African-American – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 17 Jun 2022 00:21:41 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 19 มิถุนายน 2022 – วันรำลึกการสิ้นสุดความเป็นทาสของชาวแอฟริกัน-อเมริกัน (Juneteenth) https://thestandard.co/onthisday19062022/ Sun, 19 Jun 2022 00:00:20 +0000 https://thestandard.co/?p=642918 Juneteenth

วันที่ 19 มิถุนายนของทุกปี ตรงกับวัน Juneteenth หรือวัน […]

The post 19 มิถุนายน 2022 – วันรำลึกการสิ้นสุดความเป็นทาสของชาวแอฟริกัน-อเมริกัน (Juneteenth) appeared first on THE STANDARD.

]]>
Juneteenth

วันที่ 19 มิถุนายนของทุกปี ตรงกับวัน Juneteenth หรือวันรำลึกการสิ้นสุดความเป็นทาสของชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่ดำเนินมานานถึง 155 ปี ก่อนจะยุติหลังสงครามกลางเมือง โดยมีการประกาศเลิกทาส หรือ Emancipation Proclamation ซึ่งเป็นคำประกาศที่ 95 ของประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้ที่เป็นอิสระจากความเป็นทาสจึงร่วมฉลองอิสรภาพในวันที่ 19 มิถุนายนของทุกปี 

 

สำหรับที่มาของคำว่า Juneteenth เป็นการรวมคำระหว่าง June หรือเดือนมิถุนายน กับ Nineteenth หรือวันที่ 19 เข้าด้วยกัน ซึ่งนอกจากการเฉลิมฉลองจะมีขึ้นทั่วสหรัฐอเมริกาแล้ว เกือบทุกรัฐยังประกาศให้วันที่ 19 มิถุนายนเป็นวันหยุดสำหรับพนักงานและลูกจ้างของรัฐ รวมถึงบริษัทเอกชนบางแห่งยังอนุญาตให้พนักงานหยุดงานในวันนี้ด้วย 

The post 19 มิถุนายน 2022 – วันรำลึกการสิ้นสุดความเป็นทาสของชาวแอฟริกัน-อเมริกัน (Juneteenth) appeared first on THE STANDARD.

]]>
วาฟเฟิล ไก่ทอด กล้วยกล้าย! Governors Ball จะเสิร์ฟอาหารที่สะท้อนวัฒนธรรมแอฟริกันอเมริกัน https://thestandard.co/governors-ball/ Mon, 28 Mar 2022 05:38:24 +0000 https://thestandard.co/?p=611165 วาฟเฟิล ไก่ทอด กล้วยกล้าย! Governors Ball จะเสิร์ฟอาหารที่สะท้อนวัฒนธรรมแอฟริกันอเมริกัน เรื่อง: วรนิต หิรัญพงษ์

หลังจากงาน Academy Awards ครั้งที่ 94 เหล่าดาราและนักแส […]

The post วาฟเฟิล ไก่ทอด กล้วยกล้าย! Governors Ball จะเสิร์ฟอาหารที่สะท้อนวัฒนธรรมแอฟริกันอเมริกัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
วาฟเฟิล ไก่ทอด กล้วยกล้าย! Governors Ball จะเสิร์ฟอาหารที่สะท้อนวัฒนธรรมแอฟริกันอเมริกัน เรื่อง: วรนิต หิรัญพงษ์

หลังจากงาน Academy Awards ครั้งที่ 94 เหล่าดาราและนักแสดงจะได้รับประทานอาหารร่วมกันในงาน Governors Ball ปีนี้เป็นเมนูที่สร้างสรรค์โดยเชฟ Wolfgang Puck และ Ghetto Gastro กลุ่มเชฟและผู้ชื่นชอบอาหารในนิวยอร์ก ซึ่งมีความผูกพันกับเมืองบรองซ์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งในนิวยอร์กที่มีความโดดเด่นของวัฒนธรรมแอฟริกันอเมริกัน

 

“ทุกปีเรามองหาวิธีที่จะทำให้สิ่งใหม่ๆ สดใหม่ และสนุกสนานอยู่เสมอ งาน Oscars Governors Ball เป็นงานที่อาหาร แฟชั่น วัฒนธรรม ภาพยนตร์ และดนตรี มาบรรจบกัน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการบรรจบกันนี้ ไม่มีพันธมิตรใดที่ดีไปกว่า Ghetto Gastro” เชฟ Puck กล่าวในการแถลงข่าว

