั้งแต่มาอยู่กับ BNK48

 

Marine: ชอบที่ตัวเองยังมีความสุข ยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ขึ้นเวทีค่ะ ถึงเราจะได้โอกาสขึ้น (เวที) มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ คือทุกครั้งที่ได้ขึ้นเวทีหนูจะขึ้นไปกับความรู้สึกที่อยากจะแสดงกับทุกคน เพื่อให้แฟนๆ ได้เห็นสิ่งที่เราตั้งใจฝึกซ้อมกันมา แล้วการมองลงมาจากเวทีไปเห็นแฟนๆ เอ็นจอยกัน ยิงมิกซ์ ชูแท่งไฟกัน มันยิ่งทำให้รู้สึกดีและเราเองก็จะสนุกไปกับโชว์นั้นมากขึ้นไปอีก

 

Pancake: การมาอยู่ใน BNK48 ทำให้หนูเป็นคนที่ Productive มากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองต้องคอยบริหารจัดการเวลาให้ได้ภายใน 1 วัน ทำให้ทุกนาทีที่กำลังเสียไปให้เกิดประโยชน์ที่สุด หนูชอบที่ตัวเองสามารถแบ่งเวลาในการใช้ชีวิตเก่งขึ้น รู้สึกว่าทำให้เราได้ทำอะไรหลายอย่างในวันเดียว รู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ชอบที่ชีวิตได้เป็นแบบนี้ค่ะ

 

Sindy: หนูชอบการอยู่ในวง BNK48 เพราะมันเหมือนการที่หนูได้อยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นโรงเรียนที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ชอบอะไรบางอย่างเหมือนกัน ส่วนตัวหนูเป็นคนชอบเต้นชอบร้องมาตั้งแต่เด็กแล้ว แล้วหนูก็คิดว่าถ้าตัวหนูในวัยเด็กมาเห็นหนูในตอนนี้ก็คงภูมิใจในตัวเองมากๆ อีกอย่างหนูชอบการขึ้นสเตจ เพราะสนุกทุกครั้งที่ได้ขึ้นเวที และดีใจทุกครั้งที่ได้เจอกับแฟนคลับในทุกโอกาสค่ะ 

 

Monet: หนูชอบที่ชีวิตใน BNK48 ทำให้หนูได้ปลดล็อกอะไรหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกที่เหมือนว่าเราจะได้เรียนรู้ความสุข ความทุกข์ และความผิดหวัง ได้เร็วกว่าเด็กคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน 

 

ที่นี่ทำให้หนูได้เข้าใจชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริง ได้เรียนรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง สำหรับหนู BNK48 เลยเป็นเหมือนสถานที่แห่งหนึ่งที่จะสอนเราให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ได้ปลดล็อกอะไรหลายๆ อย่าง 

 

Palmmy: หนูชอบที่เราได้ทำอะไรหลายๆ อย่างแบบเต็มความสามารถที่สุด เพราะรู้สึกว่าถ้าไม่ได้เข้ามาอยู่ในวงก็น่าจะไม่มีโอกาสได้ทำเลย อาจจะเป็นแค่แบบเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการใส่ชุดเซ็มบัตสึ ซึ่งหนูก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งเราจะได้มาใส่เสื้อผ้าสีชมพูหวานขนาดนี้

 

อีกอย่างหนึ่งคือหนูรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กดีขึ้น ส่วนตัวมีเป้าหมายคืออยากเป็นเด็กดีที่ผู้ใหญ่สามารถเชื่อใจเราได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราเป็นคนชอบทำงานหลายๆ อย่าง บวกกับที่เราเป็น Perfectionist ด้วย เลยอยากทำอะไรหลายอย่างให้มันเต็มที่ ซึ่งก็ยอมรับว่ามันก็มีแอบทำให้ตัวเองกดดันในบางครั้ง แต่ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เราอยากทำในฐานะศิลปินของวง หนูก็จะพยายามทำมันอย่างเต็มที่ที่สุด

 

 

นิยามความสุขในการเป็น BNK48 ของแต่ละคนคืออะไร

 

Pancake: ความสุขของหนูคือการได้อยู่กับเพื่อนๆ ค่ะ อย่างเวลาซ้อมเราก็จะได้อยู่กับเพื่อนๆ เพราะในเวลาปกติเหมือนเราจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน พอเราเข้าห้องซ้อมแล้วมารวมตัวกัน มันจะมีโมเมนต์ความสนุก ความตลก จากการเล่นกันในห้องซ้อม แล้วที่ชอบคือทุกคนจะพร้อมใจกันเล่นซนแบบไม่ห้ามกันเลย (หัวเราะ)

 

Sindy: การได้ทำสิ่งต่างๆ ภายใต้การเป็น BNK48 ก็ถือเป็นความสุขแล้วค่ะ เพราะส่วนตัวชอบการทำงาน ชอบออกงาน ชอบเจอกับผู้คนใหม่ๆ ชอบอยู่กับเพื่อนๆ ในวง แค่ได้ทำทุกอย่างก็มีความสุขแล้วค่ะ

 

Marine: หนูก็เหมือนกับซินดี้ คือการที่เราทำทุกอย่างใน BNK48 ก็เป็นความสุขแล้ว เพราะถ้าเกิดเราไม่ชอบเราก็จะไม่มีความสุข อย่างเช่น การสวมชุดเซ็มบัตสึน่ารักๆ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

 

การได้ออกไปเจอแฟนคลับข้างนอก ถึงจะเป็นงานเล็กๆ แต่เราก็มีความสุขที่ได้เจอกับผู้คน มีความสุขที่เราได้ออกงาน มีความสุขที่เราได้เต้นเพลงนี้ มีความสุขที่ได้ติดเซ็มบัตสึเพลงนี้ หรืออาจจะไม่ติดเซ็มแต่เราก็ยังมีความสุขที่เราได้ออกงานมาเต้นกับเพื่อนๆ

 

Palmmy: ความสุขของหนูน่าจะเป็นการที่ได้ขึ้นแสดงบนเวที คือหนูก็ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนที่เต้นเก่งหรือร้องเก่งที่สุด ถึงจะเครียดบ้างตอนซ้อมร้องซ้อมเต้นว่าเราจะทำได้ไหม

 

แต่ ณ วินาทีที่เราได้ขึ้นไปเต้นบนเวทีแล้วมีคนมอง มีคนเชียร์ มันเปลี่ยนจากความกังวลให้กลายเป็นโมเมนต์ที่สนุกจริงๆ อย่างเช่น การแสดงเธียเตอร์ล่าสุด เป็นช่วงก่อนขึ้นแสดงรอบที่ 2 หนูจำได้ว่าเครียดมาก เพราะส่วนตัวรู้สึกว่าของรอบแรกเราทำได้ดีไม่เท่าที่หวัง แต่พอถึงจังหวะที่ก้าวเท้าขึ้นสเตจไปแล้ว ท่ามกลางเสียงเชียร์แฟนๆ มันทำให้ทุกความกังวลหายวับไปหมด เลยหนูคิดว่าเพราะสิ่งที่เรากำลังทำมันคือความสุขของเราจริงๆ ต่อให้มันมีจุดที่ชวนให้เครียดบ้าง แต่สุดท้ายไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร การแสดงบนเวทีมันก็คือความสุขของเราจริงๆ

 

Monet: ความสุขของหนูกับการอยู่ใน BNK48 ก็คือแฟนคลับค่ะ และจะมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้ขึ้นแสดงบนเวที แล้วหนูมองไปเห็นแฟนคลับเบื้องหน้าของเราส่งเสียงเชียร์ ทุกคนมีแววตาเป็นประกายที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและสนุกไปกับโชว์ของเรา เท่านี้ก็ทำให้หนูดีใจมากๆ เป็นความสุขมากจริงๆ ค่ะ