 

Ghetto Gastro ก่อตั้งขึ้นในปี 2555 โดยผสมผสานอิทธิพลจากชาวแอฟริกันพลัดถิ่น วัตถุดิบการทำอาหารจากซีกโลกใต้และวัฒนธรรมฮิปฮอป เพื่อสร้างผลงานแห่งความภาคภูมิใจในวัฒนธรรม โดยทีมงานจาก Ghetto Gastro จะเสิร์ฟอาหารที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของวัฒนธรรมแอฟริกันอเมริกันอย่างวาฟเฟิลไก่ทอดน้ำเชื่อมรสเผ็ด คอร์นเบรดกับปูและคาเวียร์ ข้าวมะพร้าวอบถั่วและกล้วยกล้าย ให้กับผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ นักแสดง และผู้ร่วมงาน

 

Puck และ Eric Klein รองประธานฝ่าย Culinary ของ Wolfgang Puck Catering จะทำอาหารอื่นนอกเหนือจากนั้นอย่างพายล็อบสเตอร์กับผักฤดูใบไม้ผลิ เนื้อวากิวดรายเอจพร้อมเฟรนช์ฟรายส์ และมักกะโรนีและชีส

 

สำหรับของหวานหลังจากมื้ออาหารก็มีมากมาย ทั้งเอแคลร์เกลือทะเล พานาคอตตาเกรปฟรุต มาการองสมอรส์ และออสการ์ช็อกโกแลต

 

“ผู้คนชอบเก็บออสการ์ช็อกโกแลตกลับบ้านเป็นที่ระลึก” Puck เล่าเกี่ยวกับออสการ์ช็อกโกแลตที่เป็นช็อกโกแลตรูปทรงเหมือนกับถ้วยรางวัล “สำหรับครั้งนี้เราจับมันใส่กล่องเพื่อไม่ให้มันละลายในกระเป๋าของคนที่เก็บมันกลับบ้าน”

 

นอกจากอาหารแล้ว แขกยังสามารถจิบเครื่องดื่มได้หลากหลายอย่างแชมเปญ Fleur de Miraval ที่เป็นแชมเปญโรเซของ Brad Pitt ไวน์ Francis Ford Coppola และค็อกเทลจากเตกีลา Don Julio อีกด้วย

 

อ้างอิง:

The post วาฟเฟิล ไก่ทอด กล้วยกล้าย! Governors Ball จะเสิร์ฟอาหารที่สะท้อนวัฒนธรรมแอฟริกันอเมริกัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘High on the Hog’ สารคดีที่จะตอบคำถามว่า วัฒนธรรมแอฟริกัน-อเมริกัน สร้างอเมริกาได้อย่างไร https://thestandard.co/high-on-the-hog/ Sun, 30 May 2021 04:06:59 +0000 https://thestandard.co/?p=494278 High on the Hog

หลายคนเลือกศึกษาประวัติศาสตร์ด้วยการอ่านหนังสือมากมายหร […]

The post ‘High on the Hog’ สารคดีที่จะตอบคำถามว่า วัฒนธรรมแอฟริกัน-อเมริกัน สร้างอเมริกาได้อย่างไร appeared first on THE STANDARD.

]]>
High on the Hog

หลายคนเลือกศึกษาประวัติศาสตร์ด้วยการอ่านหนังสือมากมายหรือเดินทางท่องเที่ยว แต่อีกหลายคนศึกษาและเล่าเรื่องราวในอดีตเหล่านั้นผ่านจานอาหารแสนอร่อย และ High on the Hog สารคดีเรื่องใหม่จาก Netflix ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 เลือกวิธีหลัง 

 

High on the Hog เป็นสำนวนที่แปลง่ายๆ ว่า ‘กินหรูอยู่ดี’ มีที่มาย้อนกลับไปในช่วงยุคของการค้าขายทาสจากแอฟริกาสู่อเมริการาวศตวรรษที่ 17-19 ซึ่งจากสำนวนก็หมายถึงหมู (Hog) จริงๆ เมื่อส่วนที่ดีที่สุดของหมูจะเป็นอาหารแก่เจ้านาย ส่วนทาสนั้นจะได้กินส่วนที่เหลือ มีหลักฐานว่าสำนวนนี้ถูกพูดอย่างแพร่หลายในศตวรรษที่ 19 ในฐานะวลีที่แสดงถึงการกินดีอยู่ดี ซึ่งเป็นการเปรียบเปรยจากประวัติศาสตร์ตอนนั้น และด้วยความที่มีที่มาผูกพันกับวัฒนธรรม African-American ทำให้สำนวนนี้ถูกใช้เป็นชื่อหนังสือตำราอาหารโดยนักประวัติศาสตร์อาหารหญิง เจสสิก้า บี. แฮร์ริส ตีพิมพ์ในปี 2554 และหนังสือเล่มนั้นก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับสารคดีอาหารเรื่องล่าสุดของ Netflix ในชื่อเดียวกันเรื่องนี้นี่เอง 

 

สารคดี High on the Hog มีชื่อเต็มว่า How African American Cuisine Transformed America เดินเรื่องโดยเชฟและนักเขียนคอลัมน์อาหาร สตีเฟน แซตเทอร์ฟิลด์ ชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ที่ต้องการศึกษาถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมแอฟริกัน-อเมริกันที่ส่งผลต่อความเป็นอเมริกาปัจจุบันนี้ ตรงตัวอย่างที่ชื่อเต็มว่าไว้ไม่มีผิด 

 

High on the Hog

ปลาทอดและมันสำปะหลัง อาหารจานหนึ่งในจากเบนิน 

 

สตีเฟนแบ่งการเดินทางของเขาออกเป็นทั้งหมด 4 ตอน ขุดคุ้ยรากของวัฒนธรรมตั้งแต่จุดกำเนิดถึงปัจจุบัน เริ่มด้วย Our Roots (EP.1) ว่าด้วยการกลับไปหาต้นกำเนิดยังประเทศเบนิน ในแอฟริกาตะวันตก ประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของการค้าทาสในช่วง Atlantic Slave Trade ตอนนี้ เจสสิก้า บี. แฮร์ริส เจ้าของหนังสือได้มาเป็นแขกรับเชิญพาทัวร์ เดินตลาด พูดคุยถึงพืชผักที่มีต้นกำเนิดในแอฟริกาซึ่งปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลก พร้อมชิมอาหารพื้นถิ่นเพื่อสร้างสะพานเชื่อมต่อว่าอาหารที่เขาเติบโตขึ้นมาในอเมริกานั้นมีจุดกำเนิดที่นี่ 

 

High on the Hog

ซุปกระเจี๊ยบในเนื้อปูในรัฐแคโรไลนา

 

The Rice Kingdom (EP.2) เล่าถึงจุดขึ้นบกของแรงงานแอฟริกัน ณ เมืองชาร์ลตัน รัฐแคโรไลนา ช่วงเวลาที่แรงงานถูกใช้ในการเกษตรกรรมและข้าวคือพืชสำคัญ ซึ่งปัจจุบันในรัฐแคโรไลนายังมีกลุ่มชนพื้นเมืองนาม Gullah อาศัยอยู่ และมีวัฒนธรรมแอฟริกัน-อเมริกันอันเป็นเอกลักษณ์อยู่ที่นี่ 

 

High on the Hog

เวอร์จิเนียแฮม

 

ก้าวเข้าสู่ยุคต่อมาใน Our Founding Chefs (EP.3) เล่าเรื่องราวเมื่อชาวแอฟริกันได้ถูกฝึกให้เป็นเชฟประจำตัวของสองประธานาธิบดี จอร์จ วอชิงตัน และ โทมัส เจฟเฟอร์สัน ตอนนี้เองที่คุณจะได้รู้ว่าอาหารอเมริกันที่ป๊อปมากๆ บางจานมีจุดกำเนิดมาจากพ่อครัวชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ที่มีชื่อว่า เฮอร์คิวลิส โพซีย์ และ เจมส์ เฮมิงส์ นี่เอง ส่วนจะมีจานไหนบ้างเราอยากให้คุณดูเองจริงๆ  

 