 

 

เนื่องในโอกาสช่วงท้ายปีแบบนี้ เราชวนสมาชิก BNK48 มาร่วมสรุปภาพรวมชีวิตตลอดปีที่ผ่านมาว่าแต่ละคนเผชิญเรื่องอะไรมาบ้าง

 

Marine: เริ่มต้นปีนี้หนูเริ่มเข้ามหาวิทยาลัย อยู่ปี 1 ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของชีวิตมากๆ ต่อมาคือได้ร่วมซ้อมทีม BIII และรู้สึกชอบการขึ้นสเตจทีมนี้ รู้สึกสนุกเหมือนกัน ทั้งที่ตอนแรกหนูชอบทีม NV เพราะไม่คิดว่าเราจะเต้นเพลงของทีม BIII ไหว

 

พอตัดมาที่งาน BNK48 & CGM48 Request Hour 2024 มีประกาศว่าหนูได้ควบ 2 ทีมคือ NV กับ BIII ตอนนั้นหนูช็อกมาก หนูเองยังไม่คิดว่าเราจะสามารถทำได้ แล้วต่อเนื่องด้วยการประกาศอัลบั้มที่ 5 ด้วย อันนั้นก็ยิ่งช็อกแบบคูณ 2 ไปอีก คือตอนนั้นหนูเกือบยืนพูดความรู้สึกไม่ไหว ก็รู้สึกดีใจ เพราะอันนี้ก็เป็นพาร์ตความสุขของหนูเหมือนกันที่ได้เอ็นจอยกับการขึ้นสเตจทั้งสองทีม

 

และปีนี้มันมีหลายเรื่องที่ทำให้เสียน้ำตาเหมือนกัน ซิงเกิลที่ 17 หนูก็ไม่ติดเซ็มบัตสึ แต่ในเมื่อไม่ติดก็ไม่เป็นไร เสียใจได้ แต่หนูก็พยายามลุกขึ้นมาใหม่ ไปเรียนร้องเพลงเองเพิ่มด้วย ไปฝึกเต้นเองที่บ้านเยอะมาก พอผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้ก็รู้สึกคุ้มค่าที่เหนื่อยกันมาเยอะเหมือนกัน ถือเป็นปีที่มีทั้งเรื่องที่ดีและมีเรื่องให้เครียดปะปนกันไปค่ะ

 

Sindy: ปีนี้เป็นปีที่หนูรู้สึกว่าได้ทำอะไรหลายอย่างเยอะกว่าปีที่แล้ว ช่วงต้นปีเป็นช่วงที่เครียดอยู่พอสมควร เพราะยุ่งกับการสอบเข้าโรงเรียนใหม่ แต่สุดท้ายสอบติดก็รู้สึกดีใจมากๆ แล้วก็ปีนี้หนูติดเซ็มบัตสึครั้งแรก มี Trainee Stage ด้วย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่รุ่น 4 ตั้งใจกันมากๆ ทุกคนเก่งมากเลยค่ะ และปีนี้ติดเซ็มบัตสึ 2 ครั้งก็ดีใจมาก ถือเป็นปีที่สนุกกับการทำงานมากๆ

 

แล้วที่สำคัญคือเป็นปีที่ได้ค้นหาตัวเองมากขึ้น ได้เรียนรู้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร เป็นปีที่หนูรู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตแบบคุ้มค่ามาก เต็มที่มากๆ แล้วก็เอ็นจอยกับชีวิตช่วงนี้มากๆ ค่ะ

 

Palmmy: รู้สึกว่าเป็นปีที่ชีวิตค่อนข้างที่จะลงตัวแล้ว เพราะตอนเข้า BNK48 ช่วงแรกชีวิตมีเรื่องให้ต้องปรับตัวเยอะ ส่วนหนึ่งเพราะเราเรียนไกลด้วย คือไปเรียนกลับมาก็ซ้อมเลย ทำแบบนี้วนไปทุกวันในช่วงแรกๆ จนรู้สึกไม่ลงตัว

 

แต่พอเริ่มต้นปีนี้หนูรู้สึกว่าทุกอย่างมันดูมีแบบแผนมากขึ้น สามารถบริหารชีวิตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รู้สึกว่าเราเก่งขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ได้เริ่มลองทำอะไรใหม่ๆ เยอะขึ้น แล้วเป็นปีที่เราติดเซ็มบัตสึเพลงหลักด้วย ถือเป็นปีที่ค่อนข้างดีค่ะ

 

Pancake: ปีนี้หนูรู้สึกว่าค่อนข้างวุ่นกับการเรียนตั้งแต่เดือนแรกจนถึงท้ายปี แต่ในความวุ่นวายหนูรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่ยังแบ่งเวลาได้ แล้วที่พยายามเรื่องเรียนมาตลอดทั้งปีมันส่งผลให้ได้คะแนนสอบออกมาดีด้วย อีกอย่างปีนี้กำลังเตรียมยื่นเข้ามหาวิทยาลัยเลยต้องเตรียมอะไรหลายอย่าง แต่ว่าปีนี้ก็สนุกดีนะคะ ได้เจอคนใหม่ๆ ได้รู้จักกับผู้คนเยอะขึ้น ได้ทำงานเยอะเหมือนกัน

 

Monet: ภาพรวมของปีนี้เป็นปีแรกที่รู้สึกว่าชีวิตมั่นคงขึ้นนับตั้งแต่มาอยู่ในวง เพราะก่อนหน้านี้รู้สึกเหมือนเราต้องวิ่งอยู่ตลอดเวลา ต้องหาแฟนคลับใหม่ๆ ต้องทำอย่างโน้น ต้องเป็นอย่างนี้

 

อาจจะด้วยความที่หลังจบงาน BNK48 16th Single Senbatsu General Election หนูติดเซ็มบัตสึ เหมือนทุกอย่างมันเริ่มมั่นคง เข้าที่เข้าทางมากขึ้น เพราะหลังจากนั้นก็ติดเซ็ม 2 เพลงในปีนี้ รวมถึงการได้รอบจับมือ หรือ 2-Shot ที่คงที่ ไปจนถึงฐานแฟนคลับที่ทำให้หนูรู้สึกอุ่นใจ แล้วก็ได้เป็นเซ็นเตอร์เพลง Rumor ด้วยค่ะ ก็ดีใจมากๆ

 

 

สรุปภาพรวมชีวิตของปีนี้ไปแล้ว เรามามองอนาคตของปีหน้ากันหน่อย เป้าหมายของแต่ละคนที่อยากทำในปีหน้ามีอะไรบ้าง

 

Monet: เปิดต้นปีมาเตรียมพบกับ Rumor เวอร์ชันภาษาไทยได้เลยค่ะ สัญญาว่าจะพา Rumor ไปให้ไกลมากๆ เพราะหนูก็ตั้งใจมากๆ กับเพลงนี้ คือปกติเขาไม่ได้ให้เมมเบอร์เข้าไปมีส่วนร่วมกับเพลงขนาดนั้น แต่ว่าหนูเอาตัวเองไปมีส่วนร่วมด้วย (หัวเราะ) ก็จะเป็นเพลงที่หนูมีส่วนร่วมแน่นอน ทั้งชุด มิวสิกวิดีโอ คอนเซปต์ต่างๆ นานา เพราะเพลงนี้ถือเป็นโอกาสในชีวิตหนูเลย หนูเลยอยากทำตรงนี้ให้ดีที่สุด

 

แล้วก็จะตั้งใจอ่านหนังสือค่ะ ฟีลเดียวกับแพนเค้ก เพราะหนูจะยื่นเข้ามหาวิทยาลัยช่วงสิ้นปีหน้า ก็คิดว่าจะเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ

 

Marine: เป้าหมายของหนูคือการจัดสรรเวลา แบ่งเวลาเรียน การทำงาน และการนอน เพราะว่าช่วงที่ผ่านมาเพลง #Sukinanda มีงานหลายงานเข้ามาซ้อนกัน ก็อาจทำให้พักผ่อนน้อยบ้าง เลยอยากแบ่งเวลาให้ดีมากขึ้นค่ะ 

 

Sindy: เป้าหมายปีหน้า หนูอยากพูดให้เก่งขึ้น รู้สึกว่าตอนนี้ยังพูดไม่ค่อยเก่งเลย

 

Pancake: ปีหน้าก็อยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ แต่ปีนี้ก็มีความสุขแล้วนะ แค่ปีหน้าอยากสุดยิ่งขึ้นไปอีก แล้วก็อยากติดเซ็มบัตสึไปเรื่อยๆ ค่ะ

 

Palmmy: ปีหน้าหนูก็จะเป็นพี่ปี 4 แล้ว หนูก็จะตั้งใจเรียนให้มากกว่าเดิม จะไม่เล่นเกมในห้อง (หัวเราะ) อยากใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยให้คุ้ม ส่วนชีวิตการทำงานก็อยากทำอะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อยากให้หนูติดเซ็มต่อไปได้ไหม ขอบคุณค่ะ

 

เปิดซองจดหมายถึง ‘แฟนคลับ’ ผู้เป็นกำลังใจสำคัญที่คอยซัพพอร์ตมาถึงวันนี้

 

 

Marine: ขอบคุณที่มองเห็นอะไรในตัวหนูตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็น BNK48 แล้วก็ดีใจที่ทุกคนตั้งใจแต่งตัวสวย หล่อ และน่ารัก เพื่อเดินทางมาหากันตลอด เพราะหนูก็ตั้งใจมาหาทุกคนเหมือนกัน ขอบคุณทุกคนมากๆ หนูรักทุกคนมากจริงๆ อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะคะ แล้วก็ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่คอยอยู่ข้างๆ หนูเวลาที่หนูเศร้าหรือหนูเครียด ขอบคุณค่ะ

 

 

Palmmy: ขอบคุณที่คอยดูแลหนูเหมือนลูกคนหนึ่ง หนูคิดว่าแฟนคลับจะรู้ว่าหนูเป็นคนค่อนข้างจะคิดเยอะ เขาก็จะคอยซัพพอร์ตให้กำลังใจหนูตลอดเลย แม้บางทีหนูไม่ได้บอกเลยว่ากำลังกังวลอะไร แต่ทุกคนจะรู้ตลอด และคอยปลอบหนูว่าไม่เป็นไรนะ ทำดีมาก เก่งแล้ว ครั้งหน้าก็สู้ต่อไป เดี๋ยวเขาจะอยู่คอยดูหนูเติบโตไปเรื่อยๆ หนูเลยรู้สึกอยากขอบคุณที่น่ารักกับหนูมาโดยตลอดค่ะ

 

 

Sindy: อยากขอบคุณทุกคนเหมือนกันค่ะ ขอบคุณที่คอยซัพพอร์ตและน่ารักกับหนูมาตลอด คอยส่งกำลังใจให้หนูมาตั้งแต่วันแรก ถ้าไม่มีทุกคนอยู่ หนูก็คงจะไม่มั่นใจในตัวเองมากขึ้นขนาดนี้ ถึงหนูจะไม่ได้พูดบ่อยว่าหนูรักทุกคน แต่หนูก็รักทุกคนมากๆ เลยค่ะ 

 

 

Monet: สวัสดีค่ะทุกคน ดีใจมากๆ ที่ทุกคนชอบที่หนูเป็นหนู ขอบคุณที่เราเป็นกลุ่มแฟนคลับที่ชิลๆ หนูมีความสุขกับแฟนคลับมาก ทุกครั้งที่ได้เจอทุกคนก็รู้สึกเหมือนได้อยู่ในพื้นที่สบายใจของหนู

 

ดีใจที่ทุกคนคอยสนับสนุนเวลาที่หนูลงมือทำอะไรใหม่ๆ ดีใจที่มีคนมาหา มาคุยกัน ถึงแม้จะมีเวลาเพียง 8 วินาที แต่ทุกคนทำให้ช่วงเวลานั้นมีความหมายกับหนูมากจริงๆ รวมถึงคนที่ดูไลฟ์แล้วก็คอยส่งความรักมาให้กันตลอด ขอบคุณที่รักเราในแบบที่เราเป็นเรา และหนูก็รักทุกคนเหมือนกันค่ะ

 

 

Pancake: ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนน้องแพนเค้กตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ แล้วก็อยากขอโทษถ้าหนูทำตัวไม่น่ารักหรือบางทีอาจจะไม่มีเวลาให้ ต่อจากนี้ก็มาสู้ไปด้วยกันนะคะ ขอบคุณค่ะ รักนะคะ

 

หลังจากที่ทั้ง 5 สาวกล่าวคำขอบคุณถึงแฟนๆ มาประมาณหนึ่งแล้ว เราเกิดความรู้สึกว่าอยากให้พวกเธอได้ลอง ‘ขอบคุณตัวเอง’ บ้าง เพราะเราเชื่อว่าบนโลกใบนี้ไม่มีใครรู้จักเราดีเท่าตัวเราเอง 

 

ดังนั้นมันคงจะดีไม่น้อยถ้าพวกเธอได้กล่าวและได้ฟังคำขอบคุณจากคนที่รู้จักพวกเธอดีที่สุด นั่นก็คือตัวของเธอเอง

 

 

Sindy: อยากขอบคุณตัวเองที่พยายามมาตลอด สู้มาตลอด แล้วก็ไม่ยอมแพ้ คอยพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ อยากบอกตัวเองว่าไม่ต้องกดดันตัวเอง ไม่ต้องเครียดกับทุกเรื่องมากก็ได้ แล้วก็อยากชมตัวเองว่าเก่งมากๆ ที่มาถึงจุดนี้ได้ถ้าเทียบจากแต่ก่อน รู้สึกภูมิใจในตัวเองค่ะ

 

 

Monet: อยากขอบคุณตัวเองที่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองรักค่ะ หนูรักการเต้นมาตั้งแต่เด็กแล้ว พอได้เข้ามาอยู่ในวงแล้วมีช่วงที่ไม่ได้ติดเซ็มบัตสึ ไม่ติดทีม คือเข้ามาในวงเพื่อเต้นแต่ไม่ได้เต้น แต่ถึงอย่างนั้นหนูก็ไม่ท้อ ยังคงทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมต่อไป เพราะในใจหนูยังรักสิ่งนี้มากๆ เลยอยากขอบคุณตัวเองไม่มองสิ่งที่รักเป็นเรื่องเครียดหรืออะไรที่กดดัน ขอบคุณที่ซื่อสัตย์กับสิ่งที่ตัวเองชอบ

 

แล้วพอทุกวันนี้เราได้โอกาสเต้นมากขึ้น ได้ขึ้นเวที ได้เป็นเซ็นเตอร์ ได้ติดเซ็มบัตสึมากขึ้น ก็อยากบอกตัวเองในอนาคตด้วยว่า จงเป็นตัวเองเหมือนที่เราเคยเป็น อยากให้คอยชื่นชมความพยายามของตัวเองอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่เรารัก ก็ช่วยตั้งใจ แล้วก็ช่วยรักษามันเอาไว้นานๆ

 

 