High on the Hog

จานอาหารที่ได้แรงบันดาลใจจาก โทมัส ดาวนิง ชายผู้ก่อตั้งร้านและอาณาจักรขายหอยนางรมในย่าน Wall Street ซึ่ง เบน ฮาร์นีย์ เจ้าของร้านหอยนางรมในบรูกลินบอกว่า หอยนางรมถูกมองว่าเป็นอาหารของคนขาวเสมอมา 

 

Freedom (EP.4) เป็นการปิดท้ายเรื่องราวการเดินทางของบรรพบุรุษที่เลือกใช้คำว่าอิสรภาพเพื่อสื่อถึงความเป็นปัจจุบัน ในตอนนี้นอกจากสารคดีจะพาเราไปทำความรู้จักกับ วัน Juneteenth วันที่ชุมชนชาวแอฟริกันอเมริกันจะเฉลิมฉลองการเลิกทาสแล้ว ยังเป็นการปิดท้ายด้วยมุมมองความคิดที่เหล่าบรรดาเชฟ นักประวัติศาสตร์ และ นักเขียนชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่ต้องการศึกษาถึงรากและอนุรักษ์ส่งต่อความภาคภูมิใจนี้ให้คงอยู่ต่อไป  

 

เราสะดุดถึงข้อความหนึ่งที่สารคดีสื่อในตอนท้ายที่ว่า หลายๆ อย่างที่ดูเป็นอาหารหรือกิจกรรมธรรมดาของชาวอเมริกันนั้น มีที่มาจากแรงงานแอฟริกันเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ด้วยความ Inferior เสมอมา ทำให้ข้อความนั้นไม่ถูกเน้นย้ำหรือบอกเล่าต่อสาธารณชนทั่วไป และถูกทำให้เข้าใจว่าเป็นของคนขาวทั้งหมด สารคดีเรื่องนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นประตูที่เปิดให้เรารู้จักกับอาหารมากมายหลายจานจากทั้งสองทวีป แต่ยังเป็นการทวงคืนความภาคภูมิใจนั้นของชาวแอฟริกัน-อเมริกันกลับคืนมา แถมยังเป็นคลาสประวัติศาสตร์แบบเข้มข้นที่เรียนสนุกและเต็มไปด้วยรสชาติคลาสหนึ่งเลยก็ว่าได้  

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post ‘High on the Hog’ สารคดีที่จะตอบคำถามว่า วัฒนธรรมแอฟริกัน-อเมริกัน สร้างอเมริกาได้อย่างไร appeared first on THE STANDARD.

]]>
เคนดริก ลามาร์ สุดยอดแรปเปอร์ที่คุณต้องทำความรู้จัก! https://thestandard.co/kendrick-lamar/ https://thestandard.co/kendrick-lamar/#respond Thu, 24 Aug 2017 17:01:31 +0000 https://thestandard.co/?p=22089

“ดนตรีของผม เอาจริงๆ มันระบุประเภทไม่ได้หรอก เพราะมันเป […]

The post เคนดริก ลามาร์ สุดยอดแรปเปอร์ที่คุณต้องทำความรู้จัก! appeared first on THE STANDARD.

]]>

“ดนตรีของผม เอาจริงๆ มันระบุประเภทไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นดนตรีของ ‘มนุษย์’ ”

– เคนดริก ลามาร์, 2012

     ชื่อเสียง เงินทอง ยาเสพติด ปาร์ตี้ สร้อยคอเส้นเป้งพร้อมจี้เพชรขนาดเท่าบ้าน และเนื้อเพลงที่มีเนื้อหาวนเวียนอยู่กับการอวยตนเอง สาวอกบึ้มในบิกินี่ตัวจิ๋ว หรือวิถีชีวิตแบบแก๊งสเตอร์ ดูเหมือนจะเป็นอัตลักษณ์ของเพลงแรปที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่เข้าใจ และปฏิเสธไม่ได้ว่ากว่า 80% ของเนื้อหาเพลงแรปที่ครองตลาดอยู่ในปัจจุบันนั้นเหมือนเป็นการพายเรือวนในอ่างอยู่กับเรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้นแทบทั้งสิ้น