Palmmy: อยากบอกตัวเองว่าเก่งมากแล้ว เหมือนที่ผ่านมาเรายังเป็นคนที่คอยกดดันตัวเองอยู่ตลอด เวลามีคนบอกว่าเก่งมากแล้ว เราก็ยังสงสัยในตัวเองว่าเราเก่งจริงๆ เหรอ เลยรู้สึกว่าเวลาได้รับคำชื่นชมจากแฟนๆ หรือคนรอบข้าง อยากให้เชื่อตรงนั้น อยากให้เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้ เวลาใครบอกว่าเก่งมากแล้วก็คือเราเป็นคนเก่งจริงๆ ไม่ต้องไปเทียบกับใคร เราเก่งและเติบโตในแบบของเราอย่างดีที่สุดแล้ว

 

 

Pancake: อยากขอบคุณที่พัฒนาตัวเองอยู่เสมอโดยที่ไม่กดดันตัวเอง แล้วก็ขอบคุณตัวเองที่มีความแข็งแรงทางด้านอารมณ์มากขึ้น ไม่เก็บเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาคิดให้มันทุกข์ใจ และอยากบอกตัวเองว่า ตอนนี้เรามีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เราเก่งมากแล้ว อยากให้แพนเค้กภูมิใจกับตัวเองอยู่เสมอ แล้วก็อยากให้แพนเค้กสู้ไปเรื่อยๆ รักนะ สู้ๆ เป็นกำลังใจให้กับตัวเองเสมอ เย้

 

 

Marine: ถ้าเกิดหนูเจอตัวเองอีกคน หนูอยากตีตัวเองแรงๆ สักที (หัวเราะ) แล้วพูดเสียงดังๆ กับตัวเองว่า “เฮ้ย จะเก็บมาเครียดทำไม คือเราก็ทำได้นะ เราจะมัวมานั่งคิดว่าเราไม่เหมาะสมหรือเปล่า มันไม่ได้!

 

พอตีตัวเองเสร็จแล้วก็อยากลูบหัวปลอบพร้อมพูดว่า “ไม่เป็นไรนะ สิ่งที่เราลงมือทำไป เราทำดีที่สุดแล้ว ในทุกๆ ครั้งที่เราขึ้นสเตจไม่ต้องคิดเยอะเลย เพราะแฟนคลับพร้อมให้กำลังใจอยู่แล้ว ไม่ต้องมานั่งร้องไห้คนเดียว

 

หนูอยากบอกตัวเองว่า เธอเก่งมากๆ กับช่วงเวลาที่ผ่านมา หนูเห็นตัวเองพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะว่าตัวเราอยู่กับตัวเองมาตลอด อยากบอกว่าเราไม่ต้องไปกดดันตัวเองขนาดนั้น อย่าว่าตัวเองเยอะเกินไป ถ้ามีอะไรให้บอกครอบครัวหรือแฟนคลับก็ได้ ไม่ต้องเก็บมาคิดคนเดียวแล้วนะ สุดท้ายอยากขอบคุณที่สร้างความสุขให้ตัวเองได้ทุกๆ วัน รักตัวเองให้เยอะๆ นะมารีน 😀

 

ฟังเพลง #Sukinanda – BNK48

https://www.youtube.com/watch?v=ymTOSdkUWBs

 

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง:

 

The post สำรวจความรู้สึก 5 สาว BNK48 #Sukinanda มิตรภาพ ความรัก และคำขอบคุณ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Hisashiburi no Lip Gloss เพลงฟังสนุกที่ชวนให้คิดถึงความรักครั้งเก่าจาก CGM48 https://thestandard.co/hisashiburi-no-lip-gloss-cgm48/ Sun, 24 Sep 2023 11:12:19 +0000 https://thestandard.co/?p=845513 Hisashiburi no Lip Gloss CGM48

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ Hisashiburi no Lip Glo […]

The post Hisashiburi no Lip Gloss เพลงฟังสนุกที่ชวนให้คิดถึงความรักครั้งเก่าจาก CGM48 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Hisashiburi no Lip Gloss CGM48

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ Hisashiburi no Lip Gloss ซิงเกิลอัลบั้มที่ 2 จากไอดอลกรุ๊ป CGM48 ที่เพิ่งจัดงานเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 23 กันยายน ณ เซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต ก่อนที่จะปล่อยมิวสิกวิดีโอฉบับเต็มออกมาให้แฟนๆ ได้รับชมพร้อมกันในวันนี้ (24 กันยายน)

 

Hisashiburi no Lip Gloss CGM48

 

สำหรับเพลง Hisashiburi no Lip Gloss เป็นการนำผลงานซิงเกิลหลักที่ 60 ของวงรุ่นพี่ AKB48 มานำเสนอในรูปแบบของ CGM48 โดยได้ ครูแมน-ตนุภพ โนทยานนท์ มารับหน้าที่แปลเนื้อเพลงฉบับภาษาไทย พร้อมด้วย ออม-ปุณยวีร์ จึงเจริญ กัปตันวงมารับตำแหน่งเซ็นเตอร์ 

 

ด้านสมาชิกเซ็มบัตสึอีก 15 คน ได้แก่ ฟอร์จูน-ปัณฑิตา คูณทวี, สิตา ธีรเดชสกุล, นานา-เพ็ญพิชญา บุญเสนอ, พั้นซ์-วัชรี ด่านผาสุกกุล, มามิ้งค์-มาณิฌา เอี่ยมดิลกวงศ์, เหมย-รพีพรรณ แช่มเจริญ, คนิ้ง-วิทิตา สระศรีสม, ไข่หวาน-มานิตา จันทร์ฉาย, ลูกเกด-พิมพ์ลภัส สุวรรณน้อย, อิซึรินะ-รินะ อิซึตะ, แชมพู-กชพร ลีละทีป, พิม-พรวารินทร์ วงศ์ตระกูลกิจ, จิงจิง-อรัญญา แก้วมาลัย, ปิ๊ง-พิณพณา แสงบุญ และ นีน่า-ณัฐริกา บุญตั๋ว

 

Hisashiburi no Lip Gloss CGM48

 

Hisashiburi no Lip Gloss มาพร้อมกับดนตรีสไตล์ J-Pop ฟังสนุก มีความสดใสในแบบของ 48 Group แต่เนื้อหาของเพลงกลับเอ่อล้นด้วยความคิดถึงคนคนหนึ่งที่เราเคยตกหลุมรักในวันวาน จนวันเวลาผ่านไปเราก็ได้กลับมาเจอกับคนคนนั้นอีกครั้ง ในวันที่เขากำลังมีความสุขกับความรักครั้งใหม่ เราจึงทำได้เพียงเฝ้ามองและยินดีกับเขา แม้ว่าใจของเราจะยังคิดถึงคนคนนั้นอยู่ก็ตาม 

 

“Hisashiburi no Lip Gloss

เปล่งแสงในวันนี้ ประกายวาววับดูดียิ่งกว่า

เห็นเพียงรอยยิ้มเธอก็รู้ว่า เธอนั้นคงมีความสุขล้นมากมายใช่ไหม

ก็ฉันในวันนั้นเคยชอบเธอมากมาย

ทำได้เพียงแค่มองจ้องตากัน แม้ใจมันอยากลอง

ทั้งที่ริมฝีปากอยู่ใกล้กันแค่นี้ แต่ต้องยอมและปล่อยมันไป”

 

Hisashiburi no Lip Gloss CGM48  

 

นอกจากนี้ Hisashiburi no Lip Gloss ยังมาพร้อมกับมิวสิกวิดีโอที่โดดเด่นด้วยงานภาพสวยๆ พร้อมเรื่องราวของเซ็นเตอร์อย่างออมที่เดินทางมายังชายหาดเพียงลำพัง กระทั่งเธอจะได้มาพบเจอกับเพื่อนๆ ที่ชวนเธอไปทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ทั้งการพาไปกินไอศกรีม พักผ่อนบนชายหาด จนทำให้เธอกลับมามีรอยยิ้มได้อีกครั้ง ตัดสลับกับพาร์ตเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่พวกเธอทั้ง 16 คนได้โชว์ความสามารถ พร้อมกับชุดเซ็มบัตสึสวยๆ ให้แฟนๆ ได้ชม เรียกได้ว่า Hisashiburi no Lip Gloss เป็นอีกหนึ่งเพลงจาก CGM48 ที่ฟังสนุกและเผยเสน่ห์ของสมาชิกทุกคนออกมาได้อย่างลงตัว

 

รับชมมิวสิกวิดีโอได้ที่: 

 

The post Hisashiburi no Lip Gloss เพลงฟังสนุกที่ชวนให้คิดถึงความรักครั้งเก่าจาก CGM48 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Iiwake Maybe ซิงเกิลหลักที่ 13 จาก BNK48 ที่น่ารักและชุดเซ็มบัตสึสะดุดตา https://thestandard.co/iiwake-maybe-bnk48/ Tue, 28 Feb 2023 11:00:19 +0000 https://thestandard.co/?p=756545

เป็นอีกหนึ่งผลงานที่เปี่ยมไปด้วยความสดใสสำหรับ BNK48 ที […]

The post Iiwake Maybe ซิงเกิลหลักที่ 13 จาก BNK48 ที่น่ารักและชุดเซ็มบัตสึสะดุดตา appeared first on THE STANDARD.

]]>

เป็นอีกหนึ่งผลงานที่เปี่ยมไปด้วยความสดใสสำหรับ BNK48 ที่ได้จัดงาน BNK48 13th Single Iiwake Maybe First Performance ไปเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ พร้อมปล่อยมิวสิกวิดีโอซิงเกิลหลักที่ 13Iiwake Maybe’ ให้แฟนๆ ได้ชม

 

 

สำหรับ Iiwake Maybe เดิมเป็นผลงานซิงเกิลหลักที่ 13 ของวงรุ่นพี่ AKB48 ที่วางจำหน่ายในปี 2009 อีกทั้งยังเป็นซิงเกิลที่มาจากงาน General Election ครั้งแรกของวง โดยได้ อัตสึโกะ มาเอดะ รับตำแหน่งเซ็นเตอร์ ขณะที่ฉบับของ BNK48 ได้สมาชิกรุ่นที่ 3 อย่าง แพนเค้ก-พิทยาภรณ์ เกียรติฐิตินันท์ มารับตำแหน่งเซ็นเตอร์เป็นครั้งแรก และ ครูแมน-ตนุภพ โนทยานนท์ มารับหน้าที่แปลเนื้อเพลงฉบับภาษาไทย 

 

 

ส่วนเซ็มบัตสึกอีก 15 คน ประกอบด้วย เฌอปราง อารีย์กุล, มิโอริ โอคุโบะ, ฟ้อนด์-ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา, วี-วีรยา จาง, จีจี้-ณัฐกุล พิมพ์ธงชัยกุล, มินมิน-รชยา ทัพพ์คุณานนต์, นิว-ชัญญาภัค นุ่มประสพ, ฮูพ-ปาฏลี ประเสริฐธีระชัย, ปาเอญ่า-นิพพิชฌาน์ พิพิธเดชา, แพมแพม-สาริศา วรสุนทร, เฟม-นันทภัค กิตติรัตนวิวัฒน์ พร้อมด้วยสมาชิกที่ติดเซ็มบัตสึซิงเกิลหลักครั้งแรกอย่าง โมเน่ต์-ภาริตา ริเริ่มกุล, แจนรี่-กัลยารัตน์ ปั้นพิพัฒน์, แพท-ภัทรา ธีระวาส และ แอล-สิริกร นิลกษาปน์

 

Iiwake Maybe มาพร้อมกลิ่นอายดนตรี J-Pop ฟังสนุก สัมผัสได้ถึงความน่ารักสดใสที่พวกเธอถ่ายทอดออกมาผ่านบทเพลงได้อย่างชัดเจน มีท่อนโซโล่กีตาร์เท่ๆ บวกกับเนื้อหาของเพลงที่พูดถึงการแอบรักเพื่อน แต่ก็แอบลังเลว่าตัวเองชอบใครคนนั้นจริงหรือเปล่า ถึงแม้จะรู้ดีว่ามันคือความรัก แต่ก็ยังหลอกตัวเองว่าแค่อาจจะรักเธอเท่านั้น 

 

 

ขณะที่มิวสิกวิดีโอได้ พุฒิโรจน์ เทวกุล ณ อยุธยา มานั่งแท่นผู้กำกับ บอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาว (แพนเค้ก) ที่แอบรักเพื่อนคนหนึ่งและอยากสารภาพความรู้สึกของตัวเองให้เขาได้รับรู้ เพื่อนๆ จึงช่วยเหลือเธอด้วยการนำตุ๊กตาหมีมาเป็นสื่อกลางในการบอกรัก ทั้งการบันทึกเสียงคำว่า ‘ชอบเธอนะ’ ลงไปในตุ๊กตา พร้อมออกแบบเสื้อผ้าให้ดูน่ารัก เพื่อส่งมอบหมีตัวนี้ให้กับคนที่แอบรัก 

 

 

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของเพลงนี้คือ ชุดเซ็มบัตสึลายสกอตสีแดงที่คงเอกลักษณ์ของชุดเซ็มบัตสึต้นฉบับที่ออกแบบโดย คายาโนะ ชิโนบุ ไว้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่การนำชุดนักเรียนญี่ปุ่นมาดัดแปลงใหม่ เพื่อสื่อถึงความรักและความสดใสของวัยรุ่น ซึ่งชุดของแต่ละคนก็ถูกออกแบบให้มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ทั้งตราสัญลักษณ์ การแต่งโซ่ทอง ยศต่างๆ โบไท เครื่องประดับศีรษะที่ไม่ซ้ำแบบ รวมไปถึงรูปแบบของหางทักซิโดที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่น    

 

Iiwake Maybe เรียกว่าเป็นการคัมแบ็กของ BNK48 ที่เปี่ยมไปด้วยความสดใส ชวนให้เราอมยิ้มไปกับพวกเธอ รวมถึงชุดเซ็มบัตสึอันมีเอกลักษณ์ที่ทำให้เราจดจำได้เป็นอย่างดี 

 

รับชมมิวสิกวิดีโอได้ที่:

 

 

อ้างอิง:

The post Iiwake Maybe ซิงเกิลหลักที่ 13 จาก BNK48 ที่น่ารักและชุดเซ็มบัตสึสะดุดตา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประมวลภาพบรรยากาศงาน BNK48 13th Single Iiwake Maybe First Performance https://thestandard.co/event-bnk48-iiwake-maybe/ Tue, 28 Feb 2023 06:53:31 +0000 https://thestandard.co/?p=756582

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไอดอลกรุ๊ป BNK48 ได้ […]

The post ประมวลภาพบรรยากาศงาน BNK48 13th Single Iiwake Maybe First Performance appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไอดอลกรุ๊ป BNK48 ได้จัดงาน BNK48 13th Single Iiwake Maybe First Performance หรืองานเปิดตัวซิงเกิลหลักที่ 13 Iiwake Maybe ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ นำทีมโดย แพนเค้ก-พิทยาภรณ์ เกียรติฐิตินันท์ ผู้รับตำแหน่งเซ็นเตอร์ครั้งนี้ ซึ่งมีแฟนเพลงเดินทางมาร่วมงานคับคั่ง

 

 