     ท่ามกลางการแข่งขันที่จะสร้างฐานแฟนคลับของศิลปินเพลงแรปทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่มีผลงานในตลาดขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคที่คุณโชว์ความสามารถให้คนทั้งโลกเห็นได้โดยไม่ต้องเสียเงินโปรโมต หรือแม้แต่ขวนขวายหาต้นสังกัดมาสนับสนุนการจัดจำหน่าย ไม่ว่าจะผ่านช่องทางอย่าง Youtube หรือ Twitter แต่อะไรคือวิธีที่จะทำให้ตนเองไม่จมหายไปกับคำจำกัดความว่า ‘แค่ศิลปินเพลงแรปคนหนึ่ง’ แต่กลายเป็นที่จดจำและถูกพูดถึงในฐานะ ‘แรปเปอร์ที่เก่งที่สุดในยุคปัจจุบัน’ หรือ ‘ศิลปินปรมาจารย์แห่งการเล่าเรื่องผ่านปลายปากกา’ นี่คือส่ิงที่ เคนดริก ลามาร์ (Kendrick Lamar) แรปเปอร์หนุ่มจากแคลิฟอร์เนียทำสำเร็จได้ด้วยวัยเพียงแค่ 30 ปี หลังจากโลดแล่นอยู่ในวงการมาได้เพียงหนึ่งทศวรรษเศษๆ เท่านั้น

 

จากซ้ายไปขวา: อัลบั้มแรก Section.80, อัลบั้มสอง Good Kid, M.A.A.D City,

อัลบั้มสาม To Pimp a Butterfly และอัลบั้มล่าสุด Damn


     เคนดริก ลามาร์ เด็กหนุ่มผู้มีประวัติการเรียนดีเวอร์เบอร์ 4.00 จาก Centennial High School มลรัฐแคลิฟอร์เนีย เขาเติบโตมาจากครอบครัวที่ดำรงชีพด้วยเงินช่วยเหลือจากสวัสดิการรัฐ เคนดริกเริ่มเข้าสู่วงการเอ็มซี (Emcee) ด้วยความหลงใหลในวัฒนธรรม Gangsta Rap ยุค 90s โดยเฉพาะแรงบันดาลใจที่เขาได้รับมาจากผลงานปลายปากกาของ ทูพัก ชาเคอร์, The Notorious B.I.G., Method Man และ Snoop Dogg นั่นทำให้เคนดริกเลือกที่จะดำเนินรอยตามด้วยความคิดเริ่มต้นแค่เพียงว่า ‘มันน่าจะเท่ดี’

     เขาบ่มเพาะทักษะการเขียนท่อนแรปและพยายามสร้าง mixtapes ผ่านต้นสังกัดท้องถิ่น สั่งสมชื่อเสียงทีละเล็กทีละน้อย กระทั่งได้เข้าไปร่วมงานกับแรปเปอร์เบอร์ใหญ่อย่าง The Game และ Lil’ Wayne จนศักยภาพของเคนดริกไปเตะหูเตะตาศิลปินและนักปั้นมือเทพอย่าง Dr. Dre ซึ่งกรุยทางให้เขาได้เข้าไปเซ็นสัญญากับต้นสังกัดใหญ่อย่าง Aftermath Entertainment ในที่สุด

 


     ลำพังการเขียนเพลงที่มีเนื้อหาว่าด้วยความมึนเมาจากการดวดแชมเปญ รถพอร์ชคาเยน อันธพาลวิถี และความลำบากของชีวิตในวันวาน อาจจะนำมาซึ่งผลงานที่ทะยานขึ้นไปถึง Top 20 ของบิลบอร์ดชาร์ตได้ไม่ยาก แต่เคนดริกเลือกที่จะกลั่นเนื้อร้องออกมาจากประสบการณ์ จินตนาการ วิสัยทัศน์เกี่ยวกับการใช้ชีวิต หรือแม้กระทั่งเกร็ดประวัติศาสตร์ทางชาติพันธุ์ที่ไม่ควรถูกลืม