งานเปิดตัวครั้งนี้ได้ เฌอปราง อารีย์กุล มารับหน้าที่จัดเซ็ตลิสต์ เริ่มต้นด้วยการแสดงจากสมาชิกรุ่นที่ 4 ทั้ง 11 คน ที่ขึ้นมาส่งมอบความสดใสให้แฟนๆ ในซิงเกิลเดบิวต์ของพวกเธออย่าง Shoujotachi yo – วันใหม่ และเพลง Sayonara Crawl ตามมาด้วยการแสดงจากสมาชิก BNK48 ทั้ง 3 รุ่น ที่ขนเพลงมามอบความสนุกกันแบบจัดเต็ม นำโดย Jabaja และ Warota People

 

 

ก่อนที่จะเซอร์ไพรส์แฟนๆ ด้วยการนำเพลงจากสเตจ Team BIII และ Team NV มาแสดงให้แฟนๆ ได้ชมนอกเธียเตอร์ พร้อมสลับสมาชิก Team เพื่อให้การแสดงมีสีสันมากขึ้น โดยสมาชิก Team BIII จะแสดงเพลงของ Team NV ในชื่อ Ai no Stripper ขณะที่สมาชิก Team NV จะแสดงเพลงของ Team BIII ในชื่อ Shamu Neko แมวสยาม 

 

 

ต่อเนื่องกันด้วยการเปิดตัวเพลงรองที่ 2 จากซิงเกิลหลักที่ 13 ในชื่อ เสียงของใบไม้ ซึ่งเป็นเพลงออริจินัลที่แต่งโดย ครูแมน-ตนุภพ โนทยานนท์ และร้องโดย ฮูพ-ปาฏลี ประเสริฐธีระชัย กัปตัน Team BIII และ นาย-ภัทรนรินทร์ เหมือนฤทธิ์ กัปตัน Team NV ที่สื่อถึงเรื่องราวของสมาชิก BNK48 และแฟนคลับที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เพื่อบอกกับทุกว่า BNK48 จะยังคงก้าวเดินต่อไป

 

 

แล้วก็มาถึงการแสดงที่ทุกคนรอคอย กับการเปิดตัวซิงเกิลหลักที่ 13 Iiwake Maybe ที่มาพร้อมกับชุดนักเรียนลายสกอตสีแดงอันโดดเด่น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุดเซ็มบัตสึต้นฉบับของรุ่นพี่ AKB48 ตามมาด้วยการแสดงจากเพลง Oogoe Diamond และ 365 วันกับเครื่องบินกระดาษ 

 

 

ก่อนจะปิดท้ายด้วยการเปิดมิวสิกวิดีโอเพลง Iiwake Maybe ให้ทุกคนได้ชมไปพร้อมๆ กัน ถือเป็นการสิ้นสุดงาน BNK48 13th Single Iiwake Maybe First Performance อย่างน่าประทับใจ 

 

รับชมงานเปิดตัว BNK48 13th Single Iiwake Maybe First Performance ย้อนหลังได้ที่: 

 

 

รับชมมิวสิกวิดีโอ Iiwake Maybe ได้ที่:

 

The post ประมวลภาพบรรยากาศงาน BNK48 13th Single Iiwake Maybe First Performance appeared first on THE STANDARD.

]]>
8 ธันวาคม 2005 – AKB48 รุ่น 1 ขึ้นแสดงครั้งแรก มีผู้ชม 7 คน https://thestandard.co/onthisday08122005/ Thu, 08 Dec 2022 01:13:44 +0000 https://thestandard.co/?p=721159

8 ธันวาคม 2005 กลุ่มไอดอลวง AKB48 รุ่นที่ 1 จำนวน 20 คน […]

The post 8 ธันวาคม 2005 – AKB48 รุ่น 1 ขึ้นแสดงครั้งแรก มีผู้ชม 7 คน appeared first on THE STANDARD.

]]>

8 ธันวาคม 2005 กลุ่มไอดอลวง AKB48 รุ่นที่ 1 จำนวน 20 คน กลุ่มไอดอลยอดนิยมในปัจจุบันที่มีโปรดิวเซอร์ อากิโมโตะ ยาสุชิ คอยดูแลอยู่ ได้ขึ้นแสดงที่โรงละครของตัวเองในย่านอากิฮาบาระเป็นครั้งแรก โดยมีผู้ชมทั้งหมด 72 คน แต่มีผู้เกี่ยวข้องและทีมงานถึง 65 คน ส่วนผู้ชมจริงๆ นั้นมีเพียง 7 คนเท่านั้น

 

ภาพ: 48G Kingdom

อ้างอิง:

The post 8 ธันวาคม 2005 – AKB48 รุ่น 1 ขึ้นแสดงครั้งแรก มีผู้ชม 7 คน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เก็บภาพประทับใจในงานเปิดตัวเพลง ‘Jiwaru DAYS’ ที่อบอวลไปด้วยรอยยิ้ม ความสุข และคราบน้ำตา ของเหล่า BNK48 รุ่น 1 https://thestandard.co/bnk48-jiwaru-days/ Tue, 22 Nov 2022 04:44:28 +0000 https://thestandard.co/?p=713434

ผ่านพ้นไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความสุข เสียงหัว […]

The post เก็บภาพประทับใจในงานเปิดตัวเพลง ‘Jiwaru DAYS’ ที่อบอวลไปด้วยรอยยิ้ม ความสุข และคราบน้ำตา ของเหล่า BNK48 รุ่น 1 appeared first on THE STANDARD.

]]>

ผ่านพ้นไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความสุข เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา สำหรับงาน BNK48 1st Generation Special Single ‘Jiwaru DAYS’ First Performance จัดขึ้นที่ เทอร์มินอล 21 พระราม 3 ท่ามกลางแฟนคลับที่ตามมาให้กำลังใจอย่างล้มหลาม

 

โดยเพลง Jiwaru DAYS เดิมทีต้นฉบับคือเพลงจบการศึกษาของ ‘ซัชชี่’ หรือ ริโนะ ซาชิฮาระ อดีตสมาชิกวง HKT48 และ AKB48 ถูกหยิบมาเป็นเพลงพิเศษที่ทำขึ้นเพื่อเป็นเพลงสำหรับเหล่าสมาชิก BNK48 รุ่น 1 ทั้ง 22 คน ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมกันมานานเกือบ 6 ปี จนถึงวันนี้เมมเบอร์ส่วนใหญ่ได้ทยอยประกาศจบการศึกษาเพื่อก้าวสู่เส้นทางใหม่ ออกไปเดินตามความฝันของแต่ละคน

 

Jiwaru DAYS ในเวอร์ชัน BNK48 ตัวเพลงนี้มีเนื้อหาที่สะท้อนความรัก ความผูกพัน ความห่วงใย และมิตรภาพดีๆ ระหว่างเพื่อน ตลอดช่วงเวลาหลายปี แต่ถึงจุดหนึ่งแต่ละคนต้องออกไปเติบโตตามทางของตัวเอง โดยนอกเหนือจากเพลงความหมายดีๆ แล้ว

 

ตัวมิวสิกวิดีโอความยาว 6.30 นาที ยังแฝงไปด้วย Easter Egg ต่างๆ มากมายให้แฟนคลับได้เข้าไปชมและค้นหากัน และภาพรวมผลงานเพลงชิ้นนี้ยังได้อารมณ์ ‘หนังสือรุ่น’ ของเหล่าสมาชิก BNK48 รุ่น 1 อีกด้วย

 

นอกจาก Jiwaru DAYS แล้ว ในงานยังมีโชว์เปิดตัวอีก 2 เพลงที่อยู่ในลิสต์ Special Single ชุดนี้อย่าง Pioneer และ Sakura no Ki ni Narou (ดั่งซากุระตลอดไป) 

 

ฟังเพลง Jiwaru DAYS ได้ที่

 

 


 

The post เก็บภาพประทับใจในงานเปิดตัวเพลง ‘Jiwaru DAYS’ ที่อบอวลไปด้วยรอยยิ้ม ความสุข และคราบน้ำตา ของเหล่า BNK48 รุ่น 1 appeared first on THE STANDARD.

]]>
โอคาดะ นานะ และ มุรายามะ ยุยริ สองสมาชิกจาก AKB48 จะมารับหน้าที่โปรดิวซ์ท่าเต้นและเนื้อเพลงในซิงเกิลที่ 12 ของ BNK48 https://thestandard.co/okada-nana-murayama-yuiri-produced-the-choreography-and-lyrics-for-the-12th-single/ Sat, 22 Jan 2022 07:44:30 +0000 https://thestandard.co/?p=585401 AKB48

หลังจากที่ไอดอลกรุ๊ป BNK48 ได้ประกาศรายละเอียดของงาน 12 […]

The post โอคาดะ นานะ และ มุรายามะ ยุยริ สองสมาชิกจาก AKB48 จะมารับหน้าที่โปรดิวซ์ท่าเต้นและเนื้อเพลงในซิงเกิลที่ 12 ของ BNK48 appeared first on THE STANDARD.

]]>
AKB48

หลังจากที่ไอดอลกรุ๊ป BNK48 ได้ประกาศรายละเอียดของงาน 12th Single Senbatsu General Election หรืองานเลือกตั้งครั้งที่ 3 ให้แฟนๆ ได้ทราบคร่าวๆ แล้วว่า ซิงเกิลหลักที่ 12 จะเป็นออริจินัลซองเพลงที่ 2 ของวง และจะได้สมาชิกจากวงรุ่นพี่ AKB48 มารับหน้าที่โปรดิวซ์ให้ จนทำให้แฟนๆ ต่างคาดเดากันต่อว่าสมาชิกรุ่นพี่คนไหนจะมาเป็นคนรับหน้าที่โปรดิวซ์ในครั้งนี้

 

ล่าสุดทางวงก็ได้ปล่อยคลิปประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมของซิงเกิลหลักที่ 12 ให้แฟนๆ ได้ติดตามเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งสมาชิกวง AKB48 ที่จะมารับหน้าที่โปรดิวซ์ให้กับซิงเกิลนี้คือ โอคาดะ นานะ AKB48 Team 4 ที่จะมาโปรดิวซ์เนื้อเพลง และ มุรายามะ ยุยริ AKB48 Team 4 ที่จะมาโปรดิวซ์ท่าเต้น 

 

โดย โอคาดะ นานะ ได้กล่าวความรู้สึกที่ได้ร่วมโปรดิวซ์ซิงเกิลที่ 12 ของ BNK48 ว่า “ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลย ถึงแม้จะค่อนข้างยาก แต่ว่าการที่สามารถเป็นพลังให้เมมเบอร์ของ BNK ที่แสนรักก็ดีใจมากๆ เลยค่ะ จะพยายามเต็มที่ค่ะ”

 

ด้าน มุรายามะ ยุยริ กล่าวว่า “ทางนี้ก็จะพยายามเต็มที่ เพื่อท่าเต้นที่ทุกคนจะต้องชอบค่ะ แล้วก็จะเฝ้ารอวันที่จะได้เจอกับทุกคนนะคะ”

 

สำหรับ โอคาดะ นานะ มีชื่อเล่นว่า นาจัง คือสมาชิกวง AKB48 รุ่นที่ 14 และเป็นหนึ่งในสมาชิก Team 4 โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2012 รวมถึงได้เป็นหนึ่งในสมาชิกวง STU48 รุ่นที่ 1 (ควบวง) ตั้งแต่ปี 2017-2021 โดยผลงานที่ โอคาดะ นานะ ได้รับตำแหน่งเซ็นเตอร์ของเพลง เช่น Jabaja ซิงเกิลหลักที่ 51 ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2018 ฯลฯ

 

และ มุรายามะ ยุยริ มีชื่อเล่นว่า ยุยรี่ คือสมาชิกวง AKB48 รุ่นที่ 13 และเป็นกัปตันทีม Team 4 เริ่มเปิดตัวครั้งแรกในปี 2011 โดยผลงานที่ มุรายามะ ยุยริ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกเซ็มบัตสึ เช่น Jabaja ซิงเกิลหลักที่ 51 ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2018, Teacher Teacher ซิงเกิลหลักที่ 52 ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2018 ฯลฯ

 

รับชมคลิปประกาศรายละเอียดงานเลือกตั้งเพิ่มเติมได้ที่นี้ 

 

 

อ้างอิง:

The post โอคาดะ นานะ และ มุรายามะ ยุยริ สองสมาชิกจาก AKB48 จะมารับหน้าที่โปรดิวซ์ท่าเต้นและเนื้อเพลงในซิงเกิลที่ 12 ของ BNK48 appeared first on THE STANDARD.

]]>
5 ปรากฏการณ์ของ Heavy Rotation จากซิงเกิลยอดฮิตของ AKB48 สู่ซิงเกิลเลือกตั้งลำดับที่ 9 ของ BNK48 https://thestandard.co/heavy-rotation-akb48-to-bnk48-9th-single/ Fri, 10 Jul 2020 11:11:18 +0000 https://thestandard.co/?p=378973

One Two Three Four!   สี่คำสั้นๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพล […]

The post 5 ปรากฏการณ์ของ Heavy Rotation จากซิงเกิลยอดฮิตของ AKB48 สู่ซิงเกิลเลือกตั้งลำดับที่ 9 ของ BNK48 appeared first on THE STANDARD.

]]>

One Two Three Four!

 

สี่คำสั้นๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังอันหนักแน่นของ เจน-กุลจิราณัฐ อินทรศิลป์ ผู้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้กับงาน BNK48 9th Single Senbatsu General Election หลังจากคว้าอันดับที่ 1 ด้วยผลโหวตมากถึง 100,489 คะแนน พร้อมกับสิทธิ์ในการเลือกซิงเกิลลำดับที่ 9 ด้วยตัวเอง

 

สำหรับผู้ที่ติดตาม AKB48 มาโดยตลอดก็คงจะทราบกันดีว่า Heavy Rotation ที่เจนเลือกมาในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานที่โด่งดังที่สุดของ AKB48 ที่ไม่ว่าพวกเธอจะต้องเดินทางไปแสดงที่ไหนก็ต้องมีเพลงนี้อยู่ในเพลย์ลิสต์เสมอ 

 

THE STANDARD POP รวบรวม 5 เกร็ดน่าสนใจของ Heavy Rotation เพื่อวอร์มอัพก่อนที่เราจะไปรับชมงานเปิดตัวซิงเกิลลำดับที่ 9 พร้อมกันในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้

 

 

  1. โอชิมะ ยูโกะ เซ็นเตอร์ผู้โค่นล้ม มาเอดะ อัตสึโกะ เซ็นเตอร์ในตำนานแห่ง AKB48 

ภายในงาน 17th Single Senbatsu General Election งานเลือกตั้งครั้งที่ 2 ของ AKB48 ที่จัดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2010 ได้สร้างความฮือฮาให้กับเหล่าแฟนคลับ เมื่อ โอชิมะ ยูโกะ สามารถคว้าอันดับ 1 ด้วยผลโหวต 31,448 คะแนน เอาชนะ มาเอดะ อัตสึโกะ เมมเบอร์ที่เหล่าแฟนคลับยกย่องให้เป็น ‘เซ็นเตอร์ในตำนาน’ ได้สำเร็จ 

 

โอชิมะ ยูโกะ จึงได้รับตำแหน่งเซ็นเตอร์ในซิงเกิลลำดับที่ 17 Heavy Rotation ซึ่งถือเป็นการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเซ็นเตอร์ในซิงเกิลหลักเป็นครั้งแรกของเธออีกด้วย 

 