     กลายเป็นว่างานเพลงของเขาเปรียบเสมือนบทกวีที่ว่าด้วยเรื่องราวในสังคม การผูกปมเล่าประเด็นอันเป็นที่วิพากษ์ถกเถียง ทำให้เพลงแรปของเคนดริกไม่ได้เป็นเพียงแค่ผลงานที่ผู้ฟังสามารถโยกไปกับจังหวะอันติดหู หรือท่อนแรปและการเล่นคำที่ไหลลื่นเฉียบคม ซึ่งสิ่งนี้ล้วนส่งผลต่อเสียงสรรเสริญชื่นชมจากบรรดานักวิจารณ์ทั่วโลก หรือแม้แต่อดีตประธานาธิบดี บารัก โอบามา ยังเคยออกตัวผ่านสื่อว่าตนเป็นแฟนตัวยงของเคนดริก ลามาร์ ถึงขั้นเชิญให้ไปทำการแสดง ณ ทำเนียบขาว ในปี 2016

     ในปีเดียวกัน เคนดริกเดินสายกวาดรางวัลทางดนตรี การันตีด้วยการเป็นผู้ชนะ 7 รางวัลแกรมมี่อวอร์ด ทั้งยังเป็นเจ้าของสถิติศิลปินเพลงแรปที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่อวอร์ดสูงสุดในปี 2016 (11 สาขา) นอกจากนั้นชื่อของเคนดริกยังถูกบรรจุเข้าไปอยู่ในรายชื่อ ‘100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก’ สำหรับการจัดอันดับในปี 2016 โดยนิตยสาร Time ซึ่งทำให้เขาเป็นแรปเปอร์เพียงแค่ไม่ถึง 20 คนในประวัติศาสตร์วงการดนตรีที่เคยได้รับเกียรตินี้

 


     ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญหรือโชคชะตาที่นำพาโอกาสทองมาสู่ตัวเขาอย่างแน่นอน ศิลปินเอ็มซีแต่ละคนย่อมมีเอกลักษณ์เฉพาะตนที่แตกต่างกันออกไป เหนือสิ่งอื่นใด คาแรกเตอร์เหล่านั้น เมื่อประกอบกับพรสวรรค์ทางด้านดนตรี พ่วงด้วยจังหวะขึ้นลงของวงการเพลงที่อำนวย การที่ผลงานจะไปได้สวยในตลาดเพลงกระแสหลักจึงไม่ได้เหนือความคาดหมาย

     จินตนาการถึงอีโก้ที่สูงลิบลิ่วของคานเย เวสต์ มันสมองอันชาญฉลาดในการทำเพลงควบคู่กับธุรกิจของเจย์-ซี อัจฉริยภาพในการร้อง แรป และเล่นดนตรีของลอรีน ฮิลล์ ไหวพริบและลูกเล่นสุดพลิ้วในการประดิษฐ์คำของมิสซี เอลเลียต หรือการตีแผ่วิถีแก๊งสเตอร์ผ่านปลายปากกาและเสียงทุ้มต่ำของ The Notorious B.I.G. คุณสมบัติทั้งหมดที่ยกตัวอย่างมานั้นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้ศิลปินคนหนึ่งก้าวขึ้นมาเป็นขวัญใจ ครอบครองทั้งเงิน ทั้งกล่อง หากปราศจากทักษะในการ ‘อยู่ให้เป็น’ ‘เข็นตนเองให้ขึ้น’ และ ‘ไม่ฝืนธรรมชาติด้วยภาพลักษณ์อันฉาบฉวยและเสแสร้งมากเกินไป’ เหล่านี้เป็นคุณลักษณะที่เคนดริกมีแทบทั้งสิ้น โดยที่ตัวเขาเองก็ยืนยันว่าไม่เคยแอนตี้การทำตัวกร่าง การสวมเสื้อตัวโคร่งพร้อมสร้อยคอบลิงก์ๆ แบบสมาชิกแก๊งผิวสีผู้มีอันจะกินในลอสแอนเจลิส และเขาไม่เคยมีปัญหากับใครก็ตามที่ทำตัวเช่นนั้น เพราะเคนดริกเชื่อเสมอว่า “ธรรมชาติของแต่ละคนล้วนเป็นเสน่ห์ที่น่าเคารพยกย่อง และทุกๆ คนมีสิทธิ์ที่จะแสดงออกใดๆ ตราบเท่าที่ใจต้องการ”

 

 