 

  1. Heavy Rotation อีกหนึ่งความสำเร็จอันท่วมท้นของ AKB48

หลังจากที่ Heavy Rotation เริ่มออกวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคม 2010 ก็สามารถทำยอดขายในสัปดาห์แรกได้สูงถึง 527,336 ก๊อบปี้ และขึ้นอันดับ 1 บน Oricon ชาร์ตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้  Heavy Rotation ยังสามารถขึ้นสู่อันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Japan Hot 100 และ Billboard Yearly Japan Hot 100 ในอันดับที่ 3 อีกด้วย และยังสามารถติดอันดับหนึ่งในชาร์ต Top 200 ยาวนานถึง 123 สัปดาห์ 

 

โดยในปี 2010 ซิงเกิล Heavy Rotation สามารถทำยอดขายไปได้ทั้งหมด 713,275 ก๊อบปี้ และขึ้นแท่นเป็นซิงเกิลที่มียอดขายสูงสุดในญี่ปุ่นเป็นอันดับที่ 2 ในปี 2010 ก่อนที่จะปิดยอดขายทั้งหมดตั้งแต่ปี 2010-2014 ด้วยยอดขายที่สูงถึง 881,519 ก๊อบปี้ 

 

นอกจากนี้ Heavy Rotation ยังเป็นบทเพลงที่ได้รับความนิยม และถูกหยิบมาร้องในร้านคาราโอเกะของญี่ปุ่นอย่างมาก ซึ่งส่งให้บทเพลงนี้กลายเป็นที่รู้จักและโด่งดังขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ Heavy Rotation เป็นหนึ่งในเพลย์ลิสต์ประจำวงที่ขาดไม่ได้ 

 

มิวสิกวิดีโอเพลง Heavy Rotation ของ AKB48

 

 

 

  1. Heavy Rotation หนึ่งในบทเพลงที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ

หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ ‘คุกกี้เสี่ยงทาย’ กลายเป็นปรากฏการณ์ของวงการเพลงไทย คือเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์ของบทเพลงที่ทำให้ผู้ชมจดจำ ไม่ว่าจะเป็นท่าเต้นที่ทุกคนสามารถเต้นตามได้ และท่อน โอนิกิริ ที่สามารถทำให้ฟังเพียงครั้งเดียวก็ติดวนซ้ำๆ อยู่ในหู (Earworm) ได้ทันที

 

Heavy Rotation ถือเป็นอีกหนึ่งบทเพลงของ AKB48 ที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ และเข้าถึงผู้ชมได้ไม่ยากเช่นเดียวกับเพลง คุกกี้เสี่ยงทาย 

 

เริ่มตั้งแต่ท่อนอินโทร การเคาะจังหวะด้วยเสียงฉาบและตามด้วยท่อน One Two Three Four! ตามจังหวะเพลง ก่อนที่ซาวด์กีตาร์จะทำหน้าที่ปลุกเร้าความสนุกให้เราโยกหัวและกระโดดตามจังหวะ และใส่ท่าไม้ตายด้วยท่อนฮุกอย่าง I Want You!, I Need You!, I Love You! กันตั้งแต่ต้นเพลง 

 

นอกจากนี้ Heavy Rotation ยังเป็นเพลงที่มีการออกแบบเพอร์ฟอร์แมนซ์บนเวทีที่โดดเด่น ทั้งการเต้นโซโล่ของเซ็นเตอร์ในช่วงต้นเพลง การนำขาไมค์มาใช้เป็นส่วนหนึ่งในองค์ประกอบของการออกแบบท่าเต้นอย่างน่าสนใจ ซึ่งทำให้เราสามารถร้องตาม และสนุกไปกับการแสดงของ AKB48 ได้ตลอดการแสดง

 

 

  1. การแสดง Heavy Rotation เวอร์ชันภาษาไทยครั้งแรกของ BNK48 ภายในงาน AKB48 Group Asia Festival 2019 in Bangkok 

AKB48 Group Asia Festival 2019 in Bangkok ถือเป็นอีกหนึ่งอีเวนต์สำคัญของ 48Group กับคอนเสิร์ตสุดพิเศษจาก AKB48 ที่มามอบความสุขให้กับแฟนคลับร่วมกับวงน้องสาวต่างแดนอย่าง BNK48 จากประเทศไทย, MNL48 จากประเทศฟิลิปปินส์, JKT48 จากประเทศอินโดนีเซีย, AKB48 Team TP จากไต้หวัน, AKB48 Team SH จากประเทศจีน และ SGO48 จากประเทศเวียดนาม โดยจัดขึ้นในวันที่ 27 มกราคม 2019 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี

 

โดยหนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงาน คือการแสดงจากยูนิต World Senbatsu หรือ WRD48 ที่รวบรวม 16 เซ็มบัตสึจากทั้ง 7 วงมาร่วมแสดงในเพลง Heavy Rotation โดยมี เฌอปราง-เฌอปราง อารีย์กุล รับหน้าที่เป็นเซ็นเตอร์ ร่วมกับเมมเบอร์จาก BNK48 อีก 2 คนได้แก่ มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ และ ปัญ-ปัญสิกรณ์ ติยะกร

 

ซึ่งความพิเศษของโชว์ในครั้งนั้น คือการนำส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง Heavy Rotation มาแปลและขับร้องเป็นภาษาไทยให้แฟนคลับได้ฟังกันเป็นครั้งแรกอีกด้วย ซึ่งเราก็คงจะต้องติดตามกันว่าเพลง Heavy Rotation ในเวอร์ชันภาษาไทยเต็มเพลง จะมีการแปลเนื้อหาของเพลงออกมาอย่างไร

 

  1. ความสำเร็จที่มาพร้อมกับคำวิพากษ์วิจารณ์

อีกหนึ่งความสำเร็จของ Heavy Rotation คือการทำสถิติมิวสิกวิดีโอที่มียอดวิวชมทะลุ 100 ล้านวิวได้เป็นเพลงแรกของ AKB48 แต่ในขณะเดียวกัน มิวสิกวิดีโอเพลงนี้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชมบางกลุ่มทั้งในประเทศและนอกประเทศ ในเรื่องของ ความเหมาะสมมากพอสมควร 

 

มิวสิกวิดีโอเพลงนี้กำกับโดย นินากาวะ มิกะ ผู้กำกับและช่างภาพหญิงชาวญี่ปุ่น โดยนำเสนอภาพลักษณ์ด้วยการให้เมมเบอร์สวมชุดชั้นในที่ดูวาบหวิว รวมถึงฉากบางฉากที่ส่อไปในเรื่องเพศ จนทำให้ผู้ชมบางกลุ่มมองว่าการนำเสนอในรูปแบบนี้เป็นการใช้เพื่อดึงดูดแฟนคลับกลุ่มเพศชาย และทำให้เมมเบอร์กลายเป็นเพียงวัตถุทางเพศ 

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามิวสิกวิดีโอจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความเหมาะสมในการนำเสนอ แต่ในท้ายที่สุด Heavy Rotation ก็ถือเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเพลงหนึ่ง และทำให้ใครหลายคนรู้จักและเริ่มติดตาม AKB48 มาจนถึงปัจจุบัน  

 

และต้องรอลุ้นกันอีกครั้งว่าเพลง Heavy Rotation จะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับ BNK48 ได้มากขนาดไหนในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้

 

สามารถรับชมตัวอย่างมิวสิกวิดีโอเพลง Heavy Rotation ได้ทาง

 

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

 

The post 5 ปรากฏการณ์ของ Heavy Rotation จากซิงเกิลยอดฮิตของ AKB48 สู่ซิงเกิลเลือกตั้งลำดับที่ 9 ของ BNK48 appeared first on THE STANDARD.

]]>