     มนต์เสน่ห์แห่งปลายปากกาที่มาพร้อมความสามารถในการเล่าเรียงเรื่องราวต่างๆ ผ่านวิสัยทัศน์ส่วนตัวของเขา ทำให้บทเพลงของเคนดริกนั้นเป็นเปรียบดังกระจกเงาสะท้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างเฉียบแหลม มีสไตล์ ไม่คร่ำครึ ทว่าเข้ากับยุคสมัย ตั้งแต่ mixtapes แรก ไล่ยาวขึ้นเป็นกราฟมาจนถึงตัวอัลบั้มล่าสุด Damn ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ฟังสามารถนำตัวเองเข้าไปอยู่ในจุดที่ ‘อิน’ กับเนื้อเพลงได้ และเปิดช่องว่างให้คนได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างเพลงแรปของเขา

     ตัวอย่างเช่น ท่ามกลางกระแส Black Lives Matter ที่คุกรุ่นในปี 2015 เพลง Alright ของเคนดริก จากผลงานสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 3 To Pimp a Butterfly ได้กลายเป็นหนึ่งในสื่อกลางของรูปแบบดนตรีที่กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องเรื่องสิทธิมนุษยชนเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันนำมาใช้ขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ด้วยเนื้อหาที่กล่าวถึงความไม่เสมอภาคของพลเมืองผิวสีและผิวขาวในสหรัฐอเมริกา การเลือกปฏิบัติ รวมไปถึงเกร็ดประวัติศาสตร์ทางด้านความเป็นมาของชุมชนแอฟริกัน-อเมริกันในอเมริกา จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กลุ่มผู้เคลื่อนไหวนำมาใช้เป็นคีย์เมสเสจ เช่นเดียวกับเพลง Formation ของบียอนเซ เป็นต้น

 

นิตยสาร GQ Style ถ่ายภาพโดย Paolo Kudacki


     ในวันที่แรปเปอร์และแฟนเพลงฮิปฮอปหลายคนได้ออกมาแสดงความเคลือบแคลงใจ เมื่อนิตยสาร Billboard ยกให้เคนดริกเป็น 1 ใน 10 ศิลปินเพลงแรปที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลในปี 2015 นั้น ตัวเขาเองคงไม่จำเป็นต้องพยายามหาข้อโต้แย้งใดๆ มาพิสูจน์เกียรติภูมิดังกล่าว นอกจากผลงาน 4 สตูดิโออัลบั้มขวัญใจนักวิจารณ์ในระยะเวลาที่อยู่ในวงการ (อย่างเป็นทางการในสายตาสื่อ -นับตั้งแต่อัลบั้มแรกในปี 2011) มาได้เพียง 7 ปีเศษ พ่วงด้วย 7 รางวัลแกรมมี่อวอร์ด และการก้าวข้ามไปเป็นแรปเปอร์รับเชิญให้กับศิลปินป๊อปชื่อดังในวงการมากมาย เช่น เทย์เลอร์ สวิฟต์, Imagine Dragons หรือแม้แต่ Sia

     ถึงแม้ดนตรีอาจจะถูกประยุกต์ให้เข้ากับศิลปินแต่ละรายซึ่งเป็นไปตามกลไกของตลาดบ้าง แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปก็คือความฉลาดหลักแหลม แยบยลคมคาย และข้อคิดที่กลั่นออกมาจากวิสัยทัศน์ผ่านปลายปากกาของหนึ่งในแรปเปอร์ที่ ‘เก่ง’  ที่สุดในยุคปัจจุบัน ‘เคนดริก ลามาร์’

     ซึ่งก็อาจจะจริงตามประโยคที่เคนดริกเคยพูดเอาไว้ขณะให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Acclaim ในปี 2012 “ผมไม่ได้อยากจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ผมขอเลือกที่จะให้ผลงานดนตรีของผมนั้นมีชีวิตอยู่เสมอ ซึ่งนั่นจะเป็นสิ่งที่คงอยู่ตลอดไป มิใช่เพียงความป๊อปปูลาร์แค่ชั่วข้ามคืน”

 


อ้างอิง:

The post เคนดริก ลามาร์ สุดยอดแรปเปอร์ที่คุณต้องทำความรู้จัก! appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/kendrick-lamar/feed/ 0